ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : คนที่ 4- -มีดที่แผ่นหลัง- -
“งือ คนสวยน่าสงสารจัง” เสียงจากพีคร้องครวญ “เอาเหอะแล้วสรุปที่เมิงนัดกะลิสแฟนเมิงที่ว่าเค้าจะกลับมาอเมริกาวันนี้ไม่ไปรับเค้าแล้วเรอะ”
  “เออ ใช่ขอบใจเว้ยไปละ”พีคพูดลาแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว “อ้าว เฮ้ยไหนว่าจะพาไปกินเลี้ยงรับแฟนเมิงไงล่ะ”ทั้งหมดตะโกนตามพร้อมวิ่งตามพีคไป
        สายลมอ่อนๆพัดผ่านร่างบางที่นอนอยู่ในเปลยวนไปอย่างแผ่วเบา  ดวงตาสีน้ำตาลเข้าจนดำเหม่อมองไปยังหมู่เมฆบนท้องฟ้า นอนครุ่นคิดไปมา...
        คืนนั้น ในตอนนั้นชั้นยังจำได้ คืนที่ฝนตกหนัก จำได้เมื่อตอนที่ดูพยากรณ์อากาศเมื่อตอนเช้านี้ว่าพายุจะเข้า  แล้วในเวลานี้ก็ฝนตกหนักจริงๆภายนอกบ้านหนาวเหน็บและเปียกชื้นแต่ภายในบ้านหลังใหญ่หลังนี้กลับอบอุ่นสบาย
        เวลานี้ใครก็ชอบบอกกันจังว่าบรรยากาศน่ากลัวไหนจะฟ้าร้องดังลั่นกะจะให้หูแตกให้ได้ ฟ้าแลบที่มองเห็นเป็นแสงไฟบิดเป็นเกลียวเป็นทาง แล้วไหนจะดวงไฟแต่ละดวงในบ้านก็เริ่มติดๆดับๆ แต่พิณกลับชื่นชอบเวลาฝนตกเป็นยิ่งนัก เธอนั่งมองสายฝนอยู่บนโซฟาราคาแพงที่แสนนุ่มสบาย
        แต่ความหลงใหลก็ชะงักไปชั่วครู่เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินลงบันไดมา ปรากฏร่างๆหนึ่งเดินลงมา ร่างนั้นหยุดเหลียวมองพิณเมื่อเดินลงมายังพื้นเบื้องล่างแล้วกำลังจะเดินไป  วันนี้เธอคนนั้นยังคงสวยไม่เปลี่ยนแปลงแถมรู้สึกจะสวยมากขึ้นไปด้วยกระมัง ทำไมเวลานี้ถึงได้แต่งตัวเหมือนจะไปข้างนอก จะไปไหนเหรอ ร่างบางถามร่างที่แสนสวยงามนั้น ร่างนั้นหยุดนิ่งชั่วครู่มองมาที่ร่างบางแต่ทำไมกลับเป็นสายตาเหยียดหยามแบบนั้นล่ะ ชั้นไปทำอะไรให้เธอเหรอ 
      “ก็ไปรับคุณพ่อของแกไงล่ะ ไม่ได้จำเลยเหรอวันเนี้ยท่านกลับมาจากประชุมที่อเมริกามาไงเล่า ยัยโง่”ร่างแสนสวยตอบอย่างกระแทกกระทั้น
      พิณเริ่มหงอแต่ก็แอบไม่พอใจ “อ้าว แล้วแม่ล่ะ”
    “แม่ก็ให้ชั้นไปรับท่านที่สนามบินเดี๋ยวแม่จะไปรับพ่อก่อนแล้วชั้นค่อยตามไปที่สนามบินด้วย เนี่ยก็กำลังไปอยู่สายแล้วด้วย ยุ่งจริงๆเลย” ร่างแสนสวยนั้นเริ่มทำเสียงไม่พอใจ
      “อี๋ ตัวเองก็ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านเหมือนกันนั่นแหละ”พิณแอบบ่นเบาๆ แต่ดูเหมือนมันจะดังพอไปถึงหูร่างแสนสวยนั้น ร่างนั้นหันควับมาทันที แล้วเดินฉับๆๆมาทางพิณ
      “เมื่อกี้ว่าไรน่ะ”ร่างนั้นพูดอย่างโมโห
      “...อะ...”เหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่คอ ทำเอาพิณพูดไม่ออกไม่ใช่อะไรหรอกแต่การทะเลาะแต่ละครั้งกับคนคนนี้มักจะรุนแรงยืดเยื้อทุกครั้งบางครั้งก็ด้วยต้นเหตุเล็กน้อยและทุกครั้งเธอคนนี้ก็เป็นฝ่ายชนะไปซะทุกที ทำเอาเธอเจ็บตัวโทษที่ได้ก็หนักเหลือเกิน ก็แน่ล่ะสิคนอย่างเธอพูดอะไรไปก็ไม่มีใครยอมเชื่อ ไม่เคยมีใครเข้าข้างตัวเองมากเลย โดยเฉพาะบ้างหลังนี้...อย่าได้หวังเลยว่าใครจะช่วยเธอ
      “เมื่อกี้ชั้นได้ยินน่ะ ยัยเด็กนอกคอก อินังคนไม่รู้สำนึก!!!!” เสียงตะคอก ด่าแดกดันไปยังพิณ
      “แล้วตัวเองน่ะดีตายล่ะ” พิณสวนกลับ
