คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ช า น มึ น : ต อ น ที่ ห ก
ต อ น ที่ ห ก
“แฟนหรอ?”
โอ้โห....ผมนี่แทบพุ่งเลยครับ
ดีว่ายังไม่ทันดื่มน้ำ ถ้าหากได้กระดกเข้าไปแล้วล่ะก็ได้พุ่งออกมาเป็นสายฝนแหงแหงบ แบคฮยอนรีบส่ายหน้าหลังจากที่ตั้งสติได้พร้อมกับโบกมือจนมันตีกันไปมาเพราะลนลาน
ฟะ....แฟนเฟินบ้าบออะไรกัน!
“....ตามนั้นเลย” คนที่ถูกถามยักไหล่น้อยๆไม่คิดจะตอบคำถามด้วยตัวเอง รุ่นพี่ผู้หญิงคนนั้นเอียงคอมามองเขาอีกครั้งแน่นอนว่าแบคฮยอนรีบโบกมืออีกเช่นเคย “แค่น้องครับ ผมเป็นแค่น้องข้างบ้าน”
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง” ร่างเล็กระบายยิ้มแหย ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อประโยคถัดไปดังออกมา
“ตอนนี้ชานยอลยังไม่ขอคบสินะ”
หน้าตากูมันมีอะไรที่บ่งบอกว่ากำลังโดนชานยอลจีบหรอ!?
แน่ะ ไม่ฟังคำปฏิเสธด้วย เดินหนีไปเลย
อยากจะเดินตามไปอธิบายเหลือเกินแต่ในเมื่อคนข้างตัวไม่มีท่าทางเดือดร้อนอะไรแบคฮยอนเลยเข้าใจว่าอาจจะเป็นแค่เรื่องแซวกันขำๆ ปาร์คชานยอลขยับเลื่อนโต๊ะเล็กๆแถวนั้นมาให้แล้ววางของกินลงบนนั้น “เอ้ากินข้าวสิ”
เสียงผู้คนในห้องสโมสรนักศึกษาประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง มีบางช่วงที่เฮกันขึ้นมาดังๆสองสามครั้งก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงหัวเราะ แน่นอนว่าคนที่เรียนอยู่คณะนี้อย่างคนที่นั่งข้างๆไม่ได้มีท่าทีสนใจอะไรมากเท่าไหร่ ผิดกับแบคฮยอนที่คอยแต่จะชะเง้อคอไปมอง
“ถ้ามีงานพี่ก็ไปทำต่อก็ได้นะ เดี๋ยวผมนั่งอยู่ตรงนี้แหละ”
“จะไม่หนีไปไหนใช่มั้ย?
“เออน่า นั่งตรงนี้แหละ”
พอเห็นมีคนบางส่วนทยอยเดินออกจากห้องแบคฮยอนเลยรีบเอ่ยปากบอกอีกคนพร้อมกับรับคำมั่นเหมาะว่าจะนั่งอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน ปาร์คชานยอลให้เขามาที่นี่ก็คงเพราะอาจจะอยากหาข้าวให้ทาน แต่พอดีว่าเขาได้รับมาจากพี่รหัสแล้วเลยกลายเป็นว่ามาที่นี่เพื่อนั่งทานข้าวด้วยกันเฉยๆเสียอย่างนั้น
“ว่างายยยย”
“สวัสดีครับพี่” ได้ยินเสียงคุ้นๆทักมาศีรษะเล็กเลยยกขึ้นจากจอโทรศัพท์ก่อนจะลุกขึ้นยืนเพื่อทักทายคนที่คุ้นหน้าคุ้นตากันเพราะนั่งร่วมวงเหล้ากันมาก่อน รุ่นพี่อีทึกเจ้าของลักยิ้มข้างขวาที่ตอนนี้เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า
“มาทำอะไรนิ?”
“รอคนข้างบ้านอะพี่ แล้วนี่พี่มาทำไร”
“เห็นหน้าแบบนี้ ประธานสโมฯนะไม่อยากจะบอก”
“หูยยยยย เด็ดๆ” ทำปากจู๋แล้วเบิกตากว้างให้ความสนใจกับตำแหน่งของประธานสโมสรนักศึกษาทำเอาคนที่พรีเซันต์ตัวเองไปเมื่อครู่อดยืดไม่ได้ก่อนจะวางมือลงบนศีรษะของเด็กต่างคณะแล้วขยี้มันเบาๆ
“หน้าตาน่ารักๆก็ระวังหน่อยล่ะ แถวนี้กระทิงแรดมันเยอะ”
“โหย...หล่อแท้แม่ให้มาแบบนี้จะมาน่ารักอะไรอีก แต่จะว่าไปสาวๆวิดวะนี่ก็สวยอยู่นา”
“เตือนไว้ก่อนว่าที่เห็นกับที่เป็นมันไม่เหมือนกัน”
อีทึกทำหน้าแหยงก่อนจะเอ่ยปากเตือนด้วยความหวัง แบคฮยอนหัวเราะเบาๆก่อนจะชะงักหันไปทางซ้ายมือของตัวเองเมื่อพบว่าปาร์คชานยอลที่เดินหายไปเมื่อซักครู่กำลังเดินกลับมาพร้อมกับเสื้อชอปสีกรมท่า คิ้วเรียวน้่นขมวดเข้าหากันนิดหน่อยเมื่อเห็นร่างโปร่งของรุ่นพี่ยืนอยู่ตรงนี้ด้วยก้น
“....อะ” ว่าสั้นๆก่อนจะโยนเสื้อชอปที่คาดว่าน่าจะไปหยิบในรถมาลงบนตักเล็ก แบคฮยอนทำหน้างง “เอามาทำไมอะ”
“.......เผื่อหนาว”
“ตอแหล......”
“พี่คังอินบอกว่าถ้าไม่ออกไปหาตอนนี้จะแฉเรื่องที่พี่กินเหล้าครั้งแรกให้น้องปีหนึ่งฟัง”
“เย็ดเป็ด! ไปก่อนนะแล้วเจอกันเด็กข้างบ้าน”
แล้วบ้านเขากับบ้านของรุ่นพี่อีทึกไปอยู่ติดกันตอนไหนเนี่ย...
คนที่โดนขู่สบถออกมาสั้นๆก่อนจะหันมาโบกมือลาเขาแล้ววิ่งออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้ก็แต่สีหน้างงๆของเด็กข้างบ้านที่ตอนนี้กำลังมองเสื้อที่อยู่บนตักตัวเองกับร่างสูงที่อยู่ในชุดนักศึกษา
“แอร์มันไม่ได้เย็นมาก.....”
“เออน่า ถ้าไม่ใส่ก็ถือไว้ เข้าใจมั้ย”
ร่างสูงกำชับอีกรอบหนึ่งพร้อมกับใช้สายตาดุๆจ้องมายังตักของเขา แบคฮยอนเลยพยักหน้ารับทั้งที่คิ้วยังคงขมวดเข้าหากันแน่น
“.....แต่จริงๆ คลุมเอาไว้ก็จะดีกว่า”
ไม่ได้ว่าเฉยๆ ยังเดินเข้ามาใกล้พลางหยิบเสื้อที่วางอยู่บนตักขึ้นมาสะบัดนิดหน่อยแล้วจัดการคลุมมันลงที่ศีรษะเล็ก พอแบคฮยอนทำท่าจะปัดออกก็โดนมือใหญ่ขยี้ซ้ำลงมา
“ถ้ากลับมาแล้วไม่เห็นว่านายสวมมันไว้....ฉันจะบอกแม่นายว่านายดื้อ”
“เฮ้ย! ไรวะ! เดี๋ยวดิ!!”
------ GIDDY CHANYEOL ------
คิดถูกคิดผิดวะเนี่ยที่ยอมตามคิมจงอินมาถึงที่นี่.....
เขาปล่อยเวลาทิ้งให้เปล่าๆปลี้ๆมาสองชั่วโมงแล้ว ตอนแรกก็นั่งอยู่ในห้องแต่พอนานเข้าเขาก็ออกมาเดินด้านนอกเพื่อหาอะไรทำ โอเคอาจจะไม่ได้หาอะไรทำแต่ก็ยังดีกว่านั่งเฉยๆ เขาไม่กล้าเดินผ่านใต้ตึกที่ตอนนี้มีกลุ่มคนขนาดใหญ่กำลังนั่งนิ่งๆอยู่ตรงนั้นโดยมีเสียงตวาดของใครบางคนดังก้องอยู่
แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเลยทำให้ร่างบางแอบหามุมเหมาะๆในการแอบมอง มีรุ่นพี่ยืนล้อมวงกลุ่มรุ่นน้องที่กำลังนั่งไว้ในขณะที่ด้านหน้าก็มีผู้ชายร่างสูงท่าทางดุดันกำลังตวาดด้วยน้ำเสียงดุดันจนคนที่แอบฟังอดสะดุ้งด้วยไม่ได้
“ปีนเกลียวกันแบบนี้ก็ไมีต้องมีกันแล้วมั้งครับรุ่นพี่รุ่นน้องน่ะ!”
โอ้เหยดเข้....พี่วินัยที่คณะเขามาเจอนี่ยังต้องหงออะบอกเลย
แบคฮยอนทำหน้าเบ้เมื่อพบว่ารุ่นพี่ที่นี่โหดกว่าพี่วินัยของเขาเป็นไหนๆ ถ้าให้คะแนนเต็มสิบพี่วินัยก็คงอยู่แค่ห้า แต่พอมาเจอที่คณะนี้เขาให้สิบห้าไปเลย
“.....เฮ้”
“หือ?”
