คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : หอแตก : 06
-6-
ผมมีความรู้สึกว่าหมอนข้างแม่งใหญ่ผิดปกติ
แล้วแบบไม่ได้นิ่มเหมือนปกติ ผมค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมามอง หมอนข้างแม่งอันใหญ่ไปจริงๆด้วยแหละ......
“ไอ้ห่าชานยอล!!!”
ผมสะดุ้งลุกพรวดขึ้นมา ปล่อยแขนตัวเองออกจากหมอนข้างอันอย่างควายและตะโกนดังลั่น ไอ้โย่งไม่ตื่นแถมยังทำเพียงพลิกหน้าหนีไปเหมือนรำคาญ ผมปัดป่ายไปตามร่างกายตัวเองก่อนจะพบว่าเสื้อผ้ายังอยู่ครบ เช็คความซิงด้วยการตบลงไปที่สะโพกตัวเองเบาๆเมื่อมันไม่ได้มีอะไรผิดปกติก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
แต่มันไม่ได้หมายความว่าจะจบนะเว้ย
“ไอ้โย่ง! ไอ้เหี้ยยย ตื่น! ตื่นเลย!!”
“เสียงดังจังวะ” มันงัวเงียตื่นขึ้นมาด้วยท่าทางหงุดหงิด ผมผงะไปนิดหน่อย นาฬิกาเรืองแสงอยู่ตรงหัวเตียงบอกเวลาว่าตีสอง มันไม่สมควรจะตื่นขึ้นมาจริงๆนั่นแหละ ผมเงียบไปครู่เมื่อเห็นว่ามันกำลังทำหน้ารำคาญในความมืด พอผมจะเอ่ยปากอะไรต่อมันก็เอาแขนพาดคอผมให้ลงไปนอนด้วยกัน
เฮียคริสช่วยด้วยยยย! ไอ้ชานยอลแม่งจะข่มขืนผมล้ะเนี่ย!!
“ปล่อยกูนะ ไอ้....ไอ้หูกาง! ไอ้โย่งขาโก่ง! ปล่อย!!”
“ถ้ามึงไม่เงียบแล้วนอนนิ่งๆ.....กูทำแน่”
“ทำเหี้ยไร!”
“อย่างที่มึงคิดนั่นแหละ” เท่านั้นผมก็หุบปาก เอาเป็นว่าอย่างที่ผมคิดและอย่างที่มันคิดคืออย่างเดียวกันก็แล้วกันนะ
ผมนอนนิ่งๆตัวแข็งอยู่บนเตียง อยากจะขยับซ้ายแต่ก็กลัวชานยอลตื่น อยากจะขยับขวาแต่ก็กลัวมันรำคาญ เลยทำแค่นอนตัวตรงตาค้างจ้องไปยังเพดา ที่นอนไม่หลับนี่ไม่ใช่อะไร
เสียงหัวใจของไอ้ชานยอล.....แม่งดังไปป่าววะ
สะโหลสะเหลนิดหน่อย
ผมเดินกลับมาที่ห้องตอนประมาณหกโมงเช้า ไอ้แฝดสองคนเหมือนมีเรื่องอยากจะถามอะไรมากมายแต่ผมไม่มีแรงจะตอบ กว่าจะหลับได้ก็ประมาณตีสามครึ่ง แถมยังต้องตื่นเร็วเพราะไอ้ชานยอลมักจะตื่นเวลานี้เป็นประจำ พออาบน้ำเสร็จก็ระเห็จร่างตัวเองไปยังแคนทีน รอเซฮุนซื้อข้าวให้
“แบคฮยอน”
“อือ.......”
“เจ็บมั้ย?”
“.....เจ็บไร?”
“.......ก้นมึงอะ”
ผลั๊วะ
“ไอ้เหี้ย ถามด้วยความเป็นห่วง” จงอินลูบหัวตัวเองป้อยๆเมื่อผมฟาดเข้าไปทีหนึ่งด้วยความรัก มีอย่างที่ไหนถามด้วยหน้าตาจริงจัง ดีนะไอ้เซฮุนไม่อยู่เพราะไอ้ตัวนี้ก็ขยันช่างยุเหลือเกิน ผมฟุบหน้าลงบนโต๊ะกินข้าว ไม่อยากจะพูดอะไรไปมากกว่านี้ ง่วงก็ง่วง ไอ้ชานยอลทำให้ผมหลับไม่ลง
มีอย่างที่ไหนตัวเองหลับหน้าตาเฉยแล้วให้คนอื่นนอนฟังเสียงหัวใจมันที่เต้นดังซะจน......
