คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : เลือด เนื้อ และ น้ำตา (The blood, the flesh, the tear) 2/2
เนื้อหานี้เป็นเรื่องแต่ง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ หน่วยงานนั้นๆ หรือบุคคลจริงๆ เขียนขึ้นจากจินตนาการของผู้แต่ง แม้เป็นบรรยากาศย้อนยุค แต่สภาพสังคมและทัศนคติหลายอย่างนั้นเขียนขึ้นจากความเข้าใจตามโลกปัจจุบัน ทั้งนี้เพราะไม่ใช่งานเขียนสะท้อนสังคม และข้อมูลหลายอย่างอาจไม่ตรง หรือถูกบิดเบือนไปบ้างเพื่อความลื่นไหลในการเขียน และไม่กระทบเส้นเรือง ขออภัยหากมีข้อผิดพลาด
(Trigger Warning!นิยายเรื่องนี้มีการนำเสนอพฤติกรรมการใช้ความรุนแรงทางกาย ทางเพศ และทางจิตใจ)
ตอนที่ 14 มีฉากฆ่าฟัน เลือด และความรุนแรง ในระดับสูง
ใบหน้านั้นค่อยๆ หันตามนายแจ็ค ริมฝีปากซีดเขียวช้ำปกคลุมด้วยเส้นผมสีดำเปียกชุ่ม เริ่มเหยียดรั้งขึ้นจนเป็นรอยยิ้ม มันใช้แขนตกห้อยเอื้อมจับขา แล้วชูร่างชายผอมบางตัวแข็งทื่อ ปากอ้าค้าง ยื่นออกไปข้างหน้า
“caro et sanguis (คาโร เอ แซงกีส์)”
ร่างที่เคยสิ้นลมหายใจแล้วของอาชชี่ โคเว่นเปล่งเสียงแหบต่ำแตกพร่าแม้ริมฝีปากแทบไม่ขยับ พลันดึงเท้าที่โดนตอกหมุดข้างหนึ่งออก ก่อนใช้เท้าข้างเดิมถีบตนเองกระโดดลงมาจากไม้กางเขนยักษ์ กระชากอวัยวะที่เหลือซึ่งถูกตอกตรึงอยู่หลุดพ้นเป็นอิสระ พาร่างนายแจ็คผู้หวีดร้องสุดเสียงด้วยความกลัวสุดขีดโหม่งพื้น
ทหารอาร์ชิบอลด์ง่วนอยู่กับการหลบฝนและหวาดกลัวเสียงแห่งความบ้าคลั่งบนฟากฟ้าคะนองผสมปนเปกับเสียงเป่าเขาสัตว์ปริศนา ที่ดังกึกก้องเสียจนไม่ได้ยินเสียงหวีดร้องของนายแจ็ค
ศีรษะของชายขี้เหล้าถูกกระแทกกับพื้น กะโหลกแตกดัง 'โพล๊ะ' แน่นิ่งสนิท
พื้นรอบๆ ที่ร่างซีดขาวเขียวช้ำนั่งคุกเข่าอยู่ยุบลงเป็นแอ่ง น้ำฝนไหลบ่าเข้าท่วมทันที เปลี่ยนกองเลือดข้นคลั่กให้เจือจาง
ร่างของอาชชี่ โคเว่นไม่ยินดียินร้ายแม้นกระดูกท่อนขาจะหัก กลับจิกเล็บสีเข้มคล้ำสอดเข้าใต้ชายโครงเหวอะหวะ ก่อนกระตุกศพหัวเละสองสามครั้งเพื่อเลาะเอาหัวใจออก เลือดยังคงพุ่งปรี๊ดสาดใส่ร่าง ขณะกลืนกินก้อนกล้ามเนื้อสดใหม่ เต้นตุบๆ ผลุบขึ้นผลุบลง
