ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ` [exo]▻Twilight◅ {chanbaek} 。

    ลำดับตอนที่ #9 : -8-

    • อัปเดตล่าสุด 3 ก.พ. 57


    Supercell







    หงุดหงิดผู้ใดมากะเจ้าาาา





    -8-

    ชานยอลมารับผมที่บ้านเพื่อไปโรงเรียนด้วยกัน

    ผมลงจากรถคันสวยที่ไม่ได้เห็นมานาน ปาร์คชานยอลหันมาส่งยิ้มให้ผมอย่างที่ชอบทำเป็นประจำแล้วเอาแขนซ้อนกันบนหลังคารถ สายตาของเขากำลังจ้องมาทางนี้ “หน้าตาคุณดูมีความสุข”

    “หน้าตาของนายดูมีความสุขมากกว่าฉันอีก”

    ผมชี้ไปที่เขาก่อนที่ชานยอลจะหัวเราะออกมา มีคนเดินผ่านไปก่อนที่ชานยอลจะค่อยๆหันกลับมามองผมอีกครั้งด้วยสายตาที่ติดจะไม่เข้าใจนิดหน่อย เขาเดินมาหาผม จับมือเอาไว้ก่อนที่เราจะเดินเข้าโรงเรียนด้วยกัน ผมหันไปมองเขาที่เดินด้วยสีหน้านิ่งๆ

    “เป็นอะไรรึเปล่า?”

    “.....ผมได้ยินอะไรที่ไม่ดีนิดหน่อยจากความคิดของเขา”

    “ปกตินายไม่เก็บความคิดของคนอื่นมาใส่นี่”

    “เขาบอกว่าคุณกำลังจะจับปลาสองมือ” ชานยอลหยุดเดินและหันมามองผมด้วยสายตาที่ไม่สามารถเดาได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ผมคิดว่าเด็กคนนั้นต้องหมายถึงจงอินไม่ผิดแน่ ผมเอื้อมมือไปวางทาบลงบนใบหน้าหล่อ ความเย็นของเขามันทำให้ผมสบายใจ

    “เชื่อใจฉันมั้ยชานยอล”

    “ผมเชื่อคุณเสมอ แบคฮยอน แต่ผมไม่ชอบที่เขาคิดกับคุณแบบนั้น”

    “นั่นมันไม่ได้สำคัญเลย แค่นายเชื่อฉันแค่นั้นก็พอแล้ว”

    ชานยอลยิ้มออกมาหน่อยๆก่อนที่เราจะจับมือกันอีกครั้งแล้วเดินไปยังห้องเรียน นักเรียนหลายคนให้ความสนใจกับชานยอลที่กลับมาเรียนในรอบสองอาทิตย์ แน่นอนว่าพวกเขาคงแปลกใจที่พวกเรายังอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม ผมเปิดประตูเข้าไปในห้อง โต๊ะของชานยอลไม่มีคนนั่งอีกแล้ว จงอินถูกย้ายไปนั่งข้างจงแด ผมยิ้มให้เขาที่นั่งอยู่ตรงนั้น คิมจงอินทำหน้าตึงนิดหน่อย

    “นายหายไปจนกระแสของจงอินกับแบคฮยอนมาแรงกว่าแล้วนะ”

    “ฮ่ะ แบคฮยอนเพิ่งจะตอบตกลงเป็นแฟนผมเมื่อวันศุกร์นี้ กระแสนั่นคงต้องดับแล้ว”

    “ไม่เบาน้าชานยอล ไม่เบาเลย”

    เป็นจงแดที่แซวก่อนที่เขาจะผิวปาก เพื่อนในห้องต่างก็ให้ความสนใจ ผมทำหน้าย่นเมื่อชานยอลบอกคนอื่นไปแบบนั้น ผมหันไปมองจงอินเขาหายไปจากตรงนั้นแล้ว ด้วยความแปลกใจผมจึงเดินออกไปหน้าห้อง เห็นเขายืนอยู่ตรงนั้น กำลังทำหน้าหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด

    “หวัดดี” ผมเอ่ยปากทักเบาๆ เขาหันมามองผมก่อนจะถอนหายใจ ร่างสูงยืดตัวขึ้นเล็กน้อยและหันกลับไปทางเดิม ผมเดินไปหยุดอยู่ข้างๆเขา

    “ชานยอลกลับมาแล้ว”

    “ช่าย ผมคงต้องกลายเป็นหมาหัวเน่า”

    “มันไม่ใช่แบบนั้นซักหน่อย”

    “เห็นได้ชัด เสาร์อาทิตย์คุณไม่แม้แต่จะโทรมา”

    “โอเค เอาเป็นว่าขอโทษ” ผมขอโทษแบบไม่ต้องคิด คิมจงอินหัวเราะหยันๆในลำคอก่อนที่จะหันกลับมาหาผมอีกครั้ง มือใหญ่เอื้อมมาจับไหล่ผมไว้ เขาบีบมันเบาๆ “ผมขอเตือนนะแบคฮยอน เลิกกับเขาซะ”

    “เราเพิ่งจะคบกันเองนะ”

    “คุณกับเขาไม่เหมือนกัน”

    “ฉันกับชานยอลรักกันแล้วมีอะไรที่ไม่เหมือน” ผมส่งสายตากร้าว จงอินบีบไหล่ผมแรงขึ้นแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมเจ็บเท่ากับคำพูดของเขาเมื่อซักครู่ ใช่...ผมกับชานยอลไม่เหมือนกัน เขาเป็นแวมไพร์ ผมเป็นแค่มนุษย์ แต่นั่นมันก็แค่ในตอนนี้ เขาอาจจะพูดโดยที่ไม่คิดอะไร แต่คำพูดของเขามันทำร้ายผม

    “นายไม่รู้อะไรก็อย่าพูดดีกว่าจงอิน”

    “ผมแค่เตือนคุณด้วยความหวังดี อีกไม่นานเขาจะทิ้งคุณไป

    “นายไม่มีสิทธิ์มาตัดสินเรื่องนี้! นายก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของฉันอีกแล้ว!

