ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    LOVE SICK : ชุลมุนหนุ่มกางเกงน้ำเงิน [YAOI]

    ลำดับตอนที่ #80 : 64th CHAOS - There will be...

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 29.24K
      110
      7 เม.ย. 63

    64rd CHAOS - There will be...
     

    เวลาเริ่มล่วงเลยดึกขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับอากาศที่เย็นลงทุกที จนถึงตอนนี้พวกบนเวทีก็ยังแย่งไมค์กันร้องเพลงไม่ยอมหยุดเลยครับ สงสัยเป็นเพราะนี่คือคืนสุดท้ายของค่ายแล้วเลยเอาซะสุดเหวี่ยง แต่ก็มีบางคนที่ง่วงจนทนไม่ไหว ขึ้นไปนอนก่อนแล้วเหมือนกัน เพราะเมื่อกี้ผมเพิ่งขึ้นไปเอาของในห้องนอนมา เห็นมีคนตั้งวงไพ่อยู่ในห้องหลายวง (อยากแจมใจจะขาด) รวมถึงอีกหลาย ๆ คนที่หมกตัวอยู่ในห้องพัสดุค่ายด้วย ต่างกำลังก้มหน้าก้มตาเขียนสมุดค่ายเป็นที่ระลึกให้เพื่อนร่วมค่ายกันยกใหญ่ : )

    ส่วนพวกผมน่ะเหรอ ก็ทำอะไรวะ ก็ยังนั่งไร้สาระอยู่ข้างล่างอะ เมื่อกี้เดินไปเข้าห้องน้ำกับไอ้ปาล์ม (คนตายแล้วทั้งคู่) แม่งเสือกเจอตุ๊กแกตัวเท่าท่อนแขน! ทำเอาผมกับไอ้ปาล์มแหกปากลั่นจนเสียงหลง ทำเอาบรรดาไอ้โอม เอิ้น พีท โจ๊ก นันท์ พ้ง ปุณณ์ วิ่งกรูเข้ามาแทบไม่ทันเพราะนึกว่าพวกผมเจอผี (ไม่ก็ถูกฆ่า) แต่ที่กูกลัวมันสยองน้อยกว่าผี(และมีดโจร)ตรงไหนวะ!!! ตัวเท่าท่อนแขนเลยจริง ๆ นะมึง!! ตางี้แดงแจ๋ อี๋...เกิดมาไม่เคยเจอตุ๊กแกในระยะประชิดขนาดนี้มาก่อนครับ จะเป็นลมมม

    แล้วผมกับไอ้ปาล์มก็โดนล้อเป็นระยะเวลา 2 ชั่วโมงโดยปริยาย (เออ เอาให้พอใจ) ก่อนเราจะตั้งวงเล่นไพ่ตีแตกกัน โดยเขียนสมุดค่ายให้ชาวค่ายคนอื่น ๆ ไปด้วย

    ระหว่างกำลังรอนันท์ตัดสินใจอยู่นั้นว่าจะถังแตกดีหรือไม่ ปุณณ์ก็เอี้ยวตัวมาถามผมที่กำลังเขียนสมุดค่ายให้สาวสวยซึ่งเป็นเพื่อนร่วมค่ายคนหนึ่งอยู่ (อิอิ ยังกับลานสารภาพรักครับสมุดค่ายเนี่ย)  "เฮ้ย เมื่อหัวค่ำอะ ไปไหนมา"

    ผมมองหน้ามันอย่างไม่ค่อยเข้าใจ  "อะไร งง"

    "ก็..."  มันขมวดคิ้วทำหน้าหงุดหงิดก่อนจะหันไปโห่นันท์ (ที่ถังแตกจริง ๆ ฮ่า ๆๆ) แล้วกลับมาคุยกับผมต่อ  "ก็ที่มึงไปกับผู้หญิงคอนแวนต์คนนั้นอะ"

    "เค้าชื่อจิ๊ด"  อย่าบอกนะว่าตอนกลางวันชวนเขาคุยเป็นวรรคเป็นเวรแต่จำชื่อไม่ได้น่ะ ไอ้กะล่อนเอ๊ย