เหนือผืนน้ำกว้างใหญ่สะท้อนท้องฟ้ามัวหม่นด้วยแสงอาทิตย์ซีดขาวสาดส่องลอดเมฆหนาสีเทา ปกคลุมดินแดนวิปริตไม่มีวันหลับแห่งนี้ให้อึมครึมชั่วกัปชั่วกัลป์นั้น มีร่างเปลือยเปล่าขาวซีดของชายหนุ่มผมดำนอนตะแคงจมอยู่ในน้ำซีกหนึ่ง
อาชชี่ โคเว่นค่อยๆ ลืมตา ยันตัวลุกขึ้น สำรวจเรือนร่างปราศจากบาดแผลใดๆ ด้วยความงุนงง เห็นวงคลื่นน้ำไหวกระเพื่อมกระทบขาตน จึงเสดวงตาสีฟ้าหม่นมองตามชายชราในชุดผ้าคลุมสีเทาเก่ากำลังพายเรือจากไป
เขาเลื่อนสายตาข้ามไปยังอีกฟากฝั่งหนึ่งของแม่น้ำสายใหญ่สีดำ ปรากฏขบวนทัพสวมเครื่องแบบคล้ายทหารโรมันกำลังเดินเท้าเข้าสู่สมรภูมิทุ่งราบกว้างใหญ่ โอบล้อมด้วยเทือกเขาแห้งแล้ง
ระหว่างเดินผ่านชายหนุ่ม คนเหล่านั้นจึงหันมามองเขาทีละคนๆ
อสุรกายยักษ์ที่ถูกพันธนาการไว้ด้วยโซ่ตรวน กำลังเคลื่อนร่างใหญ่โตของมันรวมอยู่ในขบวนนั้นด้วยเช่นกัน
มันมีรูปร่างคล้ายมนุษย์แข็งแรงเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ สวมหมวกเหล็กมีหนาม พ่นลมหายใจขาวคลุ้งฟืดฟาดลอดซี่เหล็ก และสวมเกราะหนังผสมโซ่ถักราวกับนักรบกลาดิเอเตอร์ร้องคำรามกึกก้อง จนช้างแอฟริกาตัวใหญ่งายาวโง้งสูงเพียงครึ่งแข้งของมันทั้งสี่เชือกซึ่งล้อมรอบอยู่คอยอารักขา ชูงวงขึ้น กระทืบสองขาหน้าด้วยความตกใจ
ปีกพังผืดขนาดใหญ่แม้ยังไม่กางออกเต็มที่ กระพือพั่บเล็กน้อย ปัดรำคาญนกอีกาตัวเขื่องที่บินวนรอบตัวมัน
เสียงเป่าเขาสัตว์กึกก้องมาแต่ไกล บ่งบอกถึงสัญญาณเริ่มแห่งสงคราม ทว่าทุกคนกลับพุ่งความสนใจมายังชายหนุ่มผมดำสมาชิกใหม่ของดินแดนแห่งนี้เป็นตาเดียว
โดยเฉพาะเจ้าอสุรกายนั้นมันถึงกับสยายปีกออกเต็มที่ กระพือปีกยกตัวขึ้นแล้วถลาร่อนตรงมาทางเขา ฝุ่นตลบอบอวลหมุนวนเป็นสายไล่ตามหลัง เงาใหญ่ยักษ์ทาบทับเหนือร่างมนุษย์หนุ่ม เห็นส่วนเท้าของมันคล้ายกรงเล็บนกสีดำเมี่ยมได้ถนัด
“หัวใจ!”
