ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ` [exo]▻Twilight◅ {chanbaek} 。

    ลำดับตอนที่ #21 : -20- End

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.21K
      25
      16 มิ.ย. 57







    -20-

    “โอ๊ย! ก็บอกว่าห้ามเข้ามาไงชานยอล! พี่อยากให้มันเสียประเพณีรึไง”

    “แต่พี่ไม่ไหวแล้วนะเซฮุน”

    “อดทนหน่อยได้ไหม ทำแบบนี้ให้ลุงคิมโฮเอาปืนมาเป่าหัวซักทีดีมั้ยนะ”

    “ถอยจ้าถอยจ้าชานยอล อีกแค่สองวันนะจ๊ะ อดใจเอาหน่อยเถอะ”

    เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นอยู่หน้าประตู พอได้ยินเสียงของชานยอลผมก็รีบวิ่งเข้าไปหาแต่แม่และเซฮุนปิดประตูลงพอดี ผมทำหน้าคว่ำเมื่อพบว่าไม่ทันจะได้เห็นหน้าชานยอลที่อยู่หลังประตู ผมหมุนตัวกลับและเดินไปที่เตียงนอนของโอเซฮุน ห้องของเขากลายเป็นที่เก็บตัวของผมมาประมาณห้าวันแล้ว

    เหตุผลที่ไม่ให้อยู่ที่บ้านผมเพราะห้องนอนผมมันเล็กเกินไป แค่ชานยอลเปิดประตูเข้ามาก็เห็นแล้ว เพราะงั้นเลยต้องระเห็จมาอยู่นี่ แม่ขังผมเหมือนกับเป็นนักโทษ

    นี่ผมไม่ได้เจอหน้าเขาเป็นเวลาห้าวันแล้วนะให้ตายเหอะ!!

    แน่นอนว่าตอนนี้ผมเรียนจบแล้ว พิธีรับใบจบก็เสร็จสิ้นไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อน ชานยอลไม่รอช้าสั่งเซฮุนให้รีบจัดงานทันที แต่เท่าที่ดูแล้วเหมือนพวกเขาเตรียมงานกันมาก่อนล่วงหน้าแล้วต่างหาก เลือกสถานที่ เลือกของชำร่วยและลิสต์รายการแขกไปได้แค่อาทิตย์เดียว อีกหนึ่งอาทิตย์แม่ก็บินมาแล้วลากผมเข้าห้องนอน ไม่ถามความสมัครใจของผมแม้แต่น้อย ส่วนวิลและลูกๆของเขาจะมาถึงวันนี้

    ตอนที่เข้าไปขออนุญาตจากพ่อเหมือนส่งชานยอลเข้าลานประหาร ผมนั่งอยู่ข้างพ่อในขณะที่เขานั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น พ่อทำหน้าตึงเมื่อได้ยินว่าชานยอลอยากจะใช้ชีวิตร่วมกับผมก่อนจะเปลี่ยนเป็นแปลกใจเมื่อเขาขอให้ผมและชานยอลได้แต่งงานกัน พ่อลากผมออกมาคุยนอกรอบพร้อมกับบอกว่าชานยอลประสาทเสียไปแล้ว

    ไม่เห็นจะต้องจัดงานแต่งเลย เขาเสียสติไปแล้วรึเปล่า

    เขาเป็นคนหัวโบราณ แค่อยากทำทุกอย่างให้มันถูกต้อง

    เชื่อเขาเลย

    พ่อตอบตกลงอย่างง่ายดายเมื่อชานยอลให้ความสำคัญกับผมขนาดนี้ ไม่ใช่แค่ว่าบอกแล้วจะเอาตัวไป ตอนนี้พ่อเลยถูกใจมากขึ้นเมื่อจะได้เป็นญาติกับพวกตระกูลปาร์ค

    แต่ผมกำลังจะขาดใจเมื่อไม่ได้เจอหน้าชานยอลมาห้าวันแล้ว

    ตามธรรมเนียมเขาบอกว่าไม่ให้เจอหน้ากันหนึ่งอาทิตย์ก่อนแต่งงาน ผมคิดว่าใช้แค่ผู้หญิงกับผู้ชายเสียอีก ที่ไหนได้แม่เอามันมาใช้กับคู่ของผมด้วยมีการขู่เหมือนกับผมเป็นเด็กสามขวบว่าซาตานจะลักพาตัวไป แต่ขอโทษเถอะนะ ซาตานที่ไหนจะเอาผู้ชายไปบ้างล่ะจริงไหม?