    มันพยักหน้ารับแบบขอไปที  "เออนั่นแหละ ไปทำไร"

    "ไปเป็นเพื่อนเค้าล้างจาน"  ผมตอบสั้น ๆ ไม่ค่อยอยากพูดอะไรมากเพราะไม่รู้จะพูดทำไม บอกละเอียดไปไอ้ขี้คิดมากนี่ก็คงไม่สบายใจซะเปล่า ๆ

    ปุณณ์พยักหน้ารับ แล้วโยกตัวกลับไปนั่งหลังตรงดูไพ่ในมือตามเดิม  "ใจดีเนอะมึงอะ"  แต่ยังไม่วายแขวะกูอีก ห่านี่

    "ก็เหมือนมึงไง ใจดีไปล้างจานเป็นเพื่อนกู"

    "เพราะกูรักมึงต่างหาก"

    "แต่กูมีน้ำใจโดยสันดาน"  ต่อล้อต่อเถียงแบบนี้เลยโดนมันโบกเข้าให้ครับ ฮ่า ๆ ไอ้ปุณณ์ส่ายหัวขำผมก่อนจะปิดประเด็นไป เพราะไพ่วนมาถึงมือมันพอดี ได้เวลาถังแตกแล้วสิมึง หึหึหึ

    ผมนั่งมองปุณณ์ที่กำลังขบคิดอยู่ว่าจะทำไงกับไพ่ในมือดีพลางกลับไปคิดถึงเรื่องที่จิ๊ดถามเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน...

    ผมไม่รู้ว่าความรักของพวกเราถูกคนอื่นนิยามไว้ว่าอย่างไร แต่ผมรู้ว่าเราสนุก ที่ได้เป็นทั้งเพื่อนและคนรักกัน

    ผมดีใจที่เป็นแบบนั้น

    ผมดีใจที่มีปุณณ์ : )

     

    ***
     

    และแล้วเวลานอนก็มาถึง พวกผมก็เดิม ๆ อะครับ นอนกันเป็นพวกสุดท้ายตลอด มิน่าตอนเล่นไพ่อยู่ข้างล่างถึงรู้สึกว่าเงียบ ๆ ร้างผู้คนแปลก ๆ ที่ไหนได้เขาขึ้นมานอนกันหมดแล้วนี่หว่า เหลือแต่พวกผมเนี่ย นั่งตีไพ่แตกไม่แตกกันอยู่ได้ (หมดตูดเลย แม่งงง)

    ก่อนขึ้นตึกนอน เอิ้นเดินมาหาผมกับปุณณ์ที่กำลังจะไปนอนกันอยู่แล้ว แต่เพราะเห็นสีหน้าค่อนข้างจริงจังจากเอิ้น พวกผมจึงยอมหยุดคุยด้วยแต่โดยดี (ส่วนบรรดาเหี้ยปากหมาทั้งหลายที่เดินไปก่อนยังไม่วายหันมาแซวว่าเดี๋ยวจะหายาแดงมาทำแผลให้ ถ้าเกิดกรณีพิพาทแย่งตัวผมขึ้นมา ห่า ปากนะมึง)

    แต่จริง ๆ พวกมันก็แค่แซวไปงั้น ๆ อะครับ เพราะเอิ้นไม่ใช่คนอย่างนั้นสักหน่อย (รึเปล่าวะ) เอิ้นแค่มาขอโทษปุณณ์เรื่องเกมนั้นที่ทำให้พวกผมทำสงครามเย็นกันเกือบ 2 วัน (จริง ๆ ก็ไม่เป็นไรหรอกนะ สนุกดี) แน่นอนว่าไอ้พ่อพระทำตัวเป็นคนดีสุด ๆ มันรีบตบไหล่เอิ้นแล้วบอกไม่เป็นไร มันเข้าใจ แต่ยังไม่วายหันมากัดผมต่อซึ่ง ๆ หน้า  "จะอีกกี่ทีโน่ก็ไม่ว่าอยู่แล้วนี่"  -วยเหอะ กูทำจริงแล้วมึงจะหนาว (หึหึหึ)

