คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : -5-
ฟิ้ว ปี๊บปี๊บ ฟุ่บ #อะไร
เห็นรูปแล้วน่าปล้ำมากเบย...
โอเค ชานยอลกำลังมาทางนี้
บรัย
-5-
ปาร์ตี้เล็กๆถูกจัดขึ้นที่สวนข้างบ้าน น่าแปลกที่วันนี้อากาศเป็นใจให้ออกมาทานข้าวด้านอก ผมชักจะแปลกใจขึ้นมาว่าหนึ่งในพวกเขามีความสามารถพิเศษเช่นควบคุมลมฝนอะไรอย่างนี้ด้วยหรือเปล่า แต่ก็ต้องสะบัดความคิดเหล่านั้นทิ้งไปเมื่อรู้สึกว่ามันไร้สาระเอามากๆ เซฮุนกำลังสนุกกับการย่างเนื้อบนเตาบาร์บีคิว มีอาหารมากมายหลายอย่าง ผมได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยว่าทำไมพวกเขาถึงทำอาหารมากมายขนาดนี้
“เดี๋ยวพอดึกซักหน่อย จื่อเทาจะเป็นคนเอาไปให้เด็กๆที่สลัม”
“อ้อ นึกว่าจะกินกันเสียอีก” ซูโฮเดินเข้ามาอธิบาย เหมือนเขาจะอ่านความคิดของผมออก ผมจัดการจิ้มเนื้อในจานแล้วส่งมันเข้าปาก มันอร่อยมากจริงๆ เห็นว่าคุณนายปาร์คเป็นคนทำเองทั้งหมด
“อร่อยมั้ย?”
“มากๆเลยล่ะ”
“ดีจังนะที่นายยังรู้รสชาติ”
“แล้ว.....ซูโฮไม่รู้รสชาติหรอ?”
“เราจะสูญเสียประสาทรับรสเมื่อเราเปลี่ยน ฉันจำไม่ได้แล้วว่ารสชาติอาหารที่อร่อยเป็นยังไง แต่เลือดก็ให้ความรู้สึกที่ดีนะJ”
ผมรู้สึกแปลกๆนิดหน่อยเมื่อเขาพูดถึงเลือดด้วยใบหน้าแบบนั้น
เหมือนกับซูโฮจะรู้ว่าผมคิดว่าอะไร เขาก็หัวเราะออกมาเบาๆแล้วตัดสินใจนั่งลงตรงข้ามกัน ชานยอลกับคุณหมอปาร์คไปหาฟืนสำหรับการก่อกองไฟในค่ำนี้ ผู้ชายผิวขาวตรงหน้ายิ้มแล้วมองมายังผม เขาเอามือเท้าคางแล้วจ้องอยู่แบบนั้น “มีอะไรรึเปล่า” ผมตัดสินใจถามออกไปในที่สุด
“ไม่หรอก ฉันแค่รู้สึกดีน่ะ”
“อ่า......”
“ตอนแรก ฉันกับชานยอลเราตั้งใจว่าจะเป็นคนรักกัน พยายามอยู่หลายสิบปีเชียวล่ะ แต่ในที่สุดมันก็เป็นไปไม่ได้ ฉันไม่ได้รักเขาจนกระทั่งมีจื่อเทาเข้ามาร่วมครอบครัว ฉันก็ยิ่งรู้สึกผิดที่ต้องปล่อยให้ชานยอลอยู่คนเดียว”
“..........”
“แต่ตอนนี้เขาเจอนายแล้ว”
“.......จริงๆแล้วฉันก็ไม่ได้จะเป็นคนรักหรืออะไร เพียงแต่.......”
