คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : -6- rewrite
ใจมันหายละลายละลายละลายละไหลไปกับเธอ~~~
#วิ่งดิวิ่งงงง
-6- rewrite
“วันนี้จะมีนักเรียนใหม่แหละ”
“หื้ม?” ทันทีที่วางกระเป๋าลงบนโต๊ะจงแดก็นยื่นหน้ามาหาพลางกระจายข่าวใหม่ในรอบวัน ผมทำท่าเหมือนจะสนใจนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ตอบรับอะไรไปมากกว่านั้น ที่ทำไปเพื่อไม่ให้เสียมารยาท สายตาเหลือบมองไปด้านขวามืออย่าเคยชิน ปาร์คชานยอลก็ยังคงไม่มาโรงเรียน เมื่อเช้าผมเจอเซฮุนแล้ว บอกว่าเขายังคงอยู่ที่แคนาดา
“เห็นว่ามาเรียนที่ห้องนี้นะ”
“ได้ที่ไหน เราไม่มีที่ว่างด้วยซ้ำ”
“อาจารย์ว่าจะให้นั่งที่ของชานยอลไปก่อน เขาโทรมาลายาวทั้งอาทิตย์”
ผมทำหน้าไม่พอใจแต่ก็ไม่พูดอะไรไปมากกว่านั้น อาจารย์ประจำชั้นเดินเข้ามาในห้อง นักเรียนทุกคนพากันนั่งที่ ผมมองไปยังนักเรียนใหม่ที่เดินตามหลังเข้ามา ร่างสูงผิวสีแทนในเครื่องแบบนักเรียนยืนอยู่ตรงนั้น เขากวาดสายตาไปรอบๆห้องต่างจากผมที่มาในวันแรก จ้องผนังด้านหลังเพียงอย่างเดียว
“วันนี้มีนักเรียนใหม่ย้ายมา แนะนำตัวสิ”
“จงอิน คิมจงอิน ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ”
รอยยิ้มบางๆประดับอยู่บนใบหน้า ก่อนที่อาจารย์จะบอกให้เขาเดินมานั่งที่ของชานยอลชั่วคราว แม้อยากจะห้ามขนาดไหนแต่ผมก็ไม่มีสิทธิ์ คิมจงอินนักเรียนใหม่นั่งลงตรงนั้น ทับรอยของชานยอลที่เคยนั่ง เขาหันหน้ามาหาผมพลางเอ่ยทักทาย
“หวัดดี ผมจงอิน”
“แบคฮยอน บยอนแบคฮยอน”
“ลูกผู้กองบยอนคิมโฮ?”
“ประมาณนั้น”
“เฮ้ จำผมได้มั้ย?”
ผมนิ่งก่อนจะหันไปมองเขา เศษเสี้ยวของความทรงจำที่หลงเหลืออยู่ไม่เคยมีคนคนนี้อยู่ในความคิด เขาฉีกยิ้มออกกว้างจนเห็นฟันครบทุกซี่ก่อนจะใช้นิ้วชี้ไปที่ตัวเอง ผมส่ายศีรษะน้อยๆเขาเลยทำปากยู่เล็กน้อยแล้วยกมือขึ้นขยี้ผมจนยุ่ง
“ว่าแล้วเชียว เราเคยเจอกันก่อนที่คุณจะย้ายไปอเมริกา และรถที่คุณใช้อยู่ตอนนี้ ผมเป็นคนซ่อมมันเองกับมือ”
“หือ?”