    ผมปัดมือของเขาทิ้งก่อนจะถอยออกมา จงอินไม่ได้สำนึกผิดว่าเขากำลังทำผิด ผมสูดลมหายใจเข้าลึกพยายามระงับอารมณ์โกรธ ชานยอลเดินออกมา ดีว่าไม่มีคนอื่นๆเดินออกมา เขายืนจ้องตากับจงอินซักพักแล้วเอามือมาประคองผมเอาไว้

    “เข้าห้องเถอะแบคฮยอน ผมคิดว่าอีกซักพักครูคงจะมา”

    “แกคิดว่าจะอยู่ข้างแบคฮยอนได้อีกนานเท่าไหร่”

    “มันไม่ใช่ธุระอะไรของนายจริงมั้ย?”

    “แบคฮยอน พ่อคุณต้องไม่ชอบใจแน่”

    “อย่ามายุ่งเรื่องส่วนตัวของฉันจงอิน นี่เป็นเรื่องของฉันฉันจัดการเองได้ ถ้าหากนายล้ำเส้นมาอีกก้าวเดียว ฉันจะไม่มองหน้านายอีก”

    “แบคฮยอน”

    “ฉันพูดจริง” ผมยืนพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ จงอินมองผมด้วยสายตาที่ผิดหวัง เขาเดินเข้าไปในห้องกระแทกไหล่ของชานยอลไป ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะเงยหน้าขึ้นเพื่อระงับอารมณ์โกรธ ชานยอลวางมือลงบนไหล่ผมบีบเบาๆเพื่อให้กำลังใจ

    “อย่าคิดมากเลยครับ เดี๋ยวรอเขาอารมณ์ดีแล้วค่อยไปคุยก็ได้”

    “ไม่....ฉันจะไม่คุยกับเขาอีกแล้ว”

     

    การสอบปลายภาคมาเยือนในไม่ช้า ผมคิดว่าครั้งนี้ผมทำมันได้ดีเพราะเนื้อหาพวกนี้ผมเคยเรียนมาแล้ว แต่ถ้าเป็นเทอมหน้าผมคงต้องพยายามให้มากกว่านี้ จงแดบ่นอุบอิบยามเดินออกมาจากห้องสอบ เขาถกแขนเสื้อตัวเองให้ดูก่อนจะพบว่ามีแต่สูตรเคมีเต็มไปหมด เหตุผลเดียวที่ทำให้จงแดอารมณ์เสียได้มากคือเคมีออกแต่บรรยาย ไม่มีคำนวณซักข้อ

    “เซฮุนบอกว่าถ้าคุณไปเขาจะจัดปาร์ตี้แก้ตัวเมื่อคราวที่แล้ว คุณจะไปมั้ยครับ”

    “ไม่ดีกว่า ฉันว่าจะกลับบ้าน คิดว่าจะปาร์ตี้ฉลองสอบเสร็จกับพ่อ” ชานยอลทำหน้าเหมือนจะเสียใจนิดหน่อย ระหว่างที่เรากำลังเดินไปที่รถเขาก็เอ่ยปากชวนไปปาร์ตี้อีกครั้งเพราะวันนี้เป็นวันสอบเสร็จวันสุดท้าย ผมตั้งใจจะกลับไปฉลองกับพ่อ ตั้งแต่เข้าเทศกาลการสอบปลายภาคผมแทบจะไม่ได้ทำกับข้าวให้เขาทานเลยเป็นเวลาเกือบสองอาทิตย์

    หลังจากวันนั้นผมก็ไม่ได้คุยกับจงอิน เขาโกรธผมและผมเองก็โกรธเขา แม้แต่มองหน้ากันก็แทบจะไม่ได้ทำด้วยซ้ำ

    “ผมอยากไปส่งคุณจัง” ชานยอลเกาะอยู่ที่ประตูรถ เขาทำหน้าละห้อยเหมือนลูกสุนัขที่ถูกทิ้ง ผมหัวเราะออกมาน้อยๆก่อนจะส่งยิ้มให้เขา “ฉันต้องเอารถกลับบ้านน่า”

    “เดี๋ยวผมให้เซฮุนขับรถไปคืนคุณที่บ้าน”

    “ไม่เอาน่า นายใช้งานน้องเยอะไปแล้วนะ เซฮุนทำให้นายทุกอย่างเลย”

    เขาไม่ปฏิเสธและไม่ได้รู้สึกผิดที่ใช้งานเซฮุนเยอะเกินไป ผมดีดหน้าผากเขาหนึ่งที เมื่อได้ยินเสียงร้องผมก็เบะปาก

    “ผมคิดว่าผมเจ็บแหละ”

    “ฉันกลับแล้วนะชานยอล ฝากขอโทษเซฮุนด้วย”

    “ระวังเขาจะขอไปร่วมปาร์ตี้กับคุณด้วย”

    “เอาสิ”

