คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ช า น มึ น : ต อ น ที่ ส อ ง
ต อ น ที่ ส อ ง
“เพิ่งจะออกจากสถานบำบัดได้เมื่อสามเดือนก่อนสงสัยคงจะกลับไปเสพอีกถึงได้เป็นแบบนี้”
“.......อ้อ ครับ”
“เรียบร้อยแล้วล่ะ หนูเองก็ดูแลตัวเองดีๆด้วย ดีนะว่าได้พ่อหนุ่มนี่ช่วยเอาไว้”
“ครับ ขอบคุณมากนะครับ”
“ไม่เป็นไรๆ แล้วก็ขอบใจที่ให้ความร่วมมือนะ”
ดีว่าสถานีตำรวจอยู่ใกล้บ้านเลยไม่เสียเวลามากมายเท่าไรนัก หลังจากให้ปากคำกับตำรวจเสร็จก็เดินออกมาโดยที่มีปาร์คชานยอลเดินอยู่ข้างๆ ร่างสูงสวมเสื้อชอปทับก่อนจะลงจากรถแล้วเดินขึ้นสถานีเป็นเพื่อน อาจจะรู้ว่าแบคฮยอนไม่เคยต้องมาทำอะไรในสถานที่แบบนี้เลยทำให้เขารู้สึกขอบคุณอีกคนมากขึ้นไปอีก
ร่างสูงหยุดยืนอยู่ข้างรถในขณะที่แบคฮยอนก็กำลังจะเดินอ้อมไปอีกฝั่งเพื่อจะได้ขึ้นรถกลับบ้าน แต่ดวงตาคู่เล็กก็เหลือบไปเห็นว่าเสื้อชอปสีเข้มนั่นเหมือนจะเปื้อนอะไรบางอย่าง เขาขมวดคิ้วแน่นแล้วเดินกลับไปหาปาร์คชานยอล มือเล็กเอื้อมไปดึงชายเสื้อเอาไว้ให้สามารถมองได้ถนัดตา แล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อพบว่าเป็นคราบเลือด
“เฮ้ยพี่.....”
“ขึ้นรถสิ”
“โดนแทงหรอ?”
“แค่ถากๆ” ตอบแบบไม่ใส่ใจมากเท่าไรนักแล้วจึงเปิดประตูรถขึ้นไปนั่ง ความรู้สึกผิดเข้าโจมตีคนตัวเล็กทันที ต้องเป็นเพราะก่อนหน้านี้แหงๆที่เขาร้องตะโกนห้ามว่าไอ้ตาแก่นั่นกำลังจะพุ่งเข้าใส่ เขาคิดว่าปาร์คชานยอลหลบทันแบบเฉียดฉิวเสียอีกเพราะไม่เห็นอีกคนแสดงท่าทีอะไร และก่อนที่ชานยอลจะปิดประตูเขาก็จับมันเอาไว้ ชะโงกหน้าเข้าไปหาอีกคนก่อนจะตัดสินใจพูดออกไป
“ไปโรงพยาบาลเหอะพี่”
“ขึ้นรถสิ”
“พี่....ไปโรงพยาบาลเถอะ”
“มันไม่ได้เป็นอะไร แค่ถากๆ”
“.......ไม่ได้โดนแทงแน่นะ”
“อือ” อีกคนก็ยังคงพยักหน้ารับเนือยๆราวกับว่าแผลนั่นได้มาจากการทำมีดบาดอะไรทำนองนั้น แบคฮยอนเม้มปากแน่น ยืนชั่งใจอยู่พักหนึ่งและในที่สุดก็ยอมเดินกลับไปนั่งบนรถโดยที่สายตาก็เหลือบมองแผลของชานยอลเป็นระยะ ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงบ้าน ร่างเล็กก้าวลงจากรถและยืนอยู่นานจนกระทั่งอีกคนกำลังจะเปิดประตูบ้านเขาถึงได้ตัดสินใจ
“เดี๋ยวผมทำแผลให้ บ้านพี่มีอุปกรณ์ทำแผลปะ”
“.....น่าจะไม่”
“งั้นมาบ้านผม” ว่าจบก็ฉวยข้อมืออีกคนมาแล้วลากไปยังหน้าบ้านของตัวเอง หันไปกำชับรุ่นพี่ปีสองต่างคณะด้วยสายตาว่าห้ามขยับไปไหนแล้วจัดการไขประตูรั้ว ปาร์คชานยอลเดินตามเข้ามาแต่โดยดี แบคฮยอนรีบวิ่งไปเปิดประตูอีกบานแล้วหาสวิตซ์ไฟ ก่อนจะวิ่งเข้าไปที่ครัวเพื่อหากล่องทำแผลที่แม่ของตัวซื้อเอาไว้ก่อนที่จะย้ายเข้ามา เมื่อเจอก็เช็คอีกทีว่ามีทุกอย่างที่ต้องการ เขาคิดว่าถ้าหากแผลมันเกินความสามารถ แบคฮยอนจะส่งไปโรงพยาบาลจริงๆด้วย
ร่างเล็กเดินกลับมาพร้อมกับกล่องปฐมพาบาลเบื้องต้น เขาผงะนิดหน่อยเมื่อพบว่าอีกคนถอดเสื้อออกมาแล้วขยับตัวเพื่อสำรวจแผลของตัวเอง พอแอบมองก็พบว่ามันแค่ถากๆจริงอย่างที่บอก ไม่ได้โดนแทงอย่างที่เขาเข้าใจ ปาร์คชานยอลเงยหน้ามามองเขาก่อนจะขยับยกแขนไปพาดไว้บนหมอนอิงเพื่อโชว์แผลของตัวเอง
แบคฮยอนหายใจสะดุด
เขาต้องตั้งสติไว้ให้มั่นแล้วบอกกับตัวเองว่าบยอนแบคฮยอนเองก็มีอะไรๆไม่ต่างไปจากปาร์คชานยอล มีทุกอย่างเหมือนกันแต่อีกคนมีดีกว่าก็แค่นั้น ที่เขาเป็นเมื่อกี้อาจจะด้วยเพราะความอิจฉา
ร่างบางค่อยๆทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา เปิดกล่องอุปกรณ์ทำแผลหยิบโน่นหยิบนั่นออกมา ที่ดูคล่องแคล่วเพราะเมื่อก่อนก็ทำแผลเล็กๆให้กับน้องชายตัวแสบที่ขยันมีเรื่องชกต่อยอยู่บ่อยครั้ง จนกระทั่งย้ายออกมาเขาก็กำชับไว้ว่าไม่ให้น้องชายทำตัวเหลวไหลอีก
ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง?
ถือว่าปาร์คชานยอลเป็นคนที่มีความอดทนค่อนข้างดีพอสมควรเพราะถ้าหากเป็นน้องชายของเขาล่ะก็ ป่านนี้คงจะร้องโอดโอยประหนึ่งว่าโดนน้ำกรดสาดเข้าที่แผล จะมีก็แค่สีหน้าที่เปลี่ยนไปยามแบคฮยอนเผลอกดมือลงไปหนักตามประสาของเด็กผู้ชาย และสุดท้ายเขาก็พันผ้าพันแผลให้กับชานยอลเสร็จ
“พี่กินข้าวยังอะ” หลังจากที่นั่งบนโซฟาซักพัก เป็นอีกครั้งที่แบคฮยอนต้องใช้ความคิดอย่างหนักกว่าจะเอ่ยปากถามออกไป ชานยอลหันมาหาเขาไม่พูดอะไรนอกจากเลิกคิ้วด้วยความสงสัยแล้วส่ายศีรษะน้อยๆ “ยัง”
“งั้นเดี๋ยวผมทำอะไรให้กินนะ พี่จะกินตรงนี้หรือที่โต๊ะกินข้าว?”
“โต๊ะกินข้าวก็ได้”
“โอเค” ร่างเล็กพยักหน้าก่อนจะเก็บอุปกรณ์ต่างๆ ของที่เปื้อนก็เก็บกวาดลงในถุงพลาสติกมัดปากถุงให้แน่นแล้วจะนำไปใส่ถังขยะใหญ่อีกทีส่วนอีกคนนั้นก็กำลังสวมเสื้อยืดตัวเก่ากลับไป แบคฮยอนหันไปเห็นเสื้อชอปที่เปื้อนเลือดเขาก็เดินไปหยิบมันขึ้นมา “ผมจะเอาไปซักให้ พรุ่งนี้พี่รีบใช้มั้ย?”