“จริงๆนะ ไอ้กระบะคันสีน้ำตาลนั่นจริงๆมันก็ค่อนข้างแย่แหละ แต่ว่าพอเปลี่ยนเครื่องยนต์นิดหน่อยมันก็ใช้ได้”
“ฉันไม่คุ้น....จำไม่ได้จริงๆว่าเคยรู้จักนายมาก่อน”
“มันก็นานแล้วที่เราไม่ได้เจอกัน ผมคุ้นหน้าคุณเพราะลุงคิมโฮชอบเอารูปของคุณมาให้ดูบ่อยๆ”
ผมกรอกตาไปมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าพ่อทำอะไรที่น่าอายแบบนั้น จงอินหัวเราะออกมากับปฏิกิริยาตอบรับของผม เขาเลื่อนเก้าอี้เข้ามานั่งใกล้ๆเมื่อครูประจำชั้นเดินออกไปแล้ว ยอมรับเลยว่ารู้สึกดีขึ้นมาหน่อยเมื่อเขาเหมือนจะเคยรู้จักผมมาก่อน มันทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองมีเพื่อนยังไงอย่างนั้น
จงอินและจงแดเข้าขากันไปโดยปริยาย พูดมากด้วยกันทั้งคู่ พวกเขาใช้โต๊ะของผมเป็นจุดนัดประชุมและคุยกันอยู่ตรงนี้ และเพื่อนๆในห้องก็เดินมาสุมกันอยู่ตรงนี้ นั่นมันทำให้ผมรู้สึกอึดอัดนิดหน่อยก่อนจะขอตัวออกมายืนอยู่หน้าห้อง ซักพักก็มีใครบางคนเดินเข้ามาพร้อมกับตะโกนบอกว่าอาจารย์ไม่อยู่ เสียงเฮในห้องดังขึ้น ผมยืนอยู่ตรงนั้น
โรงเรียนที่ไม่มีชานยอลมันน่าเบื่อมากจริงๆ
“คุณกำลังทำหน้าเซ็ง”
“หะ?”
“ตอนเด็กๆเวลามาที่บ้านผมคุณก็ทำหน้าแบบนี้ คุณเบื่อที่ต้องไปที่นั่นแต่ก็ไม่ได้งอแงจะกลับบ้าน”
คิมจงอินเดินออกมา เขาหยุดยืนอยู่ข้างๆเอาสองมือล้วงกระเป๋าก่อนจะเอนตัวมาหาพลางพูดเรื่องราวในอดีต ผมหันกลับไปมองด้วยความสนใจ แม้จะไม่ได้พูดแต่เขาก็คงรู้ว่าผมอยากจะฟัง
“แล้วพอเวลาผมมาเล่นด้วยคุณก็จะทำหน้าตาแบบนี้J”
เขาว่าพลางชี้มายังใบหน้าผม เห็นแบบนั้นก็เบะปากออกก่อนจะปัดมือของเขาทิ้งไป ผมเอนตัวพิงกำแพง “จริงๆแล้วก็จำอะไรไม่ได้หรอก แต่แปลกที่พอเป็นเรื่องของคุณแล้วมันจะโผล่ขึ้นมาเรื่อยๆ”
“น่าดีใจจริงๆ แต่ว่าฉันจำอะไรในตอนนั้นไม่ได้เลย โทษทีนะ”
“ตอนนั้นมันก็เด็กมาก จะจำอะไรได้ล่ะจริงมั้ย?”
ผมยักไหล่น้อยๆ ไม่ได้ปฏิเสธคำพูดของอีกคน จงอินเอามือออกจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะเอื้อมมือมาคว้าข้อมือผมไว้ รีบหันไปมองด้วยความตกใจ ผมถลึงตาใส่น้อยๆแต่แทนที่จะกลัวเขากลับยิ้มกว้างออกมาแล้วดึงให้ผมออกเดินไปพร้อมๆกัน
“จะทำอะไร?”
“ช่วยพาผมไปเดินดูรอบๆโรงเรียนหน่อยแล้วกันนะ”
“นั่นใครน่ะ?”
ผมหันกลับไปมองโต๊ะของชานยอลที่มีจงอินฟุบหน้าอยู่บนนั้น โอเซฮุนขมวดคิ้วนิดหน่อย วันนี้เขามาหาผมที่ห้องแวะมาเพื่อทักทายเหมือนทุกที “จงอิน นักเรียนใหม่”
“นั่งที่ของชานยอลเนี่ยนะ?”
