ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    LOVE SICK : ชุลมุนหนุ่มกางเกงน้ำเงิน [YAOI]

    ลำดับตอนที่ #66 : 56th CHAOS - There's nothing I can do.

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 44.95K
      180
      3 เม.ย. 63

     


    56th CHAOS - There's nothing I can do.
     

    ตอนเช้าปุณณ์มีอาการคลื่นไส้เล็กน้อย เข้าใจว่าเกิดจากความเครียด แต่ก็ไม่มีอะไรร้ายแรงมากครับ เพราะหลังจากมันขย้อนเอาเนื้อย่างที่เพิ่งสวาปามไปเมื่อวานออกมา (เห็นแล้วกูจะอ้วกตาม) ปุณณ์ก็ดูสบายดีมากพอที่จะแต่งตัวไปโรงเรียน

    "ไหวแน่นะมึง"  ผมถามย้ำไอ้หน้าหล่อที่เดินยิ้มกริ่มออกมาจากขบวนรถไฟฟ้า แต่ยิ่งเห็นรอยยิ้มสบาย ๆ นั่นแล้วก็ยิ่งรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมา

    "สบ๊าย"  เหอะ ขอโทษที่เป็นห่วงละกัน นี่มันคนเดียวกับที่นอนร้องไห้ แถมยังตื่นมาหน้าซีดอ้วกแตกตอนเช้าจริงปะวะ

    เราสองคนวิ่งเหยาะ ๆ ลงบันไดชานชาลา แต่เท้ายังไม่ทันแตะพื้นสถานีดีก็มีเสียงตะโกนลั่นดังมา

    "เฮ้ยไอ้เชี่ย!!!"  ใครวะเรียกชื่อจริงกูแต่เช้าเลย แต่ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ครับว่าเสียงแบบนี้มันมีอยู่คนเดียว

    ผมหยุดรอไอ้โอมกับเก่งพ่วงด้วยรถเก๋งที่เดินกึ่งวิ่งมาทางเราทั้งคู่จากบนชานชาลา แน่นอนว่าพอพวกมันประชิดตัวผม ไอ้ห่าโอมก็ทักทายด้วยภาษากายคนป่าของมันทันที

    ผัวะ!

    "นี่แน่ะ! กูอยู่โบกี้ข้าง ๆ เรียกตั้งนานก็ไม่เสือกหัน ไอ้หูหนวกเอ้ย!"  อ้าววว แล้วไม่เดินมาล่ะวะ!

    ผมลูบหัวที่โดนโบกรับอรุณอย่างเคือง ๆ ขณะไอ้ปุณณ์เอาแต่เดินขำ (ไม่เคยคิดจะช่วยกูเลยนะ) เราห้าคนสอดบัตรรถไฟฟ้าตรงประตูทางออก ก่อนเดินลงบันไดสถานีด้วยกัน

    "แล้วโง่เรียกอยู่ไม ไม่เดินมาล่ะ"

    "ก็กูขี้เกียจ"  เออ สมควร ผมโบกหัวมันคืนสองทีเมื่อได้ยินคำตอบกวนประสาท โดยมีเสียงไอ้รถเก๋งหัวเราะรับเป็นแบ็กกราวด์

    เราห้าคนเดินกันไป ด่ากันไป แวะซื้อของกินกันไป ทำร้ายร่างกายกันไป (อย่างหลังเยอะหน่อย) จนเกือบถึงประตูโรงเรียนแล้ว และผมก็คงได้เดินเข้าโรงเรียนแบบสบาย ๆ ถ้าไอ้โอมไม่ดันตาดี เห็นว่าเสื้อผ้าผมมีบางอย่างแปลกไปก่อน

    "เฮ้ยหยุด!"  แถมไม่สั่งเปล่ายังคว้าคอเสื้ออีก! แค่ก ๆๆ ผมไอเพราะถูกมันรั้งคอเสื้อ ก่อนจะยอมหยุดตามที่มันสั่ง  "ไรวะ ไอ้ห่าาา"  อยู่ดี ๆ มาดึงแบบนี้กูตกใจหมด

    ผมมองตอบสายตามันที่สำรวจมาตามตัวไม่หยุด  "เสื้อไอ้ปุณณ์นี่ เมื่อคืนมึงนอนบ้านมันเหรอ"  เอ่อ ตอบไงดีวะ ผมนิ่งไป (เพราะอึ้งอยู่) ขณะปุณณ์หลุดหัวเราะพรืด

    "ตาไว"  มันชมโอมพลางยกนิ้วให้ โดยมีไอ้คนถูกชมยืนยืดอย่างภาคภูมิใจ โว้ยยย ไอ้นี่ก็เล่นกับเขา! มึงช่วยเปิดเผยให้มันน้อย ๆ ลงหน่อยได้มั้ยยย

    ผมโบกหัวไอ้คนของประชาชนไปหนึ่งที (โทษฐานเกิดมาเปิดเผยแม่งทุกเรื่อง) ก่อนจะดึงให้ทุกคนเดินเข้าโรงเรียนต่อ แต่ไอ้รถเก๋งยังไม่วายย้อนกลับไปพูดเรื่องเมื่อกี้อีก  "เฮ้ย เพื่อนกูมีไรดีวะปุณณ์ ถึงได้เอาไปกกโคตรบ่อย"  โห พูดยังกะปุณณ์กับกูเป็นครอบครัวแม่ไก่