    ผมไม่เข้าใจแม่เลยจริงๆ

    “ทำแบบนี้เวลาเขาเห็นลูกในเช้าวันแรกของงานแต่ง ชานยอลจะได้ซาบซึ้งสุดๆไง”

    “เขาซาบซึ้งทุกครั้งเวลาได้เห็นหน้าผม”

    “ลูกกำลังพูดให้แม่อิจฉาใช่มั้ยหื้อ?” แม่บีบจมูกของผมน้อยๆในขณะที่เซฮุนก็เดินออกไปข้างนอก ผมนั่งอยู่บนเตียงในขณะที่แม่ก็ยืนอยู่ข้างๆ ผมสวมกอดเข้าที่เอวของผู้ให้กำเนิด

    “แม่โอเคใช่มั้ยที่ผมเป็นแบบนี้”

    “ลูกเป็นลูกของแม่ ไม่ว่ายังไงแม่เคารพการตัดสินใจของลูกเสมอนะแบคฮยอน”

    “ขอบคุณนะครับ” แม่จูบลงบนศีรษะของผม ไม่นานนักโทรศัพท์ของแม่ก็ดัง ผมหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาบ้าง มันถูกเปลี่ยนเป็นสมาร์ทโฟนอะไรซักอย่างที่แชทได้อย่างเดียว ไม่มีวีดีโอคอล กล้องหน้าหรือแม้แต่ส่งรูป แม่ใจดีนิดหน่อยยอมให้ผมคุยกับเขาผ่านทางนี้

    Chanyeol : ผมจะตายแล้วแบคฮยอน ผมคิดว่าผมจะตายแล้ว

    Chanyeol : ผมอยากเห็นหน้าคุณจนจะบ้า

    Chanyeol : เวลาอยู่กับเซฮุน เขาเอาแต่คิดเรื่องอื่นจนมองไม่เห็นคุณในความคิด แม้แต่แม่ของคุณ....

    ผมหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อเห็นข้อความเหล่านั้น ชานยอลที่เคยเคร่งขรึมหายไปแล้ว ตอนนี้เขาเป็นเพียงเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่อยากจะเห็นหน้าแฟนเขามากกว่าอะไรทั้งหมด

    ผมไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะ

    Me : อีกแค่สองวัน

    Chanyeol : แค่วันเดียวผมก็ไม่อยากรอแล้ว

    Me : แค่สองวัน J

    Chanyeol : โอเคครับ ผมยอมแพ้คุณแล้วที่รัก รู้ใช่ไหมว่าถ้าเจอหน้าผมแล้วจะต้องทำยังไง

    Me : ไม่รู้สิ J

    Chanyeol : L ผมไม่ปล่อยให้คุณได้นอนแน่

    ปาร์คชานยอลแปลงร่างเป็นผู้ชายร้ายกาจไปซะแล้ว ผมกดปิดโทรศัพท์ทันทีเมื่อเห็นข้อความแบบนั้น แล้วได้แต่เอาหน้าฟุบลงบนหมอน

    โอเค...ผมคิดถึงชานยอล คิดถึงเขาจนจะบ้าแล้วเหมือนกัน

    “เอมม่ากับโทนี่มาแล้ว พวกเขากำลังเดินขึ้นมา”

    “ขึ้นมา? หาผมหรอ?”

    “ช่าย โทนี่ไม่พอใจใหญ่พอได้ยินว่าลูกจะแต่งงาน” ผมหัวเราะออกมาเบาๆแล้วลุกขึ้นมานั่งบนเตียงดีๆ ไม่นานนักประตูก็ถูกเปิดออก วิลเดินนำเข้ามาก่อนจะตามด้วยร่างเล็กๆของเด็กหญิงชายที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกเลี้ยงของแม่ผม โทนี่เด็กผู้ชายที่มีใบหน้าหล่อเหลาวันนี้มาพร้อมใบหน้าที่บึ้งตึงติดจะงอแง เอมม่าเดินเข้ามาทักทายด้วยการหอมแก้ม

    “ยินดีด้วยค่ะ แบคฮยอน”

    “สูงขึ้นหรือเปล่าหื้ม?”

