ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    UNIVERSE of LOVE :: ชุลมุนกางเกงน้ำเงิน... เต็มคราบ!! [YAOI]

    ลำดับตอนที่ #7 : [เป้อ x วิน] Love...is about to calling for :: CH.2 - Unbalanced tears

    • อัปเดตล่าสุด 19 ก.พ. 54



     

     
    Love...is about to calling for ::We are All or Nothing..?
    [เป็บเปอร์xมาวิน]


    Related Link
    Chapter 1. - Hollow Dream


     

    CHAPTER 2. - Unbalanced tears

     

                "เฮ้ยเป้อ ตกลงไปใช่ปะคืนนี้"  เสียงเมฆถามขึ้นหลังมิสมลเดินออกจากห้องไปได้เพียงครึ่งก้าว นำให้เป้อเลิกคิ้วเส้นบางกลับ  "ทำไมวะ บอกว่าไปก็ไปดิ่ มีไร"  ใบหน้าหาเรื่องนั้นทำเอาคนถามต้องผลักไหล่  "ถามไม่ได้ไงวะ! เออ งั้นมึงจะไปที่งานเลยหรือมาเจอกับกูก่อนล่ะ"

     

                คราวนี้เป้อมีท่าทางคิด  "กูยังไม่ซื้อของขวัญเลยว่ะ แถมเย็นนี้ต้องเข้าชมรมด้วย..."

     

                "เออ เอาไงล่ะสัด"  เมฆเร่งถาม เพราะตอนนี้ยุ่นกำลังกวักมือเรียกเขายิก ๆ จากหน้าห้อง ท่าทางรีบร้อนแบบนั้นบอกว่ากำลังรอให้ออกไปเตะบอลด้วยกัน

     

                เป้อเหลือบมองใบหน้ามนของคนที่ส่งสายตามาอยู่ไม่ไกล  "กูจะออกจากชมรมตอนห้าโมงเย็น แล้วไปซื้อของที่เซ็นทรัลเวิลด์ ค่อยกลับบ้านเปลี่ยนเสื้อผ้า...มึงรอป่าวล่ะ"  เจ้าของใบหน้าตี๋ถามกลับ ทำเอาเมฆหน้ายุ่งขึ้นทันใด  "โห่ บ้านมึงไกลสัด งั้นกูเตะบอลรอมึงไปเซ็นทรัลเวิลด์พร้อมกัน ซื้อเสร็จแยกย้ายเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปเจอที่ร้าน"

               

                "ได้"

               

                "เออ เจอกันเว้ย เลิกแล้วโทรมา"  เมฆหันหลังออกจากห้องไป พร้อม ๆ กับที่ริมฝีปากอิ่มแดงของใครอีกคนตั้งท่าจะขยับถาม แต่ไม่ทันเป้อที่ชิงพูดก่อน  "ไม่ต้องรอ จะไปซื้อของกับเมฆ"

     

                "แต่...วินรอได้นะ แค่ห้าโมงเอง เดี๋ยวอ่านหนังสือรอ แล้วเรากลับบ้านพร้อมกันไง"  มาวินแย้งพร้อมคว้ากระเป๋าตัวเองมาสะพายบ้าง เมื่อเห็นเป้อแบกเป้ขึ้นหลัง ทำท่าจะเดินออกไป

     

                "ไม่ต้อง..."  คนฟังบอกปัดพลางหันไปสะกิดน็อตที่มัวแต่คุยกับเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอยู่  "ไปยัง"  เจ้าของร่างโปร่งที่สะพายเป้บนหลังถาม

     

                น็อตเหลือบมองเพื่อนตรงหน้าทั้งสองคนอย่างงง ๆ ครู่หนึ่ง แต่เมื่อเห็นสายตาแข็ง ๆ จากเป้อก็พอจะเข้าใจอะไรบางอย่าง  "อ...เออ ไปชมรมเลยใช่ปะ ไป ๆ เฮ้ยไปก่อนว่ะเม"

     

                "วันนี้กูออกห้าโมงนะ"  เป้อเสริมขึ้นเมื่อสาวเท้าออกมานอกห้องเรียนได้แล้ว น็อตต้องพยายามเดินให้เร็วขึ้นบ้าง เพราะรู้สึกว่าตอนนี้เพื่อนข้าง ๆ เขาจะเร่งฝีเท้าเหลือเกิน

