ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    LOVE SICK : ชุลมุนหนุ่มกางเกงน้ำเงิน [YAOI]

    ลำดับตอนที่ #59 : SP CHAOS - Shining Brightly

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 33.35K
      124
      29 มี.ค. 63


    Special CHOAS - Shining Brightly
     

    "สีเขียวสู้ ๆ"

    "สีฟ้าสู้ตาย"

    "สีเขียวไว้ลาย"

    "สู้ตายสีฟ้า"

    เสียงตะโกนจากกองเชียร์ดังลั่นรอบสนามบาสเกตบอล เมื่อเกมการแข่งขันชักเย่อรอบชิงชนะเลิศกำลังจะเริ่มขึ้น เด็กผู้ชายตัวเล็กในเสื้อยืดหลากสียืนล้อมรอบสนามพลางส่งเสียงเชียร์ตัวแทนสีตัวเองบ้าง เพื่อนตัวเองบ้างดังลั่น โดยไม่มีทีท่าว่าฝ่ายใดจะยอมแพ้กัน

    แน่นอนว่าการแข่งขันแมตช์สำคัญอย่างรอบชิงชนะเลิศนี้ สมาชิกจากทั้งสองสีไม่พลาดที่จะเลือกเอาพี่ใหญ่ประจำแมตช์การแข่งขันมาบรรจุเป็นตัวจริงเกินครึ่ง ซึ่งก็คือนักเรียนชั้นป.3 พี่ใหญ่ของการแข่งขันระหว่างนักเรียนชั้นประถมต้นนั่นเอง

    "พร้อมแล้ว ๆ"  เสียงตะโกนจากเด็กชายตัวใหญ่ปลายแถวร้องบอกผู้ประจำตำแหน่งหน้าสุดในเสื้อยืดสีฟ้า ตามธรรมเนียม แรงเยอะอยู่หลัง ข่มขวัญอยู่หน้า ซึ่งดูเหมือนพลพรรคสีฟ้าจะตกลงใจให้เพื่อนที่บรรดาครูสาว ๆ โปรดปรานมากที่สุดในทีม (หรืออาจจะในชั้นป.3) เป็นผู้ครองตำแหน่งกองหน้า ประจันกับทัพนักกีฬาเสื้อเขียว ที่เวลานี้ยังตกลงกันไม่ได้ว่าจะให้ใครยืนตำแหน่งไหนดี

    หลังเวลาผ่านไปนาทีกว่า ก็ดูเหมือนกลุ่มเด็กผู้ชายในเสื้อเขียวตองจะตกลงใจกันเสร็จ เสียงประสานมือร้องเฮลั่นสามทีดังขึ้น ก่อนทุกคนจะเข้าประจำที่ตามได้นัดหมาย ไม่มีอะไรผิดคาด เมื่อเด็กผู้ชายตัวใหญ่สุดรั้งตำแหน่งท้ายแถวตามธรรมเนียม จะมีก็แต่ทัพหน้าประจำสีเขียวเท่านั้น ที่ส่งเด็กชายหน้าตี๋ นัยน์ตากลมป๋อง เจ้าของจมูกแดง ๆ คล้ายคนถูกอาการหวัดเล่นงานนิดหน่อย มาประจำตำแหน่ง ผู้ข่มขวัญ ของทีม

    เด็กชายหน้าตาสะอาดสะอ้านผู้ยึดตำแหน่งคนแรกสุดในทีมสีฟ้า ประสานสายตากับคู่แข่งเจ้าของดวงตากลมโตที่มายืนประจันอยู่ตรงหน้า ก่อนเสียงนกหวีดจากกรรมการจะดังขึ้น เป็นจุดเริ่มต้นของการแข่งขันแมตช์ดุเดือดนี้

     

    เสียงตะโกนเชียร์จากผู้ชมเด็กชายล้วนดังก้องรอบขอบสนาม สลับกับเสียงอาจารย์สาว ๆ ที่กำลังสนุกกับเกมการแข่งขันสุดสูสีของคู่นี้อยู่ เพราะดูเหมือนว่าท้ายแถวของทั้ง 2 ฝ่ายจะแรงดีไม่มีตก เห็นได้จากผ้าสีแดงที่มัดไว้ตรงกลางเชือกนั้น จนถึงตอนนี้ก็ยังนิ่งสนิทอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน เพราะผู้แข่งจาก 2 สียังคงยึดยื้อไปมา แบบไม่มีใครยอมอ่อนข้อให้กัน

    "เขียวสู้ ๆ!"

