ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ` [exo] ห้องเก็บฟิคเรี่ยราดของปลาหมึกยักษ์

    ลำดับตอนที่ #3 : เรี่ยราดครั้งที่ 2.2 Bitter Part

    • อัปเดตล่าสุด 5 มี.ค. 59


    Bitter part

     

    “นี่.......”

    “ครับ?”

    “เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมหน้าตาดูเครียดๆ”

    “แหม เมียจ๋าเดี๋ยวนี้หัดสังเกต เป็นห่วงผัวจ๋าหรอคะ?”

    “ไอ้บ้า ฉันซีเรียสนะ” พอโดนแซวเข้าหน่อยใบหน้าหวานก็เปลี่ยนสีราวกับกดสวิตซ์แล้วจัดการเหวี่ยงหมอนบนโซฟาปะทะตัวอีกคนที่เอ่ยปากแซวจนน่าตบ ชานยอลทำเพียงหัวเราะเบาๆก่อนจะเอนตัวลงนอนตักเล็กแล้วหันหน้าเข้าซุกที่หน้าท้องของใครอีกคนพลางกอดไว้ แบคฮยอนเห็นแบบนั้นก็แปลกใจ เลยทำเพียงลูบผมอีกคนเบาๆ

    “เป็นอะไร”

    “มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะ”

    “ไม่หน่อยละมั้งคิ้วขมวดขนาดนี้”

    ปาร์คชานยอลไม่ตอบ ได้แต่ยิ้มขื่นๆกับตัวเองที่อีกคนไม่มีทางมองเห็นพลางหวนนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวันที่มหาลัย

    ชานยอล เสียงหวานที่คุ้นหูเรียกเขาไว้จนต้องหยุดชะงัก คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อยด้วยความงุนงงหากแต่ยอมหยุดเท้าเพียงเพราะคนที่ เคย รักเรียกเขาไว้ รอยยิ้มหวานที่มองทีไรก็ชวนให้ใจสั่นถูกส่งมา จางอี้ชิงเดินมาแตะที่แขนของเขาแล้วกระตุกเบาๆ ไปหาที่นั่งคุยกันนะ

    โคตรโกรธตัวเองที่ยอมง่ายขนาดนั้น ทั้งที่มั่นใจว่าถ้าหากเจอจางอี้ชิงอีกครั้งจะไม่หวั่นไหวแล้วแท้ๆ

    สบายดีมั้ย...เอ่อ สองปีที่ผ่านมาน่ะ

    เยี่ยม มันเจ๋งสุดๆไปเลยเขาไม่ได้ประชดหากแต่ตอบไปตามความรู้สึกที่เขาสัมผัสได้ แต่ดูเหมือนอีกคนจะเข้าใจผิดเอื้อมมือมาแตะมือของเขา ปาร์คชานยอลชักหลบแล้วส่งยิ้มบางๆให้ ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ขอบคุณนะที่ทิ้งผมไป

    ชานยอล..ฉัน...ขอโทษนะ

    ไม่ๆ ผมไม่เป็นอะไรจริงๆถึงแม้ว่าตอนแรกเขาจะเจ็บเจียนตายก็เถอะ...... ว่าแต่มีอะไรรึเปล่า

    เขาไม่อยากนั่งอยู่ตรงนี้นานนัก แล้วยิ่งสองต่อสองแล้วด้วยเขายิ่งไม่แน่ใจใหญ่ว่าจะทำได้อย่างที่ให้สัญญาไว้กับใครอีกคนรึเปล่า ถ้าหากเป็นไปได้ไม่อยากจะทำให้แบคฮยอนเสียใจแม้แต่น้อย เพราะเป็นคนที่เขารักและมีบุญคุณกับปาร์คชานยอลคนนี้มาก แต่ตอนนี้เขากำลังไม่เข้าใจ จางอี้ชิงกลับมาหาเขาทำไม?

    ฉัน...เอ่อ.....

    มีอะไรให้ช่วยหรอ?

