ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ` [exo] เด็กป่วน ก๊วนหอแตก {chanbaek}

    ลำดับตอนที่ #32 : หอแตก : 29

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 12.68K
      54
      31 พ.ค. 57







    -          2 9  -

     

    เช้าวันใหม่ของผมมีแค่หมอนข้างอยู่ด้วยกัน

    เฮ้ยเดี๋ยวไม่ได้ดราม่า แต่แบบตื่นมาแล้วไม่เจอใคร ผมเอามือปัดป่ายไปข้างๆก็เจอแต่หมอนข้างนิ่มๆ ลุกขึ้นมองนาฬิกาด้วยความงัวเงียมันบอกเวลาประมาณเก้าโมงเช้า เลยจัดการเหวี่ยงตัวเองลงจากเตียงเดินเข้าห้องน้ำไปแบบมึนๆ

    หรือชานยอลจะกลับไปแล้ว

    ไปโดยที่ไม่ปลุกเลยเนี่ยนะ?

    ระว่างที่กำลังแปรงฟันผมก็เดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าอะไรเรียบร้อยแล้ว หาโทรศัพท์วุ่นวายอยู่พักใหญ่ก่อนจะพบว่ามันนอนอยู่ในกระเป๋าเป้ของตัวเอง แบตเหลืออยู่ก้นๆ เพราะผมไม่ได้ใส่ใจที่จะชาร์จ ไม่มีแม้แต่ข้อความหรืออะไรซักอย่างที่ชานยอลจะส่งมาเพื่อบอกว่ามันกลับไปแล้ว

    ไอ้ห่านี่.....

    ผมกัดแปรงสีฟันที่อยู่ในปากก่อนจะกดไลน์แล้วส่งสติ๊กเกอร์ไป ส่งจุดๆเพื่อกวนตีนไม่นานนักมันก็ขึ้นว่าอ่านแล้วแต่ชานยอลไม่ได้ตอบอะไรกลับมา

    นี่จะกวนประสาทกันปะวะ?

    ผมส่งสติ๊กเกอร์กระทืบหมอนไปหลายทีและแน่นอนว่าทั้งหมดนั่นขึ้นว่าอ่านแล้วอีกเหมือนกันแต่ชานยอลก็ยังคงไม่ตอบ ผมวางโทรศัพท์ในมือลงก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อบ้วนปาก จัดการเช็ดหน้าเช็ดตาให้เรียบร้อยแล้วง่วนอยู่กับโทรศัพท์อีกครั้ง

    อ่านแต่ไม่ตอบ.....*โคนี่กระทืบหมอน*

    โอเค...มันอาจจะกำลังขับรถอยู่ มีเวลาเปิดอ่านแต่ไม่ตอบอะไรอย่างนี้

    ผมเดินลงไปยังชั้นล่างโดยถือโทรศัพท์ติดตัวมาด้วยพลางเปิดไลน์เป็นระยะ มุดเข้าครัวเป็นอันดับแรกก่อนจะพบว่ามีแซนวิชวางอยู่บนโต๊ะ คงเป็นข้าวเช้าของผมในวันนี้ ถ้าวันไหนแม่ยุ่งๆข้าวเช้าก็จะกลายเป็นแซนวิชกับนมสองแก้ว แต่ผมมักจะต่อรองให้เหลือแก้วเดียวทุกที

    ไม่น่าเลยกู......เป็นไงล่ะ

    ผมงับแซนวิชในมือก่อนจะเปิดไลน์อีกครั้ง ไม่มีวี่แววว่าชานยอลจะตอบกลับมาและนั่นทำให้ผมหงุดหงิดหน่อยๆ ผมวางจานเปล่าลงในอ่างในขณะที่ปากก็ยังคงเคี้ยวหงับๆและสายตาก็ยังจ้องไปที่โทรศัพท์ที่วางอยู่บนที่พักจาน

    ด้ายยยย! ชานยอลจะเล่นแบบนี้ใช่มั้ย? โอเค!!