“อาจารย์กำลังจะจัดที่ให้เขา มันก็แค่ชั่วคราว”
“บอกเลยว่ารู้สึกไม่ดีกับเขา มากๆ” เซฮุนเบะปากพลางจ้องไปยังคิมจงอิน ผมมองกลับไปด้านหลังเขาเงยหน้าขึ้นมาแล้ว ส่งยิ้มให้ผมหนึ่งทีก่อนที่จะนิ่งเมื่อสบตากับเซฮุนที่ยนือยู่หน้าประตู ทั้งสองคนจ้องหน้ากันซักพักก่อนที่เซฮุนจะลากผมให้ออกมาจากตรงนั้น หมอนั่นทำหน้าตาเครียดขึง
“ทางที่ดีอย่าไปยุ่งให้มากเลย”
“คงยาก เขาเป็นลูกของเพื่อนพ่อ คุ้นๆว่าเป็นเพื่อนสมัยเด็กด้วย”
“แย่ นี่มันแย่มาก” เซฮุนบ่นพึมพำ ผมขมวดคิ้วนิดหน่อยและมองหน้าเขาอยากรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นทำไมจู่ๆถึงเดินมาพูดแบบนี้ “มีอะไรรึเปล่า? พวกเดียวกับจีฮุนหรอ?”
“เปล่าหรอก ฉันแค่มีอคติกับเขาน่ะ” เท่านั้นผมก็เข้าใจก่อนจะพยักหน้ากับตัวเองเบาๆ “แล้วชานยอล.....?”
“เข้าป่าไร้สัญญาณไปแล้ว พี่นิสัยไม่ดีจริงๆคราวนี้”
เซฮุนทำหน้าโกรธ เขาเอาโทรศัพท์ออกมาแล้วกดโทรออกที่เบอร์ของชานยอล ผมไม่เคยขอเบอร์โทรศัพท์ของเขาไว้เพราะเราอยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลา จนถึงตอนนี้ผมก็ไม่คิดจะขอ ชานยอลกำลังโกรธผมอยู่เขาคงไม่รับเบอร์ของผมอยู่แล้ว “ทำอะไรอยู่หรอ?”
เป็นจงอินที่เดินเข้ามา
เขามองไปยังโทรศัพท์ของเซฮุน หมอนั่นชักมือกลับแล้วเชิดหน้าขึ้นนิดหน่อย ผมเดาท่าทางได้ไม่ยากเซฮุนคงไม่ชอบจงอินมากจริงๆ แต่ก็ยังมีมารยาทพอที่จะไม่เดินหนีไปไหน
“จงอิน นี่เซฮุน...เป็น...”
“เป็นน้องชายของแฟนแบคฮยอน”
“มันยังไม่ใช่ซักหน่อย”
“พี่ชานยอลกลับมาเมื่อไหร่ก็เป็นแน่ ฉันไปก่อนนะ ใกล้ได้เวลาคาบแรกแล้ว”
เซฮุนทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้กับนักเรียนใหม่ก่อนที่เขาจะก้าวออกไป ผมลูบหน้าของตัวเองเบาๆ เดิมทีผมก็ไม่ใช่พวกชอบป่าวประกาศอะไรแบบนี้อยู่แล้ว แต่ในเมื่อมันกลายเป็นแบบนี้แล้วก็ช่วยไม่ได้ คิมจงอินหันมามองหน้าผมนิ่งๆแล้วเอ่ยปากถาม
“คุณมีแฟนแล้วหรอ?”
“มันก็ไม่เชิง”
“ชานยอลน่ะนะ”
“อาหะ”
“แล้วตอนนี้เขาไปไหนซะล่ะ”
“หือ?”
“ทำไมไม่แม้แต่จะโทรมา”
“นายรู้ได้ยังไง”
“ถ้าเขาโทรมาบ้าง คุณก็คงไม่ทำหน้าเครียดอย่างนี้หรอกแบคฮยอน”
เขาอ่านสีหน้าของผมเก่งเกินไปแล้ว
ผมไม่คิดจะพูดอะไรต่อ หมุนตัวกลับเข้าห้องเมื่อเห็นครูประจำชั้นกำลังจะเข้ามาโฮมรูม จงอินเดินตามเข้ามา ใบหน้าของเขาไม่ได้มีรอยยิ้มอย่างเคย ผมนั่งลงบนเก้าอี้และมองไปหน้าห้องจับจ้องอยู่ที่ครูพยายามจะไม่สนใจจงอินที่กำลังมองมายังผม แน่นอนว่ามันค่อนข้างอึดอัด ผมไม่ชอบให้เขาทำแบบนี้ ถึงเขาจะบอกว่าเรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก แต่สำหรับผมที่จำเขาไม่ได้เราก็ไม่ได้ต่างอะไรจากคนแปลกหน้าที่กำลังจะทำความรู้จักกัน
เขากำลังก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวของผมหลังจากที่เราเจอกันแค่สองวัน
“วันนี้ผมไม่ได้เอารถมา ขอติดรถไปด้วยสิ”
ระหว่างที่กำลังเก็บกระเป๋า คิมจงอินก็เอ่ยขึ้นมา วันนี้หมดคาบเรียนแล้วและผมกำลังจะกลับบ้าน ผมหันไปมองคนที่ทำให้ผมรู้สึกอึดอัดมาตลอดทั้งสัปดาห์ และหันหน้ากลับมา
“ไม่”
“โถ่แบคฮยอน พ่อผมบอกให้วันนี้ไปบ้านคุณนี่นา”
“งั้นฉันจะไม่กลับบ้าน”
“ยังโกรธที่ผมไปก้าวก่ายเรื่องของคุณอยู่หรอ?”
