คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : มันต้องนองเลือด (There will be blood) 1/3
เนื้อหานี้เป็นเรื่องแต่ง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ หน่วยงานนั้นๆ หรือบุคคลจริงๆ เขียนขึ้นจากจินตนาการของผู้แต่ง แม้เป็นบรรยากาศย้อนยุค แต่สภาพสังคมและทัศนคติหลายอย่างนั้นเขียนขึ้นจากความเข้าใจตามโลกปัจจุบัน ทั้งนี้เพราะไม่ใช่งานเขียนสะท้อนสังคม และข้อมูลหลายอย่างอาจไม่ตรง หรือถูกบิดเบือนไปบ้างเพื่อความลื่นไหลในการเขียน และไม่กระทบเส้นเรือง ขออภัยหากมีข้อผิดพลาด
(Trigger Warning!นิยายเรื่องนี้มีการนำเสนอพฤติกรรมการใช้ความรุนแรงทางกาย ทางเพศ และทางจิตใจ)
ตอนที่ 15 นี้มีการนำเสนอความรุนแรงในระดับสูง เลือด และการฆ่าฟันรุนแรง
บทที่ 15 มันต้องนองเลือด (There will be blood) 1/3
แสงจากโคมไฟครอบแก้วประดับสว่างไสวสาดส่องลอดผ่านหน้าต่างกระจกบานใหญ่เรียงรายจากภายในห้องจัดเลี้ยงอันโอ่อ่าหรูหราของคฤหาสน์อลิสัน ดนตรีเครื่องสายทั้งเชลโลและไวโอลินบรรเลงขับกล่อมแขกเหรื่อในงานเลี้ยง เสริมบรรยากาศให้ยิ่งสนุกสนานครึกครื้น เพียบพร้อมด้วยอาหาร เครื่องดื่ม การพนัน รวมถึงกิจกรรมสันทนาการต่างๆ ที่ทางตระกูลอาร์ชิบอลด์จัดเตรียมไว้ให้
โลเทรค อาร์ชิบอลด์ บุตรชายคนโตของตระกูล เล่นบิลเลียดอยู่ในห้องขนาดเล็ก ซึ่งแยกย่อยอยู่ภายในชั้นเดียวกันกับห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ มีชนชั้นสูงหลากหลายวัยยืนรายล้อมมุงดูการแข่งขันระหว่างเขาและสุภาพบุรุษหนุ่ม ทั้งสองกำลังใช้ไม้คิวแท่งยาว ตีลูกกลมๆ สองลูกให้ลงหลุมทั้งหกด้านบนโต๊ะผ้าสักหลาดสีเขียว ชายหนุ่มผมทองไม่สนใจแล้วว่าใครจะสังเกตเห็นรอยช้ำบนใบหน้าหรืออาการบาดเจ็บของเขา ตอนนี้ขอแค่ปล่อยตัวปล่อยใจให้รู้สึกสนุกไปกับงานเลี้ยงยามค่ำคืนก็พอ
“ตาเจ้าแล้ว” โลเทรคผายมือไปยังคู่ต่อสู้ หลังแทงลูกกลมๆ กลิ้งลงหลุม หญิงสาวชั้นสูงสองนางในชุดหรูสีเหลืองและสีชมพูเหลือบมุกยืนคลอเคลียอยู่ข้างๆ มาตั้งแต่เริ่มเกม ปรบมือพลางส่งแก้วเหล้าให้ดื่ม ชายหนุ่มส่งยิ้มขณะรับมา แล้วยกขึ้นกระดกรวดเดียวหมด นางทั้งสองมองชายหนุ่มรูปงามอย่างไม่วางตาด้วยความปรารถนา ทว่าเขากลับแสร้งไม่สังเกตเห็นสายตานั้นและส่งแก้วคืนให้บ่าวรับใช้ที่คอยบริการก่อนหันไปเล่นต่อ