    คนถูกถามหันไปยิ้มกริ่มให้รถเก๋งแบบที่ผมเสียวสันหลังวาบ  "ก็เพื่อนมึงน่ารักอะ"  ไหมล่ะ! กูว่าแล้วว่ามึงนี่มันปากไม่มีหูรูดตัวพ่อจริง ๆ ไม่รู้จะแก้ตัวยังไงแล้วโว้ยยย -_- แต่เอาเถอะช่างแม่ง อยากพูดไรพูดเลย กูไม่สนใจมึงและ ผมเกาหัวตัวเองแรง ๆ เป็นการระบายอารมณ์(โมโห) ขณะถูกเพื่อนพ้องหัวเราะลั่น

    เราเดินกันไปแซวกันไปอีกพักหนึ่ง (จริง ๆ แล้วคือผมโดนแซวคนเดียวมากกว่า -_-) ก่อนปุณณ์จะขอตัวแว่บไปห้องธุรการ เพราะมีไอ้ฟี่ยืนทำหน้ายักษ์ขมูขี เรียกชื่อเลขาสภาฯ จากตรงนั้นอยู่ เหอ ๆๆ ไอ้นี่ก็ผีหลอกวิญญาณหลอนอีกคนครับ ยิ่งใกล้ช่วงพ้นตำแหน่งยิ่งเห็นมันชอบงอแงใส่ปุณณ์ ว่าแล้วก็คันปากอยากรู้เหมือนกันว่าเรื่องของมันกับแฟนที่ว่าแง่ง ๆ ใส่กันน่ะไปถึงไหนแล้วบ้าง

    แต่ช่างเถอะ เรื่องของชาวบ้านเขาเราไม่เกี่ยว (เหรอ) (เปล่าหรอกครับ ไว้ค่อยถามจากปุณณ์เอาวันหลังก็ได้ หึหึ) จริง ๆ เป็นเพราะพอเดิน ๆ ไปสักพักผมเริ่มสำเหนียกได้ว่ามีเรื่องสำคัญอย่างอื่นต้องทำมากกว่า

    คือกูยังไม่ได้ทำการบ้านชีวะมานี่หว่า!

    บรรลัยละ โดนมิสลัดดาฟ้อนเล็บแน่วันนี้!

    "ไอ้เหี้ย! ชีวะเจ๊ดา!!!"

    "เออ เหี้ยยย!!!"  ตายห่ายกกำลังสามอีก! ก็ลองไอ้รถเก๋งกับไอ้โอมอุทานเหมือนกันแบบนี้แสดงว่าลืมยกกลุ่มแหง (เพื่อนชั่ว จะมาลืมพร้อมกูทำไมวะ!) เป็นอย่างนั้นพวกเราจึงรีบพากันโกยแน่บขึ้นลิฟต์รีบไปหาต้นฉบับลอกทันที นับว่ายังโชคดีที่เก่งมันทำมาแล้ว เพราะอย่างน้อย ๆ ก็ยังมีต้นฉบับไว้ให้อุ่นใจสักเล่มบ้าง ว่าแต่เกือบลืมไปเลยนะเนี่ยว่าเก่งก็เดินมากับพวกเราตั้งแต่สถานีรถไฟฟ้า

    แล้วทำไมมันถึงเงียบแปลก ๆ วะ

    หรือว่าผมแค่คิดไปเอง

     

    ***
     

    และแล้วสิ่งที่ผมแอบคิดเงียบ ๆ เมื่อตอนเช้า ก็เริ่มส่อเค้าเป็นจริงทีละน้อย

    เก่งเงียบไปจริง ๆ ครับ แต่เงียบเฉพาะกับผมเท่านั้น เพราะมันก็เฮฮาโวยวายกับเพื่อนคนอื่นปกติ แค่ไม่ยักเข้ามากวนอารมณ์ผม ตามแบบที่มันชอบทำจนแทบกลายเป็นงานประจำเหมือนทุกวัน (ชั่วพอกับไอ้โอม)

    แต่ถึงจะเงียบ มันก็ยังยื่นแบบฝึกหัดวิชาชีวะของมันให้ผมลอกครับ แถมยังแบ่งขนมที่ซื้อมาให้ผมกินอีกต่างหาก นอกจากนั้นก็ยังช่วยกระซิบคำตอบตอนบราเดอร์เรียกถามผมในคาบด้วย! สรุปว่ามันยังเป็นเพื่อนที่ดีเหมือนเดิมเพียงแค่ดู เงียบไป

    ผมลอบมองเก่งขณะเรากำลังทำเทสต์ย่อยท้ายบทวิชาภาษาอังกฤษอยู่ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่มันสบตาผมพอดี แต่มันคงคิดว่าผมอยากลอกมั้ง เลยช่วยเอนกระดาษคำตอบมาให้

    ซึ่งจริง ๆ ก็อยากลอกอะนะ แต่ที่มองไม่ใช่เพราะเรื่องนี้สักหน่อย ผมยิ้มพลางส่ายหัวตอบ ก่อนจะก้มหน้าเขียนคำตอบข้อสุดท้ายลงไป

    "หมดเวลาค่ะ ใครทำเสร็จแล้ววางกระดาษคำตอบตรงนี้แล้วไปพักได้"  เสียงมิสร้องบอกพวกผมเมื่อนาฬิกาบอกเวลาพักเที่ยง ก่อนเพื่อน ๆ จะทยอยกันไปส่งข้อสอบรวมถึงผมที่เดินไปพร้อมเก่งพอดี

    "ทำได้เปล่าวะ"  ผมกระซิบถามมันขณะต่อแถวรอส่งข้อสอบอยู่ แต่อีกฝ่ายเพียงพยักหน้าช้า ๆ โดยไม่ได้เงยจากพื้นนมามองผม

    อืม เป็นอะไรรึเปล่าวะ

    ..

