ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ` [exo]▻Twilight◅ {chanbaek} 。

    ลำดับตอนที่ #8 : -7-

    • อัปเดตล่าสุด 28 ม.ค. 57


    Supercell




    ชอบเวลาแบคแต่งชุดนักเรียนมากเบอออ

    -7-

    จงแดและมินซอกชวนผมไปดูหนังในคืนวันศุกร์ ผมบอกพ่อไปแล้ว แม้ว่าพ่อจะไม่ยอมผมก็จะดื้อดึงและใช้เหตุผลของคำว่าสังคมที่ผมควรจะมี พ่อเลยยอมให้ไปและให้ผมพกปืน แต่แหงล่ะ ผมเป็นเพียงเด็กนักเรียนไฮสคูลผมไม่มีทางยอมอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นพ่อเลยยื่นมีดพับอีกอันมาให้ ผมจำใจต้องยอมพกมันออกมาเพราะพ่อยื่นคำขาด ไม่เช่นนั้นผมจะไม่ได้ไปเที่ยวในคืนนี้ ส่วนจงอินต้องไปทำธุระอะไรซักอย่าง เขาทำหน้าเซ็งมากเมื่อพบว่าจะไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกัน

    ชานยอลยังคงไม่มาเรียน ผมไม่ได้เจอหน้าเขาตลอดสองสัปดาห์ นั่นทำให้ผมตระหนักได้ว่าความคิดถึงมันฆ่าคนได้อย่างไร ถ้าหากความคิดถึงเป็นคมมีด เช่นนั้นผมคงตายวันละหลายร้อยหน ผมคิดถึงเขาแทบจะตลอดเวลา เซฮุนบอกว่าเขายังอยู่ที่แคนาดายังไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่ได้ล้มเลิกความตั้งใจเดิมที่ว่าผมจะเปลี่ยน เพียงแต่อาจจะยังไม่ใช่ตอนนี้ก็เท่านั้น

    “นี่แบคฮยอนรู้อะไรมั้ย?”

    ระหว่างที่กำลังนั่งอยู่ในรถมินซอกก็เอ่ยปากเรียกชื่อผมก่อนจะถาม เพราะเมื่อเช้าพ่อมาส่งผมเลยต้องนั่งรถมากับจงแดและมินซอก ถึงมันจะทำให้ผมค่อนข้างอึดอัดไปซักหน่อยแต่ก็จะพยายามถือซะว่าเป็นการประหยัดน้ำมัน จงแดมองผมผ่านกระจกหลัง “ตอนนี้คนในโรงเรียนลือกันว่านายโดนชานยอลฟันแล้วทิ้ง แล้วตอนนี้กำลังจะคั่วเด็กใหม่อย่างจงอินเย้ยเขา”

    “ไร้สาระชะมัด”

    “ใช่ไหมล่ะ พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่านายกับชานยอลไม่ได้เป็นอะไรกัน แล้วจงอินก็แค่ย้ายมาใหม่และสนิทกับนายตอนที่ชานยอลไม่อยู่เท่านั้นเอง”

    จงแดเดาะลิ้นแล้วมองทางด้านหน้าเมื่อเห็นสีหน้าที่เบื่อหน่ายของผม การตกเป็นขี้ปากของคนในโรงเรียนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วสำหรับผม แต่เรื่องนี้คงจะแรงไปหน่อย ผมกรอกตาไปมา นี่มันไร้สาระที่สุดเท่าที่เคยได้ยิน อะไรคือการที่ผมจะคั่วเด็กใหม่อย่างจงอิน เราเป็นแค่เพื่อนกัน

    “แล้ว....ตกลงนายกับชานยอลไม่ได้คบกันจริงๆน่ะหรอ” ใบหน้าหวานของมินซอกหันมาถามผมด้วยความอยากรู้ เอาจริงๆคือนี่มันไม่ใช่เรื่องที่ผมจะป่าวประกาศว่าผมคบใครหรือชานยอลคบใคร แต่เท่าที่รู้จักกันมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มินซอกไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่นัก ถ้าหากผมอยากจะมีเพื่อนแบบจริงๆจังๆก็ควรจะเล่าให้พวกเขาฟังบ้างใช่มั้ย?

    แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกเรื่องหรอก

    “ไม่”

    “แล้วปาร์ตี้เมื่อวันศุกร์นั่น?”