ไอ้ห่า! คิดอะไรกะกูป้ะเนี่ย!
ผมสะดุ้งขึ้นมาทันทีเมื่อจู่ๆความคิดประหลาดก็แล่นเข้ามาในหัว แถมหน้าไอ้ชานยอลยังลอยเข้ามาอีก ดูๆๆ ขนนี่ลุกพรึ่บอย่างพร้อมเพรียงเลยครับอยากบอก
“มึงจะบอกป้ะ?”
“กูง่วง.....”
“ชานยอล!! กูมีเรื่องจะถาม! มานี่แป๊บ......อุ้บ!”
จากง่วงๆนี่ตื่นทันที ผมเอื้อมมือไปอุดปากของไอ้ดำกัมจงที่ตะโกนเรียนปาร์คชานยอลที่กำลังจะเดินขึ้นไปบนห้องอาหารสุดหรู ผมกัดฟันพลางส่งสายตาคาดโทษไปที เสียงรองเท้าหนังดังกระทบกับพื้นที่ดังไม่ไกลทำให้ผมรู้ว่าชานยอลกำลังเดินมาทางนี้ ดีว่าไอ้จื่อเทาไม่มาด้วย
“มีไร?”
“ไม่มี ไปแดกข้าวไป”
“ก็มันทำท่าจะพูดอะไรอยู่นี่ ไม่มีอะไรได้ไง”
ปาร์คชานยอลหูกางยืนเต๊ะอยู่นี่ ผมส่งสายตาไล่แต่มันก็ไม่ไป จงอินแกะมือผมออกก่อนจะทำท่าแหยะอยู่แป๊บแล้วทำท่าเป็นกระซิบกระซาบ “สารภาพมาซะดีๆ มึงได้แบคฮยอนแล้วใช่ปะ”
“ไอ้จงอิน!!”
“ชี่ เบาๆ เบาๆ เดี๋ยวพี่คริสมาได้ยินเข้า ผัวมึงจะแย่นา”
“ผงผัวไร เดี๋ยวจะโดนตีน ชานยอล! ยืนทำห่าไรล่ะ ไปแดกข้าวสิไป!!”
“เมื่อคืนยังว่าง่ายนอนกอดกูอยู่แท้ๆ”
ทิ้งระเบิดไว้แค่นั้นก่อนจะเดินออกไปนิ่งๆ
นิ่ง....สรรพสิ่งในแคนทีนแม่งนิ่ง ส่วนจงอินก็อ้าปากค้าง จนชานยอลเดินขึ้นบันไดไปนั่นล่ะมันถึงได้ร้องออกมาเสียยาวเหยียดในขณะที่ผมก็จิตหลุดไปแล้ว เสียงฮือฮาเริ่มดังไปทั่วแคนทีนในขณะที่ผมก็ค่อยๆนั่งลงบนเก้าอี้ตามที่เซฮุนบอกให้นั่ง
ผมนอนกอดมัน?
ผมว่าง่ายด้วย?
โอ๊ยยยยยยยยยย ชีวิตลูกผู้ชายของบยอนแบคฮยอนถึงจุดจบแล้วครับ!!
