ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF,,,SUJU {all couple} wonkyu , kihae , ...x teuk , etc.

    ลำดับตอนที่ #8 : [sf] friend? part 2 end ;; kangin x leeteuk feat,jessica , seohyun , heechul

    • อัปเดตล่าสุด 13 เม.ย. 55





    Title :; Friend?

    Couple :; Kangin X Leeteuk

    Rate :; PG13+

    Talk :; เรื่องนี้พยายามจะทำให้เศร้าแล้ว แต่มันก็ได้เท่านี้;____; แต่งไว้เมื่อปีที่แล้ว จำได้ 555 ตินปิดเทอมนี่ล่ะ ย้ายจากบทความอันก่อนมาลงที่นี่นะคะ > <





    ผมว่าตัวเองต้องบ้าไปแล้วแน่เลยที่สารภาพออกไปแบบนั้น ถึงแม้ว่าผมจะร้องไห้หนักมากก็ตามในตอนนั้น แต่คังอินไม่สามารถเห็นมันได้เพราะสายฝนชะน้ำตาของผมให้ไหลรวมกันหมด จนถึงตอนนี้น้ำตาของผมก็ยังคงไหลไม่หยุดเพราะสายตาสับสนปนด้วยความสมเพชของเจ้าตัวยังคงติดอยู่ในหัวของผมอยู่ตลอดเวลา

     มันดูน่าสมเพชมากเลยใช่มั้ยคังอิน?

    นายคงจะเลิกคบกับฉันแล้วใช่มั้ย?

    ผมลุกขึ้นมานั่งบนเตียงก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ที่ตรงกระจกเพื่อมองสภาพของตัวเองให้เต็มตา ดวงตาที่ใครต่อใครในคณะบอกว่าหวานเสียจนน่าดึงดูดตอนนี้แดงก่ำไปหมดจนน่ากลัว ถุงใต้ตาก็บวมเป่งเพราะแรงขยี้ หลังจากที่ผมเอ่ยคำขอโทษออกไป เขาหันหลังให้ผมทันทีก่อนจะเดินขึ้นรถไป จนถึงตอนนั้นผมเพิ่งเห็นว่าบนรถคนนั้นยังมีใครอีกคนนั่งอยู่

    คนคนนั้นจะเป็นใครได้ถ้าไม่ใช่ เจสสิก้า

    ระหว่างผมกับเขาคงจะเป็นไปไม่ได้ เพราะอย่างนั้น ควรจะตัดใจเสียทีใช่มั้ย??

     

    ไม่อยากเป็นคนอารมณ์อ่อนไหว

    ที่ไปรักใครง่ายดายเหลือเกิน

    ที่ไปรักเธอไม่ทันจะรู้ตัว

    "อีทึก วันนี้คังอินไปไหนซะล่ะไม่เห็นเลย"

    ฮีชอลเพื่อนอีกคนหนึ่งที่ไม่สนิทเท่ามากกับคังอินเดินเข้ามาทักผมก่อนจะนั่งลงข้างๆ ผมหันหน้าหนีแล้วฟุบลงกับโต๊ะอย่างหมดแรง จริงๆแล้ววันนี้ผมไม่ควรมาเรียนเพราะมันเหนื่อยล้าเหลือเกิน แต่ทว่าเพราะมีเทสต์ผมเลยจำเป็นต้องหอบหิ้วสังขารออกมา เหมือนเพื่อนหน้าสวยจะจับผิดได้เจ้าตัวเลยเดินมาอีกฝั่งแล้วจ้องหน้าผม

    "เป็นอะไรอีทึกเฮ้~ตาของนายนี่ดูไม่ได้เลยนะ"

    "อือ ฉันรู้ๆ อย่าทักมันเลยนะ ฉันรู้สึกอุบาทว์ตัวเองเหลือเกิน"

    "นายคงไม่ได้ทะเลาะกับคังอินใช่มั้ย?"

    ผมนิ่งเงียบไม่ยอมพูดอะไรออกไปทำท่าเหมือนว่าจะหลับ ฮีชอลถอนหายใจเบาๆก่อนที่จะขยี้หัวผมแรงๆแล้วไม่เซ้าซี้อะไรต่อ น้ำตาของผมเหมือนจะไหลออกมาแต่ทว่ามีเพียงแค่ความแสบร้อนแผ่วๆอยู่บริเวณจมูกเท่านั้น น้ำตาคงจะไหลหมดจนไม่เหลือสำหรับวันนี้

    อย่างน้อย.....ทะเลาะกันซะหน่อยก็ยังดีกว่าเงียบแบบนี้ล่ะนะ

    "พี่อีทึกคะ!!!!" เสียงเรียกดังลั่นหากแต่ว่าผมกลับไม่รู้สึกอะไรแม้แต่น้อยจนกระทั่งมีใครซักคนวิ่งเข้ามาหาผม สายตาเหลือบไปมองน้อยๆเมื่อพบว่าเป็นซอฮยอนผมก็ฝืนยิ้มออกมาแห้งๆแล้วลูบหัวเธอเบาๆ

    "มีอะไรหรอรึเปล่าท่าทางเหนื่อยๆ”

    "พี่คังอินรู้แล้วใช่มั้ยคะพี่คะซอขอโทษ"

    "หือ?? ขอโทษทำไม ซอไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อย อาจจะเป็นเพราะผมเองซะมากกว่า ที่คิดอะไรแบบนั้นกับเพื่อนของตัวเอง"

    "แต่ที่พี่คังอินรู้ก็เป็นเพราะว่าซอไม่ยอมกดวางสาย เจสรู้นิสัยข้อนั้นของซอดี เลยแอบฟังที่เราคุยกัน ซอขอโทษค่ะพี่!!"