มันโฉบเหนือหัวร้องคำราม อาชชี่ โคเว่นถึงกับผงะถอยกรูดอย่างหวาดกลัว
“หัวใจ…” เขาเสียงสั่นเอ่ยปากตาม
เจ้าสัตว์ประหลาดเอาปลายเล็บสะกิดหน้าอกชายหนุ่มเบาๆ เนื้อและซี่โครงบางส่วนแบะออกจากกัน น้ำสีแดงคล้ำข้นหนืดพรั่งพรูออกจากบาดแผล
“หัวใจ!” มันร่อนลงมายืนต่อหน้าเขา ย่ำพื้นพสุธาเลือนลั่นตรงเข้าหา
อาชชี่กระอักเลือดพลางก้มมองหน้าอกตน ก่อนใช้สองมือควักเอาหัวใจดวงน้อยขึ้นถวายมัน
กางเขนดำตั้งตระหง่านกลางจัตุรัสมืดสลัว หลั่งเลือดทะลักท้วมท้นผุดขึ้นมาเหนือพื้นดินรอบๆ ราวคันกั้นน้ำแตก
ร่างซีดขาวของอาชชี่ โคเว่นหลังกินหัวใจของนายแจ็คแล้ว จึงเริ่มกลับมามีเรี่ยวแรง มันลุกขึ้นเดินโผเผ ลากซากร่างเละเทะไปไว้ยังโคนไม้กางเขนนั้น แล้วลงมือสวาปามส่วนเครื่องในทั้งตับไตไส้พุง
ทหารอาร์ชิบอลด์นายหนึ่งยืนพิงผนังอาคารหลบฝนอยู่ ค่อยๆ โผล่หน้ามองไปยังจัตุรัส ให้รู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นตัวอะไรขาวซีดนั่งคุดคู้แถวฐานไม้กางเขน คล้ายกำลังกัดแทะอะไรบางอย่าง ก่อนเหลือบมองขึ้นไปไม่เห็นศพอาชชี่ โคเว่น ก็ถึงกับเบิกตาตื่น จึงหลุบลงมองยังใต้กางเขนอีกครั้ง พบว่าร่างซีดขาวนั้นไม่อยู่เสียแล้ว
นายทหารชวนเพื่อนไปดูด้วยกันให้หายสงสัย ฝ่าสายฝนพรำที่ค่อยๆ ซาลงพร้อมกับเสียงเป่าเขาสัตว์ได้เงียบหาย
“โอ้! อะไรเนี่ย”
ทหารอาร์ชิบอลด์ทั้งสามนายเดินเอาผ้าปิดจมูก ลัดเลาะผ่านแอ่งน้ำยุบขนาดใหญ่พอให้คนลงไปนอนขด มีน้ำสีแดงขังอยู่ข้างในยิ่งน่าฉงนขึ้นไปอีก แต่พวกเขาไม่ได้ใส่ใจนัก เพราะความอยากรู้เกี่ยวกับกองซากอะไรสักอย่างตรงฐานไม้กางเขนมีมากกว่า
เมื่อเข้ามามุงดูใกล้ๆ พวกเขาจึงแทบผงะ กองปริศนาอะไรสักอย่างที่แท้คือร่างของนายแจ็ค อดีตเพื่อนร่วมวงเหล้าเมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อน
ใบหน้าของเขาเว้าแหว่งเหมือนโดนสัตว์ร้ายกัดกิน คว้านลึกถึงสมองเสียกลวงโบ๋ หนำซ้ำสภาพศพยังเละเทะจนยากจะระบุได้ว่าเคยมีอวัยวะส่วนใดบ้างประกอบกันเป็นรูปร่างมนุษย์ผู้นี้
“เฮ้ย! ใครเป็นคนทำ!” พวกเขาร้อง
ทหารอาร์ชิบอลด์นายหนึ่งถอยหลังออกมาจากกลุ่ม โก่งคอสำรอกของในท้องลงพื้นทันทีด้วยสุดทนกับสภาพศพของนายแจ็ค
“อะไรวะเนี่ย!”
ยังไม่ทันขาดคำ ทหารที่เพิ่งอาเจียนรากแตกรากแตนเสร็จ พลันถูกมือซีดขาวตวัดเกี่ยวลำคอ แล้วบีบจนเสียงดังกร็อบร่วงลงไปกองกับพื้น
ทหารอีกสองคนเหลียวมองตาม เผชิญหน้ากับร่างซีดขาวของอาชชี่ โคเว่น กำลังยืนแสยะยิ้มเลือดท้วมปากสีแดงฉานเหนือร่างไร้วิญญาณของเพื่อน
"อาชชี่ โคเว่น!"
หนึ่งในสองตั้งสติได้ก่อน รีบใช้ดาบติดปลายปืนเสียบท้องร่างนั้นทันที ทว่าอมนุษย์กลับเพียงแค่กระตุกถอยเล็กน้อย เขาจึงไม่ลังเลเหนี่ยวไกยิงอัดซ้ำ
“ไอ้ปิศาจ!”