    ผมปิดเครื่องแล้วเดินไปที่ห้องรับแขกโยนไอโฟนสีขาวของตัวเองลงบนโซฟาพลางนั่งกอดอกทำหน้าบึ้ง เหลือบมองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นรถคันคุ้นตาจอดอยู่

    หื้อ? ก็ไม่ได้กลับบ้านนี่หว่า

    ผมลากตัวเองออกไปยืนอยู่หน้าบ้านมองดูรถ คันนี้ของชานยอลแน่ๆเมื่อวานผมนั่งมาทำไมจะจำไม่ได้ หันซ้ายหันขวาก่อนจะเริ่มเดินไปรอบๆบ้าน

    “เห็นชานยอลมั้ยครับ?”

    ผมเอ่ยปากถามลุงคนสวนที่กำลังหิ้วกระสอบปุ๋ย แกหันมามองหน้าผมก่อนจะส่งยิ้มบางๆแล้วเดินออกไป ทิ้งให้ผมยืนงงกับคำตอบที่ไม่สามารถตีความได้แบบนั้น

    ตกลงว่าเห็น? หรือไม่เห็น? หรือยังไง?

    นี่พี่ชายผมทำอะไรอีกดิ!!!

    ผมเดินกลับเข้าไปในตัวบ้านแล้วเดินขึ้นชั้นสองไล่เปิดห้องของพี่ชายทีละคนก่อนจะพบว่าไม่มีใครอยู่ในห้องของตัวเองแล้ว พร้อมใจกันหายตัวไปพร้อมกับชานยอลในช่วงเช้า ผมวิ่งลงมาที่ชั้นล่างอีกครั้งและคราวนี้ก็รีบรั้งตัวแม่บ้านด้วยเสียงเรียกที่ติดจะโมโห

    “เห็นพี่คริสบ้างมั้ยครับ?”

    “เอ่อ.......”

    “พี่อีทึกล่ะ?”

    “อ่า........”

    “พี่แบคบอมด้วย”

    “............”

    “เขาสั่งไม่ให้บอกใช่มั้ย ไม่เป็นไรครับผมรับผิดชอบเอง” ผมทำหน้าจริงจังจนในที่สุดคุณป้าแม่บ้านก็ยอมเอ่ยปาก

    “เห็นว่าไปที่คอกม้ากันน่ะค่ะ”

    “คอกม้าอีกแล้ว?” ผมถามเสียงสูงในขณะที่คุณป้าแม่บ้านก็พยักหน้าเบาๆ ผมเลยตัดสินใจเดินออกไปนอกบ้านอีกครั้งยัดโทรศัพท์ที่ไม่ได้เปิดเครื่องเข้าที่กระเป๋ากางเกงแล้วขโมยจักรยานของคุณลุงคนสวน เหตุการณ์คล้ายๆแบบเดิมไม่มีผิดและพี่ๆก็ทำให้ผมโกรธนิดหน่อย แน่นอนว่าคนที่ผมโกรธที่สุดคงไม่พ้นพี่แบคบอม เห็นๆอยู่ว่าเมื่อวานตั้งแง่กับชานยอลขนาดไหน

    ที่ซ้อมไปคราวนั้นยังไม่พอหรือไง!

    แฟนน้องไม่ใช่ที่รองมือรองเท้าพี่ชายนะโว้ย!

    นี่ผมโกรธมากนะ โกรธมากจริงๆ

    ปั่นจักรยานไปก็ทำท่าฟึดฟัด คนที่จะข่มเหงชานยอลได้จริงๆแล้วควรเป็นผมแค่คนเดียวป้ะ จริงๆผมไม่ควรยอมตั้งแต่คราวที่แล้วด้วยซ้ำให้ตายห่า เป็นไงล่ะคราวนี้ได้ใจกันไปใหญ่ ไอ้ชานยอลก็เหมือนกันคิดบ้าอะไรอยู่ทำไมถึงยอมให้พี่ผมย่ำๆๆเอาแบบนั้น

    เปลี่ยนมาเป็นเมียกูเลยดีมั้ย?

    ผมเห็นพี่ชายทั้งสามคนยืนอยู่ลิบๆก่อนจะรีบปั่นจักรยานให้เร็วขึ้น พอถึงก็เบรคอย่างเร็วก่อนจะโยนพาหนะตัวเองทิ้งแล้วเริ่มที่เฮียคริสคนแรก

    “ชานยอลอยู่ไหน?”