    อื้ม

    ถ้าช่วยได้ ผมก็อยากช่วยอี้ชิงนะ

    ถ้าอย่างนั้น....ช่วยกลับมารักกันเหมือนเดิมได้มั้ยชานยอล

    แย่....แย่เหลือเกินที่จางอี้ชิงขอร้องเขามาแบบนั้น

    “มีอะไรก็บอกรู้มั้ยเจ้าทึ่ม ฉันไม่อยากเห็นนายเป็นแบบนี้” น้ำเสียงหวานปลุกเขาให้ตื่นจากภวังค์ ปาร์คชานยอลลุกขึ้นนั่งกอดร่างบอบบางนั่นไว้ราวกับว่าอีกคนจะหายไปไหน เหตุการณ์ไม่ปกติแบบนี้แบคฮยอนก็ไม่อยากจะกวนอารมณ์อีกคนเท่าไหร่ ยกมือขึ้นกอดตอบแล้วลูบแผ่นหลังกว้างเหมือนกับคุณแม่ปลอบลูกชาย

    “เชื่อฉันนะแบคฮยอน เชื่อฉันนะว่าฉันรักนายมาก รักมากที่สุด”

    “ฉันรู้ ฉันไม่ได้โง่น่าชานยอล”

    “จางอี้ชิงมาขอร้อง.....ขอให้กลับไปรักกันเหมือนเดิม”

    “.........”

    “ไม่ใช่สิ แกล้งกลับไปรักกันเหมือนเดิมต่างหาก”

    จะเห็นแก่ตัวเกินไปมั้ยที่ไม่ว่าจะกลับไปรักกันเหมือนเดิมจริงๆหรือแกล้งรัก บยอนแบคฮยอนก็ไม่อยากจะให้ปาร์คชานยอลไปทำอะไรแบบนั้น

    “เขาทะเลาะกับแฟน บอกว่าอยากจะรู้ว่าแฟนเขารักเขาจริงบ้างรึเปล่า”

    “โง่ โง่มากๆ วิธีนี้เป็นอะไรที่โง่มากๆ”

    “.....นายจะทำแบบนั้นรึเปล่าแบคฮยอนถ้าหากว่าฉันทะเลาะกับนาย”

    “ไม่......”

    “........”

    “เพราะฉันรู้อยู่แล้วว่านายรักฉันมาก รักมากที่สุด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม”

     











     

    เพราะเรียนกันคนละคณะปาร์คชานยอลเลยขับรถมาส่งคนที่หวงดั่งแก้วตาดวงใจ ก่อนที่อีกคนจะลงจากรถก็อดไม่ได้ที่จะรั้งเอวบางๆนั่นมากอดแล้วกดจูบเบาๆลงที่ริมฝีปาก แต่ดูเหมือนอีกคนจะยังไม่ค่อยชินเลยเขกหัวร่างสูงเข้าเสียสองสามทีแล้วเดินลงจากรถ ร่างสูงเปิดกระจกลงมา “ตั้งใจเรียนนะคะ อย่าให้ใครที่ไหนมันมาม่อเมียจ๋านะ”

    “เออน่า ถ้าใครมายุ่งฉันจะต่อยมันให้หน้าหงายเลยโอเคป้ะ?”

    “น่ารักมากค่ะเมียจ๋า ผัวจ๋าไปเรียนแล้วนะ เจอกันตอนเย็นค่ะ~

    แบคฮยอนค้อนขวับเมื่ออีกคนตะโกนออกมาเสียงดังราวกับจะบอกให้คนที่ยืนอยู่แถวนี้รู้ ดีว่ายังเช้าอยู่คนเลยยังไม่พลุกพล่านเพราะงั้นคนจึงมีน้อยมาก..ล่ะมั้ง

    อ่า..ให้ตายสิ เพื่อนสนิทเขาอยู่ตรงนั้น ให้คนรู้ทั้งคณะยังดีกว่าพวกมันสองคนรู้!

    “น่ารักมากค่ะเมียจ๋า ผัวจ๋าไปเรียนแล้วนะ เจอกันตอนเย็น”

    “ผัวจ๋าเองก็ตั้งใจเรียนน้า อย่าแอบหนีไปมีกิ๊กล่ะ”

    “รักเมียจ๋านะจุ้บๆ”

    “รักผัวจ๋าเหมือนกันนะ จุ้บๆๆๆ”

    “โดคยองซู คิมซูโฮ จะหยุดได้รึยัง”

    “ผัวจ๋า เค้ากลัวอะ”

    “เมียจ๋าอย่ากลัวไปนะ” มองเพื่อนตัวเล็กสองคนกำลังล้อเลียนเขาไม่หยุดก็คิ้วกระตุกก่อนจะใช้เท็กซ์บุคเล่มโต ฟาดมันลงไปแน่นอนว่าได้ผลทั้งสองคนแยกออกจากกันก่อนจะพร้อมใจหันมาเรียกเขาเป็นเสียงเดียว

    “แก.....!