      “เออใช่ ชั้นน่ะดีกว่าแกหลายร้อยเท่าแหละไม่เหมือนแกโง่ก็โง่แกน่ะมันไม่มีวันชนะชั้นได้หรอกอย่าสะเออะมาเปรียบเทียบกลับไปนั่งดูการ์ตูนปัญญาอ่อนของแกต่อไปเถอะ!!!”ร่างนั้นยังคงด่าพิณ แล้วใช้แขนทั้งสองที่ผิวเนียนขาวละเอียดปลายนิ้วเรียวยาวบีบไหล่ของพิณจนพิณปวดไปหมด
      “ยังไงชั้นก็เป็นลูกบ้านนี้อย่างแท้จริง ไม่ใช่ลูกนอกสายเลือดที่พ่วงมาด้วยแล้วมาทำสะเออะใหญ่โดยไม่ได้ดูกำพืดตัวเอง!!!”พิณเผลอสวนตะคอกกลับไปอย่างแรง มารู้ตัวอีกทีดวงตาแสนสวยสีดำเข้มตรงหน้าก็ฉายแววโกรธสุดๆ และแล้วฝ่ามือก็ปะทะกับแก้มของพิณอย่างแรง ครั้งแรกแล้วก็ตามด้วยครั้งที่สองครั้งที่สามแล้วก็ยังต่อด้วยครั้งที่สี่จนเธอเจ็บระบมไปหมดแถมยังมีเสียงสบถด่าไม่หยุด เล็บสวยๆจิกบนหัวแล้วก็ยีไปมาจนเธอล้มนอนลงนี่ถ้าไม่นั่งอยู่บนโซฟาอยู่แล้วเธอคงหัวกระแทกพื้นแน่ๆ
      ร่างนั้นยังคงตบตีเธอตอนนี้แสบไปทั้งตัวแล้วพยายามเอามือปัดป้องแต่ก็เท่านั้นรู้สึกว่าน้ำใสๆเริ่มรินไหลอาบข้างแก้มแต่แล้วร่างนั้นก็หยุดการกระทำทุกอย่างเหมือนนึกอะไรออก
      “...หึ ถ้าเกิดพ่อเธอมาเห็นสภาพเธอแบบนี้ชั้นแย่แน่แต่ชั้นว่าท่านก็คงไม่ได้สนอะไรเท่าไหร่หรอกเดือนๆนึงก็ไม่ค่อยได้เจอกันอยู่แล้ว...” แล้วเธอก็จากไป
      “คนพาลหาที่ระบายอารมณ์ไม่ได้รึไงเอาแต่ทำร้ายคนอื่นเค้าแบบนี้”พิณตะโกนไล่หลังไป ทำเอาดึงความสนใจจากร่างนั้นให้หันมา
        “ใครว่าเธอน่ะทำผิดมหันต์เลยน่ะยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ”
        “...เหรอ ชั้นทำผิดอะไร”พิณเริ่มตั้งตัวได้ค่อยๆเดินไปหาร่างนั้น
        “...ผิด...”ร่างนั้นกล่าว “ผิดสิ...ผิดที่เกิดมาไงล่ะ”
คำพูดคำเดียวเสียดแทงเธอไปทั้งหัวใจ “แล้วคนที่ไม่เคยสำนึกบุญคุณอย่างเธอเนี่ยคงประเสริฐมากเลยเนอะ”
    “ประเสริฐกว่าแกล่ะกัน”
        “มาว่าคนอื่นตัวเองล่ะ รู้เปล่าที่ตัวเองได้เรียนได้ที่นอนที่อยู่มีข้าวกินได้น่ะมันเพราะใคร...ที่แม่ยอมแต่งกะพ่อก็เพื่อให้พี่ได้เรียนไงแล้วรู้มั้ยเงื่อนไขของพ่อน่ะคืออะไร คุณปู่น่ะบอกว่าจะยกมรดกให้พ่อก็ต่อเมื่อพ่อแต่งงานแล้วและมีทายาทแล้วตั้งแต่พ่อของเธอตายไปแถมยังมีลูกเล็กๆอีกแม่คงหาเลี้ยงพวกเธอเองตามลำพังไม่ได้หรอกยังกลัวว่าพวกเธอจะไม่มีอนาคตเพราะไม่มีเงินด้วยแม่ก็เลยยอมแต่งงานกับพ่อแล้วก็มีชั้นขึ้นมาทุกอย่างก็เลยลงตัว...เป็นไงล่ะทีนี้ใครกันแน่ที่เป็นต้นเหตุที่แม่ต้องร้องไห้น่ะพี่สาว อ้อแล้วก็สำนึกบุญคุณซะด้วยน่ะนี่ถ้าไม่มีชั้นทุกคนก็คงไม่มีวันนี้หรอก”ทุกคำพูดที่พิณกล่าวไปเธอไม่ได้คิดเลยพอเริ่มรู้สึกตัวก็รู้แน่ว่าตัวเองแย่แน่
      ร่างแสนสวยนั้นหยิบไม้เรียวที่แม่มักใช้ตีเธอที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาแล้วหวดเธอไม่ยั้งอย่างแรงด้วยอารมณ์ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแล้วยังคงสบถด่าทอเธอต่างๆนานา แต่พิณก็พยายามเอามือปัดป้องไปแล้วพยายามหนีล้มลุกคลุกคลานไปจนถึงในห้องครัว
          เธอรู้สึกเจ็บแปล๊บกลางแสกหน้าไม่ใช่ครั้งเดียวความรู้สึกนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกตามใบหน้าของเธอรู้สึกมีของเหลวตามใบหน้าของเธอด้วยเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังไปทั่วห้องครัวเธอหนีแต่เจ็บไประบมไปหมด     