    เธอน้ำตาปริ่มๆเหมือนจะไหล ผมยิ้มออกมาบางๆแล้วลูบหัวเธออีกครั้งราวกับจะบอกว่าไม่เป็นอะไร จริงๆแล้วต้องโทษตัวผมนั่นแหละที่ดันไปคิดอะไรแบบนั้นกับเพื่อนของตัวเอง เรื่องทั้งหมดมันถึงได้ออกมาเป็นแบบนี้ ผมต้องเสียเพื่อนไปไม่ช้าก็เร็ว

    เพราะความลับไม่เคยมีอยู่ในโลก

    ซอฮยอนกลับไปแล้วเพราะเธอมีเรียนต่อแต่ก็ยังอุตส่าห์แวบมาหาผมถึงที่มหาลัย ผมเดินไปเรื่อยๆตามริมฟุตบาทโดยไม่คิดที่จะกลับหอตอนนี้  เดินมาไกลเท่าไหร่ก็ไม่รู้ตัว และเดินมาหยุดอยู่ตรงไหนก็ไม่ทราบได้เหมือนกัน

    อ่า.......ถึงอย่างนั้น มันก็เจ็บน้อยลงไปเยอะเลย

    ปี๊นๆ

    เสียงบีบแตรที่ดังขึ้นทางด้านหลังทำเอาผมตื่นขึ้นจากภวังค์แล้วหันไปมอง ลมหายใจติดขัดไปชั่วครู่เมื่อเห็นทะเบียนรถที่คุ้นเคยก่อนจะมองทะลุเข้าไปถึงคนขับพบเป็นผู้ชายหน้าคุ้นสวมแว่นดำบีบแตรอยู่บนรถ น้ำตาของผมทำท่าจะไหลอีกรอบจึงต้องหันหน้ากลับมาแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ดึงผ้าพันคอให้แน่นกว่าเดิมแล้วเดินหน้าต่อ

    สิ่งหนึ่งในใจของฉันก็กลัว

    บอกกับหัวใจตัวเองทุกที

    บอกมันทุกวันให้มันหยุดรักเธอ

    "อีทึก ขึ้นรถ" รถคันนั้นจอดหยุดอยู่ข้างๆผมก่อนที่เจ้าของรถจะเปิดกระจกลงมาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเสียจนน่าใจหาย ผมสูดลมหายใจเข้าลึกจนเสียดจมูกอีกครั้งแล้วหันไปฝืนยิ้มให้เขาบางๆ "ฉัน....ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก"

    "ฉันบอกให้ขึ้นรถไง" ผมส่ายหัวปฏิเสธช้าๆก่อนจะตัดใจเดินหน้าต่อ ไม่มีแม้แต่เสียงดับเครื่องยนต์หากแต่ได้ยินเสียงปิดประตูที่ดังกระแทกโครมครามก่อนที่แรงกระชากจากทางด้านหลังจะทำให้ผมรู้ตัว สายตาจากคังอินที่มองมาทำเอาน้ำตาที่เคยคิดว่าจะหมดเหมือนจะไหลกลับลงมาอีกรอบ ถึงแม้จะใส่แว่นดำหากแต่ว่ารังสีที่แผ่ออกมาจนผมรู้สึกได้ ผมบิดแขนตัวเองออกช้าๆแต่ทว่าต้องร้องเสียงหลงออกมาเมื่อแรงบีบที่แขนนั่นเพิ่มอีกเป็นเท่าตัว

    "ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย"

    "แต่ฉันไม่อยากคุย ปล่อยฉันเถอะคังอิน"

    รักแล้วก็ช้ำเปล่าๆ ฉันรู้และพอเข้าใจ

    เตือนตัวเองเอาไว้

    ห้ามตัวเองเอาไว้ไม่ให้แสดงออกมา

    "ต้องคุย มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับเมื่อวาน"

    "แล้วยังไง!?! นายจะตอกย้ำความรู้สึกฉันไปถึงไหน แค่นายทำท่าหมางเมินใส่กันแบบนี้มันยังไม่พอใช่มั้ย หรือจะต้องทำให้ฉันลงไปแดดิ้นตายไปด้วยถึงจะพอชดใช้ความรู้สึกทั้งหมดได้!?!"

    อ่า.......ผมนี่มันอ่อนแอจริงๆเลย น้ำตาไหลอีกแล้ว

    คังอินนิ่งไปเล็กน้อยเมื่อเห็นน้ำตาของผม ไม่นานนักเจ้าตัวก็ดึงผมเข้าไปกอดช้าๆ ความอบอุ่นที่ผมได้รับนั่นทำเอาน้ำตาไหลมากกว่าเดิม

    ความอบอุ่นที่มันหยุดอยู่แค่คำว่าเพื่อนเท่านั้น

    ผมผลักร่างสูงออกแล้วปาดน้ำตาทิ้งส่งยิ้มให้อีกทีแล้วบอกกับตัวเองว่า

    ควรจะตัดใจเสียที

    "ลาก่อนนะ.....คิมยองอุน"

    "อีทึกฉันไม่เข้าใจ นายจะเลิกรักฉันไม่ได้หรอ แล้วเราจะกลับมาเป็นเพื่อนกันแบบเดิมไม่ได้หรอ?"

