NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ร่างทรงปิศาจ The Hell I Have Become

    ลำดับตอนที่ #18 : มันต้องนองเลือด (There will be blood) 3/3

    • อัปเดตล่าสุด 23 พ.ย. 64


     

    เนื้อหานี้เป็นเรื่องแต่ง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ หน่วยงานนั้นๆ หรือบุคคลจริงๆ เขียนขึ้นจากจินตนาการของผู้แต่ง แม้เป็นบรรยากาศย้อนยุค แต่สภาพสังคมและทัศนคติหลายอย่างนั้นเขียนขึ้นจากความเข้าใจตามโลกปัจจุบัน ทั้งนี้เพราะไม่ใช่งานเขียนสะท้อนสังคม และข้อมูลหลายอย่างอาจไม่ตรง หรือถูกบิดเบือนไปบ้างเพื่อความลื่นไหลในการเขียน และไม่กระทบเส้นเรือง ขออภัยหากมีข้อผิดพลาด

    (Trigger Warning!นิยายเรื่องนี้มีการนำเสนอพฤติกรรมการใช้ความรุนแรงทางกาย ทางเพศ และทางจิตใจ)

    ตอนที่ 17 นี้มีการนำเสนอความรุนแรงในระดับสูง เลือด และการฆ่าฟันรุนแรง

     

    โลเทรค อาร์ชิบอลด์ ปรากฏกายตามคำเรียกร้องพร้อมนำกองทหารชุดใหญ่ปิดล้อมภายนอกห้องจัดเลี้ยง ทหารบางส่วนถือปืนยิงระเบิดพร้อมไว้อยู่แล้ว

    ปิศาจอาชชี่ โคเว่นหันมาสบเข้ากับชายหนุ่มผมทองคู่อริ คนที่พรากชีวิตของมันและครอบครัว พลางคำรามต่ำในลำคอเปลี่ยนดวงตากลับเป็นสีดำช้ำเลือดทันที

    ทว่ายังไม่ทันจะขยับกาย เหล่าทหารอาร์ชิบอลด์จึงยิงลูกระเบิดเข้ามาข้างในเสียก่อน

    ลูกเหล็กนับสิบพุ่งทะลุหน้าต่างกระจกบานใหญ่จำนวนห้าหกบานพร้อมๆ กัน กระเด็นกระดอนไปตามพื้นรอบบริเวณที่ปิศาจยืนอยู่แล้วระเบิดบรึ้มในคราวเดียว เจ้าปิศาจสะบัดปีกห่อหุ้มตัวปกป้องร่างมนุษย์ธรรมดาซึ่งไม่อาจทานแรงระเบิดไหว ลอยละลิ่วไปกระแทกกับบันไดด้านหลัง

    เศษกระจกหน้าต่างแตกละเอียดปลิวว่อน โลเทรคและทหารรอบๆ ก้มตัวหลบปิดหน้าปิดตา ชายหนุ่มบุตรเจ้าของคฤหาสน์ไม่รอช้าโผล่หน้าขึ้นสั่งการอีกครั้ง

    “ยิงอีก!!”

    ทหารอาร์ชิบอลด์ชุดที่สองหมุนสลับกับชุดที่หนึ่งซึ่งถอยมาบรรจุกระสุน เดินหน้ายิงลูกระเบิดเข้าใส่ปิศาจ

    แรงระเบิดอัดมันจนกระเด็นขึ้นไปนอนคุดคู้ใช้ปีกหุ้มห่อตัวอยู่กลางบันไดราวดักแด้ เสียงระเบิดดังกึกก้องสนั่นหวั่นไหว ควันสีขาวขโมงลอยคละคลุ้ง

    "ได้ผลหรือไม่..." ลอร์ดอาร์ชิบอลด์คนพ่อรีบนำกำลังตามมาสมทบ เขาชะโงกมองลงมาจากระเบียง

    รอกระทั่งทุกอย่างเงียบลง จึงเห็นมันคลายปีกออก เผยเรือนร่างไร้รอยขีดข่วน ปีกพังผืดเว้าแหว่งเล็กน้อยและค่อยๆ กลับมาอยู่ในสภาพเดิม