    “เซฮุนเป็นคนชวน”

    “ฉันเห็นนายไปกับชานยอลนะ” เป็นจงแดที่เอ่ยประโยคสุดท้าย ผมยอมแพ้และเลิกสาวความให้มันยาวยืด เพื่อนของผมหัวเราะเบาๆเมื่อต้อนให้จนมุมได้ “ก็แค่เกือบ”

    “เกือบหรอ? หมายความว่าไง”

    “ก็ตอนนี้ยังไม่ได้คบกัน ไม่เอาล่ะฉันไม่ตอบคำถามเรื่องนี้แล้วโอเคนะ” ผมทำหน้าหน่าย สองคนนั้นก็พยักหน้า

    “แล้วจงอินล่ะ?”

    “แค่เพื่อน ถามจงแดดูได้”

    “ช่าย มันไม่มีอะไรไปมากกว่านั้น พวกเขารู้จักกันมาก่อน” ผมพยักหน้ารับ ข้อมูลของจงแดแน่นทุกเรื่อง เขาเหมาะที่จะไปเป็นประชาสัมพันธ์ของโรงเรียน

    ในที่สุดเราก็มาถึงโรงหนังเล็กๆในตัวเมืองซึ่งไกลจากโรงเรียนประมาณสิบห้านาที วันนี้คนค่อนข้างเยอะเพราะเป็นวันศุกร์ ผมลงจากรถและบิดขี้เกียจเบาๆอย่างที่ทำเป็นประจำ จงแดและมินซอกเดินนำไปแล้ว ผมเดินตามสองคนนั้นไปอย่างเงียบๆ

    จงแดรับผิดชอบตั๋วหนังกับมินซอก ผมเลยเดินไปซื้อป๊อปคอร์นและน้ำดื่ม ระหว่างที่กำลังรอของผมก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย พลันใบหน้าของชานยอลก็โผล่เข้ามาในความคิด เราไม่เคยมาดูหนังด้วยกันเลย อาจจะต้องมีซักครั้งที่ผมจะลองชวนเขาถ้าเราสองคนยังโอเคต่อกันอยู่

    ชานยอลจะโกรธผมมากไหมนะ?

    ผมหลุดออกจากภวังค์เมื่อได้ของ เป็นเวลาพอดีกับที่จงแดและมินซอกเดินมาหา พวกเราสามคนเดินเข้าโรงหนังด้วยกัน ผมมองโปสเตอร์หนังที่แปะอยู่หน้าโรงแล้วก็ถอนหายใจ หนังแอคชั่นสยองขวัญที่เข้าฉายในอเมริกาเมื่อสามเดือนที่แล้วเพิ่งจะลงจอที่นี่ ผมจำเป็นต้องดูทั้งๆที่ผมดูกับเพื่อนที่นิวเจอร์ซีย์ไปประมาณสามรอบ

    ในที่สุดผมก็ทนความเบื่อหน่ายไม่ไหว หนังใกล้จะจบและผมก็อยากจะเข้าห้องน้ำเลยขอตัวลุกออกมาก่อนผมไม่ชอบห้องน้ำในโรงหนังเลย มันเงียบและร้างผู้คน ผมรีบจัดการธุระของตัวเองให้เสร็จก่อนจะรีบเดินออกจากห้องน้ำอย่างรวดเร็ว แต่ยังไม่ทันจะเดินให้พ้นขอบประตูก็มีผู้ชายสองคนเดินเข้ามาเสียก่อน สายตาของพวกเขาจับจ้องอยู่ที่ผมไม่ละไปไหน

    ใช่มนุษย์รึเปล่านะ?

    คำถามนี้ผุดขึ้นมาในหัว ผมไม่มีเวลามากนักในการคิด คนนึงก้าวเข้ามาประชิดตัวผมก่อนจะยกยิ้มที่คิดว่าดูดี ผมถอยหลังกลับเข้าไปในห้องน้ำเมื่อพวกเขายังคงยืนขวางประตู สัญชาตญาณบอกผมอีกครั้ง ไม่ว่าสองคนนี้จะเป็นคนหรือไม่ แต่เขาก็ไม่คิดดีกับผมแน่ สังเกตได้จากสายตาที่มองมาตอนนี้ ผมกำลังตกอยู่ในอันตรายเป็นรอบที่สามทั้งๆที่ผมเพิ่งย้ายมาที่นี่ได้เกือบเดือน

    ฉับพลันความคิดโง่ๆก็เข้ามา....สองครั้งก่อนเมื่อผมเจอกับอันตราย ชานยอลเป็นคนช่วยผมไว้

    แล้วคราวนี้ล่ะ?

