คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : [fs] หยดน้ำตา ;; kibum x donghae feat. siwon
Title ;; หยดน้ำตา
Couple ;; kibum x donghae feat. siwon
Rate ;; PG15+
Talk ;; อยากแต่งฟิคซอง-.- อันนี้แต่งไว้นานมากแล้วเหมือนกัน อารมณ์ตอนนั้นคือชอบเพลงนี้มาก แค่นั้นจบ 555
อย่าปล่อยให้ฉันนับหยดน้ำตา
อย่างนี้อีกเลยได้ไหม
“คิบอม!! กินไหม? ฉันซื้อมาฝาก” เสียงเรียกชื่อผมดังขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มสดใสที่ปรากฎขึ้นมา ผมลุกขึ้นยืนช้าๆก่อนจะส่งยิ้มคืนให้บ้าง ของในมือนั้นคืออมยิ้มอันเล็กที่ดูแล้วยังไงก็น่าจะของล่อเด็ก ถึงแม้ว่ามันจะเป็นอย่างนั้นก็ตาม ผมยังคงรับมันมาแล้วเลียมันช้าๆ ร่างเล็กตรงหน้าอมยิ้มน้อยๆแล้วเอื้อมมือมาลูบหัวผมเบาๆ
“นายนี่มันเด็กจริงๆเลยนะ”
“คนที่ซื้อมาให้ผมนั่นแหละครับ เด็กกว่า”
“ฉันแก่กว่านายตั้งสองปีนะ!”
“คงต้องไปเพิ่มความสูงอีกเยอะเลยละฮะฮยอง” ใบหน้าหวานนั่นมู่ทู่เล็กน้อยก่อนจะเลียอมยิ้มในมืออีกอันในมือของตัวเอง ร่างบางทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นหญ้าแล้วหันมามองผมเป็นเชิงว่าให้นั่งลงข้างๆ ผมที่ไม่สามารถขัดคำสั่งได้จึงทิ้งตัวลงนั่งพร้อมกับเป็นหมอนให้กับ อีทงเฮ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นบรรยากาศเงียบสงบ ร่างเล็กขยับตัวดุ๊กดิ๊กไปมาบนตักผมเพราะพลิกตัวหาโทรศัพท์ เมื่อดวงตาคู่สวยจ้องมองบนหน้าจอแล้วเผยรอยยิ้มกว้างน่ามอง
หากแต่ว่ามองแล้วปวดใจ.......
“ฮัลโหลซีวอน! ฉันนอนอยู่น่ะ...ริมแม่น้ำฮัน......อือ บรรยากาศดีมากเลย อยากให้นายมาด้วยจัง”
เสียงหวานๆที่ดังเจื้อยแจ้วอยู่ที่ตักของผม ถึงแม้ว่ามันจะหวานขนาดไหน หากแต่ไม่ได้ใช้กับผมแล้ว มันคล้ายจะเป็นเสียงแหลมๆที่เสียดแก้วหูและบาดลึกลงไปในหัวใจ ผมรู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังฝืนยิ้มมากขนาดไหน เพราะไม่อยากจะให้ความเจ็บปวดในหัวใจมาทำให้รอยยิ้มสวยๆบนใบหน้าหายไป
“.....อยู่กับใครน่ะหรอ” ดวงตาคู่สวยเงยขึ้นมองผมพลางพึมพำเบาๆ ตัวผมเองก็ได้แต่หวังว่าเขาจะพูดออกไปว่าอยู่กับผม แต่ก็ต้องตื่นขึ้นมาจากความฝัน เมื่อเรียวปากบางนั่นขยับช้าๆ
“อยู่คนเดียวน่ะ......อือ นายจะให้ฉันมากับใครล่ะ?”
หยดแรกที่ไหล เพราะเห็นเธอมีเจ้าของ
“ไม่หรอก ใครเขาจะว่างมากับฉันตลอดเวลา.....อืม เคลียร์งานเสร็จแล้วก็รีบๆมานะ ฉันคิดถึง”
ส่วนหยดที่สอง เกิดจากได้เป็นเพียงคนคั่นเวลา
ไม่นานนักนิ้วเรียวก็กดวางสาย ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองทำหน้าปูเลี่ยนขนาดไหน จนกระทั่งดวงตาคู่สวยมองมายังผมแล้วทำแววตากระอั่กกระอ่วนนั่นแหละผมถึงได้เปลี่ยนมุมมองไปยังที่อื่นแทนที่จะเป็นใบหน้าหวานๆ
ใบหน้าที่ไม่ได้เป็นของผม.........