    “หนังสือน่ะ”

    “มันหนานะ” ประโยคแรกเป็นของซูโฮ ก่อนที่จะตามด้วยโดคยองซูที่รับกันมาเป็นลูกคู่ สองคนนี้ชอบทำอะไรพร้อมๆกันเสมอแหละ มันออกจะน่าหงุดหงิดซักหน่อยในตอนแรกแต่ตอนนี้ก็กลายเป็นความเคยชินไปเสียแล้วสำหรับสองพี่น้องแฝดคนละฝา “หนาแล้วไง”

    “ถามมาได้....” คยองซูโอดครวญ

    “ถ้าโดนก็เจ็บน่ะสิ” ซูโฮทำปากเบ้

    ส่วนบยอนแบคฮยอนก็กรอกตาไปมา

    ถ้าพวกมันไม่ได้อยู่ด้วยกันจะพูดยังไงให้จบประโยคล่ะเนี่ย

    “เออแบคฮยอน”

    “ว่าไง?” ระหว่างที่เดินเข้าตึกเป็นโดคยองซูที่ส่งเสียงเรียกเขาไว้แล้วหันไปมองหน้าแฝดตัวเอง ซูโฮร้องอ๋อเบาๆแล้วเดินมาข้างๆเขา เกี่ยวแขนให้เดินเข้าไปด้านในตึกหาที่นั่งสงบๆเพราะมีเวลาอีกชั่วโมงกว่ากว่าจะเข้าคลาส บยอนแบคฮยอนจัดการวางกระเป๋าลงบนโต๊ะแล้วหันไปถามเพื่อน “ตกลงว่ามีอะไร”

    “ก็คิมมินซอก...”

    “ที่กำลังกิ๊กกันกับคิมจงแด....”

    “บอกมาว่า....”

    “ฉันขอคนเดียว เล่าคนเดียว เดี๋ยวปวดหัว” สองแฝดส่งสายตาปรึกษากันอยู่ครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจให้ซูโฮเป็นคนเล่า พอเห็นแบบนั้นแบคฮยอนเลยถอนหายใจเบาๆ “คิมมินซอกบอกมาว่า จางอี้ชิงมารอเจอปาร์คชานยอลที่คณะ”

    “......”

    “เห็นว่าจะกลับมาขอชานยอลคบแบบจริงจัง”

    “......”

    “แกไม่คิดจะทำอะไรบ้างรึไง?”

    “ฉันควรจะทำอะไรล่ะ?”

    “ก็อย่างเช่น.....” คยองซูเอ่ยเกริ่น

    “ไปคุยกับจางอี้ชิงให้รู้เรื่อง....” ซูโฮเอ่ยต่อ

    “เป็นต้นว่า....”

    “กลับมาทำไม” ได้ยินอย่างนั้นแบคฮยอนก็หัวเราะออกมาเบาๆ ให้เขาเดินเข้าถามแบบนั้นก็ใช่เรื่องซะที่ไหน อีกอย่างเรื่องนี้เขาก็รู้มาตั้งแต่เมื่อวานแล้วด้วย สองแฝดขมวดคิ้วกับท่าทางของเพื่อนร่างบางที่นอกจากจะไม่ซีเรียสแล้วยังมีหน้ามาหัวเราะอีกต่างหาก ซูโฮเห็นอย่างนั้นก็เอ่ยเรียก “แบคฮยอน....”

    “หื้ม?”

    “จางอี้ชิงที่ว่าไปมีแฟนใหม่น่ะ ที่จริงแล้วไม่ได้ทะเลาะกับแฟนของเขาหรอกนะ”

    “.......”

    “แต่เขากำลังจะหมดรัก และกลับมาหาคนที่คิดว่าเขารักจริงๆต่างหาก”

    เวลาสองปีที่ทิ้งเขาไป ทำไมนายถึงอยากจะทวงวันเวลาเหล่านั้นคืนนะ....จางอี้ชิง  ?

     











     

    [เมียจ๋า วันนี้ผัวจ๋ามีธุระนิดหน่อย กลับเองได้นะคะ]

    “หือ? ธุระหรอ? ถ้างั้นฉันไปคาราโอเกะกับเพื่อนก่อน จะรีบกลับ”

    [อย่าลืมนะคะ อย่าให้ใครมาม่อเมียจ๋านะ หวงนะคะรู้มั้ย]

    “อือออ รู้แล้วน่า นายเองก็รีบๆจัดการธุระให้เสร็จแล้วรีบกลับนะ”

    [โอเคค่ะ จะไม่หนีไปมีกิ๊กให้เมียจ๋าปวดใจนะคะ] สาบานได้ว่าเขาแอบอมยิ้มกับคำพูดคำจาน่ารักของปาร์คชานยอล

    เมื่อวางสายเสร็จก็จัดการยัดโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงจัดการสะพายกระเป๋าเข้าที่หลัง จะหันไปชวนฝาแฝดไปเที่ยวก็พบว่ามันสองคนกำลังล้อเลียนเขา...อีกแล้ว “ย่าห์!

