ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ` [exo]▻Twilight◅ {chanbaek} 。

    ลำดับตอนที่ #10 : -9-

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.พ. 57


    Supercell






    เอ้ะะ ทำไมรูปเล็ก กิกิ




    -9-

    รอบๆตัวผมเป็นสีขาว

    บนก็ขาว ล่างก็ขาว ขวาก็ขาว ซ้ายก็ขาว เอาเป็นว่าทุกทิศเป็นสีขาว

    แม้แต่ชุดที่ผมใส่ก็เป็นสีขาว ผมจำได้นะว่าสุดท้ายก่อนที่ผมจะหลับตา ที่ผมใส่คือเครื่องแบบนักเรียนไม่ใช่ชุดสีขาวที่เหมือนจะไปถือศีลกินเจที่ไหน รอบกายมีแต่หมอกขาวๆ ผมเริ่มออกเดินไปข้างหน้าเมื่อไม่เห็นว่าการนั่งอยู่กับที่หมอกเหล่านี้จะหายไป ผมเดินไปเรื่อยๆก่อนจะพบว่าพื้นที่ผมเหยียบค่อยๆเปลี่ยนเป็นพื้นหญ้าทีละน้อย และในที่สุดหมอกรอบกายผมก็หายไป

    ผมจำที่นี่ได้ ชานยอลเคยพาผมมาตอนที่เราจะปรับความเข้าใจให้ตรงกัน เป็นที่ที่เขาเล่าให้ฟังว่าแท้จริงแล้วตัวตนของเขาคืออะไรแผ่นหลังของคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงนั้น ผมยิ้มออกมาและเดินเข้าไปหาเขา ทว่าเดินเท่าไหร่กลับไปไม่ถึงซักที ผมเริ่มขมวดคิ้วแน่น

    ชานยอล

    ผมส่งเสียงเรียกเขา แต่ชานยอลไม่หันมามอง ไม่มีทางเป็นไปได้ ชานยอลไม่เคยไม่หันมามองผมเวลาที่ผมเรียก เขาจะต้องหันกลับมาและส่งยิ้มให้อย่างที่ทำเป็นประจำ อะไรบางอย่างบอกผมว่ากำลังจะเสียเขาไป ผมเริ่มวิ่ง สองมือไขว่คว้าอากาศด้านหน้าราวกับว่ามันจะช่วยให้ผมวิ่งไปหาเขาได้เร็วขึ้น

    ชานยอล! จะไปไหนชานยอล! ชานยอล!!’

    ร่างสูงไม่หันกลับมาหาผม มิหนำซ้ำเหมือนยิ่งไกลห่างออกไปทั้งๆที่เขาไม่ได้ขยับไปไหน ผมหอบหายใจแรงขึ้นแต่ไม่ยอมหยุดวิ่ง ให้ตายยังไงผมก็ไม่ยอมเสียชานยอลไป ผมวิ่งไปจนสุดก่อนจะพบว่าตัวเองมาหยุดอยู่ที่หน้าผา ชานยอลยืนอยู่อีกฟาก หมดทนทางแล้ว ผมก้าวต่อไปไม่ได้แล้ว ผมจ้องมองแผ่นหลังกว้างด้วยความไม่เข้าใจ เขายิ่งห่างออกไปเรื่อยๆจนกระทั่งลับตา ผมตะโกนสุดเสียง

    “ชานยอล!!” ฉับพลันลืมตาตื่น แผ่นอกของผมกระเพื่อมขึ้นลงอย่างแรงเมื่อรู้สึกได้ว่าตัวเองหอบเหนื่อย ใครบางคนสะดุ้งขึ้นมา ผมค่อยๆหันไปมองก่อนจะพบว่าเป็นแม่ แม่วางนิตยสารในมือลง เธอเดินเข้ามาหาแล้วเอามือผมที่เต็มไปด้วยเข็มขึ้นมากุม

    “แบคฮยอนฟื้นแล้ว ขอบคุณพระเจ้า”

    “แม่มาได้ไง”

    ผมถามออกไปเสียงแหบแห้ง แม่ยังไม่ตอบคำถามผมในทันที หันไปหยิบน้ำที่วางอยู่หัวเตียงมาให้ผมดื่มโดยค่อยๆประคองขึ้นมา ผมรับมันอย่างเต็มใจเพราะรู้สึกเหมือนคอตัวเองจะเป็นผง เมื่อผมกินน้ำเสร็จแม่ก็กอดผมเข้าอย่างจัง แม้ว่ามันจะเจ็บแต่ผมก็ข่มเอาไว้พลางยกมือขึ้นกอดตอบแม่