ผมจัดการส่งเรื่องการวางแผนสำหรับงานประเพณีหอให้เซฮุนและจงอินเป็นคนรับผิดชอบ
งานประเพณีหอมันคืออะไร? อืม...จริงๆแล้วเราเรียกมันอีกชื่อว่างานชิงธง แต่ละหอจะมีธงประจำหอละหนึ่งธง เราจะต้องบุกเข้าหออื่นเพื่อไปแย่งมา ทำยังไงก็ได้ให้แต้มรวมมากที่สุด เพราะฉะนั้นหอพิเศษที่มีแต้มมากที่สุดก็จะถูกหมายตาเป็นอันดับแรก แต่ก็ใช่ว่าจะเข้าไปง่าย เมื่อปีที่แล้วรุ่นพี่สั่งให้ผมไปบุกหอหนึ่ง ได้ธงมา แต่ถูกหอสองชิงธงของหอตัวเองไปก่อน เมื่อปีที่แล้วไอ้หอสองที่ได้จากทั้งหอพิเศษ หอผมรวมทั้งป้องกันธงหอตัวเองไว้ได้ก็ชนะไปแบบขาดลอย
คนที่ชนะจะได้กินข้าวบนห้องอาหารที่พวกหอพิเศษได้กินกันประมาณสามเดือน กีฬาสีสามารถเลือกที่ซ้อมและเลือกสีก่อนได้ แถมปีนี้ยังพิเศษตรงที่จะได้เข้าไปที่หอหญิง ผมนี่เนื้อเต้นริกๆ~
ความจริงเราสามารถไปฝั่งหอหญิงได้ตอนจัดงานโรงเรียน ทั้งฝ่ายชายฝ่ายหญิงจะจัดงานพร้อมกัน มีคนนอกเข้ามาเยี่ยมชม ทำให้เราสามารถแอบดอดไปฝั่งนั้นได้ถ้าไม่โดนเพื่อนในห้องด่าเสียก่อน งานโรงเรียนจะจัดขึ้นช่วงต้นเทอมสอง เสมือนกับเป็นการเปิดรั้วเพื่อให้น้องๆที่อยากเข้ามาศึกษาต่อได้มาเยี่ยมชม
จริงๆแล้วงานชิงธงไม่ได้ง่ายมากเท่าไหร่หรอกครับ งานนี้มันอยู่ที่ไหวพริบและการวางแผนของแต่ละหอ ถ้าสามัคคีและประสานงานกันดี ก็มีชัยไปกว่าครึ่ง ผมตั้งใจว่าจะให้เด็กในหอทุกคนออกกำลังกายทุกวันหลังเลิกเรียน ฟิตซ้อมให้หออื่นแม่งกลัวกันซักหน่อย อย่างน้อยก็ต้องแข็งแรงเพื่อป้องกันตัวเองไว้บ้าง
ผมกำลังคิดว่าปีนี้ตัวเองก็จะเป็นฝ่ายบุกอีกตามเคย
ไม่เอาหรอกครับหน้าที่เฝ้าธงอะไรนั่น ไม่ถนัดนั่งอยู่เฉยๆรอคนมาหา สู้ออกไปเองดีกว่า
งานนี้ไอ้ชานยอลเจอผมแน่ล่ะ.....
เหอะ! มีอย่างที่ไหน เมื่อเช้าเล่นซะอึนมึนกันไปข้าง ผมแค่จะอาศัยนอนห้องมันคืนเดียว ลากผมขึ้นเตียงแบบไม่บอกกล่าวซะงั้นอะ ผมเสียหายนะครับผมเสียหาย!
ผมนอนแผ่อยู่บนเตียง กำลังคิดอยู่ว่าวันนี้จะเบี้ยวไม่ไปทำความสะอาดห้องของประธานนักเรียน ตั้งแต่ได้ยินเสียงหัวใจของมันที่เต้นดังขนาดนั้นผมก็รู้สึกแปลกๆ
คนบ้าอะไรเสียงหัวใจจะเต้นดังขนาดนั้น! ผนังห้องหัวใจแม่งบางมากเลยรึไง ไม่รู้ล่ะ เป็นห่วงสวัสดิภาพประตูหลังของตัวเองมาก ถึงไอ้หูกางแม่งจะยืนยันว่าไม่นิยมประเภทแบบผมก็เถอะแต่อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ใช่มั้ยล่ะ!
นาฬิกาบอกเวลาสามทุ่มครึ่ง ผมตื่นขึ้นมาก็ตอนไอ้เซฮุนและจงอินกลับมา มันพูดอะไรซักอย่างกับผมแบบที่จับใจความไม่ได้แล้วก็หายเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกัน(ก็งงๆเหมือนกันครับว่าเข้าไปทำอะไร) ผมเดินแบบมึนๆไปปิดประตูห้อง แต่ยังไม่ทันที่จะปิดได้สนิทใครบางคนก็บุกเข้ามา ผมเบิกตากว้างทันที
“ไอ้ชานยอล!”
“เบี้ยวงาน” ร่างสูงๆของประธานนักเรียนยืนขวางอยู่ ผมเบิกตากว้างขึ้นมานิดหน่อยก่อนจะพยายามปิดประตู แต่ก็ไม่เป็นผล ไอ้โย่งไม่หลบแถมยังจับข้อมือผมไว้พลางลากไปด้วยกัน
เฮียคริสสสส น้องจะโดนข่มขืนล้ะโว้ย! วันนี้ลากเลยนะ!! ลากเลยยยย
“ปล่อยกูชานยอล! ปล่อยสิวะ!!”
“เลือกเอาว่าจะกลับไปที่ห้องแล้วให้กูบอกมิสคิม กับไปตอนนี้แล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มึงจะเลือกอะไร”
“กูจะกลับ ปล่อยกูวววววว”
“งั้นบอกมิสคิม”
“ไอ้ขี้ฟ้อง!!”