“ไม่อะ”
แบคฮยอนพยักหน้ารับคำแล้วเอาเสื้อเปื้อนไปวางไว้ที่ตะกร้าผ้าก่อนจะย้ายตัวเองเข้าไปในครัวพร้อมๆกับชานยอลที่มานั่งอยู่แถวนั้น ร่างน้อยเปิดดูของในตู้เย็นแล้วตัดสินใจทำอาหารง่ายๆอย่างซุปกิมจิ นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่แบคฮยอนเองก็ค่อนข้างถนัดเพราะเขามักจะเข้าครัวเป็นลูกมือแม่อยู่บ่อยๆ เปิดหม้อข้าวเห็นข้าวที่แม่หุงทิ้งไว้ก็จัดการเสียบปลั๊กเพื่ออุ่น
ปาร์คชานยอลนั่งมองร่างเล็กที่ขยับจับนู่นทำนี่อย่างคล่องแคล่วแล้วก็ค่อยๆยกศอกขึ้นวางบนโต๊ะทานข้าว ก่อนจะวางคางลงบนมือตัวเองจ้องมองร่างของคนข้างบ้านที่ไม่คิดจะหันกลับมามองเขาที่นั่งอยู่ตรงนี้ มือใหญ่อีกข้างที่ยังคงว่างลูบบริเวณแผลตัวเองเบาๆ
ที่จริงก็ไม่ได้จะอยากทำเป็นฮีโร่ซักเท่าไหร่ แต่ในเมื่อคนข้างบ้านกำลังเจอเรื่องเดือดร้อนเขาเองก็คิดว่าคงจะต้องช่วย ท่าทางแก่นๆเซี้ยวๆที่ดูเหมือนจะเอาตัวรอดได้แต่พอเห็นวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนแบบนั้นชานยอลก็คิดว่าตัวเองควรจะต้องทำอะไรซักอย่าง ไม่อย่างนั้นเขาคงจะต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตแน่ๆ
แบคฮยอนรู้สึกว่าอีกคนกำลังจ้องแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่กล้าหันกลับไปมอง กลัวว่าจะทำท่าเงอะงะใส่ให้ชานยอลได้เห็นอีก ทำเป็นไม่รู้สึกถึงการมองนั่นแล้ววุ่นวายกับการทำกับข้าวต่อไป
ไม่นานนักทุกอย่างก็เสร็จ ร่างน้อยตักข้าวสองจานสำหรับเขาและคนข้างบ้านที่ตอนนี้มีพระคุณอย่างล้นเหลือก่อนจะเดินไปเก็บของในครัวให้เรียบร้อย ทว่าอีกคนก็เรียกเขาไว้
“มากินก่อนสิ”
“เดี๋ยวผมเก็บครัวแป๊บเดียว”
“มากินก่อน”
“.........” ตอนนี้แบคฮยอนรู้แล้วว่าถึงจะพยายามอธิบายไปว่าเขาจะเก็บครัวก่อนปาร์คชานยอลก็จะยังคงพูดคำนั้นซ้ำๆจนกว่าจะได้คำตอบที่ถูกใจ เป็นแบบนั้นเจ้าของบ้านเลยเดินกลับมานั่งบนเก้าอี้ที่ยังคงว่าง ยกมือประนมขอบคุณชาวนาสำหรับข้าวมื้อนี้ พอเงยหน้าขึ้นก็ผงะ
คนข้างบ้านกำลังจ้องหน้าเขา
“...........”
“...........”
เป็นแบคฮยอนนั่นแหละที่ทำอะไรไม่ถูก แทนที่ปาร์คชานยอลจะรู้สึกเขินหรืออะไรบ้างแต่ก็ไม่เลย หมอนั่นยังคงทำท่าสบายๆราวกับว่าเป็นฝ่ายถูกแอบมอง ดวงตาคู่นั้นไม่เคยแสดงความรู้สึกอะไรหรือบางทีแบคฮยอนโง่เกินไปที่จะรับรู้ได้ ความเงียบที่เงียบจนเกินมันแปรเปลี่ยนจนกลายเป็นความอึดอัดทำให้แบคฮยอนเริ่มที่จะลงมือทานข้าวก่อน แน่นอนว่าอีกคนก็จับตะเกียบตาม
“เกลียดขี้หน้ากันขนาดนั้นเลยหรอ?”
“ห่ะ?” จู่ๆระหว่างทานข้าวคนที่นั่งอยู่ไม่ห่างกันก็โพล่งถามขึ้นมาจนร่างน้อยชะงัก แบคฮยอนทำหน้าเหวอเมื่อได้รับคำถามที่ค่อนข้างจะตรงไปตรงมา พอเงยหน้าสบตามองก็พบว่าปาร์คชานยอลกำลังจ้องหน้าเขาอยู่ มือเล็กวางตะเกียบลงก่อนจะเกาแก้มเบาๆแก้เก้อ
“ถามอะไรอย่างนั้นพี่....ผม....ผมจะเกลียดพี่ทำไมวะ”
“ก็เรื่องเมื่อวันนั้น นายดูเหมือนโกรธๆ”
“วันไหนวะ....? อ๋อๆวันแรกที่เจอกันอะนะ มันก็ต้องโกรธปะวะ แต่.....”
“นั่นไง โกรธ”
“ก็โกรธแต่.....”
“โกรธฉันจริงๆด้วยสินะ”
“ไม่ใช่......”
“ว่าแล้วเชียว”
โว้ย! บางทีก็ต้องฟังกันบ้างมั้ยวะ
อยากจะตะโกนออกไปแบบนี้ แต่ในความเป็นจริงแบคฮยอนได้แต่นั่งเม้มริมฝีปากให้อีกคนเลิกพูดพร่ำบ้าบออะไรนั่นก่อน และเมื่อพบว่าชานยอลเงียบเสียงลงไปแล้วเขาจึงเปิดปากอธิบายอีกครั้ง
“ผมโกรธแต่ไม่ได้เกลียดพี่เข้าใจปะ โกรธกับเกลียดมันไม่เหมือนกันนะเว้ย”
“...........”
“...........”
“ตกลงไม่เกลียด?”
“เออ.....อื้มๆ” รีบรับคำก่อนที่จะพบว่าปาร์คชานยอลเงยหน้าขึ้นมาสบตาพลางส่งยิ้มให้น้อยๆ ฉับพลันหัวใจดวงน้อยก็กระตุกวูบอีกครั้ง แบคฮยอนคิดว่าตอนนี้ตัวเองคงจะทำหน้าประหลาดแหงเพราะจู่ๆอีกคนก็ดันส่งยิ้มให้ราวกับว่าการที่เขาไม่เกลียดเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากมายประหนึ่งว่าเขายอมให้ลอกการบ้าน
เออจริงมันไม่เหมือนกันหรอก แต่อยากจะเปรียบเทียบแบบนี้มีอะไรมั้ย
และในที่สุดช่วงเวลาที่ค่อนข้างน่าอึดอัดสำหรับเขาก็จบลง กับข้าวในจานหมดลงอย่างรวดเร็ว แบคฮยอนสาบานได้ว่าเขาได้กินไม่ถึงครึ่ง ปาร์คชานยอลเป็นมนุษย์ที่กินเร็วและเยอะมาก อีกคนอิ่มก่อนเขาด้วยซ้ำแต่ก็ดีว่ายังเหลือให้แบคฮยอนได้พอรับประทานบ้าง ร่างสูงหยุดยืนอยู่ที่อ่างล้างจานนานแล้วไม่ยอมขยับไปไหน พอได้ยินเสียงน้ำไหลเท่านั้นแหละแบคฮยอนก็ถึงบางอ้อ
กำลังจะพยายามล้างจานสินะ
“พี่ไปนั่งเลย ผมล้างเอง”
“เดี๋ยวช่วย”
“พี่......”
“จะช่วย”
เป็นคนที่ดื้อแบบไม่อาละวาดสินะ
สุดท้ายเลยยอมให้อีกคนช่วยล้างจาน ทั้งที่ความจริงแล้วปาร์คชานยอลควรที่จะรีบกลับไปพักผ่อนแต่กลับมายืนล้างจานอยู่ตรงนี้ เสียงรถพร้อมกับเสียงประตูรั้วที่ถูกเปิดออกทำให้แบคฮยอนรู้ว่าตอนนี้แม่กลับมาแล้ว เมื่อล้างจานเก็บครบทุกใบก็กวักมือเรียกอีกคนให้มาเช็ดมือให้แห้ง แน่นอนว่าร่างสูงเองก็ทำตามแต่โดยดี ไม่นานนักประตูก็เปิดออก
“อย่าบอกเรื่องวันนี้กับแม่ผมนะ”
“.......ได้ไง?”
“ขอร้องล่ะพี่”
“จะเก็บไว้คิด”
ไม่ทันแล้วไอ้มึน!
ปาร์คชานยอลไม่รับปากแบคฮยอนเลยได้แต่ทำท่ากระวนกระวาย ร่างสูงเดินเข้าไปทักทายแม่ของเขาที่เดินหอบหิ้วของพะรุงพะรังเข้ามา แม่ทำหน้าแปลกใจนิดหน่อยเมื่อเห็นชานยอลอยู่ในบ้านก่อนจะเอ่ยปากทักถึงบาดแผลช่วงเอว
“ตายแล้ว ชานยอลไปทำอะไรมาล่ะนั่น”
“พอดี.....” อีกคนเหลือบสายตามาทางเขา แบคฮยอนเอาแขนไขว้กันเป็นกากบาทก่อนจะเอาลงเมื่อแม่หันมามอง สายตาของหญิงสาวร่างเล็กจ้องเขม็งมาทางนี้ราวกับว่าเขาเป็นคนทำให้ชานยอลได้แผล ซึ่งมันไม่ผิดไปจากนั้นมากเท่าไรนัก เพราะอย่างไรเสียแผลนั่นปาร์คชานยอลก็ได้มาเพราะช่วยเขา
“แกทำอะไรพี่ชานยอลเขา?”