    “แม่ขอโทษแบคฮยอน ขอโทษที่ทำให้ลูกต้องเป็นแบบนี้”

    “เปล่าครับแม่ มันไม่ใช่แบบนั้น มันเป็นแค่....อุบัติเหตุนิดหน่อย ผมทำเอง”

    “ถ้าลูกไม่มาอยู่ที่นี่ ลูกจะไม่เจ็บตัวแบบนี้”

    แม่กำลังจะโทษพ่ออีกรอบ

    ผมผละออกมาทำหน้านิ่วคิ้วขมวด แน่นอนว่าแม่ยังคงทำหน้าดื้อไม่เลิก ผมถอนหายใจออกมาน้อยๆก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายกุมมือของแม่เอาไว้ มือของผมใหญ่กว่าแม่แล้ว นั่นเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าผมไม่ใช่เด็กตัวเล็กๆที่แม่จะต้องมาคอยปกป้องและประคบประหงมอีกต่อไป

    “อุบัติเหตุไม่ว่าอยู่ที่ไหนมันก็เกิดขึ้นทั้งนั้น ถึงผมไปอยู่กับแม่แต่ถ้าผมประมาทผมก็อาจจะขาหักแบบนี้ได้”

    “แต่พ่อของลูก....”

    “พ่อดูแลผมดีมาก ในฐานะพ่อคนนึง ผมเองที่ดื้อจนกลายเป็นแบบนี้”

    แม่มองหน้าผม เราต้องตากันอยู่ซักพักก่อนที่แม่จะเป็นฝ่ายยอมแพ้ เธอสวมกอดผมอีกครั้งก่อนจะบ่นอะไรพึมพำเกี่ยวกับผู้ชายไม่ได้เรื่องแล้วก็ผละออกมา ผมละสายตามองไปยังประตูที่ปิดสนิท ไม่มีคนมาเยี่ยมผม แม่มองตามก่อนจะเอ่ยปากพูดอะไรออกมา

    “ถ้ากำลังรอคนที่ชื่อชานยอลล่ะก็ เขาออกไปซื้อน้ำให้แม่อยู่”

    คนที่อ่านใจผมได้ก็คงจะเป็นผู้หญิงคนนี้ซะล่ะมั้ง

    ผมแสร้งตีหน้ามึนบอกปัดไม่รู้ไม่ชี้แล้วล้มตัวลงนอนพลางนึกไปถึงฝันเมื่อซักครู่ บอกเลยว่าความฝันนั่นทำให้ผมกลัว กลัวซะยิ่งกว่าตอนที่ผมกำลังจะตายเสียอีก เมื่อผมหลับตาลงเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นผมแกล้งทำเป็นนอนหลับทั้งๆที่หัวใจเต้นตึกตัก

    ตอนนี้ผมคิดถึงเขาเหลือเกิน

    ชานยอลเป็นคนช่วยชีวิตผมไว้อีกแล้ว

    เสียงของแม่และชานยอลดังอยู่ซักพัก ไม่นานนักก็เงียบไป เสียงประตูดังขึ้นอีกรอบ ก่อนที่ผมจะรู้สึกได้ว่า ในห้องเหลือเพียงผมและชานยอลสองคน

    “....คุณนอนมาสามวันแล้วนะแบคฮยอน”

    “.........”

    “ผมขอโทษที่ทำให้คุณมาเจอเรื่องแบบนี้ ผมขอโทษจริงๆ”

    “..........”

    “ผมจะชดใช้ความผิดนี้ยังไงดีแบคฮยอน ผมอยากจะหายจากคุณไป คุณจะได้ไม่ต้องเจอเรื่องร้ายๆแบบนี้อีก แต่ผมก็เห็นแก่ตัวเกินไป ผมขอโทษ”

    “........”

    “ผมทำให้คุณเดือดร้อนขนาดนี้....เราควรจะยังรักกันอยู่ไหมครับ?”

    “ทำไมถึงถามอะไรแบบนั้น”

    ผมลืมตาขึ้น หัวใจบีบรัดตัวเองอย่างรุนแรง ผมรู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตาขึ้นมาทันที ผมไม่ใช่คนขี้แง ความจริงไม่ใช่คนที่ร้องไห้อะไร แต่กับคำถามนี้ ไม่รู้ทำไมเหมือนกันว่าน้ำตาจะไหลง่ายกว่าปกติ ชานยอลตกใจนิดหน่อยเมื่อเห็นจมูกของผมแดงขึ้น เขาดึงมือผมไปกุมไว้ก่อนจะส่งยิ้มปลอบใจอย่างทุกที

    “ตื่นแล้วหรอครับ”

    “ฉันถามว่าทำไมถึงถามแบบนั้น ชานยอล.....”