นายทหารร้องด่าทั้งน้ำตา มือสั่นเทา เพื่อนที่อยู่ด้านหลังขึ้นปืนตามเตรียมยิงใส่
ปิศาจอาชชี่ โคเว่นยื่นมือคว้าแขนของทหารตรงหน้าที่ยังจับปืนเสียบท้องมันอยู่ เบี่ยงหามุมเหมาะๆ แล้วกระแทกลำคอเขาเข้ากับดาบปลายปืนของคนข้างหลังจนทะลุ
อารามด้วยความตกใจ เพื่อนทหารจึงลั่นไกทันที
กระสุนแล่นทะลุผ่านช่วงท้ายทอย ฉีกสันกรามจนขาดวิ่น เหลือเพียงช่วงเพดานปากตกห้อยลงมา ยึดเกาะอยู่ได้ด้วยเส้นเอ็น
“ม่ายยย!”
นายทหารหวีดร้องแทบสิ้นสติกับสิ่งที่เพิ่งกระทำลงไป
ปิศาจหนุ่มเบี่ยงหัวหลบกระสุนเล็กน้อย ก่อนเหยียดยิ้มเลอะเลือด แล้วกระชากปืนในท้องออก เขวี้ยงศพหัวแหว่งทิ้ง ทหารอาร์ชิบอลด์คนสุดท้ายยังไม่ยอมปล่อยปืนจึงเซถลาล้มกลิ้งไปตามแรงส่ง เหลือบสายตามองสภาพศพเพื่อนไม่หยุดด้วยร่างสั่นเทา
ปิศาจอาชชี่ โคเว่น กระชับปืนคาบศิลาเหวี่ยงพานท้ายหวดเข้าหน้าทหารชะตาขาดนายนั้น
“โอ พระเจ้าๆ …”
เขายังพยายามตะเกียกตะกายยันร่างขึ้น ไม่รับรู้ว่าเลือดไหลออกทั้งทางจมูกและปากของตน ทุกสิ่งชาด้านไปหมด เหลือไว้แค่เพียงความตื่นกลัวสุดขีด
ร่างอมนุษย์เอียงคอมองเหยื่อพลิกตัวคลานสี่ขาหนีอย่างลนลาน ด้วยดวงตาซีดขาว
“ปิศาจ! ปิศาจมีจริงๆ ปิศาจอาชชี่ โคเว่น! ช่วยข้าด้วย!”
ปิศาจในร่างชายหนุ่มปล่อยเหยื่อคลานสะเปะสะปะสักพักจึงเดินตามไปติดๆ อย่างใจเย็น พลางแหงนหน้ามองกางเขน ยกมือขวาขึ้นแตะหน้าผาก เลื่อนมากลางอก และไพล่มาไหล่ซ้ายกับไหล่ขวาตามลำดับ ก่อนควงกระบอกปืนเปลี่ยนทิศเป็นด้านดาบ แล้วก้าวเข้าไปประชิดร่างนั้น ใช้ดาบปลายปืนเรียวแหลมเสียบทวารนายทหารเคราะห์ร้าย เสือกลำกระบอกเข้าไปจนสุดเท่าที่จะทำได้
ทหารอาร์ชิบอลด์คนสุดท้ายถึงกับเบิกตาโพลงร้องออกมาด้วยความทรมาน
"อ๊ากกกก!!"
อมนุษย์ปล่อยเหยื่อของมันให้นอนดิ้นพราดๆ ก่อนเดินอ้อมมานั่งคุกเข่า หรี่ดวงตาก้มมองหน้าทหารนายนั้น แล้วเอื้อมมือจับศีรษะ หลับตาซึมซับเอาความทรงจำถึงสิ่งที่มันผู้นี้กระทำกับแม่และน้องสาว
'อย่า! ได้โปรด! หยุดเถอะ!'
ผู้หญิงต่างวัยสองนางอ้อนวอนระหว่างถูกพวกมันเวียนกันข่มขืนกระทำชำเรา เนื้อตัวนุ่มนิ่มแบบบางของคาเธรีน่าทั้งโดนบีบเคล้นและกระแทกกระทั้นอย่างไม่ปรานี
'อาช! อาช! ช่วยด้วย!'