“ป้าเห็นผมเป็นคนยังไงเนี่ย!”
“เจอพวกอันธพาลนิดหน่อยครับ”
“หรอ ไม่ใช่ว่าลูกน้าไปทำอะไรชานยอลเข้านะ?”
“ป้าอะ!”
“ไม่ครับ แบคฮยอนไม่ได้ทำอะไร”
“ท่าทางจะเจ็บน่าดูเลย คนสมัยนี้นี่ยังไงกันนะ แล้วนี่ทานข้าวกันเรียบร้อยแล้วหรอ”
คนที่เพิ่งมาถึงก็บ่นพึมพำไปเรื่อยในขณะที่แบคฮยอนก็เอาเสื้อชอปที่เปื้อนเลือดใส่ลงไปในตะกร้าเพราะยังไงพรุ่งนี้เขาก็เป็นคนซักผ้าแม่ไม่น่าจะเห็น
“ถ้ายังไงเดี๋ยวผมขอตัวกลับบ้านก่อนนะครับ”
“จ้า”
“เดี๋ยวผมไปส่งพี่เขานะแม่” เมื่อเห็นว่าปาร์คชานยอลกำลังจะเดินออกไปร่างเล็กก็วิ่งตามไปติดๆ ปิดประตูบ้านให้สนิทก่อนจะเดินไปเปิดประตูรั้วให้อีกคน
“ขอบคุณมากนะพี่ที่ไม่บอกแม่ผม”
“แล้วคิดจะบอกแม่ไหม?”
“อาจจะไม่อะ”
“...........”
“ผม....ผมไม่อยากให้แม่เป็นห่วง ตอนนี้แม่ก็มีเรื่องเครียดๆอยู่ด้วยแล้ว”
พูดเรื่อยๆจนกระทั่งถึงหน้าบ้านอีกคน ปาร์คชานยอลล้วงกุญแจบ้านออกมาจากกระเป๋ากางเกง เห็นแบบนั้นร่างน้อยเลยฉวยมันมาถือเอาไว้ในมือพลางเปิดให้ ไม่อยากจะให้คนข้างบ้านออกแรงให้มากนัก และก่อนที่จะปิดประตูบ้านมือใหญ่ก็วางแหมะลงบนศีรษะของเขา
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องดูแลตัวเองดีๆ”
“อะ........”
ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก
“มีอะไรก็บอกฉันได้ ไม่ต้องเกรงใจ”
ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก
------ GIDDY CHANYEOL ------
แบคฮยอนยังไม่เปิดเทอม แต่ก็ไม่ต้องไปมหาวิทยาลัยในวันนี้
ก่อนที่แม่จะออกจากบ้านเพื่อจะไปทำงานก็มีการกำชับว่าให้เขาออกมารถน้ำต้นไม้ด้วย
แหม่....รักยิ่งกว่าลูกอีกล่ะมั้ง
เพราะกลัวว่าแดดจะร้อนมากไปกว่านี้แบคฮยอนเลยรีบออกมารดน้ำต้นไม้แต่เช้าประมาณเจ็ดโมงซึ่งแดดก็มีพอสมควรแล้ว แต่มันก็คงจะดีกว่าตอนช่วงสิบโมง ปลายเท้าเขย่งขึ้นมองประตูบ้านอีกคนที่ปิดสนิทแต่ที่โรงรถมีรถยนต์คันที่คุ้นตาจอดเอาไว้ บ่งบอกว่าคนข้างบ้านยังไม่ตื่น
ที่มองเนี่ยเพราะเป็นห่วงแผลต่างหากล่ะ.....
คิดแล้วก็เผลอยกมือตัวเองขึ้นลูบศีรษะที่โดนอีกคนขยี้มันเมื่อคืน ดีว่ามันมืดแล้วปาร์คชานยอลเลยไม่เห็นว่าเขาหน้าแดงขนาดไหน แบคฮยอนรู้ตัวเลยว่าหน้าร้อนเห่อไปหมด ในตอนนั้นได้แต่โทษว่าเพราะอากาศร้อนแต่มันก็เท่านั้น ยังไงความจริงก็คือความจริง บยอนแบคฮยอนดันไปเผลอรู้สึกดีที่อีกคนมาลูบศีรษะนั่นแหละ
อาจจะเพราะแบคฮยอนเป็นพี่คนโตเลยทำให้ต้องกลายเป็นคนดูแลน้องเสียมากกว่า มีไม่บ่อยนักที่จะมีคนมาดูแลแบบนี้ ลูกพี่ลูกน้องที่โตกว่าก็สนิทกันและมองเขาเป็นเด็กผู้ชายจอมแก่นจนตบหัวลูบหลังกันบ่อยๆ ดังนั้นพอปาร์คชานยอลมาทำแบบนี้เขาเลยรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นเด็กตัวเล็กๆไปเลย
“เจอกันอีกแล้วนะมึง” ระหว่างที่กำลังรดน้ำต้นไม้แบคฮยอนก็หันไปคุยกับดอกไม้ที่เคยพูดคุยด้วยเมื่อไม่กี่วันก่อนที่ตอนนี้ก็ยังคงบานรับแสงแดด ใช้มือปัดๆน้ำให้ไปโดนมันนิดหน่อยเพราะเกรงว่าถ้าใช้น้ำทั้งหมดนั่นก็เกรงว่ามันจะตายเอาเสียก่อน แบคฮยอนไม่ใช่คนจิตใจดีอะไรนักหรอก เขาเพียงแค่กลัวแม่จะมาเล่นงานเอาต่างหาก
อากาศยามเช้าถือว่าค่อนข้างดีเหมาะแก่การออกมารับแสงแดด หากขยันเขาคงจะไปวิ่งเหยาะๆในซอย แต่แบคฮยอนก็ยังคงขี้เกียจเกินไปประกอบกับเรื่องเมื่อคืนเลยทำให้เขาขยาดที่จะไปเดินเล่นคนเดียว เมื่อรดน้ำต้นไม้ครบหมดแล้วก็ฉีดน้ำใส่เท้าเพื่อให้ร่างกายสดชื่นก่อนจะปิดน้ำ ร่างน้อยม้วนสายยางสีเขียงลายตารางที่ดูแล้วให้ความรู้สึกเหมือนงูเข้าที่ เดินกลับไปนั่งยองๆหน้าดอกไม้ที่ตอนนี้เหมือนจะกลายเป็นเพื่อนสนิทไปเสียแล้ว
“กูเข้าบ้านแล้วนะ มึงเองก็สังเคราะห์แสงหาอาหารไปล่ะ”
“สู้ๆนะดอกไม้”
“กูไปนอนอืดแล้วบายยย~”
“ไหวมั้ยน่ะ”
“เฮ้ย!”
ไอ้คำถามแน่นอนว่าไม่ใช่จากปากเขาที่มีให้ดอกไม้ของแม่ แต่เป็นจากคนข้างบ้านที่เขาคิดว่ายังไม่น่าจะตื่นในเวลานี้ ปาร์คชานยอลชะโงกหน้าผ่านกำแพงมา มันเหมือนกับเมื่อวันนั้นที่อีกคนมายืนจ้องเขาพูดกับดอกไม้เป๊ะ เพียงแต่เปลี่ยนตำแหน่งที่ยืนจากหน้าบ้านมาเป็นในรั้วบ้านของตัวเองก็เท่านั้น
“ทำไมชอบคุยกับดอกไม้?”
“...........”
“รู้ภาษาดอกไม้หรอ”
“............”
“กับดอกไม้ไม่ควรพูดหยาบคายนะ”
“............”
“หิว” คนตัวเล็กเลิกคิ้วก่อนจะหันไปมองคนตัวสูงที่ตอนนี้โผล่ออกมาแค่ศีรษะ ดวงตาคู่นั้นจับจ้องมายังเขาขอความเห็นใจ เท่านั้นแหละแบคฮยอนก็หัวเราะพรืดออกมาก่อนจะพยักหน้าตัวเองน้อยๆ
“เดี๋ยวหาไรให้กิน ขอไปหยิบกุญแจบ้านแป๊บ”
“ไม่ต้องๆ” ว่าจบอีกคนก็หันหลังเดินกลับไปหยิบอะไรบางอย่าง ดวงตาคู่เล็กเบิกกว้างขึ้นเมื่อพบว่าอีกคนกำลังปีนกำแพงข้ามมายังฝั่งบ้านของเขา นิ้วเรียวชี้ไปยังอีกคนที่กระโดดลงมาเรียบร้อยแล้ว แม้มันจะไม่สูงมากแต่เขาก็อดที่จะตกใจไม่ได้ “เฮ้ย!”