    “คุณเป็นแบบนี้ก็เพราะผมแบคฮยอน...ผมเป็นคนทำให้คุณเจอกับเรื่องแบบนี้” ว่าด้วยน้ำเสียงเศร้าๆก่อนที่มือใหญ่จะลูบไปตามผ้าพันแผลบนศีรษะ ผมส่ายหัวน้อยๆ

    “ไม่ใช่เพราะนาย เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะเลือดของฉัน กลับกัน...ถ้าหากครั้งแรกฉันไม่ได้นายช่วยเอาไว้ ป่านนี้คงจะอยู่ใต้ดินที่ไหนซักแห่ง”

    “.........”

    “อย่าพูดแบบนั้นอีกนะชานยอล ฉันขอร้อง”

    เมื่อเห็นชานยอลไม่ตอบผมก็ได้แต่อ้อนวอน ไม่นานนักน้ำตาผมก็ไหลออกมา ชานยอลตกใจมากกว่าเดิม เขาเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้ ผมจับมือเขาเอาไว้แน่นกลัวว่าเขาจะหนีหายไปจากผมอีก ร่างสูงนิ่งไปซักพัก เขาขยับตัวขึ้นมานั่งบนเตียง ประคองผมให้ลุกขึ้นมานั่ง โอบผมเอาไว้

    “ผมจะไม่ไปไหนอีกแล้วแบคฮยอน ผมขอโทษ ผมจะไม่พูดแบบนั้นอีก”

    “นายรู้ไหมว่าฉันตกใจมากแค่ไหนที่ตื่นมาแล้วไม่เจอนาย ในความฝันนายวิ่งหนีฉันไปชานยอล อย่าทำแบบนั้น อย่าทำเหมือนในความฝัน”

    ผมโวยวายออกมาใส่เขา ชานยอลทำเพียงลูบหลังผมที่กำลังงอแงเหมือนเด็กๆแล้วพูดจาเอาแต่ใจไม่จบสิ้น ผมร้องไห้อยู่ซักพักก่อนจะเงียบแล้วซบลงบนไหล่กว้างที่พักพิงของผม ชานยอลหันมาจูบขมับผมจูบแก้ม จมูกและสุดท้ายก็แตะลงที่ริมฝีปากอย่างแผ่วเบา

    เราทำเพียงแตะริมฝีปากกันเบาๆ ถ่ายทอดความคิดถึงให้มันลึกซึ้ง น้ำตาของผมไหลอีกครั้งเมื่อคิดว่าถ้าหากสัมผัสแสนหวานนี่จากไปจริงๆผมจะทำอย่างไร ชานยอลคงตกใจเพราะในตอนแรกผมเงียบไปแล้ว

    “ผมขอโทษ...คุณไม่ชอบใช่มั้ย?”

    “เปล่านะ....ชอบ ชอบมากต่างหาก แต่ฉันเอาแต่คิดว่าถ้าขาดนายไป ฉันจะทำยังไง”

    “ไม่ต้องพูดอะไรแล้วแบคฮยอน ผมอยู่กับคุณ ตรงนี้”

    “แค่ขอร้อง....อย่าพูดว่าจะไปจากฉัน อย่าทิ้งฉันชานยอล”

    ผมขอร้องเขาอีกครั้งปาร์คชานยอลจูบผมแทนคำตอบทุกอย่าง เขาเบียดฝีปากลงมาให้แนบแน่น เพิ่มความร้อนแรงด้วยการสอดลิ้นเข้ามา ผมจูบตอบกลับไปอย่างเงอะๆงะๆเพราะไม่มีประสบการณ์ ส่วนใหญ่ชานยอลจะชอบแตะแค่ริมฝีปาก นานๆทีถึงจะแนบแน่นขนาดนี้ ผมกำชายเสื้อของเขาไว้แน่นเมื่อรู้สึกหวิวๆในช่องท้อง

    ริมฝีปากของผมกำลังถูกดูดกลืนโดยผู้ชายตรงหน้า มือใหญ่ประคองใบหน้าของผมเอาไว้ รุกรานกันด้วยสัมผัสร้อนแรง ผมเริ่มรู้งานและตอบโต้เขาเราใช้เวลาดื่มด่ำกับรสชาติแสนหวานอยู่ซักพักชานยอลก็ผละออกไป

