คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #59 : SP CHAOS - Shining Brightly
Special CHOAS - Shining Brightly
"สีเขียวสู้ ๆ"
"สีฟ้าสู้ตาย"
"สีเขียวไว้ลาย"
"สู้ตายสีฟ้า"
เสียงตะโกนจากกองเชียร์ดังลั่นรอบสนามบาสเกตบอล เมื่อเกมการแข่งขันชักเย่อรอบชิงชนะเลิศกำลังจะเริ่มขึ้น เด็กผู้ชายตัวเล็กในเสื้อยืดหลากสียืนล้อมรอบสนามพลางส่งเสียงเชียร์ตัวแทนสีตัวเองบ้าง เพื่อนตัวเองบ้างดังลั่น โดยไม่มีทีท่าว่าฝ่ายใดจะยอมแพ้กัน
แน่นอนว่าการแข่งขันแมตช์สำคัญอย่างรอบชิงชนะเลิศนี้ สมาชิกจากทั้งสองสีไม่พลาดที่จะเลือกเอาพี่ใหญ่ประจำแมตช์การแข่งขันมาบรรจุเป็นตัวจริงเกินครึ่ง ซึ่งก็คือนักเรียนชั้นป.3 พี่ใหญ่ของการแข่งขันระหว่างนักเรียนชั้นประถมต้นนั่นเอง
"พร้อมแล้ว ๆ" เสียงตะโกนจากเด็กชายตัวใหญ่ปลายแถวร้องบอกผู้ประจำตำแหน่งหน้าสุดในเสื้อยืดสีฟ้า ตามธรรมเนียม แรงเยอะอยู่หลัง ข่มขวัญอยู่หน้า ซึ่งดูเหมือนพลพรรคสีฟ้าจะตกลงใจให้เพื่อนที่บรรดาครูสาว ๆ โปรดปรานมากที่สุดในทีม (หรืออาจจะในชั้นป.3) เป็นผู้ครองตำแหน่งกองหน้า ประจันกับทัพนักกีฬาเสื้อเขียว ที่เวลานี้ยังตกลงกันไม่ได้ว่าจะให้ใครยืนตำแหน่งไหนดี
หลังเวลาผ่านไปนาทีกว่า ก็ดูเหมือนกลุ่มเด็กผู้ชายในเสื้อเขียวตองจะตกลงใจกันเสร็จ เสียงประสานมือร้องเฮลั่นสามทีดังขึ้น ก่อนทุกคนจะเข้าประจำที่ตามได้นัดหมาย ไม่มีอะไรผิดคาด เมื่อเด็กผู้ชายตัวใหญ่สุดรั้งตำแหน่งท้ายแถวตามธรรมเนียม จะมีก็แต่ทัพหน้าประจำสีเขียวเท่านั้น ที่ส่งเด็กชายหน้าตี๋ นัยน์ตากลมป๋อง เจ้าของจมูกแดง ๆ คล้ายคนถูกอาการหวัดเล่นงานนิดหน่อย มาประจำตำแหน่ง ผู้ข่มขวัญ ของทีม
เด็กชายหน้าตาสะอาดสะอ้านผู้ยึดตำแหน่งคนแรกสุดในทีมสีฟ้า ประสานสายตากับคู่แข่งเจ้าของดวงตากลมโตที่มายืนประจันอยู่ตรงหน้า ก่อนเสียงนกหวีดจากกรรมการจะดังขึ้น เป็นจุดเริ่มต้นของการแข่งขันแมตช์ดุเดือดนี้
เสียงตะโกนเชียร์จากผู้ชมเด็กชายล้วนดังก้องรอบขอบสนาม สลับกับเสียงอาจารย์สาว ๆ ที่กำลังสนุกกับเกมการแข่งขันสุดสูสีของคู่นี้อยู่ เพราะดูเหมือนว่าท้ายแถวของทั้ง 2 ฝ่ายจะแรงดีไม่มีตก เห็นได้จากผ้าสีแดงที่มัดไว้ตรงกลางเชือกนั้น จนถึงตอนนี้ก็ยังนิ่งสนิทอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน เพราะผู้แข่งจาก 2 สียังคงยึดยื้อไปมา แบบไม่มีใครยอมอ่อนข้อให้กัน
"เขียวสู้ ๆ!"