“.....ชิบละ” ระหว่างที่กำลังดูความเป็นไปกับระบบว้ากของคนต่างคณะ ใครบางคนก็สะกิดหัวไหล่พร้อมกับส่งเสียงทัก พอแบคฮยอนหันกลับไปอีกคนก็ขยับถอยห่างก่อนจะสบถพลางยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองไปครึ่งหนึ่งเหลือเพียงดวงตาที่เสมองไปทางอื่น และถ้าหากว่าแบคฮยอนไม่ได้ตาฝาดแก้มที่โผล่พ้นมือขึ้นมานั่งกำลังแดง
........แดกจุดเลยครับ
“....แป๊บนะ ขอเวลาแป๊บนึง”
ร่างสูงนั่นหมุนตัวกลับไปยืนพึมพำอะไรซักอย่างอยู่คนเดียวในขณะที่บยอนแบคฮยอนก็ยืนนิ่งๆ เขาติดว่าเขาพอจะรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นต่อจากนี้ และทางที่ดีเขาควรจะเดินหนีไปมั้ย หรือว่ามันจะเป็นการเสียมารยาทมากเกินไป
แต่เขาก็ไม่ควรโดนผู้ชายด้วยกันสารภาพรักป่าววะ!?
เออ อาจจะไม่ใช่สารภาพหรอก แต่ดูแล้วมันก็คงจะใกล้เคียง อีกคนวิ่งเข้ามาหาเขาทำหน้าแดงเพียงเพราะจะเข้ามาบอกว่าเขาไม่ได้รูดซิบกางเกงงั้นหรอ
ว่าแล้วก็แอบมองเป้าตัวเองซักหน่อย....
บ้าหรือไง! ก็รูดซิบสนิทนะเว้ย
ถอนหายใจออกมาเมื่อพบว่าตัวเองกำลังจะเสียสติ เขาเป็นแบบนี้ตลอดเวลามีคนเข้าหาแบบนี้ อยู่โรงเรียนเก่าแน่นอนต้องเจออยู่แล้วในเมื่อมันเป็นโรงเรียนชายล้วน แต่ถึงกระนั้นแบคฮยอนก็ไม่เคยชิน
“.....แบคฮยอน...? แบคฮยอนใช่มั้ย”
“ใช่.....ครับ” คำสุดท้ายตัดสินใจที่จะใส่เข้าไปเมื่อพบว่าอีกคนอาจจะอายุมากกว่าก็ได้ “พี่ชื่อมินโฮ....ชเวมินโฮ”
“......” เขานิ่ง ไม่แสดงปฏิกิริยาอะไรตอบกลับไปได้แต่ยืนมองอีกคนทำท่าเงอะงะก่อนที่คนที่ชื่อมินโฮจะสบถออกมาอีกครั้ง นิ้วเรียวสอดเข้าไปที่เส้นผมตัวเอง เสยมันขึ้นไปพลางพ่นลมหายใจออกมา
“ขอเบอร์ได้ไหม....ไลน์ก็ได้ อะไรก็ได้ที่ทำให้เรารู้จักกันมากกว่านี้”
“.......”
โอ้โห.......โอ้โห.......
เขาไม่รู้จะอุทานคำไหนนอกจากคำนี้เลยจริงๆ
แบคฮยอนเผลอทำหน้าตะลึงก่อนจะรู้สึกว่ามือไม้มันเกะกะ เขาขยับเสื้อชอปของปาร์คชานยอลที่ถือไว้ที่มือขวาย้ายไปมือซ้าย จนทำให้ชเวมินโฮได้สังเกตเห็นมัน คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแน่น
“นั่น.....ของใครหรอ?”
“หะ? อ่อ....ของ....”
“....ของกู มีอะไร” ยังไม่ทันจะได้ตอบเจ้าของเสื้อก็เดินมาจากทางด้านหลังพลางตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งๆที่เป็นปกติแต่ถ้าหากเขาไม่ได้รู้สึกไปเองมันมีความหงุดหงิดเจืออยู่นิดหน่อย
....แล้วปาร์คชานยอลจะหงุดหงิดเรื่องบ้าอะไร
ที่เขาไม่ได้สวมเสื้อใช่ไหม....?
ชิบหายแล้วไง
พอคิดได้ก็จัดการขยับเสื้อออกมาคลุมไหล่ตัวเองเอาไว้แล้วหันกลับไปมองอีกคนที่กำลังส่งสายตามาคล้ายกับจะบอกว่า 'ฉันฟ้องแม่นายแน่' อะไรทำนองนั้น
“เด็กมึง?”
“....เออ”
“พี่ช่วยเติมคำว่าข้างบ้านเข้าไปด้วยได้มั้ย” แบคฮยอนกระซิบ กัดฟันกรอด เขาไม่ได้ไร้เดียงสาถึงขนาดแปลคำว่า 'เด็ก' ในความหมายของอีกคนไม่ออก และไม่ชอบใจเท่าไรนักที่ปาร์คชานยอลไม่คิดจะแก้ไขให้มันถูกต้อง คนที่ชื่อมินโฮหันมามองเขาสลับกับคนข้างบ้านที่ยืนเอาหัวไหล่แนบชิดแสดงความสนิทสนม
“........”
“...โอเค ได้...งั้นโทษที ไม่รู้ว่ามีเจ้าของแล้ว”
ในที่สุดอีกคนก็ยอมถอยออกไป สายตาของเขาจ้องมองมายังเสื้อที่คลุมอยู่บนไหล่ของแบคฮยอน บ่นพึมพำแล้วเดินหายไป
“วันนั้นก็ให้คนโน้นใส่ วันนี้ก็คนนี้ใส่ คิดว่าจะมีเด็กกี่คนก็ได้ไงวะ”
นับว่าเป็นโชคดีของแบคฮยอนที่ไม่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น
“ก็บอกว่าให้ใส่เสื้อไว้ ไม่ต้องคลุมแล้วสอดแขนเข้าไป”
พอคนที่สามหายลับไปจากบริเวณนี้มือใหญ่ก็จัดการดึงเสื้อชอปของตัวเองขึ้นแล้วจัดการจับแขนของคนตัวเล็กให้สวมให้เสร็จสรรพ แบคฮยอนเบิกตากว้างขึ้นมานิดหน่อยก่อนจะร้องโวยวาย
“เฮ้ยเดี๋ยวดิพี่! เสื้อชอปกับชุดนักศึกษาเนี่ยนะ โอย ไม่เอา”
“ไม่ใส่เสื้อแล้วเป็นไง....ชอบรึไงโดนผู้ชายจีบเนี่ย”
“ก็เปล่า บ้าหรอใครมันจะไปชอบ”
“งั้นก็อย่าดื้อน่า....”
“.....แล้วพี่หงุดหงิดทำไมวะ”
หลังจากที่ยื้อยุดฉุดกระชากกันได้ซักพัก พอโดนคำถามเข้าไปแบบนั้นปาร์คชานยอลก็เลยนิ่ง “คนโดนจีบมันก็ผมปะ?”
ยิงซ้ำเข้าไปอีกทีแน่นอนว่าคนตัวสูงก็เหลือบมองใบหน้าหวานที่กำลังขยับปากบ่นพึมพำอีกเล็กน้อยโดยไม่ได้สนใจเขา ชานยอลปล่อยมือออกเลิกเซ้าซี้ก่อนจะหันหลังให้
“....กลับบ้านกัน”
“หื้อ? เสร็จธุระแล้วหรอ?”