    ผมบอกลาชานยอล เขาผละออกไปอย่างอ้อยอิ่ง และในที่สุดก็ยอมปล่อยผมให้กลับบ้าน กำชับว่าให้ขับรถดีๆ ชานยอลเคยพูดว่าเขาจะเอารถที่เขาใช้อยู่ให้ผมขับเพราะกลัวว่าไอ้เจ้ารถแก่ๆคันนี้มันจะทำอันตรายให้ ถึงแม้ว่าผมจะชอบรถของเขาก็เถอะ แต่มันก็ไม่ถูกต้องถ้าผมจะเอารถของเขามาขับ ระหว่างกลับบ้าน ผมฮัมเพลงที่เปิดคลอไปบนรถอย่างอารมณ์ดีพลางคิดถึงเมนูไก่ตุ๋นโสมของโปรดพ่อ ตั้งใจว่าจะทำให้ทาน เขาคงไม่ได้กินอะไรดีๆมานานแล้ว

    ใช้เวลาพอสมควรผมก็จอดไอ้แก่คู่ใจไว้ที่หน้าบ้าน เปิดประตูอย่างง่ายดายโดยไม่ต้องใช้กุญแจแสดงว่าพ่อของผมกลับมาแล้ว หากแต่พอย่ำเข้าไปในบ้าน สภาพที่เรียกได้ว่าค่อนข้างแย่ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ บ้านของผมถูกรื้อ ข้าวของกระจัดกระจายเต็มไปหมด บนโต๊ะรับแขกมีกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่งวางไว้ ผมค่อยๆหยิบมันขึ้นมาอ่านด้วยความระมัดระวัง และได้แต่ภาวนาว่านั่นเป็นสิ่งที่พ่อเขียนถึงผม

    ฉันมารับพ่อของแกไปแล้ว

    จองจีฮุน

    ผมหยุดหายใจเมื่ออ่านข้อความนั้นจบ สูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อตั้งสติ พยายามคิดให้ออกว่าเมื่อเช้าพ่อได้บอกผมไหมว่าจะไปที่ไหนรึเปล่า แต่ก็ไร้วี่แวว ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตั้งใจว่าจะโทรหาชานยอลเพื่อให้เขาช่วย แต่กลับมีสายเข้ามาเสียก่อน

    พ่อ! ขอบคุณพระเจ้า! พ่อของผมโทรมา

    “พ่ออยู่ไหนน่ะ?”

    [ขอโทษทีนะที่ฉันไม่ใช่พ่อของแก]

    “จีฮุน......”

    [ดีจังที่ยังจำกันได้นะที่รัก]

    “แกทำอะไรพ่อฉัน”

    [อืม....นั่นสิ จะทำอะไรดี หักแขน หักขา แล้วค่อยกินเลือดของเขาดีมั้ย? อา...ข้อเสนอนี้ยอดเยี่ยมสุดๆ]

    “อย่านะ!!” ผมร้องตะโกนออกไป มือไม้สั่นเมื่อนึกถึงพ่อที่อาจจะกำลังสลบอยู่ แน่นอนว่าพ่อผมไม่มีทางสู้แรงของแวมไพร์ได้อยู่แล้วถึงแม้ว่าก่อนที่พ่อจะเป็นตำรวจจะต้องฝึกหนักมากขนาดไหนก็ตาม ตอนนี้ผมกำลังพยายามตั้งสติ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ หาข้อต่อรอง

    “อย่าทำอะไรพ่อ”

    [จริงๆแล้วฉันก็ไม่ชอบซักเท่าไหร่หรอกนะ เลือดของมันไม่เหมือนแก แย่จริงๆ ทำให้ฉันอารมณ์เสียนิดหน่อย ฆ่าทิ้งซะตอนนี้เลยดีมั้ยนะ?]

    “จีฮุน!!

    [รู้ใช่มั้ยว่าจะต้องทำยังไง]ผมนิ่งไปเมื่อนึกถึงสิ่งที่ตัวเองจะต้องทำ จีฮุนยังคงถือสายรออย่างใจเย็น

    “ที่ไหน”

    [อย่างนี้สิถึงจะพูดกันได้ง่ายๆหน่อย ที่ตึกร้างหน้าถนนc]

    “ฉันจะไป”

    [อย่าคิดจะบอกชานยอลสุดที่รักของแกเชียวล่ะ ไม่อย่างนั้น สิ่งที่จะได้เจอคือซากของพ่อแก เข้าใจไหมแบคฮยอน]

    ผมรับคำอีกทีก่อนจะวางสายแล้วหมุนตัวออกจากบ้านเพื่อไปขึ้นรถทันที ผมนั่งนิ่งๆอยู่ในนั้นซักพักเพื่อทบทวนสถานการณ์ในตอนนี้ ผมควรจะบอกชานยอลหรือไม่?

    การที่มันใช้โทรศัพท์พ่อของผมโทรมาได้ คงเป็นเรื่องที่แน่แล้วว่าพ่อผมกำลังอยู่ในอันตราย

    ชีวิตของคนที่ผมรัก ผมไม่กล้าให้ใครต้องเสี่ยง

    รวมถึงชานยอลด้วย

    ผมใช้เวลาซักพักกว่าจะมาถึงที่ถนน C เพราะยังไม่เคยขับออกนอกเส้นทางระหว่างบ้านไปโรงเรียนหรือซุปเปอร์มาร์เก็ต ผมลงจากรถพลางสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่แล้วปิดประตู มองไปรอบๆก่อนจะพบว่ามันเป็นตึกร้างที่ไม่ได้ถูกใช้งานมานานหลายปี ฝนเริ่มตกลงมายามผมก้าวเข้าไปในตึก บรรยากาศมืดสลัวทำเอาผมต้องยกแขนขึ้นกอดตัวเองหน่อยๆ