    “เอ่อ.....” เฮียไม่ตอบแต่หันไปมองหน้าพี่คนรองและพี่คนรองก็หันไปมองพี่คนโต ดังนั้นพี่แบคบอมก็มองกลับมาที่เฮียคริสอีกครั้งวนเป็นลูปไป ผมไม่รอฟังคำตอบก่อนจะพยักหน้าน้อยๆแล้วกระแทกเท้าปึงปังเดินเข้าไปในคอกม้าสอดส่ายตาหาเผื่อว่าไอ้ประธานนักเรียนนั่นอาจจะโดนพี่ใช้ให้มาเก็บขี้ม้าอะไรทำนองนั้น

    แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา ไม่มีอะไรอยู่ในนี้นอกจากม้า แต่ก่อนที่จะเดินออกมาผมพบว่าไอ้เบค่อนม้าของผมหายไป....

    “พี่อีทึก! เบค่อนหายไปไหน? ชานยอลเอาไปใช่มั้ย!?

    ผมเดินหัวหมุนออกมาจากคอกม้าแต่แน่นอนว่าก็ยังไม่มีคำตอบอะไรออกมาจากปากพี่ชายของผมเลยซักคน ปล่อยให้ผมพูดอยู่คนเดียวเหมือนคนบ้า การกระทำเหล่านั้นรังแต่จะทำให้ผมอารมณ์เสีย

    “ตกลงจะไม่มีใครพูดกับแบคใช่มั้ย?”

    ผมสูดลมหายใจเข้าลึก โอเค...ชานยอลมันก็พอจะมีพื้นฐานขี่ม้าได้บ้างแต่ผมไม่คิดว่ามันจะเก่งอะไรมากมาย ม้าทุกตัวในที่นี้จะต้องลงบันทึกเวลาไว้ว่าพาออกไปกี่โมงและกลับมากี่โมง เบค่อนออกไปได้สองชั่วโมงกว่าแล้วและตอนนี้ยังไม่กลับมา

    หายไปสองชั่วโมงแล้วยังไม่กลับมาทำไมถึงยังเฉยกันอยู่อีก?

    “โคตรผิดหวัง....บอกเลยว่าผิดหวังมาก....”

    “.......”

    “แบคไม่รู้หรอกว่าพี่จะโกรธจะเกลียดอะไรไอ้ชานยอลมันนักหนา แต่แบครักมันได้ยินมั้ย? แบครักไอ้ชานยอลอะ!

    “........”

    “คนที่น้องรักพี่ก็ควรจะรักไม่ใช่หรอ?” ผมน้ำตารื้น รู้สึกผิดหวังในตัวของพี่ชายตัวเองจนอธิบายอะไรออกมาไม่ได้ พี่อีทึกทำสีหน้าอ่อนใจแล้วเอ่ยปากเหมือนจะพูดกับผมแต่มือของพี่แบคบอมก็ปรามเอาไว้เสียก่อน เห็นแบบนั้นผมเลยสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะเดินกลับเข้าไปในคอกม้าจูงไอ้สเตซี่ม้าของพี่คริสออกมา

    ชื่อม้ายังแรดอะคิดดู....

    ไม่....ผมเครียดอยู่

    “ถ้าไม่มีใครไปตามแบคไปเอง”

    “...........”

    “แล้วถ้าชานยอลเป็นอะไรขึ้นมา......”

    “..........”

    “แบคจะไม่พูดกับพวกพี่อีกเลย สาบาน” ว่าจบเพียงแค่นั้นก่อนจะเหวี่ยงตัวขึ้นมาแล้วควบออกไปนอกรั้วขึ้นไปยังเขาตามเส้นทางพลางตะโกนเรียกชื่อของชานยอลไปด้วย ก่อนออกมาเห็นพี่อีทึกถอนหายใจเบาๆในขณะที่เฮียคริสเองก็โอบบ่าเอาไว้ คนที่ผมโกรธที่สุดก็ไม่พ้นพี่แบคบอมอีกนั่นแหละ

    ผมเริ่มชะลอเมื่อเห็นกิ่งไม้วางเลี้ยวเข้าไปในป่า ผมบังคับคุณสเตซี่สี่ขาให้เลี้ยวตามเข้าไป ต้นไม้ใหญ่บนเขาบดบังแสงอาทิตย์ไปจากตรงนี้ ถ้าจำไม่ผิดผมคิดว่ามันเป็นทางไปน้ำตกที่เมื่อก่อนตอนเด็กๆพ่อจะพามาบ่อยๆ แต่พอโตขึ้นผมก็ขี้เกียจ ยังคงมีกิ่งไม้วางอยู่ตามทาง ผมไม่คิดเร่งให้สเตซี่วิ่งพรวดพราดเหมือนตอนแรกเพราะกลัวว่าตัวเองจะทำกิ่งไม้เคลื่อนผิดที่ผิดทาง