    แล้วก็ด้วยความที่ไอ้เอิ้นมันเป็นคนดีอะครับ เลยไม่รู้เท่าทันพวกเจ้าเล่ห์อย่างไอ้ปุณณ์ ผมคิดแล้วว่ามันมีกลิ่นแปลก ๆ ทะแม่ง ๆ ตอนที่เอิ้นยกมือไหว้ขอโทษขอโพยเราอีกรอบแล้วปุณณ์บอกว่า ถ้าอยากให้หายโกรธต้องแลกด้วยอะไรอย่างหนึ่ง ตอนนั้นผมคิดว่ามันจะไปต่อยกันจริง ๆ อย่างที่ไอ้โอมแซวรึเปล่าวะ (แอบระแวง) แต่หลังจากรอมันสองคนที่เดินหายไปไหนไม่รู้พักใหญ่กว่าจะกลับมาได้ ผมก็พบว่า...

    ป้ายชื่อไอ้เอิ้นแหว่งเรียบร้อย

    ก๊ากกก เหี้ยแล้วมึง มึงกล้าฆ่าประธานเชียร์ ระวังเจอกองร้อยเตะสลบ ผมยืนขำไอ้เอิ้นจนท้องแข็งตอนที่มันพูดว่า  "กูไม่ถามแล้วว่าโน่ตายได้ไง แม่ง"  ฮ่า ๆๆ กูเข้าใจอารมณ์(เซ็ง)

    และแน่นอนว่ากว่าพวกเราจะกลับขึ้นห้องนอน ไฟก็ปิดมืดเรียบร้อยแล้ว เอิ้น ปุณณ์ ผม ค่อย ๆ ย่องเข้าไปในห้องอย่างระมัดระวัง เพราะทุกคนหลับกันหมด แถมยังนอนกระจัดกระจายเกลื่อนกลาดอีก ผมบอกราตรีสวัสดิ์เอิ้น ก่อนจะเดินข้ามตัวพีทไปลงหลุมกลางระหว่างมันกับโอม แล้วก็คิดว่าได้เวลานอนฝันดีซักที

    แต่ยังไม่ทันจะเริ่มฝันสักเรื่อง ก็มีเงาประหลาดลึกลับมาแทรกกลางระหว่างผมกับพีทก่อน! เฮ้ย เหตุการณ์นี้มันคุ้น ๆ ผมหรี่ตามองหน้าไอ้เลขาสภาฯ ที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แทรกตัวลงมาอย่างไม่สะทก

    "เมื่อคืนก็มึงใช่มะ"  ผมด่ามันลอดไรฟัน เห็นในความมืดว่าคู่สนทนากำลังปั้นหน้ากวนตีนฉิบหาย

    "มั้ง"  มันตอบแค่นั้นก่อนจะบิดขี้เกียจแล้วสอดแขนมาใต้หัวผม เพื่อให้ใช้หนุนแทนหมอน ผมส่ายหัวหน่าย ๆ แต่ก็ยอมหนุนแขนมันโดยดี

    "เจอกันในฝันนะ ฝันดีครับ"  ปุณณ์กระซิบเสียงเบาก่อนจะดึงผมมากอดและประทับจูบบนหน้าผากแผ่ว ๆ ผมหลุดขำนิดหนึ่งเพราะรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นน้องมันอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็วาดวงแขนกอดกลับ

    จริง ๆ ไม่เห็นจำเป็นต้องอวยพรแบบนี้เลย

    ผมฝันดีทุกคืนที่มีปุณณ์อยู่แล้ว =]

     

