ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ` [exo] เด็กป่วน ก๊วนหอแตก {chanbaek}

    ลำดับตอนที่ #6 : หอแตก : 05

    • อัปเดตล่าสุด 5 มี.ค. 57






    -5-

    “เตี้ย!!

    “ไม่เตี้ย! เรียกว่ายังไม่โต!

    “.......หอสามหักไปสองคะแนนจากงานประเพณีหอ”

    “เดี๋ยวๆๆๆๆ มึงนี่น้าใจร้อนจริงๆ กูแค่หยอกเล่นหน่อยเดียวเอง ขำๆน่าขำๆ” ผมรีบถลาเข้าไปวางใช้นิ้วคีบที่ขอบกางเกงออกมาแล้วโยนมันลงไปในตะกร้าผ้า ก่อนจะเอื้อมมือไปจัดเผ้าจัดผมของมันให้เข้าที่ ในระหว่างที่ไอ้ชานยอลเผลอก็แอบทำหน้าเบ้ใส่ไปที พอมันหันมามองผมก็ฉีกยิ้มตามแบคฮยอนสไตล์

    “รักนะจุ้บ”

    “ไปไกลๆกูเลยครับ”

    ผมแค่ทำเป็นประจบทำปากจู๋ตอนมันหันหน้ามานิดเดียวไอ้ชานยอลก็ผลักผมให้ลงไปนั่งบนพื้นเสียแล้ว เก็บกดอยากจะด่ามันใจจะขาดแต่ไอ้ตำแหน่งประธานหอมันค้ำคอผมเลยทำอะไรไม่ได้นอกจากชูนิ้วกลางลับหลังแล้วเดินกระแทกเท้าปึงปังไปเก็บเสื้อผ้าในห้องน้ำมาใส่ลงในตะกร้าผ้าแล้วเริ่มจัดการกับพื้นห้องที่ค่อนข้างสกปรก

    มิสคิมก็เหลือเกิน นางคงไม่เคยได้ย่างกรายเข้ามาถึงในห้องนอนของปาร์คชานยอลประธานนักเรียนที่ดีเลิศของนางหรอก ไม่เคยได้เห็นถึงความบัดซบสารพัดอย่างที่ผมได้เจอ ถึงได้พูดออกมาหน้าตาเฉยว่าให้ผมมาช่วยงาน ไม่ต่างอะไรกับเป็นเบ๊ส่วนตัวไปหนึ่งอาทิตย์

    แต่เอาจริงๆนะ เห็นหน้าอย่างนี้ผมก็ไม่ได้โง่หรอก ไอ้ชานยอลไม่ได้ซกมกอะไรขนาดนั้น แม่งทำทุกอย่างก็เพราะแกล้งผมไง เห็นมั้ยพอตอนหลังจับทางได้ผมก็ไม่ด่ามันให้เปลืองน้ำลายแล้ว ท่าทางจะเป็นพวกมาโซคิสม์นิยมความเจ็บปวดทางด้านจิตใจสินะ.......

    “ไอ้เปี๊ยก”

    “ถ้ามึงเรียกกูว่าแบคฮยอนจะเป็นพระคุณมาก” มันยักไหล่ ส่วนผมก็ปาสลิปเปอร์ที่ใส่อยู่ตอนนี้ไปหา

    “หอสาม.....”

    “ไอ้เหี้ยๆๆ กูขอโทษ เอาคืนมาๆๆ” ผมรีบยกธงขาวยอมแพ้ ไอ้ประธานนักเรียนที่กุมอำนาจไว้ทั้งหมดยกยิ้มอย่างพอใจในขณะที่ผมก็ทำได้เพียงแค่จดความแค้นเหล่านี้ลงบัญชีหนังหมา จบงานประเพณีหอเมื่อไหร่ได้ไฟว้ให้ตายกันไปข้างแน่นอนคอยดูฝีมือไอ้แบคเถอะ!

    “......ไอ้ชาน”

    “มีไร”

    “ห้าทุ่มแล้ว”

    “อือ แล้วไง”

    “กูจะกลับห้อง” ผมนั่งนิ่งๆรอมันหันกลับมาตอบ คือที่นั่งอยู่ห้องมันนานไม่ใช่อะไรหรอก รอมันจัดการงานของมันเสร็จนั่นแหละ ชานยอลหันมามองหน้าผมก่อนจะขมวดคิ้วแน่นประหนึ่งว่ากำลังแก้โจทย์เลขที่คิดตัวแปรประมาณสามร้อยตัวอะไรประมาณนั้น

    “ก็กลับไปสิ”

    “......กูคิดว่ามึงคงหลงลืมอะไรบางอย่างไป”

    “........?”