“..........?”
“เดี๋ยวขาก็หักหรอก!”
“ก็ไม่หักนะ”
“หมายถึงถ้ามันหักล่ะ!?”
“แค่นี้ก็โกรธแล้วหรอ?”
“ตกใจต่างหากล่ะ”
ปาร์คชานยอลเดินเข้ามาในขณะที่คนตัวเล็กได้แต่ทำหน้าเบี้ยวเมื่อเห็นว่าอีกคนตอบโต้คล้ายกับจะกวนประสาท หรือแท้จริงแล้วซื่อบื้ออย่างไม่ได้ตั้งใจอันนี้ก็ไม่อาจะทราบ เขาเดินนำรุ่นพี่ตัวสูงเข้าบ้านก่อนจะเดินไปเปิดฝาครอบอาหาร มีกับข้าวที่แม่ทำทิ้งไว้สองอย่าง ซึ่งแบคฮยอนตั้งใจว่าจะเก็บไว้กินตอนกลางวันแต่เขาก็ตัดใจยกให้เป็นมื้อเช้าของอีกคนไป
ร่างสูงนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิมกับที่เมื่อวานได้นั่ง มองร่างน้อยคดข้าวใส่ถ้วยแล้วเอามาวางไว้ให้บนโต๊ะก็เอ่ยปากขอบคุณเบาๆแล้วเริ่มลงมือทานข้าว แบคฮยอนนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามจ้องมองอีกฝ่ายกินข้าวด้วยท่าทางเหมือนเด็กๆ เมื่อคำแรกเข้าปากชานยอลก็เงยหน้ามามองเขาด้วยแววตาซื่อๆ
“อร่อย”
“หือ?”
“วันนี้อร่อย เมื่อวานก็อร่อย”
เออ....ปาร์คชานยอลเป็นคนแปลกจริงๆ
ร่างเล็กส่ายศีรษะน้อยๆเมื่อพบว่าอีกคนก้มหน้าก้มตาทานอาหารต่อ บนใบหน้าหวานแต้มยิ้มบางเมื่อเห็นท่าทางเหมือนเด็กของอีกฝ่าย ใช้เวลาไม่นานเลยกับการทานข้าวของปาร์คชานยอล ไม่ถึงสิบห้านาทีอาหารบนโต๊ะก็หมดเกลี้ยงด้วยฝีมือของคนที่ปีนกำแพงบ้านมา ร่างสูงเก็บจานชามทั้งหมดแล้วไปหยุดอยู่ที่อ่างล้างจาน ปล่อยให้อีกคนล้างจานไปเพราะขืนเขาดื้อเข้าไปช่วยปาร์คชานยอลก็จะไม่ยอมไปนั่งอยู่ดี แบคฮยอนเดินไปหยุดอยู่ที่ประตูเพื่อมองหน้าบ้านเมื่อได้ยินเสียงรถมาจอด มีผู้หญิงสองสามคนที่อยู่ในชุดไปรเวทธรรมดามาหยุดยืนอยู่ที่หน้าบ้านของชานยอล เจ้าหล่อนกดออดซ้ำๆจนเสียงมันดังมาถึงบ้านของเขา
“มีคนมาหาพี่ว่ะ”
“จงอิน?”
“เปล่า ผู้หญิงสองคน”
ร่างสูงละมือจากการล้างจานเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ แบคฮยอนเหลือบมองคนข้างตัวที่กำลังหรี่ตาลงเล็กน้อยในขณะที่คิ้วก็ขมวดเข้าหากันแน่น ฟันธงได้ไม่ยากว่าน่าจะเป็นสาวๆของชานยอลแหง
“ช่างมันเถอะ”
ยืนมองได้ซักพักร่างสูงก็หมุนตัวกลับไปที่ห้องครัวตามเดิม แบคฮยอนเองก็หันกลับไปมองที่หน้าบ้านอีกรอบ เห็นว่าสาวเจ้าสองคนนั้นกำลังทำหน้าหงุดหงิดที่ไม่มีคนมาเปิดประตูเสียที หนึ่งในสองคนนั้นชะโงกหน้ามามองที่บ้านของเขา สบสายตากันเข้าพอดีเจ้าหล่อนเลยหันมากดออดบ้านเขาแทน
เอาแล้วไง หาเรื่องใส่ตัวอีกแล้วไอ้บยอน
“ไม่ต้องออกไป”
เสียงของอีกคนสั่งออกมา แต่เสียงออดก็ยังคงรัวไม่หยุด ร่างน้อยขัดคำสั่งของคนที่ยังคงยืนอยู่ในครัวด้วยการเปิดประตูออกไปเงียบๆ อย่างน้อยชานยอลไม่ออกมาก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าหากเขาไม่ทำอะไรซักอย่างออดบ้านเขาได้พังแหง
คุณเธอก็กดรัวประหนึ่งจะกดชิงของรางวัลอย่างนั้นแหละ
“ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าคนข้างบ้านนี่อยู่มั้ยคะ”
“เอ่อ....น่าจะไม่อยู่นะครับ”
“ถ้าไม่อยู่แล้วรถนี่อะไร?”
เอ๊า....แล้วจะถามกูทำเพื่อ?
แบคฮยอนเป็นคนปากดีแต่ในใจเพราะตระหนักดีว่าถึงตาอล้อค่อเถียงไปมันมักจะไม่ได้รับอะไรดีๆกลับมานอกจากความสะใจล้วนๆ พอเห็นว่าสาวสวยสองคนนั้นไม่ได้มารยาทดีอย่างที่คิดเขาก็ค่อยๆถอย ความจริงควรจะเอะใจได้ตั้งแต่เจ้าหล่อนมารัวออดของคนข้างบ้านที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรด้วยแล้วแหละ แต่ยังไม่ทันได้ไปไหนเสียงแหลมๆนั่นก็แว้ดขึ้นเสียก่อน
“ขอโทษนะคะ มีเบอร์ของพี่ชานยอลหรือเปล่า?”
“ครับ?”
“เบอร์โทรศัพท์น่ะ ช่วยโทรตามให้หน่อยได้มั้ย”
“ไม่มีหรอกครับ”
“เป็นเพื่อนบ้านกันจะไม่มีได้ยังไง”
ตรรกะเหี้ยไรวะเนี่ย.....
แบคฮยอนได้แต่กระพริบตาปริบๆด้วยความงงกับความคิดเพี้ยนๆของสองสาว สาบานได้ว่าเกิดมาในชีวิตนี้เขาไม่เคยเจอคนแบบนี้มาก่อน และไม่คิดว่าจะมีคนแบบนี้อยู่บนโลกด้วย นี่ถ้าหากว่าสองคนนั่นไม่ใส่กระโปรงอยู่มีหวังปีนรั้วบ้านเข้ามาแล้วแน่ๆ
“พอได้แล้ว”
จู่ๆปาร์คชานยอลก็เปิดประตูออกมาก่อนจะพาดแขนยาวๆนั่นลงบนบ่าของคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ด้านนอก คนตัวเตี้ยกว่าเงยหน้าไปมองอีกคนที่กำลังทำหน้ารำคาญ ซึ่งแน่นอนว่าปฏิกิริยาทั้งหมดนั่นสองสาวได้เห็นและกำลังเดือดเลือดพล่าน เป็นคนเดิมที่มีตรรกะประหลาดว่าเป็นเพื่อนบ้านกันต้องมีเบอร์โทรของกันและกันตวัดสายตาคมๆนั่นต้องมาทางบยอนแบคฮยอน
“ไหนบอกว่าพี่ชานยอลไม่อยู่ไง!”
“ก็เขาไม่อยู่บ้านเขา....”
“ยังจะแถ!”
“ย่าห์ พวกเธอสองคนน่ะช่วยพูดจากับคนของฉันให้ดีกว่านี้หน่อยได้มั้ย”
คล้ายกับว่าบยอนแบคฮยอนจะหูฝาด...ได้ยินว่าคนของฉันอะไรซักอย่าง
“ยืนนิ่งๆ ไม่ต้องพูดอะไร ยิ้มด้วย”
อีกคนกระซิบเบาๆที่ข้างหู เพราะแบบนั้นแม้แบคฮยอนอยากจะทำหน้าช็อคโลกมากมายขนาดไหนแต่ริมฝีปากบางก็ต้องค่อยๆฉีกยิ้มออกมาราวกับจะเย้ยหยันผู้หญิงสองคนตรงหน้า และดูเหมือนว่าเขาจะทำได้สมจริงเกินไปซักหน่อย เพราะร่างบอบบางที่ยืนตากแดดอยู่นั่นโมโหมากกว่าเดิม แต่ก็พยายามกัดฟันฝืนยิ้มออกมาสู้เหมือนกัน
“คนของพี่ที่ว่า น้องชายใช่มั้ย?”