    “ประมาณห้าเซ็นค่ะ”

    “โตไวจัง” ผมทำหน้าประหลาดใจในขณะที่เอมม่าก็หัวเราะ เธอดูตัวสูงขึ้น เหมือนจะเป็นสาวขึ้นมาแล้วบ่งบอกว่าผมไม่ได้เจอครอบครัวเวอร์เทิร์นมานานเหมือนกัน โทนี่ยืนเกาะวิลอยู่ตรงนั้นเขาไม่ยอมเดินเข้ามาหา ผมเอ่ยปากทักทายวิลแล้วดึงมือน้องชายคนเล็กออกมา

    “ฮาย~~ โทนี่”

    “แบคฮยอนคนใจร้าย”

    นี่เป็นคนที่สามแล้วที่ต่อว่าผมแบบนี้

    ผมไม่ทำอะไรไปมากกว่าการหัวเราะเบาๆ โทนี่ยอมเดินมากับผม ผมอุ้มเขาขึ้นนั่งบนเตียง เอมม่าเองก็นั่งอีกฝั่งในขณะที่แม่และวิลมองอยู่ห่างๆ “ผมชวนแบคฮยอนไปอยู่ด้วยกันก่อนแท้ๆ ชานยอลมาแย่งหน้าตาเฉย”

    “พูดมากน่ะโทนี่ นายยังเด็ก”

    “เอมม่าไม่เข้าใจหรอก เอมม่าชอบชานยอลนี่”

    “พี่ก็ชอบแบคฮยอนเหมือนกันนะ” สงครามๆเล็กๆกำลังเกิดขึ้นผ่านไปมาตรงหน้า ผมได้แต่นั่งกระพริบตาปริบๆแล้วหัวเราะออกมาอีกครั้ง อยากจะขอบคุณวิลที่พาสองคนนี้มา พวกเขาทำให้ผมอารมณ์ดีหลังจากถูกขังมานานกว่าห้าวัน เอมม่ากระโดดลงจากเตียงบอกว่าจะขอตัวไปหาชานยอล ผมได้แต่มองตามตาละห้อย อยากจะไปหาเขาบ้างแต่ก็ทำไม่ได้ วันนี้เลยเป็นวันดีของโทนี่ไปเสียแล้ว

    “แบคฮยอนรักชานยอลมากเลยหรอ?”

    “ทำไมล่ะ”

    “ก็ยอมแต่งงานเลยนี่นา โยรายอมแต่งงานกับวิลก็เพราะรักมากเหมือนกัน”

    ผมหันไปมองวิลที่กำลังยืนโอบกอดแม่เอาไว้ ผมระบายยิ้มออกมาบางๆ พ่อกับแม่ของผมบางทีก็อาจจะเคยรักกันมากเหมือนกัน โทนี่เมื่อเห็นผมเงียบไปเขาก็ปีนขึ้นมานั่งตัก “ว่าไงล่ะ”

    “อาหะ รักสิ รักโทนี่ด้วยแหละน่า”

    “โกหกขอให้เอมม่าได้แต่งงานกับชานยอลแทน”

    “เด็กคนนี้นี่ บอกรักก็หาว่าเราโกหกอีกเอ้า”

    โทนี่เบะปาก เหมือนว่าเขาจะโตเกินวัยเสียแล้ว ผมนั่งคุยกับเด็กตัวน้อยนี่ไปได้ซักพักเอมม่าก็กลับมา ในมือของเธอมีตุ๊กตาหมีหนึ่งตัวเอามาอวดน้องชายว่าเซฮุนให้มาและก็ทำท่าว่าจะชอบเซฮุนแทนเสียแล้ว โทนี่ก็ไม่น้อยหน้ารีบวิ่งออกไปจากห้องบ้าง น้องสาวตัวน้อยของผมนั่งบนเตียงอีกครั้งและหอมแก้มผมเบาๆ

    “ชานยอลฝากมาให้ค่ะ บอกด้วยว่าคิดถึงแบคฮยอนมากๆ”