“เปล่า กูแค่ทำเรื่องที่ควรทำ”
เพราะอย่างนั้นผมเลยต้องมาหยุดอยู่ที่ห้องเดิม ผมนึกสงสัยนิดหน่อยว่าทำไมต้องไปตามขนาดนั้น แต่พอเห็นสภาพห้องแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ง่วงจะตายห่าอยู่แล้วยังต้องมาเก็บห้องรกๆนี่อีก ไม่รู้ว่าวันนี้มีผีห่าซาตานที่ไหนมาทำห้องเละอย่างไรหรือก็ไม่ทราบได้ สารพัดเศษกระดาษกองเกลื่อนอยู่บนพื้น
ผมทำหน้าเซ็งเมื่อเห็นสภาพห้องที่เหมือนกับโดนพายุถล่มก็ไม่ปาน
“ก็บอกแล้วว่าห้องมันรก”
ไอ้หูกางว่าก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนจะเดินออกมาแล้วหยิบหมอนที่อยู่บนโซฟามากอดด้วยท่าทางมุ้งมิ้ง ส่วนมือมันก็กดเปลี่ยนช่องไปเรื่อย ผมล่ะงงว่าวันนี้มันว่างมากนักรึยังไง ปกติจะต้องนั่งอ่านอะไรซักอย่าง แต่วันนี้กลับดูทีวีชิลๆในขณะที่ผมต้องเก็บห้องให้มันเนี่ยนะ?
จิตใจมึงทำด้วยอะไรไอ้หูกางงงงงง
ผมทำอะไรมากไปกว่านั้นไม่ได้ นอกจากเดินเก็บเศษกระดาษที่กระจัดกระจายแล้วเอาขวดแชมพูที่วางอยู่บนโต๊ะกินข้าวไปเก็บในห้องน้ำ แล้วย้ายกระปุกน้ำตาลที่วางอยู่ตรงชั้นวางสบู่ไปเก็บไว้ที่เดิมของมัน คงมีอะไรผิดปกติจริงๆนั่นแหละมันถึงได้เป็นมากขนาดนี้
“ไอ้โย่ง หนังสือนี่เก็บไว้ไหนวะ?”
“ในห้อง” มันตอบพลางไม่มองหน้า เอาแต่จ้องที่จอโทรทัศน์ ผมเลยกรอกตาตัวเองไปมาก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง บนเตียงก็ใช่ย่อย ยับยู่ยี่อย่างกับเพิ่งผ่านศึก
ผ่านศึก?
ผมมองไปยังหนังสืออะไรซักอย่างที่อยู่บนเตียง หน้าปกคุ้นๆว่าจะเป็นผู้หญิง ผมเก็บหนังสือที่ถือเข้ามาก่อนจะรุดกระโดดไปนั่งกลางเตียง คราวนี้เห็นชัดเต็มสองตาเลยว่าสิ่งที่อยู่บนปกไม่ใช่แค่ผู้หญิงธรรมดา แต่เป็นผู้สาวหุ่นเอ็กซ์ที่นุ่งเพียงผ้าสองชิ้น คาดบนคาดล่าง
ผมกลืนน้ำลายดังเอื๊อก
มือไม้นี่สั่นไปหมดตอนเปิดไปดูข้างใน ไม่ใช่ว่าไม่เคยดูแต่ผมก็ไม่ได้เจนจัดถึงขนาดมีไว้เป็นคอลเลคชั่น นานๆทีจะเปิดเจอตามเว็บเสียมากกว่า อีกอย่างผมก็ไม่ได้หมกมุ่นถึงขนาดเล่นเช้าเล่นเย็นอะไรขนาดนั้นด้วย
แม่เจ้าโว้ย.....เนื้อ นม ไข่ หัว ไหล่ ตูด
“ทำไร?”
“.........เยเฮท”
“เยเฮท...? เฮ้ย!” ไอ้ชานยอลเดินเข้ามาดึงหนังสือออกไปจากมือ ผมรีบหันขวับกลับไปหมายมั่นปั้นมือว่ายังไงคืนนี้จะต้องดูให้หมดเล่ม โอกาสมาขนาดนี้แล้วจะปล่อยให้หลุดมือได้ยังไง ถึงจะสงสัยว่าคนอย่างประธานนักเรียนจะมีไว้ในครอบครองไว้ได้ยังไงก็เถอะ มันเป็นของที่ห้ามเอาเข้ามาไว้ในหอ
“เอามา!!”
