คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : หอแตก : 16
-16-
ไอ้ชานยอลนอกจากจะกาม(?)แล้วยังเสี่ยวแดกอีกด้วย
ไม่ครับ หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไร ผมลุกเดินหนีและเข้าบ้านมาเลย ไอ้ชานยอลก็นอนบ้านสองแฝดในวันนั้น ผมนอนที่ห้องของพวกมันสองคนส่วนไอ้ประธานที่ไม่ได้รับเชิญก็นอนห้องของแขกไป นอนสะดิ้งบิดไปบิดมาจนหวิดจะโดนไอ้เซฮุนถีบตกเตียง ผลที่ได้คือผมล้มตัวลงบนเตียงตอนห้าทุ่มและหลับตาลงได้ตอนเที่ยงคืน
ไอ้ชานยอลแม่งงงงงงงง
เป็นแฟน? โอ้โห ผู้ชายสองคนเป็นแฟนกันตลกตายห่าเลยครับ...
ตื่นเช้าวันถัดมาทุกอย่างมันก็ปกติ ผมเลี่ยงที่จะอยู่กับมันสองต่อสอง ไม่มีใครแปลกใจอะไรไอ้ชานยอลก็ยังทำตัวเหมือนเดิม ซึ่งผมโอเคมากกกกก ดูหน้าผมดิ โอเคมากกกกกกกกก!
ทำไมถึงทำตัวเหมือนกับว่าเมื่อคืนแม่งแค่เดินผ่านมาแล้วกลับไปนอน!!!!
โห่ไอ้ห่า ถ้าจะมาพูดแบบนั้นแล้วทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต่อยหน้ากันเลยดีกว่า
“มึงทำตัวเหมือนตุ๊ดเสียซิงมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะแบคฮยอน”
ระหว่างที่กำลังยัดเสื้อผ้าลงไปในตู้ล็อคเกอร์เซฮุนก็เดินมาหยุดอยู่ข้างๆแล้วเอ่ยปากด้วยคำพูดที่ชวนตีกันเสียเหลือเกิน ผมปิดประตูล็อคเกอร์ดังปัง! แล้วยกมือขึ้นดันหน้าผากไอ้แฝดคนน้องให้ถอยห่างก่อนจะเดินไปที่โรงยิมด้วยใบหน้าที่ไอ้เซฮุนบอกว่าเหมือนตุ๊ดเสียซิง
“เป็นไรเนี่ย เมื่อเช้าขี้ไม่ออกหรอวะ?”
“ออก!”
“เอ้า แล้วทำไมหน้าบูด” ไม่ว่าเปล่ายังจับแก้มผมดึงยืดไปยืดมา “ไอ้ฮุน!”
“ไม่ได้ยินเสียงมึงแว้ดๆแล้วรู้สึกว่านี่มันไม่ใช่มึงอะ”
“ไอ้โรคจิต”
“ไอ้ห่านี่.....ไปหาผัวมึงเลยไป” ไอ้เซฮุนผลักผมให้เดินไปข้างหน้าเมื่อพบว่าชานยอลอยู่ไม่ห่าง ผมหันไปสบถยาวใส่ไอ้แฝดก่อนจะหันไปมองชานยอลที่กำลังมองอยู่ ผมสะบัดหน้าใส่มันไปหนึ่งทีด้วยความสะดิ้งแต่สุดท้ายก็ต้องเดินไปเข้าคู่เมื่อพบว่าใกล้จะได้เวลาเรียน
“เตี้ยงอนไรกู?”
“งอนห่าอะไรไม่มี”
“แล้วสะบัดผมใส่เพื่อ??”