ลอร์ดวิลเลี่ยม อาร์ชิบอลด์ ในชุดผ้าไหมสีเงินเนี้ยบเล่นแสงไฟหรูหรา หนีบนายโรเบิร์ต เลขาประจำตัว นำลอร์ดเดลฟีน มานั่งคุยธุระในส่วนรับรองเล็กๆ ของห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ ชายวัยกลางคนเจ้าของบ้าน เปิดการสนทนาโดยกางแผนที่แคว้นไอเลี่ยน ดันสแตน ซึ่งมีอาณาเขตของสองเมืองใหญ่คือ เมืองคอร์วัสและเมืองเดลฟีน ถูกคั่นไว้ด้วยแนวเทือกเขาดินแดนแห่งชุมโจรและหมาป่าดำ ดังนั้นหากต้องการเดินทางไปเมืองเดลฟีน ผู้คนส่วนใหญ่จึงมักเดินทางเลี่ยงเทือกเขานั้น แล้วเลาะตามแนวหมู่บ้านและเมืองยิบย่อยด้านล่างเพื่อความปลอดภัย แม้จะต้องใช้ระยะเวลาหลายวันจนถึงหลายสัปดาห์ก็ตาม
“ตอนนี้ เราได้ประเมินมูลค่าทรัพย์สินบ้านโคเว่นคร่าวๆ แล้ว” ลอร์ดวิลเลี่ยม อาร์ชิบอลด์ เอ่ย “ข้าจะขอแจงรายละเอียดพอสังเขป ดังนี้” ชายวัยกลางคนวาดนิ้วมือวนบนแผนที่
“ตรงนี้เป็นที่ดินประมาณหนึ่งหมื่นไร่ครอบคลุมถึงชุมชนเกนส์โบโร่ เลนทิลโบโร่ แอชโบโร่ วิลล์ฟอร์ด ชุมชนเซนต์โรลองต์ ส่วนผืนนี้จะเป็นของบ้านคลิฟฟอร์ดที่ทำธุรกิจร่วมกับบ้านโคเว่น ตรงนั้นเป็นไร่ข้าวบาร์เลย์ทั้งผืน ไร่ต้นแฟลก (flax) พร้อมโรงทอผ้าลินินอยู่บริเวณเดียวกัน ถัดไปอีกหน่อยมีทุ่งลาเวนเดอร์พร้อมโรงสกัดน้ำมัน ที่เหลือเป็นไร่แอปเปิล สวนองุ่น สตรอเบอรี่ แครนเบอรี่ อ้อ...แล้วก็ทองคำกับเงินสดในธนาคารที่เมืองหลวงอีกจำนวนหนึ่ง เดี๋ยวทางเราจะอายัดไว้ก่อน อย่างไรค่อยจัดสรรกันอีกที นอกจากนี้ก็มีใบอนุญาตกลั่นเหล้าของตระกูลโคเว่นลงนามร่วมกับตระกูลอลิสัน เราได้ตกลงกับทางบ้านนั้นแล้ว”
“พวกนั้นย้ายไปที่ใดกันนะ” เคานท์เดลฟีนถาม
“ตระกูลอลิสันนะหรือ เห็นว่าลงทางตะวันออก ส่วนจะไปทำธุรกิจใดแน่ ข้ามิอาจทราบ แต่บ้านอลิสันนั้นคุยด้วยง่ายดี ไม่ดื้อดึงเช่นลอร์ดโคเว่น คนลูก” ลอร์ดวิลเลี่ยมตอบ
“ฮ๊า! เขาคงอยากคุยกับท่านล่ะ” เคานท์เดลฟีนหัวเราะร่วนในลำคอพลางจิบเหล้าชั้นดี “ท่านฆ่าบิดาเขามิใช่หรือ เมื่อสามปีก่อน”
