คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : Will Love , So I love[Part 16]=ฉันกับนาย เราไม่ได้ทะเลาะกัน
16
ฉันกับนาย เราไม่ได้ทะเลาะกัน
“บอกว่าให้นอนอยู่ที่ห้อง ยังอุตส่าห์ถ่อมาเรียน”
“ผมไม่ได้ฉลาดอย่างคิบอมนี่! จะให้หยุดเรียนเพราะเรื่องแบบนั้น ไม่เอาด้วยหรอก //// อีกอย่าง....ผมก็เดินได้ไม่เห็นเป็นอะไรเลย”
ว่าแล้วก็พิสูจน์ให้ร่างสูงได้เห็นเป็นขวัญตา แต่ท่าทางเดินเขย่งๆของคนตัวเล็กที่อวดดีทำเอาคนที่มองดูอยากจะเข้าไปกระชากมาอุ้มให้มันรู้แล้วรู้รอดเพราะมันดูขัดหูขัดตาเสียจริง เมื่อเช้ากว่าจะอาบน้ำเสร็จก็นานโขจนคนตัวเล็กตรงนี้บอกให้พอ เขาถึงได้หยุด ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้มาเรียนกันแน่ๆ
“ดื้อจริงๆเลย”
“ห้ามอุ้มนะคิบอม....ห้ามอุ้มเด็ดขาด พยุงก็พอ”
ทงเฮรีบร้องห้ามเมื่อเห็นว่าอีกคนเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับจะอุ้มเขา เมื่อได้ยินคำขอร้องดังนั้นจึงทำแค่พยุงให้คนตัวเล็กเดินได้จนถึงห้องเรียน เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็เจอสายตาล้อๆของรุ่นพี่หน้าสวยที่กำลังนั่งเล่นไพ่อยู่กับเพื่อนสนิทของตัวเอง ทงเฮก้มหลบสายตางุดๆแล้วเดินไปนั่งที่โดยมีคิบอมเดินพยุงไปส่ง
“เมื่อคืนไปนอนที่ไหนน่ะ อยู่กับคิบอมใช่มั้ย”
“อื้อ /////” เมื่อนั่งที่ได้ปุ๊ปเพื่อนที่มาถึงแล้วก็เอ่ยปากถามคำถามที่น่าจะรู้ดีอยู่แล้วปั๊ป ส่วนแฟนของเพื่อนก็นั่งทำหน้าล้อเลียนเขาอยู่ใกล้จนอยากจะเอื้อมมือไปจิ้มตาให้รู้แล้วรู้รอด
“ไม่ถามต่อแล้วละกัน เป็นอันว่าฉันเข้าใจนะ”
“ขอบใจนะซองมินTT แล้วจะเป็นพระคุณมากถ้าหากจะช่วยบอกคยูฮยอนว่า ช่วยไปไกลๆหน้าฉันที”
“ไสหัวไปได้แล้วจ้ะตัวใหญ่^^+”
“ตัวเล็กโหดร้ายยยยยยย”
“จองซู”
“หือ? อ้อ! ขอโทษนะฮะนูนา พอดีว่าผมต้องไปทำงานต่อแล้ว แล้วเจอกันฮะ”
คนถูกเรียกก้มลงมองนาฬิกาที่ข้อมือก่อนจะส่งยิ้มหวานๆให้กับหญิงสาวที่ตนเองคุยด้วยเมื่อครู่ คนถูกบอกลาทำท่าอิดออดนิดหน่อยแต่ก็ยอมปล่อยไปแต่โดยดี อีทึกเดินมาหาเพื่อนสนิทด้วยอารมณ์ที่ดีนิดหน่อย แต่เมื่อเห็นคิ้วที่ขมวดเข้าหากันก็อดเอ่ยปากถามไม่ได้
“อารมณ์ไม่ดีหรอ”
“ก็นิดหน่อย ไปเถอะ”
“ยองอุน......มีอะไรไม่สบายใจก็บอกได้นะ เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรอ”
“ก็เพราะว่าเพื่อนกันเนี่ยแหละถึงบอกไม่ได้ นี่มันเลยเวลาทำงานแล้วนะ”