“คิบอม.....โกรธหรอ?”
“เปล่าครับ”
“ถ้าไม่ได้โกรธก็ก้มลงมามองหน้าฉันหน่อยสิ”
“วิวสวยดีนะครับ ถ้ามากับคนรักผมว่าบรรยากาศคงจะดีมากแน่ๆเลย”
“คิบอม......”
“ลมเย็นๆแบบนี้ ผมว่าเหมาะกับการมาเดทจริงๆนะ ยังไงก็ตามอย่าลืมพาซีวอนมาด้วยนะครับ”
“ฉันขอโทษ” ไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้วที่ผมมักจะได้ยินคำนี้ออกมาจากเรียวปากบางนั่น แรงสั่นน้อยๆที่มาจากตักของผมทำเอาใจอ่อนระทวยทุกทีอย่างห้ามไม่ได้ ผมลูบเรือนผมนุ่มนั่นเบาๆแล้วก้มลงไปจูบเบาๆที่หน้าผากสวย ก่อนจะเลื่อนไปซับน้ำตาช้าๆที่ไหลมาจากหางตาก่อนจะห้ามใจตัวเองไม่ให้ก้มลงไปต่ำกว่านั้น
“ฉันรักนาย รักนายจริงๆคิบอม”
ไม่รู้หยดไหน จะสะกิดใจให้เธอรู้ว่า
มีใครแล้วไม่ควรมาให้ความหวังอีกคน
ผมถอดรองเท้าไว้ที่หน้าบ้านก่อนจะพาร่างที่เกือบจะหมดเรี่ยวแรงของตัวเองเข้าบ้านไป พี่ชายของผมชะเง้อคอออกมาจากห้องนั่งเล่นแล้วกวักมือให้เข้าไปหา เหลือบมองเล็กน้อยพอเป็นพิธีก็ค่อยเดินเข้าไปทั้งๆที่ไม่เต็มใจนัก
“สามทุ่ม.....ไปไหนมาน่ะ-*- ซะมืดเลยนะ”
“ไปส่งพี่ทงเฮมา บอกให้อยู่เป็นเพื่อนแปปนึง ซีวอนมาแล้วก็กลับ”
“อีกแล้วนะนายเนี่ย จะเป็นคนดีไปถึงไหน ทนเป็นตัวสำรองไปวันๆ มีความสุขนักรึไง”
ผมไม่ตอบอะไรทำเพียงแต่ส่งยิ้มเหนื่อยล้าไปให้ พี่ฮีชอลดึงผมเข้าไปกอดแล้วโยกตัวช้าๆ ความอบอุ่นที่ได้รับทำเอาผมแทบจะร้องไห้ออกมาแต่ศักดิ์ศรียังคงค้ำคอผมจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยให้หัวใจที่เหนื่อยล้าได้พักผ่อนเอาแรงในอ้อมกอดของพี่ชายของผม
ถ้าวันนั้น เขาไม่เดินเข้ามาแล้วยื่นมือให้ผมในตอนที่ล้ม
ผมคงจะไม่ต้องเหนื่อยมากขนาดนี้
ถ้าวันนั้น ผมรู้ว่าการยื่นมือออกไปเพื่อรับความช่วยเหลือมันจะทำให้ผมต้องทนทุกข์ทรมานขนาดนี้
ผมคงเลือกที่จะยืนด้วยขาของตัวเองเสียมากกว่า
“คิบอม....การจะเป็นตัวสำรองน่ะทำได้ แต่มันต้องทำให้พอดี ไม่มากจนตัวเองต้องเหนื่อย และไม่น้อยจนปล่อยอีกคนไปแล้วคว้ากลับมาอีกไม่ได้”
“ครับพี่.....ผมอยากจะทำให้ได้แบบนั้น แต่รู้มั้ย อะไรที่ทำให้ผมยอมอยู่อย่างนี้”
“???”