“อืม....น้องชาย'คนสนิท'มาก”
ไม่ว่าเปล่ายังขยับรัดวงแขนให้แน่นขึ้นไปอีก ใบหน้าหล่อนั่นขยับมาจนแก้มเกือบจะชิดกัน ร่างน้อยได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก เขาไม่เคยเข้าใกล้ปาร์คชานยอลมาก่อนและไม่คิดว่าจู่ๆอีกคนจะทำแบบนี้ หญิงสาวนอกรั้วบ้านเบิกตากว้างขึ้นก่อนจะพยายามกลั้นเสียงกรี๊ดที่คิดว่าอีกไม่นานจะต้องระเบิดออกมาแน่ถ้าหากว่าชานยอลยังไม่ยอมออกไปคุยกับพวกเธอให้ดี
“อย่าตลกอยู่เลยพี่ชานยอล กว่าฉันจะหาที่อยู่ของพี่เจอไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยนะ”
“หยุดทำตัวเป็นสตลอกเกอร์ได้แล้ว”
“ว่าไงนะ!”
“เธอเป็นใครฉันจำไม่ได้ด้วยซ้ำ”
ผู้หญิงคนนั้นโกรธจนหน้าดำหน้าแดง แบคฮยอนนับถือในความอดทนของเจ้าหล่อมากที่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ยอมกรี๊ดออกมาราวกับว่าจะช่วยรักษาภาพลักษณ์เอาไว้ได้ ชานยอลกระตุกแขนเขาเบาๆนั่นเลยทำให้คนตัวเล็กละสายตาจากภาพตรงหน้าไปมองคนที่เรียก เขาว่าตัวเองคิดผิดที่ทำแบบนั้น
ปาร์คชานยอลกำลังยิ้มให้และพูดคำว่า....
“เข้าบ้านกัน”
อาเมน ขอพระเจ้าจงสถิตอยู่กับคุณ
“พี่ชานยอล!! พี่ชานยอล!!!”
รู้ตัวอีกทีก็มาหยุดอยู่ในบ้านเหมือนเดิม มือใหญ่อีกข้างที่ยังคงว่างยกขึ้นเสยผมตัวเองน้อยๆก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วต่อสายไปหาใครบางคน แบคฮยอนที่สติกลับคืนมาแล้วก็ค่อยๆยกแขนยาวๆให้หลุดออกจากบ่าซึ่งปาร์คชานยอลก็ให้ความร่วมมืออย่างดี
“......ไอ้จงอิน ผลงานมึงมาตามกูที่บ้านแล้ว.....เออ จะมาดูเองมั้ย....ยังไม่ยอมไปเลย”
คุยโทรศัพท์ไปด้วยพลางแอบมองสองคนที่มาป่วนถึงหน้าบ้านแต่เช้าที่ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นทำท่าเหมือนจะร้องไห้ก็ไม่ปาน แบคฮยอนเลยได้รู้ว่าแท้จริงแล้วปาร์คชานยอลคนข้างบ้านเรื่องผู้หญิงเองก็ไม่เบาเหมือนกัน เห็นทำท่ามึนๆไปวันๆแต่เอาเข้าจริงก็ใช่ย่อย
หูย จำหน้าคู่กรณีก็ไม่ได้ เจอกันในผับแล้ววันไนท์แสตนด์ไรงี้ป่าวว้า
“จะมาก็อย่าเกินสิบนาที เดี๋ยวพวกนั้นจะเป็นลมไปก่อน....อืม ให้ไว”
แล้วก็กดตัดสาย....
แบคฮยอนแอบมองทุกการกระทำของอีกฝ่ายที่คล้ายจะเอื่อยเฉื่อยกับผู้หญิงสองคนนั้น ร่างสูงหันมามองก่อนจะเอ่ยปากพูดกับเขา “ทำให้วุ่นวายเลย โทษที”
“แฟนอ่อ?”
“ไม่เชิง ก็แค่เคยไปนัดบอดด้วย”
“อ้ออ” ลากเสียงพลางพยักหน้ารับ แต่ถึงกระนั้นก็อดคิดไม่ได้ว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านี้ไม่งั้นคงไม่ยอมลงทุนตามมาถึงบ้านแล้วยืนดิ้นเร่าๆโดนหยามหน้าอยู่ถึงขนาดนี้
“ไม่เชื่อหรอ?”
“ก็...นิดนึงน่า พวกนั้นมาหาพี่ถึงที่บ้านเชียวนะ มาแต่เช้าอีกต่างหาก”
“หึงหรอ?”
“ห๊ะ?”
“หึงหรือไง”
โอ้ย คำว่าอยากเสือกกับคำว่าหึงมันไม่ต่างกันหรอกูเพิ่งรู้
หลังจากที่รู้จักกันมาสองสามวันแบคฮยอนก็รู้ว่าเพื่อนบ้านคนนี้มีความคิดที่แปลกประหลาด แต่แบคฮยอนไม่คิดว่าจะประหลาดได้ถึงขนาดนี้ นี่มันเข้าขั้นวิบัติแล้วนะอยากจะบอก น้ำเสียงล้อเลียนที่เขาพูดไปนั่นมันคงเต็มไปด้วยแรงหึงสินะ นี่เขาเผลอทำหน้าเบ้เพราะงอนไปด้วยหรือเปล่า
โถตลก.....
“เพราะงั้น...ถ้าไม่ได้หึงก็เชื่อตั้งแต่แรกก็จบเรื่อง”
ขอโทษที่อยากเสือกกกก!
ริมฝีปากของคนตัวสูงกระตุกยิ้มอย่างอารมณ์ดีในขณะที่แบคฮยอนก็เผลอทำหน้าคว่ำไปตอนที่อีกฝ่ายมองออกไปที่ด้านนอก ไม่นานนักเสียงรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ก็มาจอดลงที่หน้าบ้าน มันเลยกลายเป็นจุดรวมพลโดยไม่ได้ตั้งใจ เป็นคิมจงอินที่ถอดหมวกกันน็อคออกมา คนผิวเข้มฉีกยิ้มให้กับสาวๆพูดอะไรซักสองสามประโยคจนกระทั่งสองคนนั้นยอมเดินจากไป
นี่ก็แน่กว่า....
เมื่อสองสาวยอมเดินจากไปจนลับตา ปาร์คชานยอลถึงได้ยิมเปิดประตูบ้านออกไปหาเพื่อนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องที่เมื่อเดือนที่แล้วเกิดอยากจะนัดเดทกับเด็กม.ปลาย แต่สาวกลับบอกว่าจะมาเพื่อนมาเลยทำให้ชานยอลต้องไปด้วยเพราะไอ้จงอินดันกลัวจะถูกมองว่าควงสอง มันเลยกลายเป็นดับเบิ้ลเดทไปเสียอย่างนั้น และแทนที่ว่าทุกอย่างมันจะจบภายในวันเดียวกลายเป็นว่าดันหาบ้านเขาเจอเสียอีก
“กูบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าคบเด็ก”
“วันนั้นน้องเขาก็ดีๆป่าวว้า”
“วันเดียวเชื่ออะไรได้ที่ไหน”
“เออๆกูขอโทษแล้วกันแหม...เออ แล้วทำไมอยู่บ้านคนแคระวะ?”
“คนแคระไร กวนตีนหรอ?”
โผล่ออกมาจากบ้านเงียบๆแล้วเบิกตาตี่ๆเสียกว้างเพื่อข่มขวัญอีกคนที่พูดถึงตัวเองซะเสียหาย แต่คิมจงอินแทนที่จะรู้สึกผิด เจ้าตัวกลับหัวเราะออกมาเบาๆแล้วยกมือขึ้นสองสามที “โทษๆ ขอโทษที่พูดความจริง”
“บายยยยยย พาเพื่อนพี่กลับไปเลย ผมเข้าบ้านแล้ว”
ประโยคสุดท้ายหันไปพูดกับเพื่อนบ้านตัวสูงก่อนที่แบคฮยอนโบกมือลา ชานยอลคว้าข้อมือเล็กเอาไว้แน่นอนว่าทำเอาอีกคนสะดุ้งเหมือนกับโดนไฟช็อต ดวงตาคู่น้อยพลันเบิกกว้างอีกรอบแต่ไม่ใช่ด้วยความโมโหเหมือนเมื่อซักครู่
กะ...ก็แค่โดนจับมือจะสะดิ้งตกใจทำไม!
“.....มะ มีไร”
“เดี๋ยวเย็นนี้มากินข้าวด้วยนะ”
“ห๊ะ?”