คนถูกสงสัยบอกปัดก่อนจะคว้าข้อมือของคนสวยให้เดินไป อีทึกอึ้งกับคำพูดของร่างหนานิดๆก่อนจะขืนตัวไว้ไม่ยอมเดินไปตามแรงของคนดึงจนคังอินหันมาเอ็ดอีกรอบ คราวนี้อีทึกไม่รอช้าประชิดตัวเข้าใกล้ก่อนจะสบตากับร่างสูงด้วยสายตาจริงจัง
“คังอิน....ฉันไม่สบายใจนะที่เห็นนายเป็นแบบนี้”
“อีทึก..เรื่องบางเรื่องนายไม่รู้มันจะดีที่สุดนะ”
“แต่ต้องไม่ใช่เรื่องนี้คังอิน!” ชื่อจริงที่เคยใช้เรียกกันลอยหายเข้ากลีบเมฆ ซึ่งทั้งสองคนต่างรู้ดีว่า หากอยู่กันสองคนแล้วเรียกแบบนี้เมื่อไหร่ แสดงว่าอารมณ์ในตอนนี้ไม่ปกติ เหตุการณ์อย่างนี้จะมีไม่บ่อยนัก
“ไปทำงานเถอะ มัวแต่เถียงกันแบบนี้ฉันว่าไม่จบแน่ๆ”
ร่างสูงตัดบทอีกครั้งก่อนจะเดินนำคนสวยที่กำลังยืนม้มริมฝีปากแน่นอย่างไม่เข้าใจ งานที่พวกขาต้องทำคือเดินตรวจตราบริเวณภายในตัวเมืองที่เด็กนักเรียนของเขาจะมาและถ้าเจอจะต้องจดชื่อส่งประธานนักเรียนอย่างคิมแจจุงเพื่อเดินเรื่องต่อไป แต่ทุกครั้งที่ออกมานั้นเหมือนว่าพวกเขาออกมาเดินเล่นมากกว่า เพราะในวันธรรมดาเช่นนี้ไม่ค่อยมีใครกล้าออกมาซึ่งเป็นที่รู้กันอยู่แล้ว่า รุ่นพี่สองคนนี้จะออกมาเดินตรวจเกือบทุกวัน
“นาย”
“ระ....รุ่นพี่อีทึก!!”
“อยู่ม.ต้นเองด้วย ริอาจหนีออกมาเที่ยวเล่นแล้วงั้นหรอ”
“มะ....ไม่ใช่!...ไม่ใช่นะครับ ผมออกมาซื้อยาเฉยๆ”
“แล้วที่ห้องพยาบาลไม่มีรึไงเล่า!!!”
“ไม่มีครับTT อาจารย์เลยบอกให้ผมออกมาซื้อ ละ....แล้วนี่ครับ! ใบอนุญาต”
คนตรงหน้ากุลีกุจอรีบหยิบกระดาษออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วยื่นให้คนที่กำลังอารมณ์เสียดู อีทึกชายตามองนิดหน่อยก่อนจะเอามือขึ้นเสยผมอย่างปลงๆ
“งั้นรีบซื้อก็รีบกลับก็แล้วกัน แล้วอย่าเถลไถลที่ไหนนะ เมื่อกี้ต้องขอโทษด้วยที่อารมณ์เสียใส่”
รุ่นน้องพยักหน้าหงึกหงักแล้วรีบจ่ายเงินให้กับคุณป้าที่ขายยาอย่างรวดเร็ว อีทึกขยี้ผมน้อยๆก่อนจะหมุนรอบตัวหาคนที่มักจะอยู่ด้วยกันเสมอ เมื่อมองไม่เห็นอารมณ์โกรธเลยเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ปากเรียวเริ่มขยับมุบมิบพร้อมกับขาที่ค่อยๆก้าวเดินไปยังริมแม่น้ำที่มักจะไปนั่งเล่นกับคังอินเสมอ เมื่อนั่งแหมะลงบนพื้นหญ้าลมเย็นๆก็ปะทะเข้าที่หน้าทำให้อารมณ์โกรธคลายลงไปได้บ้าง ไฟสีส้มจากเสาไฟสะท้อนลงบนพื้นน้ำหลายดวง แสดงให้เห็นว่าตอนนี้ดึกมากเพียงไร เปลือกตาบางปิดลงช้าๆพร้อมกับตัวที่เอนลงนอนบนพื้นสีเขียว
“เฮ้! คนสวย มานอนเล่นอะไรคนเดียวตรงนี้หึ?”