    ..

    "เฮ้ย แดกไรดี เชี่ยโน่มีตังป่าวเนี่ย"  แล้วจะตะโกนเสียงดังทำเพื่อออ ผมหันไปโบกหัวไอ้โอมทันทีหลังจากมันเล่นแหกปากช่วยประจานผมลั่นแคนทีน

    "บัตรกูยังมีตังค์อยู่โว้ย"  สาดดด มึงพูดงี้เดี๋ยวป้าที่กำลังทำก๋วยเตี๋ยวให้กูตกใจหมด ผมเหล่ไอ้โอมที่ลูบหัวตัวเองป้อย ๆ ก่อนจะตะโกนสั่งก๋วยเตี๋ยวต้มยำต่อจากผม

    "แล้วเมื่อคืนทำอีท่าไหนไปนอนบ้านไอ้ปุณณ์ได้วะ ไหนมึงบอกจะกลับบ้านตัวเอง"  หลังจากได้ชามก๋วยเตี๋ยวในมือคนละชามแล้ว มันก็ป้อนคำถามต่อทันทีขณะกำลังปรุงก๋วยเตี๋ยวอยู่

    "ก็มีปัญหานิดหน่อยว่ะ ช่างเหอะ"

    "แนะ แนะ แน๊ ปัญหาด้านร่ายกายเหรอหนุ่มน้อย งี้แหละนะ ฮอร์โมนวัยรุ่นมันแรงงง"  โหไอ้ควาย ความคิดมึงแต่ละเรื่องเนี่ยนะ! ผมหันไปใช้ตะเกียบแทงหูแม่งทันที  "โอ๊ยเชี่ยยย เดี๋ยวขี้หูกูไหล!"  เออว่ะ! แบบนี้ตะเกียบกูก็มีมลทินแล้วดิ ผมยกตะเกียบชี้หน้ามันอย่างเคือง ๆ (โทษฐานมาทำตะเกียบกูเปื้อนขี้หู) ก่อนจะเดินไปเปลี่ยนคู่ใหม่มา

    "เฮ้ยโน่! เดือนนี้มึงเหลือเงินเท่าไหร่เนี่ย ได้ข่าวว่าเมื่อวานทำตัวเป็นเสี่ยเลี้ยงเด็กชมรมเหรอวะ"  แต่ทันทีที่ผมหย่อนตูดลงเก้าอี้ยาว ซึ่งมีเพื่อน ๆ นั่งอยู่สลอน เสียงไอ้เคนก็หอนแซวขึ้นมาอย่างว่อง แล้วใครล่ะจะคาบข่าวกูหมดตูดไปแฉ ถ้าไม่ใช่...

    "ไอ้โอม ปากมากนะมึง!"  ผมเคาะศอกลงบนหัวเกรียน ๆ ของแม่งซ้ำอีกทีอย่างมันเขี้ยว โดยมีเพื่อนคนอื่นหัวเราะครืน

    "เฮ้ย นี่กูถามเพราะเป็นห่วงหรอก กู้กูก่อนป่าว ไว้มีแล้วค่อยคืนก็ได้"  แต่เสียงไอ้เคนยังถามต่อ ทำผมซาบซึ้งน้ำใจเพื่อน ฮือ แบบนี้สิวะถึงจะเรียกว่าเพื่อนแท้ ผิดกับไอ้โอมราวฟ้ากับเหวจริง ๆ Y___Y

    และผมก็คงอ้าปากตอบมันไปแล้ว ถ้าไม่เสือกชิงพูดอีกประโยคขึ้นมาก่อน  "แต่ดอกเบี้ยร้อยละห้าสิบต่อวันนะ ฮ่า ๆๆ"  ไอ้เพื่อนเวรรร กูน่าจะรู้ว่าคนอย่างมึงมันชั่ววว!

    ผมชูนิ้วกลางโชว์กลางวงทำเอาคนอื่นยิ่งหัวเราะตบมือกันใหญ่ โดยเฉพาะไอ้เคนที่ขำจนข้าวแทบออกจมูกก่อนจะแค่นคำต่อไปออกมา  "เฮ้ย กูล้อเล่น เอาเปล่ามึง บัตรแคนทีนเหลือเท่าไหร่เนี่ย"

    "เกือบสามร้อย เออ ไม่เป็นไรหรอก เก็บตังค์ไว้ผ่อนแมคกับแม่มึงเหอะ ได้ข่าวเหลืออีกหลายเดือน"  เพราะเคนมันเพิ่งถอยแมคบุ๊กป้ายแดงมาเมื่อเดือนก่อนครับ ตัวละเกือบแสนแน่ะ โดยใช้บัตรวีซ่าแม่มันรูด แล้วค่อยผ่อนคืนทีหลัง (แต่ก็ไม่รู้ตกลงซื้อมาทำห่าอะไร เพราะเห็นมันเอาแต่เล่นเกมกับโหลดหนังโป๊ไม่คุ้มราคาแมคเลย) เป็นงี้ยังกล้ามาทำใจป้ำกับกูอีกนะ ไอ้พ่อพระ!