    ผมกดโทรศัพท์ของตัวเองโทรหาพ่ออีกครั้ง ไม่นานนักผมก็ได้ยินเสียงมันดังมาจากที่ไหนซักแห่ง อะไรบางอย่างในตัวสั่งให้ผมวิ่งตามหาเหมือนกับคนบ้า ผมเปิดห้องนั้นปิดห้องนี้ เหมือนเสียงมันดังอยู่รอบๆตัวผมจนทำอะไรไม่ถูก ผมวิ่งมาหยุดที่ชั้นบนสุด เปิดประตูเข้าไปก่อนที่เสียงโทรศัพท์จะดับลง สิ่งที่เห็นคือ โทรศัพท์ของพ่อวางอยู่บนโซฟา

    ผมมองไปรอบๆ มีเฟอร์นิเจอร์วางอยู่ไว้เหมือนกับว่ามีคนอยู่ ผมเดินเข้าไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ก่อนจะมองไปรอบห้องอีกครั้ง พ่อไม่ได้อยู่ที่นี่

    แต่ก่อนที่ผมจะได้ก้าวออกไปจากห้อง ประตูก็ปิดลงพร้อมๆกับร่างของคนที่ผมไม่คุ้นเคยแต่จำมันได้ดี จองจีฮุนมองผมก่อนจะแสยะยิ้ม ผมก้าวถอยหลังไปโดยอัตโนมัติ

    “พ่อฉันอยู่ไหน?”

    “หืม? พ่อของแกหรอ ไม่รู้สิJ

    “พ่อของฉันอยู่ที่ไหนจีฮุน!

    “เอาสิ โกรธอีก ตะคอกออกมาอีก ไม่รู้ใช่ไหมว่าตอนที่แกกำลังโกรธเนี่ยแหละเลือดจะรสชาติดีที่สุด”

    ผมพยายามข่มใจตัวเองเอาไว้เมื่ออีกฝ่ายยังคงเลี่ยงที่จะตอบคำถาม เอาแต่ยั่วเย้าให้ผมโกรธมากขึ้น ผมเดินไปทั่วห้องหาพ่อที่อาจจะถูกซ่อนไว้ตรงไหนซักที่ แน่นอนว่าผมผลักข้าวของทิ้งอย่างไม่ไยดี เสียงฟ้าร้องด้านนอกไม่ได้ทำให้ผมกลัวอีกต่อไปแล้ว สิ่งที่ผมกำลังกลัวตอนนี้คือพ่อผมอาจจะเป็นอะไรไป เขาอาจจะทำร้ายพ่อของผมไปแล้ว

    จีฮุนไม่ทำอะไรมากไปกว่ายืนมองด้วยแววตาที่ยากเกินจะเดา ผมเจอกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่งซึ่งจำได้ว่าเป็นลายมือของพ่อถูกพับไว้และเขียนว่า ถึงแบคฮยอน ผมรีบเปิดออกมาอ่านทันที

    วันนี้พ่อมีนัดดูเบสบอลนัดสุดท้ายที่บ้านของจูวอน

    อาจจะกลับพรุ่งนี้ อย่าลืมล็อคประตูบ้านนะลูกรัก

    พ่อ

    ผมหลับตาลง เฝ้าแต่ขอบคุณพระเจ้าที่พ่อผมไม่ได้เป็นอะไร

    “ไม่คุ้มคลั่งแล้วหรือไง น่าเสียดายนะ”

    “แกหลอกฉัน”ผมหันไปจ้องเขาพลางกัดฟันกรอด

    “ไม่ได้บอกให้เชื่อในสิ่งที่ฉันพูดซักหน่อย จริงมั้ย”

    รอยยิ้มกวนประสาทถูกส่งมายังผมที่ยืนอยู่ริมหน้าต่าง ถึงแม้จะโกรธแต่ก็โล่งใจ อย่างน้อยพ่อก็ปลอดภัยแล้ว พ่อจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับอันตรายอะไรนี่ ผมจ้องเขาพลางเชิดหน้าขึ้น ทำตัวไม่หวาดหวั่นกับอันตรายที่กำลังเผชิญ จีฮุนแสยะยิ้ม เขาหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ

    “จะตายอยู่แล้วยังทำหน้าถือดีอยู่อีก”

    เขาเข้ามาประชิดตัวอย่างรวดเร็ว มือใหญ่บีบเข้าที่กรามของผม ลมหายใจรินรดอยู่บนใบหน้าทำให้ผมรู้สึกขยะแขยง เห็นเขี้ยวที่จ่อไม่ห่างตาผมก็นึกหวั่น บางทีนี่อาจจะเป็นชะตาของผมก็ได้ คนเราเกิดมาบนโลกล้วนมีเหตุผล และระยะเวลาในการอยู่ของเราก็มีเหตุผลเช่นกัน บางทีเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ของผมอาจจะไม่มีอีกแล้ว

    ไม่.....ผมยังมีเหตุผลอีกมากมายที่จะอยู่ต่อ

    ผลั่ก!!