    “มึงต้องไปส่งกูที่ห้อง” จบคำไอ้ชานยอลก็ทำหน้ายุ่งกว่าเก่า ผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เดินไปดึงแขนของไอ้โย่งแล้วทำท่างอแงจะกลับห้อง ไม่ได้กลัวผีหรือว่าอะไรนะเว้ย! คือแค่ต้องการเพื่อนเดินกลับห้องมั้ยบางที? มันก็แค่ห้าทุ่ม....คือไม่ได้น่ากลัวเท่าไหร่ แต่ผมอยู่คนเดียวไม่ได้ไง ต้องมีเพื่อนอยู่ข้างๆ

    ก็บอกว่าไม่ได้กลัว!!

    “ทำไมต้องไปส่ง?”

    “วันนั้นมึงทำอะไรกับกูไว้ อย่า รับผิดชอบด้วย”

    “กูปล้ำมึงแล้วท้อง?”

    “พ่อมึงดิครับ ไปเร็วๆเข้า” ณ จุดนี้คำว่าศักดิ์ศรีคืออะไรช่างหัวมันไปก่อนแล้วกัน ผมทำท่าที่คิดว่าน่ารำคาญมากที่สุดจนชานยอลทนไม่ไหวยอมลุกจากโซฟาแล้วเดินมาตามแรงลาก ผมช่วยปิดประตูห้องให้เรียบร้อยก่อนจะกระโดดเกาะแขนมันอย่างที่ทำเมื่อวันศุกร์

    บรรยากาศโรงเรียนแม่งวิเวกเหวกเหวงมาก ตอนห้าทุ่มไฟก็สลัวเหลือเกินไม่รู้ว่าจะช่วยชาติประหยัดพลังงานกันรึยังไง โอ๊ยยย อีกสามวันถัดไปนอนที่ห้องแม่งเลยแล้วกัน ไม่เดินกลับแล้วนะ!!

    “เบียดกูเกินไปปะเตี้ย ไม่ได้รู้สึกดีเลยนะ ถ้ามึงเป็นผู้หญิงก็ว่าไปอย่าง”

    “มโนไปสิวะ! มโนว่ากูเป็นผู้หญิงไง” ผมตอบปัดไปส่งๆ ไอ้ชานยอลเลยนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะค่อยๆเอื้อมมือมาโอบบ่า ผมรีบเบียดตัวซุกเข้าไปอย่างรวดเร็วแล้วยอมเดินให้มันโอบอย่างนั้นไปจนถึงที่หอ ถึงตอนนั้นมือของชานยอลก็ค่อยๆหลุดออกจากไหล่

    “เฮ้ย! เมื่อกี้มึงแต๊ะอั๋งกูอ่อ!

    “คนไรวะไม่สำนึกบุญคุณ เดินมาส่งตั้งถึงนี่”

    “ก็มึงฉวยโอกาส”

    “มึงกอดกูด้วยซ้ำไอ้เตี้ย”

    พอได้ยินว่าผมกอดมันก็ทำหน้ามึนไปครู่ก่อนจะหมุนตัวกลับเดินไปตามโถงใหญ่ของหอ ห้องของผมอยู่ชั้นล่างเพราะเวลามีอะไรน้องๆจะได้ลงมาหา แต่แล้วก็มีไอ้มือดีตบสวิตซ์ไฟตามทางที่ผมเดินอยู่ ไม่ต้องให้สัญญาณอะไรผมวิ่งกลับไปกอดไอ้ชานยอลทันที

    “นี่ไง มึงกอดกูเนี่ย”

    “แล้วปิดไฟทำส้นตีนไรล่ะ!” ผมอ้าปากด่า มิวายต่อยแม่งไปทีแต่ก็ไม่ยอมปล่อย

    “เดี๋ยวกูเดินไปส่ง ไม่ชอบทำไรครึ่งๆกลางๆ” ว่าเสร็จมันก็ปลดมือผมให้เลิกกอดมันแล้วลากให้เดินตามมันไป ไม่ค่อยอยากให้มันไปถึงหน้าห้องซักเท่าไหร่เพราะผมไม่ได้พกกุญแจห้องมา แล้วต้องให้ไอ้แฝดเปิดประตูให้ไง เกิดมันเห็นชานยอลยืนลอยหน้าลอยตาอยู่.....