“เพื่อความสะดิ้ง” ตอบโดยไม่มองหน้า ไอ้ชานยอลเลยวางมือลงบนศีรษะผมแล้วบังคับให้สบตากัน ผมเห็นมันขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจนิดหน่อย แต่ยังไม่ทันจะได้ถามอะไรต่อครูพละก็เดินเข้ามาในโรงยิมเสียก่อน
“นักเรียนคนไหนอยู่หอสามยกมือขึ้นครับ”
ได้ยินคำถามแล้วก็ยกมือขึ้นอย่างงงๆ ไอ้ชานยอลมองหน้าด้วยความไม่เข้าใจผมก็ได้แต่ส่ายหัว
“โอเค ถ้านักเรียนหอสามคนไหนเต้นเป็นผู้หญิงผมอนุญาตให้คุณหาคู่ใหม่ อีกสองอาทิตย์จะมีงานเลี้ยงที่ฝั่งหญิงใช่มั้ย? ผมจะให้คุณเต้นของผู้ชาย เวลาไปงานเลี้ยงจะได้ไม่ขายหน้าทำเสียชื่อผม”
เหยด......และวันนี้ก็มาถึง
“บ๊ายบาย~~~~”
โบกมือลาและฉีกยิ้มกว้างใส่ไอ้ชานยอลก่อนจะพุ่งเข้าไปหาคยองซูที่กำลังยืนทำหน้าไม่รู้เรื่อง ไอ้เทาสบถพึมพำก่อนจะเดินไปหาคนที่เพิ่งถูกผมทิ้ง ดวงตาคู่โตนั่นหันมามองผมเหมือนกับจะประมวลผลอะไรบางอย่าง
“เปลี่ยนคู่?”
“ช่าย~ กูต้องเต้นเป็นผู้ชายไง”
“แล้วมึงทำเป็น?”
“........คิดว่าพอได้”
คยองซูทำหน้าเหมือนไม่ค่อยมั่นใจในตัวผมซักเท่าไหร่ เห็นแบบนั้นแล้วพี่แบคหอสามยิ่งฮึกเหิม ด้วยความมั่นใจรีบแตะลงบนบ่าเล็กๆของคยองซูอย่างลืมตัว
“มึงต้องจับเอวกู...แล้วมือที่จับเอวกูต้องเป็นมือขวาไม่ใช่มือซ้าย”
“หรอ” ผมขมวดคิ้วแน่นก่อนจะเปลี่ยนตำแหน่งมือ คยองซูมองแล้วก็หัวเราะออกมาเบาๆ ผมมองมันด้วยความไม่เข้าใจ “หัวเราะอะไรวะ”
“ถ้าไม่ไหวให้ชานยอลสอนมั้ย?”
“เรื่องอะไร มันก็หัวเราะเยาะเอาดิ”
“เอาล่ะๆ ผมจะสอนใหม่ตั้งแต่พื้นฐาน ทวนแค่สามรอบและนอกนั้นพวกคุณต้องไปฝึกกันเอาเอง อาทิตย์หน้าผมก็จะทวนให้อีกที มีใครมีปัญหาอะไรมั้ย?”
“ไม่ครับ” และท้ายที่สุดครูก็เริ่มสอนใหม่อีกครั้ง ไอ้ชานยอลกับเทายังคงเถียงกันว่าใครจะเต้นเป็นฝ่ายหญิง ผมแอบมองอยู่ห่างๆเหมือนชานยอลจะพูดอะไรซักอย่างจนไอ้เทาบ่นพึมพำแล้วยอมเต้นเป็นฝ่ายหญิง
ส่วนเซฮุนกับจงอินก็แยกไปจับคู่กับคนอื่น เด็กของหอสามตอนนี้กระจายไปทั่ว ผมยกยิ้มน้อยๆและหวังว่าจะได้เต้นคู่คยองซูไปจนกว่าจะหมดเทอม “แบคฮยอน...เหยียบตีนกู”
“โทษที”
“อีกแล้ว”
“เฮ้ย ไม่ได้ตั้งใจ”
“อย่าเร็วดิวะ เฮ้ย เฮ้ยยย!!” เอาอีกแล้ว...เหมือนจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำแต่ไม่ใช่กับคนเดิม เพราะผมก้าวเท้าของตัวเองเร็วเกินไปไม่สัมพันธ์กับคยองซู มันร้องเสียงดังลั่นเมื่อรู้สึกถึงความไม่ปกติ มันกำลังจะล้มทับผม พอรู้แล้วว่าทรงตัวไม่อยู่ผมก็หลับตาปี๋เลยงานนี้
เอาวะ...อย่างมากก็คงจูบกันเหมือนที่ไอ้ชานยอลโดน
ตุ้บ!!