     

                เสียงรองเท้าหนังคู่ที่สามจ้ำตามพวกเขามา น็อตหันไปพบเพื่อนร่วมห้องอีกคน ที่มักจะเดินข้างเป้อเสมอ...ในอดีต

     

                "ก...ก็แล้วแต่ดิ่..."  เด็กชายผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ตอบรับคำบอกเมื่อกี้ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นกระซิบถามเพื่อนด้านข้างเบา ๆ แทน  "แล้ววินอะ"

     

                เป้อถอนหายใจแรง เขาหันไปตวาดคนตัวเล็กกว่าด้านหลัง  "ตามมาทำไม!"

     

                มาวินสะดุ้งเฮือก ดวงตาโตฉายแววตระหนกแต่ก็ไม่ยอมแพ้  "ป...เปล่าตาม...แค่เดินมาทางเดียวกัน"

     

                คำตอบนั้นทำเอาเป้อกัดฟันกรอด ก่อนจะสาวเท้าให้เร็วขึ้นอีก ซึ่งดูเหมือนวินเองก็ไม่ลดละ

     

                สุดท้ายคนที่เดือดร้อนจึงกลายเป็นน็อต ที่ต้องกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามเพื่อนร่วมห้องทั้งคู่ไป

     

     

    ***

     

     

                "เฮ้ยเป้อ..."  เสียงแตก ๆ ของประธานชมรมดนตรีขานชื่อรุ่นน้องคนสนิทที่กำลังนั่งรัวแสนร์อยู่  เป้อละสายตาจากกลองชุดตรงหน้า แหงนมองรุ่นพี่เจ้าของผมทรงสกินเฮดและผิวขาวหยวกด้วยความสงสัย

     

                "ไรอะพี่โน่"  แต่ในเมื่อเรียกแล้วไม่ยอมพูดจึงต้องเป็นฝ่ายถามแทนแบบนี้  เป้อขมวดคิ้วมองโน่ที่ปากก็เรียกชื่อเขา แต่สายตานี่สิ...มองอะไรอยู่

     

                โน่จด ๆ จ้อง ๆ ที่หน้าประตูห้องชมรมก่อนจะพูดคำต่อไปออกมา  "ให้น้องวินเข้ามารอข้างในดิ่ วันนี้อากาศเย็นนะ ให้เข้ามาเหอะ"

     

                ดวงตาเรียวรีตวัดมองตามทิศที่โน่บุ้ยใบ้ เขาเห็นมาวินนั่งอ่านหนังสือรออยู่จริง ๆ  "ช่างดิ่ ไม่ได้บอกให้รอ"  ฝ่ามือผอมรัวสแนร์ต่อ

     

                ท่าทีดื้อดึงแบบนั้นทำให้โน่ต้องยั้งมือทั้งสองข้างที่กำไม้ดรัมแน่นไว้ด้วยตัวเอง  "เป็นไรวะ นั่นเพื่อนมึงนะ ไม่ห่วงบ้างไง"

     

                "ไม่ได้บอกให้รอ..."  เป้อย้ำอีกครั้งน้ำเสียงห้วน โน่รู้ว่านั่นเท่ากับหมายถึงเขากำลังยุ่งไม่เข้าเรื่องอยู่ จึงทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยมือคู่นั้นให้กลับไปซ้อมต่อ

     

                "เฮ้อ...ทำไรก็คิดดี ๆ นะมึง"  ประธานชมรมดนตรีเจ้าของหัวทุย ๆ ว่าพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเดินจากไป พร้อม ๆ กับเป้อที่ถอนหายใจตาม...

     

     

                ...

     

     

                ภายนอกตึกที่เขานั่ง มีรุ่นพี่รุ่นน้องกำลังจับกลุ่มทั้งเล่นบาสและเตะบอลอยู่ มาวินมองภาพเหล่านั้นด้วยนัยน์ตาว่างเปล่า

     

                หนังสือฟิสิกส์บนตักดูจะเป็นเพียงอุปกรณ์ประกอบฉากเท่านั้น เมื่อดวงตากลมโตไม่ได้ให้ความสนใจเท่าที่ควร หากเพียงจับจ้องไปยังลานอิฐสีส้มแดงคลาคล่ำด้วยผู้คนนั่น

     