    เมื่อเห็นว่าไม่เข้าที ชายวัยกลางคนเจ้าของคฤหาสน์จึงสั่งให้ทหารรีบกระจายกันล้อมรอบเต็มระเบียงชั้นสองแล้วเปิดฉากกระหน่ำยิงลงมาช่วยอีกแรงจากทุกทิศ

    ร่างมนุษย์ของปิศาจซึ่งกำลังลุกขึ้นยืน กระตุกสะบัดไปมาขณะรับแรงกระสุนเจาะทะลุเนื้อหนังเสียเลือดกระฉอก พร้อมขยับปีกพังผืดสีดำหนืดเหนียวขึ้นห่อหุ้มตัว

    ฝั่งอาร์ชิบอลด์ผู้ลูกเมื่อเห็นดังนั้นจึงปีนขึ้นไปบนซากรถม้าแล้วชูปืนคาบศิลาในมือ ส่งสัญญาณให้ทหารใต้อาณัติของตนเข้าปะทะ

    อสุรกายในร่างมนุษย์สยายปีกกว้างอีกครั้ง เยื้องย่างลงบันไดแต่ละขั้นฝ่าเข้าหาเป้าหมายตัวฉกาจยังเบื้องล่าง กล้ามเนื้อใต้ผิวเคลื่อนไหวยวบหยุ่นทั่วกายระหว่างขับเม็ดกระสุนให้หลุดออก ไม่สนใจแม้ว่ากลุ่มทหารของชายวัยกลางคนจะกำลังก้มตัวหลบหลังระเบียงเพื่อพักเติมกระสุน

    ทหารฝั่งโลเทรครู้งานปีนข้ามหน้าต่างกระจกลงมายืนเรียงแถวหน้ากระดานกันพรึ่บพรั่บ นำปืนขึ้นประทับบ่าเรียบร้อยแล้วระดมยิงใส่มันอีกระลอก ทหารแถวหลังตามเข้ามาประชิดรับปืนจากมือคนข้างหน้า แล้วส่งปืนที่เพิ่งบรรจุกระสุนเสร็จให้เพื่อการยิงต่อเนื่อง

    สะเก็ดปืนสว่างวูบวาบท่ามกลางความมืดสลัว กลุ่มควันขาวพวยพุ่งจากปากกระบอกนับสิบรวมกันจนก่อตัวหนาบดบังทัศนวิสัย ยิ่งเป็นอุปสรรคต่อการมองเห็นของมนุษย์

    "กรรร"

    แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิดสำหรับปิศาจ ดวงตาของมันวาวโรจน์ในที่มืดดุจสัตว์ป่า ไม่รอช้าทะยานฝ่าม่านควันเข้าหาโลเทรคพร้อมง้างกรงเล็บแหลมสีดำเมี่ยม

    “ถอยก่อนนน!!” 

    ชายหนุ่มผมทองร้องสั่งเสียงหลง กระโดดลงจากซากรถม้า กลิ้งหลบออกมาด้านนอก รอดพ้นจากกรงเล็บอย่างหวุดหวิด

    ปิศาจอาชชี่ โคเว่นเดือดดาลเหวี่ยงซากรถม้าออกไปให้พ้นทาง ผนังแคบๆ ระหว่างหน้าต่างกว้างแตกกระจุยเป็นเศษผงเมื่อปะทะกับรถม้าคันใหญ่อย่างรุนแรง เล่นเอาผนังฝั่งนั้นถึงกับเว้าแหว่ง

    เหล่าทหารอาร์ชิบอลด์แตกฮือกันคนละทิศ บางส่วนหลบไม่พ้น โดนซากรถม้ากวาดร่วงกระเด็นตกจากระเบียงด้านหน้าสู่ลานเบื้องล่าง เนื้อไม้หนาฉลุลายแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ร่างเคราะห์ร้ายข้างใต้โดนบี้แบนเลือดสาดกระเซ็น

    โพล๊ะ!