          แต่แล้วความเจ็บปวดก็กลับทวีคูณขึ้นเมื่อมีวัตถุแข็งๆตกใส่บนหัวเธอแล้วมันก็แตกเป็นเสี่ยงๆเห็นเป็นเศษกระเบื้องตกตามพื้นความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วเธอเอามือจับที่หัวพบว่ามีของเหลวสีแดงสดติดมาด้วยและของเหลวนั้นก็ไหลตามหน้าผากผ่านดวงตาทำเอาร่างตรงหน้าถึงกับผวา  ร่างบางยันตัวขึ้นหยิบมีดทำครัวจากที่เสียบมีดสะอาดๆสะท้อนใบหน้าของร่างตรงหน้าทอประกายแวววาว ร่างแสนสวยไม่รอช้าพยายามจะวิ่งหนีแต่มีมือมาฉุดรั้งไว้  หันไปมีดตรงหน้าก็เฉือนบาดแขนเธอความตระหนกเกิดขึ้นรีบผลักร่างบาง แล้ววิ่งหนีสุดชีวิต
    ขาทั้งสองวิ่งเร็วที่สุดในชีวิตกำลังจะไปถึงประตูแล้วแต่กลับสะดุดล้ม เห็นร่างบางเดินออกมาจากครัวตรงมาที่ตนเองในมือถือมีดทำครัวใบหน้าโชกไปด้วยเลือด เสียงฟ้าร้องดังสนั่นหวั่นไหว แสงจากฟ้าแลบส่องแสงแข่งกับดวงไฟในบ้านร่างบางนั้นค่อยเดินตรงมายังร่างบนพื้น ทำไมตอนนี้กลับรู้สึกไม่มีเรี่ยวแรงขยับไม่ได้  หนีสิหนียัยนี่มันบ้าไปแล้ว ภาพสุดท้ายเห็นยัยนั่นง้างมีดแล้วก็พุ่งลงมาที่ตัวเองภาพทั้งก็ดับมืดลง ความเจ็บแผ่ซ่านไปทั้งตัวครั้งแรกผ่านไปตามด้วยครั้งที่สองครั้งที่สามแล้วยังตามด้วยครั้งที่สี่อีกเสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดแข่งกับเสียงฟ้าร้อง
        ทันใดนั้นรู้สึกได้ว่าประตู...ประตูตรงหน้าเปิดออก...ใครกัน...แม่เหรอ แม่ใช่มั้ย...จริงๆด้วยได้ยินเสียงร้องของแม่ด้วยรู้สึกมีมืออันอบอุ่นมาโอบไหล่ตัวเองให้ลอยขึ้น เหมือนพระเจ้ามารับแล้วเลย...ได้ยินเสียงแม่เรียกชื่อตัวเองซ้ำๆ
        เพียะ เสียงฝ่ามือของพ่อตบบนใบหน้าของพิณที่ในมือยังถือมีดเป็นหลักฐานชัดเจนถึงสิ่งที่เกิดขึ้น “แกทำอะไรลงไป ห๊า!!!”เสียงพ่อตวาดใส่
        “นังเด็กนอกคอกชั้นไม่น่ามีแกเลยแกมันสารเลว ออกไปน่ะ!ออกไปให้พ้นจากบ้านนี้แล้วไม่ต้องกลับมาให้ชั้นเห็นหน้าอีก ไป๊!!!!!”เสียงแม่ตวาดพิณด้วยโทสะ
        พิณตกใจกับเสียงนั้นรู้แต่ว่าคงโดนไล่ออกจากบ้านแล้วขาทั้งสองขยับโดยไม่ต้องคิดวิ่งไปทางประตูเจอกับพายุโหมกระหน่ำลองหันกลับไปดูเห็นแม่กำลังร่ำไห้กอดร่างที่ชุ่มเลือดลูกสาวตัวเองเห็นพ่อเร่งรีบโทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือแล้วหันมามองตรงหน้าสายฝนโหมกระหน่ำรุนแรงจนต้นไม้ลู่ไปตามลมเอนไปมากจนสามารถล้มได้ทุกเมื่อถ้าแรงลมมากกว่านี้ พิณหันกลับไปมองเบื้องหลังอีกครั้งหันกลับมาเบื้องหน้าตัดสินใจวิ่งฝ่าสายฝนไปไม่รู้ด้วยซ้ำจะไปไหน ร่างกายก็เปียกชุ่มโชกทันทีหนาวก็หนาวในใจเริ่มนึกหา...มาน่า...
    ฉับพลันมีแสงเรืองรองส่องสว่างแยงตาพิณแสงนั่นที่มามาจากสวนพิณไม่รอช้าวิ่งไปหาต้นแสง แล้วก็ใช่...มาน่า...นั่นเอง
      “รู้สึกว่าเธอจะสร้างเรื่องขึ้นมาน่ะ...”...มาน่า...กล่าว
      เธอวิ่งฝ่าสายฝนมาเปียกก็เปียกลื่นก็ลื่นหนาวก็หนาวเหนื่อยก็เหนื่อยเธอไม่ได้ใส่รองเท้ามาด้วยเศษหญ้าติดเต็มเท้าเธอไปหมดเป็นที่หน้ารำคาญมากพบว่ามาน่านั่งอยู่ในศาลา เธอวิ่งเข้าไปนั่งในนั้นด้วยแต่ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากนอกศาลานักหรอกเปียกพอกัน
    “...มาน่า...ชั้นจะทำไงดี”พิณพูดทั้งน้ำตา
    “ฮื่อ นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของฝันร้ายน่ะที่เธอยืดเยื้อเล่นเกมเนี่ย...”