“ไม่ได้ฆ่า...มันเป็นอุบัติเหตุ” ลอร์ดวิลเลี่ยม อาร์ชิบอลด์ ย่นคิ้ว “ท่านเอาอะไรมาพูด ฮ่าๆ ”
ทั้งหมดหัวเราะพร้อมกัน แล้วชายวัยกลางคนเจ้าของคฤหาสน์จึงกล่าวต่อ
“แต่เหมือนเขาก็พยายามคุยกับพวกข้านะ แต่คุยเฉยๆ พอจะเจรจาก็บ่ายเบี่ยงตลอด ร่ำๆ ว่าจะรื้อคดีเรื่องบิดาของเขาเสียอีก ไม่ยอมจบนะไอ้หนุ่มคนนี้ นี่ยังได้ยินมาว่า แอบส่งสาห์นไปขอความช่วยเหลือจากดยุคแห่งแอปเปิลไชร์ ญาติฝั่งมารดาอีกด้วย”
“โอ้...ข่าววงในรึ” เคานท์เดลฟีน เลิกคิ้วอย่างสนใจ
“ใช่ ขอรับ มีคนข้างในคอยส่งข่าว ข้าก็เลยชิงลงมือก่อน ไอ้เด็กคนนี้พอมันกลับมา อะไรๆ มันก็เลยยากขึ้น”
“หึ...พูดไม่รู้เรื่องก็ต้องโดนไม้แข็งแบบนี้” ท่านเคานท์ สามีของบุตรสาวคนโตแห่งตระกูลอาร์ชิบอลด์ยิ้ม
“ข้าถือโอกาสนี้ เก็บกวาดให้เรียบร้อยเลยละกัน หนำซ้ำท่านยังได้ขยายเขตการปกครองอีกด้วย” ลอร์ดวิลเลียม อาร์ชิบอลด์ ยกแก้วขึ้นเหนือศีรษะ
“ซึ้งน้ำใจยิ่งนัก ลอร์ดอาร์ชิบอลด์” เคานท์แห่งเดลฟีน ยกแก้วตอบ
“แด่ความสำเร็จ” ทั้งสองกล่าวพร้อมกัน แล้วจิบเหล้าพอเป็นพิธี
“น่าเสียดาย” ลอร์ดอาร์ชิบอลด์ ถอนหายใจ “ที่เราเสียกำลังพลไปพอสมควรจากการสู้รบกับคนของอาชชี่ โคเว่น”
เคานท์แห่งเดลฟีนปัดมือ “ไม่เป็นไร ทางนั้นก็ไม่ธรรมดา ดีแต่ว่า พวกทหารโคเว่นเหลือน้อยเพราะได้รับอนุญาตให้กลับบ้านเกิดได้ เสียนิดๆ หน่อยๆ แลกกับมูลค่าทรัพย์สินมหาศาล ข้าก็พอใจนะกับผลที่ได้ ท่านให้สัญญาว่าจะไม่ให้คนของข้าต้องเดือดร้อน แล้วท่านก็ทำได้จริงๆ โลเทรค บุตรชายของท่าน เขาเก่งทีเดียว”
“ขอรับ” ชายวัยกลางคนยิ้มอย่างภาคภูมิ ก่อนหันไปกล่าวกับเลขาข้างกาย “ว่าแต่ โรเบิร์ต เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้า เจ้าอาจต้องทำรายการประเมินทรัพย์สินทั้งหมด ถ้าอย่างไรข้าจะให้เอเดรียนเข้ามาช่วยด้วย เขาเคยช่วยเจ้าทำบัญชี เดี๋ยวให้เจ้าสอนงานอีก”
“ได้ขอรับ คุณหนูเอเดรียนหัวไวทีเดียวทั้งเรื่องเรียนรู้งานและตัวเลข” โรเบิร์ตกล่าวชื่นชม