    "หรือจะเอาเงินกูก็ได้นะ พอดีบ้านกูรวยอะ เก็บตังค์ไว้เล่น ๆ ไม่รู้จะทำไร ปลวกใกล้ขึ้นแล้วเนี่ย"

    "โห่ยยย!"  หลังจบคำไอ้ปาล์ม เสียงโห่จากเพื่อนรอบโต๊ะก็ดังขึ้นทันที ฮ่า ๆ ถุย ไอ้ซุยเอ๊ยยย เลยโดนพวกผมรุมขว้างทิชชูทั้งใช้แล้วและยังไม่ได้ใช้ใส่มันอย่างไม่ยั้ง

    แต่ขณะเรากำลังสนุกสนานกับการเล็งทิชชูลงหัวไอ้ปาล์มอยู่ เสียงไอ้โอมเคาะตะเกียบลงชามก๋วยเตี๋ยวตัวเองก็เรียกร้องความสนใจทั้งหมดไปได้ก่อน  "นี่ ๆๆๆ พวกมึงไม่ต้องช่วยไอ้โน่มันหรอก เพราะมันอะนะ..."  อะไร! กูทำไม! มึงจะพูดเชี่ยไรอีก!!! ผมรู้สึกหนังตาขวากระตุกถี่ปะแล่ม ขณะมองไอ้โอมยืนพูดปาว ๆ โดยมีลางสังหรณ์ว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน

    มันหันมาหลิ่วตาใส่ผมก่อนจะพูดต่อ  "เพราะมันอะนะ มีเลขาสภาฯ เลี้ยง ฮิ้ววว"  ไอ้ชั่ว! กูว่าแล้ววว

    ผมเกาหัวตัวเองจนกบาลแทบร่นเมื่อเพื่อนทุกคนรุมโห่ร้องรับกันอย่างกับมีงานเลี้ยงรื่นเริง ทั้ง ๆ ที่ดูไปคล้ายงานฌาปนกิจผมมากกว่า น้อย ๆ หน่อยเถอะไอ้พวกนี้ ที่นี่มันโรงอาหาร ไม่ใช่โรงมหรสพนะมึง!

    ท่ามกลางเสียงโวยวายของพวกเพื่อนตัวดีทั้งหลาย (จนผมละแทบอยากมุดแคนทีนหนี หรือไม่ก็ตะโกนบอกคนอื่นว่า กูไม่รู้จักม้านนน!) สายตาผมเหลือบเห็นเก่งที่ยังคงนั่งข้าวเงียบ ๆ อยู่

    บางทีผมอาจรู้ว่าเก่งเป็นอะไร

     

    ***
     

    "มึงเป็นไรเปล่าวะเก่ง"  ผมตัดสินใจถามเจ้าตัวขึ้นในคาบธุรกิจ ที่มาสเซอร์เอาพวกเรามาปล่อยไว้ห้องสมุด เพื่อค้นคว้ารายงานส่งท้ายคาบ

    แต่เก่งแค่ละสายตาจากชั้นหนังสือมามองหน้าผมแว่บหนึ่ง ก่อนจะสนใจหนังสือต่อ  "ก็เปล่านี่"

    โกหกชัด ๆ ผมถอนหายใจพลางตัดสินใจคุยกับเพื่อนแบบตรง ๆ  "คือถ้าหมายถึงเรื่องที่มึงถามกูเมื่อคืนอะ กูไม่มีเจตนาปิดจริง ๆ นะเว้ย พอดีมีเรื่องยุ่ง ๆ นิดหน่อยอะ กูเลยต้องปิดคอมว่ะ ขอโทษที"  ผมว่าพลางยกมือไหว้ขอโทษมัน จนเก่งต้องหันมารับไหว้ผมด้วยท่าทีตกใจ

    "เฮ้ย ไหว้ไม!"  มันโวย แต่ก็ยอมมองหน้าผมแล้ว

    ระหว่างเราเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเก่งจะเป็นฝ่ายพูดต่อ  "จริง ๆ กูก็ไม่มีสิทธิ์เคืองว่ะ กูเป็นคนบอกเองด้วยซ้ำว่าถ้าไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไร"

    "..."