    ผมใช้แรงเฮือกสุดท้ายผลักคนที่กำลังคุกคามผมอยู่ออกไปทันที แน่นอนว่าจีฮุนเซออกไป ตัวของเขาชนกับตู้เสื้อผ้าที่อยู่ไม่ห่าง ร่างสูงสบถออกมาในขณะที่ผมก็หันไปหยิบแจกันมาถือเป็นอุปกรณ์ป้องกันตัว เมื่อมันเข้ามาใกล้อีกครั้งผมก็ฟาดแจกันลงไปทันที ระหว่างที่กำลังเผลอ ผมวิ่งไปที่ประตูเพื่อจะออกจากห้อง จองจีฮุนเร็วกว่า เขาผลักผมกระแทกกับกำแพงอาการเจ็บแล่นไปตามกระดูกสันหลัง ผมทำหน้าเบี้ยวเมื่อเล็บของเขาจิกลงที่ต้นคอ

    “ดี! ดิ้นเข้าไป ขัดขืนให้มากๆ!

    “ปล่อย!

    “ได้ ได้” เขาพูดก่อนจะยิ้มออกมา หมอนั่นเหวี่ยงร่างของผมไปตรงบันได ผมเกาะแขนของเขาไว้แน่นและจิกเล็บลงไป ให้ตายสิ เขากำลังจะปล่อยผมลงไปใช่มั้ย?

    “ฉันยังพอจะมีทางเลือกให้แก ฉันจะปล่อยแกลงไปถ้ากระเสือกกระสนหนีออกไปได้ฉันจะไว้ชีวิตแก หรืออยากจะตายแบบสบายๆ?”

    ผมไม่ตอบคำถามแต่งับแขนเขาทันที เท่านั้นร่างของผมก็ถูกปล่อยจากชั้นสาม ผมกลิ้งลงไปตามบันได แน่นอนว่าหัวของผมฟาดพื้นและระหว่างที่กำลังกลิ้งเหมือนแขนผมหักนิดหน่อย ผมนอนแน่นิ่งอยู่ที่ชั้นลอย หอบหายใจน้อยๆก่อนจะค่อยๆยันตัวเองขึ้นมา ผมเห็นจองจีฮุนยืนอยู่บนชั้นสาม เขากำลังสูดลมหายใจเข้าลึกเมื่อเลือดของผมค่อยๆไหลออกมาจากหางคิ้วและศีรษะ

    เนื่องจากขาผมยังไม่เป็นอะไรมากนัก จึงลุกขึ้นยืนและพยายามจะหนี จากตอนแรกที่จีฮุนยืนอยู่ที่ชั้นสาม เขามาขวางหน้าผมไว้ก่อนจะเหวี่ยงผมให้ตกบันไดอีกครั้งลงไปอยู่ที่ชั้นสอง ในตอนนี้ผมเป็นเหมือนกับตุ๊กตาที่ถูกเหวี่ยงไปเหวี่ยงมา แน่นอนว่าผมเจ็บ แต่ผมจำเป็นจะต้องกระเสือกกระสนเพื่อวิ่งหนี ชีวิตผมยังหยุดอยู่แค่นี้ไม่ได้ ผมยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่ไม่ได้ทำ

    “ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ไม่ปล่อยแกไปดีกว่า”

    ก่อนที่ผมจะได้ลุกขึ้นยืน  จองจีฮุนมาหยุดอยู่ที่ตรงหน้า เขาเหยียบขาของผมและออกแรงกดลงไป ผมร้องออกมาเมื่อกระดูกข้อเท้าของผมถูกทำร้าย เขาทิ้งตัวลงมานั่งข้างๆ ผมหอบหายใจรวยรินเมื่อถูกกระทำมากเกินไป ผมเจ็บ...ผมอยากร้องออกมาว่าผมเจ็บแทบบ้า แต่อะไรบางอย่างก็บอกผมว่าถ้าร้องออกไป สีหน้าของเขาจะต้องมีความสุขมากขึ้นแน่

    จีฮุนปาดเลือดจากใบหน้าของผมออกไป ผมเห็นภาพตรงหน้าค่อนข้างเลือนราง เห็นว่าเขากำลังสูดดมมันและค่อยๆใช้ลิ้นแตะลงที่นิ้วของตัวเอง ผมเห็นเขาทำท่าเหมือนจะคลั่ง ดวงตาคู่นั้นเปลี่ยนเป็นสีแดงพร้อมจะล่าเหยื่อ มือใหญ่ล็อคคอของผม เขาบีบมันไว้และในตอนนั้นเองก็แยกเขี้ยว

    ใบหน้าของชานยอลกลับเข้ามาหาผมอีกครั้ง ผมหลับตาลงและนึกถึงเขา

    ไม่นานนักคมเขี้ยวก็ฝังลงมาที่คอ ผมร้องออกมาความเจ็บมันมากมายกว่าตอนที่เขาทำขาของผมหักเสียอีก ภาพเมื่อเดือนก่อนย้อนกลับเข้ามาอีกครั้ง ราวกับเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิม ผมดิ้น และพยายามจะดันร่างของอีกคนให้ถอยห่าง ผมรู้เลยว่าตอนนี้เลือดของผมกำลังถูกสูบออกไป ร่างกายของผมร้อนเหมือนโดนไฟเผา สิ่งที่ทำได้คือดิ้นไปมาอย่างทุรนทุราย

    “แบคฮยอน!!!!

     

    Park Chanyeol

    1 hour ago

    “ชานยอลหน้าเหี่ยว”

    “เซฮุน”

    “ก็แค่แบคฮยอนรักพ่อมากกว่า ทำไมพี่ต้องหน้าเหี่ยว”

    “เซฮุน....”