      พิณสะอื้นร้องไห้ “แล้วจะให้ชั้นทำยังไงล่ะ ชั้นจะไปอยู่ที่ไหน”
    “พิณ เรื่องแค่นี้ชั้นจัดการให้ง่ายดายอยู่แล้วน่า เธอก็รู้สำหรับชั้นเรื่องแค่นี้มันง่ายนิดเดียว...”
    แต่มีมีแสงไฟสว่างจ้าสีฟ้าสีแดงจากหน้าบ้านเห็นคนสวมชุดขาวตรงเข้าไปในบ้านไม่นานร่างของพี่บนเตียงก็ถูกเข็นขึ้นรถพยาบาลไปทั้งแม่ทั้งพ่อก็ตามเข้าไปในรถด้วยแล้วรถก็จากไปอย่างรวดเร็ว
      พิณมองตามรถไปหันกลับมาดูมีในมือก็รีบวางมีดบนโต๊ะ “เธอเองก็บาดเจ็บน่ะ...”มาน่ากล่าว
      “อือ”
      “มาเดี๋ยวชั้นรักษาให้...”พูดจบมาน่าก็ขยับเข้ามานั่งข้างพิณจนเบียดเธอ...มาน่า...ใช้มือที่ชายเสื้อคลุมจนมิดเปิดชายแขนเสื้ออีกข้างหนึ่งเผยให้เห็นมือแบบมนุษย์ธรรมดา มือนั้นแตะที่แผลบนหัวเธอก็ปรากฏแสงเรืองรองอ่อนๆความเจ็บปวดก็หายไป มือนั้นแตะที่แผลบนใบหน้าเธออีกแสงนั้นก็ปรากฏอีกความเจ็บก็ค่อยๆหายไปแต่พิณรู้สึกได้กลิ่นมะกอกหอมอ่อนๆโชยมาจากตัวของมาน่าแต่ที่ทึ่งไปกว่านั้นคือดูเหมือนภายใต้ผ้าคลุมนั่นที่เห็นเป็นแสงสว่างอ่อนๆ เธอเหมือนจะเห็นสันจมูก โหนกแก้มแม้แต่ดวงตาแต่เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น แต่ทุกส่วนก็เป็นคนธรรมดา นิ้วมือของมาน่าไล่ไปทั่วใบหน้าฝ่ามือที่อบอุ่นไปตามแผลต่างๆของร่างกายจนกลับคืนอย่างเดิม
   
      ร่างกายเริ่มอ่อนแรงกำลังตกอยู่ในห้วงแงความมืดมิดทุกอย่างเริ่มเห็นไม่ชัดมัวไปหมดสายลมอ่อนพัดต้องใบหน้าเย็นสบาย กำลังจมลงไปสู่ห้วงนิทรามากขึ้น...มากขึ้น  “พิณ!”เธอตื่นจากภวังค์ทันทีรู้สึกมีมือที่แข็งแกร่งจับแขนเธออยู่ใบหน้าตื่นตระหนกกับร่างตรงหน้า มาน่า น่ะเอง...
        “เป็นอะไรไปแค่จะมาปลุกทำไมตกใจขนาดนี้...”มาน่าพูดขึ้น
        ร่างกายที่ยังงุนงงกับสภาพแวดล้อมรู้สึกเหนื่อยหอบทั้งๆที่ไม่ได้ออกกำลังกาย แฮ่กๆๆ
        “นี่หิวรึยังจะทานข้าวเย็นเลยรึยัง คราวนี้จะให้ชั้นทำหรือเธอทำ...”
        พิณเริ่มจับเค้ามองไปที่มาน่าแต่คราวนี้ที่ใบหน้าที่ห่อด้วยผ้าลินินเว้นช่องว่างไว้เล็กน้อยกลับเป็นเพียงแสงสว่าง “มาน่าแอบดูชั้นเหรอ”
        “เฮ้ย ใครแอดดูเธอ!...”
        “ไม่ใช่มาน่าอ่ะแอบดูใจชั้นเมื่อกี้เหรอ”
        “อ่ะ...เอ๋อ...จะว่าไปก็ใช่นะ”
        พิณมองมาน่า
        “ก็ชั้นเป็นห่วงเธอนี่ เธอยังคงนึกถึงแต่เรื่องนั้น...”
        พิณมองมาน่าชั่วครู่ก็ปรากฏรอยยิ้มเล็กบนใบหน้า “มาน่าไม่เป็นไรหรอกก็ชั้นมีมาน่าคอยเป็นห่วงแบบนี้นี่ชั้นไม่ตายง่ายๆหรอก”
        มาน่าจ้องพิณ แล้วกล่าว “อือ งั้นวันนี้เดี๋ยวจะทำกับข้าวให้น่ะ ไปกันเหอะ....”