    ผมหัวเราะ ชานยอลแอบหลอกหอมแก้มเอมม่าล่ะสิไม่ว่า

     

    ผมนั่งมองตัวเองอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ นาฬิกาบอกว่าเหลือเวลาอีกประมาณสิบห้านาทีที่ผมจะต้องอยู่ในห้องนี้ หลังจากนั้นผมจะต้องเดินออกไปยังแท่นพิธี เดินไปหาชานยอลที่รอผมอยู่ตรงนั้น เราไม่ได้เจอกันมาหนึ่งอาทิตย์ ถือว่าเขาและผมอดทนอดกลั้นต่อความรู้สึกได้ยอดเยี่ยม

    จงแดเข้ามาเยี่ยมผมเมื่อประมาณชั่วโมงที่แล้วพร้อมมินซอก เขาเอ่ยปากแซวใหญ่ว่า อะไรบางอย่างที่ชานยอลเคยพูดไว้เมื่อตอนต้นเทอมนั้นไม่ได้ผิดจากที่คิด และอวยพรว่าขอให้คืนนี้เป็นคืนที่ดีของผม

    เกลียดจงแดที่สุดเลยให้ตาย

    รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ตัวผมเองกำลังประหม่า ทุกคนในงานตอนนี้รอเพียงแค่ผมเดินออกไป พ่อเปิดประตูเข้ามา ทักทายกับแม่สองสามคำก่อนที่แม่จะเดินออกไป คนที่ให้กำเนิดผมหยิบทิชชู่ขึ้นมาซับเหงื่อที่ไรผม ผมมองพ่อผ่านกระจก พ่อทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

    “พะ....พ่อรู้สึกแย่หรอ”

    “เปล่า แค่รู้สึกว่าลูกกำลังจะจากพ่อไปแล้ว มันเลย....”

    “ไม่ใช่ซักหน่อย”

    “พ่อรักลูกนะแบคฮยอน”

    “ผมก็รักพ่อครับ” ผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะสวมกอดพ่อผู้ให้กำเนิด ไหล่ของพ่อสั่นน้อยๆ เขากำลังจะร้องไห้จริงๆด้วยนั่นแหละ คราวนี้เป็นผมที่หยิบทิชชู่ขึ้นมาบ้างเช็ดน้ำตาของพ่อ เหมือนเขาจะกลัวเสียฟอร์มเลยหยิบทิชชู่ไปเช็ดเอง ไม่นานนักเซฮุนก็เดินมาพร้อมกับบอกว่าได้เวลาแล้ว

    อ่า....มันคงถึงเวลาของผมแล้วสินะ

    พ่อและผมเราหันมองหน้ากัน พ่อพยักหน้าให้สัญญาณน้อยๆก่อนที่ผมจะวางมือลงบนแขนของพ่อ สอดเข้าไปในนั้น พ่อกำลังทำหน้าที่ของตัวเอง คือส่งต่อให้กับชานยอลให้เขาเป็นคนดูแลผม

    งานแต่งงานชานยอลจัดการตามที่ผมต้องการ จัดเรียบง่ายในสวนข้างบ้าน แต่บรรดาแขกเหรื่อผมคิดว่ามันหนาตาไปนิด แต่ ณ วินาทีนี้ผมมองใครไม่เห็นอีกแล้วนอกจากชานยอลที่ยืนรอผมอยู่ข้างหน้า เขาจ้องผมตาไม่กระพริบนั่นมันทำให้รู้สึกเขินได้นิดหน่อย ร่างสูงตรงหน้าอยู่ในชุดทักสิโด้ ผมดีใจที่เขาไม่ทำผมเรียบแปล้ตามที่พ่อบอก ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่สามารถซ่อนหูของเขาได้

    ผมหยุดยืนอยู่หน้าเขา เราส่งยิ้มให้กันอย่างมีความสุขเมื่อได้เจอหน้ากันในวันที่แปด พ่อค่อยๆปลดมือผมออกจากแขน กุมมือของผมเอาไว้แล้วส่งต่อให้กับชานยอลถึงตอนนั้นบาทหลวงก็ถามขึ้น

    “ใครเป็นผู้มอบบอยนแบคฮยอนให้กับปาร์คชานยอลในวันนี้”