    “ฉันมองนายมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่เข้าโรงหนัง”

    หนึ่งในสองคนนั้นพูดขึ้นมาก่อนจะคว้าข้อมือผมไว้ ซึ่งแน่นอนว่าผมสะบัดทิ้งทันที คงไม่ใช่แวมไพร์แต่เป็นมนุษย์ธรรมดา สายตาที่กระสันอยากจะทำอะไรบางอย่างทำให้ผมรู้สึกขยะแขยง อย่างน้อยผมก็เป็นผู้ชาย การโดนผู้ชายมาทำท่ากระเซ้าเย้าแหย่มันก็คงจะไม่ใช่เรื่องน่ายินดี

    เว้นแต่ว่าถ้าคนนั้นเป็นชานยอล ผมก็แปลกใจที่ไม่ได้รู้สึกแบบนั้น

    “เราน่าจะเข้ากันได้นะ ว่ามั้ย? แบคฮยอน”

    “ไร้สาระ ปล่อย”

    มันมองป้ายชื่อของผมที่อยู่บนอกเสื้อก่อนจะแสยะยิ้มออกมาน้อยๆเมื่อผมปฎิเสธ ร่างสูงโปร่งหันไปส่งสัญญาณอะไรบางอย่างให้กับเพื่อนของมันอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ห่างก่อนที่ผมจะโดนหนึ่งในนั้นล็อคตัวเอาไว้ แทบจะไม่ต้องพูดพร่ำอะไรให้มากความ มันถอดเข็มขัดตัวเองออกแล้วโยนไปด้านหลัง

    นี่มันโรคจิตชัดๆให้ตายสิ!!

    “เล่นตัวเสียด้วยสิ”

    “อย่าเอามือสกปรกนั่นมาแตะตัวฉัน”

    “ปากดีอย่างนี้น่าตื่นเต้นไม่หยอก โอ๊ย!

    ผมงับนิ้วมันทันทีตอนที่กำลังใช้นิ้วไล้ไปทั่วใบหน้า ผมกระทืบเท้าอีกคนที่กำลังล็อคตัวผมไว้พร้อมถองศอกลงไปให้ตรงกับช่องท้อง เมื่อเป็นอิสระผมก็รีบวิ่งออกจากห้องน้ำ แต่หนึ่งในนั้นไหวตัวได้ทันมันคว้าตัวผมไว้ก่อนจะเหวี่ยงให้ลงไปนอนที่พื้น ให้ตายตอนนี้ผมเจ็บหลังชะมัด มันขึ้นคร่อมผมก่อนจะกระชากกระดุมให้หลุดไปทั้งแถบ ความกลัวเริ่มเกาะกุม ผมนึกถึงใบหน้าของชานยอลตอนที่มันกำลังถอดเสื้อของตัวเองออก

    แค่อยู่กับผม......อย่าจากผมไปไหน....

    ชานยอลกลายเป็นพระเจ้าของผมไปแล้ว

    ผมหลับตาลงก่อนจะเอามือกุมเสื้อของตัวเองไว้แน่น ไม่อยากจะเห็นอะไรที่มันอุบาทว์ตาอีกต่อไป มันขยับตัวไปมาบนตัวผมเพื่อปลุกปั่นอารมณ์ให้มากขึ้น ไม่นานนักแขนทั้งสองข้างของผมก็ถูกตรึงไว้ทำให้ต้องลืมตาขึ้นมา เห็นท่าว่าผมคงจะไม่รอดแน่น้ำตาจึงไหลจากความกลัวลึกๆในใจ

    กลัว....กลัวว่าชานยอลจะทิ้งผมไปแล้วจริงๆ

    “เล่นกับคนของคนอื่นสนุกมากมั้ย?”

    น้ำเสียงนุ่มทุ้มที่คุ้นเคยดังขึ้น ผมรีบลืมตาและหันไปมองก่อนที่ชานยอลจะผลักคนที่คร่อมผมอยู่ให้ลงไปนอนกับพื้นอย่างแรง มือใหญ่ของเขาจับที่ลำคอของอีกคนไว้แน่น ผมค่อยๆลุกขึ้นนั่งแล้วขยับเข้าไปหาชานยอล

    “ฉันถามว่าสนุกมากมั้ย!? เป็นอีกครั้งที่เขาคำรามด้วยน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์พร้อมกับกดน้ำหนักที่มือลงไปมากขึ้น คนที่คุกคามผมเมื่อกี้กำลังทุรนทุราย ในขณะที่เพื่อนของมันก็หายไปแล้ว ผมแตะแขนของชานยอลเบาๆ ไม่อยากจะให้เขาทำเรื่องที่เลวร้ายหากเขาจะฆ่าใครก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นเพราะผม

    “ชานยอล....”

