คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : มันต้องนองเลือด (There will be blood) 2/3
เนื้อหานี้เป็นเรื่องแต่ง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ หน่วยงานนั้นๆ หรือบุคคลจริงๆ เขียนขึ้นจากจินตนาการของผู้แต่ง แม้เป็นบรรยากาศย้อนยุค แต่สภาพสังคมและทัศนคติหลายอย่างนั้นเขียนขึ้นจากความเข้าใจตามโลกปัจจุบัน ทั้งนี้เพราะไม่ใช่งานเขียนสะท้อนสังคม และข้อมูลหลายอย่างอาจไม่ตรง หรือถูกบิดเบือนไปบ้างเพื่อความลื่นไหลในการเขียน และไม่กระทบเส้นเรือง ขออภัยหากมีข้อผิดพลาด
(Trigger Warning!นิยายเรื่องนี้มีการนำเสนอพฤติกรรมการใช้ความรุนแรงทางกาย ทางเพศ และทางจิตใจ)
ตอนที่ 16 นี้มีการนำเสนอความรุนแรงในระดับสูง เลือด และการฆ่าฟันรุนแรง
บทที่ 16 มันต้องนองเลือด (There will be blood) 2/3
เลดี้มาเดอลีนและบุตรสาวคนโตมาจอรีย์ เดินไปส่งแขกเหรื่อบางท่านซึ่งเริ่มทยอยกลับ บางส่วนตัดสินใจพักยังคฤหาสน์นี้เพื่อขออยู่สนุกต่อจนถึงเช้า งานเลี้ยงดำเนินไปอย่างราบรื่นเสียจนไม่มีใครสังเกตเห็นอะไรบางอย่างกำลังลอยละลิ่วปลิวทะลุหน้าต่างกระจกบานใหญ่ของห้องจัดเลี้ยงเข้ามา เลดี้มาเดอลีนหยุดยืนมองด้วยความฉงน ขณะบุตรสาวตั้งสติได้ก่อนรีบผลักผู้เป็นมารดาออกไปให้พ้นทาง แขกเหรื่อต่างตกใจหันมามองเห็นรถม้าคันใหญ่หักพังพร้อมซากม้าเละเทะกลิ้งทับขาของมาจอรีย์ แขกบางคนโชคร้ายยิ่งกว่าหนีไม่พ้นโดนรถม้าทับทั้งตัว ไฟในโคมประดับสองดวงข้างหน้าต่างแตกบานนั้นดับวูบด้วยแรงลมปะทะ
เลดี้มาเดอลีนค่อยๆ ตั้งสติได้ ท่ามกลางเสียงกรีดร้องโกลาหล หญิงวัยกลางคนรีบคลานเข้าหาบุตรสาวทันทีด้วยความเสียขวัญ นางเอื้อมจับมาร์จอรีย์ซึ่งกำลังร้องโอดโอยด้วยมือสั่นงันงก “ท่านแม่! ช่วยด้วย...”
“โอ...พระเจ้า! มาร์จี้!” เลดี้มาเดอลีน พยายามดึงบุตรสาวออกมาจากซากรถม้า สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีรอบๆ ได้แต่ยืนนิ่งมอง ไม่รู้จะรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไร
“ช่วยลูกข้าด้วย! วิลเลี่ยม!” ผู้เป็นแม่กวาดสายตามองรอบๆ พลางร้องหาสามี บ่าวรับใช้หลายคนรีบตรงเข้ามาช่วยนายหญิงยกรถม้าขึ้น
โลเทรคกับสองสาวในห้องนั่งเล่นถึงกับสะดุ้งตกใจ ด้านลอร์ดอาร์ชิบอลด์และทุกคนที่นั่งประชุมในห้องรับรองเล็กๆ ต่างลุกขึ้นพรวดพราดโผล่หน้าออกไปดูสถานการณ์ข้างนอก ทุกอย่างสับสนอลหม่านทั้งเสียงร้องร่ำไห้ระงมกันอื้ออึง ก่อนจะเงียบกริบลงทันทีเมื่อได้ยินเสียงคำรามกึกก้องแผดทะลุเข้ามา โคมไฟระย้าดวงใหญ่ขนาดหลายแรงเทียนแขวนอยู่บนเพดานห้องแกว่งไกวเบาๆ