    ผมหน้าแดง ในขณะที่เขาก็ยิ้มกว้าง

    “แก้มของคุณ....แดงอีกแล้ว” เขาเอื้อมมือมาเกลี่ยแก้มของผมเบาๆราวกับจะหยอกล้อ ผมยกมือปัดแล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ไม่ยุติธรรมเลย ผมหน้าแดงแต่หน้าของเขากลับซีดเหมือนเดิม รู้ดีว่านี่ไม่ใช่เหตุผลที่ควรจะพาล แต่ก็อดไม่ได้ ชานยอลเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกครั้งตอนเขาจะล้อผม

    “ผมเสียดาย...เสียดายถ้าหากว่าคุณจะต้องกลายเป็นแบบผม”

    ชานยอลยิ้มบาง เขาวางมือลงบนหน้าอกด้านซ้ายของผม ใจกำลังเต้นแรง มันเป็นอะไรที่ค่อนข้างน่าอาย แต่ผมก็ไม่ได้ปัดมือเขาออก

    “ทำไมถึงไม่ใช้โอกาสนี้เปลี่ยนฉันเลย”

    “มันยังไม่ถึงเวลา ผมอยากให้คุณได้เตรียมตัว ตอนนี้มันยังเร็วเกินไป”

    “ถ้ารอนานมากเข้านายมีคนรักแก่แน่ๆชานยอล”

    “แก่ๆสิครับเร้าใจดีJ

    “ทะลึ่งตึงตังจริงๆ” ผมทำหน้าดุก่อนที่ชานยอลจะรั้งเอวผมเข้าไปใกล้ เขาส่งสายตาเจ้าชู้ ผมมองเขาต่อไปอีกไม่ไหวแล้วจึงซุกเข้าที่แผ่นอก ชานยอลจับคางผมให้เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง มอบจุมพิตที่แสนหวานและเบาบาง

    “รัก....ผมรักคุณนะแบคฮยอน”

    “รักนายเหมือนกันชานยอล”

     

    ผมต้องอยู่โรงพยาบาลอยู่เป็นอาทิตย์เพราะอาการคราวนี้สาหัส หมอจองซูบอกว่าผมหัวแตกแขนหักและขาก็หัก นอกจากนั้นข้อเท้าผมยังใช้การไม่ได้ แม่เลยยังไม่กลับไปจนกว่าผมจะหาย เมื่อวานวิลพาลูกของเขามาเยี่ยมผม เอมม่าเป็นพี่สาววัยแปดขวบส่วนโทนี่คือน้องชายวัยห้าขวบ เด็กสองคนนั่งอยู่ข้างเตียงทั้งวัน เอาแต่พูดนั่นพูดนี่ไปเรื่อยจนบางครั้งผมก็เวียนหัว แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องราวดีๆ ผมไม่เคยคุยเรื่องไร้สาระกับครอบครัวเวอร์เทิร์นมาก่อนวิลชวนผมไปอยู่อเมริกา โทนี่ติดใจผมแล้ว เขาบอกว่าจะยกห้องนอนของตัวเองให้ผม

    เดี๋ยวผมไปนอนกับเอมม่า แบคฮยอนจะได้มีที่นอน เท่านี้ก็มาอยู่ด้วยกันได้แล้วใช่มั้ย?

    เป็นข้อเสนอที่ดี ทว่าผมก็ปฏิเสธมัน

    ที่นั่นไม่มีที่ว่างให้ผม แม้ว่าพวกเขาจะจัดระเบียบพวกมันได้ดี แต่ผมก็เข้าไปแทรกไม่ได้

    อีกอย่าง....ชานยอลเองก็ตั้งท่าเป็นศัตรูกับโทนี่ไปเรียบร้อย

    ดูก็รู้เลยว่าเด็กนั่นชอบคุณอย่างจัง

    ผมได้แต่หัวเราะ นานๆทีจะเห็นเขาทำตัวไร้เหตุผล

    คุณจูวอนเพื่อนของพ่อก็มาเยี่ยม เขาแวะเข้ามาแป๊บเดียวและออกไป ส่วนจงอินนั่งอยู่บนรถ เขาไม่ยอมลงมาเพราะเหตุผลที่ว่าผมยังโกรธอยู่ แน่นอนว่าผมเองก็ไม่อยากจะเจอหน้าเขาซักเท่าไหร่ เพื่อนของพ่อคนนี้ผมว่าเขามีอะไรที่ไม่ธรรมดา ตอนที่เขาเดินเข้ามาในห้อง ใบหน้าของเขานิ่งเหมือนตอนที่ผมเจอเขาครั้งแรกไม่มีผิด

    ฉันเตือนเธอแล้วแบคฮยอน

    ครับ?