“พอได้แล้วไอ้เตี้ย”
“ไอ้สัด เอามากูยังดูไม่หมดเลย”
“ไม่ต้องดูเลย พอ พอ พอ” ผมทำหน้าง้ำเมื่อชานยอลแม่งแปลงร่างทำท่าจะเป็นพ่อคนที่ห้า
ได้แต่บอกลาสาวสวยอกฟูคนนั้นทางสายตา ไอ้โย่งหันกลับมาเห็นผมทำหน้าหงิกก็เอามือเท้าเอว “เอามาจากไหน”
“เอามาจากไหนอะไร อยู่บนเตียงมึงอะแหละไอ้กาม”
“ไม่ใช่ของกู” มันว่าพลางขมวดคิ้ว
“เหอะทำมาเป็นว่า โดนจับได้แล้วก็ปัดว่าไม่ใช่ของตัว เอางี้ แลกกับการที่กูจะไม่บอกมิสคิม มึงต้องเอามาให้กู”
ผมต่อรองแบบแฟร์ๆ ไม่ใช่อะไรหรอก ตอนนี้อารมณ์แม่งมาเต็มแล้ว ซักรอบนึงก็ยังดีวะ...อะไรนะ? ติดเรทหรอ เดี๋ยวจะโดนแบน? เออๆ ผมไปทำในที่ลับตาคนอยู่แล้วล่ะน่ะไม่ใช่ตรงนี้หรอก ชานยอลคิ้วพันกันยุ่งเมื่อได้ยินข้อเสนอ มันเอามือชี้มาทางผม
“เอาให้มึง? ดูแค่นี้มีอารมณ์? ไก่ชิบหาย”
ไอ้ห่า....ความอยากของกูลดลงไปประมาณแปดสิบเปอร์เซ็นต์
ผมกรอกตาก่อนจะตัดสินใจเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วเขย่งปลายเท้าจะหยิบน้องฟูฟู (นมฟูวววว)ที่วางอ้าซ่าบนหลังตู้ลงมา ไอ้ชานยอลรีบเข้ามาใช้แขนใหญ่นั่นสอดเข้ามาที่เอวผมก่อนจะลากออกมา ผมดิ้นแทบตายแต่สุดท้ายก็จบลงที่เตียง(แค่มานอนบนเตียงนะ พวกเธอกำลังคิดอะไรกันอยู่เนี่ย!)
“นอนได้แล้ว”
“งั้นก็ไปส่งกูที่ห้องสิ! นอนกับมึงรึไง เกิดมึงปล้ำกูกลางดึกขึ้นมาทำไง”
“กูไม่ใช่คนที่มีอารมณ์ง่ายๆเพียงเพราะเห็นอกผู้หญิงหน่อยเดียวหรอกนะ”
โอเค! กูมันอ่อน กูมันไก่! กูมันกาก หนอยแน่ะ!
ผมพลิกตัวเองไปนอนอยู่ริมเตียง กอดอกตัวเองไว้แน่นพลางดึงผ้าห่มของเจ้าของห้องมาไว้คนเดียว ไอ้ชานยอลปิดสวิตซ์ไฟที่หัวเตียงแล้วทิ้งตัวลงนอนไม่คิดจะแย่งผ้าห่มจากผม ให้กลับห้องคนเดียวตอนนี้หรอ? ไม่เอาหรอกเรื่องอะไรล่ะ!
เพราะฉะนั้น กูจะยอมมึงไปอีกวันแล้วกันนะปาร์คชานยอล!!