    โลเทรคที่คู้ตัวหมอบอยู่ตรงขั้นบันไดด้านนอกไม่ไกลสะดุ้งโหยง ชายหนุ่มยกมือสั่นเทาสัมผัสน้ำหนืดบริเวณหน้าผาก ก่อนพบว่ามันเป็นเลือดของตนนั่นเองกำลังซึมไหลออกมา

    “ปืนมอร์ทาร์!!” เขาพรวดพราดลุกขึ้นโบกสองมือร้องสั่งทหารที่เหลือ

    ฝั่งลอร์ดวิลเลี่ยม อาร์ชิบอลด์ บรรจุกระสุนพร้อมแล้วจึงยืนขึ้นระดมยิงเข้าใส่ปิศาจเช่นเดียวกัน

    “ไอ้ชาติชั่ว! งานเลี้ยงข้าเละหมดเลย!” อาร์ชิบอลด์ผู้พ่อตะโกนเสียงสั่น

    ปิศาจอาชชี่ โคเว่น เงยหน้าชักเริ่มสนใจชายวัยกลางคนบ้าง ตอนนี้มันตกอยู่ในวงล้อมของทหารอาร์ชิบอลด์นับร้อยกลางห้องจัดเลี้ยง สบโอกาสให้อาร์ชิบอลด์คนลูกคว้าปืนมอร์ทาร์ แล้วยิงลูกระเบิดใส่ทันที

    “ลงนรกไปซะ” เขาคำราม

    ลูกระเบิดย้อยตกลงแทบเท้าเจ้าปิศาจ มันสะบัดปีกซขึ้นกัน ซวนเซไปมาตามแรงระเบิดนับสิบลูกที่อีกฝ่ายยิงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง สุดจะต้านทานไหว ตัดสินใจย่อเข่าลงพร้อมลู่ปีกพับด้านหลังดีดตัวขึ้นสูงคว้าโคมไฟระย้าขนาดใหญ่ด้านบน เหวี่ยงเข้าใส่กลุ่มทหารอาร์ชิบอลด์ด้านล่างจนแตกฮือ

    โคมไฟระย้าดวงใหญ่สุกสว่างพุ่งไปกระแทกร่างทหารอาร์ชิบอลด์เคราะห์ร้ายอัดกับผนังห้องหนา ไม่พอร่างปิศาจยังไต่เพดานกระชากโคมไฟระย้าที่เหลือแล้วเหวี่ยงใส่ทหารบนระเบียง

    ลอร์ดวิลเลี่ยมก้มตัวหลบด้วยความหวาดกลัว ขณะโคมไฟหรูหนักอึ้งขนาดใหญ่ลอยหวืออัดร่างทหารชะตาขาดกระเด็นทะลุประตูหน้าบันไดทางเข้าชั้นสอง

    "อ้าาาากกก!"

    ทิ้งไว้แต่เพียงเสียงโหยหวนสุดท้ายดังตามหลังสะท้านสะเทือนใจทุกคนไปตามๆ กัน

    อสุรกายในร่างมนุษย์กระโจนไปเกาะโคมไฟอีกดวงแล้วแกว่งไกวไปมาอย่างรวดเร็ว เลาะมันหลุดจากเพดาน ใช้สองขาเกี่ยวโคมระย้านั้นเหวี่ยงใส่โลเทรคและทหารรอบๆ พร้อมส่งตัวเองจากจุดเดิมพุ่งเข้าหาโคมไฟอีกดวง จัดการกระชากแล้วเขวี้ยงเข้าใส่ศัตรูข้างล่างอีกครั้งอย่างบ้าคลั่ง

    เทียนไขสีขาวนับสิบปลิวว่อนกระจุยกระจายสะกิดโดนผ้าม่านข้างหน้าต่าง เปลวไฟลามเลียลุกไหม้ในบัดดล เหล่าทหารถึงกับเหลือกลานกระโจนหลบกันจ้าละหวั่น ล้มลุกคลุกคลานหนีตายออกนอกตัวอาคาร

    โลเทรคผลุบตัวหลบข้างขอบหน้าต่าง ยกมือตบหน้าตนเองเพื่อเรียกสติ แล้วเดินหน้าสั่งการทหารด้านหลังให้เตรียมบรรจุระเบิดด้วยเสียงสั่นเครือ เขาทำใจแข็งยันร่างลุกขึ้นยืนอีกครั้ง พบเปลวไฟกำลังลุกโหมรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

    "บ้าเอ๊ย...อาชชี่ โคเว่น..."