    ".....มันไม่ได้หรอกคังอิน ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปมันจะเปลี่ยนกลับมาเป็นแบบเดิม ทำได้ แต่.......ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ ลืมเพื่อนอย่างฉันเถอะนะ"

    ".......อีทึก เราเป็นเพื่อนกันใช่มั้ย"

    "ไม่ใช่ ฉันไม่ใช่เพื่อนของนาย"

    อยู่ใกล้กันยิ่งหวั่นไหว

    ห้ามใจตัวเองไมได้เลย

    สั่งหัวใจให้เมินเฉยไม่รู้ต้องทำยังไง

    "นายเป็นเพื่อนของฉันสิจองซู!! เพื่อนของฉันคนนั้นน่ะ"

    "มันก็แค่ภาพจอมปลอมที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้ได้อยู่ใกล้ๆนายเท่านั้นแหละ นายก็รู้แล้วว่าฉันรักนาย ฉันชอบนาย เจ้าโง่เอ๊ย!หยุดทำเป็นหูทวนลมแล้วรับความจริงซักที ฉันรักนาย!!!"

    ผมรัวคำพูดออกไปซ้ำๆแล้วภาพตรงหน้าก็พร่าเลือนไปด้วยหยาดน้ำตา แต่ทว่าผมยังเห็นไหล่แข็งแรงนั่นสั่นไหวเล็กน้อย คังอินเอื้อมมือเข้ามาหาแต่ทว่าผมกลับส่ายหัวช้าๆแล้วถอยห่าง

    ใกล้เธอทำไมทุกครั้งใจมันสั่นๆ

    จิตใจของฉันนั้นวุ่นวาย ตัวของฉันควบคุมไม่ได้

    และสุดท้าย หัวใจมันรักเธอ

    "ฉันจะเลิกรักนาย สบายใจได้ เมื่อวันนั้นมาถึง ฉันจะเดินกลับมาแล้วบอกว่า 'ยองอุน เรากลับมาเป็นเพื่อนกันเถอะนะ"

     

    หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปโดยที่ไม่มีคังอินมาอยู่ใกล้ๆ มันเหงาจริงๆนะ ถึงจะอย่างไรก็ตามผมจะต้องหลับตาลงแล้วข่มหัวใจตัวเองไม่ให้คิดถึง ช่วงนี้ผมทำกิจกรรมกับที่มหาลัยฯมากขึ้นเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเกิดอาการฟุ้งซ่าน และวันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่ผมต้องเดินกลับหอด้วยสภาพที่เรียกได้ว่าแทบจะหมดแรง ผมหยุดอยู่ที่หน้าห้องก่อนจะควานหากุญแจในกระเป๋า จู่ๆก็ได้กลิ่นเหล้าจางๆลอยมา ผมหันหลังกลับไปก่อนจะพบว่ามีใครบางคนนั่งอยู่ที่หน้าห้อง

    ยองอุน........เจ้าคังอินคนโง่

    "อีทึก....อีทึก........." ผมชะงักขาไว้ก่อนที่ตัวเองจะเดินเข้าห้องเมื่อเห็นว่าใครอีกคนทำท่าสะลึมสะลือลืมตามองหน้า แล้วค่อยๆยันตัวเองให้ลุกขึ้นมาอยู่ห่างจากผมไม่เท่าไหร่ กลิ่นเหล้าฟุ้งกระจายอีกครั้งทำเอาต้องย่นจมูกอย่างช่วยไม่ได้ ใจแกว่งเล็กน้อยเมื่อเห็นคนที่ไม่ได้เจอกันมาหนึ่งอาทิตย์

    "มีอะไร?"

    "ฉัน......ฉัน.....ไม่.....อีทึก......."

    "ไม่มีอะไรฉันเข้าห้องนะ" ตัดบทก่อนที่หัวใจจะทำงานหนักไปมากกว่านี้ ร่างบางเดินเข้าห้องมาก่อนจะปิดประตูแต่ทว่าท่อนแขนแข็งแรงนั่นกลับขวางไว้ซะก่อน เพิ่งจะได้เห็นหน้าอีกคนเต็มๆก็ตอนนี้ถึงได้รู้ว่าแดงมากมายขนาดไหน อาจจะด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์หรือไม่ก็ความเย็นจากอากาศด้านนอก คนตัวสูงออกแรงนิดหน่อยก็เดินเข้ามาในห้องได้ในสภาพเซๆ อีทึกมองตามก่อนจะปิดประตูลงโดยไม่ส่งเสียงทัดทานหรือว่าโวยวาย

    มันเมา.....คงจะลืมไปแล้วว่าไม่เคยทะเลาะกัน

    "ปวดหัว....ว่ะ"

    "อืม ทำไมถึงดื่มเยอะล่ะ ทะเลาะกับเจสมาหรือไง?"