“เพราะผมรัก....ทงเฮ”
ผม...คิมคิบอม เป็นเพียงพนักงานบริษัทคนหนึ่งที่ไม่มีอะไรมากมายนัก ตระกูลของผมไมได้เป็นที่โด่งดังหรือโจษจันไปทั่วหากแต่ก็พอรู้จักกันประปรายในฐานะที่พ่อของผมเป็นนักกฎหมายที่พอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง ผมมีพี่ชายหนึ่งคนคือพี่คิมฮีชอล หน้าตาละม้ายคล้ายผู้หญิงหากแต่เจ้าตัวชอบบอกว่าแมนร้อยเต็มร้อย แต่ชุดนอนสีชมพูนั่นทำเอาผมเชื่อไม่ลงเลยจริงๆ
เรื่องอีกเรื่องหนึ่งที่ผมยังไม่ได้บอกกับทุกคนก็คือ.......
ผมรักคนมีเจ้าของที่มีชื่อว่า อีทงเฮ
ผมเจอกับพี่ทงเฮในวันที่หัวใจของผมกำลังย่ำแย่สุดขีด พ่อไม่พอใจกับการเลือกเรียนวิศวะและบอกให้ผมไปสอบใหม่เพื่อจะได้เรียนแพทย์ตามที่เขาหวัง ผมหนีออกมาจากบ้านเพื่อที่ว่าจะได้เลือกชีวิตของตัวเอง จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่ป้ายรถเมล์เพราะล้าไปทั้งกายและใจ มีผู้ชายตัวเล็กๆคนหนึ่งเดินเข้ามาหาผมพร้อมกับยิ้มและยื่นมือมาให้ ประโยควันนั้นผมยังจำได้ดี ว่าเขาพูดอะไร
‘ไปกับฉันมั้ย? ไปเลือกอยู่ในที่ที่เป็นของตัวเอง’
ผมใช้ชีวิตอยู่กับพี่เขาได้ซักพักพี่ฮีชอลก็โทรมาบอกว่าพ่อยอมให้ผมเรียนต่อไปตามเดิม แต่เมื่อจบแล้วจะให้ระยะเวลาในการทำงานของตัวเองสี่ปี แล้วจะต้องไปเรียนต่อที่อเมริกาตามที่พ่อหวังไว้ ตอนแรกผมก็ทำท่าเหมือนจะไม่ยอม หากแต่เรียวปากบางขยับออกมาเป็นรอยยิ้มหวานพลางเอ่ยออกมาเป็นคำพูดว่า.......
‘ไปเถอะคิบอม....อย่างน้อยนายก็จะได้ไม่ต้องส่งเสียตัวเองเรียนทำงานลำบากงกๆเงิ่นๆแบบนี้ นายจะเรียนได้อย่างเต็มที่ เมื่อวันนั้น...วันที่นายเรียนจบ นายจะต้องกลับมาหาพี่นะ แล้วบอกกับพี่ดังๆด้วยว่าสามารถเลี้ยงพี่ได้แล้ว พี่จะรอนายอยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน’
แล้วไหนล่ะครับ?? ที่ว่าจะรอผมน่ะ???
“นั่น....คิบอมไม่ใช่หรอ?”
เสียงทุ้มๆที่ดังขึ้นมาไม่ใกล้ไม่ไกลนักทำเอาผมต้องเหลียวหันมองเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเป็นใครก็หายใจติดขัดเล็กน้อยพลางส่งรอยยิ้มบางๆโค้งตัวเพื่อทักทายเมื่อพบว่าเป็นเจ้านายของผม
ชเวซีวอนที่เดินมาพร้อมอีทงเฮ
“ไม่ค่อยได้เห็นหน้าเลยแฮะ ยังขยันทำงานอยู่ใช่มั้ย?”
“ผมคงไม่กล้าอู้งานหรอกครับ” แม้ว่าจะพูดจาติดตลกหากแต่หัวใจของผมกำลังบีบรัดตัวเองช้าๆเมื่อจ้องมองไปยังแขนของเจ้านายที่มีแขนคนตัวเล็กคล้องไว้อยู่ ผมละสายตาจากตรงนั้นมาก่อนจะเอ่ยอีกซักสองสามประโยคแล้วทำท่าจะเดินออกมาจากตรงนั้น
เพราะผมทนมองไม่ไหวแล้วจริงๆ
“เดี๋ยวก่อนสิคิบอม...ว่างอยู่ใช่ไหม?”