วันนี้เป็นวันเสาร์มีคนขับรถมารับผมกับพี่คริสแต่เช้าให้กลับบ้าน ผมมาถึงที่บ้านตอนแปดโมงเช้าใช้เวลาเดินทางจากโรงเรียนมานี่หนึ่งชั่วโมงเต็มพอดี บอกแล้วว่าคนขับรถมารับเช้ามากจริงๆ บ้านผมมีสองหลัง หลังแรกอยู่ในโซลซึ่งเป็นบ้านประจำที่อยู่กันบ่อย วันนี้ผมเข้ามาที่บ้านหลังนี้ ส่วนอีกหลังเป็นบ้านไร่อยู่นอกเมือง ไม่ไกลจากโรงเรียนผมเท่าไหร่ ที่นี่ไว้ใช้สำหรับทำสวนทำไร่ แหล่งทำรายได้เข้าครอบครัว เราใช้ที่เป็นพันไร่ในการเพาะปลูกผลไม้ปลูกไว้หลายอย่างมากครับ แต่ที่เห็นจะทำรายได้ดีก็น่าจะเป็นองุ่นที่สามารถเอาไปแปรรูปทำอะไรได้เยอะ ถ้าอาทิตย์ไหนพ่อไม่ยุ่งมากพี่แบคบอมพอจะมีเวลาและพี่อีทึกไม่ติดต้องเข้าเวรขึ้นวอร์ดเราจะกลับบ้านไร่กัน
ผมสะพายกระเป๋าเป้ใบเล็กๆไว้บนหลังก่อนจะเดินเข้าบ้านไป ได้กลิ่นหอมๆของกับข้าวก็ทำจมูกฟุดฟิดๆตามกลิ่นไป ส่วนไอ้พี่คริสก็หายตัวขึ้นห้องไปแล้ว ให้ผมเดาน่าจะไปนอนต่อแต่ผมก็ต้องขึ้นไปปลุกมันอยู่ดีนั่นแหละ! ลองมีกลิ่นกับข้าวฉุยๆทั่วบ้านก็แสดงว่าแม่ทำกับข้าวจะเสร็จแล้ว
“มาแล้วหรอ มาชิมกับข้าวหน่อยเร็ว”
เรื่องชิมถนัดนักแหละครับ ผมรีบเดินไปอ้าปากงับช้อนทันทีก่อนจะชูนิ้วโป้งบอกแม่ว่าอาหารมื้อนี้โคตรจะยอดเยี่ยม หญิงสาววัยกลางคนลูบศีรษะของผมเบาๆแล้วเอ่ยปาก
“ไปปลุกพี่ๆไปลูกไป เดี๋ยวแม่ไปเรียกพ่อเอง”
“คร้าบ~” ผมโยนกระเป๋าทิ้งไปไว้ที่ห้องรับแขกแล้วจัดการบุกเข้าไปที่ห้องของพี่แบคบอมเป็นคนแรก รีบรุดกระโดดขึ้นไปบนเตียงแล้วกระชากผ้าห่มออกมา เห็นแล้วก็เพลียนักแหละครับเพราะพี่แบคบอมไม่ชอบใส่เสื้อนอน ถ้าวันไหนไม่ใส่เสื้อผ้าโป๊เปลือยทั้งบนและล่างเป็นอันรู้กันว่าไปเมามา สาวไหนได้พี่ผมไปเป็นสามีก็ต้องทำใจหน่อยนะครับนิสัยนี้น่าจะแก้ไม่หายด้วย ร่างยาวๆของพี่แบคบอมยืดตัวออกคิ้วเข้มนั่นเริ่มขมวดเข้าหากันแล้วค่อยๆหรี่ตามอง ผมก้มหน้าลงไปใกล้พลางตะโกน
“ตื่นได้แล้ววววววววว!! แม่ทำกับข้าวเสร็จแล้วววววว!”
“ไอ้ลูกหมา เสียงดังว่ะ~”
ไม่ว่าเปล่ายังโดนจับล็อคคอแล้วกระชากให้ลงไปนอนด้วยกัน พี่ชายคนโตขยี้หัวผมอย่างไม่ปราณีจนตอนนี้ผมมันไม่เป็นทรงแล้ว ผมเลยงับแขนมันไปทีก่อนจะดีดตัวออกมายืนจังก้ากอดอกหัวฟูบนเตียง “ล้างหน้า! แปรงฟัน! ได้เวลาไปกินข้าวแล้ว!”
“มาถึงกี่โมง?”
“เมื่อกี้ ไปเร็ว ลุกๆๆๆๆ”
“มาให้หอมแก้มก่อนดิ๊”
“ตลก! แบคอายุสิบแปดแล้วนะ มาหงมาหอมอะไร ลุกได้แล้วพี่แบคบอมมมม!”
ผมดึงขายาวๆนั่นแล้วพยายามจะออกแรงลาก แต่มันไม่สะเทือนแม้แต่น้อย โอเค! ต่อไปสัญญาว่าจะกินข้าวให้มากกว่านี้ พี่คนโตไม่สะดุ้งสะเทือนอะไรกับการกระทำของผมเลยแม้แต่น้อย ให้ตายห่า! อยู่บ้านนี่เสียเปรียบตลอดเหอะ! ผมกระโดดลงจากเตียงยื่นแก้มไปให้มันหอมอย่างที่เมื่อก่อนทำเป็นประจำทุกทีเวลามาปลุก พี่แบคบอมกดปลายจมูกโด่งๆลงที่แก้มผมแล้วค่อยลุกขึ้นนั่ง
“น่ารักมากไอ้ลูกหมา อีกสิบนาทีเจอกันที่โต๊ะอาหารนะ”
“เออ!”