    พวกตัวเย็น จะนำความเดือดร้อนมาให้

    หลังจากนั้นเขาก็เป็นปกติ ทำราวกับว่าไม่เคยพูดเรื่องนี้มาก่อน ผมนั่งทำหน้านิ่วอยู่นานแต่สุดท้ายก็เลิกที่จะซักไซ้ มันไม่มีประโยชน์เมื่อคุณจูวอนไม่คิดจะบอกอะไรกับผม

    วันนี้ตอนเช้าแม่เข้ามาเยี่ยมผมก่อนในขณะที่ชานยอลก็อยู่เฝ้าที่นี่ แม่ไล่ให้ชานยอลไปอาบน้ำ เขาทำตามอย่างว่าง่าย ตอนนี้เหลือเพียงแค่ผมกับแม่เท่านั้น

    “แม่คิดว่าแม่มีเรื่องจะถามลูกนะ”

    “ครับ?”

    “ตกลงว่าชานยอลเป็นแฟนลูกใช่ไหม?”

    “เอ่อ....คือ แม่ ผมอธิบายได้”

    “แม่ชอบเขา”ผมเลิกคิ้วขึ้นเหมือนกับจะทวนสิ่งที่ได้ยิน แม่ยักไหล่ก่อนจะเอาน้ำผลไม้ยื่นมาให้ ผมรับมาดื่มแล้วก็ยังคงทำหน้าไม่เข้าใจ ไม่คิดหรอกว่าแม่จะยอมรับเรื่องพวกนี้ได้ เพราะฉะนั้นผมเลยแปลกใจที่แม่พูดสิ่งเหล่านั้นออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย

    “ทำไม?”

    “ข้อหนึ่งเลย เขาหล่อ”

    “ถึงหูเขาจะ...?” ผมเอามือรองอยู่ข้างหูตัวเอง โบกมือไปมาให้เหมือนกับช้างดัมโบ้ตัวเล็กที่มีหูใหญ่ การ์ตูนสมัยเด็กที่ผมดู เพราะหูของมันใหญ่มันก็เลยบินได้ ผมล้อชานยอลแบบนั้น ในขณะที่แม่ก็หัวเราะออกมา

    “แต่พอมันอยู่บนหน้าเขาแล้วแม่ว่ามันก็โอเคนะ”

    “หลงรักชานยอลแล้วก็บอกมา”

    “ก็นะแล้วอีกข้อสำคัญเลย ลูกรักเขาไม่ใช่หรือไง”

    ผมเบ้ปากเมื่อแม่ทำท่ารู้ทัน หญิงสาวคนที่ผมรักมากที่สุดกำลังหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ผมทำหน้าบึ้งได้ไม่นานก็หัวเราะตามก่อนจะเงียบลงเมื่อพบว่าประตูเปิดออก เป็นพ่อที่เดินเข้ามา ผมหันไปมองหน้าแม่ทันที ไม่รู้ว่าพวกเขาได้เจอกันหรือยัง แต่ตอนที่ผมฟื้นขึ้นมาพ่อกับแม่ยังไม่เคยเจอกันในห้องนี้ซักครั้ง แม่เองก็หันไปมองก่อนที่จะหันกลับมาทำหน้าเบ้ใส่ผม

    “ตื่นแต่เช้าเลยนะ”

    “มันเบื่อๆ พ่อทำงานเสร็จแล้วหรอ?”

    “วันนี้ไม่มีเวร”

    “ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมลูกถึงได้เจ็บขนาดนี้”

    “แม่ครับ” ผมหันไปปราม ถึงผมจะไม่ได้พยายามให้พ่อกับแม่กลับมาคืนดีกัน แต่อย่างน้อยมันก็ไม่น่าจะให้มันเลวร้ายไปกว่านี้ พ่อทำเป็นไม่ได้ยินก่อนจะเดินเข้ามาหาผม แม่เหมือนจะโกรธนิดหน่อยพร้อมกับเดินเข้ามาประชิดตัวของผมด้วยเหมือนกัน

    ให้ตายสิ ผมจะเป็นบ้า

    “แม่ตัดสินใจแล้วแบคฮยอน แม่จะพาลูกกลับอเมริกา”