“ฉันไม่เคยเห็นชานยอลคลั่งมาก่อน เขาเป็นคนที่สุขุมมากๆ แต่เพียงแค่เจอนาย แค่รู้ว่านายตกอยู่ในอันตรายเขาลากเซฮุนออกไปแทบจะทันที”
ผมนิ่งฟังซูโฮเล่าไปเรื่อยๆ ผมไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร ผมไม่คู่ควรกับชานยอล ไม่มีอะไรที่ผมจะสามารถอยู่ข้างๆเขาได้ ผมไม่ได้สง่างามไม่ได้ดูดี ผมเป็นเพียงแค่เด็กนักเรียนไฮสคูลปีสองที่เพิ่งย้ายมาจากอเมริกาเท่านั้น และอีกเหตุผลคือผมอยู่ข้างๆชานยอลตลอดไปไม่ได้ ผมไม่อยากจะเห็นเขาเสียใจ
“ครอบครัวเราเป็นหนี้บุญคุณนายแบคฮยอน เขากลับมามีความรู้สึกอีกครั้งเมื่อเขาเจอนาย”
“นายกำลังทำให้ฉันกดดัน ฉันไม่ได้มีความสำคัญมากขนาดนั้น”
“คอยดูเอาเถอะ” เขาลุกออกไปและไปยืนคู่กับจื่อเทาเหมือนเดิม ผมได้แต่ถอนหายใจเฮือกแล้วจิ้มเนื้ออีกชิ้นเข้าปาก ผมรู้สึกว่ามันอร่อยมากขึ้นเมื่อรู้ว่าคุณนายปาร์คที่ไม่รู้รสชาติมานานรู้ว่าควรจะหมักอย่างไรให้อร่อยได้ขนาดนี้ ไม่นานนักชานยอลก็กลับมาพร้อมกับฝืนที่หอบมาเต็มอ้อมแขน หมอจองซูก็ไม่ต่างอะไร ผมจึงละมือจากจานเนื้อที่อยู่ตรงหน้าแล้วเข้าไปจะช่วย หากแต่ชานยอลกลับวางทั้งหมดนั่นลงแล้วเดินเข้ามาหาผม ปล่อยให้คริสและจื่อเทาเป็นคนจัดการต่อไป
“อยากทานอะไรเพิ่มไหมครับ?”
“แค่นี้ก็เยอะพอแล้วชานยอล ในจานฉันก็แทบจะกินไม่ไหวแล้ว เซฮุนย่างไม่เลิกเลย”
“คืนนี้ยังอีกนาน คุณต้องทานให้เยอะๆ”
ผมย่นจมูกก่อนที่ชานยอลจะหัวเราะเบาๆ ครู่หนึ่งที่เขาเงียบไป ผมหันไปมองด้วยความสงสัย เซฮุนกำลังมองมาทางนี้สีหน้าว่างเปล่าของเขาทำให้ผมต้องขมวดคิ้วแน่น ผมยืดตัวตรงขึ้นมาเล็กน้อย แตะแขนของชานยอลเบาๆเพื่อถามว่าเป็นอะไรไหม ร่างสูงหันกลับมาทางผมก่อนจะรวบเอวเข้าไปใกล้แล้วหมุนกลับไปยังตัวบ้าน
“ชานยอล จะไปไหน เดี๋ยว.....”
"มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญกำลังมาที่ปาร์ตี้”
“แขกไม่ได้รับเชิญ?”
“จองจีฮุน”
สิ้นเสียงของชานยอลลมเย็นๆก็พัดวูบ ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ตรงรั้วบ้านล้มลงไปเพราะแรงกระแทก ผมตัวเกร็งขึ้นมาทันที รู้แล้วว่าตอนนี้คงจะหนีไปไหนไม่พ้น ทุกคนเดินเข้ามาประชิดตัวผมอย่างรวดเร็วราวกับจะคุ้มกัน ไม่นานนักร่างที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นให้เห็น ผมกำเสื้อของชานยอลไว้แน่น ยอมรับว่ากลัวหากแต่ก็อุ่นใจที่ในยามนี้ชานยอลอยู่กับผม
“ปาร์ตี้งั้นหรอ ? น่าเสียใจจริงๆนะครับคุณปาร์คที่ไม่มีแม้แต่บัตรเชิญส่งไปให้ผม”
“ต้องขออภัยคุณจอง นี่เป็นปาร์ตี้เล็กๆจัดขึ้นในครอบครัว หากมีโอกาสหน้าผมจะให้เซฮุนไปเชิญคุณด้วยตัวเอง”
“ครอบครัว? เด็กนั่นก็ครอบครัวคุณงั้นหรือคุณปาร์ค”
ดวงตาสีแดงพุ่งตรงมายังผมที่อยู่ในวงล้อมของเหล่าตระกูลปาร์ค คุณหมอจองซูเป็นคนรับหน้าคอยเกลี่ยสถานการณ์ให้ จังหวะท่วงทำนองในการพูดบ่งบอกว่าทั้งสองฝ่ายยังให้ความเกรงใจซึ่งกันและกัน บางทีจีฮุนอาจจะมาที่นี่ในวันนี้เพื่อประเมินอะไรบางอย่าง เขามาตัวคนเดียวไม่มีทางที่จะสุ่มเสี่ยงโจมตีผมที่มีครอบครัวปาร์คคอยปกป้องอยู่ แววตาของเขายังคงวาวโรจน์และมองผมเป็นเพียงแค่เหยื่อ เหมือนมองอาหารชั้นเลิศที่วางอยู่บนโต๊ะ ชานยอลเลื่อนมือมากุมมือของผมไว้ แม้จะเย็นแต่มันทำให้ผมรู้สึกปลอดภัย
“แบคฮยอนเป็นครอบครัวของเรา”
“ไม่เอาน่าคุณปาร์ค คุณก็แค่กำลังหวงอาหาร ไหนว่าพวกคุณนิยมเลือดสัตว์ แต่อย่างว่าแหละนะ รสชาติที่ยวนใจขนาดนี้ไม่เลวเลยทีเดียว”
“แบคฮยอนไม่ใช่อาหาร!”