    ความเป็นชายของผม จบสิ้นไม่เหลือซาก

    ผมเคาะประตูสองสามทีก่อนจะผลักให้ชานยอลไปอยู่ไกลๆ แค่ให้พ้นระยะการมองเห็นจากในห้อง จนไอ้จงอินเปิดประตูออกมาไอ้โย่งก็กวนตีนด้วยการมายืนอยู่ด้านหลัง ไอ้ดำเอ่ยปากทำท่าจะพูดอะไรซักอย่าง แต่ไม่ทันผมที่พุ่งเข้าไปปิดปากมันเรียบร้อยแล้ว

    “ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นเลยนะมึงอะ”

    “พาลูกหมาหลงทางมาส่ง”

    “ใครเป็นลูกหมา!

    “คนที่เดินกอดกูมาตลอดทางนั่นไง ไปแล้วนะ อย่าฝันร้ายนะลูกหมา~

    ไอ้โย่งหูกางส่งสายตากวนตีนก่อนจะเดินออกไป จงอินที่โดนผมปิดปากอยู่ส่งสายตาล้อเลียน ผมรีบผลักมันกลับเข้าไปในห้องก่อนจะใช้เท้าปิดประตู เซฮุนเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำก็ทำหน้างงๆ

    “มีอะไรวะ?”

    “ผู้ชายมาส่งถึงห้อง เดี๋ยวนี้น้องแบคไม่ธรรมดา”

    “ระวังนะมึง พี่คริสไม่ชอบใจนา” เซฮุนชี้นิ้วมาทางผมที่กำลังปีนขึ้นไปนอนบนเตียง วันนี้ไม่อยากจะตอบโต้อะไรให้มากความเพราะพวกมันมาเป็นแพคคู่ทีไรผมไม่เคยชนะได้ซักที ทำเพียงแค่ส่งนิ้วกลางที่เป็นท่าทางประจำไปให้แล้วซุกตัวลงไปในกองผ้าห่ม แต่เหมือนไอ้สองแฝดจะไม่ถอยทัพง่ายๆ มันนั่งลงบนเตียงของไอ้เซฮุนทั้งคู่แล้วเริ่มกวนประสาทผมอีกครั้ง

    “ชาน.....แบคกลัว ชานมาส่งแบคหน่อยนะ” ...แฝดนรกคนน้องโอเซฮุนเบียดตัวไปแซะไอ้ดำกัมจง

    “ถ้าทำแบบนั้นแล้วฉันจะได้อะไรล่ะ” ไอ้จงอินแกล้งทำเสียงขรึมแล้วยืดตัวขึ้นมาอย่างถือดี

    “จุ้บๆๆๆๆ”

    “ขอมัดจำก่อน” แล้วก่อนที่ไอ้สองแฝดแม่งจะโซเดมาคอมกันตรงหน้า ผมที่ทนความทุเรศนั่นไม่ไหวก็รีบปาหมอนไปก่อนจะลุกขึ้นมานั่งทำหน้างอหงิกด้วยความขนลุกอยู่บนเตียง ไอ้จงอินยังคงเล่นไม่เลิกราเอามือป้องหน้าของน้องมันไว้พลางส่งสายตาดุมาทางผม

    “ทำอะไรระวังหน่อยสิ มันจะโดนแบคกี้ของผม”

    “ทำเป็นเข้มไปเหอะไอ้จงอิน หยุด! เซฮุน! หยุดสะดิ้ง!!

    “ชานอ่า มันว่าเค้า”

    โอ๊ยยยยยยยยยยยย!! เป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรงที่ผมเลือกจะคบพวกมันเป็นเพื่อนเนี่ย!!

     

    “วันนี้มีประชุม”

    “ประชุมไร ไม่เห็นรู้เรื่อง”

    “คยองซูเข้ามาบอกตอนเปลี่ยนคาบ มึงหลับอยู่”

    “อือออออ แล้วประชุมเรื่องไร”

    “งานประเพณีหอ”

    “ปีนี้เป็นไงอะ”

    “จะไปรู้หรอ ก็ถึงได้บอกว่าเขาเรียกประชุมไง” เซฮุนขมวดคิ้วยุ่งก่อนจะเดินนำไปที่หอพิเศษ ผมที่ตอนแรกว่าจะไปสนามบาสเลยต้องเปลี่ยนทิศทางก่อนจะเดินตามไอ้แฝดคนน้องไปด้วยท่าทางมึนๆ คือเวลาเลิกเรียนนี่เหมือนเวลาเพิ่งตื่น ตอนเก็บของเดินลงมาจากห้องนี่ก็ไม่ค่อยรู้ตัวเท่าไหร่หรอก จงอินเดินขนาบข้าง มันเอาชาเย็นๆทาบลงที่ข้างแก้ม สติสตังที่เคยลอยอยู่บนฟ้าตอนนี้กลับมาหมดแล้ว

    “ตกใจหมดไอ้ห่า!