“....ครับ ว่างครับ”
“ถ้างั้นไปกินข้าวกันหน่อยนะ ฉันกำลังจะพาทงเฮไปกินอยู่พอดีเลย ฉันเลี้ยงเอง”
แล้วพนักงานอย่างผม จะมีสิทธิ์ปฏิเสธได้อย่างนั้นหรอ?
ผมเลือกที่จะนั่งลงตรงข้ามกับร่างสูงของซีวอนแทนที่จะเป็นคนตัวเล็กของเจ้านาย เพราะไม่แน่ใจว่าจะสามารถทนกับอาการ ‘เกือบ’ จะไม่ใส่ใจของตรงหน้าได้หรือเปล่า ทงเฮขยับตัวไปใกล้ซีวอนจนแทบจะนั่งตักกันได้เพราะปากของเจ้าตัวพร่ำบอกอยู่แต่ว่า ‘จะดูเมนูด้วย’ คล้ายจะเหมือนโดนคนตัวโตแกล้ง เลยยื้อยุดเมนูกันอยู่อย่างนั้นจนผมได้แต่นั่งมองรายการอาหารไปเรื่อย
เมื่อสั่งอาหารเสร็จ ทั้งสองคนก็เริ่มจะส่งเสียงง้องแง้งใส่กันอีกครั้ง เหมือนจะทะเลาะกันหากแต่ว่ารอยยิ้มที่ระบายอยู่เต็มใบหน้าของคนทั้งคู่ต่างหากที่ทำให้รู้ว่าส่งเสียงไปงั้นๆ
“ขอตัวไปเข้าห้องน้ำซักครู่นะครับ”
รู้ว่าการที่ทำแบบนี้มันเสียมารยาทหากแต่ว่าหัวใจของผมทนไม่ได้อีกต่อไป เจ้านายมองผมอย่างงงๆแล้วพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต ผมไม่มองแม้แต่โครงหน้าหวานที่กำลังทอดสายตามายังผมเช่นกัน เมื่อมาหยุดอยู่หน้ากระจกได้ที่ต้องล้างหน้าอยู่หลายๆที่เพื่อกลบเกลื่อนรอยน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมา
“คิบอม......” เสียงหวานดังแผ่วเบาอยู่ด้านข้างหู ผมเลยเงยหน้าขึ้นมาจากอ่างก่อนจะส่งยิ้มเล็กๆให้กับคนทีเดินเข้ามา ร่างบางแตะเข้าที่แขนเบาๆผมจึงส่งมือออกไปปัดอย่างไม่ตั้งใจ รู้เพียงแต่ว่าตอนนี้หัวใจของผมเจ็บเกินไป.....
“ฉันขอโทษ”
กี่ครั้งแล้วที่ผมได้ยินคำนี้กับเรื่องเดิมๆ
เจ็บปวดซ้ำๆกี่ครั้ง ช้ำกี่หน
หรือว่ามันไม่พอให้เธอสงสาร
“ฉันรักนายนะคิบอม”
อย่าปล่อยให้ฉันนับหยดน้ำตา อย่างนี้อีกเลยได้ไหม?
ไปกุมมือเขาแล้วทิ้งให้ฉันตัดใจ
ผมดันร่างเล็กติดฝาผนังห้องน้ำก่อนจะทาบริมฝีปากลงไปด้วยความอดกลั้น ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมจูบกับเขา แต่แน่นอนว่าครั้งนี้แฝงไปด้วยอารมณ์แห่งความผิดหวังมากกว่าครั้งไหนๆ ดูเหมือนว่าคนตัวเล็กในอ้อมกอดจะดูตกใจเล็กน้อยแต่ทว่าเจ้าตัวก็ตอบสนองกับการกระทำพลางยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของผมด้วย ผมเพิ่มแรงบดขยี้ริมฝีปากบางๆนั่นด้วยความน้อยใจ ลากไล้ลงมาหยุดอยู่ที่บริเวณลำคอขาวอยากจะทำรอยแดงขบเม้มไว้ให้อีกคนได้รู้ว่าร่างเล็กนี่ไม่ได้มีเพียงคนเดียว หากแต่ยังมีผมอีกคนที่มาก่อนเขา!!