    “รีบๆจัดการธุระให้เสร็จแล้วอย่าลืมมาทำการบ้านกับเมียจ๋านะคะ”

    “โอเคค่ะ คืนนี้ผัวจ๋าจัดเต็มเลยน้า คิกๆ”

    “ไอ้แฝดเฮงซวย!!

    สองแฝดหัวเราะคิกคักก่อนจะเดินมาควงแขนคนที่กำลังโกรธจนหน้าแดงหรือเขินก็ไม่แน่ใจแต่ดูจากท่าทางแล้วคยองซูกับซูโฮก็ลงความเห็นกันว่าเป็นอย่างหลัง ศรีษะทุยของทั้งสองคนวางลงบนบ่าเพื่อนเพื่อเอาใจก่อนจะพากันเดินออกจากบริเวณใต้ตึกไปยังห้างใกล้ๆมหาลัยฯ นานแล้วที่ไม่ได้ออกมาเดินเที่ยวกันสามคน บยอนแบคฮยอนเองก็ทิ้งให้พวกเขาเดินเล่นด้วยกันทุกทีเพราะปาร์คชานยอลคอยคุมอยู่ตลอด แต่ถึงเป็นแบบนั้นพวกเขาก็ไม่โกรธหรอก เพราะชานยอลรักแบคฮยอนมากและแบคฮยอนก็รักชานยอลมากเหมือนกัน พวกเขาเลยหยวนๆและยอมให้เจ้าคนตัวโตตามคุมเพื่อนเขาแจ

    “กินอะไรดี~” ซูโฮเอานิ้วแตะปากแล้วขบมันเบาๆอย่างใช้ความคิด เดือดร้อนถึงแฝดอีกคนต้องเอื้อมมือไปตี

    “ห้ามกัดนิ้วนะซูโฮ โตแล้ว”

    “ก็แค่เผลอนิดเดียวเอง” ซูโฮเบะปากออกแล้วเก็บนิ้วที่ตัวเองเผลอกัดมันไปซ่อนไว้ด้านหลัง ไม่ต้องรอให้ใครออกความเห็นร่างโปร่งก็เดินนำลิ่วเข้าไปในร้านเพราะทนเสียงท้องร้องไม่ไหว เขาวางแผนไว้ว่าจะมากินข้าวก่อนแล้วค่อยไปคาราโอเกะซักชั่วโมงหลังจากนั้นค่อยกลับ สามร่างทิ้งตัวลงนั่งในร้านอาหารญี่ปุ่น ระหว่างที่กำลังดูเมนูโดคยองซูก็สะกิดแฝดร่างเล็กพอๆกันให้มองใครซักคน

    “นั่นพี่อี้ฟาน”

    “ไหน” คนตัวขาวจัดชะเง้อมองตามที่อีกคนชี้บอก เขาเองก็อดที่จะหันไปมองไม่ได้ พี่อี้ฟานที่สองแฝดว่าเป็นผู้ชายร่างสูงคนหนึ่งที่ตอนนี้บนโต๊ะมีเพียงกาแฟถ้วยเดียวเท่านั้นและมีแว่นกันแดดสีชาวางอยู่ข้างๆ สายตาของเขาจ้องมองไปยังนาฬิกาแทบจะตลอดเวลา เมื่อเห็นว่าไม่คุ้นหน้าบยอนแบคฮยอนเลยหันกลับมามองเมนูแล้วไล่นิ้วหาเมนูที่ตัวเองต้องการไปเรื่อย แต่จู่ๆพอเห็นสองแฝดยกเมนูปิดหน้าก็ขมวดคิ้วงง “มีอะไร”

    “ชู่......” เสียงซูโฮลอดออกมาจากเมนู

    “เงียบๆก่อน” ก่อนจะตามด้วยคยองซูที่ต่อมันให้จบประโยค

    เพราะที่นั่งมันเป็นโซฟาแบบปิดหลังทำให้เขาไม่สามารถรู้ได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นนอกจากจะหันหลังไปมองแต่เพราะสองคนนั้นให้เขาเงียบๆก็คงไม่ต้องการให้เขาหันไป ทำแค่เพียงมองแฝดคนละฝาทำท่าทางประหลาดๆ ซักพักทั้งคู่ก็ค่อยๆลดเมนูลง แล้วขยับตัวให้เข้ามาชิดด้านใน

    “ตกลงว่ามีอะไร?”

    “ถ้าบอกแล้ว....”