    แต่ก็ว่าตอนนอนนอนท่านั้นนะ ทำไมตอนเช้าตื่นมาถึงกลายเป็นว่า ผมกำลังก่ายไอ้โอมไปซะฉิบ!  "เชี่ยโน่ ขามึงหนัก เอาออกปาย"  เสียงเชี่ยโอมงึมงำ ๆ ด่าผมตอนแดดแสงเริ่มส่องมาทางหน้าต่าง แต่อากาศร้อน ๆ แบบนี้ได้ก่ายคนตัวเย็น ๆ อย่างไอ้โอมมันสบายดีนี่หว่า (โอมมันเป็นพวกตัวเย็นครับ ไม่รู้ทำไม ผมเลยชอบนอนก่ายมันเวลาร้อน ๆ มากเลย) ผมลืมตาขึ้นข้างหนึ่งเห็นไอ้ปุณณ์ยังนอนข้างผมอยู่ไม่ได้ลุกไปไหน เพียงแต่ตอนนี้เราดิ้นออกจากกันคนละทิศ (เพราะชักร้อน) เห็นดังนั้นผมจึงบิดขี้เกียจแล้วพาดแขนทับหน้าไอ้โอมแม่งอีกทีไม่ให้มันพูดมาก

    งั่ม!

    "โอ๊ยยย!"  ไอ้เหี้ย คนหรือหมา! ผมตื่นเต็มตาเพราะเชี่ยโอมฝังเขี้ยวบนแขนผมเต็มแรง จนผมต้องศอกคางมันไปทีนึงเพราะตกใจ

    "โอ๊ย เชี่ยโน่! กูกัดลิ้นตัวเองเลยสัด!"  ก็มึงกัดแขนกูก่อนอะ เหี้ย! ผมกระเด้งขึ้นมาตาสว่างเพราะฤทธิ์ไอ้หมาบ้าที่ชื่อโอม ทำเอาคนอื่น ๆ ในห้องสะลึมสะลือตื่นกันไปด้วยเพราะเสียงโวยวายของผมกับมัน

    "แม่งก่ายกูแล้วยังมาทำร้ายร่างกายกูอีก ปากเจ่อเลย"  มันบ่นงึมงำพลางเกาคอตัวเอง ก่อนจะเหลือบเห็นไอ้คนที่โผล่มานอนข้างผมแบบผิดปกติ

    "นั่นแน่ะ!"  เสียงเหี้ยไรของมึง! ผมเหล่มองไอ้โอมที่เริ่มทำหน้าไม่สมควรไว้วางใจ

    "กกกันในค่ายเลยเหรอ เปิดเผยไปเปล่าหนุ่มน้อย กิ๊ว ๆๆ"  ห่า กกเชี่ยไร นอนห่างกันเป็นโยชน์งี้ เพราะตอนนี้ไอ้ปุณณ์มันกลิ้งไปนอนติดกับพีทเรียบร้อยแล้วครับ สงสัยร้อนพอกัน งี้แหละนะ นอนใกล้หนุ่มฮอตอย่างผมมันก็ร้อนนิดนึง อิอิ

    ผมโบกหัวไอ้โอมไปทีโทษฐานพูดจาไม่เข้าหู ก่อนจะคว้าผ้าขนหนูผืนเล็กมาพาดคอไว้ กะว่าจะออกไปล้างหน้าแปรงฟันสักหน่อย (ส่วนไอ้โอมล้มลงไปนอนต่อเรียบร้อยแล้วครับ โคตรขี้เกียจ) แต่เพราะกระเป๋าผมตั้งอยู่ใกล้ ๆ บริเวณหัวปุณณ์ มันเลยตื่นด้วยอีกคน  "จะไปไหนอะ"  แถมตื่นมาก็เจ้าปัญหาเลยว่ะ

    "ล้างหน้าแปรงฟัน"

    "ไปด้วยย ฮ้าว..."  ไหวปะเนี่ยมึง ผมนั่งรอไอ้ปุณณ์ค่อย ๆ บิดขี้เกียจซ้ายทีขวาที ก่อนมันจะเดินไปหยิบผ้าขนหนูและอุปกรณ์ล้างหน้าแปรงฟันมาเตรียมไปพร้อมกัน

     

    เราสองคนเดินลงมาข้างล่าง หมายจะมุ่งหน้าไปยังห้องอาบน้ำ แต่ก็เจอรุ่นพี่สตาฟค่ายหลายคนที่ตื่นแล้วกำลังเตรียมข้าวเช้าให้พวกเราอยู่

