ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ` [exo]▻Twilight◅ {chanbaek} 。

    ลำดับตอนที่ #5 : -4-

    • อัปเดตล่าสุด 15 ม.ค. 57





    มองแขนของพรี่ชานยอลเซ่ะ
    เขินนนนนTwT #บ้าไปแล้ว






    -4-

    แผนของการไปรับเครื่องแบบของผมพังทลายเมื่อพบว่าพ่อสั่งให้ลูกน้องไปรับให้เมื่อเย็นที่ผ่านมา พ่อขัดใจผมอีกครั้งในรอบอาทิตย์นี้ เพราะงั้นผมต้องโทรไปบอกจงแดว่าวันเสาร์นี้คงต้องยกเลิกนัด ในเมื่อไม่มีเหตุจำเป็นจะต้องไปไหนไกลๆพ่อก็ยังไม่ยอมให้ผมออกจากบ้านคนเดียวเพราะยังจับตัวคนร้ายไม่ได้

    หลังจากที่คุยกับชานยอลผมรู้สึกว่าตัวเองอารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อย อย่างน้อยทัศนคติของผมที่มีต่อหมอจองซูจะไม่ติดลบไปมากกว่านี้ เขาไม่ได้เห็นผมเป็นคนเสียสติ เพียงแค่ไม่อยากให้ผมรู้ในเรื่องที่ไม่ควรรู้ แต่ในที่สุดผมก็ทำเรื่องยุ่งจนได้ พวกเขาผลัดเวรกันมาเฝ้าผมจริงๆ โดยที่ไม่ให้พ่อรู้ตัว วันนี้ถ้าหากจำไม่ผิดเป็นคราวของเซฮุนผู้ชายร่างบางที่ผมทำไม่ดีใส่เขาไปในวันนั้น

    ผมเดินลงมาจากชั้นบนเมื่อได้เวลาอาหารเย็นแล้ว เสียงพ่อที่กำลังนั่งคุยกับใครบางคนทำให้ผมขมวดคิ้ว เมื่อผมลงมาถึงข้างล่างก็เห็นร่างบอบบางของเซฮุนกำลังหัวเราะอยู่ พ่อเห็นผมที่เดินลงมาจากบนบ้าน เซฮุนหันมาทัก

    “หวัดดีแบคฮยอน หายป่วยแล้วหรอ?”

    “ฉันไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย”

    “ทานอะไรรึยัง? ฉันทำซุปมันฝรั่งไว้ให้มาดูสิ” เซฮุนลุกขึ้นยืนก่อนจะลากผมเข้ามาในห้องครัว ซุปหม้อขนาดกลางวางอยู่บนเตา เจ้าตัวนำเสนอกับการทำอาหารของตัวเองเต็มที่ ผมสูดดมกลิ่นมันค่อนข้างใช้ได้เลย เซฮุนดูทำหน้าตาพอใจเมื่อเห็นท่าทีของผม

    “ทำไมมาเร็วจัง”

    “ใช่มั้ยล่ะ? พี่ชานยอลน่ะโอเวอร์ เขาสั่งให้ฉันตามนายมาที่บ้านทันที ฉันบอกเขาไปแล้วว่าช่วงนี้จะยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ก็อย่างว่าอนาคตเปลี่ยนแปลงได้เสมอ เขาเล่าให้นายฟังแล้วใช่มั้ยว่าความสามารถของฉันคือเห็นอนาคตได้” ผมพยักหน้ารับ เซฮุนพูดต่อ

    “ภาพของฉันเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตลอดเวลา ช่วงนี้เขาเป็นห่วงนายมากๆเลยรู้มั้ยแบคฮยอน? ชานยอลอยู่โดยไร้คู่ชีวิตมานับร้อยปีแล้ว มันจะดีมากเลยถ้านายมาเป็นคนรักของเขาได้”

    “อย่าพูดอะไรที่เป็นไปไม่ได้เลยน่า เราไม่ได้รักกันซักหน่อย”

    “ชานยอลไม่ทำอะไรเพื่อใครมากขนาดนั้นหรอกนะ” หมอนั่นยิ้มแล้วจิ้มลงที่จมูกของผมเบาๆ โอเคผมอาจจะกำลังเขินหน้าแดง รู้สึกเสียฟอร์มชะมัดเวลาโดนใครล้อเรื่องนี้เข้า ผมปัดจมูกของตัวเองเบาๆก่อนจะยืนอยู่ในห้องครัวไม่ไปไหน เซฮุนหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา เดาได้ไม่ยากว่าปลายสายเป็นใคร