                เขาเห็นรุ่นน้องม.ต้นตัวเล็กเดินกอดคอหัวเราะให้กัน แต่ราวกับภาพเหล่านั้นยิ่งย้ำให้หวนนึกถึงอดีต

     

                มาวินคิดถึงเป็บเปอร์คนเก่า...คนที่มักจะอยู่เคียงข้างเขาเสมอ โดยไม่มีข้อแม้ใดในความหวังดีนั้น...เขายังจำเป็บเปอร์ที่ยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยนได้ แม้ครั้งสุดท้ายที่เห็นรอยยิ้มนั้นจะนานเท่าไรแล้วก็ตาม

     

                ลมหนาวที่พัดมาวูบหนึ่งทำให้มาวินต้องกอดตัวเอง  "ไม่น่าพูดออกไปเลย..."  เสียงกระซิบแผ่วเบาที่ต้องการให้ตัวเองได้ยินเท่านั้น โดยไม่รู้ว่ามีใครอีกคนมายืนอยู่ด้านหลัง

     

                "บอกแล้วไงว่าไม่ต้องรอ"  เนื้อเสียงทุ้มฟังดูดุดันดังขึ้นไม่ไกลนักจนมาวินสะดุ้งได้เฮือกหนึ่ง เด็กชายรีบหันไปประจันหน้าเพื่อนที่รบกวนความคิดของเขาแทบตลอดเวลา

     

                มาวินกะพริบตาสองทีกว่าจะทำใจดีสู้เสือได้  "...ก...ก็บ้านเราใกล้กันแค่นั้น แล้วห้าโมงมันก็ไม่ได้เย็นอะไรมาก...วินรอได้"

     

                หากแต่สิ้นคำตอบ เป้อกลับจ้องเขานิ่งราวกับไม่ได้ฟังเหตุผลที่ถูกใจ ลมหายใจแรง ๆ และเสียงที่ถูกกดต่ำล้วนบ่งบอกถึงอารมณ์ที่กักเก็บไว้  "พูดไม่รู้เรื่องรึไงว่าจะไปซื้อของต่อ..."

     

                "ไป...ไปด้วย..."  ครั้งนี้มาวินเตรียมตัวฟังคำต่อว่าแรง ๆ จากปากเป้อเรียบร้อย

     

                ...น่าแปลก ที่เพื่อนหน้าตี๋ไม่ได้ตะโกนพูดจาแรง ๆ ใส่เขาทันทีเหมือนที่ผ่านมา มาวินเหลือบมองเพื่อนสมัยเด็กที่เม้มริมฝีปากบางแน่น ขณะนัยน์ตาสีดำสนิทสะท้อนแววประหลาดชัดเจน  เสียงเป้อกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากดังขึ้นก่อนเจ้าตัวจะเบือนหน้าหนีไป

     

                เป้อถอนหายใจยาว ขณะเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ พูดคำต่อไปทั้งที่ไม่หันหน้ามา  "บอกแล้วไงว่าไม่ต้องมายุ่ง..."  เสียงกลืนน้ำลายอีกอึกหนึ่งดังขึ้นก่อนเจ้าตัวจะหันกลับมา

     

                ดวงตาเรียวรีสบมองอีกฝ่ายนิ่ง นิ่งจนยากที่มาวินจะคาดเดาว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ ความเงียบปกคลุมคนทั้งคู่ครู่หนึ่ง ก่อนเป้อจะคว้าต้นแขนเพื่อนสมัยเด็กให้เข้าไปใกล้ตัว  "เคยบอกแล้วใช่มั้ยให้เลิกทำอย่างนี้ โตได้แล้ว! ชีวิตมีเรื่องให้ทำอีกเยอะ เมื่อไหร่จะเลิกวุ่นวายกันซักที!"

     

                คราวนี้ดวงตาที่เป้อมองมานั้นดุดันจนผู้รับแทบร้องไห้ มาวินมองท่าทางและคำพูดที่เขาไม่อยากทำใจให้ชินนั่น แต่ดวงตากลมไม่ได้หลบสายตาเกรี้ยวกราดจากคนตรงหน้า นอกจากส่งผ่านคำอ้อนวอนออกไปแทน

     

                จะด่า จะว่า จะเกลียดกันยังไงก็ได้ ในเมื่อเขาไม่มีอะไรให้เสียแล้ว....