ปาร์คชานยอลคำรามเมื่อจองจีฮุนยังคงเอาแต่พูดจาที่เริ่มจะเลาะเล็มผมไปเรื่อยๆ รอยยิ้มการค้าบนใบหน้าของเขาหายไปแล้วดวงตาสีแดงนั่นเบิกกว้างขึ้นอีกรอบก่อนจะเข้ามาผมในระยะที่ใกล้กว่าเดิมด้วยความเร็วที่ผมไม่สามารถมองได้ทัน ชานยอลดันผมให้ไปอยู่กับคุณนายปาร์คก่อนที่เขาจะขวางจีฮุนไว้ หมอจองซูเริ่มทำหน้าเครียด เขากลับมาอยู่ฝั่งเดียวกับเราและเอ่ยปากไล่
“ต้องขออภัยจริงๆที่ปาร์ตี้ของเรายังไม่พร้อมจะต้อนรับคุณวันนี้ จีฮุน”
“ปกป้องเอาไว้เถอะ เด็กนี่จะนำความเดือดร้อนมาให้คุณเข้าซักวัน”
“ขอบคุณที่เตือนนะครับ”
จองจีฮุนจ้องมายังผมอีกครั้งก่อนที่เขาจะหายตัวไป ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ร่างกายที่แข็งเกร็งเมื่อครู่ตอนนี้มันโอนอ่อนเหมือนเดิม และอาจจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำทำเอาผมแข้งขาอ่อนแรง ไวเท่าความคิดท่อนแขนแข็งแรงเข้ามาช้อนตัวผมไว้ ชานยอลอุ้มผมไว้ในอ้อมแขนก่อนที่เขาจะพาผมเข้าไปในบ้าน ผมยกแขนขึ้นโอบคอของเขาเพื่อกันไม่ให้ตัวเองตก
“ผมขอโทษแบคฮยอน ผมทำให้คุณเดือดร้อน”
“ไม่ใช่....ฉันต่างหากที่ทำครอบครัวของนายเดือดร้อน”
เมื่อเข้ามาในบ้านชานยอลก็วางผมลงบนโซฟาอย่างแผ่วเบา ดวงตาคู่คมจ้องมายังผมด้วยความเป็นห่วง เขานั่งชันเข่าตัวเองอยู่ข้างล่างในขณะที่เอื้อมมือมากุมมือผมไว้ นิ้วหัวแม่มือที่เย็นเยียบของชานยอลไล้หลังมือของผมไปมาเบาๆ เขากำลังรู้สึกผิด ผมรู้แค่นั้น
“ฉันทำครอบครัวของนายต้องผิดใจกับจีฮุนรึเปล่า”
“เปล่าเลยแบคฮยอน เดิมทีเราไม่ยุ่งเกี่ยวกับพวกที่ดื่มเลือดมนุษย์อยู่แล้ว วิถีของเขากับวิถีของเราไม่เหมือนกัน”
“แต่เท่าที่ฟัง เหมือนหมอจองซูค่อนข้างเกรงใจ”
“อย่างที่บอก เขาแข็งแกร่งและมีชีวิตมานานพอๆกับพ่อของผม การให้เกียรติซึ่งกันและกันนั่นเป็นสิ่งที่ควรทำ แต่จีฮุนทำไม่ดีกับคุณ.....”