    “คงไม่รู้จักความตายใช่มั้ยถึงได้ท้าทายมัน”

    น้ำเสียงของเขากลายเป็นแวมไพร์....น้ำเสียงนี้ผมเคยได้ยินอยู่ครั้งสองครั้งตอนเขากำลังโกรธ ชานยอลแยกเขี้ยวและผมเห็นมันเบิกตากว้างพลางสั่นจนลืมไปแล้วว่ากำลังโดนบีบคอ คราวนี้ผมไม่ทำแค่แตะ ดึงแขนของชานยอลแม้รู้ว่าจะสู้แรงของเขาไม่ได้ก็ตาม

    “พอเถอะชานยอล.....ฉันไม่ได้เป็นอะไร”

    “แต่คุณเกือบ.....”

    “แค่เกือบชานยอล แค่เกือบ ฉันยังไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ”

    “คุณร้องไห้ด้วย”

    “นั่นมันเพราะนายต่างหาก”

    ชานยอลมีทีท่าอ่อนลง เขายอมปล่อยมือออกจากคอของเหยื่อแล้วลุกขึ้นมาหาผม มันไอค่อกแค่กเมื่อได้อากาศหายใจ มือใหญ่จัดการถอดเสื้อนักเรียนของผมออกแล้วเอาเสื้อตัวนอกของตัวเองมาให้ผมใส่ก่อนจะโยนเสื้อเชิ้ตที่ถูกกระชากขาดเพียงกระดุมลงถังขยะไป ผมมองตามด้วยความเสียดาย

    “ฉันคิดว่าถ้าเย็บมันนิดหน่อยคงจะเอาไปใช้ต่อได้”

    “ผมจะซื้อให้ใหม่ ไม่อยากจะให้คุณใช้ของที่สกปรกแบบนั้น”

    ว่าพลางส่งยิ้มบางๆมาให้ ชานยอลจัดเสื้อของเขาที่อยู่บนตัวผมให้เข้าที่เข้าทาง นิ้วเรียวกำลังเช็ดน้ำตาที่ไหลเปรอะใบหน้าออกไปช้าๆก่อนจะโอบผมไว้แล้วพาออกไปด้านนอก ผมพบกับคริสที่ยืนอยู่เขายกมือทักทายผมหน่อยๆก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำเมื่อชานยอลส่งสัญญาณ ผมขมวดคิ้วแน่น หันไปหาร่างสูงที่กำลังโอบผมไว้

    “คริสจะไม่ฆ่าเขาใช่มั้ย?”

    “วางใจเถอะครับแบคฮยอน คริสแค่ทำเรื่องที่ต้องทำ”

    คิ้วของผมคลายลงมาหน่อย แต่ก็ยังอยากจะรู้อยู่ดีว่าเรื่องอะไรที่คริสควรจะต้องทำ แต่ถึงกระนั้นผมก็ไม่อยากจะเซ้าซี้เขาไปมากกว่านี้ แค่เขากลับมาหาผมเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว เราเดินกันมาเรื่อยๆจนถึงที่ลานจอดรถ ชานยอลเปิดประตูให้ผมก่อนที่เขาจะเดินกลับไปยังที่นั่งของคนขับ ถึงตอนนี้ผมก็เพิ่งจะนึกออกว่าผมลืมทำอะไรไป

    ผมทิ้งจงแดและมินซอกไว้ที่โรงหนัง ป่านนี้พวกเขาจะรออยู่รึเปล่า

    ว่าจบผมก็ค้นโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก่อนจะพบว่าผมทิ้งมันไว้บนรถของจงแด ผมถอนหายใจออกมาหนักๆ พวกเขาต้องรอผมแน่

    “หาอะไรครับ?”