    ลมหายใจยาวของเก่งกระทบแขนผมวูบหนึ่ง บ่งบอกว่าเจ้าของมันสับสนไม่น้อย  "แต่กูก็ไม่รู้ว่ะ...อือ ช่างเถอะ ขอโทษมึงด้วยละกัน"  มันผงกหัวให้ผมเบา ๆ ก่อนทำท่าจะคว้าหนังสือออกไปทางโต๊ะที่เพื่อนนั่งสุมอยู่ แต่ไม่ไวกว่าผมที่คว้าแขนมันทัน  "เฮ้ย!"  ฟังกันก่อนได้มั้ยเนี่ย

    ผมสบตามันด้วยความตั้งใจจริงที่จะพูดคำต่อไป  "มึงช่วยถามกูอีกรอบดิ แล้วเดี๋ยวกูจะตอบให้ฟัง"

    "แน่นะ"

    "อือ"

    "งั้นมานี่"  อะไรวะ ผมมองตามเก่งที่อยู่ดี ๆ ก็ยิ้ม แถมยังลากแขนผมออกจากชั้นหนังสือเพื่อมุ่งไปยังโต๊ะที่เพื่อน ๆ นั่งอยู่อีก ก่อนมันจะเคาะโต๊ะเบา ๆ แล้วกระซิบเข้าไปกลางวงด้วยสำเนียงปนขำว่า

    "ไอ้โน่แม่งยอมพูดแล้ว ใครจะฟังมั่ง"

    ไอ้สาดดด สรุปว่าพวกมึงหลอกกูใช่มั้ยเนี่ย!

     

    และแล้ว หลังจากเพิ่งรู้ตัวว่าถูกเพื่อนเวรรวมหัวกันหลอก โดยส่งไอ้เก่งมาเป็นหน้าม้ารางวัลตุ๊กตาทอง (ฝากไว้ก่อนเหอะมึง Y_Y) พวกเราก็พากันย้ายสำมะโนครัวจากโต๊ะค้นคว้าบริเวณโถงห้องสมุด เป็นนั่งล้อมวงบนพื้นในซอกเล็ก ๆ ตรงชั้นหนังสือที่ไม่ค่อยมีใครสนใจแทน

    ผมนั่งเซ็งพลางไล่มองหน้าไอ้เพื่อนตัวดีทีละคนอย่างโคตรซึ้งงง ตรงนี้มีทั้งไอ้เก่ง ปาล์ม คม พ้ง เอ็ม โด่ง รถเก๋ง เคน รวมถึงไอ้โอม กำลังนั่งล้อมวงรอฟังความจริงจากปากผมอยู่

    "แม่งงง กว่าไอ้โน่จะรู้ตัวว่ะ เชี่ยเก่งเก๊กซะเมื่อย อย่างฮาอะมึง"  ไอ้เคนเปิดประเด็นคนแรกพลางหัวเราะเอิ๊กอ๊ากโดยมีไอ้โด่งเสริม

    "เออ ตอนแรกกูจะบอกให้แม่งเมินไอ้โน่เลยเว้ย แบบไม่ต้องยุ่งเลยอะ แต่ไอ้โน่เสือกไม่ยอมทำการบ้านชีวะมา กูล่ะเซ็งงง ไอ้เก่งก็พ่อพระอี๊ก เอาการบ้านไปให้ลอกซะงั้น กูนึกว่าแผนจะเสียซะละ"

    แต่ไอ้เก่งเสือกนั่งยืดราวกับว่ามันเป็นฮีโร่เต็มประดา  "ถึงกูจะพ่อพระ กูก็ตีบทแตกเว้ยยย ฮ่า ๆๆ"

    "โห่ยยย!"  เรียกเสียงโห่จากเพื่อนได้รอบวงแถมด้วยขนมตุ้บตั้บคนละหมัดครับ ฮ่า ๆ แต่พอสำเหนียกได้ว่าเสียงชักดังเกินไป พวกมันก็เอื้อมมือปิดปากกันเองเป็นพัลวัน  "ชู่ววว์!"

    แต่กูว่าเสียง ชู่ววว์ ของพวกมึงเนี่ย ได้ยินไปถึงสีลมว่ะ...เหอ ๆๆ

    ผมนั่งขำพวกแม่งจนเกือบลืมแล้วว่าตัวเองมานั่งตรงนี้ทำไม กระทั่งไอ้ปาล์มเริ่มได้สติ  "เฮ้ย ๆๆ ไร้สาระว่ะ เดี๋ยวเวลาหมด เรามาเข้าเรื่อง"  เอ่อ...จริง ๆ แล้วไม่ต้องเข้าก็ได้ กูชอบออกนอกเรื่องนาน นานนน Y_Y

    ผมเริ่มรู้สึกกลืนน้ำลายลำบากขณะไอ้เอ็มเริ่มสอยต่อ  "เออ ไอ้โน่ พวกกูขอถามตรง ๆ นะ"  น้ำเสียงจริงจังอีกว่ะ กูเพื่อนนะไม่ใช่นักโทษ T_T ผมสบตามันปิ๊ง ๆ อย่างขอความเห็นใจ แต่มันไม่ปราณี ซ้ำยังชี้ให้ไอ้รถเก๋งจัดสำรับใหญ่ต่อไปอีก

    "มึงกับไอ้ปุณณ์เป็นอะไรกันวะ"  เอ่อ ตรงประเด็นดีมาก

    "..."  ความเงียบเริ่มปกคลุมทุกสิ่ง เมื่อทุกสายตาจ้องผมเป็นตาเดียว คือ...มึงอย่าทำงี้ดิ...กูเกร็ง

    ผมขยับปากช้า ๆ แบบไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่  "ย...ยังไงล่ะวะ"