“ไม่....คิบอม ตรงนั้นไม่ได้”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นผมจึงปลดกระดุมสองเม็ดบนของทงเฮแล้วสร้างรอยรักไว้ที่เนินอกสองสามรอย เสียงครางแผ่วๆทำผมต้องสะกัดอารมณ์เอาไว้ไม่ให้มันเดือดพล่านมากไปกว่านี้ ผมถอยห่างจากร่างเล็กที่ดูเหมือนจะคล้ายกับยาเสพติด เมื่อได้ลิ้มลองแล้วยากจะถอนตัวหากแต่อันตรายเกินไป ผมเท้าผนังไว้แล้วก้มหน้าซบลงบนบ่าเล็กๆนั่นเพื่อหาที่พักพิง
“ผมรักพี่.....ทงเฮ พี่ก็รู้”
“พี่รู้......พี่รู้คิบอม”
“แล้วทำไม ทำไมพี่ถึงทำกับผมแบบนี้ ไหนพี่บอกว่าพี่จะรอผม ทำไมพี่ไม่รอ”
“............”
“ผมขอโทษฮะ ผมไม่ควรจะทำให้พี่ลำบากใจ” ผมผละถอยห่างร่างเล็กนั่นเมื่อรู้ว่าการที่ตัวเองทำแบบนี้มันโคตรจะงี่เง่า หากแต่แรงตวัดกอดจากทางด้านหลังแล้วเสียงอู้อี้ๆที่ดังขึ้น ผมเลยหยุดเดินแล้วตั้งใจฟัง
“ฉันไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง แต่ให้เวลาฉันหน่อยได้ไหม? ฉันรักนาย แต่ฉันก็รักซีวอน ฉันขอโทษ”
จะต้องให้ฉันนับหยดน้ำตา...เหนื่อยล้าอีกนานแค่ไหน
ผ้าเช็ดหน้ามันเปียกน้ำตา อีกไม่ไหวแล้วเธอ
“คิบอม....”
“ครับทงเฮ”
“เหนื่อยมั้ย? หลบๆซ่อนๆอยู่แบบนี้ เหนื่อยมั้ยคิบอม?”
เธอเห็นบ้างไหม ร้องไห้จนแทบหมดแรง
“แล้วทงเฮล่ะ เหนื่อยมั้ย กับการที่ต้องปิดบังซีวอนเพื่อที่จะคบกับเด็กอย่างผม”
ร่างบางไม่ตอบแต่กลับเหม่อมองไปยังด้านหน้า ไม่ยอมรับแต่ก็ไม่ปฏิเสธแสดงว่าเจ้าตัวก็คงเหนื่อยบ้างเหมือนกัน ผมทำเพียงระบายยิ้มบางแล้วลุกขึ้นยืน เลือกที่จะเดินหนีอีกครั้งแต่ทว่ามือบางกลับรั้งผมไว้เสียก่อน “อย่าไปนะคิบอม..อย่าไป”
ได้ยินแบบนั้นก็ใจอ่อนยวบยาบ หมุนตัวกลับไปนั่งข้างๆคนตัวเล็กนั่นอีกครั้ง อีทงเฮพิงศรีษะลงที่บ่าของผมแล้วหลับตาลง เห็นแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่หันริมฝีปากไปประทับที่หน้าผากนวล พลันสายตาเหลือบไปเห็นแหวนเงินเกลี้ยงเกลาถูกสวมอยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของอีกคนผมก็ต้องหลับตาลงแล้วลืมตาใหม่ขึ้นมาอีกครั้งได้แต่ภาวนาให้ภาพที่เห็นเป็นเพียงสิ่งลวงตา แต่ท่าทางพระเจ้าคงจะใจร้าย เพราะเมื่อผมลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง แหวนนั่นไม่ได้หายไป
“แหวนนั่น....”