    “แบคฮยอนก็แค่อยากจะใช้เวลากับพ่อในวันสอบเสร็จมากกว่าพี่ ทำไมต้องหน้าเหี่ยว”

    “แหย่พี่เขาเข้าไปนะเซฮุน”

    คุณหมอปาร์ค หรือปาร์คจองซูเดินเข้ามาก่อนจะอมยิ้มเมื่อเห็นผมและเซฮุนกำลังล้อกันเล่นอยู่กลางบ้าน น้องคนเล็กโอเซฮุนฉีกยิ้มกว้างแล้วสวมกอดเข้าที่เอวของคนเป็นพ่อเพื่อต้อนรับกลับบ้านคุณหมอก้มลงจูบหน้าผากของคนขี้อ้อนเสียหนึ่งทีแล้วมาหาผม

    “แล้วเป็นอะไรไปล่ะหื้อชานยอล”

    “ชานยอลแค่อารมณ์ไม่ดีที่แบคฮยอนไม่มาบ้านครับพ่อ เหตุผลเข้าท่าสุดๆเลยใช่ไหม?”

    “ให้ตายสิ อยู่กับนายนี่มันน่าหงุดหงิดจริงๆ”

    ผมลุกขึ้นยืนเมื่อโดนแหย่ไม่เลิก เสียงหัวเราะดังขึ้นเบาๆ ก่อนที่จะเดินหนีเสียงหัวเราะก็หยุดไป ผมเห็นภาพอะไรบางอย่างที่เข้ามาในความคิด หันไปมองโอเซฮุนที่สายตาว่างเปล่ายามเห็นภาพในอนาคตผมก็มองหน้าของคนเป็นพ่อ  ผมเห็นภาพนั้น...รถของแบคฮยอนจอดอยู่ที่บ้าน ซักพักมันก็จอดอยู่ที่ไหนซักแห่ง และแน่นอนว่าผมเห็น เห็นจองจีฮุนอยู่แถวนั้น

    “แบคฮยอน!

    “ใจเย็นก่อนชานยอล! นายก็รู้ว่ามันเป็นแค่เรื่องในอนาคต อย่าเพิ่งวู่วาม”

    ร่างโปร่งของคนเป็นน้องรีบดึงแขนไว้ ผมสบถออกมาเบาๆก่อนจะตั้งสติให้มั่น หันไปหาพ่อที่ทำหน้าเครียด ผมไม่อยากจะพูดอะไรให้มากมายนัก ส่งสัญญาณให้เซฮุนเป็นคนบอก

    “แบคฮยอนกลับบ้านไป....แล้วเขาก็ออกไปที่ไหนซักที่ ผมเห็นจีฮุนอยู่ที่นั่น”

    “ถ้าอย่างนั้นเราไปดูที่บ้านของแบคฮยอนก่อน ลูกต้องใจเย็นๆนะชานยอล พอจะไปบอกเทาให้ตามหาตัวจีฮุน เข้าใจที่พูดใช่ไหม? อย่าเพิ่งตีโพยตีพาย บางทีภาพอนาคตของเซฮุนก็มีเรื่องที่ผิดพลาด”

    ผมพยักหน้ารับ จริงอย่างที่พ่อบอก...หลายครั้งที่เซฮุนเห็นอนาคตหลายๆอย่างที่เกี่ยวกับแบคฮยอนผิดพลาดไป ถึงจะเห็นอะไรทำนองนี้หลายหนแต่มันก็ทำให้ผมร้อนรนได้ทุกที ผมขึ้นรถโดยมีโอเซฮุนนั่งข้างๆ ใช้เวลาไม่นานมากก็มาถึงบ้านหลังเล็กที่ผลัดกันมาบ่อยในช่วงนี้ ผมก้าวลงจากรถไปอย่างรีบร้อน

    “แบคฮยอน! คุณอยู่รึเปล่า แบคฮยอน!

    ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา ผมรีบเปิดประตูเข้าไปในบ้าน สภาพที่กระจัดกระจายทำเอารู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ ผมหลับตาลงพลางกำมือตัวเองแน่น โอเซฮุนเดินตามลงมา ทำเพียงตกใจกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า “ชานยอล..”

    “แบคฮยอน! คุณอยู่ข้างบนใช่มั้ย? แบคฮยอน!

    หลังจากที่ตะโกนก็เริ่มวิ่งขึ้นไปข้างบน ในห้องนอนของแบคฮยอนไม่ต่างอะไรจากข้างล่าง ลูกรื้อค้นจนเละไปหมด เซฮุนวิ่งตามขึ้นมา เอาเศษกระดาษแผ่นนึงยัดลงบนมือใหญ่ ผมรีบเอามาอ่านอย่างรีบร้อน เมื่อเห็นโน้ตสั้นๆก็แทบคลั่ง

    ฉันมารับพ่อของแกไปแล้ว

    จองจีฮุน

    จองจีฮุนคิดจะลองดีกับผม!!