“ใช่ ฉันโกรธ”
“ผมขอโทษ” เขาทำหน้าสำนึกผิด ผมยืดตัวตรงพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ เอามือสอดเข้าไปในศีรษะตัวเองแล้วเสยมันเบาๆก่อนจะหันไปหาร่างสูง ผมยกกระเป๋าขึ้นมาวางบนโต๊ะ เอาจริงๆคือผมก็ยังเคืองเขาอยู่นิดหน่อย แต่ในเมื่อเขาสำนึกผิดถึงขนาดนี้แล้วจะไม่ยกโทษให้ก็คงจะใจร้ายไปหน่อย
“ถ้าอยากให้หายโกรธ งั้นต้องถือกระเป๋าให้ฉัน”
“ให้ผมอุ้มคุณไปที่รถด้วยมั้ยล่ะ?”
“ไม่ได้ต้องการเลยนะ” เขายิ้มเผล่ออกมาราวกับเด็กๆเมื่อเห็นว่าผมยอมยกโทษให้เขา วันนี้เป็นวันศุกร์เด็กนักเรียนจึงยังอยู่กันเต็มไม่คิดจะรีบกลับบ้านเหมือนวันอื่นๆ ถ้าหากเป็นปกติผมคงจะอยู่เรื่อยเปื่อยกับชานยอลไปก่อน แต่ในเมื่อไม่มีเขาผมก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ เมื่อกลางวันเซฮุนบอกผมว่ายังติดต่อชานยอลไม่ได้อยู่ดี
จงอินอาสาเป็นคนขับรถให้ เขาบอกว่าถ้ามีโอกาสให้ขับรถไปที่บ้านเขา จะได้ตรวจสภาพรถยนต์ให้ ผมไม่รับปากว่าผมจะไป แต่ก็แอบคิดอยู่เหมือนกันว่าถ้าตรวจและซ่อมฟรีก็คงจะดีอยู่ไม่น้อย ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงบ้าน มีรถเก๋งสีแดงคันเก่าๆจอดอยู่หน้าบ้าน ถัดไปคือรถตำรวจของพ่อ
“พ่อผมมาแล้ว”
จงอินกระซิบบอกแล้วเดินนำเข้าไปเมื่อล็อครถเสร็จ เสียงของผู้ชายสองคนที่นั่งคุยกันเสียงดังมันทำให้ผมต้องเบ้ปาก แต่ก็ไม่ทำให้พ่อเห็น ไม่อย่างนั้นมีบทเทศนาต่อกันยาว
“นี่เพื่อนพ่อ จูวอน” ผมโค้งตัวลงเพื่อทักทาย ผู้ชายวัยกลางคนผมยาวถึงกลางหลังหันหน้ามาทางผม เขาใช้สายตานิ่งๆจ้องมาทางนี้
“อย่าเอาตัวเองไปเสี่ยงอันตราย”
“ครับ?”