    “ผมรู้แล้วชานยอล! ฝากบอกพี่คริสด้วยว่าไม่ต้องเป็นห่วง โอเค เขาจะคุยกับนาย” โทรศัพท์แอปเปิ้ลรุ่นใหม่ถูกยื่นมาทางผม เสียงของชานยอลไม่ได้ดังอยู่ในสาย ผมเอาโทรศัพท์แนบหู รอจนกว่าอีกคนจะพูดออกมา เซฮุนเห็นผมนิ่งไปนาน เขาก็พูดอยู่ตรงไมค์เพื่อให้พี่ชายของตัวพูดอะไรออกมาบ้าง

    “แบคฮยอนรอฟังแล้ว พี่จะพูดอะไรก็พูดซักที”

    [ฮัลโหลแบคฮยอน?]

    “อื้มฟังอยู่”

    [คุณทานข้าวรึยังครับ?]

    “ยังเลย ฉันเพิ่งลงมาจากห้องแล้วก็เจอน้องชายของนายพอดี เขากำลังจะยึดพ่อฉันไปเป็นพ่อของเขาแล้ว”

    “ช่วยไม่ได้นะ แบคฮยอนชอบใจร้ายใส่ลุงคิมโฮนี่นา”

    ผมหัวเราะ ไม่ได้ใจร้ายกับพ่อซักหน่อย บางครั้งผมแค่มีไม่พอใจบ้าง แต่ผมก็รักเขามากๆนะบอกเลย

    [คืนนี้ผมไปหาคุณได้มั้ย]

    “เซฮุนอยู่กับฉันแล้วไม่ต้องห่วง”

    [ทำไมคุณถึงใจร้ายกับผมจังนะ]

    เขาบ่นงึมงำมาตามสาย เราคุยกันอีกซักพักแล้วชานยอลก็วางหูไปเห็นว่าคุณนายปาร์คเรียกให้ไปทำอะไรซักอย่าง ผมส่งโทรศัพท์คืนให้เซฮุน แน่นอนว่าเห็นสายตาล้อเลียนของหมอนั่นอีกแล้ว ไอ้สายตาระยิบระยับที่เปล่งประกายบอกตรงๆว่ามันดูดีมาก แต่ผมจะชอบมากกว่านี้หากเซฮุนไม่ได้ใช้ล้อเลียนผม

    “ฉันคิดว่าได้เวลาทานข้าวแล้ว ทานด้วยกันมั้ยเซฮุน”

    “เราไม่กินข้าวนายก็รู้J

    “อ้าว....แต่วันนั้นคุณนายปาร์คออกมาซื้อกับข้าว บอกว่าพวกนายจะกิน....?”

    “เราจำเป็นจะต้องเล่นละครบ้าง เพื่อไม่ให้คนอื่นสงสัยและเราทำมันได้ดีมาตลอดสองปีแล้วแบคฮยอน กับข้าวเมื่อวันนั้นแม่เอาไปให้กับเด็กในสลัม พวกเขาดูดีใจมากๆที่ได้กินอาหารดีๆ”

    “อ้อ.....การใช้ชีวิตแบบมนุษย์สินะ” เขาหัวเราะราวกับว่ามันเป็นเรื่องตลก ผมไม่รู้หรอกว่าถ้าหากเขากินข้าวแล้วจะเป็นยังไง พอพ่อชวนเขาก็อ้างกับพ่อมาว่าก่อนจะแวะมาที่นี่เขากินอะไรมาก่อนแล้ว ดังนั้นเซฮุนจึงมีหน้าที่แค่ชวนพ่อผมคุยในขณะที่เรากำลังรับประทานอาหารเย็น

    นี่มันทำให้ผมได้รู้ว่าเซฮุนเป็นคนที่พูดเก่งมากจริงๆ เขาอายุเท่ากับผมแต่ว่าเรียนอยู่ปีหนึ่งในขณะที่ผมเรียนปีสอง เขาเล่าเรื่องปิกนิคบนเขาเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาให้พ่อฟัง อากาศดีๆในวันหยุดแบบนั้นเหมาะกับการพักผ่อนแบบครอบครัว พ่อก็เอาแต่เตือนเรื่องพวกอันธพาลกลุ่มเดิมที่ยังเข้าใจว่าพวกนั้นทำร้ายผม เซฮุนอมยิ้มแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