“ฉันเป็นแค่อาหารของเขา ชานยอล”
“คุณเป็นสิ่งล้ำค่าของผมนะแบคฮยอน คุณไม่ใช่อาหาร”
สายตาของชานยอลที่มองมาคือแน่วแน่ในคำพูด ผมเสียเองที่เป็นฝ่ายหลบสายตา ร่างกายขาวซีดขยับเข้ามาใกล้ เขากดจูบเบาๆที่ขมับของผมก่อนที่จะสอดประสานมือเอาไว้ ผมพูดอะไรไม่ออกไม่อยากยอมรับซักเท่าไหร่ว่าตอนนี้ตัวเองสำคัญกับอีกคนมากแค่ไหน กลัวว่าจะเหลิงจนลืมไปว่าแท้จริงแล้วผมกับเขาไม่มีอะไรที่เหมือนกัน
เขามีชีวิตที่เป็นอมตะในขณะที่ผมเป็นแค่มนุษย์ที่มีอายุขัย
“คุณอยากทานอะไรอีกไหม? ผมคิดว่าเราคงต้องเลิกปาร์ตี้แล้ว”
“ไม่ล่ะ ฉันอิ่มแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้น.....คุณควรจะไปที่ห้องของผมเพื่ออาบน้ำและพักผ่อน”
“เสียใจด้วยนะพี่ชาย คืนนี้แบคฮยอนจะต้องนอนที่ห้องของผม”
เซฮุนเดินเข้ามาก่อนจะตัดมือของเราให้หลุดออกจากกัน ผู้ชายร่างบางโอบไหล่ผมเอาไว้พลางยักคิ้วส่งไปให้ปาร์คชานยอลที่ขมวดคิ้วยุ่ง ผมเห็นแบบนั้นก็หัวเราะออกมาไม่ดังมากนัก คริสเดินตามเข้ามาสมทบ ใบหน้าของเขายุ่งเหยิงไม่ต่างจากชานยอล
“พี่คิดว่าคืนนี้จะได้อยู่ด้วยกันซะอีก”
“ยังมีเวลาอีกหลายคืนสำหรับเราครับพี่คริส”
“ไม่มีเหตุผล แบคฮยอนเป็นแขกของพี่นะเซฮุน”
“พ่อบอกว่าพี่คิดไม่ซื่อกับแบคฮยอน นั่นเป็นเหตุผลที่เพียงพอแล้วที่แบคฮยอนจะต้องมานอนที่ห้องผม”
เซฮุนส่งยิ้ม ผมคิดว่ามันดูน่ารักนิดหน่อยเมื่อมองในมุมนี้ เขากำลังเป็นห่วงความปลอดภัยทางกายและใจของผม แต่ในขณะเดียวกันมันอาจจะดูน่าหมั่นไส้สำหรับชานยอล เขาทำหน้าไม่พอใจอยู่ในตอนนี้แต่ไม่ได้ปฏิเสธอะไรเกี่ยวกับคำพูดที่ว่าเขาคิดไม่ซื่อกับผม
“ผมจะให้เวลาพี่อีกครึ่งชั่วโมง แล้วหลังจากนั้นผมจะมารับแบคฮยอนไปที่ห้อง พี่มีสิทธิ์นั่งคุยกับแบคฮยอนแค่ตรงนี้เท่านั้น เข้าใจไหมครับพี่ชาย”
ชานยอลพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจก่อนที่เซฮุนจะปล่อยให้ผมเป็นอิสระส่วนเขาก็เดินขึ้นไปยังชั้นสองกับคริส ผมทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอีกครั้งในขณะที่ชานยอลก็ยังคงเอาแต่ขมวดคิ้วยุ่ง ผมมองหน้าเขาส่งยิ้มบางๆให้แล้วเอานิ้วที่ระหว่างคิ้ว มือใหญ่จับมือผมไว้อย่างทันท่วงที “พ่อหัวโบราณมากกว่าที่คิด”
“ก็คงแค่อยากจะให้มันถูกต้อง”
“เซฮุนจะต้องฟ้องพ่อแน่ๆ ท่านถึงได้รู้ว่าผมรังแกคุณเมื่อเย็น”
“ฉันคงต้องขอบคุณเซฮุนซักหน่อยJ”
“แย่ที่สุด ทั้งๆที่คืนนี้ผมวางแผนไว้แล้วแท้ๆว่าจะเล่านิทานให้คุณฟังก่อนนอน จะกล่อมคุณให้หลับด้วยเสียงของผม”
“ไม่อยากจะเชื่อว่าแผนของนายมีแค่นั้น”
“ถึงผมจะคิดไม่ซื่อแต่เชื่อเถอะว่าผมหัวโบราณมากกว่าที่คุณคิด เรื่องแบบนั้นคงต้องรอหลังแต่งงาน”
“ถ้าอย่างนั้นนายก็อย่าหวังเลย”
“ผมว่ารอให้เป็นเรื่องของอนาคตดีกว่า ผมเชื่อว่าคุณจะต้องเปลี่ยนใจ J”