        “อือ”พิณตอบสั้น แล้วทั้งคู่ก็เดินเข้าไปในบ้าน
  ------------------------------------------------------------------------------------------------------------
//////อ่าเป็นไงกันมั่งน่อ ชอบก็โหวตมือใหม่อย่างอิชั้นหน่อยล่ะกัน/////////
 
  “เออ ใช่ขอบใจเว้ยไปละ”พีคพูดลาแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว “อ้าว เฮ้ยไหนว่าจะพาไปกินเลี้ยงรับแฟนเมิงไงล่ะ”ทั้งหมดตะโกนตามพร้อมวิ่งตามพีคไป
        สายลมอ่อนๆพัดผ่านร่างบางที่นอนอยู่ในเปลยวนไปอย่างแผ่วเบา  ดวงตาสีน้ำตาลเข้าจนดำเหม่อมองไปยังหมู่เมฆบนท้องฟ้า นอนครุ่นคิดไปมา...
        คืนนั้น ในตอนนั้นชั้นยังจำได้ คืนที่ฝนตกหนัก จำได้เมื่อตอนที่ดูพยากรณ์อากาศเมื่อตอนเช้านี้ว่าพายุจะเข้า  แล้วในเวลานี้ก็ฝนตกหนักจริงๆภายนอกบ้านหนาวเหน็บและเปียกชื้นแต่ภายในบ้านหลังใหญ่หลังนี้กลับอบอุ่นสบาย
        เวลานี้ใครก็ชอบบอกกันจังว่าบรรยากาศน่ากลัวไหนจะฟ้าร้องดังลั่นกะจะให้หูแตกให้ได้ ฟ้าแลบที่มองเห็นเป็นแสงไฟบิดเป็นเกลียวเป็นทาง แล้วไหนจะดวงไฟแต่ละดวงในบ้านก็เริ่มติดๆดับๆ แต่พิณกลับชื่นชอบเวลาฝนตกเป็นยิ่งนัก เธอนั่งมองสายฝนอยู่บนโซฟาราคาแพงที่แสนนุ่มสบาย
        แต่ความหลงใหลก็ชะงักไปชั่วครู่เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินลงบันไดมา ปรากฏร่างๆหนึ่งเดินลงมา ร่างนั้นหยุดเหลียวมองพิณเมื่อเดินลงมายังพื้นเบื้องล่างแล้วกำลังจะเดินไป  วันนี้เธอคนนั้นยังคงสวยไม่เปลี่ยนแปลงแถมรู้สึกจะสวยมากขึ้นไปด้วยกระมัง ทำไมเวลานี้ถึงได้แต่งตัวเหมือนจะไปข้างนอก จะไปไหนเหรอ ร่างบางถามร่างที่แสนสวยงามนั้น ร่างนั้นหยุดนิ่งชั่วครู่มองมาที่ร่างบางแต่ทำไมกลับเป็นสายตาเหยียดหยามแบบนั้นล่ะ ชั้นไปทำอะไรให้เธอเหรอ 
      “ก็ไปรับคุณพ่อของแกไงล่ะ ไม่ได้จำเลยเหรอวันเนี้ยท่านกลับมาจากประชุมที่อเมริกามาไงเล่า ยัยโง่”ร่างแสนสวยตอบอย่างกระแทกกระทั้น
      พิณเริ่มหงอแต่ก็แอบไม่พอใจ “อ้าว แล้วแม่ล่ะ”
    “แม่ก็ให้ชั้นไปรับท่านที่สนามบินเดี๋ยวแม่จะไปรับพ่อก่อนแล้วชั้นค่อยตามไปที่สนามบินด้วย เนี่ยก็กำลังไปอยู่สายแล้วด้วย ยุ่งจริงๆเลย” ร่างแสนสวยนั้นเริ่มทำเสียงไม่พอใจ
      “อี๋ ตัวเองก็ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านเหมือนกันนั่นแหละ”พิณแอบบ่นเบาๆ แต่ดูเหมือนมันจะดังพอไปถึงหูร่างแสนสวยนั้น ร่างนั้นหันควับมาทันที แล้วเดินฉับๆๆมาทางพิณ
      “เมื่อกี้ว่าไรน่ะ”ร่างนั้นพูดอย่างโมโห
      “...อะ...”เหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่คอ ทำเอาพิณพูดไม่ออกไม่ใช่อะไรหรอกแต่การทะเลาะแต่ละครั้งกับคนคนนี้มักจะรุนแรงยืดเยื้อทุกครั้งบางครั้งก็ด้วยต้นเหตุเล็กน้อยและทุกครั้งเธอคนนี้ก็เป็นฝ่ายชนะไปซะทุกที ทำเอาเธอเจ็บตัวโทษที่ได้ก็หนักเหลือเกิน ก็แน่ล่ะสิคนอย่างเธอพูดอะไรไปก็ไม่มีใครยอมเชื่อ ไม่เคยมีใครเข้าข้างตัวเองมากเลย โดยเฉพาะบ้างหลังนี้...อย่าได้หวังเลยว่าใครจะช่วยเธอ
      “เมื่อกี้ชั้นได้ยินน่ะ ยัยเด็กนอกคอก อินังคนไม่รู้สำนึก!!!!” เสียงตะคอก ด่าแดกดันไปยังพิณ
      “แล้วตัวเองน่ะดีตายล่ะ” พิณสวนกลับ