    “ฉันต้องโทรหาจงแดกับมินซอก เขาอาจจะกำลังรอฉันอยู่”

    “ของผมก็ได้นะ”

    “ขอบคุณ” ผมรับโทรศัพท์ของชานยอลมาในขณะที่เขาก็ค่อนๆเคลื่อนรถออกจากลานจอดรถอย่างนุ่มนวล ผมพบเบอร์จงแดในเครื่องของเขาจึงกดต่อสายไปทันที ใช้เวลาไม่นานฝั่งนั้นก็รับสายราวกับว่ารอโทรศัพท์อยู่

    [ว่าไงชานยอล]

    “ฉันแบคฮยอนเองนะ”

    [อ้าวแบคฮยอน! นี่หายไปไหนเนี่ย ฉันไปหานายที่ห้องน้ำแต่ก็ไม่เจอโทรไปก็ไม่รับ]

    “พอดี...เจอชานยอลน่ะ”

    [ถ้าอย่างนั้นนายควรจะชวนเขามานั่งกินข้าวด้วยกัน มินซอกอยากเจอชานยอลมากเลย]

    “ฉันปวดหัวนิดหน่อย ชานยอลเลยพากลับก่อน ฝากขอโทษมินซอกด้วย แล้วก็เรื่องของ....วันพรุ่งนี้ฉันจะไปเอาที่บ้านนายนะ”

    [โอเค ใช้เวลาเดทในรถให้เต็มที่นะแบคฮยอน บาย]

    เดทในรถบ้าบออะไรกัน

    ผมมองโทรศัพท์ที่ขึ้นชื่อของจงแดแม้ว่าจะวางสายไปแล้ว เพื่อนของผมคนนี้ชอบทำตัวรู้ดีเสมอ ผมส่งโทรศัพท์คืนให้ชานยอลและเอาแต่มองเขาอยู่แบบนั้น ให้ตาย...ผมคิดถึงเขามากจริงๆ ตลอดเวลาเกือบสัปดาห์ที่เราไม่เจอกัน เขาไปทำอะไรอยู่ไหน ทำไมถึงใจร้ายกับผมได้ลงคอ

    “คุณกำลังแอบมองผมอยู่นะ”

    “นายหายไป.....”

    “ผมขอโทษ....ผมแค่คิดว่าถ้าคุณไม่มาเจอผม คุณคงจะไม่คิดเรื่องนี้ แต่ผมทำมันไม่ได้ ผมเห็นแก่ตัวเกินไปแบคฮยอน ผมคิดถึงคุณ”

    “ฉันก็คิดถึงนาย” ผมพึมพำเบาๆ ชานยอลจอดรถที่ข้างทาง เขาหันมามองผมราวกับไม่เชื่อหูตัวเอง มือใหญ่ประคองใบหน้าของผมไว้อย่างทะนุถนอมก่อนที่เขาจะทาบริมฝีปากลงมาเบาๆ ผมไม่ขัดขืนแล้วเบียดริมฝีปากตอบกลับไปก่อนจะค่อยๆคล้องแขนเข้าไปที่ท้ายทอยของอีกฝ่ายเพื่อให้เขาได้ใกล้ชิดผมมากยิ่งขึ้น

    ชานยอลทำผมเสียนิสัย ผมกำลังจะเสพติดเขา

    ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น จูบของเราในครั้งนี้แทนความคิดถึง เขาดูดริมฝีปากผมไปเรื่อยๆจนกระทั่งมันเจ่อ ดวงตาคู่คมจ้องผมอยู่ไม่ห่าง  ชานยอลละจากริมฝีปากของผมขึ้นไปกดจูบเบาๆที่หน้าผากแล้วไล่ลงมาเรื่อยๆ เขาหยุดที่ริมฝีปากผมอีกครั้ง คราวนี้เราจูบกันนานกว่าเดิม

    “ผมจะเปลี่ยนคุณ.....แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้”

    “ฉันหวังว่านายจะไม่เปลี่ยนฉันตอนแก่ ก็แค่นั้น”

    “คุณกลัวความชรารึไงนะแบคฮยอน”

    “ฉันไม่อยากจะแก่หงำเหงือกในขณะที่นายยังดูดี นี่มันไม่ยุติธรรม”

    ชานยอลหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะจูบผมอีกครั้งที่กำลังทำหน้าง้ำไม่พอใจ เขารู้...รู้ว่าวิธีไหนที่จะทำให้ผมอารมณ์ดีได้ ริมฝีปากของเขาเหมือนจะร้อนขึ้นมาหน่อยเมื่อเขาจูบผมอยู่หลายที ร่างสูงผละออกไปอย่างอ้อยอิ่ง เขามองผมด้วยสายตาที่อ่อนโยน ผมชอบเขาที่มองผมแบบนี้

    “ผมชอบตอนคุณแก้มแดงเวลาที่ผมหยอก ผมชอบเสียงลมหายใจของคุณ ผมชอบมองเวลาคุณทานอาหาร ผมชอบฟังเสียงหัวใจของคุณเวลาตื่นเต้น แบคฮยอน...คุณต้องคิดดีๆ หากคุณเปลี่ยน คุณจะไม่มีสิ่งเหล่านั้นอีกแล้ว”

    “ฉันจะใช้เวลาที่เหลือให้คุ้มค่า นายไม่ได้เปลี่ยนฉันตอนนี้ซักหน่อย จริงมั้ย?”