    แต่ใบหน้าเคร่งขรึมของไอ้รถเก๋งดันเขยิบมาใกล้ผมอย่างต้องการจับผิด  "มึงไม่ต้องมาแถเลย เพราะกูหลอกถามไอ้ปุณณ์มาแล้ว เหลือแต่มึง จะบอกหรือไม่บอก!"  อ้าวเชี้ยยย สรุปว่ารู้แล้วจะถามเพื่อ! (ว่าแต่ไอ้ปุณณ์นี่เป็นห่าไร วันหลังมึงปรินท์โฆษณาแปะให้ทั่วโรงเรียนเลยก็ได้นะ ว่ากูเป็นแฟนมึงอะ แม่ง)

    ผมรู้สึกเหมือนแอร์ไม่เย็นกะทันหัน ทั้งที่ตอนเดินหาหนังสือมันก็ยังหนาวดี  "ก็มึงรู้จากไอ้ปุณณ์แล้ว แล้วมาถามกูไม"

    "ก็กูอยากฟังจากมึงอะ!"  คราวนี้เป็นเสียงไอ้ปาล์มครับที่แหวมา ทำเอาเพื่อนทั้งวงพยักหน้าเห็นด้วยกันหงึกหงัก โอยยย ไอ้พวกโรคจิต จะอยากฟังไรซ้ำ ๆ ซาก ๆ นักหนาว้าาา

    "อะ ๆๆ เอางี้"  ไอ้เก่งตัวดีตัดบทด้วยคำที่ผมชอบได้ยินมันพูดบ่อย ๆ เวลามันพยายามหว่านล้อมอะไรสักอย่าง  "ไอ้โน่"  สงสัยว่าเหยื่อคราวนี้จะเป็นผม T_T

    ผมเลิกคิ้วข้างหนึ่งอย่างกลัว ๆ ให้ไอ้เพื่อนที่ทำเอาผมปั่นป่วนตลอดวัน  "ร...ไร"

    "กูถามแบบตรง ๆ เลยนะ มึงอะ..."  แล้วจะเว้นช่วงให้กูลุ้นทำไมฟะ จะถามไรก็รีบ ๆ ถาม! ผมแทบกลั้นลมหายใจระหว่างรอฟังเก่งพูดคำต่อไป

    "คบกับไอ้ปุณณ์อยู่ใช่ปะ"

    "อ...เออ"

    "แบบแฟนน่ะนะ"

    "อื้อออ"  หลับหูหลับตาตอบแล้วครับทีนี้ โว้ยยย ก็รู้กันหมดแล้วจะมาคาดคั้นอะไรอีกกก เสียงพวกมันหัวเราะกันคิกคักรอบวงอย่างกระชุ่มกระชวยหลังได้ฟังคำตอบผม ในขณะที่ผมอะ ถ้าเอาหัวกระแทกพื้นแล้วมุดดินหนีกลับบ้านได้คงทำไปแล้ว

    "งี้ใครขอใครคบก่อนวะมึง"  แล้วเกี่ยวไรกับมึงวะพ้ง! ผมละอยากด่ากลับไปแบบนั้นจริง ๆ ถ้าไม่ติดว่าสายตาอยากรู้อยากเห็นจากคนทั้งวงจ้องรวมมาเป็นตาเดียวก่อน

    "ก็...ไอ้ปุณณ์มั้ง"  เป็นอย่างนั้นเลยได้แค่ละล่ำละลักตอบอย่างไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ เพราะสมองเริ่มเบลอ ๆ รวน ๆ ไปหมด ได้ยินแต่เสียงไอ้พวกห่านี้ผิวปากแซวกิ๊วก๊าวกันอย่างสนุกในอารมณ์มันเหลื้อเกิน (ทำนาบนหลังคนนะมึง!)

    "มีแฟนแล้วเงียบนะ ไม่ยอมแจ้งข่าวอะมึง"  ไอ้โด่งแหย่พลางกระทุ้งศอกเข้าแขนผมหลังจากพวกมันหัวเราะเสร็จกันเรียบร้อย เออ ก็ดูปากพวกมึงแต่ละคนดิ กูคงอยากบอกอยู่อะ

    "ก็พวกมึงแม่ง ชอบแซวกู"

    "เฮ้ย พูดไรงั้น พวกกูแซวเพราะไม่รู้หรอก ถ้าพวกกูรู้พวกกูไม่แซวอะ"  ผมเหล่มองไอ้รถเก๋งที่ทำเป็นพูดดี  "เจงปะ"

    "ไม่จริง ฮ่า ๆๆ"  แล้วมึงพูดเพื่อออ เดาผิดที่ไหนล่ะ! ผมเกาหัวตัวเองอย่างสุดจะเซ็ง เพราะหลังจากนี้มีหวังโดนล้อเช้าสายบ่ายเย็นก่อนนอนแหง Y_Y แต่ยังไม่ทันหายเซ็งดี ไอ้เอ็มก็พูดประโยคที่ทำเอาผมตกใจโคตร ๆ ออกมา

    "เนี่ยแม่งอุบเงียบกันทั้งมึงทั้งไอ้โอมอะ มึงเชื่อปะ ว่ากูบีบคอถามไอ้โอมเป็นสิบล้านรอบแล้วแต่ไม่ยอมบอก บอกแต่ให้มาถามมึงเอง"  เข้! คนอย่างไอ้โอมมีอุดมการณ์แบบนี้ด้วยเหรอวะ!!! ผมหันไปมองหน้ามันแบบอึ้ง ๆ แต่เห็นแม่งกำลังนั่งทำหน้าเหนืออยู่ ถุย หมั่นไส้

    "แต่มึงไม่ต้องซาบซึ้งไปหรอก เพราะไอ้โอมเป็นคนคิดแผนนี้ให้พวกกูเอง ฮ่า ๆๆ"  อ้าวไอ้ชั่ว หลอกให้กูปลื้มได้ไม่ถึงนาที สันดานมึงก็โผล่อีกละ!

