คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : เจ้าของเพจแมวผู้มีความหลังกับไวโอลิน (100%)
เจ้าของเพจแมวผู้มีความหลังกับไวโอลิน (100%)
“ได้ที่สองอีกแล้วหรือ ไหนตอบแม่มาซิ คนที่ได้ที่หนึ่งเขาเล่นเพลงอะไร เขาเป็นใคร แล้วเขามีดีกว่าเราตรงไหน ว่าอะไรนะ ไม่รู้อย่างนั้นหรือ อย่ามาตอบแม่แบบนี้นะ รู้ไหม แม่เสียเงินค่าเรียนไปเท่าไหร่ แม่ทุ่มเททุกอย่างก็เพื่ออนาคตของเรานะแค็ป ทำไมเราไม่ตั้งใจเรียน คิดว่าเป็นนักไวโอลินมันง่ายๆ หรือไง ถึงได้ทำตัวเช้าชามเย็นชามแบบนี้”
“ครูรายงานมาว่าเราโดดเรียนไปถ่ายรูปอย่างนั้นหรือ แค็ป เราก็รู้ไม่ใช่หรือว่าแม่ต้องเก็บเงินทุกบาททุกสตางค์ไว้ให้เราเรียน แล้วเราทำกับแม่แบบนี้ ไม่เห็นใจแม่บ้างหรือ แม่กับพ่อไม่ใช่เศรษฐี แต่เราก็พยายามอยากสร้างอนาคตให้ลูก แล้วลูกจะโยนทุกอย่างทิ้งแบบนี้...?”
“อยากเรียนดีไซเนอร์ อยากถ่ายภาพ ถามว่าอาชีพพวกนี้มันดีตรงไหน แม่อุตส่าห์ส่งเสียให้เรียนไวโอลิน แล้วยังไง เราก็ไม่สนใจ ทั้งหมดที่แม่ทำก็เพื่อให้เรามีอนาคตที่ดี มีอาชีพที่มีเกียรติ อาชีพนักไวโอลินน่ะ มีคนทำได้สักกี่คนกันล่ะ เรามีพรสวรรค์ ทำไมเราไม่ตั้งใจ ก็ได้ ถ้าอยากจะเรียนถ่ายภาพนักล่ะก็ แม่ไม่ห้าม แต่เราต้องไปหาค่าเล่าเรียนเองนะ เพราะแม่ไม่ส่งอีกต่อไปแล้ว ถ้าไม่เรียนต่อด้านดนตรี เราขาดกัน!”
เสียงเหล่านั้นเงียบหายไปเหมือนถูกสับสวิตช์ และฟ้าครามพบว่าตัวเองลุกพรวดขึ้นนั่งกลางเตียง เหงื่อเย็นๆ แตกซึมเต็มใบหน้าและตามลำคอ
ในความมืดมิด เขาได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศทำงานแผ่วเบา
ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบหน้าช้าๆ... ที่แท้ก็ฝันไป...