    ผมผงกหัวทักทายพี่ทุกคน และยิ้มรับไมตรีที่พวกเค้าชวนเรากินข้าวต้มกันอย่างครึกครื้น แต่จะให้อมขี้ฟันไปกินตอนนี้ก็ใช่ที่อะครับ รอแปรงฟันเสร็จเมื่อไหร่เหอะ ใครตื่นไม่ทันอดกินแน่! หึหึหึ

    ผมกับปุณณ์เดินลากเท้าคุยกันไปเรื่อย ๆ จนถึงห้องน้ำ ต่างคนต่างล้างหน้าแปรงฟันกันไป จนไอ้ปุณณ์บ่นปวดขี้ (แล้วมาบอกกูทำไมวะ) ผมเลยต้องไล่มันไปขี้ แล้วเดินออกมายืนรอหน้าห้องน้ำ (เพราะไม่อยากดมกลิ่นมัน)

    เสียงซู่ซ่าจากก๊อกในห้องน้ำหญิงข้าง ๆ ทำให้ผมรู้ว่ามีคนตื่นเช้ามาล้างหน้าแปรงฟันแบบพวกเราเหมือนกัน ผมยืนมองนาฬิกาที่บอกเวลาเจ็ดโมงกว่า ซึ่งก็ไม่ได้ถือว่าเช้ามากอะไรสำหรับการมาค่าย แต่ที่คนส่วนใหญ่ยังไม่ตื่นคงเพราะเมื่อคืนซ่ากันไปหน่อย (ก็ดูแต่ละคนแต่ละกิจกรรมดิครับ ได้อีกอะ) แถมกิจกรรมวันนี้ก็ไม่ได้มีอะไรนอกจากเก็บกระเป๋ากลับกรุงเทพฯ เท่านั้นเอง

    "ทำไมจิ๊ดหน้างอจัง ยังไม่หายอารมณ์เสียอีกเหรอ"  แต่เอ๊ะ เสียงนี้คุ้น ๆ แฮะ ผมขมวดคิ้วมุ่นทันทีเพราะเสียงที่ดังมาจากในห้องน้ำหญิงตอนนี้เป็นเสียงที่ผมไม่มีทางจำผิดแน่

    "ไม่รู้รึไงยูริ แม่นี่น่ะเค้าไปเล่นใหญ่มา"  อีกเสียงหนึ่งที่ผมไม่รู้จักดังตอบ ยิ่งราวกับตรึงเท้าผมไว้ไม่ให้เดินไปไหน

    "อะไรอะ เล่นใหญ่?"

    "ก็ไปขอคบแฟนเก่าเธอไง หึ คิดอะไรอยู่"

    "พูดให้มันดี ๆ นะเมย์ อยากปากแตกตอนนี้เลยรึไง"

    "จะทำไม กล้าก็มาเลยสิ เห็นดีแต่ปากตลอด"  ท่าทางบรรยากาศข้างในเวลานี้จะตึงเครียดน่าดูครับ ผมยืนนิ่งฟังเหตุการณ์ในห้องน้ำหญิงไม่ขยับ ขณะรู้สึกตัวอีกทีก็มีปุณณ์มายืนอยู่ข้าง ๆ แล้ว

    "อย่าทะเลาะกันเลย นี่มันไม่ใช่ที่โรงเรียนนะ"

    "โธ่ยู! ก็ยูเป็นอย่างนี้มันถึงได้ปากดีตลอด หึ ทีนี้เป็นไงล่ะ รู้รึยังว่าตัวเองไม่มีอะไรดีเทียบยูได้ซักนิด โน่เค้าไม่เอาผู้หญิงอย่างเธอทำแฟนหรอก"

    "หึ ใครกันแน่ที่โง่แล้วยังอวดฉลาด"  เสียงจิ๊ดเย้ยหยันเพื่อนของยูริในห้องน้ำจนใจผมหล่นวูบไปที่ปลายเท้า ผมเดาออกว่าเธอกำลังจะพูดอะไร

    "ไอ้นั่นมันเป็นเกย์ต่างหาก ผู้หญิงหน้าไหนมันก็ไม่เอาทั้งนั้นแหละ ใครกันแน่ที่โง่ไปคบพวกเกย์น่าขยะแขยงอยู่ตั้งนาน คลื่นไส้"

    เพียะ!