    ผมนั่งส่ายหัวอย่างจนปัญญาขณะที่ฟังพวกมันหัวเราะครื้นเครงอยู่ ก่อนไอ้พ้งจะจุดประเด็นสำคัญขึ้นมา  "เฮ้ยมึง แล้วแฟนไอ้ปุณณ์อะ"

    คำถามแจ็กพ็อตว่ะ ผมยอมรับว่าตัวเองอึ้งไป ก่อนจะอ้อมแอ้มตอบไม่เต็มเสียง  "...ก็เลิกแล้ว"

    "เลิกเพราะมึงเลยเหรอวะ"  เสียงไอ้โด่งถามต่อ แต่ผมค่อย ๆ ส่ายหัว  "เปล่า เขาก็มีปัญหากันนิดหน่อย"

    "แต่มันมายุ่งกับมึงตั้งแต่ก่อนเลิกกันแล้วใช่ปะ"  เป็นเพราะคำถามนี้ ผมจึงได้เห็นว่าโอมหันไปใช้หลังมือแตะปากปาล์มเหมือนให้เงียบไป ขอบใจว่ะ แต่ผมคงปฏิเสธไม่ได้ว่าก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ

    คิดแล้วรู้สึกแย่แฮะ

    พวกเราเงียบไปพักใหญ่ ก่อนเสียงคมจะถามต่อ  "แล้วมึงกับยูริล่ะ"

    "ก็..."  ผมไม่รู้จะตอบยังไง ในเมื่อความสัมพันธ์ของผมกับยูริมันมึนงงมาตั้งแต่ต้น จนถึงปัจจุบัน ผมก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้เรียกว่าอะไร

    ไอ้โอมสั่นกระดิ่งห้ามยกด้วยการตัดบทสนทนา  "ถามมากว่ะพวกมึงอะ พอ ๆๆ จะหมดคาบอยู่แล้ว ถ้ากลับห้องเรียนไปไม่มีหนังสือส่งมาสเซอร์ มึงเละแน่"  มันว่าพลางลุกขึ้นยืนคนแรก ทำเอาเพื่อนคนอื่นบ่นงึม แต่ก็ยอมแยกย้ายกันไปหาหนังสือทำรายงานโดยดี

    ผมหันไปยิ้มให้เพื่อนชั่วที่รู้ใจผมเสมอ  "ขอบใจนะมึง"

    "เหอะ หาหนังสือเผื่อกูด้วยแล้วกัน เดี๋ยวกูนอนรอ ก๊ากกก"  ไอ้เชี่ย!

     

    ***
     

    หลังจากหมดคาบเรียนประจำวันแล้ว ผมกับไอ้โอมที่เพิ่งทำเวรเสร็จ (หรืออีกนัยหนึ่งคือ เพิ่งเอาไม้กวาดกับที่ตักผงสู้กันเสร็จ) ก็มุ่งหน้าไปยังห้องธุรการทันที เพราะได้รับแจ้งว่าสมาคมที่จะพาชมรมเราไปแข่งวงโยฯ ที่ยุโรป เพิ่งส่งแฟ็กซ์มาหาพวกผมผ่านทางเครื่องของห้องธุรการ (แล้วเครื่องในห้องชมรมก็มี ไม่แฟ็กซ์มาล่ะค้าบบบ) ทำเอาผมกับโอมต้องวิ่งหน้าตั้งลงมาติดต่อห้องออฟฟิศด้วยสภาพเรียบร้อยสุด ๆ เนื่องจากมีมิสโคตรเฮี้ยบบบ อยู่ในนั้นหลายคน

    "ชมรมดนตรีมารับแฟ็กซ์ครับ"  ผมโผล่หัวเข้าไปในห้องออฟฟิศอย่างเกร็ง ๆ เพราะหลังเลิกเรียนแบบนี้บุคลากรเล่นอยู่กันครบทีม

    "มาเอาโต๊ะนี้จ้ะ"  เสียงมิสคนหนึ่งที่ผมไม่รู้จักดังขึ้นไกล ๆ เรียกให้ทั้งผมและโอมเดินไปรับแฟ็กซ์ซะลึกเชียว โอย แต่จะทำไงได้ ก็ต้องค่อย ๆ เดินตัวลีบผ่านโต๊ะทำงานนับสิบไปยังจุดหมาย โดยไม่ทันสังเกตว่ามีใครอีกคนอยู่ในห้องเหมือนกัน

    ผมยื่นมือไปรับแฟ็กซ์จากมิสท่าทางใจดี แล้วก็คงเผ่นออกนอกห้องออฟฟิศไปไกลแล้ว ถ้าไม่ถูกเรียกชื่อเอาไว้ก่อน  "โน่! โอม!"