    ผมยิ้มทะเล้น เขาเอื้อมมือมาหนีบจมูกของผมเบาๆ และใช้ริมฝีปากแตะลงที่จมูกผมอีกครั้งนั่นมันทำให้ผมหน้ายับยู่ยี่ ชานยอลไม่ต่างอะไรจากลูกสุนัขที่ชอบเลียหน้า มันให้ความรู้สึกที่ดีแต่นั่นมันทำให้ผมเขิน เขาเริ่มออกรถอีกครั้งหลังจากที่เราหยุดข้างทางกันเสียนาน มือใหญ่ละจากพวงมาลัยมากุมมือผมไว้ ผมแอบยิ้มกับตัวเองน้อยๆก่อนจะปล่อยให้เขาขับรถมือเดียวไปตลอดทาง

     

    เช้าวันเสาร์พ่อเดินมาบอกผมว่าสามารถจับตัวพวกอันธพาลที่ทำร้ายผมเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนได้แล้ว บอกตามตรงเลยนะว่าผมแปลกใจมาก เพราะรู้ดีอยู่แล้วว่าไม่ใช่พวกอันธพาลอะไรทั้งนั้นที่ทำผม หากแต่เป็นแวมไพร์ที่ชื่อว่าจองจีฮุนต่างหาก แล้วใครที่เป็นแพะรับบาปในครั้งนี้

    “อยู่บ้านคนเดียวได้ใช่มั้ย? พ่อต้องไปที่โรงพัก”

    พ่อถามผมหลังจากที่กินข้าวเสร็จ ร่างสมส่วนกำลังสวมเครื่องแบบผมเดินไปช่วยเมื่อพ่อดูรีบร้อน ผู้ชายวัยกลางคนคนนี้ทำให้ผมประหลาดใจได้เสมอ เขามีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้ได้ยังไงน่าแปลกใจจริงๆ อาหารที่กินทุกวันคือมาม่า เสื้อผ้าก็ไม่เป็นที่ทาง แถมยังแต่งตัวผิดบ้างถูกบ้าง ผมเดินออกไปส่งพ่อหน้าบ้าน สังเกตได้ชัดว่าพ่อคลายความกังวลไปได้หน่อยเมื่อมีข่าวว่าจับตัวคนร้ายได้ แต่ความระแวงของผมยังไม่หมดไปในเมื่อคนร้ายตัวจริงยังอยู่

    “พ่อจะไปดูหน้าคนที่มันทำลูก”

    “ผิดก็ว่าไปตามผิดเขาอาจจะมีเหตุผลที่ต้องทำแบบนั้น”

    “แล้วทำไมต้องเป็นลูก เอาเข้าคุกเสียให้เข็ด”

    “พ่อครับ.....”

    “โอเค โอเค พ่อไปแล้ว”

    พ่อขับรถตำรวจที่ผมเกลียดที่จะนั่งออกไป ผมยืนอยู่ตรงนั้นซักพักและก่อนที่จะเข้าบ้าน ก็มีรถหรูมาจอด ผมหันไปมองก่อนจะพบว่าเป็นชานยอลที่กำลังลงมาจากรถ เขาส่งยิ้มให้ผมและเดินเข้ามาหา “ชานยอล”

    “ผมบอกพ่อคุณว่าจะมาอยู่เป็นเพื่อน”

    “พ่อไม่ได้บอกฉัน”

    “ผมเพิ่งบอกท่าน....เมื่อกี้นี้เอง” เขาว่าพลางยกโทรศัพท์ขึ้นมาให้ดู จริงๆมันเริ่มอันตรายขึ้นมาหน่อยเวลาเราอยู่ด้วยกันสองต่อสองเมื่อเราคบกัน ผมกับชานยอลเลื่อนสถานะของตัวเองขึ้นมาเมื่อวานนี้ตอนประมาณสามทุ่ม ผมเดินเข้าไปในบ้าน เปิดทีวีให้ชานยอลนั่งดู แต่มันคงจะไม่ได้ดึงความสนใจของเขาซักเท่าไหร่เพราะสายตาคู่นั้นเอาแต่จ้องมาที่ผม

    “นายรู้เรื่องพวกอันธพาลที่ถูกจับตัวได้ใช่มั้ย?”