“พวกตัวเย็น....จงระวัง”
ผมทำหน้าไม่เข้าใจในความหมายที่เขาพูด ซักพักคุณลุงจูวอนก็ยิ้มให้ผม เขายืนขึ้นและเอื้อมมือมาจับมือผมทั้งๆที่เมื่อกี้พูดอะไรที่เข้าใจได้ยาก ก่อนจะเปลี่ยนท่าทีทำราวกับว่าเมื่อครู่เขาไม่ได้พูดอะไร “โตขึ้นเยอะเลยนะแบคฮยอน ไม่เจอกันนานเลยทีเดียว ตั้งแต่ตอนไหนนะ ตอนที่เธอหัดขี่จักยานล่ะมั้ง”
“อ้อ ครับ ไม่ได้เจอกันนานเลย” ผมยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะนึกย้อนไปถึงตอนเด็กๆที่อยากจะขี่จักรยาน ผมขอร้องใครซักคนให้ช่วยสอนและอาจจะเป็นเพื่อนของพ่อ
“วันนี้รบกวนหน่อยนะเรื่องข้าวเย็น”
“ไม่เป็นไรครับ”
“เดี๋ยวผมช่วยแบคฮยอนเองพ่อ” จงอินเสนอตัวมาแบบนั้นก่อนที่เขาจะดันหลังผมให้ขึ้นไปเก็บกระเป๋า แต่เขาไม่ได้เดินตามมา นั่นมันทำให้ผมรู้ว่าเขาเลือกที่จะไม่ก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวของผมอีก หลังจากนั้นเขาก็ช่วยเตรียมอาหารเย็น ไม่รู้ว่าช่วยหรือป่วน ทั้งๆที่เสนอตัวมาแต่เหมือนจะทำอะไรไม่เป็นซักอย่าง
“นายออกไปนั่งรอก็ได้นะ เหลืออีกนิดเดียวแล้วล่ะ”
“ให้ผมช่วยให้เสร็จสิแบคฮยอน”
“นายกำลังทำให้มันช้า”
“โอเค ถ้างั้นเสร็จแล้วก็เรียกผมด้วยแล้วกัน”
เขายอมถอยออกไปเมื่อพบว่าตัวเองกำลังเป็นตัวปัญหา ผมจัดโน่นจัดนี่อีกซักพักแล้วเอาอาหารทุกอย่างวางไว้บนโต๊ะ ไม่ทันไรจงอินก็เดินเข้ามาอีกครั้ง พร้อมกับพ่อและคุณจูวอน
หลังจากที่ทานอาหารเสร็จพ่อก็บอกว่าจะล้างจานให้ ผมลังเลอยู่พักหนึ่ง แต่พอพวกคนแก่บอกว่าอยากจะรำลึกความหลังที่เคยล้างจานกันผมเลยไม่ขัดอะไรและออกมาเดินอยู่นอกบ้านกับจงอิน มองขึ้นไปบนฟ้าที่เป็นสีดำสนิท ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ที่แคนาดาจะกี่โมงแล้วตอนนี้ชานยอลกำลังทำอะไรอยู่ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะกำลังล่าสัตว์หรือพบกับสาวสวยที่เป็นนักเดินทางในป่า
พวกเขาอาจจะรักกัน
ผมถอนหายใจทิ้ง แค่คิดอย่างนั้นผมก็ปวดหัวใจแล้ว ไม่อยากจะนึกถึงถ้าหากว่าเขากลับมาพร้อมกับสาวสวยแบบนั้นจริงๆ จงอินที่เดินอยู่ข้างๆก้าวให้ยาวขึ้นก่อนจะมาหยุดอยู่หน้าผม
“มองมาตรงนี้สิแบคฮยอน”
เขาว่าก่อนจะกดศีรษะของผมให้ก้มลงมาหน่อย ถึงตอนนั้นผมก็มองเห็นใบหน้าของคิมจงอิน เขากำลังยิ้มน้อยๆเมื่อสายตาของผมจับจ้องไปยังเขา “มีอะไร”
“เห็นผมมั้ย?”
“อือ เต็มสองตาเลย”
“ไม่ ผมหมายถึงหัวใจของคุณน่ะเห็นผมรึยัง”
ผมนิ่งไปก่อนจะสบตาของเขา ประกายวับวาวที่กำลังจ้องมายังผมทำให้ผมนิ่ง ไม่เหมือนกับของชานยอล ผมถอนหายใจออกมาอีกครั้งแล้วปัดมือของเขาออกเบาๆ “ฉันไม่รู้ว่านายพูดเรื่องอะไร ไม่เข้าใจ”
“ไม่โรแมนติกเลยน้าคุณเนี่ย” เขาไม่ได้โกรธที่ผมไม่ตอบคำถามก่อนจะหมุนตัวกลับมาเดินข้างๆแล้วเอาแขนยาวๆนั่นพาดบ่าผมไว้ เป็นแบบนั้นก็หันไปถลึงตาใส่นิดหน่อย นี่เขาเป็นใครคิดว่าสนิทกับผมมากถึงขนาดไหนถึงมาทำกันแบบนี้ ร่างสูงหันมามองผม ไม่ได้มีทีท่าสำนึกผิด แถมยังกอดคอผมให้แน่นเข้าไปอีก
“นี่จงอิน!!”