    "เจส.....เจสหรอ....ไม่หรอก ฉันแค่....คิดถึงนาย"

    คนถูกคิดถึงชะงักการรินน้ำผลไม้เย็นๆพลันหัวใจก็เต้นระรัวไม่กล้าหันไปมองหน้าอีกฝ่าย รู้ทั้งรู้ว่าพูดเพราะเมาหากแต่หัวใจกลับไม่ยอมฟังที่สมองสั่ง หน้าสวยสะบัดไล่อาการตื่นเต้นออกแล้วเดินเข้าไปยื่นน้ำผลไม้ให้

    "ไม่มีนายอยู่เหมือนแต่ก่อน....มันเหงาจริงๆนะ"

    ".......มีเจสสิก้าแล้ว มันช่วยไม่ได้เลยหรือไง?"

    "ไม่เหมือนกัน.....อีทึก เมื่อไหร่ นายจะเลิกหลบหน้าฉันเสียที?"

    "เมื่อตอนที่ฉันไม่รักนายไง"

    "ไม่เป็นไร ถึงจะรักฉันก็ไม่เป็นไร กลับมาอยู่กับฉันได้ไหม?"

    ร่างบางกำมือแน่นก่อนจะหันหลังให้อีกคนทำท่าจะเดินกลับเข้าห้องนอนไป คังอินคว้าแขนเล็กไว้ก่อนจะกระชากเบาๆทำเอาคนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวก็เซล้มทับคนที่มีฤทธิ์แอลกฮอล์ไหลทั่วร่าง เมื่อคิดจะลุกหนีก็ถูกวงแขนแกร่งพันไว้เสียรอบตัวลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดต้นคอทำให้คนที่เคยคิดว่าน่าจะลืมได้แล้วต้องกลับมารู้สึกแปลกๆอีกครา

    ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน

    แต่ก็ไม่ลืมเธอไปซักที ตราบใดที่ฉันยังคงต้องหายใจ

    "คังอิน....ปล่อย"

    "ไม่.....ไม่ปล่อย ทีเมื่อก่อนฉันยังกอดนายได้เลย"

    "ตอนนี้นายเมา แล้วความรู้สึกของฉันมันก็ไม่ได้เหมือนเมื่อก่อน.....คังอิน!"

    อีทึกตวาดเสียงหลงเมื่อจู่ๆอีกคนก็จับให้เขาลงไปนอนอยู่ที่โซฟาโดยมีร่างของคนตัวสูงทาบทับตามมา ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อใบหน้าหล่อก้มต่ำลงมาจนแทบจะชิดริมฝีปากเขาในไม่ช้าจนต้องเบือนหน้าหนี คังอินชะงักการเคลื่อนไหวของตัวเองเพียงเล็กน้อยแล้วค้างใบหน้าของตัวเองไว้เพียงเท่านั้น จ้องมองใบหน้าสวยด้วยความรู้สึกแปลกๆ

    "หน้านาย.....สวยขนาดนี้เลยหรอ?"

    "หยุดนะพอได้แล้วคังอินล้อเล่นแบบนี้มันไม่สนุกหรอกนะ"

    "แล้วตัวของนาย...หอมขนาดนี้เลยหรือไง?"

    "ฉันบอกให้พอได้แล้วไง!!!!"

    จะหลอกตัวเองได้นานแค่ไหน

    ว่าตัวฉันไม่มีใจให้เธอ ว่าตัวฉันไม่เป็นไรไม่เสียใจ

    "แล้วปากของนาย.....น่าจูบตั้งแต่เมื่อไหร่กัน" ยังไม่ทันที่คนเสียเปรียบจะได้พูดอะไรต่อ ร่างสูงก็ค่อยๆทาบริมฝีปากทับเอาเพื่อปิดปากอีกคน ร่างบางยกมือขึ้นผลักไสอีกฝ่ายออกเต็มแรง จนนึกกลัวว่าอีกคนเมาจริงหรือเปล่า เพราะพละกำลังมีมากมายเหลือเกิน หรืออาจจะเป็นเพราะแขนของเขาที่ตอนนี้ไม่มีเรี่ยวแรงเหลือแล้วก็เป็นได้

    ริมฝีปากหนาที่ค่อยๆเพิ่มแรงกดลงไปบนฝีปากบางทำเอาอีกคนที่ไม่มีประสบการณ์สะดุ้งเฮือกแล้วค่อยๆปิดเปลือกตาลง ปล่อยแขนให้โอบคล้องคออีกฝ่ายอย่างเผลอไผลความนุ่มนวลในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นร้อนแรง จู่ๆภาพของหญิงสาวอีกคนก็วิ่งผ่านเข้ามาในหัวของอีทึก รอยยิ้มเยาะๆของเธอแล่นเข้ามาในวันที่เขาถูกปฏิเสธแบบไม่ไยดี

    กับผู้หญิงคนนั้น.....นายก็ทำแบบนี้เหมือนกันใช่ไหมคังอิน......

    หยาดน้ำใสๆกลิ้งลงผ่านแก้มเนียน ไหล่บางสั่นสะท้านตามแรงสะอื้นทำเอาคนที่นอนอยู่ด้านบนต้องค่อยๆผละออกมามองก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตกใจ แล้วเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตา

    "ร้องไห้....ทำไม  อีทึกอย่าร้องไห้"

    "ฮึก....ฉันไม่ใช่เจสสิก้า อย่ามาทำให้ฉันไร้ค่าไปมากกว่านี้ได้มั้ย เลิกยุ่งกับฉันซักทีเถอะ!