    “ข้าพเจ้าบยอนคิมโฮ บิดาของบยอนแบคฮยอนเป็นผู้มอบ” พ่อมองชานยอลนิดหน่อยก่อนจะเอ่ยปากนอกรอบ

    “ฉันฝากแบคฮยอนด้วย”

    “ผมจะดูแลเขา ด้วยชีวิตครับ” พ่อยิ้มออกมาราวกับหมดห่วงแล้วหมุนตัวกลับ ผมรู้สึกใจหายนิดหน่อยแต่ถึงกระนั้นก็รู้สึกมั่นคงขึ้นมาเมื่อชานยอลส่งยิ้มมาให้ เขาจูงผมไปยังแท่นพิธี เราสองคนโค้งตัวให้กับบาทหลวงที่เสียสละเวลามาในวันนี้

    “ปาร์คชานยอลและบยอนแบคฮยอนท่านทั้งสองมาที่นี่โดยไม่ได้ถูกบังคับ แต่มาด้วยความสมัครใจอย่างแท้จริงใช่หรือไม่”

    “ครับ/ครับ”

    “เมื่อเข้าสู้พิธีสมรสนี้แล้วท่านทั้งสองพร้อมที่จะรักและดูแลกันและกันตลอดชีวิตหรือไม่”

    “ครับ/ครับ”

    “ถ้าเช่นนั้น ขอให้ท่านทั้งสองจับมือขวาของกันและกัน และแสดงความสมัครใจต่อพระผู้เป็นเจ้าที่มีอยู่ในใจของท่าน”

    ผมและชานยอลค่อย         ๆหันหน้าเข้าหากัน เขาส่งยิ้มให้ผมก่อนจะเอื้อมมือออกมาจับมือของผมไว้ และคำสาบานตนประมาณสองสามบรรทัดที่ผมท่องมาตลอดหนึ่งอาทิตย์นั่นจะได้ใช้วันนี้

    “ข้าพเจ้า ปาร์คชานยอลขอรับบยอนแบคฮยอนเป็นคู่ชีวิตและขอสัญญาว่า จะถือซื่อสัตย์ต่อคุณ ทั้งในยามสุข และยามทุกข์ ทั้งในเวลาป่วยและเวลาสบาย เพื่อรักและยกย่องให้เกียรติคุณ จนกว่าชีวิตจะหาไม่

    “ข้าพเจ้า บยอนแบคฮยอนขอรับปาร์คชานยอลเป็นคู่ชีวิตและขอสัญญาว่า จะถือซื่อสัตย์ต่อคุณ ทั้งในยามสุข และยามทุกข์ ทั้งในเวลาป่วยและเวลาสบาย เพื่อรักและยกย่องให้เกียรติคุณ จนกว่าชีวิตจะหาไม่

    “ขอพระจ้าจงเมตตาในความจริงใจที่ท่านทั้งสองได้แสดงออกมาในวันนี้ และขอท่านทั้งสองสวมแหวนให้แก่กันและกันเพื่อเป็นเครื่องหมายแสดงความรักและความซื่อสัตย์”

    ผมมองไปทานด้านหลัง วันนี้โทนี่รับบทเป็นเด็กถือแหวน แม้จะดูไม่ค่อยเต็มใจแต่ผมคิดว่าเซฮุนคงติดสินบนอะไรบางอย่างเอาไว้ถึงได้ยอมมาทำหน้าที่นี้ ชานยอลขยับเข้ามาใกล้ผมอีกนิดก่อนจะจับมือซ้ายของผมขึ้นมา แหวนสีเงินที่ดูเกลี้ยงเกลาถูกสวมลงบนนิ้วนางซ้ายของผมอีกครั้ง แต่ไม่ใช่แหวนวงเดิม เขาจูบลงบนแหวนเบาๆ และรอให้ผมหยิบแหวนจากเอมม่ามาสวมให้ที่นิ้วของเขา