นางยื่นมือขอความช่วยเหลืออย่างสิ้นหวังจากพี่ชายซึ่งถูกบังคับให้นั่งดูความอัปยศอดสู
ทั้งสองดิ้นรนขัดขืนแม้ผ่านทหารอาร์ชิบอลด์คนแล้วคนเล่า กระทั่งสิ้นเรี่ยวแรงได้แต่นอนนิ่งเป็นตุ๊กตาสภาพยับเยิน
ปิศาจหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความเจ็บปวด เสียงหัวเราะของนายทหารตรงหน้ายังคงดังชัดเจนสะท้อนก้องในหัว
ไม่มีอีกแล้วเสียงหัวเราะน่าขยะแขยง มีเพียงเสียงสะอื้นจากความรวดร้าวเป็นเท่าทวี ให้สาสมกับสิ่งที่มันทำกับผู้หญิงสองนาง
“ขะ...ข้า...ขอโทษ…” ทหารอาร์ชิบอลด์พร่ำบอก "นายท่านของเราเป็นคนสั่ง...ละ...โลเทรค เป็นคนสั่ง"
ปิศาจหนุ่มกัดฟันอย่างเจ็บแค้น ไม่มีวันรับคำขอโทษมักง่าย มันค่อยๆ ออกแรงบีบกะโหลกจนได้ยินเสียงเปราะแตก
"ไม่...ม่ายย...อ้ากกก!!" ทหารนายนั้นดิ้นเร่าดุจไส้เดือนโดนขุดขึ้นจากดินชื้น กระทั่งศีรษะถูกขยี้แหลกคามือจึงนิ่งไป
ทุกสิ่งที่มีในหัวของมนุษย์ ทะลักล้นมือปิศาจ สีแดงฉานผสมปนเปกับมันสีขาวเยิ้มและเศษกะโหลกร่วงผล็อยกองเผละลงกับพื้น
ปิศาจอาชชี่ โคเว่นละเลียดชิมเศษซากในมือ ก่อนก้มลงฉีกกินร่างนั้นด้วยความทุกข์ทรมาน
ยังมีศพเหลือให้มันได้เลือกสวาปามอีกมาก
ยิ่งฉีกกินเลือดเนื้อเหล่านั้น ร่างกายของมันก็ยิ่งกลับมามีชีวิตดังเดิม
เลือดเริ่มสูบฉีด ผิวขาวซีดค่อยๆ กลับมามีเลือดฝาด บาดแผลเก่าที่ถูกตอกตรึงและบาดแผลใหม่ ค่อยๆ สมาน โดยมีเส้นสายมัดกล้ามเนื้อเกาะเกี่ยวเป็นเนื้อเยื่อเข้าหากัน ดวงตาซีดขาวค่อยๆ กลับมาชัดเจนอีกครั้ง จนเกือบกลายเป็นสีฟ้าสดอย่างที่เคยเป็น
ขบวนรถม้าของบาทหลวงฟรานซิสแล่นเลาะผ่านจัตุรัสเข้ามาหลังจากนั้นเพียงไม่นาน
“ไหนดูซิว่า สภาพศพเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
ท่านบาทหลวงแง้มม่านออกดูก่อนนึกแปลกใจ เมื่อไม่เห็นร่างอาชชี่ โคเว่นอยู่บนนั้น มีเพียงกองอะไรสักอย่างเละเทะอยู่ตรงฐานไม้กางเขน
ถัดไปไม่ไกล ตรงกลางจัตุรัส ท่านบาทหลวงเห็นร่างเปลือยของใครสักคนซึ่งมีผิวขาวผมดำยาวเคลียหลัง กำลังถอดรองเท้าบู้ตทหารสีดำ และกางเกงสีขาวออกจากศพทหารอาร์ชิบอลด์ขึ้นมาสวม รอบกายของร่างนั้นขณะสวมรองเท้า เต็มไปด้วยศพสภาพเละเทะ กองเลือดเจิ่งนองเป็นหย่อมกระจัดกระจาย