    เมื่อการพูดคุยเสร็จสิ้น เขาช่วยผมล้างจานและยังคงคอยกรอกหูเรื่องชานยอลกับผมเรื่อยๆ ผมเลยไล่ให้เขาออกไปนั่งดูทีวีกับพ่อเสียเลย ไม่อย่างนั้นจะต้องเสียสมาธิในการล้างจานแน่ๆ นาฬิกาบอกเวลาว่าสองทุ่ม พ่อไล่ให้เซฮุนกลับบ้าน เพราะนี่ก็มืดมากแล้ว เซฮุนบอกให้ผมออกมาส่งเขาที่หน้าบ้านทำท่าเหมือนจะจากไปทั้งๆที่คืนนี้เขาจะต้องอยู่แถวนี้ไม่ไปไหน แต่ผมยังไม่เข้าใจว่าเขาจะเอาเฟอรารี่ของตัวเองไปจอดไว้ตรงไหน?

    “ไปแล้วนะแบคฮยอน ถ้าว่างๆก็ช่วยรับพิจารณาพี่ชายฉันหน่อยก็แล้วกัน”

    “อย่าพูดให้พ่อได้ยินเชียว รายนั้นจะหยิบปืนมายิ่งไล่ชานยอลแทบไม่ทัน”

    “ฮ่ะๆ คุณลุงเป็นคนใจดี พี่ชานยอลส่งฉันมาเกลี่ยทางไว้ให้ไม่รู้หรือไง”

    “เอาล่ะไปได้แล้ว รถนี่นายจะเอาไปไว้ที่ไหน”

    “เดี๋ยวขับไปจอดไว้แถวไหนซักที่ พี่คริสจะมาขับมันกลับไปที่บ้าน ส่วนฉันก็กลับมาเฝ้านาย”

    “ไปดีมาดีก็แล้วกัน”

    ผมโบกมือลา เซฮุนฉีกยิ้มก่อนจะก้าวขึ้นบนรถแล้วขับออกไป ผมมองรถสีแดงเพลิงคันนั้นจนสุดสายตาก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน และไม่นานนักร่างของโอเซฮุนก็โผล่มาตรงกระจกทางเดินขึ้นชั้นบน ผมค้อนให้เขาน้อยๆที่ทำให้ผมตกใจได้ขนาดนี้ พ่อตะโกนถามขึ้นมาด้วยความแปลกใจ ผมต้องรีบร้องบอกพ่อว่าไม่มีอะไรแล้วเดินเข้าห้อง

    ชีวิตของผมในเกาหลี เริ่มมีสีสันขึ้นมาอีกหน่อยนึงแล้วล่ะ J

     

    [ทำไมไม่บอกแม่เรื่องอุบัติเหตุ! คิดจะปิดแม่ไปถึงเมื่อไหร่แบคฮยอน!?]

    “แม่ครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรมากแค่มีแผลถลอกนิดหน่อย....”

    [ลูกหัวแตกด้วย ให้ตาย! พ่อเขาดูแลลูกยังไงทำไมถึงปล่อยให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น]

    “ตอนนี้ผมไม่เป็นอะไรแล้ว แม่ใจเย็นๆ....ใจเย็นๆ”

    ผมต้องค่อยๆพูดกล่อมคนในสายหลังจากที่เธอฮึดฮัดใส่ผมมาได้พักใหญ่ ถึงผมจะกำชับแม่ไว้แล้วว่ามีอะไรให้เขียนเมลล์มา แต่ดูเหมือนว่าการเขียนเมลล์จะไม่สามารถระเบิดอารมณ์ได้อย่างนี้ ค่าโทรระหว่างประเทศในตอนนี้ไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป ผมรู้สึกซาบซึ้งจริงๆที่แม่เป็นห่วงผม

    [แค่นี้ก็ทำให้เห็นแล้วว่าเขาดูแลลูกไม่ได้ นี่ก็คงจะเอาแต่ทำงานอีกเหมือนเคย]

    “แม่ครับ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพ่อ ผมผิดเอง”

    ผิดที่แส่หาเรื่องใส่ตัว

    [แบคฮยอน ลูกไม่จำเป็นจะต้องปกป้องเขา]

    “ถ้าแม่จะโทรมาเพื่อหาเรื่องพ่อก็วางเถอะครับ ค่าโทรมันแพงนะ”

    ผมรู้ว่านี่เป็นการกระทำที่ไม่ค่อยดี แต่เชื่อเถอะว่าสิ่งที่แม่กำลังทำในตอนนี้มันก็ไม่ใช่เหมือนกัน ปลายสายง้องแง้งใส่ผมอยู่ซักพักก่อนจะยอมวางสายเมื่อผมทำเสียงดุใส่ ผมถอนหายใจเบาๆจนบางครั้งชักจะสับสนใครกันแน่ที่เป็นแม่และใครที่เป็นลูก

    “ทำหน้านิ่วหน้าจะแก่เร็วนะครับ”

    “ก็แม่น่ะสิ.....”