“อือ”
ไม่มีการจับมือแล้วลากให้เดินตาม แบคฮยอนมองแผ่นหลังกว้างที่กำลังเดินห่างออกไปด้วยใจหวิวๆแบบที่ไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
------ GIDDY CHANYEOL ------
แม่เขากลับมาเร็วกว่ากำหนด
เขาไปนอนค้างบ้านของคนข้างบ้านอีกสองคืนก่อนที่แม่จะกลับมา จะว่ามันปกติก็คงปกติหรือไม่ก็อาจจะเป็นแบคฮยอนที่คิดไปเองว่าปาร์คชานยอลแปลกไปหลังจากวันนั้น จากที่เคยคิดจะจับก็จับคิดจะทำอะไรก็ทำเหมือนกับว่าอีกคนจะระมัดระวังมากขึ้น เขาว่ามันก็เป็นเรื่องดีนะ
แต่มันรู้สึกแปลกๆยังไงก็ไม่รู้
ช่วงนี้กิจกรรมที่มหาลัยก็มากขึ้น ชานยอลไม่ได้กลับบ้านพร้อมกันอีกหลังจากที่แม่กลับมา เขาเองก็มีกิจกรรมที่เรียกว่าดีแอคเหมือนเป็นการร่วมร้องเล่นเต้นกับพี่อะไรประมาณนั้นซึ่งพี่ๆจะสอนเต้นสันทนาการในขณะที่ชานยอลบอกว่าไปเตรียมตัวเรื่องทำบ้านรับน้องใหญ่ของมหาลัย
แบคฮยอนเดินออกมาหน้าบ้านในช่วงเย็นพระอาทิตย์เริ่มจะตกดินแล้วแม่เลยไล่ให้เขาออกมารดน้ำต้นไม้โดยเฉพาะดอกไม้ของแม่ที่ดูเหมือนจะเป็นห่วงกันมากเสียเหลือเกิน
แอบเหลือบมองไปทางข้างบ้านที่ตอนนี้ยังคงมืดสนิทบ่งบอกว่ายังไม่มีคนกลับมาบ้าน เขาถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะเดินไปหยิบสายยางจัดการเปิดน้ำแล้วยืนอยู่ตรงหน้ากระถางต้นไม้ของแม่จ้องมันอยู่นาน
“แม่กลับมาแล้ว ร่างเริงรื่นเริงเลยสิมึง”
“เออขอโทษแล้วกันที่ไม่ได้มารดน้ำให้”
“ไม่ต้องมาทำเหี่ยวใส่เลยนะ”
“เออ กูทำมึงเหี่ยวเองอะ ขอโทษ”
“แต่มึงก็ไม่ควรทำมึนแบบนี้ใส่กูป่าววะ”
“ไม่...มึงไม่ได้เพิ่งทำ มึงเป็นแบบนี้มานานแล้ว”
ตกลงว่านี่เขาคุยกับดอกไม้...หรือระบายความอัดอั้นที่มีต่อคนข้างบ้านกันแน่
สุดท้ายแบคฮยอนเลยทนอึดอัดไม่ไหวเดินไปปิดน้ำแล้วโยนสายยางออกไปไว้ทางด้านข้างทิ้งตัวลงนั่งยองๆหน้ากระถางต้นไม้ของแม่ด้วยสีหน้าที่หงุดหงิด ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันนิดหน่อยก่อนจะเอื้อมมือไปดึงใบไม้ที่ติดอยู่กับลำต้นด้วยแรงที่ไม่มากนัก
ถ้าดึงจนมันหลุด น่ากลัวว่าไอ้ที่จะหลุดเป็นอันต่อไปก็น่าจะหัวเขานี่แหละ
ยัยป้าในบ้านนั่นหวงตันไม้อย่างกับอะไรดี
“มึง....ไปบอกคนข้างบ้านมึงด้วยนะ ถ้าลำบากมากนักก็เลิกยุ่งกับกูได้แล้ว”
“....ถ้าอยากจะมีเวลาจีบสาวมากขนาดนั้นก็บอกกันตรงๆก็ได้”
“ไม่เห็นต้องทำตัวให้กูรู้สึกอึดอัดแบบนี้เลย.....”
“ย่าห์! แกทำอะไรดอกไม้ของแม่น่ะ!”
นั่นไง ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรอีกคนก็ส่งเสียงก่อนจะเดินออกมาหน้าบ้าน เอามือข้างนึงเท้าเอวไว้ส่วนอีกข้างก็เขกลงบนศีรษะกลมของลูกชายที่ทำท่าจะทำร้ายดอกไม้ของเธอ
“โอ๊ย....ผมแค่จับ จับใบไม้เองนะป้า”
“ไม่เชื่อ แม่เห็นแกกำลังใส่อารมณ์กับลิซซี่”
“ลิซซี่?”
“ช่าย~ นี่ลิซซี่น้องแก รู้จักไว้ซะสิ แล้วทีหลังอย่ารุนแรงกับน้องอีกนะ”
เขาว่าเขาเพี้ยนแล้วนะที่คุยกับดอกไม้ แต่ดูเหมือนแม่จะหนักกว่าถึงกับตั้งชื่อให้เลยหรอเนี่ย!
“ไม่ต้องมามองแม่แบบนั้น ล้อเล่นหรอกน่า”
“.....นี่ผมเชื่อเลยนะเนี่ยป้า” ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกก่อนจะโดนเขกศีรษะอีกหนเมื่อได้ยินคำว่าป้าหลุดออกมาจากปากลูกชายตัวเอง มือเล็กคลำหัวตัวเองป้อยๆแล้วทำหน้าเบ้ และก่อนที่จะได้ทำอะไรอย่างอื่นต่อไปเสียงรถของคนข้างบ้านก็ดังขึ้น แสงไฟจากหน้ารถส่องมายังหน้าบ้านของเขา
แบคฮยอนขยับลุกพรวดขึ้นยืนแล้วชะเง้อคอไปมอง ทำหน้าสลดนิดหนึ่งเมื่อพบว่ารถคันที่มาจอดไม่ใช่คันประจำของคนข้างบ้าน แต่แล้วก็ต้องโค้งตัวลงเล็กน้อยเมื่อพบว่าเป็นคุณพ่อของปาร์คชานยอลที่เดินลงมาจากรถ
“สวัสดีครับคุณลุง”
“แบคฮยอนนี่เอง....อ้า คุณยุนฮีสวัสดีครับ”
“เจอกันอีกแล้วนะคะคุณจุนยอง”
ชายวัยกลางคนขยับร่างกายตัวเองมาหยุดอยู่ที่รั้วหน้าบ้าน เห็นแบบนั้นแล้วคนเป็นเด็กเลยถอยตัวเองเดินเข้าบ้านไปปล่อยให้ผู้ใหญ่สองคนยืนคุยกันที่หน้าบ้าน โทรศัพท์สั่นครืดคราดไม่ต่อเนื่องบ่งบอกว่ามีคนส่งไลน์มาหาเขารีบหยิบมันขึ้นมาดูก่อนจะพบว่าตัวเองถูกลากเข้าไลน์กรุ้ปที่มีชื่อว่า 'Handsome Boy At Phamaceutical' มีสมาชิกสามคนนั่นคือโอเซฮุน อีทงเฮและเขา
MR.OH
มึงตกลงจะเลือกบ้านรับน้องบ้านไหนกัน? 18:34
ส่งใบสมัครพรุ่งนี้แล้วนะ 18:34
ทงเงย์คนแมนแดนมหัศจรรย์
มีรุ่นพี่แนะนำบ้านเอสเอ็ม 18:36
กูว่าจะเลือกบ้านนี้ 18:36
หรือพวกมึงจะเอาไง 18:36
read by 2 18:36 บ้านเอสเอ็มคือไรวะ
read by 2 18:37 บ้านพวกนิยมความรุนแรงหรอ
MR.OH
กูเล็งบ้านเริ่ดอะ พี่โจควอนบอกว่าผู้หญิงเยอะ 18:37
เออ ละเอสเอ็มนี่ย่อมาจากไรวะ 18:37
ทงเงย์คนแมนแดนมหัศจรรย์
ซุปตาร์มิวเซียม 18:38
อยู่แล้วเหมือนจะได้เป็นซุปตาร์ 18:38
ก็เหี้ยและ บ้านเริ่ดกระเทยเยอะไอ้สัด 18:39
โดนหลอกแล้วควาย 18:39
แบคฮยอนหลุดขำออกมาเมื่อพบว่าโอเซฮุนโดนหลอกเข้าเต็มเปา ตอนนี้เขากำลังถกประเด็นปัญหาเรื่องของบ้านรับน้องที่เป็นการเลือกเองว่าจะเข้าบ้านไหน ไม่ได้จำเป็นจะต้องแยกตามคณะเพราะทั้งหมดนี่เราสามารถนัดเพื่อนโรงเรียนเก่าให้มาเลือกบ้านเดียวกันได้ แต่น่าเสียดายที่เพื่อนสนิทของเขาไม่มีติดที่นี่เลยซักคน เพราะอย่างนั้นก็คงได้แต่เลือกที่จะตามพวกมันสองคนไป
MR.OH
กูว่าแล้ว...สาวๆแม่งไปบ้านบาร์บี้กันหมดอะดิ 18:39
read by 2 18:39 กูได้หมด
read by 2 18:39 ยกเว้นบ้านบาร์บี้
ทงเงย์คนแมนแดนมหัศจรรย์
บ้านเอสเอ็มเห้อะ ไหนๆก็ไหนๆ 18:40
read by 2 18:41 โอเค บ้านเอสเอ็ม
พิมพ์ทิ้งไว้ก่อนจะปิดหน้าจอโทรศัพท์เมื่อพบว่าผู้ใหญ่สองคนกำลังเดินเข้ามาในบ้าน แบคฮยอนรีบเดินไปช่วยคุณลุงจุนยอง(ที่จริงก็ไม่รู้ชื่อหรอกแต่พอได้ยินแม่เรียกแบบนั้นเขาก็เลยเรียกตาม)ที่ถือของพะรุงพะรังเข้ามาในบ้าน แน่นอนว่าของเหล่านั้นเป็นของกินเกือบทั้งหมด
“ทานด้วยกันเลยนะ เดี๋ยวอีกซักพักชานยอลก็คงมาแล้ว”
แบคฮยอนหายใจติดขัดนิดหน่อยเมื่อได้ยินชื่อของคนข้างบ้านที่เขาไม่เห็นหน้ามาได้สองสามวันแล้ว “เดี๋ยวนี้ชานยอลไม่ค่อยได้มาทานข้าวด้วยกันเลย สองสามวันมานี่กลับดึ๊กดึก”
“ถ้าเป็นแบบนั้นเขาอาจจะทานมาแล้ว คุณยุนฮีไม่ต้องเป็นห่วงเลยครับ”
สาเหตุที่ไม่ได้เจอหน้ากันเพราะตอนเช้าแม่ก็ไปส่งเขาที่หน้ามหาวิทยาลัย ส่วนขากลับเขาก็กลับเองเพราะไม่มีไลน์หรือโทรศัพท์จากคนข้างบ้านโทรมาบอกให้เขารอหรือว่าไปหา และแน่นอนว่าเขาได้ยินเสียงรถของปาร์คชานยอลมาจอดเข้าในบัานอีกทีก็ห้าทุ่มเข้าไปแล้ว
เขาไม่รู้ว่ามันเกิดบ้าอะไรขึ้น
แต่เขาคิดว่าเขาคงบ้ามากกว่าที่วันๆเอาแต่คิดเรื่องพวกนี้
ปาร์คชานยอลเป็นบ้าอะไร
ทำไมจู่ๆก็ทำตัวแบบนี้
“ไปหยิบจานมาช่วยคุณจุนยองเขาแกะกับข้าวไป”
หลุดจากภวังค์ก็ตอนที่แม่เดินมาสะกิดก่อนจะบอกให้เข้าไปหยิบจานในห้องครัว ซึ่งเขาเองก็ทำตามแต่โดยดี
มันควรจะเป็นเรื่องดีแล้ว ปาร์คชานยอลไม่ควรล้ำเส้นเข้ามามากกว่านี้
ถึงจะบอกตัวเองแบบนั้นแต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้รู้สึกใจหายทุกที
“ชานยอลน่าจะมาแล้ว” คุณลุงคนข้างบ้านยืดตัวขึ้นมาก่อนจะวิ่งออกไปที่หน้าบ้านด้วยท่าทางกระตือรือร้นจะเหลือก็เพยงแต่เขาที่ยืนจัดของกินใส่จานเงียบๆ แม่เดินออกจากครัวมาช่วยเขา “เป็นอะไรหรือเปล่า? หรือว่าอึดอัดที่มีคนอื่นมากินข้าวด้วย”
“อ้อ เปล่าๆ”
“....แน่ใจนะ? มีเรื่องอะไรที่แม่ควรจะรู้รึเปล่า?”