"ฟ้าสู้ ๆ!"
"เขียวสู้ ๆ!"
"ฟ้าสู้ ๆ!"
แถมท่าทางจะไม่ใช่นักกีฬาเท่านั้นที่แรงยังไม่หมด เพราะดูจากกองเชียร์ตัวน้อยก็แรงดีไม่มีตกเช่นเดียวกัน เด็กชายเจ้าของตำแหน่งหน้าสุดของนักกีฬาทีมสีฟ้ายกข้อมือขึ้นเช็ดเหงื่อบนขมับตนเองเบา ๆ ด้วยอาการเพลียแดด ผิดกับเจ้าของผิวขาวท้าแสงอาทิตย์ในเสื้อเขียวฝั่งตรงข้ามซึ่งยังดูสบาย ๆ อยู่ ติดก็แต่ว่าคล้ายมีอาการผิดปกติบางอย่างกำลังเกิดขึ้นกับเจ้าตัวเท่านั้น
"ฮ...ฮ...ฮัด...ฮัด..."
เด็กชายเสื้อฟ้าเริ่มสังเกตเห็นอาการไม่ค่อยดีของเพื่อนคู่แข่งชัดเจน เมื่อดวงตาสีดำขลับมองเห็นคิ้วเส้นบางของคู่แข่งตรงหน้าค่อย ๆ ขมวดหากัน ซ้ำจมูกแดง ๆ ของเจ้านั่นยังขยับไปมาอีก เหมือนไม่มีสมาธิสนใจการแข่งขันเท่าที่ควรอย่างไงอย่างงั้น
"ฮ...ฮ...ฮ...ฮัด..."
คราวนี้ดวงตากลมภายใต้หนังตาครึ่งชั้นเริ่มหยีเข้าหากัน ก่อนริมฝีปากแดงจัดจะเบะออก ด้วยท่าทางทั้งหมดที่เห็นนั่น ส่งผลให้เด็กชายคนหน้าสุดของทีมสีฟ้าลืมสนใจเกมการแข่งขันไปครู่หนึ่ง
"ฮัดเช้ย!!!"
เสียงจามดังสนั่นลั่นสนาม เมื่อริมฝีปากแดงจัดพอ ๆ กับปลายจมูกส่งเสียงร้องออกมาดังลั่น ซ้ำยังเผลอปล่อยมือจากเชือกอีก เป็นเหตุให้คนอื่น ๆ ที่ตกใจเสียงประหลาดพากันปล่อยมือจากเชือก จนหกล้มระเนระนาดไม่เป็นท่าไปด้วย
"โอ๊ยยย!"