หื้ม? ทำไมพื้นไม่แข็ง?
“สารภาพมาดีๆเลยไอ้เตี้ย มึงหนักเท่าไหร่”
“ไอ้ชานยอล!!”
นี่มึงอีกแล้วหรอ!?
ชานยอลแม่งพุ่งเข้ามาจากไหนไม่รู้เอาตัวรองผมไว้ก่อนที่จะล้มก้นจ้ำเบ้า ส่วนเทาก็ดึงคยองซูไว้ได้ทัน มิวายผิวปากแซวไอ้ประธานนักเรียนที่อาจจะสะโพกครากเพราะน้ำหนักตัวของผม เห็นแบบนั้นเลยรีบลุกขึ้นยืน แน่นอนว่าเมื่อเกิดความวุ่นวายก็จะเกิดสภาวะเกาหลีมุง อาจารย์แม่งก็เริ่มเป่านกหวีดปี๊ดๆๆๆเข้ามา
ผมคิดว่าก่อนจะมาเป็นครูพละอาจจะเคยเป็นตำรวจจราจรมาก่อน
“เกิดอะไรขึ้น....นี่คุณสองคนอีกแล้วหรอ?”
“แบคฮยอนล้มทับประธานนักเรียนครับ!!”
“จื่อเทา!!”
“ถ้าอย่างนั้นคุณบยอน...รับผิดชอบสิ่งที่คุณทำด้วย”
“ครับ” รับคำสั้นๆก่อนจะตวัดสายตาไปมองไอ้เทาวัดเส้าหลินที่ยืนลอยหน้าลอยตาไม่รู้เรื่อง ส่วนคนอื่นๆก็โดนไล่ให้แยกย้ายกลับไปประจำที่ ผมมองไอ้ชานยอลที่ยังคงนั่งอยู่ท่าเดิมแล้วก็ถอนหายใจออกมาแรงๆก่อนจะยื่นมือของตัวเองไปให้มันใช้ฉุดตัวมันขึ้นมา
“โอ๊ย....เจ็บจังเลย”
ไอ้ห่านี่กระแดะเหลือเกินครับ
ผมกรอกตาไปมาเมื่อไอ้ชานยอลแกล้งร้องดังๆจนครูที่เดินไปไม่ได้ไกลจากพวกเรามากเท่าไหร่ก็หันมามองแล้วส่งสายตากดดันมาทางผม เห็นแบบนั้นเลยจำเป็นจะต้องเดินเข้าไปใกล้แล้วหิ้วปีกมันขึ้นมา แอบเห็นไอ้ประธานนักเรียนจอมตอแหลแอบยิ้มออกมาหน่อยๆผมก็กระทืบเท้ามัน
“อะไรวะเตี้ย เจ็บนะเนี่ย”
“เหอะ กูเกือบจะซาบซึ้งแล้วถ้ามึงไม่ตอแหลซะก่อน”
“ตอแหลอะไร....นี่มึงคิดว่าน้ำหนักมึงเป็นเรื่องล้อเล่นหรอ?”
“แล้วใครใช้ให้เข้ามารับ แถวบ้านเรียกเสือกป้ะ?”
“ไม่ได้เรียกเสือก เรียกว่าเป็นห่วง”
“.........”
“เดี๋ยวก้นมึงเจ็บแล้วพี่มึงจะเข้าใจกูผิดคิดว่าเอามึงแล้ว”
“ปากหรอไอ้ห่า!!”