    "อีทึก....ฉัน...ไม่ นายมีค่าสำหรับฉันเสมอ"

    "ถ้าฉันมีค่ากับนายมากก็ช่วยไปไกลๆเถอะ"

    "ทำแบบนั้นแล้วนายจะสบายใจใช่ไหม?"

    "...........ฮึก"

    "ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันจะไปจริงๆก็ได้"

    "...........ฮึก  ฮึก"

    "ฉันขอโทษแล้วกันนะจองซู"

    รักแล้วก็ช้ำเปล่าๆ ฉันรู้และพอเข้าใจ

    เตือนตัวเองเอาไว้

    ห้ามตัวเองเอาไว้ไม่ให้แสดงออกมา

     

    สัมผัสอุ่นๆที่ติดอยู่ที่ริมฝีปากยังไม่เคยจางหายแม้ว่ามันจะผ่านมาหลายวันแล้วก็ตาม ศรีษะสวยสะบัดเบาๆเพื่อเรียกคืนสติก่อนจะหันหน้าไปหาเพื่อนร่วมคณะอย่างคิมฮีชอลที่เดินมาหา

    "เหม่ออีกแล้ว เหม่ออีกแล้วปาร์คจองซูช่วงนี้เป็นอะไรหนักหนา จับแต่ปากอยู่นั่นแหละ กลัวปากหายหรือยังไง?"

    "เปล่าซักหน่อย นายอย่าบ่นมากนักสิ้ ฉันมาช่วยนายทำงานนะ"

    "ช่วยได้มากเลยคุณดาว เหนื่อยมากนักก็กลับไปนอนเถอะ เหลือแค่เก็บงานไม่กี่อย่างแล้ว"

    "ไม่เป็นไรๆ เมื่อกี้ฉันคงมึนๆนิดหน่อย" คนตัวบางโบกมือใส่ก่อนจะลุกขึ้นเดินตามฮีชอลไป ยังไม่ทันที่มือจะได้แตะแผ่นงานก็รู้สึกได้ถึงแรงกระชากอย่างแรงจากทางด้านหลังแล้วตามด้วยแรงตบที่ฟาดลงบนใบหน้าสวย ฮีชอลเห็นอย่างนั้นก็วิ่งเข้ามาขวางก่อนจะตวาดใส่หน้าผู้ที่มาใหม่ดังลั่น

    "อะไรของเธอน่ะ!!!!!"

    "เพราะแกคนเดียวไปอ่อยเขาอีท่าไหนล่ะ!"

    "เดี๋ยวก่อน.....อะไรของคุณ ผม....ทำอะไรอ่อยใคร"

    เพี๊ยะ

    ฝ่ามือของเจสสิก้าฟาดลงใบหน้าสวยของคนที่ทำหน้าตาไม่รู้เรื่องอีกรอบ อีทึกตวัดสายตามองอีกครั้งหากแต่ไม่ใช่สายตาเป็นมิตรอย่างเดิม ดวงตาคู่สวยฉายแววเกรี้ยวกราดออกมาเพียงเล็กน้อยก่อนจะพยายามสงบใจเย็น ฮีชอลเข้ามายืนขวางระหว่างสองคนโดยพยายามที่จะดันอีทึกให้ออกห่าง เพราะดูท่าทางแล้ว หล่อนคงจะได้ลงไม้ลงมืออีกซักรอบ

    และถ้าลงมาอีกรอบก็เอาสิ คิมฮีชอลจะสวนกลับแม่งให้ดู- -

    มาทำร้ายแรงงานของฉันได้ยังไง!

    "ผมไม่เข้าใจที่คุณต้องการจะสื่อนะเจสสิก้า"

    "ฉันก็ไม่เข้าใจที่นายกำลังทำเหมือนกันนายเป็นผู้ชายแต่กลับไปบอกรักคังอิน นี่ฉันยังไม่ได้รวมล่าสุดที่.......ปล่อยเจสนะ!!!!!"

    ยังไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไรต่อ ร่างใหญ่ที่ดูคุ้นตากับร่างบอบบางอีกร่างก็วิ่งมากระชากตัวหญิงสาวที่กำลังดูเหมือนจะไร้สตินี่ไว้ สายตาของคังอินสบกับเขาเพียงชั่วครู่ก่อนจะหันไปกอดรั้งคนที่ได้ชื่อว่าแฟน อีทึกเบือนสายตาหนีก่อนจะดึงรั้งชายเสื้อของเพื่อนที่ยืนอยู่ด้านหน้าแล้วกระตุกเบาๆ

    "เขามาแล้ว....เราไปกันเถอะ"

    "ไม่ได้อีทึก อย่างน้อยต้องคุยให้รู้เรื่องก่อน เจ็บฟรีสองตบมันไม่คุ้มเลยนะ"

    "แต่.....อยู่ตรงนี้ มันก็ไม่คุ้มเหมือนกันนั่นแหละ"

    คนอยู่ด้านหลังพึมพำเสียงเบาก่อนจะขยำชายเสื้อของเพื่อนอีกครั้งคล้ายว่าจะให้ฮีชอลพาเขาออกไปจากตรงนี้เสียที แต่ทว่าเจ้าเพื่อนตัวดีกลับให้ความสนใจกับเหตุการณ์ตรงหน้าที่เริ่มจะมีปากเสียงกันรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆเสียมากกว่า

    "เจส....พี่บอกแล้วไงว่าเรื่องนี้อีทึกไม่เกี่ยว"

    "ไม่เกี่ยวพูดออกมาได้ยังไงว่าไม่เกี่ยว รู้ตัวบ้างไหมตั้งแต่วันที่ได้ยินอีทึกบอกรักตัวเองน่ะ คังดูเปลี่ยนไป ไม่ดูแลเจสเหมือนเก่า แถมยังไม่ค่อยจะรับโทรศัพท์"

    "มันไม่เกี่ยว.....เจส อีทึกไม่เกี่ยว"

    "เจส...พี่อีทึกไม่เกี่ยวจริงๆ ซอเป็นพยานได้"

    "แม้แต่เธอก็ยังเข้าข้าง สรุปว่าฉันผิดใช่ไหมผิดใช่ไหมที่รักคังอินน่ะ!?!"