    “ตื่นยังล่ะ”

    “ตาสว่างแล้วเนี่ย”

    “เออดี จะได้เอาน้ำให้เซฮุน”

    “อย่า....นี่มันของกู” ผมคว้าชากระป๋องนั้นมาถือไว้ในมือก่อนจะเปิดดื่ม จงอินเตะผมไปทีก่อนจะยื่นส่วนของมันไปให้แฝดน้อง ในตอนแรกสองคนนั่นเดินนำหน้าไปแต่สุดท้ายมันก็หยุดก่อนจะหันมากอดคอผมทั้งคู่แล้วพากันเดินไปที่หอพิเศษพร้อมๆกัน

    ไอ้จงอินกับเซฮุนถ้าไม่นับความกวนประสาทแล้วมันถือว่าเป็นเพื่อนที่ดีมากที่สุดเท่าที่ผมเคยมีมา ถึงพวกมันจะเป็นแฝดกันแต่มันก็ไม่เคยทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน(ยกเว้นตอนที่มันเป็นแฝดนรกรวมหัวกันแกล้งผมนั่นแหละ) ถึงเมื่อก่อนตอนคบกันแรกๆมันจะทำท่ารังเกียจเดียดฉันท์ผมมากไปซักหน่อย แต่ผมก็ใช้ความดี(?)ชนะใจพวกมันเอามาได้ในที่สุด

    เราสามคนเดินเข้ามานั่งในห้องประชุมที่ตั้งแต่ขึ้นปีสองมาเข้าเหยียบบ่อยเสียเหลือเกิน คนอื่นๆมากันหมดแล้ว จะยกเว้นก็แต่พวกคนของหอพิเศษที่ไม่รู้ว่าหายไปไหน แต่พอเวลาห้าโมงตรงประตูก็เปิดออกก่อนจะตามด้วยร่างสูงๆของไอ้โย่งชานยอลพร้อมกับจื่อเทาและคยองซูที่ตามหลังเข้ามา

    ไอ้ประธานหันมามองผมเล็กน้อยก่อนจะเริ่มการประชุมไปแบบเรียบๆ ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรมาก

    “อีกสองอาทิตย์ข้างหน้าจะมีงานประเพณีหอ อย่างที่จัดเป็นประจำทุกปี”

    ผมหันไปมองคนที่ยืนอยู่หัวโต๊ะทำท่าไม่ใส่ใจแล้วหยิบเศษกระดาษกับปากกาออกมานั่งวาดรูปเวลาผมเบื่อๆ ไอ้เซฮุนสะกิดแต่ผมก็ไม่ได้เลิก

    “กติกาทุกอย่างจะเหมือนกับทุกปีที่ผ่านมา ผมขอย้ำว่าห้ามพกอาวุธเด็ดขาด ไม่ว่ากรณีใดๆก็ตาม ทางหอพิเศษจะมีการตรวจละเอียดอีกครั้งในคืนวันพฤหัสก่อนเริ่มงาน ถ้าหากว่าพบอาวุธหอนั้นทั้งหอจะถูกปรับแพ้ทันที”

    ผมเขียนคำว่าทำเป็นเข้มลงในแผ่นกระดาษก่อนจะชี้ไปทางคนที่ยืนอยู่หัวโต๊ะ ยกยิ้มให้กับตัวเองน้อยๆแล้วหมุนกระดาษเพื่อเขียนอย่างอื่นต่อ

    “และเรื่องของการทะเลาะวิวาทที่มีเป็นประจำทุกปี ขอร้องว่าอย่าให้เกิดขึ้น ช่วยควบคุมและย้ำเตือนกับคนในหอด้วย”

    หูกางล้ะทำเข้ม ด่อว

    เป็นอีกหนึ่งคำที่ถูกเขียนลงบนกระดาษ ไอ้เซฮุนชะโงกหน้ามามองแล้วตบหัวผมเบาๆก่อนจะดึงกระดาษไป ผมเบะปากออกนิดหน่อยแล้วก็หยิบกระดาษอีกแผ่นออกมาจากในกระเป๋า