ผมเงื้อมมือขึ้นทำท่าเหมือนจะต่อย ชานยอลยกแขนขึ้นทั้งสองข้างเป็นเชิงยอมแพ้พลางหัวเราะออกมาเบาๆ เกือบแล้วครับเกือบจะใจเต้นอยู่แล้ว ประโยคถัดมาแม่งมาเร็วไปหน่อยไอ้อารมณ์ฟีลกู้ดนี่หายวับไปกับตาเลย ผมเบนสายตากลับไปยังเพื่อนๆที่เริ่มเต้นท่าเบสิคกันอีกครั้ง ได้แต่ถอนหายใจท่าทางว่าผมคงจะไม่มีวาสนาได้เต้นเป็นผู้ชายกับเขาหรอก
นั่งถอนหายใจได้ไม่เท่าไหร่ รู้สึกว่าชานยอลจะนั่งจ้องอยู่ หันไปมองเท่านั้นแหละแม่งก็ชัดเจน ผมขมวดคิ้วแล้วเอามือดันหน้ามันให้หันกลับไป “มองอะไร”
“มึงรู้ป้ะว่าตอนนี้มึงเป็นอะไร”
“เป็นคนหล่อที่เคราะห์ซ้ำกรรมซ้อนที่ต้องมานั่งแกร่วอยู่กับมึงเนี่ย”
“โน ไม่ใช่”
“แล้วเป็นอะไร?”
“เป็นแฟนกู”
“ห๊ะ?”
“ไม่ใช่ประโยคขอร้อง แล้วก็ไม่ใช่ประโยคบังคับ แต่เป็นสิ่งที่มึงควรจะทำเพื่อรับผิดชอบ”
ผมสตั๊นอยู่นานก่อนจะส่ายศีรษะตัวเองแรงๆก่อนจะเอื้อมมือไปหยิกไอ้ประธานนักเรียนที่นั่งอยู่ตรงหน้า มันร้องโอ๊ยขึ้นมาและนั่นทำให้ผมรู้ว่ามันคือความจริง ผมกระพริบตาปริบๆกำลังประมวลผล
คือเมื่อกี้แม่งพูดว่าอะไรนะ?
เป็นแฟนกู?
ไอ้เหี้ยยยยยยยยยย พูดได้หน้าตาเฉยมาก ยางอายมึงอยู่ตรงไหนครับไอ้สรรชชชชช!
แม่งพูดเหมือนกับว่าประโยคเมื่อกี้คือ ‘แดกข้าวกันนะ’ คือ...มันใช่มั้ยล่ะ อย่างน้อยแม่งควรจะทำท่าสะดิ้งใส่จริตเขินเข้าไปหน่อย แต่นี่คือไร? โอ้โห...อย่าเอาหน้าแบบนี้ไปจีบสาวนะขอร้อง เชื่อเลยว่าเวลาขอเอาแม่งก็ทำหน้านิ่งเหมือนชวนกินไอติมกันมั้ยนั่นแหละ
แล้วเอากับกินไอติมเกี่ยวไรด้วย?
เออช่างแม่งเถอะครับ
“ฟังอยู่มั้ยเนี่ย?”
“เออ”
“ถ้างั้น ตอนนี้มึงเป็นแฟนกู”
“ตลกตายห่าล่ะครับไอ้เวร ถามความสมัครใจกูรึยัง?”
“ไหนว่าแมนๆ?”
“แล้วมันเกี่ยวตรงไหนกับการที่ต้องคบกับมึงวะ”
“ป๊อด?”
“อย่ามาท้ากูแบบนี้นะไอ้ห่า ไม่หลงกล” ผมขมวดคิ้วพลางหรี่ตาใส่ ชานยอลหัวเราะน้อยๆก่อนจะขยับหน้าเข้ามาใกล้ ดวงตาคู่นั้นเป็นประกายซุกซนทำเอาหัวใจผมสั่นขึ้นมาแบบแปลกๆ ริมฝีปากที่ชอบฉวยโอกาสกับผมบ่อยๆแย้มยิ้มขึ้นเล็กน้อย เออ...คือยอมรับว่าแม่งดูดีอะ! โว้ย!! ชิบหายแล้วหัวใจจะเต้นเบาๆหน่อยไม่ได้รึยังไง
“ถ้างั้น....เตี้ยเป็นแฟนกับกูนะ”
จบ ชีวิตแม่งจบแล้วครับ ณ บัดนี้
ไม่....ผมจะไม่บอกเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด
เรื่องที่ผมคบกับไอ้ชานยอล เงียบไว้นะ เหยียบให้จมดินเลย
โอ๊ยยยยยยยยยยยย สติสตังแม่งหายไปไหนไม่รู้ แทนที่จะปฏิเสธก็นิ่งใส่ พอมันบอกว่าถ้านิ่งคือโอเค ผมก็เสือกไม่ทำอะไรไปอีก ทำไมกูเป็นคนแบบนี้วะเนี่ย.....