    อย่างน้อยเริ่มตามชานยอลจากตรงนี้อาจจะไม่เสียหาย

    ได้ยินเสียงน้ำตกดังอยู่ไม่ไกลมากเท่าไหร่ ผมกระโดดลงจากหลังม้าของเฮียคริสแล้วดึงสายจูงออกมาแล้วเดินนำหน้ามันไป ไม่นานนักก็เห็นเบค่อนถูกผูกไว้ตรงต้นไม้ใหญ่ผมหันไปผูกสายจูงไอ้สเตซี่กับต้นไม้อีกต้นแล้ววิ่งเข้าไปหาลูกรักของตัวเอง

    “เป็นอะไรมั้ย? เห็นชานยอลหรือเปล่า”

    ผมกอดเข้าที่คอของมันก่อนจะลูบที่หน้าของเบค่อนเบาๆพลางเอ่ยปากถาม มันเอาจมูกชื้นๆดันมือผมแล้วสะบัดหางไปมา ทำให้ผมเห็นเศษกระดาษที่ติดอยู่ตรงต้นไม้เขียนด้วยลายมือของคนที่ผมคุ้นเคยดี

    ช่วยด้วย

    แทบจะไม่ต้องคิดผมวิ่งรุดเข้าไปด้านใน ปากก็ตะโกนเรียกชื่อไอ้ชานยอลจนเจ็บคอ น้ำตารื้นขึ้นมานิดหน่อยเมื่อคิดได้ว่าจะมีอันตรายอะไรเกิดขึ้น ยิ่งเดินเข้าไปก็ยิ่งใกล้กับน้ำตก ผมเดินไปตามเสียง แหวกใบไม้ใบหญ้าออกก่อนจะปีนป่ายอีกเล็กน้อย ไม่นานนักผมก็ขึ้นมายืนอยู่บนหินขนาดใหญ่ ตรงนี้เมื่อก่อนเป็นที่กินข้าวกลางวันของครอบครัวเราเวลามาเล่นน้ำตก ตอนนี้มีเหล่าบรรดาลูกโป่งกับดอกไม้สารพัดชนิดเต็มไปหมด

    ผมกลืนน้ำตาที่ไหลออกมาในตอนแรกลงคอแล้วเดินเข้าไปอย่างงงๆ กระถางดอกไม้ต่างๆถูกเอามาเรียงเป็นรูปหัวใจตรงกลางของกระถางต้นไม้รูปหัวใจมีลูกโป่งอยู่แปดใบซึ่งแต่ละใบมีตัวอักษรอยู่บนนั้น เรียงเป็นคำว่า

    ‘BAEKHYUN’

    ด้านล่างของรูปหัวใจทำเป็นทางเดินเหมือนกับให้ผมเดินเข้าไปแน่นอนว่าผมก้าวเข้ามาแล้ว ก้าวเข้ามาอยู่ในหัวใจของใครบางคนที่ไม่ยอมปรากฎตัวออกมาตอนนี้ หันมองซ้ายมองขวาก็ยังไม่เห็นและนั่นทำให้ผมใจไม่ดีอีกครั้ง

    “ชานยอล.....”

    “.........”

    “ชาน....ยอล”

    “........”

    “ปาร์คชานยอล” ยิ่งเรียกเสียงผมก็ยิ่งสั่น ด้วยความเป็นห่วงผมก็ทำท่าจะเดินออกจากรูปหัวใจแต่ร่างสูงของไอ้ประธานนักเรียนก็เข้ามาอยู่ในสายตาเสียก่อน ในขวาของมันมีดอกกุหลาบสีขาวซึ่งคาดว่ามันน่าจะเด็ดมาจากสวนบ้านผมนั่นแหละ

    “จะออกไปง่ายๆแบบนั้นไม่ได้นะ”

    “..........”

    “เข้ามาอยู่ในใจของคนอื่นแล้วจะออกไปง่ายๆได้ยังไง”

    ผมเงียบ ชานยอลเงียบและไม่สบตา แก้มอีกคนขึ้นสีเรื่อๆไม่รู้ว่าร้อนหรือเขิน

    แม่งโคตรเสี่ยว......