    เป็นเด็กหอก็อย่างนี้ ไม่ได้รับอนุญาตให้พกโทรศัพท์ ยกเว้นคนที่เป็นประธานหอกับพวกในหอพิเศษ ดังนั้นผมเลยพกกระดาษกับปากกาเอาไว้หาอะไรทำแก้เซ็งตอนนั่งว่างๆเป็นนิสัยที่ติดมาตั้งแต่ตอนมอต้นแล้ว โรงเรียนเก่าผมแม่งค่อนข้างแปลก ไม่ให้นักเรียนพกโทรศัพท์ ให้เก็บไว้ในตู้ล็อคเกอร์ จะเอาออกมาใช้ได้แค่เฉพาะตอนเย็น ดังนั้นการย้ายเข้ามาเรียนที่นี่และห้ามใช้โทรศัพท์เลยไม่ได้ทำให้ผมเดือดร้อนซักเท่าไหร่

    “ปีนี้จะเปลี่ยนกติกานิดหน่อย ทางอาจารย์จากฝั่งหญิงอยากได้นักเรียนชายไปช่วยเพิ่มสีสันงานเลี้ยงทางฟากนู้น แต่ต้องการแค่หนึ่งร้อยคนเท่านั้น ปีนี้เลยตกลงกันว่าถ้าหากหอไหนชนะจะได้รับอนุญาตให้ไปร่วมงานเลี้ยงทางฝั่งหอหญิง”

    ผมตาลุกวาวทันทีที่ได้ยินคำว่าหอหญิง ธงภารกิจปักบนหัวว่ายังไงก็ต้องชนะให้ได้ไม่ว่าจะต้องทำด้วยวิธีไหน ไอ้ชานยอลหันมามอง ยกยิ้มเย้ยผมนิดหน่อย

    “ย้ำว่า ผู้ชนะนะครับ”

    เออ! กูจะเป็นผู้ชนะอยู่นี่ไง

    “ธงของหอหนึ่งสองสามจะมีสองคะแนน ส่วนธงของหอพิเศษจะมีสามคะแนน เหมือนปีที่แล้วไม่มีเปลี่ยน แต่ปีนี้ผมจะเพิ่มความยากขึ้นมาหน่อย จะให้นักเรียนเปิดห้องตัวเองไว้ทุกห้อง แล้วหลังจากนั้นก็ตามหากันเอาเองว่าธงอยู่ที่ห้องไหน”

    “แล้วอย่างนี้ถ้ามันรื้อค้นห้องจะทำยังไง”

    คนจากหอหนึ่ง ผมจำไม่ได้เหมือนกันว่ามันชื่ออะไร แย้งขึ้นมาด้วยน้ำเสียงฉุนๆนิดหน่อย ผมเองก็พยักหน้ารับบ่งบอกว่าเห็นด้วย ส่วนชานยอลก็ไม่ได้ทำท่าทีตกใจ มิหนำซ้ำยังตอบด้วยท่าทางสบายๆ

    “ในสองอาทิตย์นี้จะมีการปิดกล้องวงจรปิดตรงทางเดินทุกชั้นของทุกหอ”

    “เปลือง” ผมบ่นออกมาเบาๆ ไอ้ชานยอลเลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อย “นโยบายนี้ผู้อำนวยการจะทำตั้งแต่ตอนปิดเทอมแล้ว แต่ทางบริษัทของกล้องวงจรปิดขอเลื่อนออกมาเพราะเวลาไม่ลงตัว”

    “........”

    “อีกอย่าง จะสนุกได้ยังไงถ้าหาตำแหน่งธงได้ง่ายๆ”

    ดี....ดี ผมจะบุกหอมันเป็นหอแรกเลยคอยดู!!

    “ถ้าหากมีการรื้อค้นหรือข้าวของถูกทำลาย เราจะหาตัวผู้กระทำผิดได้ไม่ยาก ดำเนินคดีตามกฎหมาย โอเคมั้ย? มีใครไม่เห็นด้วยบ้าง”

    ไม่เห็นด้วยตั้งแต่มึงหูกางล้ะ

    ไอ้เซฮุนตบหัวผมอีกทีเมื่อเห็นข้อความของผมที่เขียนลงบนแผ่นกระดาษ ได้แต่เบะปากแล้วยอมเก็บกระดาษลงในกระเป๋า เห็นไอ้จื่อเทานั่งหัวเราะผมก็แอบๆส่งนิ้วกลางไปให้

    “และเสื้อที่ใส่ก็จะสามารถดึงแขนเสื้อออกได้ ถ้าใครโดนดึงแขนเสื้อคนนั้นจะต้องออก หอหนึ่งสีเหลือง หอสองสีแดง หอสามสีชมพู....”