“.............”
“แบคฮยอน?”
“ไม่มี...ไม่มีไรหรอกแม่ แบคแค่รู้สึกแปลกๆนิดหน่อย แต่ไม่ใช่เพราะคุณลุงจุนยองหรอก อาจจะเรื่องที่มหาลัยนิดหน่อย”
แบคฮยอนรีบส่ายหัวเร็วๆแล้วหันไปฉีกยิ้มให้คนเป็นแม่ที่กำลังจ้องเขาด้วยสีหน้าจับผิด แน่นอนว่าพอบอกว่าอาจจะเป็นเรื่องที่มหาวิทยาลัยแม่เลยยอมปล่อยก่อนจะเอื้อมมือมาลูบศีรษะเขาเบาๆ
“เรามีกันสองคนนะแบคฮยอน....”
“......ครับ”
“มีอะไรก็บอกแม่ได้”
จู่ๆก็รู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้
สาบานได้ว่าเขาไม่ได้รู้สึกแย่เรื่องของปาร์คชานยอลจนอยากจะร้องไห้หรอกนะ เพราะแม่ต่างหากที่ทำให้เขารู้สึกน้ำตาจะไหล ความรู้สึกอบอุ่นนี่มันเกาะกุมไปทั่วทั้งหัวใจ
“คุณน้าสวัสดีครับ” ไม่นานนักปาร์คชานยอลก็เดินเข้ามา ไม่ได้แต่งชุดนักศึกษาเหมือนอย่างเคย ร่างสูงปรายตามามองเขาเพียงเล็กน้อย ส่งยิ้มเพียงบางเบาแล้ววางของในมือตัวเองลงบนโต๊ะ
แบคฮยอนเม้มริมฝีปาก
บ้าบอมาก ยิ้มอะไร?
“จัดโต๊ะเสร็จพอดีเลย จะทานกันเลยมั้ยคะ?”
และมื้ออาหารก็เริ่มต้นขึ้น บนโต๊ะมีเพียงเสียงพูดคุยของผู้ใหญ่ที่เหมือนจะพูดคุยกันเรื่องงานที่ทำ ชานยอลชวนเขาคุยอยู่สองสามคำก่อนจะก้มหน้าก้มตาไปทานอาหารต่อตามเดิม ซึ่งคำถามก็ไม่ได้มีท่าทีเย้าประสาทอย่างที่เคยเป็นถามเพียงแค่ว่าห้องเชียร์จะจบวันไหนแล้วช่วงนี้เป็นยังไงก็เท่านั้น
ความจริงนี่มันก็ถูกต้องแล้ว เขากับคนข้างบ้านควรจะเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ต้น
แล้วมันตั้งแต่เมื่อไหร่ที่อีกคนทำให้มันกลายเป็นเรื่องไม่ปกติ
เมื่ออาหารมื้อเย็นกับคนข้างบ้านจบลง แบคฮยอนก็ลุกขึ้นยืนแล้วเก็บถ้วยจานไปไว้ที่อ่าง เตรียมตัวจัดการล้าง ปาร์คชานยอลที่กำลังช่วยเช็ดโต๊ะอยู่ก็โดนพ่อแย่งผ้าเช็ดโต๊ะไปจากมือ ดวงตากลมโตที่ได้มาจากแม่หันไปมองพ่อตัวเองแล้วทำหน้าไม่เข้าใจ
“ไปช่วยน้องล้างจานโน่น”
“หือ”
“แบคฮยอนล้างจานอยู่คนเดียว ไปช่วยหน่อย”
ไม่ว่าเปล่ายังขยิบตาน้อยๆ คนถูกสั่งเลยทำอะไรไม่ได้นอกจากพยักหน้ารับแล้วเดินเข้าไปในครัว หยุดยืนที่กรอบประตูอย่างที่เคยทำแล้วจ้องคนตัวเล็กที่ไม่ได้เห็นหน้ามาหลายวัน
อืม.....วันนี้แบคฮยอนไม่ค่อยพูดเท่าไหร่
ถามคำก็ตอบคำ ดูเรียบร้อยไม่เฮ้วเหมือนปกติ
“ขยับหน่อย”
แบคฮยอนสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงทุ้มดังไม่ห่างเท่าไหร่ เอี้ยวตัวหันไปมองก่อนจะพบว่าร่างสูงๆของชานยอลยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง เขาถูกมือใหญ่นั่นดันให้ขยับเพื่อให้ตัวเองได้แทรกเข้ามายืนด้วย
“ทำไมต้องทำตาโต”
“....ก็เปล่า แค่ตกใจ”
พอรู้ตัวว่ากำลังทำตาโตใส่คนข้างบ้านแบคฮยอนเลยรีบหันหน้ากลับมาจดจ่อกับกองจานที่อยู่ตรงหน้าแทน
เงียบ....และว่างเปล่า
ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนคงจะไม่อึดอัดแต่หลังจากที่ปาร์คชานยอลทำตัวแปลกไปเขาก็รู้สึกว่าเวลาเงียบเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดเสียจนอยากจะระเบิดตัวเองให้หายไปจากตรงนั้น ที่ตรงนี้มีเพียงเสียงน้ำไหล เสียงจานกระทบจาน มีเพียงแค่นั้นจริงๆ
“เอ้อ....เมื่อวันนั้น”
“วันไหน” พอคนข้างบ้านเปิดประเด็นขึ้นมาแบคฮยอนก็รีบตอบทันควันด้วยความตกใจ หลังจากนั้นก็เม้มริมฝีปากแน่นที่ดันตอบออกไปรวดเร็วขนาดนั้นเหมือนชานยอลจะหันมามองเขาแวบหนึ่งแต่สิ่งที่อีกฝ่ายเห็นมีเพียงท่าทางนิ่งๆเหมือนไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
“ที่คณะ.....”
“......”
“มินโฮไม่ได้มากวนอะไรนายอีกใช่มั้ย”
“อือ ผมไม่ได้ให้อะไรไป”
“ดีแล้ว” หลังจากนั้นก็เงียบลงไปอีก เมื่อจานใบสุดท้ายถูกคว่ำลงบนตะแกรงแบคฮยอนก็จัดการล้างมือให้สะอาดในขณะที่อีกคนก็กำลังเช็ดมือ ปาร์คชานยอลเดินหันหลังกลับไปทำท่าจะเดินออกจากห้องครัว แต่ร่างสูงนั่นก็หยุดอีกครั้ง
“ส่วนเรื่องที่นายถาม....”
“......?”
“ฉันก็แค่เป็นห่วง”
“.......”
“เพราะแม่นายฝากให้ดูแลให้ดี”
“.......”
“.......”
“อืม......ขอบคุณมากนะพี่”
“.......”