“หืม? แหวนนี่...” คนตัวบางร้องครางเบาๆก่อนจะยกมันขึ้นมาแล้วถอดออกเก็บลงในกระเป๋าเสื้อราวกับไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญ “ของซีวอนใช่มั้ยครับ”
“อืม”
หยดก่อนไม่ทันแห้ง เธอก็แกล้งให้มีหยดต่อไป
“แหวนนั่น..สวยดีนะครับพี่ทงเฮ”
“ฉันรักนายนะคิบอม ฉันรักนาย ฉันรักนาย ไม่ว่าตอนนี้ฉันจะคบกับใครฉันก็ยังรักนาย”
หยุดพูดว่ารัก ขณะที่เธอยังเป็นของใคร
“รอฉันได้มั้ย....ฉันขอนายแค่อย่างเดียว รอฉันนะคิบอม”
ต้องรออีกหรือ รอนานกว่านี้มันคงขาดใจ
“คิบอม...พอเถอะ” เสียงของพี่ชายดังขึ้นพลังจากทีผมเดินเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางอ่อนระโหยโรยแรง น้ำเสียงนั่นไม่ได้ขอร้องหากแต่เป็นการบังคับให้ผมหยุดทำในสิ่งที่ไม่ควรเสียที พอได้ยินแบบนั้นผมก็หันไปมองไม่หือไม่อือแล้วทำท่าจะเดินขึ้นห้องหากแต่ร่างโปร่งบางนั่นกลับมาขวางไว้เสียก่อน
“ซีวอนกับทงเฮหมั้นกันแล้วนายเห็นมั้ย ข่าวออกใหญ่โตเสียขนาดนี้ นายยังจะทำแบบนี้อีกหรอคิบอม”
“หมั้น....อ่อ....” ได้ยินคำว่าหมั้นใจผมก็กระตุกวูบก่อนจะหวนนึกไปถึงแหวนที่ประดับอยู่บนนิ้วเรียวของพี่ทงเฮ ริมฝีปากของผมแสยะยิ้ม แล้วเหลือบไปเห็นหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่บนโต๊ะ
‘สุดโรแมนติก ชเวซีวอนให้ของหมั้นกับแฟนนหนุ่มหน้าหวาน......’
แบบนี้เองสินะ.....
เจ็บปวดซ้ำซ้ำกี่ครั้ง ช้ำกี่หน
หรือว่ามันไม่พอให้เธอสงสาร
“ผมควรจะหยุดหรอพี่ฮีชอล....”
“....คิบอม”
“ทำไมต้องเป็นผมที่ถอยในเมื่อผมมาก่อนเขา เพราะผมเด็ก? เพราะผมไม่ดัง? เพราะผมไม่รวย? ทงเฮเลยไม่เลือกผมใช่มั้ย?”
“............”
“ทำไม....ทำไมต้องเป็นผม”
อย่าปล่อยให้ฉันนับหยดน้ำตา อย่างนี้อีกเลยได้ไหม
ไปกุมมือเขา แล้วทิ้งให้ฉันตัดใจ
จะต้องให้ฉันนับหยดน้ำตา เหนื่อยล้าอีกนานแค่ไหน
ผ้าเช็ดหน้ามันเปียกน้ำตา อีกไม่ไหวแล้วเธอ
TBC
โฟ่วส่งท้าย ll
ฟิคอีนี่.....มึนอีกแล้ว=.= #ชูสองนิ้ว #ภูมิใจมาก #โดนรีดเดอร์ตบ
ถ้าเป็นเรื่องต่อไป ควรจะเป็นเพลงอะไรดี? ฉันหวงฉันมาทวงของฉันคืน ฉันไม่เคยแย่งของคนอื่นนนน #เลียนแบบปาน #โดนรีดเดอร์ตบอีกที
บ่อมบ๊อม(?)แมนอะ ฮรึกกก หล่อโคตรอะ ฮรึกกกกก
จริงๆก็อยากจะต่อให้ยาวกว่านี้ แต่มองๆแล้ว พอแล้วล่ะ เดี๋ยวจะยืดเยื้อ ไม่งามหรอก-.- รีดเดอร์ช่วยหาเพลงที่จะต่อตอนต่อไปให้ก็ดีนะ 555 เผื่อจะสนุก(?)
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์ค่าาาาาา :)
ด
CRY.q
ความคิดเห็น