ฟ้าครามถอนใจยาวขณะเหลือบมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่ข้างเตียง มันบอกเวลาตีหนึ่งเศษ... ดูเหมือนเขาจะเพิ่งหลับไปได้ไม่ถึงสองชั่วโมง แต่ก็นั่นแหละ จะให้ข่มตาหลับตอนนี้ ก็คงหลับไม่ลงเสียแล้ว
หลังนิ่งอยู่อึดใจ ร่างสูงก็ลุกจากเตียง ก้าวผ่านประตูห้องนอนออกไปสู่ห้องนั่งเล่นภายนอก เขาไม่เปิดไฟ แต่อาศัยความชำนาญเดินตรงไปยังตู้เย็น เปิดตู้ออก หยิบน้ำเย็นเฉียบติดมือมาทั้งขวด
ฟ้าครามเดินต่ออีกนิด ไปหยุดที่ประตูกระจกกว้าง บดบังด้วยผ้าม่านสีขรึม มือแข็งแรงตลบม่านออก และกดปุ่มปลดล็อก ก้าวออกไปยืนที่ริมระเบียง
ลมยามดึกโชยมาแผ่วเบา ฟ้าครามยกขวดน้ำขึ้นดื่มช้าๆ น้ำเย็นๆ ช่วยให้รู้สึกดีขึ้น ทว่าน่าเสียดายสิ่งที่ดีขึ้นก็เป็นเพียงร่างกาย จิตใจของเขายังคงหนักหน่วง เคร่งเครียด และเต็มไปด้วยพลังด้านลบ
ฟ้าครามหลับตาลงช้าๆ ความทรงจำเป็นเรื่องแปลก เรื่องที่อยากจำก็กลับลืม เรื่องที่อยากลืมก็กลับจำได้แม่นยำ
เรื่องนี้ก็เช่นกัน
ชีวิตของเขาในช่วงวัยเด็กวนเวียนอยู่อย่างนั้น วันแล้ววันเล่า ตื่นเช้ามาเรียนหนังสือ เลิกเรียนก็ซ้อมไวโอลินจนดึกดื่น เสาร์อาทิตย์ ผูกขาดอยู่กับเครื่องดนตรี ไม่เคยได้ไปเที่ยวที่ไหน ไม่เคยได้ใช้เวลาส่วนตัว เพราะถ้าหากเอ่ยปาก ก็จะถูกผู้เป็นแม่ตีวงกั้นอย่างอ่อนโยนแต่เฉียบขาดในที “แม่ว่าแค็ปต้องทุ่มเทให้มากกว่านี้ ที่ทำอยู่ทุกวันนี้ มันยังไม่ดีพอ ตอนแม่อายุเท่าแค็ป แม่เล่นได้ดีกว่านี้มากและแม่ก็จริงจังกับมันมากกว่าแค็ปด้วย”
จนกระทั่งก้าวเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เพื่อนก็เริ่มมีบทบาทสำคัญ และต่อมา เขากับเพื่อนๆ ก็รวมตัวกัน เปิดวงดนตรีวงแรกในชีวิตขึ้น
ชื่อของวงคือ Rhythm หมายถึง จังหวะ นักดนตรีมี ๔ คน ล้วนแต่เป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดีและมีฝีมือทางดนตรีในแบบของตัวเอง
เมฆ เด็กหนุ่มผู้เชี่ยวชาญการเล่นเปียโน
ธรรม ธรรมรักษา เด็กหนุ่มผู้โดดเด่นเรื่องกีตาร์
ปิ๊ก ปิลันธ์ เด็กหนุ่มผู้มีฝีมือด้านการเล่นกลอง
และเขา แค็ป ฟ้าคราม เด็กหนุ่มผู้มีความสามารถด้านไวโอลิน
ฟ้าครามถอนใจลึกเช่นเดียวกับทุกครั้งที่คิดมาถึงตรงนี้
ถ้าหากถูกถามว่ามีช่วงเวลาไหนของชีวิตที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับเขาได้มากที่สุด ก็คงไม่พ้นช่วงเวลาที่เขาอายุได้ ๑๘ ปี และกำลังอยู่ในช่วงสอบเข้ามหาวิทยาลัย
ช่วงเวลาที่เขากล้าปฏิเสธแม่เป็นครั้งแรก!