เสียงหัวเราะดังขึ้นหลังจากที่ประโยคนั้นจบทำเอาอีทึกต้องลืมตาขึ้นมองพบชายหลายคนยืนล้อมตัวเขาอยู่ คนถูกแซวลุกขึ้นนั่งช้าๆเพื่อฟ้องกันอาการหน้ามืดก่อนจะหยิบไอพอดขึ้นมาฟังเพื่อตัดความรำคาญ ส่วนคนที่ถูกเมินก็หน้าเสียนิดหน่อยก่อนจะกระชากหูฟังที่เพิ่งถูกยัดเข้าหูเมื่อครู่ทิ้ง ทำเอาคนสวยแสยะยิ้มน้อยๆก่อนจะเก็บของแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง จนคนทักหน้าเหวอเพราะกลายเป็นว่าตอนนี้อีทึกสูงกว่าเขาเสียอย่างนั้น
“ขอตัว ไม่มีธุระจะเสวนา”
“เฮ้~ เดี๋ยวก่อนสิ ไหนๆก็เจอกันแล้ว ทำความรู้จักกันก่อนจะเป็นไรไป”
“ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงจะโอเค แต่ตอนนี้อารมณ์ไม่ดี ปล่อย”
น้ำเสียงเย็นยะเยือกหลุดออกมาจากริมฝีปากบางทำเอาสองสามคนที่ยืนล้อมอยู่นั้นมองหน้ากันอย่างหวาดๆ อีทึกไม่บิดแขนตัวเองออกหากแต่ว่าให้อีกฝ่ายปล่อยเอง ซึ่งเขาจะนับเวลาในใจสั้นๆถ้าหากว่า ‘มัน’ ยังไม่อยมปล่อย เขาคงจะต้องเป็นฝ่ายจัดการเสียเอง
“เฮ้ยมึง! แขนโคตรเนียนเลยว่ะ”
“........”
“ทำเป็นนิ่งไปเถอะ แต่ก็ดี! ขัดขืนไปก็ไม่ได้อะไร”
มือหยาบกร้านที่กำลังจะแตะเข้าที่ใบหน้าสวยถูกปัดทิ้งอย่างไม่ไยดี ด้วยความแรงที่มากพอควรทำเอาคนที่ถูกทำร้ายต้องตวัดสายตาแข็งกร้าวไปมองเสียมิได้ แต่ก็แปรเปลี่ยนเป็นเคลิบเคลิ้มเมื่อเจอรอยยิ้มหวานประดับอยู่บนใบหน้า
“ขอโทษด้วยครับ^^ เมื่อกี้ตกใจไปหน่อย ผมเป็นพวกไม่ชินกับการโดนสัมผัสตัวน่ะ”
“ไม่เป็นไร ฉันจะสอนให้นายชินเอง” ว่าแล้วก็เลื่อนมือไปที่บั้นท้ายของร่างบางจนโดนตบหน้าหันกลับมาทำเอาคนสวยที่เพิ่งลงมือตบเบิกตากว้างด้วยความเสแสร้ง ก่อนจะปลอบประโลมด้วยรอยยิ้มอีกเช่นเคย
“ผมบอกแล้วไง^^ ผมไม่ชิน”
“จับแม่งไว้ อย่าให้ดิ้นจนหลุดล่ะ”
พลั่ก!
เท้าสวยถูกยกขึ้นยันเข้าที่ท้องของคนที่กำลังจะกรูเข้ามาจับ ใบหน้าไม่ได้แสดงความหวาดกลัวแม้แต่น้อย มีแต่เพียงรอยยิ้มเย็นๆประดับอยู่เท่านั้น ในใจพลางนึกไปถึงใครอีกคนที่หายหัวไปแล้วก็ระบายอารมณ์กับพวกที่กำลังจะเข้าจับตัวเขาอยู่
“ฉันบอกแล้วไงเจ้าโง่! ว่ามีอะไรก็ให้บอก”
“......โอ๊ย! อะไรของแกวะ”
“ปิดกันแบบนี้ ฉันไม่ใช่เพื่อนแกแล้วใช่ไหม ไอ้หมีบ้า!?!”
“.....หมีบ้าอะไรวะ โอ๊ย!!” หมัดลุ่นๆกระแทกเข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ส่วนคนอื่นๆก็ไม่มีใครคิดที่จะเข้ามาห้ามเพราะน้ำตาที่กำลังไหลอาบใบหน้าสวยเป็นเครื่องแสดงอารมณ์ได้ดีว่าตอนนี้อีทึกกำลังรู้สึกอย่างไร
“ฮึก! ยองอุนบ้าเอ๊ย! นายกำลังทำให้จองซูเสียใจ ฮือ!!”