    “แม่!” ผมร้องครวญ ไม่รู้ว่านี่ตั้งใจจะประชดพ่อหรือเอาจริง ผมหันไปมองหน้าพ่อพลางส่ายหัว ให้ตายผมก็ไม่กลับอเมริกา ถึงผมจะอยู่ที่โน่นมาสิบกว่าปีแต่มันไม่มีที่สำหรับผมอีกแล้ว พ่อทำท่าเหมือนจะค้าน แต่หลังจากนั้นก็ถอนหายใจออกมา พ่อไม่พูดกับแม่ซักคำ

    “ลูกควรจะพักผ่อนเยอะๆ”

    “ชานยอลบอกว่าผมนอนไปสามวันเต็มๆ แถมตอนนี้ยังนั่งๆนอนๆอยู่ในโรงพยาบาลอีกเป็นอาทิตย์...นี่ยังพักผ่อนไม่พออีกหรอครับ?”

    “เจ็บมากมั้ย? พ่อขอโทษนะ”

    ผมเชื่อว่าพ่อต้องเอาแต่โทษตัวเองที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้

    พ่อเดินมายังเตียงอีกฝั่งก่อนจะโอบผมเอาไว้ ถ้าเป็นปกติผมคงทำหน้าแหยแล้วคงเอาแต่ต่อว่าพ่อในใจ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ พ่อกำลังรู้สึกผิดมากๆ แล้วยิ่งแม่พูดแบบนั้นแล้วด้วย ผมกอดเอวพ่อเอาไว้ ซุกลงไปบนอกทำอย่างที่เคยทำเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก

    “มันไม่ใช่ความผิดของพ่อ ไม่ใช่”

    “ไม่เป็นไรแบคฮยอน พ่อรู้ดี”

    “คืองี้นะพ่อ มันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว วัยรุ่นต่อยตีกัน แต่ผมแค่สู้พวกมันไม่ได้เลยเป็นแบบนี้ แล้วพ่อดันไม่อยู่บ้านพอดี”

    “ผมขอโทษนะโยรา ขอโทษที่ดูแลลูกได้ไม่ดี หลังจากนี้คงต้องฝากด้วย พ่อรักลูกนะแบคฮยอน”

    “นี่มันไม่มีเหตุผลเลย ผมแค่ทำตัวไม่ดีพ่อก็จะทิ้งผมอีกแล้วหรอ?”

    ผมโวยวายในขณะที่พ่อก็ไม่พูดอะไรต่อ เอาแต่ยืนลูบผมของผมอยู่แบบนั้น นั่นมันทำให้ผมอยากร้องไห้มาก ไม่ใช่เพราะความเสียใจ แต่โมโหต่างหาก พ่อกำลังผลักไสผมอีกรอบหลังจากที่ผมกลับมาอยู่กับเขา

    “ถ้าหากคุณหัดที่จะพูดรั้งใครเอาไว้บ้าง ฉันคงไม่ต้องหนีไปอยู่อเมริกา”

    แม่พูดขึ้นมาและบรรยากาศรอบๆตัวเริ่มเต็มไปด้วยความเครียด ผมส่ายศีรษะตัวเองน้อยๆก่อนจะผละออกมาจากพ่อและเริ่มเอนตัวลงนอนบนเตียง ผมไม่ค่อยชอบฟังบทดราม่าของพ่อกับแม่เท่าไหร่ ทั้งสองคนจบกันได้ไม่ดีมากนักผมรู้มาแค่นี้ พ่อกับแม่เดินออกไปจากห้องส่วนผมก็นอนอยู่คนเดียว ซักพักก็ได้ยินเสียงเปิดประตู ชานยอลกำลังเดินเข้ามา

    “ปวดหัวหรอครับ ตามพ่อให้ไหม?”

    “เปล่าไม่ได้เป็นอะไร”

    พอชานยอลเห็นผมนอนขมวดคิ้วเขาก็ทำหน้าวิตกแล้วทำท่าจะหยิบโทรศัพท์ตามหมอจองซูมาจริงๆ ผมลุกขึ้นมานั่งอีกครั้งส่วนชานยอลเองก็นั่งลงข้างๆ เมื่อรู้สึกเหนื่อยที่ใจผมก็สอดมือเข้าไปกอดเอวของเขาก่อนจะเอนศีรษะลงบนบ่า มือใหญ่โอบไหล่ผมไว้ “ผมคิดว่าผมรู้แล้วล่ะ”

    “เสียงของพวกเขาคงดังเกินไป รบกวนความคิดของนายรึเปล่า”

    “ถ้าคุณไม่ให้ฟัง ผมก็จะไม่ฟังครับ” ชานยอลจูบขมับผมเบาๆ ผมหลับตาลง ปล่อยให้ความคิดของตัวเองล่องลอยอยู่ซักพักก่อนจะเอ่ยปาก

    “ถ้าหากพ่อเอ่ยปากรั้งแม่ไว้ซักนิดในตอนนั้น.....”