    เป็นชั่วเวลาหนึ่งที่ผมแทบหยุดหายใจหลังจากได้ยินเสียงประหลาดนั่น ความเงียบปกคลุมภายในห้องน้ำรวมถึงพวกผมที่อยู่ด้านนอก

    "ห้ามพูดถึงโน่แบบนั้น"  เสียงเล็ก ๆ ที่ทำลายความเงียบฟังดูโกรธเกรี้ยวอย่างที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน

    "ห้ามว่าโน่เสีย ๆ หาย ๆ เด็ดขาด"

    "ทำไม หรือไม่จริง ที่ไม่ยอมบอกใครว่าเลิกกับโน่เพราะอะไรก็คงแบบนี้ใช่มะ แฟนเป็นเกย์ใช่มะ อายเค้าล่ะสิที่ไปโง่ให้โดนหลอกอยู่ตั้งนาน มิน่า"

    "เฮ้ยยูริ! อย่า!"  เสียงเด็กผู้หญิงร้องห้ามอะไรบางอย่างกันโกลาหลครู่หนึ่งก่อนยูริจะตะโกนเสียงลั่นออกมา  "ยัยบ้า! เธอไม่มีวันรู้หรอกว่าโน่วิเศษแค่ไหน! คนอย่างเธอไม่มีวันเข้าใจหรอกว่าโน่ดียังไง และทำไมชั้นถึงบอกทุกคนว่าเค้าคือคนที่ดีที่สุดในชีวิตชั้น!!! คนอย่างเธอมันไม่คู่ควรจะเข้าใจเรื่องพวกนั้นหรอก!"

    "ยูริ!!!"  เสียงข้าวของตกและฝีเท้าย่ำน้ำแฉะ ๆ ดังติดต่อกันก่อนที่ยูริจะพุ่งตัวออกมา ทุกอย่างรวดเร็วมากจนผมหลบไม่ทัน ทำให้สายตาเราปะทะกันที่หน้าห้องน้ำครู่หนึ่ง ก่อนยูริจะวิ่งหนีไป

    ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลย ว่าหลังจากวันนั้น ความรู้สึกของยูริจะยังคงท่วมท้นเท่านี้

     

    เมื่อไหร่ผมจะเลิกทำให้เธอเจ็บปวดสักที

     

     

    ***

     

    (โปรดติดตามต่อครึ่งหลัง...)

     

     

    Postcript : โอ่ยยยยย ไม่รู้จะพูดไรดีเพราะเนททุยเชรี่ยยยยมากค๊า ณ จุดนี้ งั้นเอาเป็นว่าโปรดติดตามครึ่งหลังต่อแล้วกันนะ =]

     

    ปล. สำหรับคนที่สั่งจองหนังสือมาก่อนวันที่ 3 เม.ย. เวลาเที่ยงตรง เราได้ตอบอีเมลกลับไปหมดแล้วนะคะ นั่นหมายความว่าใครที่ส่งอีเมลมาก่อนวันและเวลาดังกล่าวแต่ยังไม่ได้จดหมายตอบรับ แสดงว่ามันหายไป... (ไม่รู้อะไรหายระหว่างอีเมลสั่งจองหรืออีเมลตอบรับ 555) ดังนั้นจึงรบกวนส่งมาใหม่พร้อมบอกด้วยว่าส่งมาเป็นครั้งที่ 2 แล้ว (หรือ 3 4 5 อะไรก็ว่าไป...) ไม่งั้นเรา record ซ้ำจริง ๆ นะเออ Y___Y ส่วนใครที่ส่งมาหลังจากวันและเวลาดังกล่าวแล้วเรายังไม่ได้ตอบกลับก็รอแป๊บนึงจ้า... ขอพักหายใจหน่อยนะ เหนื่อยมาก 55

     

    ปปล. เปิด FAQ รอบสองดีมะ?... แต่กลัวไม่มีเวลาตอบง่ะ 555555

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×