“.....ฉันไม่ได้ชื่อยองอุน แล้วจองซูเป็นใครวะ....อ๊ากกก”
“จองซูก็ฉันเนี่ยแหละ!! อ๊ะ......” หมัดอีกหมัดที่กำลังจะปะทะเข้าที่กลางอกของคนที่กำลังคร่อมอยู่ถูกคว้าไว้โดยใครอีกคนที่กระชากตัวคนสวยขึ้นมาพร้อมกัน อีทึกปลิวไปตามแรงกระชากก่อนจะเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดที่แสนคุ้นเคย พลันน้ำตาก็ไหลลงมาอีกระลอก ส่วนคนที่มาใหม่ก็ทำเพียงแค่ลูบหัวคนที่อยู่ในอ้อมกอดเบาๆ
“บ้าที่สุด! บอกแล้วไงเจ้ายองอุน! นายมีหน้าที่ให้ความรักกับเด็กที่ชื่อว่าจองซู แต่ไม่ได้ให้นายมาทำร้ายกันแบบนี้!! แล้วนี่กล้าทิ้งฉันได้ยังไง ถ้าฉันสู้พวกมันไม่ได้ จะทำยังไงห๊า”
“ร้องออกมาให้พอ จองซู”
“ฮือ!! เจ้าบ้ายองอุน” คนสวยในอ้อมอกเริ่มอาละวาดยกมือขึ้นทุบอกแกร่งแรงๆ แต่คนที่โดนทำร้ายกลับทำเพียงแค่ยืนนิ่งๆเป็นที่ระบายอารมณ์ให้กับคนสวยเท่านั้น ส่วนคนที่โดนอีทึกระบายใส่ไปล็อตแรกกำลังเดินถอยห่างจากตรงนี้เพราะกลัวจะโดนอีกรอบพลางกดให้เลือดที่บริเวณมุมปากหยุดไหล สวยแต่มือหนักชะมัด
คังอินนิ่งเงียบไม่พูดอะไรก่อนจะกระชับอ้อมกอดเมื่อคนสวยยกแขนขึ้นกอดตัวเองแล้วร้องไห้งอแงเหมือนเด็กสองขวบ เขากับอีทึกไม่เคยทะเลาะกันหนักขนาดนี้ ไม่เคยถึงขึ้นทำให้จองซูร้องไห้ ที่ผ่านมาก็มีแค่เพียงแง่งอนกันเล็กน้อย และไม่ช้าก็หาย เสียงสะอื้นค่อยๆเบาลงจนเงียบในที่สุด มือหนาเลยจับไหล่บางให้มองหน้ากันตรงๆพบว่า ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยคราบน้ำตาจนอดใจที่จะเอื้อมมือไปเช็ดไม่ได้ ตาและจมูกแดงราวกับมีใครมาสีมาเทไว้
“ตาบวมหมดแล้วจองซู”
“เพราะนายนั่นแหละ ไอ้หมีงี่เง่า”
“....งี่เง่างั้นหรอ?”
“ก็เออน่ะสิ! ถ้านายไม่งี่เง่าเดินหนีฉันไป ฉันก็จะไม่เซ้าซี้อยู่แล้วเชียว”
“ฉันรู้นิสัยของนายดีหรอกน่ะ ไม่ต้องมาหลอกกันเสียให้ยาก”
มือหนาหนีบเข้าที่จมูกรั้นนั่นเบาๆเรียกเสียงหัวเราะเบาๆให้กับร่างบางที่กำลังอารมณ์ดีขึ้นตามลำดับ ทั้งสองคนพากันนั่งลงบนพื้นหญ้า คังอินหลับตาลงรับแรงปะทะของลมเบาๆที่ผิวหน้า อีทึกเห็นดังนั้นเลยเอื้อมมือไปชกเบาๆที่แก้ม คิดว่าเล่นเอ็มวีอยู่รึไงไอ้หมีนี่- -*
“หึ! อารมณ์ดีแล้วรึไง”
“อือ ฉันกับนาย เมื่อกี้ถือว่าเราทะเลาะกันรึเปล่า”
“ฉันกับนาย ปาร์คจองซูกับคิมยองอุนไม่ได้ทะเลาะกัน แต่อีทึกกับคังอินต่างหากที่ไม่เข้าใจกัน”