    ประโยคหลังเธอหันมาถามเขาด้วยน้ำตา อีทึกนิ่งเงียบไม่ตอบอะไรก่อนจะหันไปมองหน้าตัวต้นเรื่องคลับคล้ายคลับคลาอยากจะขอร้องว่าให้จบเรื่องนี้ไปเสียที

    อยู่ใกล้กันยิ่งหวั่นไหว

    ห้ามใจตัวเองไมได้เลย

    สั่งหัวใจให้เมินเฉยไม่รู้ต้องทำยังไง

    ใกล้เธอทำไมทุกครั้งใจมันสั่นๆ

    "พี่อีทึก....ขอร้องล่ะ บอกฉันได้ไหม ยืนยันกับฉันอีกทีได้ไหมว่าพี่ไม่ได้เกี่ยวอะไร ไม่ใช่เพราะพี่ที่ทำให้คังบอกเลิกเจส"

    น้ำเสียงอ่อนแรงที่ถูกส่งมาทำเอาคนฟังต้องปล่อยชายเสื้อเพื่อนแล้วค่อยๆก้าวออกมาข้างหน้า ส่งรอยยิ้มหวานปลอบใจคนที่น้ำตาคลอเต็มหน่วย

    "ผมไม่ได้ติดต่อเขามานานแล้วล่ะครับ สบายใจได้เลยเจส ผมไม่ใช่สาเหตุหรอกครับ อีกอย่าง...คุณไม่ผิดหรอกนะที่เขาบอกเลิกคุณ....." พูดพลางหันไปมองหน้าอีกคนที่ยืนกอดข้างๆ

    เพราะจริงๆแล้วคนที่ผิดน่ะ น่าจะเป็นนายไม่ใช่หรือไง?

    ผิดที่ทำอะไรไม่เคยจะชัดเจนซักที

    จิตใจของฉันนั้นวุ่นวาย ตัวของฉันควบคุมไม่ได้

    และสุดท้าย หัวใจมันรักเธอ

    "นี่มันอะไรไอ้บ้าคังอินคบกับยัยสติแตกนั่นอย่างนั้นน่ะหรอ โอ๊ยให้ตายเถอะ คิดยังไงถึงคบกันวะ แล้วทำไมนายถึงมีส่วนที่ไอ้เวรนั่นจะบอกเลิกยัยบ้านั่น แล้ว..ทำไมนายถึงเลิกคบกับไอ้หมีนั่น!"

    "หยุดโวยวายเถอะฮีชอล งานการไม่ทำหรือไง"

    "ช่างแม่ง ตอบคำถามฉันมาให้หมดเลยนะอีทึก!"  ฮีชอลหันมาตวาดใส่ก่อนจะทิ้งงานในมือลงนั่งตรงข้ามกับร่างบางที่ทำท่าอ่อนแรง คนถูกถามส่ายหัวคล้ายทำท่าจะไม่ตอบ คนหน้าสวยจึงถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ก่อนจะเอื้อมมือไปขยี้หัวอีกคนเบาๆ

    "แกนี่นะอีทึก....ใจดียังไงก็อย่างนั้น ชีวิตคนเราไม่ใช่นิยายนะเว้ยที่จะเสียสละให้คนอื่นเขาได้ตลอดน่ะ"

    "ฉันไม่ได้เสียสละ  ฉันไม่ได้ใจดี ฉันแค่ไม่อยากวุ่นวายให้มากนัก นี่ถ้าฉันยังยุ่งกับคังอินอยู่ล่ะก็ คงไม่โดนแค่ตบเมื่อกี้แน่""ผู้หญิงสมัยนี้ เสียดายหน้าตาจริงจัง:(" อีทึกหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะช่วยแปลงานในส่วนที่ตัวเองอาสาต่อ นั่งไปได้ซักพักเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็สะกิดเขาเบาๆก่อนจะชี้ไปทางด้านหลัง ซึ่งก็พบผู้มาใหม่ไม่ใช่ใครที่ไหนหากแต่เป็นคังอินที่เดินมาใกล้

    "มาทำไมอีกวะ" ฮีชอลบ่นพึมพำเบาๆก่อนจะทำการรวบงานบนโต๊ะทั้งหมดเก็บเข้าอ้อมกอดดึงแขนอีทึกเบาๆเป็นเชิงว่าจะย้ายที่เพราะไม่แน่ว่าอาจจะโดนอะไรถล่มลงมาอีกรอบ

    "อีทึก"

    "แกไม่ต้องไปสนใจมัน เดินมากับฉัน เดินอ้อมโต๊ะมาแล้วไปด้วยกัน เร็วเข้า"

    "อีทึก"

    "อย่าไปฟังมัน ฉันเก็บของหมดแล้ว"

    "อีทึก"

    "ฉัน....ขอคุยกับคังอินหน่อยก็แล้วกัน นายไปก่อนก็ได้ ถ้าไม่อยากวุ่นวาย"

    "นั่งรออยู่ตรงนี้เนี่ยแหละ" เจ้าของดวงตาสีชาลุกขึ้นยืนก่อนจะส่งยิ้มบางๆให้คนที่นั่งอยู่เป็นเพื่อนแล้วหมุนตัวกลับมาหาคนที่เดินมาใหม่

    "มีอะไร?"