    คือ ณ จุดจุดนี้แล้วถามว่ารู้สึกอะไรมั้ย ตอบได้เลยว่าเขินโคตรแม่แต่แบบโกรธมากกว่าเข้าใจอารมณ์ผมมั้ย เหมือนถูกหลอกอะ อุตส่าห์เป็นห่วงแทบตายแต่เสือกมายืนทำเสี่ยวอยู่นี่เนี่ยนะ? ไม่ได้คิดถึงใจคนที่เขาเป็นห่วงบ้างเลยหรือไง....

    ผมยังคงเงียบไม่ตอบรับอะไรอีกคนจนกระทั่งไอ้ชานยอลก้าวเท้าเข้ามาบ้าง มันจับมือผมก่อนจะยัดก้านกุหลาบที่ไร้หนามให้ผมถือเอาไว้ก่อนที่มือใหญ่จะกุมไว้อีกที

    “แบคฮยอนอา....”

    “ไม่ต้องมาเรียกเลยไอ้คนนิสัยไม่ดี.....! แม่ง....”

    “ฮื่อ ไม่เอาไม่พูดคำหยาบ ขอสิบนาที”

    สิบนาทีหรอ? ขอเยอะไปปะ

    ผมทำคอแข็งแต่รู้สึกว่าตัวเองรู้สึกแสบๆตาชอบกล ชานยอลเอื้อมมือมาลูบแก้มผมเบาๆและนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงไม่กล้าหันไปสบตากับมัน “นี่แบคฮยอน.....”

    “ไอ้คำว่าช่วยด้วยที่แปะอยู่บนตัวของเบค่อนคืออะไร”

    “ถ้าจับกางออกจะเห็นคำว่า ช่วย(ตามหาหัวใจ)ด้วย นี่ไม่ได้เปิดเลยใช่มั้ย?”

    “ใครมันจะไปรู้ว่าต้องเปิด....ตกใจหมด”

    ผมบ่นพึมพำแล้วยกมือขึ้นชกอกอีกคน ชานยอลจับมือของผมเอาไว้กางนิ้วของผมออกแล้ววางลงบนอกด้านซ้าย ถึงผมจะไม่ได้ยินเสียงแต่ก็พอรู้ว่าตอนนี้หัวใจของอีกฝ่ายเต้นรัวนาดไหนบ่งบอกได้เลยว่ามันเองก็รู้สึกตื่นเต้นจนจะตายอยู่แล้ว ผมค่อยๆเงยหน้าขึ้นและพบว่าตัวเองคิดผิดโคตรๆที่ทำแบบนั้น

    จะตายกับสายตาของปาร์คชานยอลอยู่แล้ว

    ริมฝีปากได้รูปกระตุกยิ้มน้อยๆก่อนที่มันจะฉวยโอกาสกับริมฝีปากของผมเพียงแผ่วเบา เป็นวินาทีสั้นๆแต่กลับอบอุ่นไปถึงขั้วหัวใจ “เป็นห่วงอะดิ้”

    “ห่วงห่า......”

    “สิบนาที”

    “ห่วงอะไร แค่กลัวว่าจะไม่มีลูกชายไปคืนคุณนายปาร์คหรอก” มันก้มลงมาจูบปากผมแรงๆ อาจจะเพราะด้วยความหมั่นเขี้ยว ผมร้องโวยวายเบาๆ “อะไรอีกไอ้คนกาม!

    “ปากแข็งจังเลยทั้งที่ตอนจูบออกจะนิ่มขนาดนี้”

    “มีอะไรจะพูดก็พูดมาเร็วๆ เดี๋ยวสิบนาทีหมดแล้วจะได้สวดต่อ”

    ไอ้ชานยอลหัวเราะออกมาก่อนจะเลื่อนมือรั้งเอวผมเอาไว้ให้ขยับเข้าไปใกล้ ยกเวลาสิบนาทีให้เป็นของชานยอลผมจะไม่หือไม่อือและทำตัวว่าง่าย ไม่นานนักเสียงหัวเราะก็เหลือเพียงรอยยิ้มที่แต่งแต้มเพียงมุมปาก มันก้มหน้าลงมามองผมที่อยู่ภายในอ้อมกอดแข็งแรง

    “วันนั้นต้องไม่ได้ยินแน่เลย”

    “ได้ยินอะไร”

    “ที่บอกว่ารัก”

    “.............”