เคานท์เดลฟีนทำตาโต “โอ้โห...นี่ท่านได้บุตรชายช่วยงานทั้งในบ้านและนอกบ้านเลยหรือนี่ น่าชื่นชมจริงๆ ข้ากับมาจอรีย์ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีลูกกันได้เลย” เคานท์เดลฟีน เหลือบมองภริยาซึ่งกำลังพูดคุยกับแขกเหรื่อด้านนอกด้วยดวงตาที่ไม่ใคร่จะสบอารมณ์นัก
“อา...พยายามอีกสักหน่อยเถิด อย่าเพิ่งหมดกำลังใจเสียก่อน ข้าเองมีลูกหลายคนเหลือเกินตอนนี้ ดูแลไม่ไหว วุ่นวายไปหมด”
“ฮ่าๆ แล้วท่านวางแผนกับเอเบล มาร์เซล เคลเมนต์ และมารีย์ อย่างไรต่อ” เจ้าครองนครเดลฟีนถาม
“ข้าส่งเอเบลไปฝึกงานที่ราชสำนักแล้ว...รู้สึกว่าจะได้ทำงานเอกสาร”
“ท่าน ดูแลลูกท่านหน่อยก็ดีนะ เอเบล น่ะ หลายคนบ่นว่าเขาไม่ค่อยเอางานเอาการ เริ่มสำมะเลเทเมาแล้วด้วย เขาไปเข้ากลุ่มพวกพี่น้องตระกูลลอเรนซ์มากไป” เคานท์เดลฟีนรายงานพฤติกรรมของบุตรชายคนรอง
“เอ่อ ข้าก็ตักเตือนเขาอยู่นะ” ลอร์ดอาร์ชิบอลด์ว่า พลางนึกถึงภาพที่เอเบล บุตรชายคนรองพฤติกรรมก้าวร้าวโดนเขาตบไปฉาดหนึ่ง แต่กลับคว้าแจกันปาสวน “จะพยายามขอรับ” ให้รู้สึกขายหน้าขึ้นมาเล็กน้อย
เวลาล่วงเลยมาพอสมควร แขกเหรื่อเริ่มทยอยกลับ ทว่าสาวชั้นสูงสองนางกลับชวนโลเทรคขึ้นไปเล่นสนุกบนห้องนั่งเล่นชั้นสองของคฤหาสน์ ชายหนุ่มเดินตามพวกนางขึ้นบันไดกลางห้องจัดเลี้ยงที่ทอดลงมาจากระเบียงชั้นบนอย่างว่าง่าย เขาถูกผลักลงนั่งบนโซฟาหนานุ่มขนาดยาว หนึ่งในสองสาวอ้อมมาด้านหลังแล้วโน้มตัวมาจูบซุกไซ้ซอกคอขาว อีกหนึ่งนางค่อยๆ ย่อตัวนั่งคุกเข่าลงตรงหน้า ใช้สองมือเคล้าคลึงตรงเป้ากางเกงนั้นพลางแกะกระดุมกางเกงสีขาวออก ก่อนซุกใบหน้างามลงกับหว่างขาของชายหนุ่ม แล้วเริ่มใช้ปากบรรเลงกามกิจให้ นางเหลือบสายตามองอย่างพึงใจเมื่อเห็นเขาเริ่มครางเบาๆ สองมือคืบคลานมาขยุ้มผมของหญิงสาว
อาชชี่ โคเว่น กระพือปีกพังผืดสีดำแข็งแรงผ่านทุ่งหญ้าสีเข้มยามค่ำคืนมายังลานหน้าคฤหาสน์อลิสัน ก่อนร่อนลงหุบปีกแล้วยืนจ้องมองงานเลี้ยงด้วยดวงตาสีดำช้ำเลือด มันเอื้อมมือไปข้างหน้าพยายามควานหาอะไรบางอย่าง สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของหนูน้อยแมกจิโอ