“แต่คราวหลังไม่ต้องแล้ว ขอบคุณมากจริงๆ”
5 0 %
------ GIDDY CHANYEOL ------
วันนี้เป็นการเข้าห้องเชียร์วันสุดท้าย ซึ่งเป็นการสอบร้องเพลงโดยจะมีเฮดเพลงรุ่นก่อนหน้านั้นมาเป็นคนสอบ เมื่อสองวันก่อนมีเหตุการณ์นองน้ำตานิดหน่อย พวกผู้หญิงแถวเขาพากันสะอื้นไปตามๆกันเพราะโดนพี่วินัยและเฮดเพลงรุ่นก่อนหน้าเข้ามาแล้วว้ากกันยกใหญ่ แน่นอนว่าพี่วินัยรุ่นปัจจุบันโดนหนักกว่าใครเพื่อน เขาจำได้เลยว่าจองอึนจีไอดีที่ถัดจากเขาตอนกำลังเก็บขนมอยู่ก็ยังคงสะอื้นจนเขาต้องยื่นทิชชู่ไปให้
การสอบไม่มีอะไรมากแค่จะต้องร้องเพลงให้ถูกจังหวะถูกคีย์และร้องไม่ผิด ถ้าผิดก็ต้องเริ่มใหม่เพราะอย่างนั้นวันนี้เลยใช้เวลานานกว่าการเข้าห้องเชียร์ปกติ แบคฮยอนหายใจไม่ค่อยทั่วท้องเท่าไหร่เมื่อพี่วินัยที่ชื่อว่าคริสตอนนี้มายืนอยู่ข้างๆ
ไม่ใช่เพราะว่าหล่อหรือว่าอะไรหรอก แต่อีกคนทำท่าเหมือนจะกินเขาเข้าไปทั้งหัวอยู่แล้ว
จ้องขนาดนี้แดกหัวกูเลยเถอะ!
“ที่สอนไปจำกันไม่ได้เลยหรือไงครับ เพลงพี่ก็ให้น้องเลือกเอง แล้วการที่น้องยังร้องผิดร้องถูกอยูแบบนี้แสดงว่าไม่ได้ตั้งใจเลยใช่มั้ยครับ”
อดีตเฮดเพลงตะโกนมาจากด้านหน้า แบคฮยอนเลยหลับตาลงแล้วถอนหายใจออกมาน้อยๆ นี่เพลงที่สองแล้ว เพลงแรกผ่านมาได้เพราะเป็นเพลงประจำมหาวิทยาลัยที่ไม่ว่ายังไงก็ต้องจำให้ได้ แต่เพลงที่สองมันดูเหมือนจะไม่ถูกใจพี่ๆที่ยืนอยู่ด้านหน้าซักที
“พี่เห็นหมดนะครับใครตั้งใจใครไม่ตั้งใจ ใครร้องมั่วหรือใครไม่ร้อง อย่าให้ชี้ตัวนะครับพี่ไม่อยากทำแบบนั้น”
เอาตรงๆเขารู้สึกเบื่อนิดหน่อย
“หลังตรงครับน้อง”
พี่คริส....พี่วินัยหน้าโหดแต่โคตรหล่อขยับเข้ามาใกล้ก่อนจะกระซิบเบาๆพลางเอามือแตะหลังเขาเพื่อให้มันตรงเหมือนเดิม แน่นอนล่ะว่าเขาสะดุ้งก่อนจะเหยียดแผ่นหลังให้ตรงเด๊ะ เขาแอบเหลือบไปเห็นผู้หญิงที่ยืนด้านข้างกำลังกลั้นยิ้ม
คือจะย้มเพราะฟินที่ได้เข้าใกล้พี่เขาอีกนิดหรืออะไรก็ได้
แต่อย่าจับเขาไปจิ้นอีกก็พอ.....
ใช้เวลาอีกประมาณชั่วโมงครึ่งการสอบร้องเพลงทั้งหมดก็จบลง พี่เฮดเพลงรุ่นปัจจุบันเดินเข้ามาแทนพร้อมกับกล่าวขอบคุณ ส่วนพี่ประธานเชียร์ก็พูดซึ้งจนผู้หญิงด้านข้างเขาเริ่มร้องไห้
เพราะยังอยู่ในระเบียบของห้องเชียร์เขาเลยทำอะไรไม่ได้นอกจากเอื้อมมือไปสะกิดคนข้างๆเพื่อเป็นการปลอบใจ ไม่นานนักเสียงโทรศัพท์ก็ดัง เด็กปีหนึ่งต่างพากันมองหนาเลิ่กลั่ก
เขาบอกให้ปิดเสียงโทรศัพท์ ใครกันดันมาพลาดวันสุดท้าย
“เสียงโทรศัพท์ของใครดังคะน้อง ระเบียบห้องเชียร์ว่ายังไง ไม่ต้องรับเลยนะ กดวางไปเลย!”
พี่วินัยผู้หญิงที่ยืนอยู่หน้าพี่คริสไปสองคนตะโกนขึ้นมาด้วยท่าทางที่ค่อนข้างโมโห แบคฮยอนกวาดสายตามองไปรอบๆห้องประชุมก่อนที่พี่สตาฟเพลงจะยกมือขึ้น “ขออนุญาตรับโทรศัพท์ค่ะ”
“บอกว่าไม่ต้องรับไงคะ นี่มันห้องเชียร์นะคะน้อง เป็นสตาฟเพลงซะเปล่ายังต้องให้บอกอีก!”
“ไม่ต้องรับสายยย ถ้าเธอไม่เหงา อยู่กับเขาก็รู้เธอคงไม่แคร์คนอย่างฉันนน”
เด็กปีหนึ่งจากตอนแรกที่ทำหน้าเครียดอึ้งกิ่มกี่ก็เริ่มพากันหัวเราะออกมาด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นพี่สตาฟเพลงยี่สิบสามสิบกว่าคนกำลังเต้นอยู่ด้านหน้า บรรยากาศห้องเชียร์ที่พาให้พวกเขาปวดหัวมันจบลงแล้ว แบคฮยอนหันไปยิ้มกับเพื่อนผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆ
“มันใช่เวลาเล่นมั้ยครับน้อง!”
กริบ......
พี่คริสที่ยืนอยู่ด้านข้างทำหน้าโกรธขึ้นมา จริงจังมากเสียจนคนทั้งห้องต้องเงียบ พี่สตาฟเพลงที่เคยหลุดตอนนี้ก็กลับไปยืนท่าเดิม “ยังอยู่ในห้องเชียร์นะครับ น้องมาเล่นกันแบบนี้ได้ยังไง!”
“มีสติหน่อยสิคะน้อง อีกไม่นานก็จะจบแล้ว บอกใจตัวเองหน่อยค่ะ”
“บอกใจตัวเองว่าไม่อิจฉา ฝืนใจบอกใจ เราต้องไม่อิจฉา......”
“จะไม่จบใช่มั้ยครับ!? รู้ตัวไหมว่ากำลังทำผิดกันอยู่”
“ผิดที่เราเจอกันช้าไป ไม่มีวันจะมารักกัน.....”
เสียงหัวเราะคิกคักยังคงดังขึ้นสลับกับหยุดไปเรื่อยๆจนในที่สุดวินัยก็โกรธจัดจนทนไม่ไหวเดินกระแทกเท้าปึงปังเดินออกไปนอกห้องเชียร์ พี่สตาฟเพลงหยุดเล่นน้องปีหนึ่งหยุดหัวเราะและบรรยากาศในห้องเชียร์กลับมาอึมครึมอีกครั้ง แบคฮยอนชะโงกหน้าไปมองอีทงเฮที่ยังคงยืนกลั้นหัวเราะไม่ให้เสียงดังจนเป็นจุดสนใจ
“มึง....เขาจริงจังปะวะ”
“อึก....ไม่รู้....”
“หยุดขำได้ล้ะห่า”
“พี่วินัยไม่เข้าใจดาว!”
“พี่วินัยไม่เข้าใจดาว!”
“พี่วินัยไม่เข้าใจดาวววว!”
เป็นอีกครั้งที่พี่สตาฟเพลงเริ่มโวยวายออกมากันทีละคนสองคน หลังจากนั้นประตูห้องประชุมที่ถูกปิดโดยฝีมือของคนที่เพิ่งออกไปเมื่อซักครู่ เสียงกรี๊ดพร้อมกับเสียงโห่ร้องดังขึ้นเพราะพี่วินัยที่แอ๊บโหดเมื่อซักครู่เดินกลับมาโดยมีพวงมาลัยคล้องไว้ที่คอ
"น้องดาวเป็นลูกสาวกบจบชั้นมอหกโรงเรียนบ้านหนองใหญ่....."
แบคฮยอนอึ้ง.....
โอ้โห....พี่วินัยที่เคยโหดตอนนี้แปลงร่างเป็นน้องดาวโรงเรียนบ้านหนองใหญ่กันไปหมดแล้ว พี่คริสขวัญใจสาวน้อยสาวใหญ่หยิบกระโปรงบานๆของสาวลูกทุ่งมาสวมแถมยังทาลิปสติกเสียแดงแจ๋ทำเอาผู้หญิงหลายคนกรีดร้องกันใหญ่
"มีน้องคนไหนที่ยังไม่เจอพี่รหัสปีสามมั่งมั้ยคะ"
เมื่อเพลงจบพี่ประธานเชียร์ก็คว้าไมค์ไปครองอีกครั้งก่อนจะเอ่ยปากถาม แบคฮยอนหันมองซ้ายขวาก่อนจะพบเพื่อนร่วมอุดมการณ์อีกหลายคนหนึ่งในนั้นมีโอเซฮุนด้วย
หลังจากนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรต่อ เฟรชชี่ปีหนึ่งถูกอพยพลงไปที่ด้านล่างที่เป็นหอประชุมขนาดใหญ่ที่ไม่มีเก้าอี้ สามหน่อเพื่อนซี้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งก่อนที่จะเดินไปพบกับทีมสันทนาการที่รออยู่ ความจริงแบคฮยอนก็อยากจะชิ่งหนีกลับก่อนแต่รุ่นพี่บอกเอาไว้ว่าถ้าหากพลาดล่ะก็จะเสียใจแหงๆ
เพราะงั้นตอนนี้แม้จะเป็นเวลาสองทุ่มครึ่งแล้วแต่เฟรชชี่ปีหนึ่งก็ยังไม่หายกลับไปไหน มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จำเป็นจริงๆที่จะต้องกลับไปก่อน แบคฮยอนนั่งลงล้อมรอบของกลุ่มพี่สันทนาการก่อนที่เพื่อนอีกสองคนจะนั่งด้วย
"แจวมาแจวจ้ำจึกน้ำนิ่งไหลลึกนึกถึงคนแจว เอ้า แจวมาแจวจ้ำจึกน้ำนิ่งไหลลึกนึกถึงคนแจว แจวเรือไปซื้อถ้วยจาน แจวเรือไปซื้อถ้วยจาน ขอเชิญพี่สันทนาการลุกขึ้นมาแจว....."