    "ขอโทษนะ เจ็บมากหรือเปล่า แก้มของนาย...."

    "อย่าจับ ฉันไม่ชอบ" มือบางยกขึ้นปัดก่อนจะพูดเสียงแข็ง ก่อนจะหันไปเห็นดวงตาอีกคู่ที่ทอดมองมาด้วยความห่วงใยก็ต้องเบือนหนีเพราะกลัวจะหวั่นไหวไปมากกว่าเดิม คังอินลดมือลงก่อนจะส่งยิ้มบาง "ฉันขอโทษ"

    "ขอโทษเจสเถอะ ฉันไม่เป็นอะไร"

    "อีทึก ฉัน....เลิกกับเจสแล้ว"

    "ฉันรู้ ไม่งั้นเธอคงไม่วิ่งมาตบฉันแบบนี้หรอก แล้วทำไมถึงเลิกล่ะหมดรักแล้วหรือไง"

    "เรียกว่าไม่เคยรักจะดีกว่าล่ะมั้ง....จะพูดว่าอะไรดีล่ะ เข้าใจผิดคิดว่ารัก"

    "..................."

    "เห็นว่าสวย คุยกันได้ แต่เพิ่งจะมารู้จริงๆทีหลังว่าเป็นความหลงล่ะมั้ง"

    "รู้ตัวก็ดีแล้ว...เรื่องที่จะพูดมีแค่นี้ใช่มั้ย?"

    "จริงๆแล้วฉันว่า....ฉันชอบนายว่ะ"

    อยู่ใกล้กันยิ่งหวั่นไหว

    ห้ามใจตัวเองไมได้เลย

     

    "ไอ้เวรหน้าหมีไอ้คนหลายใจไอ้คนเชื่อไม่ได้!!!"

    ปัง!!!

    เสียงหนังสือกระแทกเข้ากับโต๊ะในโรงอาหารแน่นอนว่ามีใครหลายคนที่อยู่ในรัศมีสามเมตรหันมาให้ความสนใจกันหมด เดือดร้อนถึงดาวคณะฯ ต้องฉุดมือคนที่กำลังโวยวายเบาๆเพื่อให้นั่งลง คิมฮีชอลกัดฟันกรอดกระแทกตัวลงนั่งชนิดที่ว่าเขาเห็นแล้วก็เจ็บแทน อีทึกส่ายหัวเบาๆเพราะเรื่องนี้มันก็ตั้งแต่เมื่อวานแล้วที่คังอินพูดกับเขาแบบนี้ แต่ไม่คิดว่าเพื่อนต่างคณะ คนนี้จะยังเจ็บแค้นไม่เลิกรา

    "คอยดูนะอย่าให้เจออีกที พ่อจะด่าตั้งแต่โคตรเหง้าเลยคอยดู!"

    "เรื่องมันก็....แล้วไปแล้วอะ แกอย่าใส่ใจมากเลยน่า"

    "แกยอมหรอมันเพิ่งเลิกกับแฟนแล้วมาบอกชอบแก แกยอมหรอ!!!!"

    เออ- - ถ้าฉันยอมแล้วจะทำให้แกหยุดโวยวาย ฉันยอม

    "ก็ไม่...แต่ฉันก็ไม่คิดอะไรแล้ว หมอนั่นก็แค่พูดเล่นๆไปงั้นแหละ ฉันรู้นิสัยมันดี"

    "ใครว่าล่ะ"

    จู่ๆเสียงนุ่มก็ดังขึ้นทางด้านหลังของฮีชอล อีทึกเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะทำเป็นไม่สนใจ  แต่พอเขาเดินมานั่งข้างๆตัวเองเท่านั้นแหละหัวใจก็พลันเต้นแรง ทั้งๆที่ห้ามไปแล้วแต่หัวใจก็ยังไม่ฟังเขาอยู่ดี

    "ฉันจริงจัง"

    สั่งหัวใจให้เมินเฉยไม่รู้ต้องทำยังไง

    ใกล้เธอทำไมทุกครั้งใจมันสั่นๆ

    "ไอ้เวรนี่กลับมาหาติ่งรึไงวะ!!"

    "เอ้าๆ หยาบคายนะเราอะ"

    "พ่อแกไม่เคยสอนวิธีจีบหญิงรึไงวะ บอกเลิกแฟนคนเก่าต่อหน้าเขาน่ะ ใครที่ไหนเขาจะเอาแกต่อ"

    "พ่อไม่สอนวิธีจีบหญิง พ่อสอนแต่วิธีจีบเพื่อนชาย"

    ไม่พูดเปล่ายังส่งสายตาเจ้าชู้มาให้จนคนที่ถูกพูดถึงต้องถอยหนีแล้วย้ายตัวไปนั่งฝั่งเดียวกันกับฮีชอลที่ตอนนี้ตัวสั่นระริกด้วยความโกรธ จัดการหยิบข้าวของบนโต๊ะทั้งหมดแล้วลุกขึ้นยืน

    "อีทึก ไปเหอะ!"