“แค่นี้แหละ”
------ GIDDY CHANYEOL ------
60%
หลังจากนั้นเนื้อเรื่องในชีวิตประจำวันของแบคฮยอนก็มีปาร์คชานยอลเข้ามาอยู่ด้วย ไม่เชิงว่าเข้ามาเกี่ยวข้องอะไรกันขนาดนั้น ผู้ชายข้างบ้านแค่มักจะชอบปีนรั้วข้ามมาที่บ้านเขาเวลาได้กลิ้นหอมๆของกับข้าวเท่านั้นแหละ จากตอนแรกที่เคยนั่งกินข้าวคนเดียวตอนกลางวันก็กลายเป็นว่ามีคนมานั่งด้วย มื้อเย็นที่เคยมีแค่แม่กับเขาก็มีใครอีกคนที่ทำเนียนมาฝากท้องเอาไว้ ซึ่งแม่ก็ไม่ได้นึกรังเกียจอะไรเท่าไหร่
ระหว่างที่กำลังจะเอนตัวลงนั่งบนโซฟาแล้วเปิดทีวีดูรายการประจำเสียงที่ดังกุกกักอยู่หน้าบ้านทำเอาร่างน้อยสะดุ้งโหยง กล้วว่าจะมีใครเข้ามาแอบลักของรีบวิ่งออกไปดูก่อนจะพบว่าเป็นเพื่อนข้างบ้านที่กำลังนั่งยองๆอยู่หน้ากระถางดอกไม้ของแม่ ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นดอกเดียวกับที่เขามักจะคุยกับมันเป็นประจำ
“ตกใจหมดเลย นึกว่าขโมย”
“.......”
“เป็นไรปะเนี่ย”
พอเห็นว่าอีกคนไม่ตอบแถมยังไม่หันกลับมามอง ร่างเล็กเลยขยับก้มลงไปมองหน้าอีกคนที่ตอนนี้กำลังจดจ่ออยู่กับดอกไม้ เขาเอามือวาดผ่านด้านหน้าอีกคนช้าๆ เท่านั้นแหละนิ้วเรียวของชานยอลก็ยกขึ้นแตะริมฝีปากของตัวเอง
“ชี่.....”
“ห๊ะ?”
“ฉันกำลังจะคุยกับดอกไม้”
“.........”
“อย่างที่นายทำ”
นี่ถ้าเป็นคนอื่นคงจะโดนแบคฮยอนถีบยอดหน้าไปแล้ว ข้อหาล้อเลียนและกวนตีนเขา...
แต่นี่เป็นปาร์คชานยอลเขาเลยคิดว่าอีกคนทำจริงแน่!
อึ้งไปได้ไม่เท่าไหร่ ร่างสูงก็หยัดกายลุกขึ้นยืนแล้วหันกลับมามองหน้ากันด้วยสายตาที่ติดจะขำนิดหน่อยเมื่อเห็นปฏิกิริยาของเขา เท่านั้นแหละแบคฮยอนเลยรู้ว่าโดนอีกฝ่ายกวนตีนเข้าจริงๆด้วย
“กวนตีนว่ะ”
“เอ้า”
“หากินเองเลยวันนี้”
“เฮ้ เดี๋ยวสิ” ว่าจบก็ทำสะบัดสะบิ้งจะเดินเข้าบ้าน มือใหญ่ก็คว้าคอเสื้อไว้อย่างทันท่วงที แบคฮยอนทำปากเบ้แล้วสะบัดตัวออกน้อยๆก่อนจะหันไปกอดอกจ้องมองร่างสูงที่กำลังทำหน้าน่าน่าสงสาร
“บ้านฉันไม่มีอะไรเลย...”
“แล้ว?”
“แม้แต่รามมยอนซักห่อ....”
“แล้ว?”
“ถ้าไม่ได้กินต้องหิวข้าวตายแน่ๆเลย”
โอ้โห...นี่ดราม่าบีบหัวใจมากนะบอกเลย
บางทีก็ตอแหลมั้ยล่ะ....
แขนยาวๆนั่นเลื่อนไปกอดท้องตัวเองเอาไว้ราวกับว่ามันจะต้องตายจริงๆอย่างที่บอกเมื่อซักครู่ แถมยังมีการทำหน้าเศร้าอีกต่างหาก เห็นแล้วรู้สึกหมั่นไส้เอาเสียมากๆ หากเป็นผู้หญิงตัวเล็กน่ารักมาทำอยู่ตรงหน้า แน่นอนว่าไม่มีการลังเลที่จะเข้าไปดึงมือมากุมเอาไว้แล้วหากับข้าวให้กินแน่ๆ
แต่ก็อีกนั่นแหละ นี่เป็นปาร์คชานยอลไง
ติ๊งหน่อง ติ๊งหน่องง
ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรต่อเสียงออดหน้าบ้านก็ดังขึ้น ทั้งสองคนที่ยืนอยู่ในบ้านก็หันไปมองหน้าบ้านที่มีใครอีกสองคนยืนอยู่ตรงนั้น และแบคฮยอนก็รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตา.....
“ในที่สุดน้องเตี้ยก็หันมาสนใจแล้วเว้ย!”
มึงสูงมากเลยครับอีทงเฮ!
เป็นไปตามที่คาดเอาไว้ เป็นโอเซฮุนและอีทงเฮเพื่อนใหม่จากคณะเภสัชที่วันนี้เกิดจะนึกคึกอะไรขึ้นมา ดันโผล่มาถึงบ้านเขาในเวลาเก้าโมงเช้า “มึงมาได้ไง”
“อะ.....พี่ชานยอลอยู่ด้วยหรอวะ”
แทนที่จะตอบคำถามเขา เพื่อนเตี้ยล่ำกลับถามกลับมาและนั่นทำให้แบคฮยอนขมวดคิ้วนิดหน่อย “มึงรู้จัก?”
“หะ...ก็คนนี้ไม่ใช่หรอที่มาส่งมึงวันนั้นอะ”
สิ้นประโยคโอเซฮุนที่ตอนนี้รู้จักกันในนามผู้ครองตำแหน่งหัวใจของแบคฮยอนก็หันขวับ(เขาไม่เข้าใจจริงๆว่าไอ้คนคิดชื่อตำแหน่งแม่งจะเลี่ยนไปไหน นี่รู้สึกเหมือนจะตายมากเวลาได้ยินใครเรียกแบบนี้) จ้องมองปาร์คชานยอลอย่างเอาเป็นเอาตาย ส่วนไอ้คนที่ถูกจ้องก็ไม่ทำอะไรนอกจากยืนมองผู้ที่มาใหม่เงียบๆ
“ใช่ แต่กูบอกชื่อมึงด้วยหรอวะ”
“บอก!”
“บอกก็บอกดิทำไมต้องตะโกน แล้วตกลงพวกมึงมาทำไมกัน?”
ทำหน้าแหยเมื่อได้ยินเสียงตะโกน ก่อนจะถามคำถามกลับซึ่งเพื่อนตัวขาวที่ยืนนิ่งอยู่นานก็ทำปากเบ้เมื่อได้ยินแบบนั้น “อ๋อใช่สิ ถ้ากูไม่มาเซอร์ไพร์สมึงวันนี้ก็จะไม่รู้เลยสินะว่ามึงมีผู้ชายคนใหม่”
“ไอ้ห่า! คนข้างบ้านมั้ยยังไง แล้วมันเรื่องอะไรที่กูต้องมาแก้ตัวกับมึงเนี่ย?”
“แฟนหรอ” ปาร์คชานยอลถามขึ้นมาสั้นๆ เขาเลยหันไปถลึงตาใส่พลางข่มขู่ “ถ้ายังอยากกินข้าวอย่าพูดแบบนั้นอีก”
“โอเค สัญญาเลย”
ชูขึ้นมาสามนิ้วแล้วทำท่ารูดซิบปากสนิท ร่างเล็กหันไปมองเพื่อนก่อนจะถอนหายใจออกมาน้อยๆ เดินเข้าไปในบ้านแล้วกลับออกมาอีกครั้งพร้อมกับกุญแจเพื่อไขประตูบ้านต้อนรับแขกที่ไม่ได้เชิญ โอเซฮุนยืนกอดอกทำท่างอนไม่ยอมเดินเข้ามา
“ไม่เข้ากูล็อคประตูบ้านนะ”
“มึงก็ใจร้ายกับกูตลอดไง” ตัดเพ้อออกมาน้อยๆแต่ขาก็ก้าวเข้ามา แบคฮยอนปิดประตูรั้วแต่ไม่ได้ใส่กุญแจไว้เพราะตอนนี้ยังไงก็มีคนอยู่เยอะ ไม่ได้อยู่คนเดียวเหมือนเคย หลังจากนั้นจึงเดินนำเข้าไปในบ้าน
“พี่เป็นเพื่อนบ้านแบคฮยอนหรอ”
โอเซฮุนหันไปถามคนตัวสูงที่เดินเข้ามาด้วยกันในขณะที่ทงเฮก็หันไปมองด้วยความสนใจ ชานยอลทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาพลางทำท่าเชื้อเชิญให้คนอื่นๆนั่งราวกับว่าเป็นบ้านของตัวเอง “อืม นั่งกันก่อนสิ”
บางทีนี่ก็บ้านกูมั้ยล่ะ!