    “........”

    “แม่ก็คงไม่ต้องไปลำบากที่อเมริกา เพราะพ่อไม่ยอมพูดอะไรเลย จนถึงตอนนี้พ่อก็ไม่เปลี่ยน แม่ลองใจพ่อบอกจะพาฉันกลับอเมริกา พ่อไม่พอใจแต่ก็ไม่คิดที่จะทำอะไร”

    “........”

    “อย่าปล่อยมือฉันนะชานยอล”

    ไม่รู้เมื่อไหร่ที่วกกลับเข้ามา ผมกอดเอวของชานยอลแน่นขึ้นแล้วซุกหน้าลงไป เขากระชับมือให้แน่น ผมอยู่กับเขาแล้วในตอนนี้ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว แต่แน่นอนว่าไม่มีคำว่าพอสำหรับคนโลภ ผมต้องการอนาคต อนาคตที่มีชานยอลอยู่ด้วย แม้ว่าตอนนั้นเขาอาจจะเบื่อผมแล้วก็ตาม แต่ผมก็จะบังคับเขาให้จับมือผมไว้แบบนี้

    “ผมจะอยู่กับคุณแบคฮยอน ไม่ว่าจะตอนไหน แค่คุณต้องการ ผมก็จะอยู่กับคุณ”

     

    วันนี้ผมออกจากโรงพยาบาลในช่วงเช้าและแม่ก็จะกลับอเมริกาเลยหลังจากที่วิลกลับไปก่อนแล้ว ถึงผมจะบอกให้ค้างซักหน่อยแม่ก็ไม่ยอมอ้างเอาว่าต้องกลับไปช่วยวิลทำงาน ผมเห็นพ่อทำหน้าไม่พอใจนิดหน่อย แต่ก็อีกนั่นแหละ ต่อหน้าแม่ พ่อไม่คิดจะพูดอะไรทั้งนั้น

    ตอนแรกผมว่าจะไปส่งแม่ที่อินชอน แต่ชานยอลบอกให้ผมกลับไปพักที่บ้านแล้วเขาจะเป็นคนไปส่งซึ่งแม่เองก็เต็มใจ ก่อนแม่จะไปดันทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้เสียอีก

    “ถ้าหากลูกจะมีแฟน ไม่ว่าใครคนนั้นจะเป็นยังไง คุณก็ไม่ควรจะกีดกันพวกเขานะคิมโฮ”

    ชานยอลหันมายิ้มให้ผมและหลังจากนั้นเขาก็บึ่งแอสตันมาร์ตินออกไป ผมกรอกตาไปมาแล้วใช้ไม้ค้ำประคองตัวเองไปที่รถ พ่อเดินมาเปิดประตูให้ ผมเห็นคิ้วเข้มๆนั่นกำลังขมวดเข้าหากันราวกับว่าไม่เข้าใจในความหมายที่แม่จะบอก

    “หมายความว่ายังไง ลูกมีแฟนหรอ?”

    “แม่ก็แค่พูดเผื่อไว้ เผื่อว่าผมมีแฟนน่ะ”

    ซึ่งแน่นอนว่าผมมีแล้ว

    “แล้วทำไมชานยอลต้องไปส่งแม่เราด้วย ไม่รบกวนเกินไปหน่อยหรอ”

    “คงสนิทกันแล้วมั้งครับ”

    “ตอนไหน” ผมรู้ว่าพ่ออาจจะกำลังหึง ผมหัวเราะเบาๆแล้วตอบแบบไม่ได้ใส่ใจเท่าไรนัก

    “ก็ตอนที่ผมอยู่โรงพยาบาล พวกเขาผลัดกันเฝ้าผม”

    “เหอะ”

    “ถ้าอยากไปส่งทำไมไม่เสนอตัว”