พี่ที่นั่งอยู่ล้อมรอบด้านหลังอีกทีลุกขึ้นมาเต้นท่าแจวเรือ แบคฮยอนมองแล้วก็ได้แต่ยิ้มที่พี่ๆสรรหาของมาสันทนาการน้อง แต่ถึงกระนั้นเขาก็คิดว่าอยากจะกลับบ้านอยู่ดี
วันนี้ไฟว้กับเฮดเพลงมามากพอแล้ว เขาควรจะพักผ่อน
เพลงแจวไล่ไปเรื่อยๆ เรียกน้องโรงเรียนบ้าง น้องผู้หญิงบ้างผู้ชายบ้างก่อนจะรวมเฟรชชี่ทั้งหมดแล้วไล่ไปจนถึงปีหก เขาเหลือบมองนาฬิกาอีกครั้งก่อนจะพบว่านี่มันก็สามทุ่มแล้ว มองเห็นหลายคนแอบแวบกลับบ้านเขาเองก็สะกิดเพื่อนสองคน "มึง......กูว่าจะกลับแล้ว"
"เฮ้ยเดี๋ยวดิ" โอเซฮุนมองนาฬิกาบ้างก่อนจะเอ่ยปากรั้งเอาไว้ คนถูกรั้งทำหน้าเบ้นิดหน่อย "ดึกแล้ว...."
"อีกแป๊บๆๆ จบสันทนาการแล้วกูกลับด้วย"
"ห่า จ้องพี่ซาร่าอยู่ก็บอกมา"
"เอออออ" พอถูกจับไต๋ได้ก็รีบโบกมือปัด แบคฮยอนถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วจึงนั่งลงตามเดิม
"แจวเรือจะไปซื้อเทียน แจวเรือจะไปซื้อเทียนขอเชิญพี่เนียนลุกขึ้นมาแจว"
เสียงฮือฮาดังขึ้นหลังจากที่มีคนลุกขึ้นยืนทำท่าแจว แบคฮยอนทำตาโตก่อนจะหันไปมองเพื่อนที่นั่งอยู่ด้านข้างก่อนจะพบว่ามันทั้งสองคนยังนั่งปกติแล้วก็ทำท่าตกใจไม่แพ้กัน
ใจหายหมด! นึกว่าพวกมันจะเป็นพี่เนียนกันซะอีก
"เหยดเข้...." อีทงเฮอุทานออกมาเบาๆแน่นอนว่าโอเซฮุนก็เช่นกัน พวกพี่เนียนค่อยๆขยับออกจากวงทีละคนสองคนก่อนที่จะมีตัวแทนเข้าไปกล่าวขอโทษน้องๆ มีเพื่อนผู้หญิงบางคนของเขาเริ่มร้องไห้ อาจจะเพราะรู้ว่าเพื่อนสนิทตัวเองกลายเป็นรุ่นพี่ไปซะแล้ว
แต่ดูเหมือนสันทนาการจะยังไม่จบ แบคฮยอนขมวดคิ้วเพราะเห็นแล้วว่ามันควรจะจบลงได้แล้ว แต่เพลงแจวก็ยังคงดังต่อ
".....แจวเรือจะไปโรงเจ เอ้าแจวเรือจะไปโรงเจ ขอเชิญพี่อีทงเฮลุกขึ้นมาแจว"
ควับ!
ทันที...ทันทีที่เขาและโอเซฮุนหันไปจ้องไอ้เพื่อนเตี้ยล่ำที่พูดจากันแบบเอาตีนลูบกบาลกันได้ก็ลุกขึ้นยืนแล้วทำท่าแจว แบคฮยอนอ้าปากค้างรู้สึกเหมือนมีอะไรหนักๆมาทุบเข้าเต็มหัว เมื่อเพลงจบลงมันทำท่าบอกว่าอย่าเพิ่งรีบกลับไปไหนแล้วเดินออกไปที่กลางวงกล่าวแนะนำตัวเอง
"สวัสดีครับ พี่อีทงเฮปีสาม ฟามไซน์ครับ"
ฆร๊วยยยยยยย!
แบคฮยอนโอดครวญในใจก่อนจะยกมือขึ้นเสยผมหน่อยๆเมื่อพบว่าตัวเองโดนหลอกเข้าจังๆส่วนเซฮุนบ่นอะไรไม่รู้พึมพำเหมือนจิตหลุดไปแล้ว อีทงเฮที่ออกไปยืนตรงกลางวงเฉลยพี่เนียนที่ยังไม่ยอมเผยตัวอีกสองสามคนก่อนจะกลับมาพูดจริงจังอีกครั้ง
"ยินดีต้อนรับน้องๆเฟรชชี่ทุกคนเข้าสู่รั้วเภสัชนะครับ ตอนนี้น้องๆเองก็ผ่านเข้ามาเป็นรุ่นน้องของพวกพี่ครึ่งนึงแล้ว"
"ห่า มึงทำกับกูขนาดนี้แล้วยังเป็นได้แค่ครึ่งเดียวอีกหรอ"
คนที่ได้ยินถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆเลยเรียกความสนใจของอีทงเฮได้เป็นอย่างดี "นินทาไรไอ้เซฮุน"
"เปล่าค้าบบบบ ใครจะกล้านินทาอะไรคุณพี่อีทงเฮพี่เนียนดีเด่นประจำปีได้ค้าบ" อดีตเพื่อนร่างเตี้ยล่ำหรี่ตาลงนิดหน่อยก่อนจะส่งสายตาคาดโทษเอาไว้แล้วหันกลับไปพูดต่อ ระหว่างนั้นพี่วินัยสิบคนก็เดินออกมายืนอยู่กลางวงพร้อมกับกล่องของขวัญในมือ
"พี่ขอเวลาตรงนี้สิบนาทีแล้วก็จะได้เวลาแยกย้ายกลับบ้านนะ เอาล่ะขอให้น้องที่มีไอดีต่อไปนี้ลุกขึ้นยืนด้วยครับ...."
เสียงฮือฮาเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ที่เป็นประเด็นที่สุดคงหนีไม่พ้นคนตัวสูงหน้าหล่อหุ่นนายแบบที่ในอ้อมแขนมีกล่องของขวัญกล่องใหญ่ แบคฮยอนอ้าปากหาวด้วยความเบื่อหน่ายก่อนจะสะดุ้งลุกขึ้นยืนเมื่อได้ยินอีทงเฮประกาศเรียกไอดีสี่สิบเก้าดังขึ้นมา หลังจากนั้นไม่นานโอเซฮุนก็ยืนขึ้นด้วย เพื่อนร่วมรุ่นอีกสิบกว่าคนยืนขึ้นแบบงงๆ
"น้องยังไม่เจอพี่รหัสปีสามกันใช่มั้ยครับ?"
พอโดนถามแบคฮยอนก็พยักหน้าหงึกหงักพลางขมวดคิ้วแน่นเพราะการที่เขาไม่เจอพี่รหัสปีสามก็เป็นเพราะว่าพี่ติดภารกิจช่วยเหลือมนุษย์โลกอยู่ที่ไหนซักแห่งในแอฟริกาและยังไม่มีกำหนดกลับ เสียงของรุ่นพี่อีทงเฮเรียกให้ทั้งหมดนั่นออกไปยืนอยู่กลางวง
"ออกมายืนข้างหน้าแล้วหันหน้าออกไปหาเพื่อนนะครับ"
ตกลงมึงเรียกกูออกมาทำอะไรวะ
แบคฮยอนทำตามอย่างว่าง่ายคล้ายกับเพื่อนอีกสิบกว่าคน โอเซฮุนยืนอยู่ข้างๆเขา เสียงของอีทงเฮเริ่มแผ่วลงเรื่อยๆจนกระทั่งมีพี่คนอื่นมารับไมค์แล้วพูดต่อ เขาวัมผัสได้ว่าด้านหลังกำลังมีอะไรวิ่งกันขลุกขลัก แม้จะอยากหันไปมองแต่ก็โดนห้ามเอาไว้ แถมยังถึงขั้นแช่งว่าถ้าหันมาขอให้ไม่มีแฟนอีกต่างหาก
หูย...นี่เรื่องใหญ่เลยนะ
"หลังจากนี้พี่จะเฉลยพี่รหัสปีสามของน้องที่ยืนอยู่ตอนนี้"
ตอนนี้แบคฮยอนถึงได้รู้ตัวว่าเขาโดนหลอกอีกครั้งแล้ว
จบกิจกรรมนี้ไปเขากินหญ้าได้เลยนะเนี่ย
ร่างเล็กค่อยๆหันหน้ากลับเข้าไปในวงเมื่อได้ยินคนที่ถือไมค์สั่ง ดวงตาคู่เล็กขยับซ้ายขวานิดหน่อยก่อนจะพบรุ่นพี่ปีสามที่โกหกเขาว่าติดภารกิจกู้โลกอยู่แถบแอฟริกา.....