“เอาน่าๆ เพื่อนกันขำๆ เพื่อนกันก็เล่นแบบนี้ไม่ใช่รึไง”
“ใครบอกว่าฉันเป็นเพื่อนนายกันล่ะ!”
“โหย ใจร้ายสุดๆไปเลยแบคฮยอน ผมเป็นเพื่อนคุณนะ เพื่อนสนิทคุณไง”
เขาสถาปนาตัวเองได้หน้าตาเฉยมาก
ผมขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียงกับเขาแล้ว ระยะเวลาสี่วันที่รู้จักกันมา ผมไม่คุยกับเขาไปสองวันและอีกสองวันคุยกันแบบไม่จริงจังเท่าไรนัก แต่เขาก็อ้างตัวว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทของผม จงอินชี้มือขึ้นไปบนฟ้าและนั่นมันทำให้ผมมองตาม เขาหันมามองหน้าผมก่อนจะหัวเราะ
“หัวเราะอะไร”
“ผมคิดว่าคุณดูเชื่องๆดี ชี้อะไรก็มองตาม”
“ฉันไม่ใช่ลูกหมานะ” ผมทำท่าขู่เขา แน่นอนว่าจงอินหัวเราะอีกครั้งแล้วขยี้ศีรษะของผมเบาๆ แน่นอนว่าผมเกลียด วิธีการทำแบบนี้มันทำให้รู้ว่าความสูงของผมไม่ได้พัฒนาไปไหน แตกต่างจากสัมผัสของชานยอลที่มักจะทำให้ผมรู้สึกว่า ผมเกิดมาตัวแค่นี้มันก็พอดีกับเขาแล้ว
ผมกำลังคิดถึงชานยอลอีกครั้งในรอบวัน
ถ้าเขาคิดเหมือนกันบ้าง.....มันก็คงจะดี
วันหยุดเสาร์อาทิตย์ผมขับรถไปที่บ้านของจงอินจริงๆ ที่ต้องไปเพราะเขาดันลืมเสื้อโค้ตทิ้งไว้เหมือนกับจงใจจะให้ผมเอาไปคืนเขาอย่างนั้นแหละ จงอินเลยถือโอกาสเช็คสภาพรถให้ผมเสียเลย บ้านของเขาอยู่ใกล้ๆกับทะเล และมีรถมอไซต์อยู่เต็มไปหมด เขาหันมาชวนผมขี่แต่ผมก็ปฏิเสธ มันไม่ใช่แนวของผม หลังจากนั้นเขาก็เลี้ยงข้าวกลางวัน ลุงจูวอนดูดีใจที่ผมมาหา พอบ่ายๆเขาก็ลากผมออกไปเดินเล่นอยู่ริมชายหาดและกลับบ้านในเวลาสี่โมงเย็น
ยอมรับเลยว่าจงอินทำให้ผมลืมชานยอลไปได้ชั่วขณะ
แต่ถึงอย่างนั้นตอนกลางคืนผมก็ยังคิดถึงเขาอยู่ดี
“เป็นไงบ้างแบคฮยอน วันหยุดสุดสัปดาห์”
“ก็โอเค” เป็นเซฮุนที่เดินเข้ามาทัก ผมหันไปมองด้านหลังก็เห็นคริสกำลังปิดประตูรถ เทาและซูโฮเพิ่งจะขับรถเข้ามาในโรงเรียน ผมหันไปมองร่างโปร่งที่ทำท่าดมอะไรซักอย่างฟึดฟัดแล้วทำท่าราวกับว่าได้กลิ่นที่ไม่พึงประสงค์
“เป็นอะไรรึเปล่า?”