มือหนาวางที่หัวของอีกคนพลางจับโยกไปมาจนสุดท้ายอีทึกก็เลือกที่จะนอนลงบนตักหนาอย่างที่ทำเป็นประจำ ซึ่งคราวนี้คังอินไม่ได้รู้สึกแปลกๆเหมือนเคยแถมยังกล้าจ้องคนสวยที่นอนอยู่บนตักเขาอีกต่างหาก
“ติดใจความสวยของฉันรึไง”
“ยอมรับแล้วรึไงว่าสวย เมื่อก่อนล่ะไม่ชอบไม่ใช่หรอ? ขอหล่ออย่างเดียว”
“ไม่รู้ ตอนนี้อยากสวย”
“ผมลงไปกินข้าวก่อนนะ”
“กินข้าวข้างบนนี่ ไม่ต้องลงไป”
“ผมเบื่ออาหารของห้องอาหารแล้วอ่ะ มีแต่อาหารอิตาเลี่ยน เลี่ยนสมชื่อจริงๆ ขอลงไปกินข้าวผัดกิมจิอย่างเดิมทุกวันจะดีกว่า”
“งั้นเดี๋ยวให้ชินดงลงไปซื้อให้”
“จะทำให้คนอื่นเขาลำบากไปทำไม ไปเถอะซองมิน” คนตัวเล็กไม่ฟังเสียงแถมยังชวนคนที่กำลังจะฟุบหลับอีกต่างหาก ทำเอาคิบอมต้องคว้าข้อมือเล็กไว้แต่ก็ไม่ทันได้แต่มองตามด้วยสายตาเรียบเฉยแต่ก็ลุกขึ้นยืนเดินตามทงเฮไปอย่างจำยอม ส่วนคยูฮยอน อีทึกและคังอินก็ทำท่าจะเดินลงไปกินข้าวข้างล่างเหมือนกกันทำเอาซีวอนที่กลัวร้อนหันไปฉุดกระชากไม่ให้ฮันคยองไปไหน แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือรอยยิ้มกวนๆของเพื่อนตัวดีพร้อมกับการดึงมือที่เกาะอยู่ทิ้ง ซีวอนเลยทำได้เพียงแค่สบถอย่างหงุดหงิดแล้วเดินตามทุกคนลงไป
ไม่งั้นผมก็ต้องนั่งแกร่วคนเดียวบนห้องอาหารกับเชฟหน้าโหดน่ะสิTT
การที่คิบอมลงมาทานข้าวที่โรงอาหารเรียกเสียงฮือฮาจากคนที่เจอได้ดี เพราะน้อยครั้งนักที่หัวหน้าแก๊งเดจาวูจะลงมาทานข้าวที่โรงอาหารซึ่งเป็นที่รู้กันว่าอาหารของห้องอาหารนั้นอร่อยและดูดีกว่าที่โรงอาหารเป็นไหนๆ แต่ที่เจ้าตัวลงมาแบบนี้ก็อาจจะเป็นเพราะแฮงบกที่ยืนสั่งอาหารอยู่ข้างตัวเขาก็เป็นได้
“คิบอมอยากกินอะไร?”
“นายกินอะไรฉันก็กินแบบนั้นแหละ”
“คิบอมกินเผ็ดรึเปล่า? ถ้าไม่ผมจะได้สั่งอย่างอื่นให้”
“อือ” เมื่อได้ยินอย่างนั้น ทงเฮเลยมองหากับข้าวอย่างอื่นให้เพราะกลัวว่าร่างหนาข้างตัวจะกินเผ็ดไม่ได้ ท่าทางคิดแล้วคิดอีกเรียกรอยยิ้มเล็กๆที่มุมปากได้อย่างดีก่อนจะหุบยิ้มลงเมื่อใครเดินเข้ามาใกล้คนตัวเล็กของเขา
“สวัสดีทงเฮ^^”
“อ๊ะ! สวัสดีฮะรุ่นพี่” ร่างบางแย้มยิ้มให้กับคนที่ไม่ได้พบหน้ากันนานก่อนจะเซเข้าไปอยู่ที่กลางอกของอีกคนหนึ่งที่ทำเพียงส่งสายตาเย็นๆไปทักทายผู้ที่มาใหม่ ซึ่งยุนโฮเองก็ส่งรอยยิ้มปั้นแต่งไปให้เช่นกัน