    “เดี๋ยว ทำไมหอกูต้องเป็นสีชมพู” ผมขัดขึ้นมาแทบจะทันที เดี๋ยวๆๆ หอผมแม่งมุ้งมิ้งไปป่าววะ อับอายขายขี้หน้าตายห่า ไอ้ชานยอลหันมามองผมก่อนจะยกยิ้มน้อยๆ “ระวังคำพูดในที่ประชุมด้วยครับประธานหอสาม”

    ผมเบะปากออก “ไม่ทราบว่าทำไมหอของกระผมถึงได้เป็นสีชมพูครับคุณประธานนักเรียน”

    “ผมเลือกตามความเหมาะสม”

    “แล้วหอกูเหมาะสมกับสีชมพูตรงไหนวะเนี่ย!” ไอ้เซฮุนรีบดึงแขนผมไว้ไม่ให้เข้าไปตั๊นหน้าไอ้หูกางที่ยืนทำหน้าไม่ยินดียินร้ายกับเสื้อประจำหอของผม มือขาวๆโบกมาห้ามตรงหน้า ผมเลยนั่งฟึดฟัดอยู่โดยมีไอ้จงอินช่วยกันอีกที

    “เปลี่ยนสีได้มั้ย? ผมคิดว่ามันหวานแหววเกินไป”

    “ผมส่งเรื่องทำเสื้อไปให้ทางโรงเรียนแล้ว”

    “ถ้าเรื่องยังไปไม่ถึงโรงงาน ผมจะไปแก้เอง”

    “ผมจะช่วยดูให้แล้วกัน”

    บอกได้คำเดียวเลยว่าไอ้ชานยอลแม่งกำลังกวนตีนผมอยู่!!

     

    หลังจากประชุมเสร็จผมก็หอบหิ้วร่างกายที่เต็มไปด้วยโทสะกลับมาที่ห้อง อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จพอได้เวลาสามทุ่มผมก็ลากตัวเองไปที่หอพิเศษอีกครั้ง ตั้งใจว่าจะมาหาเรื่องให้เต็มที่ หนอย...ทำมาเป็นวางมาดผู้ดีในห้องประชุม ใช้อำนาจเผด็จการ แบบนี้เราต้องประท้วง!

    ผมเปิดประตูเข้าไปในห้อง ไอ้ที่ตั้งใจว่าจะเคาะประตูก็ลืมอีกแล้ว เห็นคยองซูกำลังนั่งคุยอะไรซักอย่างกับไอ้หูกางท่าทางค่อนข้างซีเรียสนิดหน่อย ผมเลยเก็บความแค้นลงบนบัญชีหนังหมาอีกทีแล้วเดินเข้าไปเงียบๆ ร่างเล็กนั่นหันมามองผมนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ส่วนชานยอลก็ขมวดคิ้วแน่นแล้วส่งเสียงเรียกผมที่กำลังจะไปนั่งอยู่มุมประจำ

    “ทำไมไม่เคาะประตู”

    “ลืม....อะไร อย่ามองกูแบบนั้นนะ ต้องให้เดินออกไปแล้วเคาะประตูใหม่ด้วยปะ”

    “ช่างมันเถอะ” ท่าทางว่าจะซีเรียสจริงๆมันถึงได้เลิกสนใจผมแล้วโบกมือปัด วันนี้ผมเอากระเป๋ามาด้วย แต่ไม่ได้มีอุปกรณ์แสบซ่าเหมือนคราวก่อนหรอกนะ ก็แค่จะนอนด้วยแค่นั้นเอง ผมจะไม่เดินกลับห้องแล้วคืนนี้ ให้มันไล่ให้ตายก็ไม่ยอมอะ!!