เป็นอีกครั้งที่อยากจะตะโกนออกไป แต่แบคฮยอนก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเก็บคำสงบปากเอาไว้ แล้วเดินไปหยิบน้ำมาให้กับแขก “กินไรมายัง?”
ถามไถ่ไม่ใช่เพราะเป็นห่วงแต่อย่างไรเสียเขาก็ต่องหากับข้าวให้คนข้างบ้านกินอยู่แล้ว เลยคิดว่าถ้าหากสองคนนั้นยังไม่ได้ทานมาก็จะได้ทำทีเดียว
“ยัง!”
“กินมาแล้ว แต่ถ้ามึงทำก็จะกินอีก”
ประโยคแรกเป็นของอีทงเฮเพื่อนเตี้ยล่ำที่ดูแล้วไม่น่าจะเป็นคนอดมื้อเช้า ส่วนประโยคที่สองจะเสี่ยวก็ไม่เชิงเป็นของเซฮุนผู้ทีพยายามทำหน้าหล่อตลอดเวลา บยอนแบคฮยอนพยักหน้ารับแล้วส่งเสียงออกไปว่าให้รอแปปนึงแล้วจึงเดินไปดูตู้เย็น หยิบของสองสามอย่างออกมา
“อะ...” ผงะนิดหน่อยเมื่อเห็นคนตัวสูงของคนข้างบ้านมาด้อมๆมองๆอยู่ในครัว แบคฮยอนขมวดคิ้วพลางวางของลงบนเคาเตอร์แล้วเอ่ยปากถาม “พี่หาไรวะ”
“มาช่วย”
“หือ?”
“มาช่วยทำกับข้าว”
คิดว่าตัวเองหูฝาดไปเสียอีกเมื่อได้ยินแบบนั้น
แอบเหล่มองอีกคนที่กำลังกวาดสายตามองรอบครัวราวกับว่ามันเป็นของแปลกใหม่ ร่างน้อยได้แต่ถอนหายใจเบาๆ รู้จักหม้อกระทะตะหลิวมั้ยยังไม่รู้เลย
“ถ้างั้นพี่หั่นแครอทให้ได้ปะ เอาชิ้นเท่านี้นะ”
“เท่าไหน?”
“ปอกเปลือกแปปนึงได้ปะละ”
แหม่ ใจร้อนจริงๆ
อีกคนยืนจ้องเขม็งในขณะที่แบคฮยอนก็เอาแครอทที่ปอกเปลือกเสร็จแล้วไปล้างน้ำ ตัดออกมาหนึ่งชิ้นแล้วหั่นมันลงไปอีกทีเพื่อให้ได้ขนาดที่ต้องการเพื่อเป็นตัวอย่างแล้วส่งมีดให้กับชานยอลที่ยืนทำตาโตสนอกสนใจการทำอาหาร อีกคนรับมีดไปแบบเงอะๆงะๆจนแบคฮยอนชักจะไม่มั่นใจแล้วว่าคุณปาร์คข้างบ้านจะทำมีดแทงตัวเองตายก่อนจะได้กินข้าวหรือไม่
“พี่ทำเป็นปะเนี่ย?”
“ไม่......”
“งั้นไปนั่งเลยไป”
“เดี๋ยวช่วย”
ว่าจบก็จัดการสับมีดลงไปบนแครอท มองวิธีการจับมีดแล้วแบคฮยอนก็ถอนหายใจอีกครั้ง กำเสียรอบด้ามท่าทางว่ามันจะได้ไถลมาแทงเขาตอนที่กำลังหันหลังให้นี่แหละ
“พี่ต้องจับแบบนี้ เอานิ้วชี้มาวางไว้บนหลังมีด...แบบนี้ มันไม่คม แล้วก็จับแน่นๆอย่าให้หลุดมือ”
“อืม”
เห็นอีกฝ่ายทำสีหน้าจริงจังพลางพยักหน้ารับก็อดขำไม่ได้ นี่ทำกับข้าวหรือแก้โจทย์แคลคูลัสก็ไม่รู้ อีกคนถึงได้ทำท่าอยากจะฝ่าฟันไปเหลือเกิน พอเห็นว่าหั่นแครอทมีคนทำแล้วแบคฮยอนเลยจัดการหันไปตั้งกระทะกับหม้อเพื่อทำกับข้าวสองอย่างพร้อมๆกัน
ไม่นานนักบรรยากาศในครัวก็เงียบลง มีเพียงเสียงน้ำที่กำลังเริ่มเดือดและเสียงมีดที่กระทบกับเขียงอย่างทุลักทุเล เจ้าของบ้านที่นึกถึงแผลมาได้เลยเอ่ยถาม
“แผลที่เอวเป็นไงมั่งอะพี่”
“.......”
“แผลที่เอว.....?”
“........”
“พี่?”
“อะ....”
พอเห็นอีกคนส่งเสียงร้องออกมาเบาๆแบคฮยอนก็รีบหันกลับไปดู แล้วก็อย่างที่คาดไว้ไม่มีผิด ปาร์คชานยอลหั่นพลาดไปเฉือนนิ้วตัวเอง ร่างน้อยรีบคว้านิ้วอีกคนมาดูแล้วดึงมีดออกจากมืออีกข้างก่อนจะพาไปล้างน้ำ
“ถ้ามันเล็กมากแล้วหั่นไม่ได้ก็เรียกผมดิวะ”
“ฉันหั่นได้น่า”
“แล้วที่โดนบาดนี่คือไร?”
“นายชวนคุย เสียสมาธิ”
เออกูขอโท๊ดดดดด!
ร่างเล็กเม้มปากตัวเองแน่นแล้วปล่อยให้น้ำไหลผ่านนิ้วของอีกคนไปซักพักในขณะที่ตัวเองก็หันไปปิดแก๊สก่อนเพราะต้องทำแผลให้ปาร์คชานยอล หยิบอุปกรณ์ที่เขาจำได้ว่าเก็บมันไว้แถวนี้แล้วเดินออกไปห้องนั่งเล่น อีทงเฮหันมามองด้วยความสนใจ “เสร็จแล้วหรอ”
“ยังอะ พี่เขามีดบาด”
“อ่าว....เออๆ เดี๋ยวกูทำแผลให้ มึงไปทำกับข้าวต่อเหอะ กูหิว”
“เอางั้น? แล้วไอ้เซฮุนไปไหนอะ”
“ไปคุยโทรศัพท์ ยืนลูบใบไม้มึงอยู่หน้าบ้านโน่น”
หันออกไปมองก็พบว่ามันกำลังลูบใบไม้อย่างที่ว่าจริงๆ
แบคฮยอนเลยส่ายศีรษะน้อยๆก่อนจะถามย้ำเรื่องทำแผลอีกครั้งแล้วเดินกลับไปที่ห้องครัวทำกับข้าวต่อเมื่อพบว่าอีทงเฮรับปากว่าจะทำแผลให้
จัดการเอาแครอทที่เปื้อนเลือดทิ้งลงถังขยะ เหลือแค่ไหนก็แค่นั้นแล้วจึงจัดการส่วนที่เหลือต่อให้เสร็จเรียบร้อย และหลังจากนี้แบคฮยอนสาบานเลยว่าจะไม่ชวนปาร์คชานยอลคุยระหว่างหั่นผักอีกแล้ว
“มีอะไรให้ช่วยมั้ยจ๊ะหน่องส๋าว”
ปั่ก!
“โอ๊ยเช็ดเด้” หลังจากที่โดนแบคฮยอนเอาแครอทฟาดศีรษะเข้าปั้กใหญ่โอเซฮุนก็ร้องครวญครางประหนึ่งว่าโดนมีดแทง เจ้าของบ้านที่เพิ่งหายตกใจก็หัวเราะออกมา
“สมน้ำหน้า เข้ามาเงียบๆ”
“ถ้ากูสมองเสื่อมทำไงล่ะ” ร่างน้อยยักไหล่ไปมาก่อนจะหันกลับไปสนใจกระทะตรงหน้าต่อ เพื่อนตัวสูงชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ สนอกสนใจกับสิ่งที่กำลังส่งกลิ่นหอมฉุย
“มีไรให้ช่วยปะ ทงเฮบอกว่ามึงต้องการลูกมือ”
“ถ้าเป็นมึงก็ไม่เป็นไร ออกไปเถอะ”
“มึงไม่รู้จักโอเซฮุนตราสามแม่ครัวซะแล้ว”
“สามแม่ครัวเหี้ยไร”
“มันเป็นยี่ห้อปลากระป๋อง แม่กูชอบซื้อมากิน ไหนๆมากูช่วย มึงจะทำซุปก็ไปทำ”
ค่อยๆดันไอ้คนเตี้ยให้ถอยห่างแล้วพาร่างโปร่งของตัวเองเข้าไปแทนที่ก่อนจะคว้าตะหลิวมาถือเอาไว้เอง เห็นหน้าตาหล่อแบบนี้โอเซฮุนก็ไม่อยากอวดตัวเองซักเท่าไหร่หรอกว่าฝีมือทำกับข้าวนี่ประหนึ่งเชฟในโรงแรมก็ไม่ปาน
“คนข้างบ้านมึงกับไอ้ทงเฮรู้จักกันหรอวะ?”