      “เออใช่ ชั้นน่ะดีกว่าแกหลายร้อยเท่าแหละไม่เหมือนแกโง่ก็โง่แกน่ะมันไม่มีวันชนะชั้นได้หรอกอย่าสะเออะมาเปรียบเทียบกลับไปนั่งดูการ์ตูนปัญญาอ่อนของแกต่อไปเถอะ!!!”ร่างนั้นยังคงด่าพิณ แล้วใช้แขนทั้งสองที่ผิวเนียนขาวละเอียดปลายนิ้วเรียวยาวบีบไหล่ของพิณจนพิณปวดไปหมด
      “ยังไงชั้นก็เป็นลูกบ้านนี้อย่างแท้จริง ไม่ใช่ลูกนอกสายเลือดที่พ่วงมาด้วยแล้วมาทำสะเออะใหญ่โดยไม่ได้ดูกำพืดตัวเอง!!!”พิณเผลอสวนตะคอกกลับไปอย่างแรง มารู้ตัวอีกทีดวงตาแสนสวยสีดำเข้มตรงหน้าก็ฉายแววโกรธสุดๆ และแล้วฝ่ามือก็ปะทะกับแก้มของพิณอย่างแรง ครั้งแรกแล้วก็ตามด้วยครั้งที่สองครั้งที่สามแล้วก็ยังต่อด้วยครั้งที่สี่จนเธอเจ็บระบมไปหมดแถมยังมีเสียงสบถด่าไม่หยุด เล็บสวยๆจิกบนหัวแล้วก็ยีไปมาจนเธอล้มนอนลงนี่ถ้าไม่นั่งอยู่บนโซฟาอยู่แล้วเธอคงหัวกระแทกพื้นแน่ๆ
      ร่างนั้นยังคงตบตีเธอตอนนี้แสบไปทั้งตัวแล้วพยายามเอามือปัดป้องแต่ก็เท่านั้นรู้สึกว่าน้ำใสๆเริ่มรินไหลอาบข้างแก้มแต่แล้วร่างนั้นก็หยุดการกระทำทุกอย่างเหมือนนึกอะไรออก
      “...หึ ถ้าเกิดพ่อเธอมาเห็นสภาพเธอแบบนี้ชั้นแย่แน่แต่ชั้นว่าท่านก็คงไม่ได้สนอะไรเท่าไหร่หรอกเดือนๆนึงก็ไม่ค่อยได้เจอกันอยู่แล้ว...” แล้วเธอก็จากไป
      “คนพาลหาที่ระบายอารมณ์ไม่ได้รึไงเอาแต่ทำร้ายคนอื่นเค้าแบบนี้”พิณตะโกนไล่หลังไป ทำเอาดึงความสนใจจากร่างนั้นให้หันมา
        “ใครว่าเธอน่ะทำผิดมหันต์เลยน่ะยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ”
        “...เหรอ ชั้นทำผิดอะไร”พิณเริ่มตั้งตัวได้ค่อยๆเดินไปหาร่างนั้น
        “...ผิด...”ร่างนั้นกล่าว “ผิดสิ...ผิดที่เกิดมาไงล่ะ”
คำพูดคำเดียวเสียดแทงเธอไปทั้งหัวใจ “แล้วคนที่ไม่เคยสำนึกบุญคุณอย่างเธอเนี่ยคงประเสริฐมากเลยเนอะ”
    “ประเสริฐกว่าแกล่ะกัน”
        “มาว่าคนอื่นตัวเองล่ะ รู้เปล่าที่ตัวเองได้เรียนได้ที่นอนที่อยู่มีข้าวกินได้น่ะมันเพราะใคร...ที่แม่ยอมแต่งกะพ่อก็เพื่อให้พี่ได้เรียนไงแล้วรู้มั้ยเงื่อนไขของพ่อน่ะคืออะไร คุณปู่น่ะบอกว่าจะยกมรดกให้พ่อก็ต่อเมื่อพ่อแต่งงานแล้วและมีทายาทแล้วตั้งแต่พ่อของเธอตายไปแถมยังมีลูกเล็กๆอีกแม่คงหาเลี้ยงพวกเธอเองตามลำพังไม่ได้หรอกยังกลัวว่าพวกเธอจะไม่มีอนาคตเพราะไม่มีเงินด้วยแม่ก็เลยยอมแต่งงานกับพ่อแล้วก็มีชั้นขึ้นมาทุกอย่างก็เลยลงตัว...เป็นไงล่ะทีนี้ใครกันแน่ที่เป็นต้นเหตุที่แม่ต้องร้องไห้น่ะพี่สาว อ้อแล้วก็สำนึกบุญคุณซะด้วยน่ะนี่ถ้าไม่มีชั้นทุกคนก็คงไม่มีวันนี้หรอก”ทุกคำพูดที่พิณกล่าวไปเธอไม่ได้คิดเลยพอเริ่มรู้สึกตัวก็รู้แน่ว่าตัวเองแย่แน่
      ร่างแสนสวยนั้นหยิบไม้เรียวที่แม่มักใช้ตีเธอที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาแล้วหวดเธอไม่ยั้งอย่างแรงด้วยอารมณ์ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแล้วยังคงสบถด่าทอเธอต่างๆนานา แต่พิณก็พยายามเอามือปัดป้องไปแล้วพยายามหนีล้มลุกคลุกคลานไปจนถึงในห้องครัว
          เธอรู้สึกเจ็บแปล๊บกลางแสกหน้าไม่ใช่ครั้งเดียวความรู้สึกนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกตามใบหน้าของเธอรู้สึกมีของเหลวตามใบหน้าของเธอด้วยเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังไปทั่วห้องครัวเธอหนีแต่เจ็บไประบมไปหมด     