     

    Chanyeol Part

    ไอ้เปี๊ยกนี่สงสัยต้องส่งไปเรียนมารยาทกันใหม่ มีอย่างที่ไหนไม่ยอมเคาะประตูเพื่อขออนุญาต จู่ๆก็เปิดประตูพรวดพราดเข้ามา ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ผมเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ ตกใจแทบบ้าตอนที่มันเปิดประตูเข้ามา แต่เหมือนมันคงจะงงๆล่ะถึงได้ปิดประตูกลับไป

    แล้วมีอย่างที่ไหนให้ผมเดินไปส่ง เอาเป็นว่าเป็นเวรกรรมของผมแล้วกันที่ต้องตามเช็ดล้างกรรมที่ทำไว้กับมัน อุตส่าห์บอกอย่ามาเบียดก็ซุกเอาๆ ตรงๆเลยมั้ย?....ผมคิดว่าผมแพ้กลิ่นแป้งเด็กว่ะ แบบมันใจสั่นทุกทีที่ได้กลิ่นอะไรประมาณนั้น แต่เหมือนมันไม่ได้รู้ตัวเลย ยังมีการให้ผมมโนว่ามันเป็นผู้หญิง เอากับมันสิ! ไม่รู้ว่าใครควรกลัวใคร

    ไอ้เตี้ยนั่งอยู่ที่มุมประจำ วันนี้มีตะกร้าผ้าของผมที่เพิ่งปั่นแห้งเสร็จ มันก็ทำหน้าที่ของมันได้โอเคนะ นั่งพับผ้าไปเงียบๆ อาจจะเพราะเห็นคยองซูอยู่ด้วยมั้ง แต่ไม่ได้คุยงานอะไรกันหรอกครับ ไอ้ตาโปนมันแค่ให้ผมสอนการบ้านเฉยๆ

    จนพอประมาณสี่ทุ่มครึ่งโดคยองซูก็ขอตัวกลับห้อง ผมบิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองไอ้เปี๊ยกที่นั่งหลับโดยที่กอดตะกร้าผ้าไว้อยู่

    เออเว้ย พอไม่มีคนให้ต่อปากต่อคำก็หลับซะงั้นอะ

    วันนี้ก็ยังคงแต่งตัวแบบเดิม เสื้อยืดตัวใหญ่เก่าๆกับกางเกงบอลขาสั้นเบอร์แปด นั่งทีก็ถกไปถึงไหนต่อไหน ผมสะบัดศีรษะตัวเองน้อยๆไล่ภาพต้นขาขาวๆนั่นออกจากหัวก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ จะได้เข้านอนกันซักทีคืนนี้ ไม่รู้ว่าต้องไปส่งไอ้เปี๊ยกอีกมั้ย

    หลังจากที่อาบน้ำเสร็จก็มองไปที่ร่างเล็กๆที่ตอนนี้เลื้อยลงไปนอนบนพื้นเรียบร้อยแล้ว ผมถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะเดินไปสะกิด

    “.....เตี้ย”

    “......อือ”

    “เตี้ย.........”

    “เฮีย....งืม” แทนที่มันจะตื่นกลับดึงมือผมไปหนุนเสียอย่างนั้น ไอ้แบคฮยอนผู้ชายที่ผมคิดว่าเป็นตัวป่วนทุกครั้งไม่ว่าจะเจอกันตอนไหนก็ตาม ตอนนี้กลายร่างเป็นลูกหมาตัวเล็กที่ร้องหาแต่พี่ชาย นี่แม่งคงคิดว่าผมเป็นพี่ชายอีกดิ ผมพยายามจะดึงมือตัวเองออก

    “ไอ้ชานยอลแม่ง.....หูกาง ไอ้เหี้ย”

    เออดี....ด่ากันซะงั้น

    ไอ้เปี๊ยกบ่นงึมงำๆก่อนจะเอาแก้มนิ่มๆไถกับมือของผม สัมผัสนุ่มนิ่มนั่นทำเอาผมชะงักไปครู่ ไม่กล้าจะปลุกมันอย่างที่คิดไว้แต่แรกก่อนจะนั่งนิ่งๆอย่างใช้ความคิด พลันเหลือบไปเห็นกระเป๋าใบเดิมที่คราวที่แล้วพกมาแต่ความแสบเต็มใบก็หันไปมองไอ้เปี๊ยกที่กำลังหลับพลางคิดว่ามันคงจะหาอะไรมาแกล้งอีกแล้ว

    แต่คราวนี้ไม่ใช่

    ในกระเป๋ามีหมอนอยู่หนึ่งใบกับผ้าห่มผืนบางๆ ผมขมวดคิ้วแน่นไม่เข้าใจว่ามันจะเอามาทำไม แต่หลังจากดูท่าทางที่มันหลับในห้องผมแบบนี้แล้ว คงไม่พ้นว่าจะนอนที่นี่แหง คงไม่อยากจะเดินกลับห้องมืดๆอีกแล้วล่ะมั้ง ผมมองคนตัวเล็กที่หลับแล้วก็ถอนหายใจ