    “แกอย่าเพิ่งทำอะไรเด็ดขาดเลยนะ” ซูโฮทำหน้าจริงจัง พอเห็นเพื่อนเป็นแบบนั้นคิ้วเรียวก็ยิ่งขมวดเข้าไปใหญ่ ในเมื่อเพื่อนว่ามาอย่างนั้นเขาเลยทำอะไรไม่ได้นอกจากจะรับปาก “อื้ม เหมือนเดิมละกัน คนเดียวเล่าให้ฟัง เดี๋ยวงง”

    “คยองซู” ซูโฮเอ่ยเรียกเป็นเชิงให้อีกคนเล่า คยองซูพยักหน้ารับ

    “อื้อๆ เมื่อกี้ที่ฉันชี้ให้ซูโฮดู พี่อี้ฟานน่ะ เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของพวกเราเอง แต่เราก็ไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่....”

    “แล้วยังไง?”

    “เมื่อกี้มีคนสองคนมานั่งกับพี่เขา ฉันเห็นว่าเป็นอี้ชิง....”

    “..........”

    “ส่วนอีกคนนึงเป็นปาร์คชานยอล ฉันมั่นใจมองไม่ผิดแน่ๆ” เท่านั้นดวงตาสีชาก็เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยก่อนจะรีบปรับให้มันเป็นปกติ อยากจะหันกลับไปมองให้แน่ใจด้วยตัวเองแต่ด้วยความที่อยากรู้ว่าทำไมอีกคนถึงมากับอี้ชิงก็เลยทำได้เพียงแค่นั่งแล้วพยักหน้าเบาๆให้คยองซูพูดต่อ

    “ชานยอลนั่งหันหันหลัง เขาไม่น่าจะเห็นเรา อีกอย่างคงไม่คิดว่าเรามาที่นี่เพราะนายบอกว่าจะไปคาราโอเกะ”

    “อืม”

    “นายนั่งตรงนั้นน่าจะได้ยินบ้างว่าเขาพูดอะไรกันบ้าง”

    “ไม่หรอก เสียงในร้านมันดังน่ะ” ถึงโต๊ะมันจะไม่ได้ห่างกันมากเท่าไหร่แต่เพราะเสียงลูกค้าในร้านที่มีค่อนข้างเยอะทำให้เขาไม่สามารถได้ยินว่าอีกโต๊ะคุยอะไรกันบ้าง บริกรมารับออร์เดอร์เขาเลือกสั่งแบบขอไปทีเพราะถึงเวลานี้ก็กินไม่ค่อยจะลงเท่าไหร่แล้ว นึกต่อว่าปาร์คชานยอลลึกๆที่เห็นจางอี้ชิงเป็นธุระจึงปล่อยให้เขากลับบ้านเอง แต่พอนึกได้ว่ามันเป็นอะไรที่โคตรจะงี่เง่าเลยลดอาการกรุ่นๆลงไปได้ครึ่งหนึ่ง

    “อ่า...ฉันรู้แล้ว”

    “อะไรซูโฮ?”

    “พี่อี้ฟานน่ะ...ไม่แน่อาจจะคบกับอี้ชิงอยู่”

    “แล้ว....อี้ชิงก็พาชานยอลมาที่นี่”

    “เพื่อที่จะบอกเลิกกับพี่อี้ฟานต่อหน้าชานยอล.....”

    “เป็นการบอกกลายๆว่า....”

    “เลิกกับพี่อี้ฟานก็เพราะชานยอล”

    “ไร้สาระ ความคิดพวกนายนี่เพี้ยนไปใหญ่แล้ว” แบคฮยอนรีบบอกปัดก่อนที่อะไรๆมันจะเลยเถิดเข้าไปใหญ่ สองแฝดทำหน้ามุ่ยแล้วคนน้ำในแก้วไปเรื่อย สายตาของซูโฮมองไปยังโต๊ะนั้น ส่วนคยองซูก็มองมาที่เขา บยอนแบคฮยอนโบกมือใส่คนที่กำลังจ้องตัวเองแล้วก้มหน้าดูดน้ำในแก้ว

    เพราะไม่ว่าจะยังไง เขาเชื่อ เชื่อว่าชานยอลรักเขามาก เหมือนกับที่เขาก็รักชานยอลมากเหมือนกัน

    “พวกเขาคุยกันอยู่” ซูโฮพูดออกมาลอยๆ จนเขาต้องเงยหน้าขึ้นมอง “พี่อี้ฟานจ้องชานยอลเขม็งเลย”

    “อี้ชิงกอดแขนชานยอลล่ะ...แต่หมอนั่นพยายามจะยกแขนหนีตลอดเลย”

    “คยองซู ตรงนั้นไม่ต้องพูด”