    “มันกลายเป็นคำว่ารักไปแล้วแบคฮยอน”

    ผมหลบสายตาอีกคนไม่ได้และคิดว่าทางเลือกต่อมาคือระเบิดตัวเองตาย หากมีสวิตซ์ผมจะกดให้ตัวเองแยกเป็นส่วนๆในตอนนี้ เดี๋ยวนี้เลย!

    เขินจนตัวจะแตกแล้ว แง......

    “อยากพูดอะไรบ้างยัง?” มันยังไม่ยอมปล่อยแขนออกจากเอวผมแต่นั่นก็ไม่ได้เป็นปัญหา ผมคิดว่านี่อาจจะครบสิบนาทีไปแล้ว และพอจะขยับปากพูดบ้างริมฝีปากก็ทาบทับลงมา ชานยอลฉวยโอกาสกับผมอีกครั้งในรอบวัน ลิ้นร้อนแทรกเข้ามาทันทีเพราะเป็นช่วงเวลาเผลอก่อนจะออกแรงดูดริมฝีปากของผมเบาๆคล้ายกับจะบอกว่ามันต้องการผมแค่ไหน แขนแข็งแรงรัดเอวผมให้แน่นขึ้นและไม่นานนักก็ผละออกไป

    “ครบสิบนาทีพอดีเลย”

    “ไอ้....ชานยอล!

    “มีแค่นี้?”

    “กล้าดียังไงมาทำให้กูต้องเป็นห่วงแบบนี้แล้วคิดจะบอกซักคำบ้างมั้ยว่าจะไปไหน ไลน์ไปหาอย่างน้อยบอกบ้างก็ได้ว่ามึงยังไม่ตาย มึงเล่นเปิดอ่านแต่ไม่ตอบคนเขาก็ตกใจหมดดิวะ แล้วไอ้ช่วยด้วยๆอะไรของมึงนี่คิดว่าสร้างสรรค์มากหรือไงตกใจจะตายห่าอยู่แล้ว”

    “............”

    “รู้มั้ยว่าเพราะมึงอะกูเลยพาลไปอารมณ์เสียใส่พี่ นึกว่าพวกเขากลั่นแกล้งอะไรมึงอีก”

    “ทำไมต้องทำแบบนั้นล่ะ?” ชานยอลถามขึ้นมายิ้มๆ ผมถลึงตาใส่มันนิดหน่อย นี่กว่าจะร่ายยาวออกมาขนาดนี้แม่งยังทำไก๋เหมือนไม่รู้เรื่องอีกได้ยังไง แต่อย่างว่าอารัมภบทก็คืออารัมภบทถ้าจะให้รู้จริงๆแม่งก็ต้องตรงประเด็นเลยสินะ

    “กูรักมึง”

    “ว้า....โคตรเถื่อนเลย”

    คิ้วผมกระตุกและดูเหมือนว่าขาผมก็กระตุกด้วย ยกกระแทกเป้ามันเบาๆ หลังจากนั้นผมก็กระแอมไออีกครั้งหลบเลี่ยงที่จะไม่สบตากับอีกฝ่าย

    “รัก.....รักชานนะ”

    “ใครรักอะ สายลมแสงแดดและธรรมชาติหรือไง” ผมเหวี่ยงแขนฟาดไอ้คนกวนประสาทอีกทีก่อนจะพูดอ้อมแอ้ม

    “แบคฮยอน....รัก....ชานยอลนะ!

    “เสียงน้ำตกดั๊งดังพูดอะไรไม่ได้ยินเลย”

    “ไม่พูดแม่งแล้วไอ้ห่า!” ในที่สุดผมก็หมดควาอดทนผลักอีกคนออกด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ เสียงหัวเราะของชานยอลดังไปทั่วน้ำตกก่อนที่มันจะกอดผมอีกที ริมฝีปากมันแนบลงบนศีรษะของผมเบาๆ “ได้ยินแล้ว ได้ยินชัดเลยแหละที่จริง”

    “ก็เงี้ยมึงก็เงี้ยแกล้งตลอด”

    “ก็มึงน่าแกล้ง”

    “ไม่ต้องเลย”

    “พี่แบคบอมฝากมาบอกว่าขอโทษ....ยกโทษให้ด้วย”

    “ป่านนี้ร้องไห้แล้วมั้ง....”