    “แม่ของคุณ?”

    “ไม่รู้ว่าได้ข่าวมาจากไหน พอรู้ว่าฉันหัวแตกก็โทรมาบ่นพ่อไม่หยุด”

    “ท่านเป็นห่วง” ชานยอลยิ้มน้อยๆแล้วเอามือแตะลงบนบริเวณหน้าผากของผมที่ยังคงแปะพลาสเตอร์อยู่ ผมก้มหน้าลงเพื่อกินจาจังมยอนในจานทันที แต่ดูเหมือนจะรีบมากไปหน่อยมันถึงได้กระเด็นมาเลอะเปรอะเปื้อนที่ริมฝีปาก ผมพยายามจะแลบลิ้นเลียให้หมด แต่มันก็ยังไม่สะอาด

    “อย่าไปทานเลอะเทอะแบบนี้ให้ใครเห็นนะแบคฮยอน”

    “มันคงดูแย่มากสินะ L

    “เพราะมันทำให้คนมองอยากเช็ดปากให้คุณรู้รึเปล่า”

    เขาว่าพลางเอื้อมมือมาเช็ดที่มุมปากของผมอย่างแผ่วเบา แม้จะมีทิชชู่แต่ชานยอลกก็เลือกที่จะใช้มือเปล่าและค่อยไปเช็ดที่กระดาษทิชชู่อีกที หน้าผมร้อนวูบวาบยามนิ้วเรียวแตะลงบนริมฝีปากของผม รู้เลยว่าตอนนี้ผมกำลังตกเป็นเป้าสายตาของคนทั้งโรงอาหาร แน่นอนว่าโอเซฮุนกำลังมองมาและขยิบตาให้ผมด้วย

    “นายทำแบบนี้มันไม่ดีเลยนะชานยอล” ผมบ่นพึมพำ

    “แบคฮยอนไม่ชอบหรอ? ผมชอบนะJ

    “ทำให้คนอื่นเขาปั่นป่วนนี่มีความสุขนักรึไง”

    ผมกำลังถูกชานยอลปั่นหัว หมอนั่นหัวเราะเบาๆเมื่อได้ยินคำพูดของผม เขาเท้าคางลงบนโต๊ะนั่งจ้องผมทานอาหารต่อ ดวงตาสีเขียวมรกต....มันมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก ถ้าให้ผมเดาเขาต้องทำแบบนี้กับผู้หญิงมาหลายรายแล้วแน่ๆ หลอกล่อให้ตกหลุมพรางกับเสน่ห์ที่มีล้นเหลือของเขา

    และผมเองก็กำลังจะตกหลุมนั่นอีกคน

    ให้ตายสิ แวมไพร์กำลังหว่านเสน่ห์ใส่ผม

     

    ตอนเย็นผมถูกชวนให้มาทานข้าวที่บ้านของครอบครัวปาร์ค ชานยอลส่งเซฮุนไปเจรจากับพ่อผมว่าพวกเขาจะขอยืมตัวผมในคืนนี้ รถของผมเซฮุนเป็นคนขับกลับไปโดยมีคริสขับเฟอร์รารี่ตามหลังไปเพื่อรับคนรักของตัวเองกลับบ้าน เพื่อนรุ่นน้องของผมคนนี้ดูกระตือรือร้นมากเมื่อผมจะมาที่บ้าน เขาสั่งให้ผมกลับกับชานยอลและแน่นอนว่าในวันรุ่งขึ้นชานยอลจะเป็นคนพาผมกลับไปส่ง

    ชานยอลขับรถพาผมมาที่ชายป่าทางทิศเหนือ บ้านหลังใหญ่ที่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ เขาจอดผมส่งลงที่หน้าบ้านมีคุณหมอจองซูและคุณนายปาร์คยืนต้อนรับผมอยู่ เธอเดินเข้ามาสวมกอดผมเบาๆในขณะที่หมอจองซูก็ทำเพียงส่งยิ้มใจดีให้จนผมรู้สึกผิด เพราะจนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้ขอโทษเขา

    “หมอครับ.....ผม.....”