“นาย......เมื่อวานไปไหนมารึเปล่า”
“เอ่อ....ไปบ้านจงอิน”
“แหยะ L” หมอนั่นเบะปากก่อนจะถอยห่างจากผมออกไปสามก้าว ผมทำหน้าเหวอเมื่อจู่ๆเซฮุนก็มีปฏิกิริยาแบบนั้นใส่ ผมรู้ว่าเขาไม่ชอบจงอินแต่ทำไมต้องทำท่าเหมือนรังเกียจผมด้วยล่ะ
“มีอะไรหรอ พูดถึงฉันอยู่รึเปล่า?” เป็นจงอินที่เดินแทรกเข้ามาและกอดคอผมเอาไว้ ช่วงนี้เขาขยันกอดคอผมบ่อยเหลือเกิน และทุกครั้งที่ผมทำท่าไม่พอใจเขาก็จะอ้างว่าเพื่อนที่ไหนก็ตามมักจะทำแบบนี้ ผมเลยไม่พูดอะไรอีก ส่วนโอเซฮุนก็มองไปยังมือของเขาที่พาดอยู่บนไหล่ผม ทำท่าไม่พอใจก่อนจะหันมามอง ผมเลยต้องค่อยๆปลดมือของเขาออกจากไหล่ “เดี๋ยวฉันขอคุยกับเซฮุนก่อน นายไปที่ห้องได้เลย เจอกัน”
ร่างสูงยักไหล่น้อยๆแล้วเดินขึ้นหน้าไป เซฮุนมองตามแผ่นหลังก้าวจนลับตา “นี่สนิทกันหรอ?”
“ก็.....จะเรียกว่าไงล่ะ ก็คงสนิทแหละ”
“ฉันไม่ชอบเขาเอามากๆ”
“ฉันรู้ แต่ว่าทำไงได้ พ่อก็รู้จักกัน”
“ฉันควรจะบอกชานยอลมั้ย?”
“เขากลับมาแล้วหรอ?”
“เปล่า ตอนนี้พี่ออกจากป่าแล้ว เมื่อวานส่งข้อความมา” ผมทำหน้าเศร้าไปวูบหนึ่ง เซฮุนเห็นอย่างนั้นก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาลูบหลังผมน้อยๆ “ยังไงชานยอลก็ต้องกลับมา รอพี่หน่อยนะแบคฮยอน”
ผมพยักหน้าน้อยๆก่อนจะหันไปกอดเซฮุนเอาไว้
ผมคิดถึง.....คิดถึงชานยอลจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว
“เดาได้ไม่ยากเลย ไอ้หมานั่นชอบแบคฮยอนแหง”
ร่างโปร่งถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะใช้หลอดคนน้ำแข็งที่อยู่ในแก้วแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เจ้าตัวถอนหายใจอีกครั้งพลางคว่ำมันลงบนโต๊ะที่โรงอาหารเมื่อนึกไปถึงพี่ชายงี่เง่าของตัวเอง คริสละมือจากผลไม้ที่วางอยู่ตรงหน้าพลางหันมามองด้วยความแปลกใจ
“หมา?”
“ช่าย~ เด็กใหม่ที่ย้ายเข้ามา หมอนั่นเป็นไอ้ลูกหมาเหม็นสาบ”
“แล้วแบคฮยอนเกี่ยวอะไรด้วย?”