     

                ขอเพียงอย่างเดียว...ขอแค่ที่ว่างเล็ก ๆ ให้เพื่อนที่เป้อแสนเกลียดได้นั่งอยู่ข้าง ๆ อย่างเงียบ ๆ ก็พอ

     

                "ไปด้วยนะ..."  ทั้งที่แทบจะเป็นคำเดิมแท้ ๆ แต่ทำเอาเป้อแทบหยุดหายใจ  ดวงตาเรียวรีจ้องมองเพื่อนสมัยเด็กตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ เป้อมองเข้าไปในดวงตาคู่ที่ไม่เคยหยุดอ้อนวอนเขา ก่อนจะผลักเจ้าของแขนกลมกลึงให้กระเด็นออกไปแรง ๆ

     

                มาวินล้มลงนั่งเหมือนเดิมแต่ไร้ซึ่งเสียงประท้วงแม้เพียงสักแอะ ดวงตาเศร้าวางลงบนพื้นไม้ของที่นั่งนิ่ง ขณะที่ริมฝีปากขยับเบา ๆ  "ขอบคุณ"

     

                เป้อมองเพื่อนสมัยเด็กตรงหน้าที่ไม่ยอมสบตาเขาพลางกำมือตัวเองแน่น ดวงตาเรียวรีคู่นั้นวูบไหว  "โธ่เว้ย!!!!!!!"  เป้อสบถเป็นคำสุดท้ายก่อนจะผลุนผลันเดินกลับห้องชมรมไป

     

                น้ำตาหนึ่งหยดไหลจากตาดวงโต...มาวินกัดปากตัวเองด้วยแน่นพยายามไม่ให้เสียงร้องเล็ดลอดออกมา ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าตัวเองทั้งโง่และบ้าที่ยังอดทนมาจนป่านนี้ ทั้งที่เป้อแสดงออกชัดเจนว่าไม่ต้องการเขาแล้ว แต่ก็ยังเป็นเขา ที่ดันทุรังทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ราวกับทุกอย่างยังเหมือนเดิม

     

                .... ทั้งที่ในใจมันเจ็บ

     

     

                "ฮึก..."  กะจะไม่ให้มีเสียงแล้วแท้ ๆ แต่มันกลับอดไม่ได้  มาวินส่ายหัวสมเพชตัวเองพลางใช้หลังมือปาดไล่น้ำตาแรง ๆ

     

                ก่อนที่ความรู้สึกของอะไรอุ่น ๆ จะโถมเข้ามา

     

                "ใส่นี่ รอแป๊บ เดี๋ยวจะไปแล้ว"  เสียงที่เพิ่งตะโกนถ้อยคำมากมายใส่เขาเมื่อไม่กี่นาทีก่อน บัดนี้กลับมาดังอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง มาวินสะดุ้งเฮือกหนึ่งก่อนรีบปาดน้ำตาตัวเองลวก ๆ ไม่ให้หลงเหลือคราบ แล้วเงยหน้าไปหมายจะขอบคุณอีกฝ่ายสำหรับเสื้อกันหนาว หากแต่...

     

                สายตาเป้อที่ทอดมองมาราวกับมีอะไรมากมายอยากจะบอกตรึงให้มาวินนั่งนิ่งอย่างไม่สามารถขยับตัวได้ ริมฝีปากบางเม้มปิดแน่นขณะก้อนกลม ๆ บริเวณคอดูจะเคลื่อนที่อย่างยากลำบาก วินมองตอบดวงตาที่เขาคุ้นเคยดีคู่นั้น ก่อนจะสังเกตเห็นว่าบนหางตาเรียวรีมีน้ำหยดหนึ่งซ่อนตัวอยู่

     

                และเพียงแค่กะพริบตาครั้งเดียว มันก็ค่อย ๆ ไหลลงมาตามเรียวหน้าผอมอย่างง่ายดาย

     

                "เป้อ..."  มาวินอุทานเบา ๆ เมื่อเห็นน้ำตาจากคนตรงหน้า ทั้งที่เขาไม่เคยเห็นเป้อร้องไห้มากว่าสิบปีแล้ว หากแต่เพียงเสียงเรียกชื่อเบา ๆ ก็เรียกสติคนตรงหน้าให้กลับคืนมา

     