กระทั้นเสียงลงไปทำหน้ามุ่ยเดินออกมาจากห้อง และห้องถัดมาคือห้องของไอ้พี่อีทึก ดูไม่ค่อยยากครับโปสเตอร์สาวๆวงเกิร์ลเดย์แปะหราขนาดนี้ ผมหมุนลูกบิดเข้าไปเห็นเตียงปราศจากร่างของพี่อีทึกแล้วก็แปลกใจ เอ้าถ้าไม่อยู่บนเตียงก็คือตื่นแล้วใช่มั้ย? ผมเดินไปดูที่ห้องน้ำก็ไม่มีคนอยู่ในนั้นก่อนจะหันกลับไปมองที่เตียงอีกทีพบว่าพี่คนรองของผมมันกลิ้งลงมานอนอยู่ข้างเตียง.....อย่าบอกนะว่านอนละเมออีกแล้ว
“พี่ทึก อีทึก”
ผมนั่งยองๆใช้มือสะกิด หน้าขาวๆซุกลงที่หมอนข้างแล้วพลิกตัวหนีผมไปอีกทาง ผมยื้อแย่งหมอนข้างอยู่ซักพักก่อนที่คนขี้เซาจะลืมตาขึ้นมามองแบบมึนๆ คงพอจะรู้แล้วครับว่าเป็นผม แขนยาวๆเลยคว้าตัวลงไปกอดแทนหมอนข้าง
ฟรั๊คคคคคคค! อย่าให้กูตัวโตบ้างนะ!
“มาแล้วหรอแบคฮยอน คิดถึ้งคิดถึง”
“พี่ทึกเมายาใช่มั้ย โอ๊ยยย กอดแน่นแบบนี้แบคจะฟ้องแม่! แม่งพี่แกล้งน้อง”
“มาเมื่อคืนหรอ?”
“เมื่อเช้าต่างหาก! ปล่อยแบค เร็วเข้าแม่เรียกกินข้าวแล้ว”
ผมยืดตัวแล้วยืดตัวอีกเหมือนไส้เดือนกำลังจะชอนไชโผล่ขึ้นมาให้พ้นดิน พี่อีทึกงึมงำอะไรซักอย่างพลางกดปลายจมูกลงที่แก้มแล้วจึงยอมปล่อยให้ผมเป็นอิสระ นี่ขนาดผมเป็นผู้ชายนะพี่ๆยังเห่อผมขนาดนี้ ไม่อยากจะนึกสภาพตัวเองแปลงร่างเป็นผู้หญิงว่ะ ถูกบังคับให้เรียกโอป้าคะโอป้าทั้งวันแน่
แค่คิดก็ขนลุกแล้ว.....
สุดท้ายผมเดินไปที่ห้องนอนของพี่คริส เห็นมันกำลังนอนแผ่อยู่บนเตียงผมเลยกระโดดทับตัวมันไปอั้ก อย่าคิดว่าผลที่ได้รับกลับมาคือการกอดรัดฟัดเหวี่ยงแบบพี่ชายสองคนแรก แม่งตบหัวผมเหอะ แต่สุดท้ายแขนแข็งแรงนั่นก็กอดผมอยู่ดี โห่ยไรวะแล้วจะตบหัวผมทำซากฟอสซิลอะไรเนี่ย ไม่ได้ตบเบาๆด้วยนะ น้องมึงโง่ขึ้นมาใครจะรับผิดชอบวะ!
“คิดว่าตัวเบารึไงไอ้ลูกหมา”
“เฮียก็ตื่นดิวะ เป็นอะไรกันวะทำไมต้องกอดผมด้วยเนี่ยยยยยยยยย”
“อยู่บ้านให้แทนตัวเองว่าไง?”
“ก็ทำเหมือนอยู่โรงเรียนจะไปผิดอะไรล่ะ!”
“แบคฮยอน......”
“อื้ออออออออ แม่เรียกให้ลงไปกินข้าวแล้ว เร็วๆแบคหิว”
สาบานว่าไม่ได้จะโนเนะ แต่โดนบังคับจริงๆ!