"ทงเฮ....มึง?" เขาอุทานออกมาเบาๆ คนตรงหน้าหัวเราะยื่นกล่องของขวัญในมือมาให้ก่อนจะชักมันกลับไปเมื่อเขากำลังจะยื่นมือออกไปรับ
"ยัง....เพราะนี่คือ....." ไอ้อดีตเพื่อนเตี้ยลากเสียงยาวก่อนที่พี่ทุกคนที่ยืนอยู่ในวงจะพูดออกมาพร้อมกัน
"รอบสาธิต!!"
สาธิตเหี้ยไรล่ะ!
เขาได้ยินโอเซฮุนสบถเป็นพรืดอีกครั้งเพราะพี่ที่มายืนอยู่ด้านหลังมันเมื่อครู่คือพี่วินัยที่ชื่อว่าเหมยลี่ หากพี่คริสเป็นที่นิยมในหมู่สาวๆแล้วพี่เหมยลี่เองก็คงจะฮอตในหมู่ผู้ชายไม่แพ้กัน
"ทำแบบนี้เหมือนหลอกกูให้ปีนเขาไปดูวิวสวยๆแล้วถีบกูตกลงมาจากหน้าผาเลยห่า"
"ดวงมึงไม่สมพงษ์กับผู้หญิงดีๆหรอก"
"อ๋อ แต่สมพงษ์กับมึงล่ะสิ"
"แดกตีนกูมั้ยสัด"
ยังไม่ทันจะได้ประเคนเท้าเข้าปากเพื่อนข้างๆก็โดนสั่งให้หันหลังกลับอีกครั้ง โดนขู่ด้วยคำแช่งเหมือนเดิมเลยไม่มีใครกล้าหันกลับไป เขามองหน้าเพื่อนผู้หญิงที่นั่งอยู่ด้านหน้า เห็นเธอกำลังเบิกตากว้างขึ้นด้วยความตกใจก่อนจะเอามืออุดปากตัวเองไว้ทำท่าเหมือนกับเห็นผี แบคฮยอนขมวดคิ้วแน่นขยับริมฝีปากถามแบบไม่มีเสียง 'ใคร?'
แต่เธอไม่ยอมตอบอาจจะไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อยแถมยังหันไปลากเพื่อนที่นั่งข้างๆให้มาสติแตกด้วยกัน เป็นอีกครั้งที่แบคฮยอนหมุนรอบตัวเองโดยที่ยังก้มหน้าเอาไว้ เห็นรองเท้าหนังคู่ใหญ่ที่มันว้าบแล้วก็ได้แต่ใจเต้นตึกตัก
ยะ...อย่าบอกนะ
"ยินดีต้อนรับเข้าสายรหัส 49 นะน้องแบคฮยอน"
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด
แน่นอนว่าเสียงกรี๊ดดังมาจากผู้หญิงที่นั่งอยู่ด้านหลังเพราะได้ยินและเห็นรอยยิ้มหวานๆจากหนุ่มฮอตของคณะ แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นสบตาของอีกฝ่ายก่อนจะกางแขนรับกล่องนั่นอย่างเงอะๆงะๆก้มหัวขอบคุณอยู่หลายทีด้วยความขลาดเขินนิดหน่อยพลางชะงัก
"ไหนพี่บอกว่าอยู่แอฟริกาไง"
"หือ? นี่เชื่อจริงดิ"
"เอ้า.......ก็...."
"หลอกง่ายจัง" พี่คริสหัวเราะก่อนจะวางมือลงบนศีรษะเขาพลางขยี้ด้วยความเอ็นดู อยากจะกัดมืออีกคนเหลือเกินแต่เขากลัวว่าจะโดนสาวๆเภสัชรุมสะกรัมเสียก่อนเลยได้แต่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด "คนอื่นๆก็โดนแบบนี้หรอ"
"ใช่ บางคนหลอกว่าไปทำหน้าเลยยังมาไม่ได้ อีกคนก็บอกว่าลาคลอด"
"ดูสนุกกันจังเลยวะ" แบคฮยอนหันไปบ่นพึมพำก่อนจะหันไปเห็นโอเซฮุนที่ตอนนี้ทำหน้าเหมือนโดนยาเบื่อขนาดหนักเพราะรุ่นพี่ที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่ใครนอกจากอีทงเฮที่ไม่ว่จะเหวี่ยงยังไงก็ไม่พ้นออกจากตัวเสียที
"เดี๋ยวๆตอนนี้ขอให้น้องๆกลับไปนั่งที่กันก่อนนะ มีอะไรไปคุยกันหลังงานจบเนอะ"
ยังไม่ทันจะได้คุยอะไรกันต่อก็ถูกไล่ให้ออกมาจากวงพี่คริสรีบคว้าข้อมือเขาเอาไว้ก่อนจะก้มหน้าลงมากระซิบที่ข้างหู แน่นอนว่าสาวๆกรี๊ดกันอีกครั้ง
"เอาไว้ไลน์คุยกันนะ เพราะหลังจากจบงานพี่คงไม่ว่างแล้ว"
"คะ....ครับ"
"กลับบ้านดีๆล่ะ"
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด
------ GIDDY CHANYEOL ------
"งายมึง"
"ไงมึงเหี้ยไรล่ะครับ!" อดีตเพื่อนที่ผันตัวกลายเป็นรุ่นพี่เดินเข้ามาใกล้ก่อนจะตบลงบนบ่าของโอเซฮุน ทักทายด้วยน้ำเสียงที่ยังคงความกวนตีนไว้เช่นเดิม แบคฮยอนนึกขอบคุณตัวเองอยู่ในใจที่ไม่ได้กวนตีนอะไรอีทงเฮไปมากกว่าการพูดคำหยาบ ไม่ได้เล่นหัวลูบหางเหมือนไอ้เซฮุน
อื้อหือ เอาธูปเทียนมาสามชุดกราบขอขมาก็คงไม่พอ
"น่าๆ อย่าโกรธเลยนะ"
"ไม่โกรธ? แหม ถ้ามีคนเข้ามาตีสนิทกับมึงทำให้มึงไว้ใจสุดท้ายก็บอกว่าทั้งหมดนี่กูล้อเล่นน้า จะไม่โกรธหรอ?"
"เหย มึง......"
"ใจเย็นน่า"
แบคฮยอนได้แต่ปรามเพื่อนตัวสูงที่ดูเหมือนจะโกรธจริงจัง จนรุ่นพี่อีทงเฮหน้าซีด ไอ้เซฮุนหันกลับมาทางเขารอบหนึ่งกลอกตาไปมาก่อนจะหันกลับไปยิ้มเผล่ "กูล้อเล่นน้า"
"โหไอ้สัด น้ำตากูมาละเนี่ย"
ทงเฮไม่ได้โกหก จมูกอีกคนเริ่มแดงเพราะกลัวว่าจะโดนรุ่นน้องเกลียดเอาจริงๆเข้า พอโดนแกล้งเข้าเหมือนกันคนตัวเตี้ยกว่าเลยได้แต่ฟาดหัวฟาดหางชกไหล่น้องคนสนิทไปเสียที
"ละมึงโกรธกูปะเนี่ย"
อีทงเฮหันมามองทางเขาพลางยกมือขึ้นขยี้จมูกที่แดงๆไปพลาง แบคฮยอนหรี่ตาลงนิดหน่อยมองไปทางอื่นราวกับจะใช้ความคิดจนคนที่รอฟังคำตอบทำท่าเหมือนจะร้องไห้อีกรอบเขาถึงได้ยอมเลิกแกล้ง
"เปล่าๆ ไม่ได้โกรธ อย่าร้องไห้ดิวะ"
"ก็พวกมึงอะ กูไม่กล้าไปหลอกน้องปีหน้าละเนี่ย"
"นี่มึงยังจะหล้าไปหลอกน้องปีหน้าอีกหรอ"
"เออ กูไม่ทำแล้วก็ได้!"