     

    Byun brothers Part

    หลังจากที่น้องชายคนเล็กของบ้านควบม้าออกไปพร้อมกับทิ้งคำขู่ที่แสนจะทำร้ายจิตใจของคนเป็นพี่ทิ้งเอาไว้ด้วยใบหน้าที่มุ่งมั่นและเอาจริง สามคนที่เก๊กอยู่นานต่างก็พากันยกหมัดชกอากาศด้วยความหงุดหงิดใจ ทำดีแล้วยังโดนด่าไม่รู้ว่าจะโกรธใครดี จะโกรธน้องชายตัวเองไม่ใช่เรื่องแต่ถ้าโกรธไอ้ชานยอลก็เดี๋ยวจะโดนงอนซะอีกที

    “พี่บอมห้ามผมทำไม....ใจจะขาดเห็นน้องร้องไห้”

    “เดี๋ยวแผนก็แตก ที่ทำมากันตั้งแต่เช้าก็ไม่มีความหมายสิ”

    พลันนึกไปถึงตอนเช้าแล้วก็ยังฉุนอยู่นิดหน่อย อุตส่าห์ให้คริสยกที่นอนเข้าไปให้กลับกลายเป็นว่าสุดท้ายก็นอนกกกันอยู่บนเตียง ยิ่งเห็นไอ้ตัวเล็กของบ้านเป็นฝ่ายซุกอยู่ในอกของคนที่ไม่ใช่สายเลือดเดียวกันก็ยิ่งฉุน หากไม่ติดว่ามีแผนอยากให้แบคฮยอนได้รู้สึกซาบซึ้งและประทับใจบ้าง ไอ้ชานยอลโดนสกรัมตายคาเท้าแล้ว

    ใช่.....เขาสามคนวางแผนให้ชานยอลไปทำเซอร์ไพร์สอยู่ในป่าข้างน้ำตก

    โอ้โหคนคิดนี่โคตรพระเอกครับบอกเลย

    แต่ไอ้ที่โดนแบคฮยอนโกรธบอกเลยว่าไม่ได้อยู่ในแผน...............

    ว่าที่หมอในอนาคตที่ใจแข็งมามากมายเวลาเห็นเลือดเห็นเข็ม กลับมาใจอ่อนเพียงแค่เห็นน้ำตาของน้องคนเล็กของบ้าน ทำท่าจะหลุดแผนออกไปแต่ดีว่าพี่ชายคนโตห้ามเอาไว้เลยไม่ทันได้พูดอะไร

    “แบคต้องโกรธมากแน่เลย โอ๊ย เรื่องเมื่อคืนยังไม่ทันได้ง้อ เรื่องเช้านี้ก็ยังมาซ้ำเอาอีก”

    “พี่โดนหนักสุดแหละ” คริสเย้าก่อนจะกลั้นหัวเราะ สองคนนี้ชิงดีชิงเด่นเรื่องน้องรักไม่รักมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่กับพี่คนรองทุกคนมักจะมีความเกรงใจอยู่กลายๆ อาจจะเพราะช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาได้พบกันมากนักเลยไม่อยากจะแหย่ให้มีเรื่องปวดหัวเพิ่ม

    อีทึกเป็นนักศึกษาแพทย์ ยิ่งตอนนี้ต้องอยู่โรงพยาบาลก็มีเรื่องเครียดมากพอแล้ว

    แต่เรื่องวันนี้คงจะสร้างความปวดหัวให้ไม่มากก็น้อยล่ะ

    “จะเห็นกิ่งไม้หรือเปล่า”

    “จะไปถูกทางมั้ย?”

    “จะเจอชานยอลหรือเปล่านะ?”

    พลันกันรำพึงรำพันกันคนละประโยคก่อนจะตัดสินใจทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นดินรออีกสองคนกลับมา น้องคนเล็กในตอนนี้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งไลน์ไปหาใครอีกคนที่อยู่ในน้ำตกว่าแบคฮยอนไปแล้ว

    “ชานยอลจริงจังหรือเปล่าคริส” แบคบอมเอ่ยขึ้นมาเรียกให้คนที่กำลังจับโทรศัพท์หันไปมอง “ยอมโดนซ้อมขนาดนั้นพี่บอมยังคิดว่าไม่จริงจัง?”