    ปิศาจหนุ่มผมดำร่อนลงมายังพื้น แสยะยิ้มเลอะคราบเลือดเกรอะกรัง ก่อนสืบเท้าก้าวเข้าหาศัตรูตัวฉกาจซึ่งยืนขาแข็งรอมันอยู่ด้านนอก

    ชายหนุ่มผมทองกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เห็นปิศาจหน้าตาถมึงทึงหยุดชะงักลังเลนิดหน่อย เพราะม่านไฟลุกโหมเป็นปราการคั่นกลาง

    ทว่ามิมีสิ่งใดจักหยุดยั้งมันได้แล้ว ณ เพลานี้

    ร่างปิศาจเริ่มกระพือปีกอีกครั้ง ริมฝีปากบางของมันยิ่งขบเม้มแน่นจนเลือดซึม เมื่อได้มายืนอยู่เบื้องหน้าโลเทรค อาร์ชิบอลด์

    ไอ้สารเลวตัวต้นเหตุที่ทำให้มันต้องกลายเป็นแบบนี้ อยู่ห่างแค่เอื้อมเท่านั้น!

     

    บีอาทริเช่สัมผัสคอของหนูน้อยบนเตียงนุ่มเบาๆ “พ่อของเจ้าเฉยเมยกับข้า เจ้ารู้หรือไม่ แล้วจะให้ข้าทำเช่นไร ต้องนั่งเฝ้าเขาทำงานทั้งวันอย่างนั้นหรือ เจ้ารู้ไหมว่าทำไมข้าถึงแต่งกับพ่อของเจ้า เพราะเขาไม่รังเกียจที่ข้าเป็นม่ายถังแตกไง! น่าสมเพชใช่ไหม ข้าน่ะ!” นางกดนิ้วหัวแม่มือทั้งสองลงบนคอของเด็กอ่อน

    "ใช่ไหม! เจ้าคิดว่าข้าน่าสมเพชใช่ไหม!" 

    ยิ่งจ้องมองนัยน์ตาสีฟ้าใสแป๋ว เครื่องยืนยันถึงความรักบริสุทธิ์ที่สามีหนุ่มมอบให้ นางก็ยิ่งกราดเกรี้ยว

     

    เอเดรียนเงี่ยฟังเสียงความวุ่นวายอยู่นานสองนานในห้องนอนของตน กว่าจะตัดสินใจรวบรวมความกล้าเปิดประตูออกไปข้างนอก เห็นบ่าวรับใช้พยุงแขกเหรื่อร่างอาบเลือดขึ้นมาส่งตามห้องพักต่างๆ ส่งเสียงร้องร่ำไห้ระงมน่าอดสู

    “เกิดอะไรขึ้น” เด็กหนุ่มเอ่ยถาม

    “ปิศาจเจ้าค่ะ ปิศาจอาชชี่ โคเว่น!” 

    หญิงรับใช้ตอบพลางร้องห่มร้องไห้เนื้อตัวสั่นเทา แต่ต้องทำแข็งใจพาร่างเลอะเลือดของแขกผู้รอดชีวิตเดินต่อไปยังห้องพักใกล้ๆ

    ระหว่างมองดูเหตุการณ์ด้วยความมึนงงสับสน เอเดรียนได้ยินเสียงหวีดร้องแหลมของผู้หญิงดังขึ้นมาทางห้องสีฟ้าซึ่งอยู่ไม่ไกลจากชั้นเดียวกัน เขาตัดสินใจรีบวิ่งตรงไปยังห้องนั้นทันที

    ระหว่างทางเหลือบเห็นเอเบลพร้อมน้องชายสองคนเปิดประตูออกมาดูเหตุการณ์ด้วย พวกเขาร้องถาม แต่เด็กหนุ่มไม่ตอบ

    “เป็นใบ้รึไงวะ!” เอเบลร้องด่าไล่หลัง ก่อนส่ายหัวงับประตูปิด

    สาวน้อยมารีย์ เซเลสต์ บุตรสาวคนสุดท้องของตระกูลนอนกอดพี่เลี้ยงคนโปรดบนเตียงหนานุ่มท่ามกลางความมืดสลัวอย่างหวาดกลัวด้วยเช่นกันในห้องนอนของนาง

     