    “ไม่เป็นไรแบคฮยอน ฉันเข้าใจเธอ ไม่ต้องกังวลหรอก เราเข้าบ้านกันเถอะ” รอยยิ้มใจดีถูกส่งมาให้อีกครั้งในขณะที่ผมถูกเชื้อเชิญให้เข้าบ้าน คิมจุนมยอนหรือซูโฮเดินเข้ามาหาผม ใบหน้าขาวนั่นส่งยิ้มบางๆให้ ผมยิ้มตอบและหันไปหาจื่อเทาที่ไม่เดินเข้ามาหา เขายืนอยู่อีกมุมหนึ่งของบ้านซึ่งไกลออกไป

    “เขากลัวว่าจะเผลอทำอะไรไม่ดีใส่นายเข้า รู้ความพิเศษของตัวเองใช่ไหม?”

    “ก็.....นะ”

    “แต่เชื่อเถอะ จื่อเทาอยากจะเป็นเพื่อนกับนายจริงๆ”

    ผมหันไปมองร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่อีกฟาก เขากำลังจ้องมาทางผมโดยไม่หลบสายตา เป็นแบบนั้นผมเลยหันกลับมายิ้มให้กับซูโฮและพยายามจะเชื่อในสิ่งที่เขาพูด นี่ผมกำลังเสี่ยงอันตรายเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งระดับ ผมรู้ดีว่าเลือดของตัวเองเย้ายวนแวมไพร์มากขนาดไหนแต่ผมก็เลือกที่จะเข้ามาเหยียบในถิ่นของเขา แม้จะเกร็งๆบ้างในตอนแรกแต่ชานยอลยืนยันกับผมว่าครอบครัวของเขาจะไม่เป็นอันตราย ร่างสูงของคนที่ผมกำลังนึกถึงขยับมายืนข้างผมอย่างทันท่วงที เขาฉวยโอกาสเอื้อมมือมาโอบเอวผมไว้

    “ชานยอล” ผมส่งเสียงคำราม พยายามจะเลียนแบบที่เขาทำในวันนั้น แต่นอกจากเขาจะไม่กลัวแล้วกลับหัวเราะอีกต่างหาก “ผมแค่เผลอน่ะ”

    “มือไวเกินไปรึเปล่า คงทำบ่อยล่ะสิท่า”

    “โธ่แบคฮยอน....ครั้งล่าสุดที่ผมได้โอบเอวผู้หญิงคือกอดแม่ผมเองเมื่อเช้านะ”

    คุณนายปาร์คหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินบทสนทนาของเรา ผมเลยยืดตัวตรงขึ้นนิดหน่อยเมื่อชานยอลไม่ยอมปล่อยมือจากเอวผมซักที เขาเป็นคนที่เก็บเศษเล็กเศษน้อยได้ไม่มีขาดจริงๆ ซักพักชานยอลก็ขอตัวขึ้นห้องโดยแน่นอนว่าผมตามเขาไปด้วย บ้านหลังใหญ่ที่โอ่โถงเช่นนี้ทำให้ผมดูตื่นตาไม่ใช่น้อยและตอนนี้ผมมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องของชานยอลแล้ว

    “ห้องอาจจะรกหน่อย ไม่ถือสานะ”

    ผมไม่ตอบอะไรรอคอยให้เขาเปิดประตูไม้ฮอกกานีบานใหญ่เข้าไป ห้องโทนสีขาวสะอาด สิ่งที่ดึงดูดผมคือหน้าต่างบานใหญ่ที่ไม่มีเหล็กดัดทำให้ลมเย็นๆพัดผ้าม่านสีขาวที่อยู่ตรงนั้นให้ปลิวไสว ชานยอลค่อยๆดึงมือผมให้เข้ามาในห้อง สายตาของผมเอาแต่สำรวจห้องของเขา ที่มุมห้องมีตู้หนังสือประมาณสามตู้และบนโต๊ะมีนวนิยาย เจ้าชายน้อย วางอยู่บนนั้น คาดว่าเขาคงจะอ่านมันค้างไว้ ผมเดินไปหยุดอยู่ที่ตู้หนังสือแล้วไล่มือไปตามสันที่วางอัดแน่นอยู่บนนั้น

    “นายอ่านมันทั้งหมดนี่เลยหรอ?”

    “ผมเอาไว้อ่านฆ่าเวลา”

    “น่าแปลกใจที่เห็นเตียงในห้องนอนของนาย”

    ชานยอลหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อผมเอ่ยถึงเตียงเดี่ยวหลังใหญ่สีขาวที่วางอยู่ตรงข้างหน้าต่าง เขาเดินไปหยุดอยู่ที่เตียงนั่นแล้วทิ้งตัวลงไปนั่ง ผมพยายามจะมองหาโลงศพสีดำแบบที่เคยได้ยินมาจากเรื่องเล่าแต่ผมก็หาไม่พบ

    โลง......สีดำ?