    “ก็เป็นห่วง.....แบคฮยอนยังเด็ก”

    “พี่มีแฟนคนแรกตอนปอหก ผมจำได้” อีทึกสวนขึ้นมาทันควันเรียกให้พี่ชายคนโตเบ้ปาก “มันไม่เหมือนกัน”

    จะว่าไปมันก็แบบนั้น....

    อีทึกพยักหน้าน้อยๆ ถ้าจะบอกว่าไม่หวงเลยก็คงไม่ถูก ในตอนแรกเขาเองก็ฉุนที่ได้ยินมาว่าแบคฮยอนโดนจีบ ถึงจะเคยวางภาพไว้ว่าในไม่ช้าน้องชายคนเล็กของบ้านอาจจะหาน้องสะใภ้ได้แต่สุดท้ายเขาก็ไม่แปลกใจที่จะได้น้องเขยแทน เพราะฉะนั้นเพิ่งพิสูจน์ความจริงเขาเลยจำเป็นต้องแอ๊บโหด แต่ตกม้านั่นเรื่องจริงและดูแล้วว่าชานยอลไม่ใช่ประเภทเอาชนะเพื่อได้รับการยอมรับ แต่เป็นการเอาใจใส่ต่างหาก

    จะเรียกว่าแบคฮยอนโชคดี ชานยอลโชคร้าย....ก็คงจะได้มั้ง

    “น้องคนเล็กแซงหน้าพี่ไปหมดเลยวุ้ย”

    พี่ชายคนโตบ่นอุบก่อนจะหยิบก้อนกรวดแถวนั้นปาไปด้านหน้าพลางถอนหายใจออกเฮือกใหญ่ บยอนคนเล็กมีแฟนไปแล้วหลังจากนี้คงจะไปอ้อนแฟนมากกว่าอ้อนพี่ชายอย่างเขาใช่มั้ย? ด้วยความที่เป็นพี่คนโตพอรู้ว่าแม่มีน้องอีกคนที่อายุห่างกับสิบกว่าปีก็รู้สึกตื่นเต้น แล้วยิ่งน้องเล็กมาเอาอกเอาใจตอนเขากำลังเหนื่อยแล้วยิ่งรู้สึกว่าโลกนี้อะไรๆก็เป็นน้องชายไปซะหมด

    โดนแฟนบอกเลิกก็เพราะติดน้องมากเกินไปนี่แหละ....

    “น้องมันมีไปแล้ว ก็ได้เวลาของพี่แล้วมั้ง”

    บยอนคนรองเย้าก่อนจะเอาไหล่แซะพี่ชายของตัวเองน้อยๆ “จะสามสิบแล้วนะพี่บอม ไม่มีน้ำยา?”

    “ย่าห์ๆ แกคอยดูไว้เถอะอีทึก อีกไม่นานนี้หรอก”

    “โอเค อย่าให้นานผมจะรออุ้มหลานแล้วกัน”

    คราวนี้ก็ไม่ต้องหาแล้วล่ะว่าใครเป็นคนยุให้พี่คนโตพาสาวมาเปิดตัวที่บ้าน.....

    End Byun brothers Part

     

    Talk -29-

    ข่าวลือ
    มักถูกสร้าง…โดย “คนที่เกลียด”
    ส่งต่อ….โดย…”คนไม่คิด”
    และ…ถูกเชื่อ…โดย…”คนหูเบา”

    ที่มา : http://www.thaiquip.com/category/คำคมสอนใจ

    จริงๆมันก็จบแล้วอะ.....
    จบแล้วนะ ._____. อิ้
    ตอนหน้าสั้นๆ ไม่มีไรมากมายเลย
    แล้วก็ลงสเปอีกหนึ่งตอนนน เป็นเกี่ยวกับวาเลนไทน์เกรียนๆ...
    อะเฟรรร เลิ้บนะค่าบบบบ

    รักเตงเสมอมา <3 ชุ้บๆ

    ปล.จบแบ้วนะ
    ปล.สอง ก็ยังไม่จบหรอก
    ปล.สาม อย่าลืมเม้นและติดแทค
    #ฟิคหอแตก #พี่แบคหอสาม

     




     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×