    "ฟ้าสู้ ๆ!"

    "เขียวสู้ ๆ!"

    "ฟ้าสู้ ๆ!"

    แถมท่าทางจะไม่ใช่นักกีฬาเท่านั้นที่แรงยังไม่หมด เพราะดูจากกองเชียร์ตัวน้อยก็แรงดีไม่มีตกเช่นเดียวกัน เด็กชายเจ้าของตำแหน่งหน้าสุดของนักกีฬาทีมสีฟ้ายกข้อมือขึ้นเช็ดเหงื่อบนขมับตนเองเบา ๆ ด้วยอาการเพลียแดด ผิดกับเจ้าของผิวขาวท้าแสงอาทิตย์ในเสื้อเขียวฝั่งตรงข้ามซึ่งยังดูสบาย ๆ อยู่ ติดก็แต่ว่าคล้ายมีอาการผิดปกติบางอย่างกำลังเกิดขึ้นกับเจ้าตัวเท่านั้น

    "ฮ...ฮ...ฮัด...ฮัด..."

    เด็กชายเสื้อฟ้าเริ่มสังเกตเห็นอาการไม่ค่อยดีของเพื่อนคู่แข่งชัดเจน เมื่อดวงตาสีดำขลับมองเห็นคิ้วเส้นบางของคู่แข่งตรงหน้าค่อย ๆ ขมวดหากัน ซ้ำจมูกแดง ๆ ของเจ้านั่นยังขยับไปมาอีก เหมือนไม่มีสมาธิสนใจการแข่งขันเท่าที่ควรอย่างไงอย่างงั้น

    "ฮ...ฮ...ฮ...ฮัด..."

    คราวนี้ดวงตากลมภายใต้หนังตาครึ่งชั้นเริ่มหยีเข้าหากัน ก่อนริมฝีปากแดงจัดจะเบะออก ด้วยท่าทางทั้งหมดที่เห็นนั่น ส่งผลให้เด็กชายคนหน้าสุดของทีมสีฟ้าลืมสนใจเกมการแข่งขันไปครู่หนึ่ง

    "ฮัดเช้ย!!!"

    เสียงจามดังสนั่นลั่นสนาม เมื่อริมฝีปากแดงจัดพอ ๆ กับปลายจมูกส่งเสียงร้องออกมาดังลั่น ซ้ำยังเผลอปล่อยมือจากเชือกอีก เป็นเหตุให้คนอื่น ๆ ที่ตกใจเสียงประหลาดพากันปล่อยมือจากเชือก จนหกล้มระเนระนาดไม่เป็นท่าไปด้วย

    "โอ๊ยยย!"

    เหล่านักกีฬาตัวเล็กบ้างใหญ่บ้างในสนามส่งเสียงร้องระงม โดยเฉพาะตัวต้นเหตุที่ท่าทางอาการหนักกว่าใครเพื่อน เพราะหัวเข่าขาว ๆ ล้มลงครูดกับพื้นสนามจนเป็นแผลถลอก เดือดร้อนคุณครูกรรมการต้องวิ่งกรูมาดูให้วุ่น

    "เอาไปทำแผลที่ห้องพยาบาลหน่อยซิ!"  มาสเซอร์วิชาพละผิวคล้ำแดดสรุปหลังจากประเมินแผลบนหัวเข่าเจ้าเด็กตี๋ตรงหน้าเสร็จ ติดแต่ริมฝีปากแดงของคนเจ็บยังคงร้องจ้าประท้วงไม่ยอมหยุด

    "ไม่ไปอ้า! ไม่เจ็บซะหน่อย!!!"  เลือดออกขนาดนั้นยังกล้าพูด เห็นดังนั้นครูพละจึงได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอาใจ

    "ไม่เจ็บก็ต้องไป เดี๋ยวเป็นแผลเป็น"

    "ไม่เอาอ้า!!!"  แต่เสียงเล็กนั้นยังโวยวายอยู่กลางสนามอย่างไม่มีทีท่าเหน็ดเหนื่อย จนครูพละอย่างมาสเซอร์สุวัฒน์ไม่รู้ควรทำอย่างไร นอกจากปล่อยให้มันงอแงไป กระทั่งมีเสียงเด็กชายอีกคนแทรกเข้ามา

    "นี่ ไปกับเราก็ได้ เราก็จะไปห้องพยาบาลเหมือนกัน"

    "หื้ม?"  คิ้วบางของคนที่เคยโวยวายอยู่ขมวดมุ่นเมื่อเห็นผู้มายืนตรงหน้าคือคู่แข่งจากทีมตรงข้ามที่เพิ่งจ้องตากันเมื่อกี้ เด็กชายเสื้อเขียวขมวดคิ้วมองอีกฝ่ายในเสื้อยืดทีมสีฟ้าที่มายืนตรงหน้าเขาอย่างงง ๆ แต่เมื่อไล่สายตามองเรื่อย ๆ ก็ถึงบางอ้อ เพราะหัวเข่าเจ้านั่นก็มีแผลถลอกเช่นเดียวกัน

    แถมเจ้าของใบหน้าสะอาดสะอ้านไม่พูดเปล่า ยังส่งยิ้มพร้อมยื่นมือมาให้คนเจ็บได้จับอีก เจ้าเสื้อเขียวมองการกระทำทั้งหมดนั่นด้วยความลังเล

    "ไปด้วยกันนะ"

    ครั้งนี้ฝ่ามือขาวยอมให้เพื่อนเสื้อฟ้าพยุงไปห้องพยาบาลแต่โดยดี



    ***
     

    "อะ มากันครบรึยัง ถ้าไม่ครบก็ไม่รอแล้วนะ ครูจะเริ่มประชุมนักแสดงในละครวันงานภาษาไทยปีนี้แล้ว"  เสียงอาจารย์หญิงมีอายุท่าทางเฮี้ยบคนหนึ่งดังขึ้นขณะเคาะปึกชีทลงบนโต๊ะประชุมเบา ๆ

    รองเท้าส้นสูงไล่เวียนแจกชีทบทละครทั่วห้อง กระทั่งมาหยุดตรงหน้าเด็กชายท่าทางสุภาพคนหนึ่ง

    "ปุณณ์ ป.5 มีเธอเป็นตัวแทนคนเดียวเหรอ"

    "เอ่อ..."  แต่ยังไม่ทันที่เขาจะตอบอะไรออกไป เสียงคนผลุนผลันเปิดประตูห้องก็ดังขึ้นขัดจังหวะก่อน

    "ขอโทษครับที่มาสาย! แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก..."  เด็กชายตัวขาว ท่าทางล้งเล้ง ชายเสื้อหลุดลุ่ยยืนยกมือไหว้อาจารย์พลางหอบแฮ่กตรงกรอบประตูห้องอยู่ จนอาจารย์หญิงต้องตวัดสายตาคาดโทษไปให้ แต่สุดท้ายก็ยอมพยักหน้าอนุญาตให้ศิษย์ตัวแสบเข้ามาในห้องแต่โดยดี

    "เฮ้ย ขอบใจที่จองที่ให้!"  คนมาใหม่ยิ้มร่าขณะพุ่งไปนั่งเก้าอี้ข้างเพื่อนร่วมชั้นทันที แม้เขาจะไม่สนิทกับอีกฝ่ายเท่าไหร่ แต่เพราะอยู่ในรั้วโรงเรียนเดียวกันมา 5 ปี ทำให้พอจะเคยคุยกันอยู่บ้าง ไม่มากก็น้อย

    "อะนี่ เราเก็บบทไว้ให้ โน่ทำไมมาช้าอะ"