“ไม่เจอกันตั้งอาทิตย์นึง หายไปเลยนะ”
“ฮ่ะๆ ผมนั่งหมกอยู่ที่ห้องอาหารอย่างเดียวไม่ได้.....อ๊ะ”
แรงบีบที่ต้นแขนทำเอาคนที่กำลังพูดต้องหยุดชะงักแล้วเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของมืออย่างเคืองๆ พลางส่งยิ้มขอโทษไปให้รุ่นพี่ที่กำลังให้ความสนใจที่คอของเขาอย่างไม่โจ่งแจ้งมากนัก แต่แค่แวบเดียวเท่านั้นก็กลับมามองที่ใบหน้าเหมือนเดิม ทำเอาทงเฮต้องติดกระดุมที่คอเพื่อป้องกันยุนโฮมองลงมาอีกครั้ง บ้าชะมัด...ทั้งๆที่เมื่อกี้ติดไว้ดีๆแล้วแท้ๆ
“ได้ข้าวแล้ว ผมไปก่อนนะ ไปกันเถอะคิบอม”
“ฉันมีอะไรจะคุยกับ รุ่นพี่ นิดหน่อย ไปก่อนเลย”
สองมือเล็กเอื้อมไปหยิบจานข้าวของตัวเองและคิบอม ก่อนจะใช้ศอกสะกิดให้คนที่กำลังยืนจ้องตากับยุนโฮเดินไปที่โต๊ะด้วยกัน แต่ทว่าถูกไล่ออกมาเสียอย่างนั้น เมื่อทงเฮเดินออกไปรอยยิ้มเย็นๆก็ถูกแต้มลงบนใบหน้าของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าชายของโรงเรียน ภายในระยะ 3-4 เมตรไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เพราะเป็นที่รั้นว่าถ้าหากสองคนที่เจอหน้ากันเมื่อไหร่ อยู่ห่างๆไว้จะดีที่สุด
“เร็วดีนะ รอยแดงๆนั่นทำเพื่อขู่ฉันงั้นหรอ?”
“สำคัญตัวผิดไปล่ะมั้ง ขู่งั้นหรอ? เพื่ออะไร??”
“ถ้าอย่างั้น นายจะบอกว่าทงเฮยอมนายแล้วอย่างนั้นสิ”
“หึ! ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย เรื่องที่เป็นไปตามที่คิด”
คนที่เหนือกว่าพูดทิ้งไว้ก่อนจะเดินจากไปทำเอาคนที่ยังยืนอยู่มองด้วยความตะลึงแล้วหมุนตัวตามคิบอมไปให้เห็นกับตา แขนแกร่งที่โอบร่างบางไว้โดยที่เจ้าตัวไม่ดิ้นหรือโวยวายเหมือนทุกที ยกเว้นตอนที่ริมฝีปากหนากดลงที่ขมับของทงเฮนั่นแหละ เจ้าตัวถึงได้ดิ้นน้อยๆแล้วตีเข้าที่ไหล่ของอีกฝ่ายก่อนจะกินข้าวต่อ
ทำไมต้องเป็นมันที่ได้ทงเฮไป.....ทั้งๆที่ผมก็รักเขาไม่แพ้กัน
“คิบอมแหย่อะไรรุ่นพี่อีกล่ะ”
“ไม่ได้แหย่ ก็แค่พูดอะไรให้คิดนิดหน่อย แล้วกระดุมนี่ไม่ได้ต้องติดไว้ ให้เขาเห็นชัดๆว่ามีอะไร”
ระหว่างพูดมือหนาก็เอื้อมไปปลดกระดุมที่ติดไว้ออก แล้วแหวกกว้างๆให้เห็นรอยสีกุหลาบที่เขาทำไว้เมื่อสองวันก่อนทำเอาคนตรงหน้าเกิดอาการหน้าแดงแล้วดึงเสื้อขึ้นให้ปิดคอแต่ไม่ได้ติดกระดุมเหมือนเดิม