    เพียงแว่วเสียงบุตรชายวัยแบเบาะกำลังตกอยู่ในอันตราย ปิศาจอาชชี่ โคเว่นพลันหยุดชะงัก แล้วแหงนหน้าเหลียวซ้ายแลขวาคล้ายกำลังค้นหาทิศทางเสียง ก่อนกระพือปีกยกตัวขึ้นแล้วถลาร่อนออกไปทางประตูห้องจัดเลี้ยง โฉบผ่านเหนือศีรษะกลุ่มทหารด้านนอก

    โลเทรครีบก้มตัวหลบด้วยความหวาดกลัว เส้นผมกระเซอะกระเซิงของเขาปลิวพลิ้วตามแรงลมปะทะวูบใหญ่ ก่อนแหงนหน้ามองเห็นร่างนั้นบินหายลับไปทางด้านหลังของคฤหาสน์

    “กลับขึ้นไปข้างบน!” ชายหนุ่มผมทองชี้ แล้วรีบนำกองทหารวิ่งขึ้นบันไดห้องจัดเลี้ยงตาม

     

    เอเดรียนพรวดพราดเปิดประตูห้องสีฟ้าเข้ามา พบภรรยาของอาชชี่ โคเว่นกำลังบีบคอบุตรชายวัยทารกของตน พลางสบถพ่นคำหยาบคาย

    “ไปอยู่กับพ่อของเจ้าซะ ไอ้สารเลว!!”

    “หยุดนะ เบียทริซ! ทำอะไรน่ะ!”

    เด็กหนุ่มรีบถลาเข้าไปดึงตัวหญิงสาวผมสีน้ำตาลออก แต่นางกลับกระแทกศอกใส่หน้าเขา จนเซถลาแล้วหันขวับกลับมาตั้งหน้าตั้งตาบีบคอหนูน้อยตัวเล็กจ่ำม่ำหนักขึ้น

    "พอซะทีเบียทริซ!"

    เขาตัดสินใจรวบร่างหญิงเสียสติแล้วเหวี่ยงไปกระแทกกับตู้ลิ้นชักด้านหลัง จนนางทรุดลงกองกับพื้น

    เมื่อพูดกันดีๆ ไม่รู้เรื่องก็คงต้องใช้กำลัง

    เอเดรียนรีบอุ้มแมกจิโอขึ้นมาวางบนเตียงใหญ่ของผู้เป็นแม่เพื่อดูอาการ เห็นหนูน้อยไม่หายใจแล้วก็ยิ่งใจคอไม่ดี

    เขาไม่รอช้ารีบตั้งสติสลัดทิ้งสิ้นซึ่งความตื่นตระหนก แล้วตั้งสมาธิรีดเค้นทักษะที่เคยเรียนรู้นวดเฟ้นหัวใจน้อยๆ ด้วยสองนิ้วสลับกับก้มลงเป่าปาก

    "แมกจี้! แมกจี้! อยู่กับข้านะแมกจี้!"

     

    ระหว่างพาทหารจำนวนหนึ่งเดินขึ้นมายังชั้นสามของคฤหาสน์ โลเทรคพลันนึกอะไรบางอย่างได้จึงหยุดแวะเข้าห้องนอนของตน โดยให้ทหารล่วงหน้าไปก่อน

    ชายหนุ่มตรงมายังข้างเตาผิงในห้องนอน จ้องมองดาบโบราณเล่มใหญ่ขนาดยาวเกือบเท่าตัวเขา หวนระลึกถึงคำพูดของเอเดรียน

    'ชายลึกลับได้ใช้ดาบ ซึ่งปัจจุบันเป็นสมบัติของตระกูลอาร์ชิบอลด์ เข้าต่อกรกับอสุรกาย...แต่กว่าจะเอาชนะมันได้…'

    เสียงใสของน้องชายซึ่งกำลังอ่านหนังสือตำนานอสุรกายแห่งโคเว่นแผ่วเบาจางหาย พร้อมกับตัวเขาค่อยๆ ดึงสติตนเองหลุดจากภวังค์ พลันคว้าดาบเล่มนั้นแล้วตามขึ้นไปทันที

     

    “พ่อของมันไม่อยู่แล้ว ตัวข้าเองก็เป็นแค่ทางผ่านของพี่ชายเจ้า เขาหลอกใช้ข้า! ปล่อยให้มันตายไปนั่นแหละดี!” หญิงสาวลุกขึ้นกระโจนงัดคอเด็กหนุ่มจากด้านหลัง

    เอเดรียนหงายเงิบตามแรงกระชาก “เป็นบ้าอะไรอีกเนี่ย! เบียทริซ!”