    “นายก็บอกเร็วกว่านี้หน่อยสิ” จากที่จะเครียดกลับกลายเป็นว่าเขาหลุดหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อเห็นว่าสองแฝดกำลังจะตีกันอีกครั้ง บยอนแบคฮยอนระบายยิ้มไม่ซีเรียสกับเรื่องที่ได้ยิน ชานยอลโดนสาวๆในคณะควงแขนบ่อยจะตาย บางคนก็ใจกล้าควงแขนหมอนั่นต่อหน้าเขาเลยจริงๆนะ ตอนแรกก็มีหวงบ้างล่ะแต่พอนานๆเข้าก็ชักจะเริ่มชิน

    แล้วกับอีแค่จางอี้ชิงคนเดียว....เขาก็ทนได้เหมือนกันนั่นแหละ

    “ชานยอลทำท่าจะลุกแล้ว หมอนั่นเหมือนจะโกรธ”

    “อืม ฉันได้ยินเสียงฟึดฟัดแว่วๆเหมือนกัน”

    “ฮะ.....เฮ้ย! ชานยอลถูกอี้ชิงจูบ!!

    ไม่ต้องรอให้จบประโยคร่างโปร่งก็ลุกพรวดหันไปมองก่อนจะพบว่าคนที่มีใบหน้าสวยหวานยื่นหน้าไปแตะริมฝีปากคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นของเขา ส่วนปาร์คชานยอลนั้นก็ทำหน้าตื่นแล้วพยายามจะผลักอีกคนให้ออกห่าง แต่ไม่รู้ว่าทำไมมือของอี้ชิงถึงได้แน่นมากขนาดนั้น บยอนแบคฮยอนเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะกระชากปาร์คชานยอลออกมาห่าง จ้องหน้าคนที่ชื่อจางอี้ชิงด้วยรอยิ้มเยาะๆแล้วเอ่ยปาก “กล้าดีนะยืนจูบผัวชาวบ้านเขากลางร้านอาหารแบบนี้”

    “แบค...แบคฮยอน” ร่างสูงร้องเรียกชื่อเสียงแผ่วเมื่อเห็นใครอีกคนที่ไม่น่าจะมายืนอยู่ตรงนี้

    “ชานยอลไม่ได้บอกรึไงว่ามีเมียแล้ว”

    “ไม่ได้บอก”

    “ผมบอกคุณแล้วอี้ชิง ถามจงแดดูก็ได้ ตอนที่ผมคุยโทรศัพท์กับแบคฮยอนคุณก็ยืนอยู่” นับว่าเยี่ยมยอดสำหรับจางอี้ชิงที่เมื่อกี้เพิ่งโดนคำพูดสาดใส่แต่ก็โต้ตอบกลับได้เร็วทันใจ ชานยอลรีบแก้ต่างเมื่อเห็นว่าอดีตคนรักพูดโกหก ริมฝีปากบางของบยอนแบคฮยอนเหยียดออกมาน้อยๆแล้วขยับหน้าเข้าไปใกล้ “แก้วที่ทำแตกไปแล้ว เอากาวมาต่อยังไงก็ยังเห็นรอยที่ร้าวอยู่ดีนะจางอี้ชิง”

    “ฉันไม่ได้ทำแก้วใบนั้นแตก”

    “ถึงไม่ได้แตกแต่มันก็มีรอยร้าว”

    “..........”

    “ถ้านายอยากจะให้มันกลับมาเป็นเหมือนเดิม ท่าทางจะต้องไปซื้อแก้วใบใหม่แล้วล่ะ”

    “..........”

    “เพราะใบนี้ฉันเอาไปหลอมใหม่มาเป็นของฉันแล้ว”

    “.....นี่!

    “เอ้อ...แล้วก็แก้วใบใหม่ของตัวเองน่ะจะทำมันแตกจะทำมันร้าวจะทำมันหักก็เชิญ แต่แก้วของคนอื่นอย่าริอาจมาสร้างรอยร้าวไว้เด็ดขาด”

    “........”