“หือ?”
“กูเห็นเขาสนิทกันดีอะ”
“อืม....ไม่น่าจะรู้จักนะ ไม่รู้ว่ะ” ขมวดคิ้วนิดหน่อยเมื่อได้ยินแบบนั้น
“คบกันชัวร์!”
“โหไอ้ห่า เห็นคนอื่นเขาคุยกันหน่อยเดียวก็เหมาว่าคบกัน ปกติปะมึง”
“เราคุยกันแป๊บเดียวก็ยังคบกันเลย”
“อยากโดนแครอทฟาดหัวอีกทีมั้ยล่ะ”
เสียงโวยวายของโอเซฮุนดังลอดออกมาจนอีกสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นได้ยินเข้า อีทงเฮตอนนี้กำลังแปะพลาสเตอร์ให้กับคนตัวสูงที่นั่งจ้องแผลตัวเอง ปาร์คชานยอลที่เงียบมาได้ซักพักก็เอ่ยปากถาม
“สองคนนั้นคบกันหรอ?”
“เปล่า”
“ดูสนิทกันจัง”
“สนิทกันก็เป็นเพื่อนกันได้มั้ยล่ะควาย”
“ไม่เรียบร้อยเลยนะน้องทงเฮ”
กดเสียงคำสุดท้ายลงก่อนที่น้องทงเฮของพี่ชานยอลจะเบ้ปากออกด้วยความไม่ชอบใจ นิ้วกลางถูกโชว์ขึ้นมาเพียงชั่วครู่แล้วเก็บลงไปเมื่อโอเซฮุนเดินกลับมาที่ห้องนั่งเล่นเพื่อบอกว่ากับข้าวจะเสร็จแล้ว
“โอเค เดี๋ยวกูตามไป” ทงเฮพยักหน้ารับก่อนจะเก็บอุปกรณ์ทำแผลลงกล่อง ในขณะที่ชานยอลก็หมุนดูรอบๆนิ้วตัวเองไปมา “ทำแผลขี้เหร่เหมือนเดิม”
“หุบปากไปเลยไอ้ชานยอล”
“เรียกว่าพี่ชานยอลสิครับน้องทงเฮ J“
“เดี๋ยวรอก่อนเถอะมึง!!”
------ GIDDY CHANYEOL ------
MR.OH
กูว่าชัวร์ มีซั่มธิงและกลิ่นแปลกๆ 19:06
มึงก็ได้ยินแบบกูใช่ปะละ 19:06
มุ้งมิ้งฟุ้งฟิ้งกระดิ่งแมวสัด 19:06
น้องทงเฮกะพี่ชานยอล 19:07
เห้อมมมม อีทงเฮแม่ง 19:07
B.ByunBeak
read 19:08 คร่ำครวญห่าไรนักหนา
MR.OH
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว มึงกับกูมาคบกันปะ 19:08
ทิ้งอีทงเฮไปกับไอ้พี่ชานยอลอะไรนั่นเถอะ 19:08
B.ByunBeak
read 19:08 ส้นตีนเถอะ
read 19:08 ถ้ามึงไม่อยากเป็นเพื่อนกับกูก็เลิกคบ
read 19:09 แล้วไม่มีการเป็นฟงเป็นแฟนเหี้ยไรด้วย
MR.OH
หูย โหดสลัด 19:10
แบคฮยอนไม่ตอบข้อความอะไรกลับไปอีกก่อนจะโยนโทรศัพท์ลงบนโซฟา ส่งผลให้คนที่เดินถือจานผลไม้มาขมวดคิ้วแน่นด้วยความสงสัย “หงุดหงิดอะไรล่ะ”
“เปล่า...วันนี้ป้าซื้อผลไม้ไรมาอะ”
“แตงโม”
“หูยยยยย แตงโมหน้าร้อน”
ทำตาโตปากจู๋แล้วเลื้อยเอื้อมมือไปหยิบเจ้าชิ้นสีแดงๆที่วางอยู่ในจาน แต่มิวายโดนฟาดมือเข้าเปี๊ยะใหญ่ คนที่กำลังอารมณ์ดีถึงกับสะดุ้งลุกขึ้นนั่งแล้วทำท่างอแง “เจ็บนะป้า ป้าตีทำไมอะ”
“เอาอีกจานไปให้คนข้างบ้านก่อน”
ว่าจบก็บุ้ยปากไปที่โต๊ะกินข้าวที่มีเจ้าแตงโมสีแดงหน้าตาหวานฉ่ำน่ากิน แบคฮยอนเลยจำต้องลุกขึ้นก่อนจะลากตัวเองเอาผลไม้ไปให้คนข้างบ้านที่แม่รักและเอ็นดูเหลือเกิน
'ทำไมแกไม่สูงแบบพี่เขาบ้างล่ะแบคฮยอน หล่อได้ซักครึ่งนึงของชานยอลก็คงดีสิน้า'
ที่เขาเตี้ยก็เพราะได้แม่มาเยอะนั่นแหละแหม!
แล้วหน้าตาอย่างเขานี่ไม่ดีตรงไหน เขาเรียกว่าเป็นมาตรฐานชายเกาหลีนะบอกเลย ถือว่าดีกว่าปกติด้วยซ้ำตาชั้นเดียวแล้วหล่อขนาดนี้จะหาได้จากที่ไหนอีก
คิดแล้วก็หงุดหงิดไม่หาย
ระหว่างที่รอก็แอบขโมยที่แม่เตรียมไว้ให้สำหรับคนข้างบ้านไปหนึ่งชิ้น ประตูไม้ถูกเปิดออกมาพร้อมกับที่ร่างสูงๆก็เดินออกมาหยุดอยู่ที่หน้าประตู แบคฮยอนรีบเอามือที่เปื้อนแตงโมหวานฉ่ำเช็ดกับกางเกงตัวเองแล้วรีบยื่นจานให้กับคนที่เพิ่งเดินมาถึง
“แม่ให้เอามาให้”
“ฝากขอบคุณด้วย”
“โอเคเลย” ผงกศีรษะหงึกหงักก่อนจะฉีกยิ้มให้กับคนข้างบ้านอีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆหุบยิ้ม แบคฮยอนยืนอยู่ตรงนั้นซักพักก่อนที่บทสนทนาเมื่อเช้าของปาร์คชานยอลและอีทงเฮที่ดูเหมือนจะสนิทสนมกันมากกว่านั้นก็ลอยเข้ามาในหู
“คือ......”
“หืม?”
“เรื่องของไอ้ทงเฮ......”
“.......?”
พอเห็นอีกคนทำหน้างงแล้วยังจ้องเขาเขม็งก็เกิดอาการลิ้นแข็งพูดอะไรไม่ออก ร่างน้อยรีบโบกมือทันควันบอกปฏิเสธอีกคนไปทันที “ไม่มีอะไรพี่ ไม่มีอะไร”
“แน่นะ?”
“อื้อๆ” รีบพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะก่นด่าไอ้เซฮุนเพื่อนเพี้ยนที่พาเขาเพี้ยนไปด้วย ทั้งที่ความจริงแล้วทั้งสองคนนั้นอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ ถ้าหากสองคนนั้นจะรู้จักกันมาก่อนก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องคบกันเสียหน่อย
พอคิดได้แบบนั้นก็เงยหน้าฉีกยิ้มให้กับคนข้างบ้านเสียอีกหนึ่งทีเพื่อกลบเกลื่อนอาการพิรุดประหลาดแล้วหมุนตัวหันหลังแต่ก่อนที่จะหายตัวกลับเข้าบ้านปาร์คชานยอลก็นั้งเขาเอาไว้ด้วยเสียง
“แบคฮยอน”
“ว่าไงพี่?”
“..........”
“..........”
“ฝันดีนะ”
เป็นอีกครั้งที่แบคฮยอนได้ยินเสียงตึกตักดังอย่างรุนแรงที่หน้าอกด้านซ้ายของตัวเอง
มะ...ไม่มีอะไรหรอก มันก็แค่อยากจะเต้นแรงขึ้นมาเท่านั้นเองแหละ
มั้ง
------ GIDDY CHANYEOL ------
100%
มาครบร้อยและ อิอิอิ
เนื้อเรื่องมันก็จะมึนๆทั้งเรื่องแบบนี้แหละ
คำผิดเห็นแล้วนะ แต่ยังไม่มีเวลาแก้ บอกอีกที
หวั่นไหวแทนน้องแบคดิ อิ้อิ้
เรื่องนี้ไม่มีอะไรเลย อ่านเบาสมอง
เพราะงั้นไม่ต้องเครียด เก็บความน่ารักของพี่่ชานไปก็พอ
จุ้บๆ <3
ความคิดเห็น