    "อ้าว ผัวมึง"  ไอ้เชี่ยยย เรียกชื่อมันก็ได้ มันชื่อปุณณ์! ผมกระทืบเท้าไอ้โอมทีนึงก่อนจะมองตอบคนที่ถือใบอะไรไม่รู้ในมือเหมือนกัน

    "มาส่งใบค่ายเหรอ"  ปุณณ์ถามผมเมื่อเห็นว่ามีเอกสารในมือเหมือนมัน แต่ค่ายอะไรวะ

    "เปล่า กูมาเอาแฟ็กซ์"  ผมชูแฟ็กซ์หมึกเยิ้มให้อีกฝ่ายดู เห็นมันพยักหน้าเข้าใจก่อนจะถามต่อ

    "แล้วโน่กับโอมไปค่ายเปล่าอะ"

    "ค่ายไรวะ"  เป็นไอ้โอมนั่นเองที่สอดถามขึ้นมาอย่างขี้เสือกไม่แพ้ผม (แค่แย่งถามไม่ทัน) เออนั่นดิ ค่ายไรวะ กูก็อยากรู้เหมือนกัน

    ปุณณ์ดูจะแปลกใจไม่น้อยที่เราไม่รู้เรื่องค่าย  "ค่ายเภสัชฯ อะ อ้าว มิสไม่ได้บอกห้องมึงเหรอวะ"  เอ่อ อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามิสไม่บอกหรือกูไม่ฟัง เพราะขนาดค่ายวิศวะคราวก่อนผมยังไม่ได้ไปเลย ดันมัวแต่หลับตอนเขาประกาศเรื่องค่ายกัน

    ปุณณ์เลิกคิ้วมองพวกผมอย่างงง ๆ ก่อนจะพลิกกระดาษในมือมันดู  "ห้องโน่ก็มีมาลงชื่อไว้หลายคนนะ ปาล์มก็ไป พ้งก็ไป โด่งด้วย"  อ้าวไอ้พวกเชี่ย ไม่มีชวนกูอะ สงสัยคิดว่าผมไม่สนใจค่ายเภสัชฯ มั้ง ซึ่งมันก็จริง

    "กูไปด้วย! ลงชื่อกูให้หน่อย!"  ว่าแต่ไอ้เหี้ยนี่สนกับเขาตั้งแต่ตอนไหน ผมหันไปมองหน้าโอมแบบมึน ๆ  "จะเข้าเภสัชฯ เหรอมึงอะ"

    "เปล่า แต่กูว่าต้องมีสาว ๆ ไปค่ายเยอะชัวร์! งั้นกูไปด้วยคน"  โหไอ้เชี่ย ตรรกะอย่างเลว แต่น่าสน (หึหึ) ระหว่างผมกำลังคิดอยู่นั้นว่าจะไปกับมันดีมั้ย เสียงปุณณ์ที่กำลังเขียนชื่อเพิ่มอยู่ก็ทวนสิ่งที่มันเขียนมาเป็นคำพูดเบา ๆ

    "งั้นธัชกรกับนภัทรห้อง5ไปด้วยนะ"  อ้าวเฮ้ย นั่นมันชื่อกู!

    "ตลกละสัด กูบอกตอนไหนเนี่ย"  ผมกระซิบพลางตบหัวมันเบา ๆ (เพราะยังอยู่ในห้องออฟฟิศครับ ขืนห้าวมากอาจโดนบราเดอร์เดินมาบ้องแทนได้) ขณะที่ปุณณ์หัวเราะร่า  "ไปเถอะ กูก็ไป"

    "อ้าว มึงอยากเรียนเภสัชฯ เหรอวะ"  ก็เห็นปกติแม่งสนใจแต่เศรษฐศาสตร์มหภาค การแลกเปลี่ยนการค้าระหว่างประเทศ อัตราดอกเบี้ย จนผมนึกว่ามันอยากเป็นนักเศรษฐศาสตร์ซะแล้ว แต่เอ๊ะ หรือจะใช้ตรรกะเดียวกันกับไอ้โอม

    "เปล่า ก็ไปงั้น ๆ อะ ไอ้โจ๊กกับไอ้นันท์มันอยากไป"  อ๋อ เออ ไปก็ไป ผมยืนเท้าเอวมองมันที่เขียนชื่อผมกับโอมใส่ใบทะเบียนอย่างสมยอม

    "งั้นกูเอาใบไปส่งมิสก่อน เพื่อนมึงคนไหนอยากไปเพิ่มก็มาลงชื่อกับมิสเองแล้วกันนะ"  อืม ๆ ผมพยักหน้ารับคำพลางโบกมือให้ แต่ขณะที่กำลังจะหมุนตัวกลับเพื่อหนีจากห้องออฟฟิศไปห้องชมรมนั่นเอง เสียงปุณณ์ก็ดังขึ้นมาก่อน

    "โน่"

    "หือ?"  ผมหันไปรับคำเรียกนั้น แต่ใบหน้าคมที่ดูเหมือนมีเรื่องจะพูดของปุณณ์ กลับแปรเปลี่ยนเป็นคลี่ยิ้มคืนมา

    "ไม่มีอะไร บาย"

    "อ่า...บาย"  อะไรของมันวะ

     

     

    TBC.

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×