    "จองซู เย็นนี้จะมารับนะ^ ^"

     

    ท่าทางคิมยองอุนจะเอาจริงแหะ

    วันนี้เลิกตั้งแต่บ่ายสองเป็นเพราะคาบสุดท้ายอาจารย์ติดธุระกระทันหันทำให้เขาเลิกเรียนเร็วสำหรับวันนี้ แอบสอดสายตาหาคนที่บอกว่าจะมารับก็ต้องตัดใจทิ้งเพราะไม่คิดว่าหมอนั่นจะมาเร็วกว่ากำหนดสองชั่วโมง ขาเรียวกำลังจะก้าวพ้นตึกคณะหากแต่เห้นรถคันสวยพร้อมด้วยป้ายทะเบียนที่เขาจำได้แม่นจอดอยู่ด้านหน้าก็เบิกตากว้าง ก่อนที่จะเหลือบไปเห็นเจ้าของรถกำลังนอนหลับอยู่บนนั้น

    แย่จริงๆเลย เกิดมีใครมาแงะกระจกรถจะทำยังไงนะ

    ร่างบางก้าวเข้าไปหารถคันนั้นแล้วไปยืนก้มตัวมองคนที่กำลังหลับสนิทด้วยรอยยิ้มบางๆ คิ้วหนาของอีกคนขมวดเกือบจะพันกันไม่รู้ว่าคิดเรื่องอะไรอยู่ ด้วยความเคยชินเขาจึงเผลอเอื้อมมือไปจิ้มเข้าที่หว่างคิ้วและหมุนวนเบาๆจนอีกคนยอมคลาย

    "เจส...เจสสิก้า"

    รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าหวานหุบลงทันทีก่อนที่เจ้าตัวจะเผลอทำเทกซ์บุคเล่มหนาตกลงบนพื้น เมื่อก้มลงเก็บก็ทำท่าจะเดินจากไปหากแต่ใครบางคนดันตื่นขึ้นมาเสียก่อน อีทึกหันหลังเดินจากไปไม่ฟังแม้กระทั่งเสียงคัดค้านของอีกฝ่าย ก้าวขายาวๆเพื่อที่จะไปจากที่นี่ให้พ้นๆ เพราะเขาในตอนนี้กำลังแสบจมูกแสบคอขึ้นมาอีกแล้ว

    ไหนว่าชอบฉัน แล้วทำไมยังละเมอชื่อนั้นอีก

    บอกแล้วไงว่าคิมยองอุนน่ะเชื่อไม่ได้

    "จองซูจองซู!"

    "อย่ามาเรียกฉันแบบนั้นนะฉันเป็นเพื่อนเล่นนายหรือไง"

    "อ้าว แล้วฉันกับนายตอนนี้ไม่ใช่เพื่อนกันหรอกหรอ"

    คนเดินหนีหยุดยืนก่อนจะหันไปตวาดใส่หน้า ก่อนที่คำตอบที่ได้รับกลับมาทำเอาเขาต้องขบเม้มริมฝีปากแน่น มือบางวางหนังสือในมือลงแล้วขยุ้มคอเสื้ออีกคนลงมาใกล้ก่อนที่จะเคลื่อนริมฝีปากไปทับอยู่บนริมฝีปากอีกคน ไม่ได้นุ่มนวล ไม่ได้ร้อนแรง แต่เหมือนว่ากำลังน้อยใจอะไรบางอย่าง

    "ฉันไม่ใช่เพื่อนนาย ชัดหรือยัง?"

    "ชัดมาตั้งนานแล้ว และที่มารับวันนี้ ฉันจะมาขอเป็นมากกว่าเพื่อน จะได้มั้ย?"

    "ไม่....."

    "จองซูอา"

    "มากกว่าเพื่อนมีหลายสถานะ ระบุมาให้ชัดๆได้มั้ยเล่าว่าจะเอาอะไร"

    "เมีย"

    "ไอ้ทุเรศ ไปหาแถวบ้านแกเถอะ -___-"

    "เอาแฟนครับผม"

    "ตกลง"

    "แล้วหลังจากนั้นกลายเป็นเมียไม่ว่ากันนะ"

    "เอ๊ะ!?"

    จิตใจของฉันนั้นวุ่นวาย ตัวของฉันควบคุมไม่ได้
    และสุดท้ายหัวใจมันรักเธอ


    จบแล้วววว 5555 เตือนแล้วนะว่าตอนจบมันอุบาทว์หาที่ใดเปรียบ เหมือนตอนนั้นถ้าจำไม่ผิดแต่งพาร์ทแรกไว้ประมาณเดือนนี้ แล้วแต่งพาร์ทนี้ตอนเดือนมิถุนา ฟีลมันเลยออกมาแบบนี้ ตั้งใจว่าจะให้ยาวกว่านี้เอาฮีชอลออกมาก็เพื่อจะให้ทึกแกล้งทำเป็นคบประชดไปอะไรประมาณนี้ แต่กลัวจบไม่ลงเลย....จบมันแค่นี้เถอะนะ สงสารคนอ่านอะ 5555













    THE★
    FARRY
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×