ขณะเดียวกัน ชนชั้นสูงครอบครัวหนึ่งเพิ่งเดินออกจากงานเลี้ยงมายังลานหน้าคฤหาสน์ หญิงสาวชั้นสูงหนึ่งในสมาชิกของครอบครัวนั้นเดินลงบันไดมายืนรอขึ้นรถม้า รู้สึกเอะใจกับเสียงคล้ายนกขนาดใหญ่กำลังกระพือปีกอยู่ไม่ไกลจึงหันไปมอง เห็นเงาตะคุ่มใต้แสงจันทร์ส่องสว่างกางปีกพังผืดสีดำ กำลังย่ำเท้าเข้าหา
ภายในห้องสีฟ้าครามอมเขียวอบอุ่นสดใส ประดับตกแต่งด้วยของเล่นเด็กน่ารักมากมาย ทั้งม้าโยกไม้ ตุ๊กตาทหาร และโมบายกรุ้งกริ้ง เอเดรียน อาร์ชิบอลด์ นั่งอยู่บนเตียงขนาดพอดีไม่ไกลจากหน้าต่าง เฝ้ามองสาวใช้ให้นมหนูน้อยแมกจิโอ อาช ข้างคอกเด็กอ่อน ด้วยความรักใคร่เอ็นดู
“แล้วลูกเจ้าล่ะ ให้นมเขารึยัง” เอเดรียนถามเสียงนุ่มตามแบบของเขา
“เรียบร้อยเจ้าค่ะ” นางส่งยิ้ม
ระหว่างนั้นเองบิอาทริเช่ เดส์ ลูมิเยร์ จึงเปิดประตูเดินโผเผเข้ามาในห้อง เลือดไหลลงเป็นทางจากหว่างขาขาวซีด เอเดรียนตกใจรีบลุกขึ้นยืน
“เบียทริซ เกิดอะไรขึ้นหรือขอรับ!”
“พี่ชายของเจ้า” กล่าวแค่นั้นก่อนทิ้งตัวลงบนเตียงฝั่งตรงข้าม “มันนรกส่งมาเกิด”
“เดี๋ยวข้าจะเช็ดตัวให้นะเจ้าคะ” สาวใช้วางแมกจิโอลงในคอก แล้วลุกขึ้นไปยังโต๊ะที่มีเหยือกน้ำกับอ่างทำด้วยเงินตั้งอยู่
“ไม่ต้อง!” หญิงสาวสภาพคล้ายผีร้ายเข้าสิงตวาด “พวกเจ้าทั้งคู่ ออกไปซะ! ข้าจะให้นมแมกจิโอเอง”
ทั้งเอเดรียนและสาวใช้ต่างเลิ่กลั่กมองหน้ากัน เห็นท่าไม่ดีจึงรีบเดินหนี ทิ้งแม่กับลูกไว้ตามลำพัง บีอาทริเช่เบือนหน้ามองข้ามไหล่ตนไปยังหนูน้อยวัยแบเบาะ
เอเดรียนเปิดประตูเข้าห้องมา ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงาน จุดตะเกียง หยิบหนังสือตำนานตระกูลโคเว่นเล่มโปรดออกมาเปิดดูภาพวาดเจ้าอสุรกายยักษ์
“คามาซอท์ซ (Camazotz) ไบบ์ คาธา (Babd Catha) รากษก (Rakshasa) วิญญาณทรงพลังเหล่านี้ คือ แหล่งพลังของ อนิมัส อินวิคตัส” เอเดรียนอ่านด้วยความสนใจ “แปลกดีนะที่ข้าอ่านหนังสือเล่มนี้ซ้ำไปซ้ำมาได้ ทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องจริง”
เขาถอนหายใจพลางเหลือบมองไปยังกองจดหมายมัดซ้อนกันสอดไว้ในชั้นเหนือโต๊ะอย่างเรียบร้อย
“อาจถึงเวลาที่ข้าต้องอยู่กับความเป็นจริง บางทีข้าคงจะเข้าใจโลวิลขึ้นมาบ้างว่าทำไมเขาถึงเปลี่ยนไป” ว่าพลางหยิบจดหมายกองนั้นขึ้นมาไล่เปิดดูทีละฉบับ
ความคิดเห็น