เมื่อคืนเซฮุนชวนคุยแทบจะทั้งคืนกว่าจะปล่อยให้ผมนอนก็ประมาณตีสองเห็นจะได้ คุณนายปาร์คเห็นไฟในห้องยังเปิดอยู่เธอเลยตำหนิเซฮุนนิดหน่อย หลังจากนั้นเขาก็ยอมให้ผมหลับโดยที่ร่างโปร่งก็ทิ้งตัวนอนข้างๆ เขาเล่าเกี่ยวกับชีวิตในจีนเมื่อสองปีก่อนที่จะย้ายมาที่นี่ แน่นอนว่าไม่พ้นเรื่องของชานยอลที่มีผู้หญิงและผู้ชายมากหน้าหลายตาเข้ามาเกี่ยวข้อง ผมค่อนข้างแปลกใจที่เขาไม่สนใจใครเลย พวกเขาทำตัวเหมือนกับตอนอยู่ที่นี่คือเกาะกลุ่มรวมกัน ไม่ค่อยสุงสิงกับใครคนอื่นยกเว้นเซฮุนที่ออกจะมนุษยสัมพันธ์มากกว่าคนอื่น
ชานยอลมาส่งผมในช่วงสายของวันเสาร์ พ่อกำลังนั่งดูรายการแข่งเบสบอลอยู่ในบ้าน ผมบอกเขาว่าให้กลับไปได้เลย แต่ชานยอลก็ยืนยันว่าจะเข้ามาทักทายพ่อ เป็นแบบนั้นผมก็ไม่อยากขัดเดินนำเขาเข้ามาในบ้าน พ่อหันมามองก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วส่งยิ้มออกมาน้อยๆ
พ่อผมเป็นมิตรกับคนในครอบครัวปาร์คเสมอ
แต่ผมไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่าถ้าสถานะของผมกับชานยอลไม่ใช่แค่เพื่อน พ่อจะยังเป็นมิตรอยู่ไหม
“สวัสดีครับ”
“ทานอะไรมารึยังล่ะ”
“ทานแล้วครับ แล้วคุณลุงได้ทานอะไรหรือยังฮะ?”
“ก็....นะ ลูกชายไม่อยู่ก็เลยหิ้วท้องไปฝากที่ร้านข้าวไปแล้ว”
ผมมองชานยอลและพ่อที่เริ่มนั่งลงที่โซฟา ซักพักก็เริ่มคุยเกี่ยวกับเบสบอลในทีวีผมเห็นว่านี่มันคงไม่ใช่เวลาของผมแล้วเลยขอตัวขึ้นห้อง วางกระเป๋าลงบนเตียงแล้วนั่งหน้าคอมเพื่อเช็คอีเมลล์ แน่นอนว่าแม่ส่งมา ล่าสุดคือเมื่อวานตอนสองทุ่มเป็นรูปครอบครัวใหม่ของแม่ มีวิลและลูกชายกับลูกสาวของเขากำลังทำขนม เห็นแบบนี้แล้วผมก็ค่อนข้างเฉยๆ ไม่ได้รู้สึกแย่ นี่มันเป็นความสุขที่แม่ควรจะได้รับ ผมไล่อ่านเมลล์ซักพักก่อนจะตอบอีเมลล์กลับไป หลังจากนั้นผมลุกขึ้นยืนแล้วบิดขี้เกียจ ชานยอลเปิดประตูเข้ามา
“ท่าบิดขี้เกียจของคุณเซ็กซี่นะJ”
“ฉันบอกพ่อแน่ชานยอล”
“ฮ่ะๆ ผมล้อเล่นครับ” เขาปิดประตูก่อนจะเดินเข้ามา ผมดึงเสื้อที่ร่นขึ้นไปอยู่ที่เอวลงมาก่อนจะก้าวถอยออกมาซักหน่อยให้มีระยะห่าง เขาทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้หน้าคอมพิวเตอร์ที่ผมเพิ่งจะลุกขึ้นมาเมื่อซักครู่ สายตาที่เป็นประกายเจ้าชู้จ้องมา ชานยอลชอบมองผมแบบนี้บ่อยๆ และแน่นอนว่าผมไม่เคยชินได้ซักครั้ง
“ผมชอบห้องนี้จัง มีแต่กลิ่นหอมๆของคุณเต็มไปหมด”
“พอได้แล้วน่า นายกำลังแหย่ฉันอีกแล้วนะ”
ผมหน้าร้อนเห่อเมื่อเขาหัวเราะออกมาอีกครั้ง ผมเดินไปเปิดหน้าต่างเพื่อไม่ให้ห้องมืดเกินไป แต่ก็ค่าเท่ากัน เมืองเมืองนี้แทบจะไม่มีแสงแดด ผมหันหลังให้ชานยอลหลบสายตาทะเล้นที่กำลังจ้องมาทางนี้ จัดโน่นจัดนี้ไปทั่วราวกับว่าไม่มีร่างสูงโปร่งนั่งอยู่ในห้อง เขาไม่พูดอะไรต่อนอกจากนั่งจ้องผมเงียบๆอยู่แบบนั้น ให้ตายสิ เขาไม่คิดว่าผมจะรู้สึกเกร็งหรือว่าอะไรบ้างเลยใช่ไหม
“แบคฮยอนครับ”
“หือ?”