“ถามจริง....ตอนนั่งบนแสตนด์ พวกมึงคุยอะไรกันวะ”
ระหว่างที่กำลังนั่งกินข้าวไอ้จงอินก็สะกิดสีข้างผมเบาๆก่อนที่แฝดน้องมันจะยื่นหน้าเข้ามาพลางผงกศีรษะเพื่อแสดงความเห็นด้วย ผมมองหน้ามันซักแป๊บก่อนจะหลบสายตาแล้วปฏิเสธ
“ไม่ได้คุยไร แม่งก็กวนตีนกูไปเรื่อย”
“กูไม่เชื่ออะ ไอ้ชานยอลวันนี้หน้าแม่งบานเป็นจานดาวเทียม ไอ้ห่าเอาไปติดบนตึกท่าทางจะรับสัญญาณได้ชัดกว่าอันที่ใช้อยู่อีกมั้งเนี่ย”
“ได้กันแล้ว?”
“ไอ้สัด!” ตบหัวไอ้จงอินที่ปากพล่อยไม่เข้าเรื่อง
“โอ๊ย....ได้กันที่นี่หมายถึงพวกมึงคบกันแล้วใช่มั้ย คิดไปถึงไหนวะ เห็นเงียบๆนี่ก็กามใช่ย่อยนะไอ้นี่”
“จะไปรู้หรอ” ผมถอนหายใจออกมาหน่อยๆก่อนจะลงมือกินข้าวต่อ ไอ้จงอินจ้องผมอยู่อีกซักพักก่อนที่มันจะลุกออกไป เข้าใจว่าคงจะไปตักข้าวเพิ่ม เซฮุนที่นั่งอยู่ข้างๆมันหันมามองผม “ไม่มีอะไรจริงๆดิ?”
“เออ ไม่มีก็ไม่มีสิวะ”
“ห๊ะ!! พวกมึงคบกันแล้ว เหยดดด”
เสียง ไอ้ จงอิน!!!!
ผมรีบหันกลับไปมองไอ้แฝดดำกัมจงนรกที่ยืนอยู่กับชานยอล มันตะโกนออกมาเสียดังลั่นห้องอาหารจนทุกคนชะงักกับการกินข้าว เสียงฮือฮาดังขึ้นทันที ผมถลึงตาใส่ไอ้ชานยอลแต่มันก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าส่งยิ้มให้พลางยักไหล่น้อยๆ ส่วนไอ้โทรโข่งประจำหอแม่งก็ส่งสายตาล้อเลียนมายังผม
จบครับ...จบเลย ความแมนของประธานหอ
“ไหนว่าไม่มีอะไรไง” แน่ะ....ไอ้แฝดน้องแม่งซ้ำเติมต่อ ผมหายใจฟึดฟัดก่อนจะสะบัดหน้ากลับมากินข้าวต่อให้หมด โอ๊ยย!! เออ แม่งไม่ป่าวประกาศแต่ใครมาถามก็ตอบหมด ยังไม่ทันจะได้ด่าหรือตอบคำถามไอ้เซฮุนก็เดินถือจานข้าวของตัวเองออกไป ผมเงยหน้ามองตามก่อนจะพบว่าชานยอลยืนอยู่ตรงหน้า
“นั่งลง” ผมสั่งมันเบาๆแน่นอนว่าไอ้ประธานนักเรียนก็ทำตามอย่างว่าง่าย
“ฮริ้วววว แววกลัวเมียแม่งฉายมาแต่ไกล เมียสั่งอะไรพี่จงรักภักดี จะหามาให้น้องสุดสวาทขาดใจของพี่ได้ทุกอย่าง~”
ไอ้จื่อเทาคนส้นตีน....ฮือ