    "เฮ้ยยย ขอบใจอีกรอบ เราทำเวรอะ นี่หนีมาก่อนนะเนี่ย กลับไปโดนโอมบ่นแหง"  ริมฝีปากแดงนั้นทั้งตอบทั้งบ่น ขณะกวาดลูกตากลมสีดำไปทั่วแผ่นกระดาษที่เพิ่งรับมา

    "โอ้โฮ บทไรเนี้ย! เสด็จให้มาทูลถามเสด็จว่าเสด็จจะเสด็จหรือไม่เสด็จ ถ้าเสด็จจะเสด็จเสด็จก็จะเสด็จ แต่ถ้าเสด็จไม่เสด็จเสด็จก็จะไม่เสด็จ จะบ้าตายยย พูดให้มันเป็นภาษาคนกว่านี้หน่อยไม่ได้รึไง!"  เสียงแหลมนั่นบ่นล้งเล้งจนเพื่อนข้าง ๆ ต้องเอื้อมมือไปปิดปากแดง ๆ ที่ช่างพูดอยู่ได้ตลอดเวลาเป็นการด่วน แต่ไม่ไวกว่าอาจารย์คนเดิมที่ส่งสายตาดุ ๆ มาอีกแล้ว

    ปุณณ์คลี่ยิ้มให้อาจารย์แหะ ๆ ก่อนจะกระซิบเพื่อนร่วมชั้นลอดไรฟันเบา ๆ  "อย่าบ่นดังซี่"

    "อื้อ ๆ"  เสียงที่เคยบ่นเมื่อกี้ตอบรับแข็งขัน  "โทษที"  โน่กระซิบตอบพลางผงกหัวขอโทษอาจารย์อย่างเกร็ง ๆ

    "ของเราก็ยากเหมือนกัน"  เด็กชายปุณณ์พูดต่อขณะกลับไปพลิกกระดาษเช็กบทตนเองไปมา ดวงตาคมเหลือบมองเพื่อนร่วมชั้นที่นั่งเกาหัวเหม่ง ๆ อยู่ข้างเขาแล้วก็ต้องอมยิ้ม

    "โน่จะไปซ้อมท่องบทกับเราไหมล่ะ ตอนพักกลางวัน"  ด้วยคำพูดนี้ เรียกให้หัวคิ้วที่กำลังขมวดมุ่นของคนมาใหม่ให้เลิกสูงทันที

    "จริงปะ!"

    "อือ"

    "ไป ๆๆ ขอบใจนะ! วันนี้เราขอบใจปุณณ์มากี่รอบแล้วอะ"  ดวงตาโตนั้นฉายแววดีใจอย่างเห็นได้ชัด

    ปุณณ์หัวเราะเบา ๆ  "ไม่ได้นับอะ ฮะ ๆๆ งั้นพรุ่งนี้เจอกันตอนเที่ยง"

    "อื้อ!"


    ***
     

    "โอ๊ยเชี่ยเก๋ง! มึงลากกูมาทำไมเนี้ยยย น่าเบื่อฉิบหาย พูดคำหยาบก็ไม่ได้ แม่ง ๆๆ"  เสียงแตกหนุ่มที่กำลังโวยวายของเจ้าหัวเกรียนปากแดงดังแหวขึ้นท่ามกลางทำนองดนตรีฟังสบายที่เปิดคลออยู่บริเวณสนามหญ้า ซึ่งวันนี้ถูกเนรมิตเป็นสถานที่จัดงานครบรอบวันเกิดปีที่ 15 ของลูกชายคนโตเจ้าของบ้าน

    แน่นอนว่ากบาลเหม่ง ๆ ของคนขี้โวยวาย ไม่รอดพ้นฝ่ามือพิฆาตจากเจ้าของชื่อ รถเก๋ง ไปได้

    "รู้ว่าพูดไม่ได้แล้วเสือกพูดเสียงดังเพื่อ! เอ้า เอาไปแดก หาอะไรยัดปากซะจะได้ไม่เป็นบ้า"  เด็กชายตัวผอมว่าพลางผลักจานของกินตรงหน้า ยกให้เพื่อนตัวแสบแต่โดยดี