“คุณได้ลองคิดเรื่องเมื่อวานดูบ้างหรือยัง”
ชานยอลถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยมั่นใจ ผมชะงักมือไปนิดและเงียบ ความเงียบปกคลุมรอบตัวเรา แน่นอนว่าผมคิดหลังจากที่เซฮุนปล่อยให้ผมได้อยู่คนเดียวเงียบๆผมก็เอาแต่คิดว่าคำตอบสำหรับเรื่องนั้นผมควรจะทำอย่างไร
ผมจะต้องเปลี่ยนให้เป็นพวกเดียวกับเขา
มันอาจจะเร็วเกินไปสำหรับการตัดสินใจตอนนี้ แต่มันไม่มีอะไรสำคัญอีกแล้ว ผมรักชานยอลและชานยอลก็รักผม ความรู้สึกของตัวเองในปัจจุบันจะเป็นตัวตัดสินใจได้ดีที่สุด ส่วนอนาคตก็เป็นเรื่องของความเชื่อใจและการับฟังกันและกัน ท่าทางว่าผมจะนิ่งไปเสียนาน ชานยอลถึงได้เดินเข้ามา เขาสวมกอดผมจากทางด้านหลัง
“ผมทำให้คุณลำบากใจรึเปล่า”
“ไม่....ฉันคิดมาแล้วล่ะ”
“คำตอบในทางบวกหรือลบครับ”
“คิดว่าครึ่งๆนะ” ผมละมือจากการเก็บห้อง ค่อยๆปลดมือของเขาออกอย่างแผ่วเบาก่อนจะหันกลับไปมองหน้าตรงๆ ผมรู้ว่าการทำแบบนี้ชานยอลต้องกระวนกระวายอย่างมาก เขาบอกผมว่าเขาไม่เคยต้องรอคำตอบจากใคร ผมยกยิ้มน้อยๆเมื่อคิดได้อย่างนั้น ชานยอลยิ่งทำหน้านิ่วมากขึ้นเมื่อผมยังคงเอาแต่ทำหน้าที่เขาคาดเดาไม่ได้
“อย่าแกล้งผมสิแบคฮยอน”
“ไม่ค่อยได้เห็นนายในมุมนี้นะชานยอล”
“อยากให้คุณรู้เลย ผมเป็นแบบนี้กับคุณแค่คนเดียว”
โอเค ผมหลงรักเขาจนหมดใจใจเวลาไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมา
ผมทาบมือลงบนแก้มเย็นเยียบทั้งสองข้าง แทบจะทันทีที่ชานยอลเลื่อนมือมาทาบไว้อีกครั้ง เขาหลับตาลงราวกับจะรอฟังคำตอบ “เปลี่ยนฉันได้ไหมชานยอล”
“.....เปลี่ยน?”
“ฉันอยากอยู่ข้างๆนายตลอดไป”
“.....แบคฮยอน”
“แค่เปลี่ยนให้เป็นแบบเดียวกับนาย”
เขาลืมตาขึ้นทันทีที่ผมจบประโยคแรก น้ำเสียงของเขาดูแข็งกร้าวขึ้นมายามเรียกชื่อผม แม้มันอาจจะทำให้กลัวไปซักหน่อยแต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมละความพยายาม นี่คือการตัดสินใจของผม ในตอนนี้ชานยอลจะได้เลือกว่าเขาพร้อมที่จะทำหรือไม่ทำเพียงแค่นั้น
“คุณไม่จำเป็นต้องทำขนาดนั้น คุณจะได้อยู่ข้างๆผมตลอดไป แม้ตอนที่คุณหลับตา”
“นายไม่โตแล้วชานยอล นายจะอายุเท่านี้ นายจะเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆในขณะที่ฉันแก่ลง ถึงตอนนั้นบางที....”