ชายร่างใหญ่ในชุดนักบวชโบราณสมัยยุคกลางนาม ซีนีส กำลังนั่งลับคมขวานคู่อยู่ในโรงเรือนขนาดใหญ่ด้านหลังของคฤหาสน์ เขาหยุดมือก่อนเงยหน้าขึ้นและเหยียดยิ้ม ท่ามกลางข้าวของเพื่อการทดลองแปลกประหลาดของเขาวางระเกะระกะบนโต๊ะ
บีอาทริเช่ นั่งคุดคู้ใช้สองมือปิดหูด้วยความหวาดกลัวต่อเสียงคำรามนั้น สิ้นเสียงนางจึงเอามือออก พลางได้ยินหนูน้อยแมกจิโอ อาช หัวเราะเอิ๊กอ๊ากขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ หญิงสาวให้รู้สึกสงสัยจึงลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปดู
“เจ้าหัวเราะอะไร”
นางก้มมองทารกน้อยใกล้ๆ พบว่าเขาไม่ได้มองนางด้วยซ้ำ ดวงตาสีฟ้าจับจ้องเลยผ่านไปยังบางสิ่งนอกหน้าต่าง หญิงสาวส่งสายตาตามเจ้าหนูก่อนก้มลงมองใบหน้าขาวอมชมพูแก้มยุ้ยของเขา
“เจ้าเห็นอะไร เห็นความน่าสมเพชของข้าใช่ไหม ที่เลือกคนผิด! หรือหัวเราะเยาะที่ข้าหักหลังพ่อของเจ้า!” นางเริ่มโมโห คล้ายคนเสียสติ
ทุกคนต่างได้ยินเสียงคำรามกึกก้องนั้น ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้ที่อยู่บนชั้นสูงขึ้นไปอย่างเอเดรียน เด็กหนุ่มวางกองจดหมายลงกับโต๊ะ
สิ้นเสียงคำราม ทุกคนต่างนิ่งเงียบงันจนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน
“ตัวอะไร...เสือเหรอ หรือสิงโต” สุภาพบุรุษท่านหนึ่งกระซิบกระซาบกับคนใกล้ตัว
ลอร์ดวิลเลี่ยม ตรงเข้ามาช่วยภรรยาอีกแรง พยายามข่มใจไม่เหลือบมองศีรษะของคนในรถม้าที่พับห้อยออกมาจากหน้าต่าง กระทั่งดึงตัวมาจอรีย์ออกจากใต้ซากรถได้ในที่สุด ระหว่างประคับประคองร่างบุตรสาวส่งให้ทาสรับใช้หนุ่มแข็งแรงอุ้ม ชายวัยกลางคนและทุกคนในห้องจัดเลี้ยงสว่างไสวแห่งนั้น จึงได้ยินเสียงกระพือปีกของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่สะท้อนก้องลอดเข้ามา มันโฉบผ่านหน้าต่างกระจกหายลับไปยังประตูใหญ่ด้านหน้า เสียงปืนจากทหารยามข้างนอกประตูทางเข้าดังระรัว ตามมาด้วยเสียงหวีดร้อง และเสียงเนื้อกับกระดูกถูกขย้ำ
ครั้นเสียงนั้นเงียบลง ทุกคนต่างถอยฮือออกห่างจากหน้าต่างและประตู ลอร์ดวิลเลี่ยม รีบดันให้บ่าวรับใช้อุ้มร่างของบุตรสาวคนโตขึ้นไปยังห้องพักชั้นบน พร้อมนำเคานท์เดลฟีนและแขกคนสำคัญหลีกลี้ไปยังห้องพัก โดยมีเลดี้มาเดอลีนตามไปติดๆ ระหว่างทางให้บังเอิญเดินสวนกับโลเทรค ซึ่งโผล่ออกมาจากประตูหน้าบันไดทางลงขนาดใหญ่พอดี ลอร์ดวิลเลี่ยม ผู้พ่อบอกภรรยาให้ล่วงหน้าไปก่อน แล้วหันมาสั่งบุตรชายให้ไปเตรียมกำลังพลมา