ส่วนคู่คยูมินก็กำลังนั่งแย่งลูกชิ้นกันในชามของคยูฮยอนอย่างเอาเป็นเอาตาย
“เค้าอยากกินอ่ะ ตัวใหญ่ให้ไม่ได้รึไง”
“โห่ตัวเล็ก ในชามของตัวเล็กมีตั้ง 6 ลูกแล้วนะ เมื่อกี้ตัวเล็กสั่งพิเศษลูกชิ้นไม่ใช่หรอ”
“ก็เพราะว่ามันอร่อยไงตัวเล็กถึงได้สั่ง นะๆ ตัวใหญ่ไม่รักตัวเล็กแล้วหรอ”
“ตัวเล็กขู่แบบนี้ตัวใหญ่จะไม่ยอมได้ไงอ่ะ”
คยูฮยอนบ่นนิดๆก่อนจะเลื่อนชามของตัวเองให้กับคนตัวเล็กที่ตั้งตารอคีบลูกชิ้นจากเขาในตอนนี้ เมื่อซองมินนับลูกชิ้นในชามเสร็จก็เงยหน้าขึ้นมามองหน้าเขาอย่างเคืองๆ จนคยูฮยอนต้องขมวดคิ้วด้วยความงงว่าทำไมคนตัวเล็กอย่างไม่พอใจ
“ทำไมเหลือ 2 ลูกล่ะ! ปกติได้ 3 ไม่ใช่หรอ”
“ก็ 3 ไงตัวเล็ก อ้าว-o-“
“ตัวใหญ่แอบกินไปใช่มั้ย! ไม่อยากให้เค้าก็ไม่เห็นต้องทำร้ายความรู้สึกเขาแบบนี้เลย! เค้ากะจะให้ครบ 9 ลูกแล้วอธิษฐานให้เรารักกันนานๆซะหน่อย ถ้างั้นก็เอาคืนไปเถอะ เค้าไม่เอาก็ได้”
ว่าจบมือเล็กก็ผลักชามอีกคนออกห่างก่อนจะเดินอ้อมไปนั่งข้างๆทงเฮแทน ทำเอาคนที่ถูกงอนมองตามด้วยความงุนงงแล้วเลื่อนสายตาไปมองคนข้างๆอย่างซีวอนที่มักจะชอบคีบอาหารในจานของคนอื่นไปโดยไม่บอกทุกครั้ง แถมครั้งนี้ยังจะเอื้อมไปคีบเนื้อหมูในจานของพี่อีทึกที่กำลังนั่งคุยกับคังอินอีกต่างหาก
“ไหนว่ากับข้าวโรงอาหารไม่ถูกปากไงวะไอ้ซีวอน!!”
“แค่กๆ เย็นไว้สิวะไอ้คยู แค่กๆ”
“คืนลูกชิ้นฉันมาเดี๋ยวนี้!!”
“ค่อกๆๆ แกอย่าเอานิ้ว แค่กๆ มากดลูกกระเดือกฉันสิวะ”
“บังอาจมาทำให้ที่รักฉันงอน! ไม่ฉันก็แกต้องตายกันไปข้างนึงแหละวะ!!!!”
_________________________________________________________________________________________
Talk จริงจังก่อนไป
ในที่สุดก็ปั่นเสร็จแล้ว กระแสตอนคังทึกไม่ได้รับการตอบรับเท่าที่ควร=o= จะไม่ลงสเปคู่นี้อีกแล้วTT
ที่ลงช้าก็เพราะว่าวุ่นวายกับยู ทงเฮกับคิบอมแต่งงานแล้วก๊ะ(วิบัติเพื่ออารมณ์ ขออนุญาตค่ะ)><
กว่าจะแต่งกันได้ คิบอมหลุดหลายรอบเหลือเกิน ทงเฮก็งอแงบอกงอนจะไม่แต่งแล้ว
55+ ตากี้เราก็งอนหายไปเลยเหมือนกัน ไม่ยอมออก จะตามไปจิกตัวถึงบ้านเลยคอยดู
ตอนนี้ไม่มีอะไรจะโฟ่วมาก= =เพราะตังค์อดไปงานมอร์เตอร์โชว์แบบเด็ดขาด
พ่อบอกว่า ไม่ได้ดูข่าวเรอะ! หน้ากระทรวงโดนไปอีกสองลูก(ระเบิด) แล้ววันเสาร์เขาจะปิดกรุงเทพ ไม่ให้ไป!!