    “เพราะถ้าแก้วของฉันไม่ได้ร้าวด้วยฝีมือฉันหรือชานยอล ฉันกัดไอ้คนทำไม่ปล่อยแน่”

     

    “บอกแล้วใช่มั้ย......” คยองซูถอนหายใจเบาๆแล้วส่ายหัว

    “ว่าเวลาแบคฮยอนระเบิดน่ะ.....” ซูโฮหันมองอีกคนที่ตัวเองกำลังกล่าวถึง

    “โลกแตกดีๆนี่เอง” เป็นอีกครั้งที่คยองซูต่อมันให้จบประโยค

    ปาร์คชานยอลมองคนที่กำลังยืนร้องเพลงร็อคหนักๆด้วยแววตาที่ฉายประกายความดีใจปิดไม่มิด แต่จะกลัวอยู่นิดๆก็เถอะแต่เห็นแบคฮยอนแสดงออกมาแบบนี้แล้วก็อดจะดีใจไม่ได้ ตั้งแต่เดินออกมาจากร้านนั่นบยอนแบคฮยอนก็ไม่มองหน้าเขาอีก แล้วเดินนำดุ่มๆมาที่ร้านคาราโอเกะ สองแฝดที่เป็นเพื่อนสนิทของร่างบอบบางเอาแต่พูดกรอกหูเขาอยู่นั่นว่าตอนนี้แบคฮยอนโกรธมาก โกรธจริงๆและโกรธที่สุด เขาเองก็รู้นั่นแหละแต่ในตอนนี้จะทำอะไรได้ในเมื่อบยอนแบคฮยอนยังจับไมค์ไม่ปล่อยมาครึ่งชั่วโมงแล้ว และไม่มีแม้แต่จะหันมามองหน้าเขาด้วยซ้ำ

    เป็นแบบนี้ก็หนักเหมือนกันนา......

    “นี่แบคฮยอน.....”

    “พวกเรา.....”

    “ขอร้องมั่งสิ” คยองซูที่มักจะเป็นคนจบประโยคกระพริบตาปริปๆขอความสงสารจากเพื่อนที่เพิ่งร้องเพลงเมื่อครู่จบไป ดวงตาสีชาปรายมามองน้อยๆก่อนจะโยนไมค์ไปให้แล้วเดินไปนั่งอีกฝากของโซฟาซึ่งห่างจากปาร์คชานยอลอยู่มากโข คนตัวสูงเห็นแบบนั้นก็ระบายยิ้มน้อยๆก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆ มิวายโดนคนน่ารักขยับออกอยู่ดีนั่นแหละ

    “เมียจ๋า~ โกรธหรอ”

    “........ทีหลังจะได้รู้ว่าธุระนั่นหรือฉันที่สำคัญกว่า”

    “เมียจ๋าสำคัญอยู่แล้วแหละค่ะ อย่าโกรธนะ~

    “แล้วคิดยังไงถึงยอมให้จูบอยู่ได้ตั้งนาน”

    “ไม่ได้ยอมนะคะ ผัวจ๋าขัดขืนตลอดเลย แต่ดิ้นไม่หลุดอ่า”

    “กระแดะ”

    “ก็กระแดะกับเมียจ๋าคนเดียวแหละค่ะ” จริงๆแล้วเขาอยากจะให้ปาร์คชานยอลต่อว่าเขาออกมาบ้างว่าทำไมถึงหึงเรื่องไม่เป็นเรื่อง ทำไมถึงไม่ทวงสัญญาว่าที่จะเคยเชื่อใจกันบ้างแต่อีกคนดูเหมือนนึกว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายผิดแบบเต็มๆเลยเอาแต่เอาอกเอาใจเขาอยู่อย่างนี้ มือหนาโอบเข้าที่ไหล่ของเขาแล้วบีบต้นแขนเบาๆ

    “ขอโทษนะคะที่วันนี้ทำให้เมียจ๋าปวดใจ”

    “ปวดใจบ้าอะไร เปล่าซักหน่อย”

    “เห็นเมียจ๋าทำท่าเหมือนจะร้องไห้แล้วปวดใจจะแย่”

    “ฉันทำแบบนั้นตอนไหนกัน!

    “ก็ตอนที่เมียจ๋าเดินเข้ามาหาไงคะ แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ร้องไห้ เข้มแข็งจริงๆเลยน้า”

    คือจริงๆแล้วเขาไม่ได้จะร้องไห้หรอก แต่เพราะลมที่มันปะทะเข้าตาเร็วเกินไปต่างหากเลยทำให้เขาแสบตา ปาร์คชานยอลเอื้อมมือมาหนีบจมูกเขาเบาๆแล้วซบลงที่ไหล่บาง มือหนาเลื่อนไปกุมมือเขาไว้ก่อนจะจับมันแน่นราวกับว่าเขาจะเดินหนีหายไปไหน

    “ที่รัก......”

    “หืม?”

    “ขอจูบได้มั้ยคะ?”