    “พวกนั้นสมควรโดนจับครับJ

    “เขาเป็นใคร? นายบังคับหรือเปล่า”

    “พวกนั้นเข้ามอบตัวกับตำรวจเองครับ ผมไม่ได้บังคับเขา”

    เมื่อเห็นรอยยิ้มที่ดูสบายๆผมก็ยิ่งไม่ค่อยเชื่อ ตระกูลปาร์คยังมีอะไรที่ผมคาดไม่ถึงอยู่เสมอ ผมจ้องหน้าเขาก็ยังคงคาดคั้นอยู่แบบนั้น ชานยอลยกมือยอมแพ้ เขาดึงมือผมให้นั่งลงข้างๆก่อนจะกุมมือของผมเอาไว้แล้วไล้หลังมือไปมาอย่างที่ชอบทำเป็นประจำ

    “ผมให้คริสเป็นคนจัดการเรื่องนี้”

    “คริส?”

    “เขาสามารถสะกดจิตได้นิดหน่อย เขารู้ว่าควรจะต้องจัดการเรื่องนี้ยังไง เมื่อวานเขาถึงได้มากับผม”

    “นายยัดเยียดให้เขาไปสารภาพความผิดที่ตัวเองไม่ได้ทำ”

    “พวกมันทำ....เมื่อวานนี้ คุณโดนทำร้าย”

    เขาใช้มืออีกข้างลูบที่แก้มของผมชานยอลอาจจะมีความสามารถพิเศษอีกอย่าง ลมปากที่หวานหู เขากำลังทำให้ผมเหลิงได้ทุกครั้งเวลาที่เขาพูด บางทีอาจจะไม่ใช่คริสแต่เป็นตัวเขาเองต่างหากที่สะกดจิตได้ ผมไม่พูดอะไรต่อปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุมตัวเรา ใช้หัวใจอยู่ด้วยกันซักพัก เขาก้มลงใช้หูแนบลงที่อกด้านซ้าย แน่นอนว่าเสียงหัวใจของผมเต้นดังขึ้น

    “คุณกำลังตื่นเต้น”

    “มันแน่อยู่แล้ว” ผมพึมพำแต่ก็ไม่ได้ผลักไสเขาออกไปปล่อยให้ชานยอลฟังเสียงหัวใจของผมต่อไปอย่างนั้นเรื่อยๆ

    “ผมชอบคุณตอนไหนที่สุดรู้ไหม?”

    “จะไปรู้ได้ยังไง”

    “ตอนที่คุณทำอะไรไม่ถูกเพราะเขินผม”

    “ฉันไม่เคยเป็นแบบนั้นนะชานยอล” เขาใช้จมูกของตัวเองมาเขี่ยที่จมูกของผมเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้ผมจึงเอื้อมมือไปบีบจมูกของเขา ชานยอลหัวเราะก่อนจะดึงตัวผมขึ้นไปนั่งบนตักพลางวางคางบนไหล่ของผม จมูกโด่งๆเริ่มซุกซนไล้ไปทั่วลำคอ ผมตีหลังมือของเขาเบาๆให้หยุด

    “อันตรายสุดๆ อันตรายกว่าจีฮุนอีก”

    “ถ้าคุณไม่ให้ทำ ผมก็จะไม่ทำ”

    “ถ้าฉันบอกให้ทำ?”

    “ผมก็จะทำทันที”

    ไว.....ชานยอลไวมาก

    เขาเปลี่ยนให้ผมลงไปนอนบนโซฟาอย่างรวดเร็วและนุ่มนวล ประกายความเจ้าชู้แสดงออกผ่านทางสายตา ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจนิดหน่อยเมื่อจู่ๆตัวเองก็ถูกจู่โจมเร็วขนาดนี้ก่อนจะหัวเราะออกมา โน้มคอของชานยอลลงมาแตะปากด้วยปากเบาๆแล้วผลักเขาออกไป

    “วันนี้ให้ได้เท่านี้ ฉันต้องไปเอาของที่บ้านของจงแด”