    “นั่นมันเป็นแค่นิทานที่เล่าให้เด็กฟังก่อนนอนแบคฮยอน”

    “นายนอนบนเตียง?”

    “ผมเอาไว้เอนตัวเล่นเพื่ออ่านหนังสือมากกว่า เซฮุนชอบจัดปาร์ตี้ที่บ้านและพวกเพื่อนๆของเขาจะชอบมาขอดูห้องนอนของผม ถ้าหากไม่มีเตียงก็คงจะน่าสงสัยใช่มั้ยล่ะ”

    พวกเขาเจนจัดในการใช้ชีวิตแบบมนุษย์มากจริงๆ

    “ถามจริงๆ แบบจริงๆเลยนะ”

    “ผมเองก็จะตอบแบบจริงๆแล้วกัน” ผมนั่งลงบนเก้าอี้แถวนั้น ในหัวมีแต่คำถามมากมายเต็มไปหมดที่อยากถามเขา ชานยอลยังคงนั่งอยู่ที่เตียงแล้วส่งยิ้มให้กับผม สีหน้าของเขาดูยินดีที่จะตอบทุกคำถามของผม สายตาที่จ้องมาทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นเจ้าหนูจำไม

    “มีอะไรที่พวกนายกลัวบ้าง”

    “ครับ?”

    “กระเทียม? ไม้กางเขน? น้ำมนต์?”

    “พวกเราเป็นเผ่าพันธุ์ที่เป็นอมตะ พวกมนุษย์มักจะสร้างเรื่องขึ้นเพื่อปลอบใจตัวเองว่ายังไงก็ต้องมีซักทางที่กำจัดเราได้ สิ่งที่จะฆ่าเราได้คือการที่เราฆ่ากันเองและเผาไฟตาม.....”

    “ไฟ?”

    “ร่างกายของผมไม่ต่างอะไรจากซากศพแบคฮยอน เพราะฉะนั้นหากเราฟาดฟันกันแล้วอยากให้ตายขาดเราต้องเผาด้วยไฟ”

    ผมพยักหน้าด้วยความเข้าใจก่อนจะมองไปยังซากศพที่กำลังจ้องมาที่ผม ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาทำให้ผมใจเต้นแรงมากขึ้นเรื่อยๆเวลาเราอยู่ด้วยกันสองต่อสอง ชานยอลกำลังจีบผมแบบเปิดเผย ซึ่งนี่มันเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ที่เขามาหลงรักมนุษย์ที่ไม่มีอะไรเลยแบบผม

    “ละ...แล้วที่ผ่านมานายใช้ชีวิตยังไง? หมายถึงชีวิตประจำวัน”

    “ตอนกลางวันผมก็ไปเรียนที่โรงเรียน ถึงมันจะค่อนข้างน่าเบื่อที่ผมจะต้องเรียนซ้ำไปซ้ำมาอยู่แบบนั้นแต่ก็จำเป็นต้องทำเพื่อไม่ให้คนอื่นสงสัย เพราะร่างกายของผมไม่โตไปมากกว่านี้แล้วดังนั้นครอบครัวของเราต้องย้ายเมืองอยู่บ่อยๆ ก่อนหน้าที่ผมจะมาอยู่ที่นี่ผมมาจากทางตอนเหนือของจีน ก่อนหน้านั้นก็รัสเซีย”

    “ต้องพูดได้หลายภาษาแน่ๆ”

    “ผมไม่จำเป็นจะต้องนอน เพราะงั้นผมเลยเอาเวลาว่างไปศึกษาภาษาต่างๆทั่วทุกมุมโลก”

    “ชักอยากจะมีชีวิตเป็นอมตะบ้างซะแล้ว” ผมเอ่ยพึมพำเบาๆด้วยความอิจฉา ชานยอลไม่ตอบรับอะไรแต่เขาเดินเข้ามาหาผม มือใหญ่ช้อนคางขึ้นให้ผมสบตากับเขาอย่างนุ่มนวล สายตาของเขาที่ต้องมาไม่ใช่ว่าผมไม่รู้ความหมายของมัน หากแต่ผมเลือกที่จะมองข้าม เรื่องนี้มันคงต้องใช้เวลาซักหน่อยบางทีนี่อาจจะเร็วไป