เหล่านักกีฬาตัวเล็กบ้างใหญ่บ้างในสนามส่งเสียงร้องระงม โดยเฉพาะตัวต้นเหตุที่ท่าทางอาการหนักกว่าใครเพื่อน เพราะหัวเข่าขาว ๆ ล้มลงครูดกับพื้นสนามจนเป็นแผลถลอก เดือดร้อนคุณครูกรรมการต้องวิ่งกรูมาดูให้วุ่น
"เอาไปทำแผลที่ห้องพยาบาลหน่อยซิ!" มาสเซอร์วิชาพละผิวคล้ำแดดสรุปหลังจากประเมินแผลบนหัวเข่าเจ้าเด็กตี๋ตรงหน้าเสร็จ ติดแต่ริมฝีปากแดงของคนเจ็บยังคงร้องจ้าประท้วงไม่ยอมหยุด
"ไม่ไปอ้า! ไม่เจ็บซะหน่อย!!!" เลือดออกขนาดนั้นยังกล้าพูด เห็นดังนั้นครูพละจึงได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอาใจ
"ไม่เจ็บก็ต้องไป เดี๋ยวเป็นแผลเป็น"
"ไม่เอาอ้า!!!" แต่เสียงเล็กนั้นยังโวยวายอยู่กลางสนามอย่างไม่มีทีท่าเหน็ดเหนื่อย จนครูพละอย่างมาสเซอร์สุวัฒน์ไม่รู้ควรทำอย่างไร นอกจากปล่อยให้มันงอแงไป กระทั่งมีเสียงเด็กชายอีกคนแทรกเข้ามา
"นี่ ไปกับเราก็ได้ เราก็จะไปห้องพยาบาลเหมือนกัน"
"หื้ม?" คิ้วบางของคนที่เคยโวยวายอยู่ขมวดมุ่นเมื่อเห็นผู้มายืนตรงหน้าคือคู่แข่งจากทีมตรงข้ามที่เพิ่งจ้องตากันเมื่อกี้ เด็กชายเสื้อเขียวขมวดคิ้วมองอีกฝ่ายในเสื้อยืดทีมสีฟ้าที่มายืนตรงหน้าเขาอย่างงง ๆ แต่เมื่อไล่สายตามองเรื่อย ๆ ก็ถึงบางอ้อ เพราะหัวเข่าเจ้านั่นก็มีแผลถลอกเช่นเดียวกัน
แถมเจ้าของใบหน้าสะอาดสะอ้านไม่พูดเปล่า ยังส่งยิ้มพร้อมยื่นมือมาให้คนเจ็บได้จับอีก เจ้าเสื้อเขียวมองการกระทำทั้งหมดนั่นด้วยความลังเล
"ไปด้วยกันนะ"
ครั้งนี้ฝ่ามือขาวยอมให้เพื่อนเสื้อฟ้าพยุงไปห้องพยาบาลแต่โดยดี
***
"อะ มากันครบรึยัง ถ้าไม่ครบก็ไม่รอแล้วนะ ครูจะเริ่มประชุมนักแสดงในละครวันงานภาษาไทยปีนี้แล้ว" เสียงอาจารย์หญิงมีอายุท่าทางเฮี้ยบคนหนึ่งดังขึ้นขณะเคาะปึกชีทลงบนโต๊ะประชุมเบา ๆ
รองเท้าส้นสูงไล่เวียนแจกชีทบทละครทั่วห้อง กระทั่งมาหยุดตรงหน้าเด็กชายท่าทางสุภาพคนหนึ่ง
"ปุณณ์ ป.5 มีเธอเป็นตัวแทนคนเดียวเหรอ"
"เอ่อ..." แต่ยังไม่ทันที่เขาจะตอบอะไรออกไป เสียงคนผลุนผลันเปิดประตูห้องก็ดังขึ้นขัดจังหวะก่อน
"ขอโทษครับที่มาสาย! แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก..." เด็กชายตัวขาว ท่าทางล้งเล้ง ชายเสื้อหลุดลุ่ยยืนยกมือไหว้อาจารย์พลางหอบแฮ่กตรงกรอบประตูห้องอยู่ จนอาจารย์หญิงต้องตวัดสายตาคาดโทษไปให้ แต่สุดท้ายก็ยอมพยักหน้าอนุญาตให้ศิษย์ตัวแสบเข้ามาในห้องแต่โดยดี