“รับทราบ ขอรับ” ชายหนุ่มพยักหน้าก่อนหยุดชะเง้อมองไปยังประตูทางเข้า ยินเสียงทุบประตูดังปึงปังอยู่สองสามครั้ง ก่อนถูกกระแทกเปิดออก พร้อมกับศพมนุษย์แหลกเละถูกปาเข้ามา
ทุกคนในงานคราวนี้กรีดร้องแตกฮืออื้ออึงวิ่งกันอลหม่าน ปิศาจในคราบมนุษย์ปรากฏกายพร้อมปีกพังผืดใหญ่หนา ลากร่างทหารที่ยังมีชีวิตอีกหนึ่งนายมาด้วย มันจับคอร่างนั้นแล้วชูให้ทุกคนดู ก่อนกะซวกกลางลำตัวด้วยกรงเล็บแหลมแล้วกระชากลงจนท่อนล่างขาดวิ่นต่อหน้าต่อตา เลือดไหลท่วมเจิ่งนอง คอตกห้อยตายคามือ
“...อาชชี่ โคเว่น…” โลเทรค อาร์ชิบอลด์ ประจักษ์ชัดแก่สายตาแล้วว่าอะไรคือต้นเหตุแห่งเสียงและความวุ่นวาย เขาไม่รีรอรีบวิ่งกลับขึ้นไปชั้นบน ทิ้งสองสาวที่เคยเริงรักกับเขายืนหันรีหันขวางด้วยความตกใจกลัวจนนางหนึ่งเป็นลมล้มพับ อีกนางที่เหลือไม่รู้จะทำอย่างไรนอกจากวิ่งตามชายหนุ่มกลับเข้าไปยังห้องด้านใน
บัดนี้ทุกคนรู้แล้วว่าบุคคลตรงหน้านี้คือ อาชชี่ โคเว่น ผู้ฟื้นคืนจากความตาย พร้อมพลังอำนาจแห่งปิศาจประจำตระกูล ตำนานเล่าขานเลื่องชื่อประจำเมืองคอร์วัส
มันสะบัดคอยืดเส้นยืดสาย ไล่เสียงโซ่ตรวนดังครึกๆ ออกจากมโนสำนึก ในดินแดนแห่งสงคราม อาชชี่ โคเว่น เดินลากโซ่ตรวนทิ้งตัวลงนั่งท่ามกลางห่าฝนสีเลือดที่ไหลอาบชโลมทั่วร่างจนเอ่อท่วมมิดศีรษะ ชายหนุ่มพบตนเองโผล่พ้นเหนือแม่น้ำสายสีดำ อ้าปากพะงาบหอบเอาอากาศเข้าเต็มปอด ก่อนค่อยๆ คลานขึ้นมาบนชายฝั่งตรงข้ามกับสมรภูมิรบอีกครั้ง แลเห็นสงครามยังดำเนินต่อแม้ไม่มีเขา อีกาสีดำตัวใหญ่บินวนจิกตีศัตรูหรือใครก็ตามที่พลาดพลั้งล้มลง
ร่างปิศาจกระตุก ใบหน้าสั่นหงึกไปมา ดวงตากลายกลับเป็นสีฟ้าสดอย่างคนธรรมดา
“ข้า...ต้อง...การ...โล...เทรค!” มันเปล่งเสียงออกมาเป็นภาษาพูด
ทว่าไม่มีใครสนใจสิ่งที่มันต้องการ พวกเขาทุกคนในงานต่างพากันกรีดร้อง วิ่งหนี อย่างบ้าคลั่ง พยายามตะเกียกตะกายขึ้นไปยังบันไดขนาดใหญ่สู่ระเบียงชั้นสอง บางคนมีสติวิ่งหนีออกทางห้องรับประทานอาหารซึ่งอยู่ด้านหลังแล้วจัดการล็อคประตูนั้นทันที