    “การได้พบกับคุณเป็นเรื่องที่วิเศษ ตอนนี้ผมเฝ้าขอบคุณพระเจ้าอยู่ทุกวัน”

    “นายทำให้ฉันประหลาดใจอีกแล้ว นายนับถือพระเจ้า”

    “พระเจ้าไม่ได้ทอดทิ้งเราหรอกครับแบคฮยอน การใช้ชีวิตเป็นอมตะบางครั้งถ้าไม่มีจุดยึดเหนี่ยวเลยเราก็เสียศูนย์ได้เหมือนกัน”

    การที่ผมได้รู้จักพวกเขาทำให้ผมประหลาดใจมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ปาร์คชานยอลยังไม่ละมือจากใบหน้าของผมแถมยังเอามืออีกข้างเกลี่ยที่แก้มของผมเบาๆจนขนลุกซู่ ไม่ใช่เพราะรังเกียจแต่ผมรู้ดีว่าตอนนี้ตัวเองกำลังรู้สึกพิเศษกับคนตรงหน้า

    “การใช้ชีวิตเป็นอมตะมันไม่ได้น่าอิจฉาหรอก  เราต้องคอยมองดูคนที่รักตายจากไปทีละคนโดยที่จะเราจะตายก็ทำไม่ได้ มันทรมานมากกว่าที่คิด”

    ผมนิ่งไป ผมอาจจะไม่เข้าใจความรู้สึกของเขาแต่คิดว่ามันต้องไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีแน่ๆ เพียงเพราะแค่ผมแยกจากแม่มาก็รู้เศร้าจะแย่ แต่สิ่งที่ชานยอลได้พบคือการจากไปแบบไม่หวนกลับคืนมา เขาอาจจะต้องทุกข์ทรมานอยู่หลายปี ผมนึกไม่ออกเลยว่าเขาผ่านสภาพเหล่านั้นมาได้อย่างไร

    “ชานยอลคือ....ฉัน ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ”

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ เรื่องมันก็ผ่านมาร้อยกว่าปีแล้ว ตอนนี้ผมได้เจอคุณมันเป็นอะไรที่วิเศษจริงๆ”

    “ทำไมถึงเป็นฉัน?”

    ด้วยความสงสัยผมจึงถามออกไป ชานยอลนิ่งไปราวกับจะหาคำตอบ ผมเผลอกลั้นหายใจเพราะมัวแต่ลุ้น ดวงตาคู่คมจ้องมายังผม เขาก้มหน้าลงมาใกล้ก่อนจะใช้ปลายจมูกแตะลงที่ปลายจมูกของผมเบาๆ “เพราะผมไม่รู้จักคุณ”

    “นายรู้จักฉันชานยอล” ผมขมวดคิ้ว

    “ความรู้สึกแบคฮยอน....ผมใช้ความรู้สึก แม้ผมจะไม่มีมันมานานแล้ว แต่เมื่อพบคุณผมมีความรู้สึก”

    “ความรู้สึก?”

    “ความรู้สึกว่า ผมจะต้องรักคุณ”

    สิ้นคำริมฝีปากเย็นๆก็ทาบทับลงมาแบบไม่ทันตั้งตัว ชานยอลจู่โจมผมอย่างรวดเร็วจนเผลอกำชายเสื้อของเขาไว้ เขาสัมผัสริมฝีปากผมอย่างนุ่มนวลไม่ให้ดูหยาบคาย ผมค่อยๆหลับตาลงรับสัมผัสแสนหวานด้วยความเต็มใจ ชานยอลค่อยๆเบียดริมฝีปากลงมาอย่างไม่รีบร้อน ความเย็นจากร่างกายของเขาถ่ายทอดมายังร่างกายผมยามที่ร่างสูงยกตัวผมขึ้นมา เขาให้ผมนอนลงบนเตียงช้าๆในขณะที่ริมฝีปากของเรายังคงเชื่อมกัน ปาร์คชานยอลบดจูบรุนแรงขึ้นแต่นั่นไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกแย่ แต่กลับกันผมกำลังถลำลึกไปเรื่อยๆ ยกมือขึ้นโอบรอบคอของเขาแล้วกดท้ายทอยให้เขาจูบผมให้มากกว่านี้

    ชานยอลรังแกผมด้วยการจูบอยู่นาน และก่อนที่มันจะเลยเถิดเขาก็หยุดตัวเองไว้ ร่างสูงดูดริมฝีปากของผมอยู่ซักพักก่อนจะผละออกไปอย่างอ้อยอิ่ง เพราะผมถูกแกล้งดังนั้นผมจึงหอบหายใจน้อยๆ ชานยอลใช้สายตาที่อ่อนโยนจ้องมา และนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงต้องหลบตาเขา