    ไอ้เปี๊ยกนี่.....หาเรื่องให้ผมอีกแล้วสิ

    ในที่สุดเลยตัดสินใจแบกร่างของไอ้คนที่หลับให้เข้าไปนอนในห้องดีๆ ไม่รู้ว่าไปอดหลับอดนอนมาจากไหนโดนอุ้มขนาดนี้แล้วยังไม่ตื่น ทีตอนนั้นแค่เช็ดผมน้ำกระเด็นไปโดนหน่อยเดียวก็ลืมตามาแว้ดๆต่อได้แล้ว ผมค่อยๆวางมันลงบนเตียง ไอ้เปี๊ยกพลิกตัวทันทีที่เป็นอิสระ

    จริงๆแล้วก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่พี่คริสหวงน้องมากมายขนาดนั้น

    ตัวก็เตี้ยไม่ได้สูงอะไรมากมายเท่าไหร่ ตอนที่เปลี่ยนเสื้อตอนเรียนพละนั่นอีก พอได้ยินเซฮุนบอกว่าแบคฮยอนเปลี่ยนเสื้ออยู่ในนั้นผมก็ว่าเฮียคริสแม่งบ้าไปแล้ว น้องชายไม่ใช่น้องสาวซักหน่อย แต่พอมันเดินออกมาแล้วถอดเสื้อต่อหน้าผมเท่านั้นแหละ....แทบจะลากมันให้กลับเข้าไปเปลี่ยนเสื้อที่เดิม แต่ดีว่าที่ไม่ได้แสดงท่าทางอะไรแปลกๆออกไปแล้วตีหน้านิ่งได้ก่อน

    ไม่เคยรู้สึกอยากจะเป็นบ้าขนาดนี้มาก่อน

    ผมมองไอ้เปี๊ยกตรงหน้าแล้วก็ถอนหายใจเฮือก เอื้อมมือไปดึงเสื้อลงมาปิดหน้าท้องขาวๆ แล้วดึงผ้าห่มคลุมต้นขาเล็กไว้กลัวว่ามันจะหนาว ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะนอนตรงไหน เดาใจมันตอนตื่นไม่ถูกจริงๆ

    ที่สุดผมก็ตัดสินใจนอนลงข้างๆ

    ปิดไฟที่หัวเตียง ยัดตัวเองลงไปในผ้าห่มผืนเดียวกัน ถึงมันจะดูแปลกๆที่ทำแบบนั้นแต่ผมก็ไม่ใจดำถึงขนาดให้มันนอนบนพื้นเย็นๆนอกห้องนอนหรอกนะ ยังไม่ทันที่จะหลับตาลง แขนเล็กๆก็พาดลงบนตัวผม แถมยังได้กลิ่นแป้งเด็กชัดกว่าเดิมอีก

    ไอ้แบคฮยอนทำพิษแล้วไง

    ผมพยายามจะดันตัวมันให้ห่าง แต่มือนี่เหนียวกว่าที่คิด พอผมผลักมันก็ร้องครางเหมือนลูกหมาขาดความอบอุ่น ด้วยความที่ผมกลัวมันจะตื่นก็ได้แต่เลยตามเลยไม่กล้าจะทำอะไรไปมากกว่านั้น

    ตื่นมาแล้วห้ามโวยวายแล้วกันนะไอ้เตี้ย

    End Chanyeol Part

     
    Talk -05-

    อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ
    ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดมากรีดหิน
    แค่องค์พระปฎิมายังราคิน
    คนเดินดินหรือจะสิ้นคนนินทา 


    กลอนสุนทรภู่ บางตอนจาก "พระอภัยมณี"

    ฮึ้บบบบ มาแล้วจย้า ขอเสียงคนรักพี่แบคหน่อยครัช
    กิซ กิซ กิซ ได้กันได้กันได้กันได้กัน #เชียร์เพื่อครายย
    ตอนหน้าพบกับครอบครัวบยอนฟูลออพชั่นนะ
    พี่แบคบอม พี่อีทึก เฮียคริสและน้องแบค อร๊าง
    ไปดูดีกรีว่าจะหวงน้องขนาดไหน 555555
    โอเคนะ อย่าลืมเม้นต์น้าาาาา
    รักครัชชชชชช <3
    #พี่แบคหอสาม #ฟิคหอแตก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×