    เสียงหน่วยปราบเกรียนยังคงบ่นต่อ  "ก็เห็นมึงรู้จักไอ้ปุณณ์นี่หว่า บ้านก็ใกล้ เลยไปชวนมา"  ขณะที่คนฟังเงียบไปนานแล้ว เพราะกำลังง่วนกับการสวาปามกุ้งระเบิดตรงหน้าให้หมดภายในเวลาไม่ถึงนาที

    โน่รีบเคี้ยวรีบกลืน ก่อนจะคว้าแก้วน้ำมาดื่มตามอึกใหญ่  "ก็ไม่ได้สนิทไรมากมายนี่หว่า เออ กูไปละ! มึงอยู่ต่อใช่ปะ กูกลับไปเล่นเกมดีกว่า"

    "เฮ้ย! แดกอิ่มก็ชิ่งเลยนะสัด"

    "เออ นี่แหละสันดานกู ไปก่อนเว้ย! เจอกัน"  เจ้าตัวดีว่าพลางยืนขึ้นอย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะโบกมือลาทั้งรถเก๋งและเพื่อนคนอื่น ๆ ที่พอรู้จักกันนิดหน่อย แล้วพาตัวเองออกจากรั้วบ้านหลังใหญ่ไป

    "อ้าวเก๋ง โน่อะ เห็นมาด้วยกันไม่ใช่เหรอ"  แต่เพียงคล้อยหลังไอ้ตัวดีไปยังไม่ถึงนาที เสียงทุ้มของเจ้าภาพก็ดันถามหาคนที่เพิ่งจากไปเมื่อกี้เสียก่อน

    "มันเพิ่งกลับไปเมื่อกี้เองปุณณ์ มีไรกับมันป่าว"

    "อ้าววว"  แถมท่าทางเจ้างานจะตกใจน่าดู เห็นดังนั้นรถเก๋งจึบรีบพูดต่อให้

    "โน่นเลย ถ้ามีไรมึงรีบวิ่งตามไปเลย มันเพิ่งไปเอง รับรองตามทัน"

    "ขอบใจนะ"  ปุณณ์รับคำทั้งรอยยิ้มก่อนจะรีบวิ่งออกไป

     

    ท่ามกลางความมืดมิดของเวลากลางดึก มีเพียงแสงจากไฟนีออนเท่านั้นที่ส่องกระทบพื้นถนนร้างผู้คนในซอยแคบ

    โน่ไล่ฝีเท้าตามทางเดินที่พอรู้จักดี พลางมองหารถมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปด้วย แม้สองหูจะยังคงได้ยินเสียงเพลงดังแว่วจากบ้านที่เพิ่งจากมาก็ตาม

    ตึก ตึก ตึก

    "โน่! โน่!"

    เสียงใครวะ เจ้าของชื่อที่ถูกเรียกคิด ก่อนจะหันกลับไปเพื่อพบว่าคนวิ่งเรียกชื่อเขาตามมาจากด้านหลัง คือเจ้าของงานวันเกิดที่เพิ่งหนีออกมานั่นเอง

    "ปุณณ์? ว่าไงวะ"  โน่หยุดฝีเท้ารอจนอีกฝ่ายวิ่งมาใกล้ ให้ปุณณ์ได้หยุดหอบหายใจเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ

    "กลับเร็วจัง ไม่สนุกเหรอ ขอโทษนะ"

    "เฮ้ย!"  ถึงจะเป็นความจริง แต่ให้บอกตรง ๆ ก็น่าสงสารเจ้าของงานแย่  "เปล่าาา ม้าโทรตามอะเลยต้องรีบกลับ โทษทีนะ อยู่จนจบไม่ได้อะ"  ดังนั้นเด็กชายหน้าตี๋จึงรีบกระทำการ ตอแหล พลางตบลงบนบ่าเพื่อนห่าง ๆ ที่ใคร ๆ ก็ขนานนามว่า หล่อ อย่างสำนึกผิดในที