    “แม่ของลูกน่ะใจร้าย ลูกไม่รู้หรอกแบคฮยอน” พ่อบ่นงึมงำก่อนจะช่วยประคองผมให้ขึ้นไปนั่งบนรถได้อย่างปลอดภัย พ่อเอาไม้ค้ำไปเก็บไว้ด้านหลังแล้วจึงมานั่งประจำที่ของคนขับ สภาพอากาศก็ยังเป็นเช่นเดิม มีแต่เมฆครึ้มฟ้าครึ้มฝนตลอดเวลา ผมเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างในขณะที่รถกำลังวิ่งไปเรื่อยๆ

    เม็ดฝนเล็กๆตกกระทบลงบนกระจกหน้ารถของพ่อ ที่ปัดน้ำฝนกำลังทำหน้าที่ของมัน ผมยังคงมองออกไปนอกหน้าต่างมองป่าทึบข้างทาง โรงพยาบาลไม่ได้อยู่ในตัวเมืองเพราะมันค่อนข้างใช้เนื้อที่ แต่ก็ไม่ได้ไกลจากเมืองมากเท่าไหร่

    จู่ๆลมหายใจของผมขาดห้วงไปเมื่อเห็นอะไรบางอย่างอยู่ตรงหลังต้นไม้ข้างทาง ผมตัวเกร็งขึ้นมาเมื่อสบกับดวงตาสีแดงก่ำที่เต็มไปด้วยความอาฆาต เมื่อพ่อขับรถผ่านมันก็หายไป ผมหันกลับมองไปที่ตำแหน่งเดิมอีกครั้ง

    มันไม่อยู่แล้ว บางทีผมอาจจะคิดมากเกินไป

    ผมบีบมือของตัวเองแน่น สัญชาตญาณในตัวกำลังร้องเตือนว่ามันคืออันตราย แต่ผมไม่รู้ว่าคืออะไร พ่อหันมามองด้วยความสงสัย “มีอะไรรึเปล่าแบคฮยอน”

    “ไม่....ไม่มีอะไรครับ”

    ผมผ่อนไหล่ลง เอียงศีรษะตัวเองซบลงบนเบลท์เพื่อพักผ่อนสมอง บางทีผมอาจจะคิดมากไปเพราะเมื่อไม่นานมานี้ผมเพิ่งรอดพ้นจากอาการปางตายมา จึงไม่แปลกถ้าจะเกิดเห็นภาพหลอนไปบ้าง คงอย่างที่หมอจองซูบอกว่าเป็นผลมาจากการทำงานของสมองที่ทำให้เราคิดไปเอง

    จองจีฮุนตายแล้ว ชานยอลบอกผมแค่นั้น เขาไม่ได้เล่ารายละเอียดว่าตายยังไง แต่เดาได้ไม่ยาก สภาพผมที่จวนเจียนใกล้ตายอาจทำให้ชานยอลคลั่งและเผลอลงมือไป ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงผมควรจะสบายใจ ตอนที่อยู่ในโรงพยาบาลผมไม่คิดอะไรเลย มีความสุขดีเสียด้วยซ้ำจนเกือบลืมไปแล้วว่าเข้าโรงพยาบาลเพราะอะไร

    แต่ตอนนี้ผมกำลังกังวล อะไรบางอย่างกำลังเกาะหนึบอยู่ที่หัวใจของผม

    “สีหน้าของลูกไม่ค่อยดีเลย เจ็บแผล? ปวดหัว? หรือว่าเมารถ??”

    พ่อละมือจากพวงมาลัยมาแตะที่หน้าผาก ผมส่ายหัวตัวเองเพื่อบอกว่าไม่ได้เป็นอะไร บางทีผมอาจจะเมารถจริงๆ พ่อชะลอความเร็วลง ผมรู้สึกสบายหัวขึ้นมาหน่อย

    แต่แน่นอนว่าหัวใจของผมเต้นแรงขึ้นอีกครั้งเมื่อคราวนี้พบว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาด

    อะไรบางอย่างที่ผมคิดว่าเป็นแวมไพร์ กำลังจ้องผมด้วยดวงตาสีแดงฉานอยู่ตรงนั้น!!

     

    Talk -9-
    กี๊สสสสสสสสสสสส
    แบบ...ว่าจะไม่ยาวแล้วแท้ๆ ตั้งใจว่าสิบห้าตอนจบก็พอม้าง...
    แล้วไงล่ะ *เพลิ๊นเพลิน*
    ทุกอย่างดูป่วงไปหมด....
    ตังค์ป่วงเอง *นอนตาย*
    มอล์กไม่มีสาระ บ่นเฉยๆ
    เจอกันตอนหน้าครัชชชชชช
    #ฟิคทไวไลท์


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×