"เฮ้ย ขอบใจที่จองที่ให้!" คนมาใหม่ยิ้มร่าขณะพุ่งไปนั่งเก้าอี้ข้างเพื่อนร่วมชั้นทันที แม้เขาจะไม่สนิทกับอีกฝ่ายเท่าไหร่ แต่เพราะอยู่ในรั้วโรงเรียนเดียวกันมา 5 ปี ทำให้พอจะเคยคุยกันอยู่บ้าง ไม่มากก็น้อย
"อะนี่ เราเก็บบทไว้ให้ โน่ทำไมมาช้าอะ"
"เฮ้ยยย ขอบใจอีกรอบ เราทำเวรอะ นี่หนีมาก่อนนะเนี่ย กลับไปโดนโอมบ่นแหง" ริมฝีปากแดงนั้นทั้งตอบทั้งบ่น ขณะกวาดลูกตากลมสีดำไปทั่วแผ่นกระดาษที่เพิ่งรับมา
"โอ้โฮ บทไรเนี้ย! เสด็จให้มาทูลถามเสด็จว่าเสด็จจะเสด็จหรือไม่เสด็จ ถ้าเสด็จจะเสด็จเสด็จก็จะเสด็จ แต่ถ้าเสด็จไม่เสด็จเสด็จก็จะไม่เสด็จ จะบ้าตายยย พูดให้มันเป็นภาษาคนกว่านี้หน่อยไม่ได้รึไง!" เสียงแหลมนั่นบ่นล้งเล้งจนเพื่อนข้าง ๆ ต้องเอื้อมมือไปปิดปากแดง ๆ ที่ช่างพูดอยู่ได้ตลอดเวลาเป็นการด่วน แต่ไม่ไวกว่าอาจารย์คนเดิมที่ส่งสายตาดุ ๆ มาอีกแล้ว
ปุณณ์คลี่ยิ้มให้อาจารย์แหะ ๆ ก่อนจะกระซิบเพื่อนร่วมชั้นลอดไรฟันเบา ๆ "อย่าบ่นดังซี่"
"อื้อ ๆ" เสียงที่เคยบ่นเมื่อกี้ตอบรับแข็งขัน "โทษที" โน่กระซิบตอบพลางผงกหัวขอโทษอาจารย์อย่างเกร็ง ๆ
"ของเราก็ยากเหมือนกัน" เด็กชายปุณณ์พูดต่อขณะกลับไปพลิกกระดาษเช็กบทตนเองไปมา ดวงตาคมเหลือบมองเพื่อนร่วมชั้นที่นั่งเกาหัวเหม่ง ๆ อยู่ข้างเขาแล้วก็ต้องอมยิ้ม
"โน่จะไปซ้อมท่องบทกับเราไหมล่ะ ตอนพักกลางวัน" ด้วยคำพูดนี้ เรียกให้หัวคิ้วที่กำลังขมวดมุ่นของคนมาใหม่ให้เลิกสูงทันที
"จริงปะ!"
"อือ"
"ไป ๆๆ ขอบใจนะ! วันนี้เราขอบใจปุณณ์มากี่รอบแล้วอะ" ดวงตาโตนั้นฉายแววดีใจอย่างเห็นได้ชัด
ปุณณ์หัวเราะเบา ๆ "ไม่ได้นับอะ ฮะ ๆๆ งั้นพรุ่งนี้เจอกันตอนเที่ยง"
"อื้อ!"
***
"โอ๊ยเชี่ยเก๋ง! มึงลากกูมาทำไมเนี้ยยย น่าเบื่อฉิบหาย พูดคำหยาบก็ไม่ได้ แม่ง ๆๆ" เสียงแตกหนุ่มที่กำลังโวยวายของเจ้าหัวเกรียนปากแดงดังแหวขึ้นท่ามกลางทำนองดนตรีฟังสบายที่เปิดคลออยู่บริเวณสนามหญ้า ซึ่งวันนี้ถูกเนรมิตเป็นสถานที่จัดงานครบรอบวันเกิดปีที่ 15 ของลูกชายคนโตเจ้าของบ้าน
แน่นอนว่ากบาลเหม่ง ๆ ของคนขี้โวยวาย ไม่รอดพ้นฝ่ามือพิฆาตจากเจ้าของชื่อ รถเก๋ง ไปได้