ผู้คนที่ยังติดอยู่ในห้องจัดเลี้ยงด้านนอก แห่กันเข้ามาทุบประตูอย่างบ้าคลั่ง บางคนรวบรวมความกล้าปีนออกนอกหน้าต่างบานที่แตกออกไปได้อย่างทุลักทุเล บ้างล้มลงเหยียบกัน บ้างแหกปากร้องเสียงหลงเรียกชื่อ ‘ปิศาจอาชชี่ โคเว่น’ อย่างหวาดผวา
อสูรในร่างมนุษย์ยกมือขึ้นปิดหู มองความโกลาหลตรงหน้าด้วยความหงุดหงิด ก่อนสะบัดปีกพุ่งตรงเข้าใส่ใครก็ตามที่ขวางทางมัน หวดกรงเล็บกวาดเหล่าชนชั้นสูงเหล่านั้นกระเด็นไกล ชิ้นส่วนอวัยวะฉีกขาด
หนึ่งในนั้นมีหญิงสาวเคราะห์ร้ายกระเด็นตกลงมาหลังกระแทกพื้น ลำตัวเหวอะหวะ นางกรีดร้องนอนมองลำไส้ตัวเองปลิดปลิ้นออกมาราวหมอนนุ่นโดนมีดกรีด ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ ร้องหาความตายที่กำลังกรูกลับมาทางนาง
เหล่าผู้มีอันจะกินเหยียบย่ำร่างหญิงสาวไส้ทะลักซ้ำไปมาจนไร้แม้เรี่ยวแรงจะเปล่งเสียง สำนึกสุดท้ายก่อนสิ้นลม นางเห็นร่างปิศาจสะบัดปีกอีกครั้งเพื่อยกตัวให้ลอยสูงขึ้นจากพื้นเล็กน้อย แล้วไล่เสียบทุกคนในรัศมีของมัน
เลือดและเนื้อกระจุยกระจายฉีกขาดราวเครื่องบด เท้าคู่หนึ่งถอยหนีความหายนะมาเหยียบลูกตาร่างหญิงสาวจนแหลกเละ ปิดฉากความทรมาน
ชายหนุ่มเจ้าของเท้าลื่นล้มกองเลือดและเศษเนื้อ ตะเกียกตะกายพยายามลุกขึ้นยืน ก่อนยินเสียงกระพือปีกของปิศาจร่อนลงใกล้หู
สุภาพบุรุษในชุดงดงามคาวเลือดรีบควักปืนพกตรงเอวขึ้นมาด้วยมือสั่นเทา แล้วยิงใส่ร่างปิศาจหนุ่ม กระสุนเจาะทะลุกลางลำตัว มันก้มมองรูกระสุนนั้น ก่อนเกร็งท้องที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อหนาดันเอาเม็ดกระสุนโลหะหลุดร่วงออกจากร่าง บาดแผลค่อยๆ สมานกันให้เห็นต่อหน้าต่อตา
“โอ...พระเจ้า…” ท่านสุภาพบุรุษแทบไม่เชื่อสายตา
เขาเห็นเจ้าปิศาจสะบัดเลือดหดเล็บกลับ แล้วปรี่เข้ามาเตะเสยปลายคางสุภาพบุรุษท่านนั้นให้ล้มลง บิดแขนของเขาที่กำปืนพกอยู่จนหักงอผิดรูป คว้าปืนพกกระบอกนั้นด้วยอีกมือหนึ่ง พลิกสันด้ามหวดเข้าขมับเป็นอันปิดฉากเลือดสีแดงฉานไหลท่วมชุ่มโชกเสื้อสูทหรูตัวงาม ชายสูงศักดิ์ล้มลงนอนพังพาบมีด้ามปืนพกคาอยู่กับศีรษะ
หมดความน่าสนใจแล้ว ปิศาจจึงกระพือปีกร่อนไปโจมตีคนอื่นต่อ กวาดเอาคนกลุ่มใหญ่ร่วงหล่นลงจากบันไดทางขึ้นชั้นสอง พวกเขาก้มหลบทันบ้างไม่ทันบ้าง อัดกันจนแทบไม่สามารถขยับตัวได้
แรงกระพือโหมรุนแรงเสียจนโคมไฟครอบแก้วส่องสว่างข้างผนังแตกละเอียด เปลวไฟในเชิงเทียนดับวูบ พาห้องจัดเลี้ยงเข้าสู่ความมืดสลัว แหล่งให้ความสว่างเดียวในตอนนี้คือ โคมระย้าขนาดใหญ่สามสี่ดวงเรืองรองบนเพดานสูง
“โลเทรค!”