    “ข้าเป็นแม่ของเขานะ ข้ามีสิทธิ์ว่าจะให้เขาอยู่หรือตาย!”

    นางกรีดร้องบ้าคลั่งพาร่างเขาซวนเซไปมากระแทกกับผนังก่อนล้มหงายหลังทับร่างหญิงสาวเสียงดังอึกอัก ด้วยน้ำหนักที่ไม่ใช่น้อยๆ ของเด็กหนุ่มนางจึงยอมคลายมือแต่โดยดี

    “หุบปาก! เจ้าไม่มีค่าพอจะเป็นแม่คนด้วยซ้ำ!” เอเดรียนรีบแกะมือของนางออก “เจ้ามีหน้าที่ต้องปกป้อง เหตุใดจึงทำเยี่ยงนี้!” เขาชี้หน้า ก่อนวิ่งเข้าไปช่วยชีวิตหนูน้อยอีกครั้ง

    “แมกจี้ แมกจี้…” เขาตบๆ ใบหน้านั้นเบาๆ

    พอเห็นรอยนิ้วแดงบนแก้มขาวจึงยกมือเกาหัวตัวเองงุ่นง่านสับสน แล้วเปลี่ยนมาตบฝ่าเท้าน้อยๆ แทน ทว่าเจ้าหนูกลับยังคงแน่นิ่งไม่ว่าเขาจะพยายามสักเท่าใด จนไม่อาจฝืนกลั้น หลั่งน้ำตาออกมาด้วยความเสียใจ

    “พระเจ้า...ได้โปรด...ข้าสัญญากับพ่อของเจ้าแล้ว ว่าจะคอยดูแลเจ้าตลอดไป”

    เอเดรียนร่ำไห้ เพียรเป่าปากหนูน้อย และนวดเฟ้นหัวใจให้ไม่หยุด

    “ฟื้นสิ เจ้าหนู ฟื้นซี่!”

    แม้ตนเองจะเป็นผู้ก่อเหตุ ทว่าบีอาทริเช่กลับพร่ำเพ้อถึงสามีผู้ล่วงลับด้วยความโศร้าโศก มิได้ยินดียินร้ายกับความเป็นความตายของบุตรชาย ขณะยันร่างลุกขึ้น

    “อาช อาช ...ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน อาช...ข้าทำอะไรลงไป…”

    หญิงสาวเหม่อลอยโผเผเดินไปเปิดประตู ปะเข้ากับกองทหารอาร์ชิบอลกำลังเล็งปืนนับสิบกระบอกอยู่ตรงหน้าห้อง ด้านหลังนั้นมีโลเทรค ชายชู้ผู้ที่นางตกหลุมรักหัวปักหัวปำ ยืนถือดาบเล่มใหญ่คอยท่า

    บีอาทริเช่เลิกคิ้วจ้องมองเหล่าทหารด้วยความงุนงงสงสัย พลันยินเสียงกระจกหน้าต่างแตกทางด้านหลัง

    เป็นอาชชี่ โคเว่น สามีของนางนั่นเอง พุ่งทะลุเข้ามาพร้อมปีกพังผืดขนาดใหญ่

    เอเดรียนคว้าหนูน้อยมากอดไว้แล้วไถลตัวลงหลบตรงข้างเตียง ปกป้องเขายิ่งชีพ ยินเสียงเล็กๆ สำลักหายใจออกมาเฮือกใหญ่ราวกับปาฏิหาริย์

    “แมกจี้!” เขาร้องลั่นอย่างยินดี

    หนูน้อยแมกจิโอค่อยๆ รู้สึกตัวในที่สุด ดวงตาสีฟ้าใสแป๋วจ้องมองบุรุษหนุ่มร่างสูงผู้เป็นพ่อ กำลังก้มมองทั้งสองด้วยความประหลาดใจ