พวกพี่ผมแม่งบ้า! บ้าอะ! แบบ....โอ๊ย! ไม่รู้จะอธิบายยังไง หวงผมอย่างกับว่าผมเป็นผู้หญิง บังคับให้ผมแทนตัวเองว่าน้องแบค(เมื่อก่อนต้องแทนตัวเองว่าแบบนั้นจริงๆ)แต่พอโตมาหน่อยเลยลดดีกรีเหลือแค่แบคก็พอ จะมีก็ไอ้พี่คริสที่อนุโลมให้แทนตัวเองว่าผมเฉพาะตอนอยู่โรงเรียน นี่คิดว่าผมเป็นสาวน้อยวัยกำลังแตกเนื้อสาวรึไงวะ!
“โดนพี่เขาแหย่มาอีกล่ะสิ แกล้งอะไรน้องหื้อ? แบคบอม อีทึก คริส”
“จะอะไรล่ะครับแม่ บอมก็แค่คิดถึงน้อง ไม่เจอกันนานตัวโตขึ้นเป็นกอง”
“อย่ามาเว่อร์ แบคเพิ่งเข้าหอไปได้อาทิตย์เดียว”
“ช่วงนี้ทึกทำงานหนัก สาวๆไม่มีให้แกล้งก็มาแหย่น้องเนี่ยแหละ ชื่นใจดี”
“แม่คร้าบบบบ ดูลูกแม่แต่ละคนดิ โห่ย แบคไม่ใช่ตุ๊กตานะแกล้งเอาๆเนี่ย”
ผมกอดเอวแม่ในขณะที่พ่อก็หัวเราะอยู่ที่หัวโต๊ะ ผมต้องคอยช่วยแม่ตักข้าวให้กับทุกคนส่วนพี่คริสก็เพิ่งเดินหัวยุ่งลงมาจากห้อง วันนี้กินข้าวเสร็จเห็นพี่แบคบอมเปรยๆว่าจะพาไปซื้อรองเท้า พี่อีทึกจะซื้อเสื้อให้ส่วนพี่คริสจะเลี้ยงหนัง อุวะฮะฮ่า เกิดมาเป็นน้องคนเล็กก็ดีงี้แหละครับพี่ๆก็ตามใจ (ก่อนหน้านั้นเพิ่งจะบ่นไปหยกๆ)
ครอบครัวของผมค่อนข้างแฮปปี้ครับ ไม่ค่อยมีเรื่องดราม่าอะไรเท่าไหร่นอกซะจากแม่อยากไปเที่ยวแต่พ่อติดงาน หนีไปกลบดานอยู่บ้านไร่แถมพ่อยังหาแม่ไม่เจออีก ตอนนั้นผมล่ะโคตรขำ มีอย่างที่ไหนบ้านของตัวแท้ๆแต่หาเมียตัวเองไม่เจอ
“เออนี่ ไอ้แบคเมื่ออาทิตย์ก่อนถอดเสื้อเล่นบาส คนงี้มองตาเป็นมัน”
“ว่าไงนะ!!” พี่แบคบอมเอาแล้วครับ....
พี่คนโตกับพี่คนรองหันมาส่งสายตาดุใส่ทันที ผมได้แต่หันไปกอดเอวแม่เอาไว้ไม่ให้โดนดุและสุดท้ายแม่ก็เป็นคนห้ามทัพ ผมรอดจากการโดนเทศนาไปโดยปริยาย
โปรดฟังอีกครั้ง ผมเป็นผู้ชายโว้ย!!!!!!!!!!!!!!!
Talk -06-
อยู่ ให้มีศักดิ์ศรี
ดี ให้มีคุณค่า
บ้า ให้มีเหตุผล
ทน ให้มีเป้าหมาย
และตาย ให้มีคนจำ
ที่มา http://www.thaiquip.com/tag/คติสอนใจ
นมฟูววว....อะไร อิแบค ถถถถถถถถ
พี่แบคของเราแมนๆ ติดเรทบ้างไม่ว่ากัน จะไม่โจ่งแจ้ง
เพราะพี่แบคบอกว่าจะไปทำในห้องน้ำ #นรกแตกมาก ถถถถถ
ครอบครัวบยอนมาแย้ว <3
โง่ยยยยย จับน้องแบคแปลงร่างให้เป็นผู้หญิง
โอป้าคะ...เอ่อ....โอป้าขา โอเค เราข้ามตอนนี้ไปเลย
กรี๊ดดดดด นี่ไม่ใช่ ไม่ใช่พี่แบคหอสามซักหน่อย
#ไรท์เป็นบ้าแล้วจย้า
อย่าลืมแทคในทวิตเทอร์น้าาาาาาา
#ฟิคหอแตก #พี่แบคหอสาม
ความคิดเห็น