    หลังจากนั้นเราสองคนจึงหันกลับไปยังด้านหน้าอีกครั้งรับพรจากบาทหลวงซึ่งเป็นตัวแทนของพระผู้เป็นเจ้า ชานยอลจับมือผมไว้แน่นไม่ปล่อย ไม่นานนักทุกอย่างก็เงียบลง ผู้ชายข้างตัวผมสบตากับบาทหลวง ท่านพยักหน้าน้อยๆและถึงตอนนั้นเองชานยอลก็รั้งตัวผมให้เข้าไปใกล้แล้วกดจูบลงมา ผมยกมือขึ้นคล้องคอเขาโดยอัตโนมัติพลางหลับตาลง ใช้หัวใจสัมผัสจูบแสนหวานที่นับจากนี้ต่อไปผมจะเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว เหล่าบรรดาแขกเหรื่อในงานพากันปรบมือแสดงความยินดี ผมค่อยๆผละออกจากชานยอลที่วันนี้ดูเหมือนจะเอาแต่ใจไปซักหน่อยในวันนี้

    “ผมรอวันนี้มานานแล้ว คุณรู้ไหม”

    “ไม่รู้สิJ” เท่านั้นชานยอลก็หัวเราะออกมาเบาๆ เขาอุ้มตัวผมขึ้นให้เลอยจากพื้นก่อนจะหมุนไปรอบๆ ถึงจะตกใจแต่ถึงอย่างนั้นผมก็หัวเราะออกมาก่อนจะหันไปเห็นดอกไม้ในมือของเอมม่า เธอยื่นมันมาให้ผม

    “ได้เวลาสำคัญแล้วค่ะแบคฮยอน”

    ผมรับดอกไม้มาก่อนจะมองไปทางบรรดาแขก ผู้หญิงหลายคนจ้องดอกไม้ในมือของผมอย่างมีความหวัง ชานยอลจับมือผม เราเดินออกไปหาที่โล่งๆให้พอสำหรับการแย่งดอกไม้ ลู่หานเองก็มาร่วมวงด้วย เขาโบกมือหาผมเพื่อบอกตำแหน่ง เห็นอย่างนั้นผมก็หันหลังและเริ่มนับหนึ่งถึงสามในใจช้า

    หนึ่ง....สอง.....สาม

    “กรี๊ดดดดดดดดด”

    เสียงกรี๊ดดังขึ้นทันทีที่ผมปล่อยมือจากดอกไม้ ก่อนจะดังขึ้นกว่าเดิมเมื่อผมหันกลับไปมอง ชานยอลโอบบ่าของผมไว้แล้วหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อพบว่าคนที่รับช่อดอกไม้ของผมได้เป็นผู้ชายร่างเล็กกับคิมจงอินที่นั่งห่างออกไปไกล ท่าทางว่าผมจะโยนแรงไปหน่อย

    “โดคยองซูกับคิมจงอินหรอ?”

    “คยองซู?”

    “เป็นญาติห่างๆของเราเองครับ ครอบครัวเขานั่งอยู่ทางโน้น” ว่าจบก็มองไปทางด้านหลังของผู้ชายร่างเล็กคนนั้น แต่ไม่ทันได้คิดอะไรมากชานยอลก็บังคับให้ผมโบกมือลาแล้วจูงมือผมเข้าในตัวบ้าน หมอจองซูและคุณนายปาร์คยืนอยู่กับพ่อและแม่ของผม อาจจะเป็นขั้นตอนสุดท้ายแล้ว ชานยอลยอมปล่อยมือให้ผมได้เดินเข้าไปกอดแม่ เธอน้ำตาซึมทำตัวราวกับว่าผมเป็นเจ้าสาวแบบจริงจัง แม่กอดผมแน่น

    “มีความสุขนะแบคฮยอน”

    “ไม่เอาน่า แม่อย่าร้องไห้สิ ไม่ใช่เด็กแล้วนะ”

    “ลูกแม่แต่งงานแล้วนี่นา” เลยกลายเป็นว่าผมต้องปลอบแม่ที่ทำตัวเหมือนเด็กๆ พ่อเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะกอดเราทั้งสองคนไว้ ผมอึ้งไปกับสัมผัสนั้นนิดหน่อยก่อนที่จะกลายเป็นคนน้ำตาซึมมาแทน

    สัมผัสแบบครอบครัวที่ผมโหยหามานานมันคงเป็นแบบนี้นี่เอง

    “ได้เวลาแล้ว” พ่อเอ่ยขึ้นมาเบาๆแล้วดึงแม่ออก ผมเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้กับผู้หญิงที่ให้กำเนิด หอมแก้มเธอเบาๆ