    โลเทรคไม่ได้ให้สัญญาณอะไรกับบีอาทริเช่นัก เขาสั่งให้เหล่าทหารระดมยิงใส่ปิศาจอาชชี่ โคเว่นทันที แม้นางจะยืนบังทางอยู่ก็ตาม

    ปิศาจหนุ่มตกใจ พุ่งเข้าไปสะบัดปีกกระแทกพวกทหารเลวจนทั้งขบวนกระเด็นล้มระเนระนาดพานายของพวกเขาทางด้านหลังอัดติดผนัง ก่อนมันจะม้วนปีกบังผู้เป็นภรรยา โอบแขนแข็งแรงรอบเอวบาง จ้องมองหญิงสาวสภาพอาบเลือดด้วยความรัก

    “บี…” มันจับใบหน้าซีดเซียวนั้น

    บีอาทริเช่ยกมือพยายามสัมผัสใบหน้าสามีหนุ่มเป็นครั้งสุดท้าย อ้าปากพะงาบปล่อยเลือดเอ่อท่วมล้นออกจากปาก หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงหายใจติดขัดด้วยความทรมานก่อนแน่นิ่งไป ทั้งที่ตายังเบิกค้าง

    โลเทรคได้ทีให้ทหารอีกชุดผลัดเปลี่ยนเข้ามา แล้วระดมยิงใส่ปิศาจซึ่งกำลังใช้ปีกห่อหุ้มทั้งร่างตนและคนรักก้าวถอยหนี สายตาเหลือบเห็นเอเดรียนปิดหูแมกจิโอคลานวนไปหลังเตียงใกล้หน้าต่าง

    อสุรกายหนุ่มจึงกระโจนขึ้นเตียงแล้วไถลลงมานั่งข้างๆ ตาม เอเดรียนไม่ลังเลคว้าแขนของมันไว้

    “ลอร์ดโคเว่น! ลูกท่านฟื้นแล้ว!” เขาแจ้งข่าวดี 

    คงลืมไปแล้วว่าชายหนุ่มตรงหน้า บัดนี้หาใช่มนุษย์ไม่

    ปิศาจอาชชี่ โคเว่นหลับตาสะบัดศีรษะเปลี่ยนดวงตาช้ำเลือดดำมืดกลับเป็นสีฟ้าอย่างมนุษย์ กลอกมองขึ้นลงระหว่างเอเดรียนกับบุตรชายที่กำลังยิ้มเผล่ขยับมือดุ๊กดิ๊กไปมาต้อนรับผู้เป็นพ่อ

    ทว่าโลเทรคไม่ได้ซาบซึ้งกับช่วงเวลาพ่อลูกด้วย เขาพุ่งร่างตามเข้ามาเหวี่ยงดาบฝังจมเนื้อไหล่ข้างหนึ่งของมัน

    "ไม่ใช่เวลาครอบครัวโว้ย!"

    เจ้าปิศาจคำรามลั่น ผุดลุกขึ้นเหวี่ยงกรงเล็บสวน อีกฝ่ายรีบกระชากดาบออก โจนตัวหลบรัศมีปลายเล็บได้อย่างฉิวเฉียด ร่วงตกจากเตียงหลังกระแทกพื้น เสื้อสูทหนาสีขาวซ้อนทับหลายชั้นขาดวิ่น เลือดไหลซึมเปรอะออกจากท้อง

    เขาผงกศีรษะขึ้นจ้องมองข้ามเตียงไปยังปิศาจ มันกระชับร่างเอเดรียนซึ่งมีบุตรชายของมันขึ้นแนบอก แล้วพาทั้งบีอาทริเช่และน้องชายของเขากระโดดถลาร่อนออกนอกหน้าต่าง ทะยานสู่ท้องฟ้ายามราตรี

    “โลวิลลลลล!!!” เด็กหนุ่มร้องเรียกพี่ชาย

    โลเทรค อาร์ชิบอลด์รีบวิ่งไปเกาะขอบหน้าต่างมองตาม ทันเห็นปิศาจกระพือปีกบินออกไปไกลลิบจนเป็นเพียงจุดเล็กๆ กลางดวงจันทร์กลมโต

    "เอเดรียน..."

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×