แบคฮยอนหัวเราะออกมาในรอบอาทิตย์ที่เห็นเพื่อนกับอดีตเพื่อนทำหน้าปั้นปึ่งใส่กัน คนที่เตี้ยกว่ายืนกอดอกอยู่ซักพักก่อนจะคลายออกแล้วขยับไปพาดคอไอ้คนที่สูงกว่าให้ก้มต่ำลงมา
"กูเป็นพี่มึงแล้วนะ ให้เกียรติกูด้วยครับไอ้วอก"
"แล้วดูมึงทำตัวดิสมควรให้กูเรียกว่าพี่ปะเนี่ย"
โทรศัพท์ที่สั่นครืดคราดทำให้แบคฮยอนละสายตาจากสองคนที่กำลังฟัดกันตรงหน้ามาสนใจเครื่องมือสื่อสาร และชื่อที่อยู่บนหน้าจอทำเอาเขาชะงักไปชั่วครู่ หลับตาลงแล้วลืมขึ้นมาใหม่ มองมันอีกครั้งถึงได้รู้ว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาดไป
ปาร์คชานยอลโทรมา
"........"เขายืนจ้องมันอยู่แบบนั้นไม่ยอมเลื่อนมือไปสไลด์กดรับไม่รู้เป็นเพราะอะไร จนสุดท้ายหน้าจอดับลงและขึ้นเป็นมิสคอล อดไม่ได้ที่จะรู้สึกใจหาย มันถูกต้องแล้วที่อีกฝ่ายจะกดตัดสาย เพราะถ้าเป็นเขาเองก็คงจะไม่ถือสายรออีกต่อไป
ครืดดดดด ครืดดดดดดดด
ร่างบางเม้มปากเมื่อโทรศัพท์ที่กำลังจะหย่อนเข้ากระเป๋ากำลังสั่นอีกครั้ง
เป็นชื่อของคนเดิมที่โทรเข้ามาเมื่อไม่ถึงครึ่งนาทีที่แล้ว
"ไม่รับโทรศัพท์หรอวะ เห็นยืนมองนานแล้ว"
"......อืม โทรผิดมั้ง"
สุดท้ายเขาเลยตัดสินใจยัดมันลงไปในกระเป๋าตามเดิม มันหยุดสั่นไปอีกครั้งและสั่นขึ้นมาใหม่อีกรอบ เป็นแบบนี้อยู่สามสี่ครั้งสุดท้ายแล้วมันก็หยุดสั่นไปเลย
"กูจะกลับบ้านแล้วนะ มึงจะกลับยังเซฮุน"
"เออ จะกลับล้ะ งั้นกูไปก่อนนะพี่ทงเฮ"
"....เฮ้ยๆ รอแป๊บเดี๋ยวกูไปส่ง"
หลังจากพบว่ามันดึกมากแล้วแบคฮยอนเลยทำท่าจะกลับบ้าน เขารู้ตัวก็ตอนที่ทงเฮเดินออกไปคุยโทรศัพท์ อดีตเพื่อนเตี้ยล่ำทำท่าหงุดหงิดใส่โทรศัพท์ซักพักก่อนจะยื่นมาทางเขา
"มึงคุยโทรศัพท์แทนกูก่อนดิ้ ส่วนมึงไปเก็บของกับกู"
แล้วมันก็ยัดโทรศัพท์ใส่มือเขาก่อนจะลากโอเซฮุนให้เดินไปด้วยกัน แบคฮยอนมองหน้าจอที่มืดสนิทด้วยความแปลกใจก่อนจะยกขึ้นแนบหู
"ฮัล....โหล"
[ทำไมไม่รับสาย]
อื้อหือ.....อีทงเฮ ไอ้คนทรยศ
จะไปว่าก็ใช่เรื่อง อีทงเฮไม่รู้เรื่องอะไรด้วยซ้ำ แบคฮยอนถอนหายใจออกมาเบาๆพยายามไม่ให้อีกฝ่ายได้ยินก่อนจะตอบกลับไป
"ผมไม่ได้ยิน"
[กำลังจะเลี้ยวเข้าคณะแล้ว]
".........?"
[เดี๋ยวไปรับ แล้วกลับบ้านพร้อมกัน......]
------ GIDDY CHANYEOL ------
ปาร์คชานยอลไม่ควรทำแบบนี้ ไม่ควรเลยจริงๆ
แบคฮยอนก้าวขึ้นมาบนรถแต่คราวนี้ไม่ใช่เบาะหน้าเหมือนอย่างเคยเพราะที่นั่งข้างคนขับที่เคยเป็นที่นั่งของเขา....
หรือบางทีอาจจะไม่ใช่ของเขามาตั้งแต่แรกแล้ว
ที่ตรงนั้นมีผู้หญิงคนนึงนั่งอยู่ เพราะมันมืดมากแล้วเขาเลยเห็นหน้าไม่ชัดเท่าไรนัก มือเล็กวางบนหน้าตักตัวเองก่อนจะขยับเข้าหากันโดยอัตโนมัติ เขามองหน้าชานยอลผ่านทางกระจกหลังก่อนจะหลบตาเมื่ออีกคนมองมา แบคฮยอนขยับตัวชิดริมประตูแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น
เล่นกลบเกลื่อนความรู้สึกเจ็บแปลบที่กำลังเกิดขึ้น
"แบคฮยอน...."
".....หืม?"
"นี่ซอนมี คิมซอนมีอยู่ปีสอง" แบคฮยอนกัดริมฝีปากตัวเองน้อยๆก่อนจะคิดได้ว่าเขาควรจะทักทาย
"สวัสดีครับ"
อีกคนไม่ตอบแต่หันหลังกลับมายิ้มให้เขา คิมซอนมีที่เขาเคยได้ยินชื่ออยู่หลายครั้งวันนี้ได้พบตัวจริงแถมยังสวยเกินกว่าที่เขาคาดไว้อีกต่างหาก ลักยิ้มที่แก้มด้านซ้ายของเธอบุ๋มลงไป มือเล็กนั่นเอื้อมมาโบกให้น้อยๆ
หลังจากนั้นบรรยากาศในรถกลายเป็นความอึดอัด อาจจะเป็นสำหรับเขาเพียงคนเดียวไม่ใช่กับสองคนที่นั่งอยู่เบาะหน้า ศีรษะเล็กเอียงซบลงบนกระจกก่อนจะเสมองออกไปด้านนอก
ถ้าจะไปส่งผู้หญิงก็ไม่เห็นต้องมารับกันเลย
ไอ้ด๊วกเอ๊ย
ถ้าหากอยู่ที่บ้านเขาคงไถตัวลงไปนอนแล้วจับหมอนข้างขึ้นมาเหวี่ยงให้หายรำคาญใจ แบคฮยอนคิดว่าช่วงนี้ตัวเองจะฟุ้งซ่านมากเกินไปหน่อยแล้ว ทำไมเขาต้องหงุดหงิดกับการกระทำของคนข้างบ้านมากขนาดนี้ด้วย
"บ้านรับน้องแบคฮยอนเลือกบ้านไหนไปอะ"
พี่ซอนมี....เอ่ยถามขึ้นมาก่อนจะหันมาหาแบคฮยอนเลยขยับตัวให้นั่งดีๆก่อนจะตอบกลับด้วยท่าทีสุภาพพยายามไม่ใส่ท่าทางหงุดหงิด "บ้านเอสเอ็มครับ"
"ชานยอลแนะนำให้เลือกล่ะสิ"
"....ครับ?"
"เอ้า นี่ไม่รู้หรอว่าชานยอลอยู่บ้านนี้ด้วย"
"พอดีอันนี้...ทงเฮ พี่ทงเฮแนะนำมาก็เลยเลือก"
"อ๋ออออ แบบนี้นี่เอง ดีแล้วล่ะ เจอกันที่ค่ายนะ"
รอยยิ้มหวานถูกส่งมาอีกครั้งก่อนที่ร่างบอบบางนั่นจะลงจากรถไป สิ้นเสียงปิดประตูบนรถก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง คนที่ทำหน้าที่ขับรถกำลังพยายามจะสบตาเขาผ่านทางกระจกหลังแบคฮยอนเลยตัดสินใจล้มตัวลงนอนมันเสียเลย
วันนี้เป็นวันที่เหนื่อย
เหมือนกับที่เซฮุนบอกไม่มีผิด หลอกให้ปีนเขาขึ้นมาดูวิวสวยๆแต่สุดท้ายก็ผลักเขาให้ตกจากหน้าผา
"เลิกดึกแล้วทำไมไม่บอก"
"ลืม"
"ทีหลังบอกก็ได้"
"ไม่เป็นไร ผมกลับเองได้ ขอบคุณมากนะพี่"
เขาพูดเสียงแผ่วก่อนจะมุดหน้าเข้ากับแขนตัวเอง เป็นอีกครั้งที่พูดขอบคุณทั้งที่ในใจไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นด้วยเลย มันเหมือนกับว่าคำขอบคุณที่เขาพูดออกไปนั้นเป็นตัวกั้นปาร์คชานยอลให้ขยับกลับเข้าในที่ของตัวเองไป
เมื่อกี้เขาเห็นแล้ว....ที่ของชานยอลไม่ได้อยู่ตรงนี้
"เลิกพูดคำว่าขอบคุณได้แล้ว"
"........."
"ฉันทำเพราะอยากทำ"
"........."
"ไม่ได้ลำบากอะไรหรอก"
และมือของคนที่เคยผลักเขาตกหน้าผาไปเมื่อซักครู่กำลังเอื้อมมาให้เขาจับเพื่อกลับมาดูวิวที่สวยที่สุดบนยอดเขา
------ GIDDY CHANYEOL ------
1 0 0 %
หวาย หายไปอาทิตย์นึงเลย ไม่มีข้อแก้ตัว ดองเอง.__.
พี่ชานแย่เนอะ แย่ๆๆๆ ._________.
เลือกซักคนดิแกร ทำแบบนี้ไม่มีใครปลื้มนะ
โหวตพระเอกใหม่ค่ะ
เลือกพี่คริสพี่วินัยหน้าหล่อกดหนึ่ง
เลือกเซฮุนเพื่อนสนิทกวนตีนกดสอง
เลือกจงอินเพื่อนของเพื่อนที่มาจากไหนไม่รู้กดสาม
เลือกพี่ชานมึนเหมือนเดิมกดสี่
คิดถึงเสมอนะงิ
#ชานมึน
ความคิดเห็น