    ความจริงแล้วผมไม่คิดจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับใครเพราะพ่อค่อนข้างเป็นคนเรียบง่ายและรักสงบ จึงไม่แปลกที่พวกเราจะมีมิตรมากกว่าศัตรู กับจองจีฮุนเองผมเคยได้ยินพ่อเล่ามาว่าเคยทำงานร่วมกันอยู่พักหนึ่งแล้วเขาก็หายไป เพราะอย่างนั้นตอนที่เจอกันผมจึงจำเป็นต้องมีมารยาท ยังไงก็เพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของพ่อ แต่หลังจากที่โดนบุกรุกบ้านในครั้งนั้นผมก็พูดคุยกับพ่อตรงๆว่าจะไม่ปล่อยให้จีฮุนรอดไปอีกหากราวีกัน

    “บอกคริสตามหาพ่อของแบคฮยอน ให้เทาตามหาตัวจีฮุน ส่วนนายไปกับพี่”

    โอเซฮุนพยักหน้ารับ และกลับขึ้นไปบนรถอีกครั้ง การตามหาคนในเมืองไม่ใช่เรื่องยาก สิ่งที่เห็นคือตึกร้างซึ่งในเมืองนี้มีเต็มไปหมด ผมร้อนใจ ร้อนใจมากกว่าครั้งแรกที่เขาโดนทำร้ายเสียอีก

    เพราะตอนนี้ผมรักเขาไปแล้ว

    ผมอยู่ไม่ได้แน่ถ้าหากไม่มีแบคฮยอน

    พิสูจน์ได้จากตอนที่ผมหนีเขาไป เพียงแค่นั้นผมก็ทนไม่ไหวผิดสัญญาที่ให้ไว้กลับตัวเองและย้อนกลับมาทำร้ายคนที่ผมรักอีกครั้ง

    เพราะผม....แบคฮยอนถึงได้เดือดร้อน

    ใช้เวลาพอสมควรคริสโทรมาหาเซฮุน เขาบอกว่าพ่อของแบคฮยอนอยู่ที่บ้านของเพื่อนและปลอดภัยไม่มีอันตราย ผมโล่งอกขึ้นมาเปราะหนึ่ง เมื่อได้ยินอย่างนั้น แต่ก็ยิ่งร้อนใจแบคฮยอนถูกหลอก ตอนนี้เขาอยู่ไหนแล้วก็ไม่รู้

    “ชานยอล ไม่ว่าพี่จะคิดอะไรอยู่ แต่แบคฮยอนไม่ได้เดือดร้อนเพราะพี่”

    “นายไม่รู้อะไรหรอกเซฮุน”

    “แบคฮยอนไม่ใช่คนที่โทษคนอื่น และถ้าหากพี่คิดแบบนั้น เขาเสียใจแน่”

    โอเซฮุนขู่ผม แน่นอนว่ามันได้ผล ผมเลิกคิดโทษตัวเองและตั้งหน้าตั้งตาตามหาแบคฮยอนต่อไป ไม่นานนักผมก็มาถึงที่ถนน C เทาโทรมาหาเซฮุนเมื่อผมเห็นรถของแบคฮยอน ผมรีบวิ่งรถจากรถไม่รอฟังอะไรทั้งนั้น วิ่งเข้าออกตึกนั้นตึกนี้เหมือนคนบ้า ผมเสียเวลามามากเกินไปแล้ว ผมรู้ว่าทุกอย่างกำลังจะสายตั้งแต่ผมไปถึงที่บ้านแล้วไม่เจอแบคฮยอน ถ้าหากตอนนี้ผมยังช้า เขาอาจจะจากผมไปจริงๆ

    ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ไม่ปล่อยแกไปดีกว่า

    ผมหันขวับไปทางต้นเสียงที่ดังมา ผมได้ยินมันในความคิดของผม ความเร็วของเราแม้จะไม่ได้มีมากมายแต่ก็มากกว่ามนุษย์ทั่วไป ผมถีบประตูและวิ่งเข้าไป พ่อตามมาติดๆคาดว่าน่าจะเป็นเซฮุนที่โทรไปหา กลิ่นเลือดของแบคฮยอนโชยมาผมวิ่งขึ้นไปยังชั้นสอง ภาพที่เห็นทำผมคลั่งทันที

    “แบคฮยอน!!!!

    ผมผลักจองจีฮุนที่กำลังกัดคอของคนรักตัวเล็ก เสียงร้องครวญและน้ำตาของเขาทำให้ผมขาดสติ ผมเข้าไปประคองเขาไว้

    “แบคฮยอน คุณได้ยินผมไหมแบคฮยอน”

    “แก!” จองจีฮุนพุ่งเข้าหาผมเมื่อตั้งตัวได้ เห็นแบบนั้นผมถึงค่อยๆวางแบคฮยอนที่กำลังดิ้นทุรนทุรายลงบนพื้นแล้วกระแทกเขาไปอีกรอบไม่รอให้มันได้ตั้งตัวผมก็บีบคอของเขา แต่แน่นอนว่าจีฮุนเป็นนักรบเก่า เขาค่อนข้างแข็งแรง เขาบิดแขนผมให้หมุนตัวกลับไปอีกทางก่อนจะกระแทกผมเข้ากับกำแพง

    “สองครั้งแล้วนะชานยอล! แกขัดฉันเป็นรอบที่สองแล้ว!!

    “ผมบอกคุณแล้วว่าอย่ายุ่งกับแบคฮยอน!!

    ผมเบียดตัวกลับไป กระแทกเขาเข้ากับกำแพงอีกฝั่ง ระหว่างที่จีฮุนล้มลงไปผมหันกลับไปมองแบคฮยอน ร่างเล็กๆกำลังดิ้นทุรนทุรายเพราะพิษของคมเขี้ยว พ่อของผมนั่งอยู่ตรงนั้น และดูเหมือนว่าผมจะให้ความสนใจกับแบคฮยอนมากเกินไปหน่อยจีฮุนลุกขึ้นมาเตะขาผมให้ล้มลงไป

    “มันก็แค่อาหารชานยอล อาหารที่ฉันควรจะได้กิน!

    “แบคฮยอนเป็นคนรักของผม!