“ผมขอสาบานกับพระเจ้าหรืออะไรก็ได้ที่คุณนับถือ ผมรักคุณแบคฮยอน ผมรักคุณที่เป็นคุณ ผมรักคุณไม่ว่าคุณจะเป็นยังไง”
น้ำเสียงของชานยอลอ่อนลงในขณะที่ผมได้แต่ส่ายศีรษะของตัวเองน้อยๆ ชานยอลไม่เข้าใจ ผมค่อยๆดึงมือออกมา มือใหญ่ยังคงตามมาจับมือของผมไว้ “ผมอยากเห็นคุณมีชีวิตแบบนี้แบคฮยอน ถ้าผมเลือกได้ ผมก็ไม่อยากจะกลายเป็นแบบนี้”
“ไม่เป็นไร ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ต้องคบกันแค่นั้นเอง”
“แบคฮยอน คุณไม่เข้าใจผม ชีวิตแบบพวกเราไม่ได้น่าสนุกเลยซักนิด”
“นายเองก็ไม่เข้าใจฉันเหมือนกันชานยอล ถึงแม้มันจะไม่สนุก แต่มันก็มีค่าถ้าหากว่าฉันได้อยู่กับนาย”
ชานยอลยังคงทำหน้าราวกับว่าสิ่งที่ผมตัดสินใจมันเป็นเรื่องร้ายแรงและผิดมหันต์เขาไม่พูดอะไรต่อและนิ่งไปซักพัก ยามที่มือใหญ่ปล่อยออกจากผมทำให้หัวใจกระตุกวูบราวกับว่าเขากำลังจะจากไป ชานยอลก้มลงมาใกล้จนหน้าผากของเราชิดกัน เขาหลับตาและเอ่ยปากอย่างแผ่วเบา
“ผมทำให้คุณต้องมาตกนรกทั้งเป็นแบบผมไม่ได้ ขอโทษนะแบคฮยอน”
เพียงเท่านี้ ผมก็รู้แล้วว่าสิ่งที่ผมขอทำให้เขากำลังจะจากผมไป
เมื่อวันอาทิตย์ผมมีนัดกับหมอจองซูเพื่อตัดไหม เขาทักทายผมอย่างปกติ ท่าทางว่าชานยอลจะไม่ได้เล่าอะไรให้เขาฟัง หลังจากนั้นผมก็กลับมาบ้านด้วยสภาพที่มึนงง
เหตุผลคงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากปาร์คชานยอลที่หลังจากจบประโยคนั้นเขาก็กลับบ้านไป
พ่อดูค่อนข้างเป็นห่วงนิดหน่อยแต่ผมก็บอกไปปัดไปว่าผมกำลังเครียดเรื่องรายงานเล่มหนาที่ยังทำไม่เสร็จ แน่นอนว่ามันไม่มีอยู่แล้ว ผมแค่ไม่อยากให้พ่อซักไซ้ วันนี้ผมก็ขับรถมาโรงเรียนแบบผิดๆถูกๆ มาถึงโรงเรียนก็เกือบจะแปดโมงเพราะหลงทางอยู่นาน ผมเช็คใบหน้าของตัวเองในกระจกบนรถ มันค่อนข้างแย่แต่ผมก็ไม่ได้แคร์มันมาก เดินเข้าชั้นเรียนโดยมีจงแดส่งเสียงอยู่ข้างๆ
“วันนี้ดูไม่ดีเลยนะ ปาร์ตี้ที่บ้านของคุณปาร์คมันแย่มากหรอ”
“มันเยี่ยมมากต่างหาก”
“แล้วทำไมถึงได้ดูแย่ล่ะ?”