เป็นซูโฮที่ถามขึ้นมาบ้าง เซฮุนจับหลอดเข้าปากก่อนจะดูดน้ำเข้าไปอึกนึง ถึงจะกินน้ำผลไม้ก็ไม่แตกต่างอะไรเหมือนกับดื่มน้ำเปล่าธรรมดา เขาไม่รู้รสชาติอะไรเลย
“เมื่อวานแบคฮยอนก็ไปบ้านมันจนกลิ่นของมันติดตัวมา นี่ยังกอดคอกันอีกด้วยนะ เหอะ คิดว่าเป็นเพื่อนสมัยเด็กแล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นหรอ น่าหงุดหงิด ชานยอลก็อีกคน คิดจะรับรู้อะไรบ้างมั้ยเนี่ย”
คิดแล้วเขาก็หงุดหงิด ชานยอลไม่อยากจะฟังเขาพูดเรื่องของแบคฮยอนอีกแล้วเลยหนีเข้าป่าไม่ให้มีสัญญาณแล้วเมื่อวานเพิ่งจะส่งข้อความมาให้บอกแบคฮยอนว่าเขาเจอผู้หญิงอื่นไปแล้ว โอเซฮุนไม่ใช่คนโง่นะ! ชานยอลไม่เคยรักใครเลยนอกจากแบคฮยอน ไม่รู้ว่าอีกเมื่อไหร่ถึงจะเลิกทำตัวเป็นพระเอกที่จะยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อไม่ให้คนที่รักต้องมาเจ็บปวด โอเซฮุนคิดว่านี่มันจบยุคละครแบบนั้นไปนานแล้ว เขาคิดว่าหลังจากปี 80 ชานยอลคงจะไม่เคยดูละครอีกเลยล่ะมั้ง
“แล้วหมาป่ามาที่นี่ได้ยังไง”
เป็นจื่อเทาบ้างที่ถามขึ้นมาด้วยความสงสัย ร่างโปร่งยักไหล่น้อยๆก่อนจะมองไปยังโต๊ะกินข้าวกลางโรงอาหารที่ถูกจับจองโดยคนกลุ่มใหญ่ แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นมีแบคฮยอนและคิมจงอินไม่ผิดแน่ ลูกหมาที่ว่าเงยหน้าขึ้นมามองก่อนจะหยุดยิ้มแล้วขยับเข้าไปใกล้ร่างเล็กที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักของชานยอลแล้วแอบจับไหล่ของแบคฮยอนอย่างเนียนๆ
“ให้ตายเถอะไอ้หมาบ้านั่น”
แวมไพร์กับหมาป่า สองสายพันธุ์ที่แต่เดิมก็เข้ากันไม่ได้อยู่แล้ว ยิ่งโดนทำแบบนั้นใส่โอเซฮุนก็ยิ่งโมโห แต่เขาจะมีสิทธิ์ไปพูดอะไรในเมื่อปาร์คชานยอลยังไม่สนใจ เขาเลยทำได้แค่นั่งเจ็บใจอยู่ตรงนี้ คริสเอื้อมมือมาโยกศีรษะสวยเบาๆก่อนจะจับหลอดให้เข้าปากร่างโปร่งอีกที
“รอชานยอลกลับมาแล้วให้เขาจัดการเรื่องนี้เองจะดีกว่านะ”
“นี่มันไม่ปกติแล้วนะคริส หมาป่าเข้ามในเขตแดนของเรา”
“เรื่องเขตแดนไม่ได้กำหนดเรื่องของโรงเรียนซักหน่อย เขามีสิทธิ์ที่จะเข้ามาเรียนที่นี่”
“นี่มันน่าหงุดหงิดจริงๆ”
โอเซฮุนบ่นพึมพำแล้วลุกขึ้นยืนก่อนจะยกถาดอาหารที่แตะไปเพียงน้ำผลไม้ไปวางไว้ยังที่เก็บจานแล้วเดินออกนอกโรงอาหารไป คริสส่ายศีรษะน้อยๆ “ฉันคิดว่าระวังไว้หน่อยก็ดี”
“ฉันเห็นด้วยกับเทา โรงเรียนทางเขตโน้นก็มีอยู่แล้ว เขาไม่น่าจะย้ายมาที่นี่โดยไม่มีเหตุผล”
“ถ้าอย่างนั้น เราก็คงจะต้องจับตาดูต่อไป”
Talk-6- rewrite
ตั้งใจว่าจะไม่ยาวนะ.....
แต่ไหนๆก็แบบ....มาแล้วก็ขอให้มีเถอะ(?)
ตอนแรกตั้งใจว่าจะไม่มีหมาป่า.....
แต่ไหนๆก็แบบ....ใส่ไปเถอะ
ไม่รู้ว่าเรื่องมันจะยาวไปถึงไหน ที่หายไปคือไปรีเนื้อหาตอนที่ 6 มา
ตอนหน้าจะเหมือนกับก่อนหน้านั้นที่เคยลงไป
แต่อยากให้อ่านใหม่เพราะมีตัวละครเพิ่ม
ฝากติดตามด้วยฮั้บ
รักนะมั้วะะะะ
ความคิดเห็น