    “อื้ม” บยอนแบคฮยอนตอบรับเสียงแผ่วก่อนที่อีกคนจะเลื่อนใบหน้ามาทาบริมฝีปากลงอย่างแผ่วเบา มือหนาจับมือเขาไว้ทั้งสองข้างก่อนจะประสานนิ้วเพื่อให้เกาะกุมแน่นยิ่งขึ้น ริมฝีปากบางเผยอขึ้นรับลิ้นร้อนอีกคนที่เข้ามารุนราน เสียงร้องของสองแฝดหยุดไปแล้วแต่ตอนนี้สติสัมปชัญญะของเขาเหมือนถูกดูดกลืนไปกับรสชาติหอมหวานของการจูบ หูอื้อตาลายน่าจะเป็นคำอธิบายของสถานการณ์ตอนนี้ได้มากที่สุด ปาร์คชานยอลทำเอาเขาไม่อยากจะละจากจูบนี้ไปแม้แต่ตอน แต่เสียงครางฮือที่ดังออกมาจากลำคอของตัวเองเป็นตัวบ่งบอกว่าลมหายใจของเขากำลังจะหมด

    ปาร์คชานยอลผละริมฝีปากออกมาเล็กน้อย จ้องมองใบหน้าหวานนั่นเต็มๆตาก่อนจะกดจูบลงไปอีกครั้งราวกับว่าคนคนนี้จะหายไป บยอนแบคฮยอนหลับตาปี๋อีกรอบแล้วเบียดริมฝีปากสู้กับอีกคนขยับมือที่สอดประสานกันอยู่ให้แน่นกว่าคราวที่แล้ว สองแฝดที่ยืนอยู่ได้แต่ทำอะไรไม่ถูกเอาหนังสือเพลงมาปิดหน้าก่อนจะแหกปากร้องเพลงที่ยังไม่จบ หรือถ้าหากจบแล้วเขาก็คงคีย์เพลงต่อไปเรื่อยๆ

    จะจูบกันก็หัดแหกตามองเพื่อนที่ยืนอยู่ด้วยสิไอ้บ้า!!

    ทั้งแบคฮยอนและชานยอลผละออกจากกันแล้ว แต่ทว่าใบหน้ายังไม่ห่างออกจากกัน โดคยองซูเลยจัดการสะกิดแฝดให้หาทางเรียกสติของทั้งคู่ให้รู้ว่าพวกเขายังคงยืนอยู่ตรงนี้

    “อะแฮ่ม......”

    “ขอโทษที่ขัดจังหวะ....”

    “แต่พวกเรา.....”

    “ยังอยู่ในห้องนี้ด้วยนะ” ซูโฮพูดจบก็เห็นเพื่อนสนิทตัวเองซุกอกอีกคนด้วยความเขินไปเรียบร้อยแล้ว ปาร์คชานยอลหัวเราะออกมาเบาๆแล้วกอดคนที่กำลังเขินนั่นก่อนจะทำท่าจุ๊ปากเป็นเชิงให้พวกเขาเงียบ แฝดคนละฝาพร้อมใจกันเบะปากออกด้วยความหมั่นไส้

    “ช่วยไป....”

    “สวีทกันที่บ้านได้ไหม”

    “แฝดบ้า! เงียบไปเลย!!

     

     

    แถม;;

    “ทำแบบนี้ทำไมอี้ชิง”

    “ผมไม่ได้รักพี่”

    “ทำไมไม่บอกพี่ตรงๆ ไปเอาเขามาเกี่ยวทำไม”

    “เพราะผมรักชานยอล” ร่างบอบบางที่นั่งอยู่บนเบาะข้างคนขับเอ่ยออกมาเสียงเรียบหากแต่บีบคั้นหัวใจคนฟังได้ดี ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าทำไมอี้ชิงไม่ได้รักเขาแล้ว ไม่สิ ต้องเรียกว่าไม่เคยรักเลยถึงจะถูก อี้ชิงต้องมาคบกับเขาก็เพราะแม่ของเขาจะสามารถช่วยเหลือน้องสาวของอี้ชิงได้

    ถ้าหากน้องสาวของอี้ชิงไม่เป็นโรคหัวใจ

    ถ้าหากอี้ชิงมีเงินมากพอที่จะช่วยเหลือน้องสาว

    ถ้าหากเขาไม่ได้ชอบอี้ชิง

    เจ้าตัวก็คงไม่ต้องบอกเลิกชานยอลเพื่อจะมาคบกับเขา

    “พี่ขอโทษ”

    “..........”

    “แต่ช่วยรักพี่อีกซักครั้งได้มั้ย?”

    “.........”

    “ถ้าหากคราวนี้ พี่ทำให้นายรักไม่ได้ พี่จะยอมปล่อยนายไป”







     

    ฮุ่ย ฮุ่ย ฮุ่ยเล่ฮุ่ย 555555555555555



     

    T
    H
    E
    M
    Y
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×