    โดนแวมไพร์แกล้ง แย่ชะมัดเลย

    “จูบตอบกันแบบนี้ผมก็มีความหวังน่ะสิแบคฮยอน”

    “ชานยอลแกล้งฉัน”

    “เพราะคุณน่ารักJ

    “สาบานได้ ผู้ชายถูกชมว่าน่ารักไม่มีใครดีใจหรอกนะ”

    ผมบ่นงึมงำ อยากจะผลักผู้ชายขี้แกล้งตรงหน้าออกไปให้ไกล แต่เมื่อซักครู่ที่เขาจูบผมราวกับว่าสูบเรี่ยวแรงออกไปจนหมด ผมพยายามจะลุกขึ้นนั่งโดยมีร่างสูงของชานยอลคร่อมผมไว้ เขาคลอเคลียอยู่แถวใบหน้าไม่ทำอะไรไปมากกว่านั้น จมูกโด่งๆไล่ดมกลิ่นกายของผมไปเรื่อย

    “นี่มันอาจจะเร็วเกินไป แต่คบกับผมได้มั้ยแบคฮยอน”

    “ในฐานะเพื่อน เราคบกันอยู่นะชานยอล”

    “คุณก็รู้ว่าผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”

    เขาเหมือนจะหงุดหงิดนิดหน่อยเมื่อผมเบี่ยงประเด็น เป็นแบบนั้นชานยอลจึงทาบริมฝีปากลงมาอีกครั้งราวกับจะย้ำสถานะว่าสิ่งที่เขาต้องการจากผมไม่ใช่แค่เพื่อน ผมเองก็รู้ตัวดีเหมือนกันว่าลึกๆแล้วผมต้องการอะไร ใจผมไปอยู่ที่เขาเรียบร้อย หากแต่ผมรับปากที่จะคบกับเขา แต่อีกไม่นานเขาจะต้องจากผมไปยังเมืองอื่น เขาอยู่กับผมไม่ได้ และแน่นอนว่าผมไม่สามารถอยู่กับเขาได้ยาวนานตราบชั่วชีวิตของเขาด้วย

    ผมจะกลายเป็นคนที่ต้องทำให้ชานยอลเจ็บปวดยามผมตาย

    ผมไม่อยากให้เขาต้องเสียใจเพราะผม

    “รู้ไหมหากเป็นปกติ ผมคงอ่านความคิดของเขาได้ ไม่ต้องกระวนกระวายรอคำตอบแบบนี้ ผมกำลังจะเป็นบ้าเพราะคุณ”

    “นั่นมันทำให้ฉันรู้สึกดีจริงๆ” เขาจูบผมอีกครั้งอย่างเอาแต่ใจเมื่อผมยียวน

    “พอแล้วน่าชานยอล”

    “ลองคิดถึงมันดูนะแบคฮยอน ผมอยากให้คุณได้ทบทวน อย่าเพิ่งปฏิเสธผมตอนนี้”

    เขาอ้อนวอนผมด้วยใบหน้าที่น่าสงสาร ผมพยักหน้ารับแน่นอนว่ามันไม่ต้องทบทวนเลยสำหรับความรู้สึกที่ผมมีให้กับชานยอลในตอนนี้ แต่มันมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมต้องคิดมากกว่านั้น ชานยอลผละออกจากตัวผมไปก่อนที่เซฮุนจะเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มกว้าง

    “ได้เวลาปาร์ตี้แล้วJ

     

     Talk -4-
    โรงเรียนหยุด.....คือไม่รู้จะดีใจรึเสียใจดี
    ตอนนี้หยุดมาห้าวันแล้ว รวมเสาร์อาทิตย์ด้วย
    อุต้ะ ชีวิตสุขสันต์ลั้ลลา เฮฮาทั้งวัน
    #นี่มาเวิ่นระ
    บอกก่อนว่าเรื่องไปเร็วนะ ฮริ๊ง
    ฟิคเรื่องนี้แต่งสนองนี้ด ชอบชานยอลแบบละมุน
    #ฮรั่กกระอักความหล่อตาย
    จริงๆเมนแบคจ้า...แต่นอกใจไปหาชานยอลบ่อย
    ขอบคุณสำหรับเม้นต์นะฮั้บ รักเลย <3
    เจอกันตอนหน้า ไม่น่าเกินสองวันน้า มั้วะๆๆ
    #ฟิคทไวไลท์ 

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×