    “รักแม่นะครับ” แม่พยักหน้าก่อนจะส่งยิ้มให้ ชานยอลพาผมไปหยุดอยู่ที่หน้าหมอจองซูและคุณนายปาร์ค ทั้งสองคนกอดต้อนรับผม “ยินดีต้อนรับเข้าครอบครัวของเรานะแบคฮยอน”

    “ขอบคุณครับ”

    “อย่าทำแบคฮยอนร้องไห้ เข้าใจไหม” ผมหน้าแดงเมื่อได้ยินหมอจองซูพูดกับชานยอลแบบนั้น จริงๆแล้วจะไม่ได้คิดอะไรหรอกถ้าหมอจองซูไม่ส่งสายตาล้อเลียนมาด้วยนี่สิ ชานยอลหัวเราะรับอย่างอารมณ์ดีแล้วจูงมือผมขึ้นไปยังห้องนอนที่เมื่อก่อนเคยเป็นของเขา ตอนนี้กลายเป็นห้องนอนของ เรา ไปแล้ว ตู้เสื้อผ้ามีเพิ่มขึ้นอีกใบ ของใช้อะไรต่างๆที่ดูเหมือนว่าจะเป็นของผมถูกวางอยู่ที่นี่

    “ชอบไหมครับ?”

    ร่างสูงสวมกอดจากทางด้านหลังแล้วโยกตัวไปมาน้อยๆ ผมองรอบห้องแล้วพยักหน้า เตียงนอนของเขาตอนนี้มีหมอนอยู่สองใบ มันถูกจัดขึ้นเพื่อต้อนรับคู่แต่งงานใหม่ ไม่มีหมอนข้างและบนเตียงนั่นมีแต่ดอกกุหลาบ ยังไม่ทันจะได้เดินไปไหนชานยอลอุ้มตัวผมขึ้นแล้วพาไปวางไว้กลางเตียง ผมสบตาเขา

    “นายกำลังคิดเรื่องลามก”

    “แต่งงานแล้วนี่นา ผมทำได้แล้วครับ”

    “ปาร์คชานยอลคนลามก” ผมพูดพึมพำก่อนจะพลิกตัวหันไปอีกทางเมื่อเขาวางแขนทั้งสองข้างคร่อมผมไว้ทำให้ใบหน้าของเราอยู่ไม่ห่าง จมูกโด่งๆของเขาเคลียอยู่ที่แก้ม ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังตื่นเต้นแปลกๆ จริงๆก็เตรียมใจมาก่อนอยู่แล้วแต่โดนเขาแกล้งเอาแบบนี้ผมคิดว่าตัวเองรับมือไม่ไหวหรอก

    “เชื่อใจผมนะแบคฮยอน”

    “ทุกเรื่อง....ฉันเชื่อใจนายทุกเรื่องชานยอล”

    “ถ้าอย่างนั้น ปล่อยให้ผมได้รักคุณนะ”

    ผมพลิกตัวกลับไปนอนหงายตามเดิม ไม่กล้าพยักหน้าแต่แววตาคงบ่งบอก ชานยอลก้มหน้าลงมาจูบที่หน้าผากของผม จูบลงบนเปลือกตาทั้งสองข้างยามผมหลับตาลง ไล่ลงมาจูบเบาๆที่จมูกและสุดท้ายเขาก็ทาบลงบนริมฝีปาก ไม่ว่าจะตอนไหนก็ตามชานยอลจะเริ่มด้วยความอ่อนโยน เป็นการกระทำที่บ่งบอกได้ชัดเจนมากกว่าคำพูดว่าเขารักและเป็นห่วงผมมากกว่าอะไรทั้งหมด

    จนถึงตอนนี้ผมก็รู้แล้วว่าผมหลงรักปาร์คชานยอลจนหมดหัวใจ











    Talk -END-
    มีฉากหวานต่อจากนี้  จบจริงๆในโน้นนะจ๊ะ
    ตอนนี้จบหลอก
    รอสเปต่อน้า กิ กิ กิ กิ


    อย่าลืมกลับมาเม้นเน้ออออ
    เจอกันตอนสเป นะจ๊ะ~~~

     

     

     

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×