เมื่อสวมกางเกงกับรองเท้าเสร็จ ร่างนั้นจึงค่อยๆ หันมา บาทหลวงฟรานซิสถึงกับตกตะลึงอย่างไม่เชื่อสายตา เป็นอาชชี่ โคเว่นนั่นเองที่กำลังกลอกดวงตาสีฟ้าขุ่นมองตามขบวนรถม้าขณะแล่นตัดผ่านจัตุรัส
สภาพร่างกายของอดีตมนุษย์ร่างนั้น ซึ่งท่านบาทหลวงมั่นใจแน่แล้วว่าคือต้นเหตุของกองซากศพมากมาย ดูไม่ต่างอะไรกับตอนมีชีวิตอยู่ ผิดก็แต่เนื้อตัวของมันปราศจากร่องรอยบาดแผลใดๆ ราวกำเนิดใหม่
“พระเจ้า...ช่วย...ของจริงหรือนี่”
ท่านบาทหลวงถึงกับยกมือแตะสี่จุดเคารพองค์พระเป็นเจ้า ก่อนโผล่หน้าออกไปบอกให้คนขับเร่งทำความเร็ว
ร่างปิศาจแห่งอาชชี่ โคเว่น มองตามด้วยแววตาสีฟ้าอย่างมนุษย์ในทีแรก ก่อนแปรเปลี่ยนเส้นเลือดในตาให้แตกเชื่อมเข้าหากัน ทั่วทั้งพื้นที่ตาขาวและตาดำกลายเป็นสีแดงอมดำอย่างรวดเร็ว
หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงรัวถี่อย่างเห็นได้ชัดตามจังหวะพ่นลมหายใจเข้าออก ส่งอวลไอสีขาวอุ่นๆ พวยพุ่งต่อเนื่องออกมาลอยล่องจับกลุ่มกันเป็นมวลหนา พลางทำเสียงครืดคราดทุ้มต่ำในลำคอดังขึ้นเรื่อยๆ คล้ายรวบรวมพละกำลังให้เต็มเปี่ยม เพื่อระเบิดเป็นเสียงร้องคำรามก้องราวกับผุดจากขุมนรกชั้นลึกสุด
"พระเจ้าช่วย!" บาทหลวงและชาวคณะค้อมตัวลงยกมือปิดหู
ปิศาจดันเอากระดูกปีกด้านหลังให้ปูดโปนแทงทะลุผิวเนื้อซีดขาว นำพาพังผืดสีดำขนาดใหญ่คล้ายปีกค้างคาว แผ่สยายออกมาทางด้านหลัง
บาทหลวงบนรถม้าอีกคันถึงกับถลาตัวไปเปิดม่านหน้าต่างออกดู ทันเห็นร่างปิศาจนั้น กำลังพุ่งเข้าหาด้วยแรงส่งจากปีกโหมกระพือแรงเสียงดัง ‘หวู่มม’ จนเศษซากเนื้อรอบตัวปลิวว่อนกระจัดกระจาย
รถม้าคันนั้นเสียหลักหงายล้มทันทีด้วยแรงกระแทกมหาศาล ม้าสี่ตัวล้มลงไปด้วย คนขับกระเด็นตกจากรถ เขามองเห็นปิศาจอาชชี่ โคเว่น กระชากแผงตัวรถด้านข้างออกอย่างง่ายดายราวกระดาษ ก่อนง้างกรงเล็บดำยาวแหลมคมมีเส้นกล้ามเนื้อแทงทะลุเกาะเกี่ยวกันยึดส่วนโคน แล้วกะซวกใส่ใครก็ตามที่นั่งอยู่ในนั้น เลือดพุ่งกระฉูดสาดเปรอะเนื้อตัวของมัน
คงไม่ต้องถามแล้วว่าจะมีใครรอดชีวิตหรือไม่