    ปุณณ์คลี่ยิ้มอย่างโล่งใจ  "งั้นเราไปส่งมั้ย เพิ่งรู้ว่าบ้านโน่ก็อยู่แถวนี้"

    "ไม่เป็นไร กลับเองสบายมาก"  ไอ้หน้าตี๋ยิ้มเผล่ ก่อนจะทำสุ้มเสียงเจ้าเล่ห์  "เจ้าของงานหายตัวนาน ๆ ได้ไงวะ สาว ๆ เหงาแย่ หึหึหึ"  เนื่องจากเห็นได้ชัดว่าในงานวันเกิดมีสาว ๆ จากคอนแวนต์มาแจมด้วยหลายคน จนคนถูกแซวได้แต่ยิ้มเขิน ก่อนโน่จะใช้ศอกตัวเองกระทุ้งแขนเพื่อนหน้าหล่ออีกสองสามที

    "กูชอบคนชุดชมพูอะ แนะนำบ้างดิ"

    "ฮะ ๆๆ ได้ ๆ"  คนฟังรับคำทั้งรอยยิ้มจนตาหยี เมื่อเห็นดังนั้นโน่จึงยิ้มออกมาบ้าง

    "ไปก่อนนะ"

    "อื้อ กลับดี ๆ นะครับโน่"

    "จะพยายาม หึหึ"  เด็กชายรับปากก่อนจะหันหลังเพื่อเดินไปตามทางที่ตั้งใจไว้แต่แรก แต่ก็ดูเหมือนเพิ่งคิดอะไรออกบางอย่าง จึงหันกลับมาใหม่

    "เฮ้ยปุณณ์!"  แถมยังตะโกนซะดังเพราะคิดว่าเจ้าตัวเดินกลับแล้ว ที่ไหนได้ ปุณณ์ยังคงอยู่ที่เดิม ไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน เห็นดังนั้นเจ้าของใบหน้าขาวจึงได้แต่เกาหัวตัวเองแก้เก้อ

    "Happy Birthday นะเว้ย"

    โน่พูดไปทั้งที่ไม่คาดคิดด้วยซ้ำ ว่าสิ่งที่ได้รับกลับมาจะเป็นรอยยิ้มกว้างจากปุณณ์ถึงเพียงนั้น แม้เจ้าของใบหน้าคมจะทำเหมือนไม่เชื่อหูตัวเองในตอนแรก แต่รอยยิ้มกว้างในเวลาถัดมาก็เรียกเอารอยยิ้มกว้างขวางจากคนพูดกลับไปได้เช่นเดียวกัน

    "ไม่มีของขวัญอะ โทษที"  โน่อ้อมแอ้มแก้ตัวอีก ขณะที่ปุณณ์ส่ายหัวตอบ

    "ไม่เป็นไร โน่มาเราก็ดีใจแล้ว"  อืม เป็นหน้าที่เจ้าภาพงานต้องพูดกับแขกใช่ปะ เด็กชายหัวเกรียนคิดแต่ก็ยิ้มกลับ

    "บาย"

    ฝ่ามือขาวถูกโบกเหนือหัวเป็นการอำลา ก่อนเจ้าของมือข้างนั้นจะเดินจากไป

     

    ในวันนั้น โน่ไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสกลับมาบ้านนี้อีกครั้ง และไม่สามารถหันหลังให้ปุณณ์ได้อีก


    - FIN -

     

    Postscript : ง้ะ.... ขอคั่นเวลาด้วยเรื่องราวในวัยเด็ก (ฮา ๆ เอาของเก่ามาหากินเหรอเมิงง) ไม่ได้เขียนแบบ God view มานานแล้วววว (ตั้งแต่เขียนเรื่องนี้แหละ) รู้สึกเกร็ง ๆ ง่ะ 5555+

    ตอนที่ 51 ขอเวลาปั่นนะจ๊ะ ^___^ จะพยายามมาให้เร็วที่สุดเน้อ (ขอบิ้วก่อน)

     

    ปล. ตอบคอมเม้นยังไงดีเนี่ย มึน @___@ ขอเวลาแป๊บนะจ๊ะ 555

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×