"รู้ว่าพูดไม่ได้แล้วเสือกพูดเสียงดังเพื่อ! เอ้า เอาไปแดก หาอะไรยัดปากซะจะได้ไม่เป็นบ้า" เด็กชายตัวผอมว่าพลางผลักจานของกินตรงหน้า ยกให้เพื่อนตัวแสบแต่โดยดี
เสียงหน่วยปราบเกรียนยังคงบ่นต่อ "ก็เห็นมึงรู้จักไอ้ปุณณ์นี่หว่า บ้านก็ใกล้ เลยไปชวนมา" ขณะที่คนฟังเงียบไปนานแล้ว เพราะกำลังง่วนกับการสวาปามกุ้งระเบิดตรงหน้าให้หมดภายในเวลาไม่ถึงนาที
โน่รีบเคี้ยวรีบกลืน ก่อนจะคว้าแก้วน้ำมาดื่มตามอึกใหญ่ "ก็ไม่ได้สนิทไรมากมายนี่หว่า เออ กูไปละ! มึงอยู่ต่อใช่ปะ กูกลับไปเล่นเกมดีกว่า"
"เฮ้ย! แดกอิ่มก็ชิ่งเลยนะสัด"
"เออ นี่แหละสันดานกู ไปก่อนเว้ย! เจอกัน" เจ้าตัวดีว่าพลางยืนขึ้นอย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะโบกมือลาทั้งรถเก๋งและเพื่อนคนอื่น ๆ ที่พอรู้จักกันนิดหน่อย แล้วพาตัวเองออกจากรั้วบ้านหลังใหญ่ไป
"อ้าวเก๋ง โน่อะ เห็นมาด้วยกันไม่ใช่เหรอ" แต่เพียงคล้อยหลังไอ้ตัวดีไปยังไม่ถึงนาที เสียงทุ้มของเจ้าภาพก็ดันถามหาคนที่เพิ่งจากไปเมื่อกี้เสียก่อน
"มันเพิ่งกลับไปเมื่อกี้เองปุณณ์ มีไรกับมันป่าว"
"อ้าววว" แถมท่าทางเจ้างานจะตกใจน่าดู เห็นดังนั้นรถเก๋งจึบรีบพูดต่อให้
"โน่นเลย ถ้ามีไรมึงรีบวิ่งตามไปเลย มันเพิ่งไปเอง รับรองตามทัน"
"ขอบใจนะ" ปุณณ์รับคำทั้งรอยยิ้มก่อนจะรีบวิ่งออกไป
ท่ามกลางความมืดมิดของเวลากลางดึก มีเพียงแสงจากไฟนีออนเท่านั้นที่ส่องกระทบพื้นถนนร้างผู้คนในซอยแคบ
โน่ไล่ฝีเท้าตามทางเดินที่พอรู้จักดี พลางมองหารถมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปด้วย แม้สองหูจะยังคงได้ยินเสียงเพลงดังแว่วจากบ้านที่เพิ่งจากมาก็ตาม
ตึก ตึก ตึก
"โน่! โน่!"
เสียงใครวะ เจ้าของชื่อที่ถูกเรียกคิด ก่อนจะหันกลับไปเพื่อพบว่าคนวิ่งเรียกชื่อเขาตามมาจากด้านหลัง คือเจ้าของงานวันเกิดที่เพิ่งหนีออกมานั่นเอง
"ปุณณ์? ว่าไงวะ" โน่หยุดฝีเท้ารอจนอีกฝ่ายวิ่งมาใกล้ ให้ปุณณ์ได้หยุดหอบหายใจเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ
"กลับเร็วจัง ไม่สนุกเหรอ ขอโทษนะ"
"เฮ้ย!" ถึงจะเป็นความจริง แต่ให้บอกตรง ๆ ก็น่าสงสารเจ้าของงานแย่ "เปล่าาา ม้าโทรตามอะเลยต้องรีบกลับ โทษทีนะ อยู่จนจบไม่ได้อะ" ดังนั้นเด็กชายหน้าตี๋จึงรีบกระทำการ ตอแหล พลางตบลงบนบ่าเพื่อนห่าง ๆ ที่ใคร ๆ ก็ขนานนามว่า หล่อ อย่างสำนึกผิดในที