แน่ะ...ไอ้คนตรงหน้าเสือกยิ้มรับอีกด้วยแน่ะ โอ้ยๆๆๆ ผมจะตายห่าแล้วครับ รีบยัดข้าวให้ลงกระเพาะจนหมดจาน อิ่มไม่อิ่มช่างแม่งแล้วนาทีนี้ เมื่อกินเสร็จก็ลุกขึ้นก่อนจะลากไอ้ชานยอลให้เดินออกมากลับไปที่หอด้วยกัน ต้องมีเรื่องตกลงกันซักหน่อยและต้องหาที่เงียบๆคุยกันด้วย ผมตัดสินใจ(คนเดียว)ว่าจะใช้ห้องมันนั่นแหละ ถึงจะมีอัตราเสี่ยงต่อการเสียตูดมากเกินไปซักหน่อยแต่มันก็เป็นส่วนตัวที่สุดแล้ว
“กุญแจห้อง” มันเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะหยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกงตัวเองส่งให้ผม ไม่นานนักประตูห้องก็เปิดออก ผมผลักมันเข้าไปแล้วเดินตามเข้ามาก่อนจะล็อคประตู
“เรามีเรื่องต้องตกลงกันให้เข้าใจ”
“หืม?”
“ข้อแรก อย่าเที่ยวไปบอกใครต่อใครว่ากูกับมึงคบกัน”
“ก็ไม่ได้บอกป่าววะ จงอินมาถามเอง”
“เออนั่นแหละใครถามก็ห้ามตอบ!!”
“.....คิดว่าป่านนี้คงรู้กันทั้งโรงเรียนแล้ว”
“ข้อสอง อย่าเสี่ยวใส่กูให้บ่อย รับไม่ได้”
“วันละครั้ง?”
“ถี่ขนาดนั้น มึงชักว่าวทุกวันเลยรึไง”
“เกี่ยวอะไรกับชักว่าว......” ไอ้ชานยอลถามเสียงเบาผมรีบยกมือขึ้นห้าม เอาเป็นว่าผมกำลังเปรียบเทียบแล้วกัน ใครไม่เข้าใจก็ข้ามไป “ส่วนข้อสาม.....”
“เยอะจังวะ”
“ถ้าจะคบกับกู กูต้องรุก”
“กูว่านี่มันไม่ถูกต้องแล้วไอ้เตี้ย” คราวนี้ชานยอลขมวดคิ้วแน่นในขณะที่ผมก็ได้แต่กอดอกแล้วมองหน้ามันอย่างเหนือกว่า สามข้อนี้ให้ไม่ได้ก็ไม่ต้องคบกันล่ะครับบอกเลย มันเดินเข้ามาใกล้ผมก็ขยับถอยห่าง ไม่รู้ล่ะข้อนี้แม่งสำคัญสุดอะไรสุด
“ถ้างั้นกูก็มีของกูบ้าง”
“ห๊ะ?”
“ข้อแรก ต้องหอมแก้มกูอย่างน้อยวันละหนึ่งครั้ง มานอนที่ห้องอย่างน้อยอาทิตย์ละวัน จูบอาทิตย์ละสามครั้ง”
“ไม่เพิ่มเป็นเอากันอาทิตย์ละครั้งด้วยเลยล่ะ!!”
“ให้ได้นะ J”
“กูประชด”
ไอ้ชานยอลยกยิ้มอย่างเหนือกว่าจนผมรู้สึกว่าตัวเองจะเสียเปรียบอยู่ตงิดๆ “ส่วนข้อที่สอง....”
“......”