    “งั้นน่าเสียดายที่คนรักของแกต้องกลายเป็นอาหารของฉัน”

    คำพูดเหล่านั้นทำให้ผมโกรธ จากที่คิดว่าจะแค่สั่งสอนให้เขาหลาบจำแต่ในตอนนี้คงต้องฆ่าเขาให้ตาย ผมถีบกลางลำตัวของคนที่คร่อมผมอยู่ให้ออกไป ลุกขึ้นไปเหยียบขาของเขา ออกแรงกดลงไปแรงๆ ผมได้ยินเสียงกระดูกหักและจีฮุนกำลังร้องโวยวาย ผมกระชากตัวเขาขึ้นมา แยกเขี้ยวที่เคยใช้ฆ่าสิ่งมีชีวิตมาแล้วหลายตัว

    และขาก็กำลังจะเป็นรายต่อไป

    “ผมเคยคิดว่าผมจะไม่ฆ่าคุณ จีฮุน”

    “แกฆ่าฉันไม่ได้ชานยอล! พ่อแกไม่ยอมแน่!!

    “พ่อจะไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของผม และเขาเคารพการตัดสินใจของผม”

    ".......อึ้ก”

    “ถ้าแบคฮยอนเป็นอะไรไป ผมสาบานว่าครอบครัวของคุณอยู่ไม่สุขแน่จองจีฮุน!

    ผมคำรามประกาศลั่นด้วยน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของแวมไพร์ก่อนจะฝังเขี้ยวลงที่คอของเขา พลางจับร่างสูงใหญ่ให้ลุกขึ้นมา ผมฉีกร่างของเขาให้แยก เสียงร้องครวญครางดังลั่นตึก ผมทิ้งซากของเขาลงบนพื้น เดินหาไฟแช็คที่วางอยู่แถวๆนั้นเผาชิ้นส่วนเหล่านั้นทิ้งทันที

    “ถ้าไม่รีบทำอะไรซักอย่าง แบคฮยอนเปลี่ยนแน่ชานยอล”

    “พ่อ....ช่วยแบคฮยอนด้วย ได้โปรดยืดเวลาของความเป็นคนของเขาออกไป ผมยังไม่อยากให้เขาเปลี่ยนตอนนี้”

    “ถ้าอย่างนั้นต้องเอาพิษออก ชานยอล....ชานยอล”

    กลิ่นเลือดของแบคฮยอน ยอมรับเลยว่ามันหอมหวาน ผมรู้สึกตาลาย เมื่อครู่ผมใช้พลังงานไปเยอะ เลือดของพวกสัตว์ที่ผมเพิ่งไปล่ามาเมื่ออาทิตย์ก่อนมันไม่เพียงพอ แน่นอนว่ามันไม่เคยอิ่มอยู่แล้ว พ่อจับแขนของผมไว้พลางเรียกสติ

    “มีสติหน่อยชานยอล นั่นแบคฮยอน”

    “ผม.....พ่อต้องเอาพิษออกให้เขา”

    “เข้าใจแล้ว ถ้ายังคุมสติไม่ได้แบบนี้พ่อจะทำเอง” ผมถอยออกมาและมองพ่อฝังเขี้ยวลงไปยังตำแหน่งเดิม แบคฮยอนดิ้นอีกครั้ง น้ำตาของเขาไหลทำให้ผมรู้สึกปวดหัวใจอย่างบอกไม่ถูก แบคฮยอนจิกมือของตัวเองแน่น ผมรีบเอามือของตัวเองไปกุมมือของเขาไว้ ตัวของแบคฮยอนร้อนไม่ต่างจากไฟ

    ผมไม่อยากให้เขาเปลี่ยนตอนนี้ แบคฮยอนยังไม่ได้เตรียมตัว แม้ว่าตอนที่ผมจะเปลี่ยนผมจะไม่ได้เตรียมตัว แต่สภาพของผมในตอนนั้นหากไม่เปลี่ยนผมต้องตายอย่างเดียว

    แต่แบคฮยอนไม่ใช่....เขายังมีทางให้เลือกอีกมากมาย ชีวิตของเขาจะต้องไม่จบลงเพราะผม

    “ชานยอล.....ชานยอล เจ็บ! ไม่!!!!

    “แบคฮยอน” ผมครางชื่อของเขาออกมาเบาๆ แบคฮยอนดิ้นอีกครั้งก่อนที่เขาจะแน่นิ่ง ผมใจหายาบหันไปมองหน้าพ่อที่กำลังถอยห่างจากแบคฮยอน ไม่เห็นความกังวลบนใบหน้าของอีกฝ่ายผมก็โล่งใจ ดึงตัวแบคฮยอนขึ้นมากอดพลางจูบลงบนหน้าผากของเขา แม้จะมีเลือดติดอยู่ผมก็ไม่หวั่นไหวอีกต่อไป

    ผมจะเข้มแข็งขึ้น....เพื่อปกป้องแบคฮยอน



     



    Talk -8-
    กลับมาแล้นนนนนนนนนน
    สอบเสร็จเรียบร้อยจย้า......
    ตอนนี้เหมือนจะตื่นเต้น....?
    ตอนแต่งคือป่วงๆในอารมณ์อย่าถือสา
    พรี่จงอินยังแซ่บได้กว่านี้ แต่นางจะหายไป
    เป็นตัวละครที่ค่าตัวแพง อย่ามาบ่อย(?)
    กะลังจะแป่วยได้ที่ คุกคิกคัก(?)โอเคปล่อยไป
    #ฟิคทไวไลท์
    เม้นได้ไรต์ไม่กัดนะบอกเลยยยยย
    รักคนอ่านครัช

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×