ปุณณ์คลี่ยิ้มอย่างโล่งใจ "งั้นเราไปส่งมั้ย เพิ่งรู้ว่าบ้านโน่ก็อยู่แถวนี้"
"ไม่เป็นไร กลับเองสบายมาก" ไอ้หน้าตี๋ยิ้มเผล่ ก่อนจะทำสุ้มเสียงเจ้าเล่ห์ "เจ้าของงานหายตัวนาน ๆ ได้ไงวะ สาว ๆ เหงาแย่ หึหึหึ" เนื่องจากเห็นได้ชัดว่าในงานวันเกิดมีสาว ๆ จากคอนแวนต์มาแจมด้วยหลายคน จนคนถูกแซวได้แต่ยิ้มเขิน ก่อนโน่จะใช้ศอกตัวเองกระทุ้งแขนเพื่อนหน้าหล่ออีกสองสามที
"กูชอบคนชุดชมพูอะ แนะนำบ้างดิ"
"ฮะ ๆๆ ได้ ๆ" คนฟังรับคำทั้งรอยยิ้มจนตาหยี เมื่อเห็นดังนั้นโน่จึงยิ้มออกมาบ้าง
"ไปก่อนนะ"
"อื้อ กลับดี ๆ นะครับโน่"
"จะพยายาม หึหึ" เด็กชายรับปากก่อนจะหันหลังเพื่อเดินไปตามทางที่ตั้งใจไว้แต่แรก แต่ก็ดูเหมือนเพิ่งคิดอะไรออกบางอย่าง จึงหันกลับมาใหม่
"เฮ้ยปุณณ์!" แถมยังตะโกนซะดังเพราะคิดว่าเจ้าตัวเดินกลับแล้ว ที่ไหนได้ ปุณณ์ยังคงอยู่ที่เดิม ไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน เห็นดังนั้นเจ้าของใบหน้าขาวจึงได้แต่เกาหัวตัวเองแก้เก้อ
"Happy Birthday นะเว้ย"
โน่พูดไปทั้งที่ไม่คาดคิดด้วยซ้ำ ว่าสิ่งที่ได้รับกลับมาจะเป็นรอยยิ้มกว้างจากปุณณ์ถึงเพียงนั้น แม้เจ้าของใบหน้าคมจะทำเหมือนไม่เชื่อหูตัวเองในตอนแรก แต่รอยยิ้มกว้างในเวลาถัดมาก็เรียกเอารอยยิ้มกว้างขวางจากคนพูดกลับไปได้เช่นเดียวกัน
"ไม่มีของขวัญอะ โทษที" โน่อ้อมแอ้มแก้ตัวอีก ขณะที่ปุณณ์ส่ายหัวตอบ
"ไม่เป็นไร โน่มาเราก็ดีใจแล้ว" อืม เป็นหน้าที่เจ้าภาพงานต้องพูดกับแขกใช่ปะ เด็กชายหัวเกรียนคิดแต่ก็ยิ้มกลับ
"บาย"
ฝ่ามือขาวถูกโบกเหนือหัวเป็นการอำลา ก่อนเจ้าของมือข้างนั้นจะเดินจากไป
ในวันนั้น โน่ไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสกลับมาบ้านนี้อีกครั้ง และไม่สามารถหันหลังให้ปุณณ์ได้อีก
- FIN -
Postscript : ง้ะ.... ขอคั่นเวลาด้วยเรื่องราวในวัยเด็ก (ฮา ๆ เอาของเก่ามาหากินเหรอเมิงง) ไม่ได้เขียนแบบ God view มานานแล้วววว (ตั้งแต่เขียนเรื่องนี้แหละ) รู้สึกเกร็ง ๆ ง่ะ 5555+
ตอนที่ 51 ขอเวลาปั่นนะจ๊ะ ^___^ จะพยายามมาให้เร็วที่สุดเน้อ (ขอบิ้วก่อน)
ปล. ตอบคอมเม้นยังไงดีเนี่ย มึน @___@ ขอเวลาแป๊บนะจ๊ะ 555
ความคิดเห็น