ลมยามดึกพัดมาแผ่วเบา ฟ้าครามยกน้ำขึ้นดื่มจนหมดขวด ความเย็นสดชื่นที่ได้รับช่วยให้ความรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง แม้ไม่ถึงกับหายเครียด แต่ก็ค่อยสบายใจขึ้น โดยนิสัยแล้ว เขาไม่ชอบจดจ่ออยู่กับปัญหา เพราะตระหนักได้ดีว่าสิ่งที่ทำร้ายมนุษย์ได้มากที่สุดไม่ใช่คำพูดของใคร แต่เป็นความคิดของเราเอง ทว่าแม้จะเข้าใจความหมายนี้ดี แต่เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสะเทือนใจทุกครั้งที่ได้ยินคำพูดคำจาทำนองนี้
“คนมีฝีมืออย่างลูกไม่ควรเลิกเล่นไวโอลิน ลูกควรจะทำให้เต็มที่ จะทิ้งไปได้ยังไง ไม่เสียดายหรือ”
“ครูไม่อยากให้เธอเลิกเล่น เธอเป็นลูกศิษย์ที่เก่งที่สุดของครู ครูยอมรับว่าเสียดายเธอ”
“นายเป็นนักไวโอลินที่เก่งที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมา นายไม่ควรเลิกเล่นถาวรนะรู้ไหม”
มุมปากของฟ้าครามปรากฏรอยยิ้มคล้ายจะเยาะบางอย่างที่ไม่มีตัวตน นั่นน่ะสิ ทุกคนต่างไม่อยากให้เขาเลิกเล่นไวโอลิน ทุกคนต่างอยากให้เขาเดินบนเส้นทางสายนี้ ด้วยเหตุผลสารพัดตามแต่ใครจะอ้าง ทว่าไม่มีใครสักคนที่จะเอ่ยปากถามว่า เขาเต็มใจไหม เขามีความสุขหรือไม่
ไม่มีสักคน...
ฟ้าครามสลัดศีรษะแรงๆ ราวกับต้องการจะสลัดทุกอย่างในหัวให้ออกจากความคิด เขาขยับตัวจะก้าวเข้าห้อง แต่แล้วกลับชะงักอยู่กับที่ เมื่อได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง... ลอยมาตามลม
เสียงที่เคยคุ้น เพราะอยู่ร่วมกันมานานจนซึมซับเข้าในสายเลือดเสียแล้ว เสียงที่ได้ยินทุกลมหายใจเข้าออก ทั้งยามหลับยามตื่น... เสียงที่เป็นเหมือนส่วนหนึ่งของชีวิต
เสียงไวโอลิน...
แม้จะบอกตัวเองว่าไม่ต้องการได้ยินอะไรเกี่ยวกับดนตรีชนิดนี้อีก ทว่าฟ้าครามกลับพบว่าตัวเองยืนนิ่งอยู่กับที่ เพื่อรับฟังเพลงที่มีจังหวะกระท่อนกระแท่นนั้น ฟังจากจังหวะการเล่นแล้ว เป็นคนเดียวกับที่เขาได้ยินเมื่อคืนก่อนแน่นอน ฝีมือไม่แม่นยำนักก็จริง แต่ว่าถ่ายทอดอารมณ์ของเพลงได้ละเอียดอ่อนลึกซึ้งทีเดียว
ด้วยหูที่แม่นยำและประสบการณ์อันยาวนาน ในที่สุดฟ้าครามก็รู้ว่าเพลงที่ได้ยินคือเพลงอะไร
I know you, I walked with you once upon a dream
ฉันรู้จักเธอ ฉันเคยเดินเคียงข้างกับเธอมาแล้ว กาลครั้งหนึ่งในฝัน
I know you, that look in your eyes is so familiar a gleam
ฉันรู้จักเธอ นัยน์ตาอันเปล่งประกายคู่นั้นช่างคุ้นเคย
And I know it’s true that visions are seldom all they seem
ฉันรู้ว่าภาพที่เราคิดมักไม่เป็นอย่างที่เห็น
But if I know you, I know what you’ll do
แต่หากได้รู้จักเธอจริงๆ ฉันรู้ดีว่าเธอจะทำอย่างไร
You’ll love me at once, the way you did once upon a dream
เธอจะตกหลุมรักฉันในทันที เหมือนที่เคยทำมาแล้วในฝัน
ใช่แล้ว เพลง Once upon a Dream จากภาพยนตร์การ์ตูนของดิสนี่ย์เรื่องเจ้าหญิงนิทรานั่นเอง!
ความคิดเห็น