    “ก่อนที่ผมจะมาบ้านคุณ ไปเอามาให้แล้วครับ”

    ชานยอลยิ้ม เขารัดเอวผมไว้ด้วยแขนแข็งแรง ผมแสร้งทำหน้าบึ้งเพื่อให้เขาปล่อยผมให้เป็นอิสระ อยู่อย่างนี้นานๆต่อไปหัวใจผมทำงานหนักแน่ หูของชานยอลดีจะตาย เขาจะต้องได้ยินเสียงแหง เขาทำหน้าลังเลซักพักก่อนจะยอมลุกออกไปจากตัวผมแล้วนั่งอยู่ข้างๆ

    “โกรธหรอ?”

    “ฉันแกล้งน่ะJ

    “คุณใจร้ายมากแบคฮยอน ใจร้ายที่สุด” เขาพึมพำอยู่อย่างนั้น

    ผมนั่งคุยกับเขาซักพักก่อนจะขอตัวขึ้นไปทำการบ้านบนห้อง ชานยอลเดินตามขึ้นมา เมื่อผมนั่งลงที่โต๊ะเขียนหนังสือเขาก็นั่งลงที่เตียง สายตาของเขายังคงจ้องมาที่ผม แน่นอนว่ามันทำให้เสียสมาธินิดหน่อย แต่สุดท้ายแล้วผมก็สามารถดึงสติของตัวเองให้กลับมาได้

    ชานยอลเริ่มเอนตัวลงบนเตียง ผมหันไปมองเขาเล็กน้อยก่อนจะพบว่าเขากำลังหลับตา ผมแอบยิ้มเล็กๆและลงมือทำการบ้านให้เสร็จ ชานยอลไม่เคยหลับอันนี้ผมรู้ แต่เขาก็คงอยากจะพักสายตาบ้างในบ้านของผม

    ใช้เวลาไม่นานผมก็ทำเกือบเสร็จ หันไปหาชานยอล เขาก็ยังคงหลับตาอยู่ ผมค่อยๆเลื่อนเก้าอี้ออกอย่างแผ่วเบาและเดินเข้าไปหาเขาเงียบๆ นั่งลงที่ข้างเตียงพลางจ้องมองคนที่นอนตะแคงมาตั้งแต่ตอนแรก ผมแอบสำรวจใบหน้าของเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต ริมฝีปากแดงฝาดทำให้ผมรู้ว่าเขากำลัง อิ่มองค์ประกอบบนใบหน้าของเขาโดยรวมคือเพอร์เฟค ก่อนที่ผมจะเหลือบไปเห็นหู

    ผมหัวเราะออกมา

    ชานยอลลืมตาขึ้นทันที และแน่นอนว่าเขาล็อคใบหน้าของผมไว้ตรงนั้นไม่ให้ขยับไปไหน คนเจ้าเล่ห์ยกยิ้มขึ้นน้อยๆ เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วเอ่ยปาก “ขำอะไรครับ”

    “หู....หูของนายน่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ....” ว่าจบเขาก็จับหูของตัวเองก่อนจะทำหน้าไม่มั่นใจ

    “นี่เป็นอย่างเดียวเลยที่ทำให้ผมหมดความมั่นใจ”

    “แต่เป็นเอกลักษณ์ดีนะ”

    เขาทำหน้างอเมื่อเห็นผมยังคงล้อเขาไม่หยุด ชานยอลขยับหน้าเข้ามาแตะปากผมด้วยริมฝีปากที่เย็นเยียบของเขา ขบเบาๆให้ผมได้ร้องโวยวายเล่น และถึงตอนนั้นเขาก็ยิ้มออกมา

    “คุณเสร็จผมแล้วแบคฮยอน”



    Talk -7-
     จบตอนเจ็ดแบบรวดเร็ว #ใช้เฟิร์สช้อย แน้ ไม่โฆษณาไม่เอาๆ
    วันนี้สอบปลายภาวันแรกแล้วฮั้บ รีบเอามาลงก่อน
    ไม่รู้ว่าอาทิตย์นี้จะว่างอีกมั้ย.____.
    ขุ่นพีชรงอินจะหายไปซักพัก โผล่มาตอนเดียว
    รับประกันว่านางกลับมาแซ่บแน่นอน #หือ
    ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะครัช <3 
    ชอบอ่านมากๆ :)
    ขอบคุณสำหรับยอดวิวด้วยยยย
    Octopus๑๓ 
    #ฟิคทไวไลท์




     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×