เสียงหวีดร้องผสมผเสปนเปกับเสียงฉีกกระชากและเสียงคำรามคล้ายสัตว์ใหญ่กำลังฟัดเหยื่อ ยิ่งส่งให้บาทหลวงฟรานซิสตัวสั่นเทิ้ม เขาละล่ำละลักบอกให้เพรฌฆาตประจำกายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม รีบเตรียมปืนขึ้นมา เพรฌฆาตควักปืนพกพลันบรรจุกระสุนอย่างหวาดกลัวเช่นกัน
เสียงจากรถม้าด้านหลังเงียบไปแล้ว ปิศาจอาชชี่ โคเว่นจึงหันมาเล่นงานรถม้าคันที่บาทหลวงฟรานซิสนั่งอยู่
มันกระโดดเกาะหลังรถ ดีดตัวขึ้นไปบนหลังคาแล้วใช้กรงเล็บพุ่งเข้าเสียบคนขับ พลันเขวี้ยงลงไปดักหน้าม้าสี่ตัวที่กำลังวิ่ง ม้าสองตัวด้านหน้าหยุดชะงัก ตะกุยขาหน้าร้องด้วยความตกใจ ก่อนจะทิ้งตัวย่ำลงบนร่างคนขับแบบเต็มแรง
บาทหลวงกับเพรฌฆาตคู่กาย มองหน้ากัน ร่างสั่นงันงก รถม้าหยุดนิ่งสนิท ทั้งสองเงียบฟังเสียงร้องของม้าถูกฉีกกระชาก ก่อนทุกสิ่งจะตกอยู่ในความเงียบสงัด รู้สึกได้ถึงฝีเท้าหนักย่ำพื้นถนนอิฐชุ่มน้ำอยู่ด้านนอก
เงารางๆ ของปิศาจทาบทับลงบนผ้าม่านปิดกระจกห้องโดยสาร ยามมันเคลื่อนผ่านแสงตะเกียงหน้าอาคาร
พวกเขายิ่งขดกายไปกองกันอยู่อีกฝั่งเมื่อเห็นปิศาจอาชชี่ โคเว่นกำลังยืนจ้องมองพลางพ่นลมหายใจหนัก อวลไอสีขาวกระทบกระจกจนขึ้นฝ้า
"คาโร เอท์ แซงกีส์' มันงึมงำภาษาโบราณ ส่งเสียงครืดคราดในลำคอ
"เลือดและเนื้อเหรอ..." บาทหลวงฟรานซิสกระซิบกระซาบ
เขาเข้าใจภาษาโบราณนั้นแน่นอน แต่นั่นไม่ได้ช่วยให้ใจชื้นขึ้นแต่อย่างใด
เพรฌฆาตใช้นิ้วโป้งดันนกปืนลงเสียงดัง ‘กริ๊ก’ บาทหลวงฟรานซิสถึงกับสะดุ้ง ก่อนยกนิ้วชี้ขึ้นแนบปากบอกให้เพรฌฆาตช่วยเงียบเสียง สายตาเหลือบเห็นร่างอมนุษย์นั้นกำลังเมียงมองอยู่นอกรถ มันค่อยๆ กระพือปีกเสียงดัง ‘หวู่ม’ เป็นจังหวะเบาๆ จนบาทหลวงไม่อาจทนความกดดันนี้ต่อไปไหว เขาเปิดประตูรถม้า แล้วพรวดพราดวิ่งออกไปอย่างไม่คิดชีวิต
“ไม่เอาแล้ว...ช่วยด้วย!!!” ชายร่างท้วมร้องเสียงหลง
ปิศาจอาชชี่ โคเว่นกระโจนขึ้นไปบนหลังรถม้าแล้วฉีกกระชากหลังคาบางส่วนออก ประสานสายตากับเพรฌฆาตที่นั่งขดตัวเกร็งอยู่ในนั้น กำลังเหนี่ยวไกปืนรอ พลันยิงแสกหน้า
ศีรษะของมันผงะหงายไปด้านหลังก่อนผงกหัวกลับมาด้วยใบหน้าอาบเลือด
ปิศาจหนุ่มสะบัดคอ ก่อนดันให้กรงเล็บแหลมยาวยืดขึ้นกว่าเดิมแล้วจ้วงร่างนั้นกลางอกทันที