ผมไม่ตอบคำถามของจงแดก่อนจะฟุบหน้าลงไปบนโต๊ะเพื่อพักสายตา ผมนอนไม่หลับแทบจะทั้งคืน เอาแต่คิดว่าถ้าวันนี้เจอชานยอลแล้วจะทำหน้ายังไง แต่ที่คิดมาทั้งคืนคงจะเสียเปล่าเพราะชานยอลไม่ได้เข้าเรียนในเช้านี้ ทั้งโล่งใจและเสียใจไปพร้อมๆกัน ผมอยากจะเจอหน้าเขา แต่ก็ยังไม่พร้อมจะคุยในเมื่อเขาปฏิเสธข้อเสนอของผม
ช่วงมื้อกลางวันผมมองไปยังโต๊ะประจำของครอบครัวปาร์ค ทุกคนยังนั่งอยู่ตรงนั้นยกเว้นชานยอลที่ท่าทางว่าวันนี้เขาจะไม่มาเรียนแล้ว เซฮุนมองมายังผมที่นั่งกินข้าวอยู่ที่โต๊ะเดียวกับจงแด เขาลุกขึ้นยืนและเดินมาทางนี้ด้วยรอยยิ้มที่ส่งทักทายคนอื่นๆ มือเรียวแตะลงที่แขนของผมเบาๆเพื่อให้ลุกขึ้นและเดินตามไปด้วยกัน
“วันนี้ชานยอลไปแคนาดา”
“........”
“พี่อาจจะไม่ได้กลับมาเรียนซักพัก”
“.......”
“แบคฮยอน ฉันอยากให้นายลองคิดให้ดีอีกครั้ง ไม่ใช่ว่าฉันจะห้ามหรือว่าอะไร แต่เมื่อนายเปลี่ยนแล้ว ชีวิตในวัยผู้ใหญ่ของนายจะหายไปทันที นายจะต้องเป็นเด็กไฮสคูลแบบนี้ตลอดไป จะรับมันได้แน่ใช่มั้ย?”
“ตอนที่นายอยู่กับคริส นายคิดรึเปล่าว่าชีวิตไฮสคูลมันแย่ แม้นายจะต้องเรียนซ้ำๆ นายคิดว่ามันแย่รึเปล่าเซฮุน”
“ก็ไม่...แต่แบคฮยอน กรณีของนาย คิดว่ามันไม่เหมือนกัน”
“พี่ของนายให้มาเกลี้ยกล่อมฉันรึเปล่า?”
“ไม่ใช่ซักหน่อย ฉันก็แค่จะมาถามแบคฮยอนเพื่อความแน่ใจ ฉันเคารพการตัดสินใจของแบคฮยอนนะ พี่ชานยอลต่างหากที่โง่ เขาคิดว่าชีวิตหลังจากความตายมันเลวร้ายมากเพราะเขายังไม่เคยเจอความสุข เอาเป็นว่าฉันจะช่วยพูดให้”
“ฉันทำให้เขารู้สึกแย่ใช่มั้ยเซฮุน”
“จะว่าอย่างนั้นก็ไม่เชิง พี่เอาแต่โทษที่ทำให้นายมีความคิดแบบนั้น ตอนเขาเปลี่ยนแรกๆไม่ได้มีความทรงจำที่ดีมากเท่าไหร่ อย่าเพิ่งคิดจะทิ้งพี่ชายฉันไปล่ะแบคฮยอน”
“บอกพี่ของนายเถอะเซฮุน”
หมอนั่นหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะปล่อยตัวผมให้กลับไปนั่งทานข้าวเหมือนเดิม จงแดเอาแต่ถามผมว่าเมื่อครู่ไปคุยอะไรกับเซฮุนสีหน้าของผมถึงได้ดีขึ้นมาหน่อยนึง ผมไม่ตอบและส่งยิ้มบางๆอย่างเดียว ถึงกระนั้นจงแดก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อ เขาเล่าถึงกิจกรรมของวันสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมตั้งใจฟังหลังจากที่ตอนแรกได้สนใจมันแม้แต่น้อย
หวังว่าชานยอล....จะเข้าใจผมมากขึ้น นะ
Talk -5-
พี่ปาร์คพบ้าๆๆๆ
หนี....หนีไปแล้ว *โบกมือลา*
ตอนนี้จับยำกันมั่ว เล่มหนึ่งยำเล่มสอง
เล่มสามยำเล่มสี่ *ตะลุมตุมโป๊ะ*
มั่วไปหมดล้ะ 5555
เอาเป็นว่าเป็นเวอร์ชั่นชานแบคนะฮุฮิ
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์ <3
ขอบคุณสำหรับยอดวิว<3
รักคนอ่านทุกคนเลยฮั้บ มั้วะๆๆ
ความคิดเห็น