“เรื่องรุกหรือรับขอให้เป็นเรื่องของอนาคตได้มั้ย ถึงเวลาบนเตียงเมื่อไหร่ถ้ามึงรุกได้กูก็จะยอม ตอนนี้ก็แค่คบกันไปก่อน กูไม่ได้จะคบมึงเพื่อหวังเอาอย่างเดียวหรอกนะเตี้ย”
ผมนิ่งไปอย่างใช้ความคิด...เอางั้นหรอวะ?
ชานยอลขยับเข้ามาใกล้อีกหน่อยคราวนี้ผมไม่ได้ขยับหนีและแน่นอนว่าสุดท้ายแล้วมันก็รวบตัวผมเข้าไปกอด มือมันทั้งสองข้างโอบรัดเอวของผมไว้ ส่วนคางมันเกยอยู่ที่ศีรษะของผมราวกับจะตอกย้ำส่วนสูงที่มีอยู่ไม่มาก ผมยืนนิ่งๆคิดไม่ตกว่าควรจะยกมือกอดตอบดีหรือไม่
ผม....ผมยังไม่แน่ใจเท่าไหร่ รู้เพียงแค่ว่ารู้สึกดีที่มันอยู่ตรงนี้
เฮ้ย....นี่มันเรื่องคอขาดบาดตายนะเว้ย ผมกับชานยอลคบกัน(กระดากปากชิบหายเลยครับให้ตาย) มีแค่พี่คริสที่อนุญาต แล้วพี่คนอื่นๆของผมที่ยังไม่รู้เรื่องและยังไม่แผลงฤทธิ์ล่ะ? โอ้โห.....ไม่อยากนึกสภาพเลยครับ
“มึงมีไรดีวะ”
“รูปหล่อพ่อรวยเล่นหวยทุกวันขยันทำการบ้าน”
“พี่ก็ดุ เตี้ยก็เตี้ย หน้าตาก็งั้นๆ”
“เลว!” ผมทุบหลังมันไปหนึ่งทีไอ้ชานยอลหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อแหย่ผมได้ เมื่อรู้สึกว่าผมชักจะเปลืองตัวมากไปก็ดิ้นแต่อย่างว่ามือของไอ้ชานยอลอย่างกับปลาหมึก ผมเลยฝังรอยฟันไว้ที่ไหล่ ถึงตอนนั้นมันก็ยอมปล่อยออกมา
“ไหนมาดูดิ๊ ฟันขึ้นกี่ซี่แล้ว” มันรอยรอยเสื้อเชิ้ตที่มีคราบน้ำลายติดอยู่ก่อนจะจับคางผมแล้วหันไปซ้ายทีขวาทีเหมือนเวลาดูฟันลูกหมาอย่างนั้นเลย “ขึ้นเยอะแล้วนี่ ต่อไปจะซื้อตุ๊กตายางมาให้กัด”
“พ่อมึงเหอะครับ!!”
ผมต่อยลงที่หน้าอกของชานยอลแรงๆมันหัวเราะออกมาแล้วมองหน้าผม อย่านะ...โอ๊ยยยย ใจเต้นอีกแล้วครับ มันขยับเข้ามาผมก็ถอยห่างออก ไม่ดีแล้วครับถ้าไอ้ชานยอลมาแบบเงียบๆแล้วหน้าแม่งยิ้มๆแบบนี้
คือกูจะตายแล้วแง!!
“จูบได้มั้ย?”
“.........”
“เตี้ย.....”