          แต่แล้วความเจ็บปวดก็กลับทวีคูณขึ้นเมื่อมีวัตถุแข็งๆตกใส่บนหัวเธอแล้วมันก็แตกเป็นเสี่ยงๆเห็นเป็นเศษกระเบื้องตกตามพื้นความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วเธอเอามือจับที่หัวพบว่ามีของเหลวสีแดงสดติดมาด้วยและของเหลวนั้นก็ไหลตามหน้าผากผ่านดวงตาทำเอาร่างตรงหน้าถึงกับผวา  ร่างบางยันตัวขึ้นหยิบมีดทำครัวจากที่เสียบมีดสะอาดๆสะท้อนใบหน้าของร่างตรงหน้าทอประกายแวววาว ร่างแสนสวยไม่รอช้าพยายามจะวิ่งหนีแต่มีมือมาฉุดรั้งไว้  หันไปมีดตรงหน้าก็เฉือนบาดแขนเธอความตระหนกเกิดขึ้นรีบผลักร่างบาง แล้ววิ่งหนีสุดชีวิต
    ขาทั้งสองวิ่งเร็วที่สุดในชีวิตกำลังจะไปถึงประตูแล้วแต่กลับสะดุดล้ม เห็นร่างบางเดินออกมาจากครัวตรงมาที่ตนเองในมือถือมีดทำครัวใบหน้าโชกไปด้วยเลือด เสียงฟ้าร้องดังสนั่นหวั่นไหว แสงจากฟ้าแลบส่องแสงแข่งกับดวงไฟในบ้านร่างบางนั้นค่อยเดินตรงมายังร่างบนพื้น ทำไมตอนนี้กลับรู้สึกไม่มีเรี่ยวแรงขยับไม่ได้  หนีสิหนียัยนี่มันบ้าไปแล้ว ภาพสุดท้ายเห็นยัยนั่นง้างมีดแล้วก็พุ่งลงมาที่ตัวเองภาพทั้งก็ดับมืดลง ความเจ็บแผ่ซ่านไปทั้งตัวครั้งแรกผ่านไปตามด้วยครั้งที่สองครั้งที่สามแล้วยังตามด้วยครั้งที่สี่อีกเสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดแข่งกับเสียงฟ้าร้อง
        ทันใดนั้นรู้สึกได้ว่าประตู...ประตูตรงหน้าเปิดออก...ใครกัน...แม่เหรอ แม่ใช่มั้ย...จริงๆด้วยได้ยินเสียงร้องของแม่ด้วยรู้สึกมีมืออันอบอุ่นมาโอบไหล่ตัวเองให้ลอยขึ้น เหมือนพระเจ้ามารับแล้วเลย...ได้ยินเสียงแม่เรียกชื่อตัวเองซ้ำๆ
        เพียะ เสียงฝ่ามือของพ่อตบบนใบหน้าของพิณที่ในมือยังถือมีดเป็นหลักฐานชัดเจนถึงสิ่งที่เกิดขึ้น “แกทำอะไรลงไป ห๊า!!!”เสียงพ่อตวาดใส่
        “นังเด็กนอกคอกชั้นไม่น่ามีแกเลยแกมันสารเลว ออกไปน่ะ!ออกไปให้พ้นจากบ้านนี้แล้วไม่ต้องกลับมาให้ชั้นเห็นหน้าอีก ไป๊!!!!!”เสียงแม่ตวาดพิณด้วยโทสะ
        พิณตกใจกับเสียงนั้นรู้แต่ว่าคงโดนไล่ออกจากบ้านแล้วขาทั้งสองขยับโดยไม่ต้องคิดวิ่งไปทางประตูเจอกับพายุโหมกระหน่ำลองหันกลับไปดูเห็นแม่กำลังร่ำไห้กอดร่างที่ชุ่มเลือดลูกสาวตัวเองเห็นพ่อเร่งรีบโทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือแล้วหันมามองตรงหน้าสายฝนโหมกระหน่ำรุนแรงจนต้นไม้ลู่ไปตามลมเอนไปมากจนสามารถล้มได้ทุกเมื่อถ้าแรงลมมากกว่านี้ พิณหันกลับไปมองเบื้องหลังอีกครั้งหันกลับมาเบื้องหน้าตัดสินใจวิ่งฝ่าสายฝนไปไม่รู้ด้วยซ้ำจะไปไหน ร่างกายก็เปียกชุ่มโชกทันทีหนาวก็หนาวในใจเริ่มนึกหา...มาน่า...
    ฉับพลันมีแสงเรืองรองส่องสว่างแยงตาพิณแสงนั่นที่มามาจากสวนพิณไม่รอช้าวิ่งไปหาต้นแสง แล้วก็ใช่...มาน่า...นั่นเอง
      “รู้สึกว่าเธอจะสร้างเรื่องขึ้นมาน่ะ...”...มาน่า...กล่าว
      เธอวิ่งฝ่าสายฝนมาเปียกก็เปียกลื่นก็ลื่นหนาวก็หนาวเหนื่อยก็เหนื่อยเธอไม่ได้ใส่รองเท้ามาด้วยเศษหญ้าติดเต็มเท้าเธอไปหมดเป็นที่หน้ารำคาญมากพบว่ามาน่านั่งอยู่ในศาลา เธอวิ่งเข้าไปนั่งในนั้นด้วยแต่ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากนอกศาลานักหรอกเปียกพอกัน
    “...มาน่า...ชั้นจะทำไงดี”พิณพูดทั้งน้ำตา
    “ฮื่อ นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของฝันร้ายน่ะที่เธอยืดเยื้อเล่นเกมเนี่ย...”