แง๊TOT ตังค์อุตส่าห์นั่งซ้อมโปรเจคเหอะ! พ่อทำร้ายจิตใจตังค์มากมาย
ขอไปนั่งร้องไห้กระซิกกระแซกก่อนนะคะT^T
ปล้ำลิง(แก่) ตัวโตๆ เปลี่ยนนามปากกาแล้วจ้า^O^ เป็น ;;Octopus 13•
เม้าธ์
ตอนนี้ขึ้นด้วยเรื่องหวานๆของคิเฮ 55+ และก็ปิดช่วงนั้นด้วยคยูมินที่ใครหลายคนอยากให้ตากี้ถูกเมินเหลือเกิน แต่ตังค์ทำไม่ลง ฉะนั้นเอาอย่างนี้ไปก่อนละกัน
และคังทึกก็กลับมาอีกแล้ว=o=!!~ ว่าจะไม่ลงอยู่แล้วเชียว แต่พอดูในตอนปกติแล้วมันก็หายไปหลายตอนเหมือนกันอ่ะ เมนหลักยังไงก็คงคิเฮไว้ก่อน
แต่คังทึกน่ารักนะ><~ ตังค์เลยขอตั้งชื่อตอนนี้โดยใช้เมนของคังทึก หลายๆคนคงคิดว่าพี่ทึกเราเอนๆมาหาคังอินบ้างแล้วใช่มั้ย? ส่วนคำตอบคือ รอดูตอนต่อไปค่ะ 55+
และแล้วเราก็วนกลับมาคิเฮอีกรอบ โดยดึงยุนโฮเข้ามาอีกครั้งเพราะตังค์เห็นว่าหายหัวไปนานเหลือเกิน(เอิ๊กๆ)
สรุปแล้วคือ?? ยุนโฮรักทงเฮเหมือนกันหรอ??? นั่นคืออีกคำถามที่อาจจะเกิดขึ้นในหัวของใครหลายๆคน
ส่วนตังค์ก็ตอบได้ว่า รอหาคำตอบในตอนต่อๆไปและสเปที่กำลังคิดอยู่ค่ะ^^
และตอนนี้ก็จบด้วยเรื่องน่ารักๆของคยูมินและตัวสร้างความร้าวฉานอย่างซีวอน(ก๊าก)
เจอกันตอนต่อไปค่ะ^^~
ซีเรียสนิดนึง
ตังค์กำลังคิดๆ= = ว่าถ้าเรื่องนี้มันจบจริงๆ จะทำออกมาเป็นเล่มขายดีมั้ย?
เพราะเมื่อวานตังค์ไปโอนเงินเกี่ยวกับฟิคที่จะซื้อ พี่ตังค์ก็ไปโอนด้วย แล้วก็ถามว่า เขียนอยู่ไม่ใช่หรอ? ไม่คิดจะทำรึไง?
เท่านั้นแหละตังค์ก็เลยคิดขึ้นมาเลยว่าเราควรจะทำดีมั้ย? ทำแล้วจะได้รับความสนใจมากรึเปล่า?
แต่คิดไปคิดมา คือมันยุ่งยากมากกกกก เห็นพี่ๆหลายคนทำแล้วก็วุ่นวายกันหลายตลบ
แต่พี่ตังค์ก็บอกขึ้นมาเหมือนจะรู้ว่า เดี๋ยวนี้โรงพิมพ์มันหาง่าย ก็ลองถามคนอ่านดูก่อนละกันแล้วค่อยมาคิด
ฉะนั้นตังค์เข้าเรื่องเลยละกัน- -(แล้วที่พล่ามมาเพื่อ?)
คิดว่ายังไงคะถ้าตังค์จะทำออกมาเป็นเล่ม เพราะตังค์เองก็จริงจังกับฟิคเรื่องนี้เหมือนกันนะ-O-
จะมีรีดเดอร์คนไหนสนใจรึเปล่า??
ประกาศ ::;;
ลงแล้วนะคะบทนำของ project ที่ร่วมทำกับเพื่อน
จิ้มได้เลยค่ะ
Project So Love
บอกตรงๆว่าตังค์เองก็เบื่อกับพวกนักอ่านเงามากแล้วนะ
คือที่รู้นี่ก็เพราะ view กับ comment ในแต่ละตอนมันแตกต่างกันเยอะมาก เป็นหลายร้อยเลยแหละ
มันเป็นกับทุกเรื่อง ตังค์รู้ตังค์เข้าใจ......แต่ก็ยังเชื่อว่ามีคนอ่านแล้วไม่เม้นต์จริงๆเพียงเพราะไม่ถูกใจ
ฉะนั้น ตังค์จะขอพูดในตอนนี้เป็นตอนสุดท้าย แล้วตอนอื่นๆตังค์จะไม่พูดอีกแล้วเพราะเชื่อว่ารีดเดอร์เองก็คงเบื่อเหมือนกัน
อย่าทำตัวเป็นนักอ่านเงา ตังค์ไม่ชอบ ตังค์เชื่อเองว่าคนอื่นๆก็คงไม่ชอบเหมือนกัน
จิตสำนึกและความเห็นอกเห็นใจกันนั่นแหละมันถึงจะเป็นตัวเตือนให้ทำอย่างนี้
ถ้าหากว่าเป็นไรเตอร์เหมือนกันก็คงจะเข้าใจว่าเวลาเขาอ่านแล้วไม่เม้นต์มันรู้สึกยังไง
ตังค์ก็รุ้สึกอย่างนั้นในตอนนี้แหละค่ะ
ความคิดเห็น