มันสะบัดปีกหวดคนกลุ่มใหญ่ซึ่งกำลังหนีอย่างตื่นตระหนก ทั้งหมดกระเด็นไถลกลิ้งตกบันได ล้มลงระเนระนาดทับถมกัน ปิศาจย่างสามขุม จ้วงร่างใกล้มือสุดแล้วโยนทิ้ง บางคนถูกปลายปีกพังผืดอัดเข้ากับราวบันไดจนหงายหลังร่วงลงมากระแทกพื้น
แขกผู้มีเกียรติหลายรายวิ่งหนีเอาตัวรอดกระจายไปตามห้องหับหรือซอกหลืบต่างๆ รอบบริเวณที่พอจะใช้หลบซ่อนตัวได้ มีหลายคนยังคงหวังที่จะหนีออกไปทางห้องรับประทานอาหาร พวกเขาทั้งทุบทั้งกระชากประตูห้องนั้นอย่างบ้าคลั่ง จนในที่สุดจึงมีใครบางคนเปิดออกให้จากอีกด้าน
ลอร์ดวิลเลี่ยม อาร์ชิบอลด์ และทหารหลายนายรีบเบี่ยงตัวหลบมาด้านข้างประตูทันทีหลังปลดกลอนประตู ชนชั้นสูงในชุดราตรีกรุยกรายทั้งชายหญิงต่างวิ่งทะลักทะลายผ่านเข้ามาด้วยสติกระเจิดกระเจิง ทั่วทั้งคฤหาสน์มีแต่ผู้คนวิ่งเตลิดกระจัดกระจายคนละทิศละทางจนวุ่นวายไปหมด
ลอร์ดวิลเลี่ยม อาร์ชิบอลด์หลังพาบุตรสาวและสามีมาส่งยังที่พำนักแล้วจึงนำกำลังพลมาช่วยอพยพคนที่เข้ามาทางห้องรับประทานอาหาร พาพวกเขาต่อไปยังทางออกด้านหลัง สายตาจับจ้องมองความวุ่นวายเละเทะด้านนอกนั้นด้วยความพรั่นพรึง เห็นผู้คนบางส่วนวิ่งวนราวหนูติดจั่น พาร่างกรูกลับไปยังประตูงานเลี้ยงด้านหน้า ปิศาจอาชชี่ โคเว่น ไล่เสียบมนุษย์เหล่านั้นเป็นว่าเล่น
บ้างโดนกระชากตัวขาด บ้างโดนงับคอเนื้อหลุด เลือดพุ่งกระฉูด มีหลายคนตัดสินใจวิ่งสวน แต่ปิศาจพลันสะบัดปีกตีพวกเขากระเด็นกลับไป หลายคนวิ่งอ้อมมาทางหน้าต่างที่แตก ปีนเศษซากรถม้าแล้ววิ่งหลบออกนอกตัวคฤหาสน์ได้ในที่สุด หน้าต่างกระจกอาบย้อมด้วยเลือดอย่างน่าสยดสยอง แสงไฟประดับส่องสว่างตามทางเดินด้านนอกเปลี่ยนห้องจัดเลี้ยงภายในให้กลายเป็นสีแดง
นายโรเบิร์ต เลขาคนสนิทของลอร์ดอาร์ชิบอลด์ผู้พ่อ สั่งบ่าวรับใช้ให้นำรถม้ามารอรับคนทางด้านหน้า พลางชะเง้อมองหานายเหนือหัว เห็นโลเทรค อาร์ชิบอลด์ บุตรชายคนโตกำลังนำทหารพร้อมอาวุธวิ่งขึ้นบันไดของคฤหาสน์ ประเมินความเสียหายข้างในแล้วไม่อยากจะคิดสภาพ จึงถือโอกาสปีนขึ้นรถม้าของตระกูลใดก็ตามที่ผ่านหน้ามา แล้วจากไปพร้อมกับรถม้าอีกหลายสิบคันซึ่งเร่งอพยพออกจากลานหน้าคฤหาสน์อลิสันในคืนนี้ “โชคดีนะนายท่าน ขอพระเจ้าคุ้มครอง…”
“โลเทรค!!!”
ปิศาจร้องคำรามกลางห้องจัดเลี้ยงอย่างบ้าคลั่ง
ความคิดเห็น