      พิณสะอื้นร้องไห้ “แล้วจะให้ชั้นทำยังไงล่ะ ชั้นจะไปอยู่ที่ไหน”
    “พิณ เรื่องแค่นี้ชั้นจัดการให้ง่ายดายอยู่แล้วน่า เธอก็รู้สำหรับชั้นเรื่องแค่นี้มันง่ายนิดเดียว...”
    แต่มีมีแสงไฟสว่างจ้าสีฟ้าสีแดงจากหน้าบ้านเห็นคนสวมชุดขาวตรงเข้าไปในบ้านไม่นานร่างของพี่บนเตียงก็ถูกเข็นขึ้นรถพยาบาลไปทั้งแม่ทั้งพ่อก็ตามเข้าไปในรถด้วยแล้วรถก็จากไปอย่างรวดเร็ว
      พิณมองตามรถไปหันกลับมาดูมีในมือก็รีบวางมีดบนโต๊ะ “เธอเองก็บาดเจ็บน่ะ...”มาน่ากล่าว
      “อือ”
      “มาเดี๋ยวชั้นรักษาให้...”พูดจบมาน่าก็ขยับเข้ามานั่งข้างพิณจนเบียดเธอ...มาน่า...ใช้มือที่ชายเสื้อคลุมจนมิดเปิดชายแขนเสื้ออีกข้างหนึ่งเผยให้เห็นมือแบบมนุษย์ธรรมดา มือนั้นแตะที่แผลบนหัวเธอก็ปรากฏแสงเรืองรองอ่อนๆความเจ็บปวดก็หายไป มือนั้นแตะที่แผลบนใบหน้าเธออีกแสงนั้นก็ปรากฏอีกความเจ็บก็ค่อยๆหายไปแต่พิณรู้สึกได้กลิ่นมะกอกหอมอ่อนๆโชยมาจากตัวของมาน่าแต่ที่ทึ่งไปกว่านั้นคือดูเหมือนภายใต้ผ้าคลุมนั่นที่เห็นเป็นแสงสว่างอ่อนๆ เธอเหมือนจะเห็นสันจมูก โหนกแก้มแม้แต่ดวงตาแต่เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น แต่ทุกส่วนก็เป็นคนธรรมดา นิ้วมือของมาน่าไล่ไปทั่วใบหน้าฝ่ามือที่อบอุ่นไปตามแผลต่างๆของร่างกายจนกลับคืนอย่างเดิม
   
      ร่างกายเริ่มอ่อนแรงกำลังตกอยู่ในห้วงแงความมืดมิดทุกอย่างเริ่มเห็นไม่ชัดมัวไปหมดสายลมอ่อนพัดต้องใบหน้าเย็นสบาย กำลังจมลงไปสู่ห้วงนิทรามากขึ้น...มากขึ้น  “พิณ!”เธอตื่นจากภวังค์ทันทีรู้สึกมีมือที่แข็งแกร่งจับแขนเธออยู่ใบหน้าตื่นตระหนกกับร่างตรงหน้า มาน่า น่ะเอง...
        “เป็นอะไรไปแค่จะมาปลุกทำไมตกใจขนาดนี้...”มาน่าพูดขึ้น
        ร่างกายที่ยังงุนงงกับสภาพแวดล้อมรู้สึกเหนื่อยหอบทั้งๆที่ไม่ได้ออกกำลังกาย แฮ่กๆๆ
        “นี่หิวรึยังจะทานข้าวเย็นเลยรึยัง คราวนี้จะให้ชั้นทำหรือเธอทำ...”
        พิณเริ่มจับเค้ามองไปที่มาน่าแต่คราวนี้ที่ใบหน้าที่ห่อด้วยผ้าลินินเว้นช่องว่างไว้เล็กน้อยกลับเป็นเพียงแสงสว่าง “มาน่าแอบดูชั้นเหรอ”
        “เฮ้ย ใครแอดดูเธอ!...”
        “ไม่ใช่มาน่าอ่ะแอบดูใจชั้นเมื่อกี้เหรอ”
        “อ่ะ...เอ๋อ...จะว่าไปก็ใช่นะ”
        พิณมองมาน่า
        “ก็ชั้นเป็นห่วงเธอนี่ เธอยังคงนึกถึงแต่เรื่องนั้น...”
        พิณมองมาน่าชั่วครู่ก็ปรากฏรอยยิ้มเล็กบนใบหน้า “มาน่าไม่เป็นไรหรอกก็ชั้นมีมาน่าคอยเป็นห่วงแบบนี้นี่ชั้นไม่ตายง่ายๆหรอก”
        มาน่าจ้องพิณ แล้วกล่าว “อือ งั้นวันนี้เดี๋ยวจะทำกับข้าวให้น่ะ ไปกันเหอะ....”
        “อือ”พิณตอบสั้น แล้วทั้งคู่ก็เดินเข้าไปในบ้าน
  ------------------------------------------------------------------------------------------------------------
//////อ่าเป็นไงกันมั่งน่อ ชอบก็โหวตมือใหม่อย่างอิชั้นหน่อยล่ะกัน/////////
 
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น