“...โอ๊ย ไอ้เหี้ยไม่ต้องทำเป็นมารยาทดีขอก่อน จะทำอะไรก็ทำดิ”
คาดว่าหน้าคงแดงลามไปถึงใบหู ระหว่างที่พูดผมก็หันหน้าไปอีกทาง ชานยอลหัวเราะอีกรอบแล้วดึงแขนผมให้ขยับเข้าไปใกล้มันก่อนจะทาบริมฝีปากลงบนแก้ม ผมสะดุ้งตกใจยังไม่ทันจะได้สบถอะไรมันก็ฉวยเอาริมฝีปากของผมไปแล้ว จูบเนิบๆที่ไม่ได้ลึกซึ้งอะไร ความละมุนละไมที่ริมฝีปากทำเอาหัวใจของผมทำงานหนักแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ไม่ได้ดูดดื่ม แต่วาบหวิวทำเอาใจสั่น แขนยาวๆโอบรอบเอวผมอีกครั้งก่อนจะดึงรั้งเข้าหาตัว เบียดริมฝีปากลงมาให้แนบแน่นอีกหน่อยแต่ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านั้น ผมเผลอยกมือขึ้นจับที่แขนของชานยอล จิกมือลงไปเบาๆเมื่อรู้สึกหวิวๆในช่องท้อง
ไอ้คนตัวสูงค่อยๆละริมฝีปากออกไป ผมยังคงยืนค้างอยู่ท่าเดิมแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ไม่ทันจะได้ลืมตามองคราวนี้ชานยอลก็ทาบริมฝีปากลงมาอีกครั้ง “อื้อ!”
รอบที่สองของมันไม่เคยเหมือนกับรอบแรก เหมือนกับจะหลอกให้ตายใจว่าเป็นเพียงสัมผัสเบาๆชวนอบอุ่นหัวใจ แต่พอรอบสองเมื่อไหร่มักจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ชานยอลกอดเอวผมแน่นขึ้นพลางจับคางเพื่อให้ผมเงยหน้าปรับองศาให้เหมาะแก่การจูบ
จะยืนไม่ไหวแล้วนะโว้ยยยยย!!
ถ้าหากไม่หยุดตอนนี้ ยาวแน่....
ผมตีแขนไอ้ชานยอลหลายที ถึงจะเคลิ้มแต่ก็ไม่ได้ขาดสติ มันค่อยๆลืมตาขึ้นมา ดูดริมฝีปากผมแรงๆอีกทีก่อนจะผละออก ผมหอบหายใจเบาแล้วทรุดตัวลงไปนั่งบนพื้นอย่างหมดแรง แอบเห็นมันยิ้มก็เจ็บใจตัวเอง
โอ๊ยไอ้ชานยอล....เลวจริง!
“กูให้เวลาคิดใหม่ก็ได้”
“อะ.....อะไร?”
“ตกลงว่าจะรุกหรือจะรับ กูจะให้มึงคิดอีกที แต่ถ้ายังคิดไม่ได้......”
“......”
“อย่าหาว่ากูใจร้ายเลยนะแบคฮยอน J”
สุขได้ด้วยตัวเอง ทุกข์เกิดด้วยตัวเอง
จะสุข หรือจะทุกข์ ให้ตั้งรับอย่างรู้ตัว
อย่าระเริงเมื่อมีสุข อย่าฟูมฟายเมื่อพบทุกข์
จิตมั่น เด็ดเดี่ยว ตั้งรับอย่างรู้ตัว.
ที่มา :
ตกลงมันเป็นแฟนกันแล้วช้ะ? ตกลงคบกันแล้วช้ะ
*เดินคอตกกลับไปที่คานตามเดิม*
คบกันแล้ว *ตีฆ้องป่าวปุกาศ* กี๊ดดด ทำไมงงๆ
อย่าถือสาเลยแกร .___. แบบ ทุกอย่างเกิดขึ้นแบบงงๆทั้งเรื่องอะ
พี่ชานคนพบ้า ฉวยโอกาส #ตกลงแบคโดนหรือชั้นโดน
กลัวเบื่อจุงเลอ._____. มันเริ่มอืดล้ะ อ่าห์
กิกิกิ ถ้าจะส่งหนอนมาขอแต่หนอนหน้าตาแบบนี้
สุดท้ายนี้ขอบคุณรีดเดอร์ทุกคนนะครัช
ขอบคุณสำหรับทุกเม้นต์และทุกแทค บอกเลยว่าเลาอ่านและส่องซัมเหมอ
รักนะค้าบบบบบบ มั้วะๆๆๆ
ความคิดเห็น