บาทหลวงสับเท้าเร็วรี่ไปถึงกลางจัตุรัส เขาเที่ยวทุบประตูตามบ้านคน ขณะอสุรกายในร่างมนุษย์กระชากลำตัวท่อนบนของเพรฌฆาตขึ้นแล้วสะบัดทิ้ง
คราวนี้มันหันมาให้ความสนใจเขาเต็มที่และเริ่มย่อตัวลง วางแขนลงกับขอบรถ พลันลู่ปีกพังผืดไปด้านหลังก่อนกระพือออกสุดแรง ถีบส่งตัวเองจากรถม้าพุ่งเข้าหาเป้าหมาย ใช้กรงเล็บเสียบน่องชายร่างท้วม แล้วทะยานขึ้นไปบนฟากฟ้าสูงเหนืออาคารบ้านเรือน
บาทหลวงฟรานซิส หวีดร้องไม่หยุดด้วยความกลัวสุดขีด เลือดไหลทะลักทลายย้อยลงมาเปรอะเสื้อผ้าและใบหน้าของเขา วิกที่สวมใส่ร่วงหล่นลงไปด้วยแรงปะทะจากความเร็วลม
ปิศาจอาชชี่ โคเว่นหยุดกลางอากาศสักพักก่อนก้มหน้าสบตากับท่านนักบวช เพื่อให้เขาได้ประจักษ์ถึงการมีตัวตนของไสยเวทในตำนานอย่างเต็มตา
แม้หวาดกลัวจนร่างสั่นเทิ้มไม่หยุด แต่นักบวชร่างท้วมก็ยังมีสติพอจะควักไม้กางเขนออกมาชูใส่ร่างปิศาจนั้นหวังขับไล่มันไป
"จะ...จงกลับไป...ยะ...ยังที่ที่เจ้าจากมา...จงกลับไป...ยังที่ที่เจ้าจากมา..."
ทว่าปิศาจหนุ่มทำเพียงยิ้มรับแล้วกระพือปีกอีกครั้ง ก่อนพาดิ่งลงพื้นด้วยความรวดเร็ว
"นี่ไม่ใช่โลกของเจ้า!! อ้ากกก!!"
บาทหลวงฟรานซิสทำอะไรไม่ถูกนอกจากแหกปากร้องเสียงหลง ก่อนถูกกระแทกลงกับพื้นร่างแหลกเหลว
ปิศาจหนุ่มลุกขึ้นยืน กระทืบร่างนั้นซ้ำ แล้วปลดปล่อยเสียงคำรามกึกก้องด้วยความทุกข์ทรมาน
ลุงเจ้าของร้านเหล้ายกมือปิดปาก เฝ้ามองเหตุการณ์ผ่านช่องหน้าต่างเล็กๆ ด้วยใจสั่นระรัว เห็นอดีตเจ้าเมืองคอร์วัสซึ่งแปรสภาพเป็นปิศาจแล้วโดยสมบูรณ์กำลังตะกุยร่างเหยื่อ ฉีกกินด้วยความหิวโหย
“แม่คะ นั่นเสียงอะไร” เด็กผู้หญิงตัวน้อยหันมาถามแม่ที่กอดนางไว้แน่น
พวกเขาทั้งครอบครัวต่างมารวมตัวกันในห้องนอนเล็กๆ ห่างจากหน้าต่าง
“เสียงสัตว์ร้ายจ้ะลูก” แม่ของนางตอบพลางหลับตาเม้มปากด้วยความหวาดกลัว
นางสบตาสามีที่นั่งอยู่ข้างกันก่อนซบหน้าลงกับอกเขา ทุกคนต่างตกอยู่ในอาการขวัญผวา
ปิศาจแห่งอาชชี่ โคเว่น สะบัดเศษเนื้อทิ้ง มันกลับมาสมบูรณ์แบบ แข็งแกร่งอีกครั้ง พลางเงยหน้ามองไปยังทิศทางที่คฤหาสน์อลิสันตั้งอยู่ ท่ามกลางสภาพเละเทะเกินบรรยายของจัตุรัส
ความคิดเห็น