                หลังมือผอมปาดข้างแก้มตัวเองเร็ว ๆ ก่อนจะละล่ำละลักพูดต่อ  "รอแป๊บ จะไปเก็บของแล้วกลับบ้านกัน"  เจ้าของร่างผอมชะลูดพูดห้วน ๆ ก่อนผลุนผลันเดินจากไป ปล่อยให้วินเป็นฝ่ายไม่เข้าใจในการกระทำทั้งหมดทั้งมวลแต่เพียงผู้เดียว

     

                ฝ่ามือสีน้ำผึ้งเอื้อมกระชับเสื้อกันหนาวสีเขียวแก่ที่เป้อทิ้งไว้ให้ ขณะกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่เขารู้จักดีโชยมาแตะจมูก

     

                มาวินกำผ้าเนื้อหนาสีเขียวแก่นั้นจนแน่น ขณะอธิษฐานกับตัวเองซ้ำ ๆ เหมือนกับที่เคยอธิษฐานอยู่ทุกวัน

     

     

     

                ในโลกนี้เขาไม่เคยต้องการอะไร

                นอกจากการมีเป้ออยู่ข้าง ๆ ตลอดไป

     

                แม้คำขอนี้จะช่างเห็นแก่ตัว

                แต่เขายินดีแลกทุกสิ่ง... ทุกอย่าง

     

                แลกกับการมีเป้ออยู่ข้าง ๆ

     

                ไม่ว่าจะต้องล้มลุกคลุกคลานอีกเท่าไหร่ หรือถูกเกลียดสักแค่ไหน

                ก็ตาม...



     

     

    ***

     

     

                "กรี๊ดดดดดดดดด น้องเป้อมาแล้วววว!"  เสียงโหวกเหวกแสบแก้วหูของหญิงสาวกลุ่มใหญ่ร้องขึ้นเมื่อเด็กชายใบหน้าเรียวรีเช่นเดียวกับดวงตาในชุดเสื้อแจ็กเกตสีดำพอดีตัวตัดผิวขาวของใบหน้าและข้อมือ บวกกางเกงยีนเข้ารูปอวดขาคู่เล็กที่กำลังนิยมในหมู่วัยรุ่น กำลังเดินเข้ามาภายในร้านอาหารสไตล์ฟิวชั่น สถานที่นัดหมายในค่ำคืนนี้

     

                เป้อคลี่ยิ้มบาง ๆ ให้เจ้าของงาน ก่อนจะยื่นดอกไม้ช่อโตให้  "ว้า...คืนนี้ดอกไม้สวยไม่เท่าพี่แอมแฮะ Happy Birthday ครับ"  คิ้วเส้นบางถูกยกขึ้นล้อ ๆ เมื่อพบว่าช่อกุหลาบสีชมพูในมือ หากเทียบกับหญิงสาวร่างเล็กในชุดเกาะสีอกขาวปลอดแล้วก็ดูหมองไปถนัด

     

                "กรี๊ดดดดดดดดดดดด ยัยแอม! ถือว่าเป็นเจ้าของวันเกิดนะยะคืนนี้! ฉันจะยกน้องเป็บเปอร์ให้ก็ได้"  เสียงสาวสวยอีกคนเจ้าของเดรสแขนกุดอวดผิวไหล่กระจ่างกระเซ้าเจ้าของงานวันเกิดอย่างสนุกสนาน ก่อนแอมจะหันไปโวยกลับ  "น้อย ๆ หน่อยย่ะ น้องเป้อเป็นของแกตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ยังไงคืนนี้ฉันก็ขอนะยะ คนนี้"

     

                เป้อหัวเราะขำกับถ้อยคำเย้าแหย่ที่รุ่นพี่สาว ๆ ตรงหน้าทั้งหลายมอบให้ ก่อนจะเดินไปนั่งยังที่ที่ถูกจัดเตรียมไว้บริเวณสนามหญ้า ซึ่งเมฆรอเขาอยู่แล้ว  "ไงวะมึง จะกลับบ้านมะคืนนี้"  น้ำเสียงนั้นฟังดูรู้ทันจนเป้อหัวเราะร่วน  "ทำไมวะ กลับดิ่"

     

                สีหน้าเมฆดูขำกับคำตอบนั้นเต็มประดา  "พูดงี้ทุกทีอะมึง สุดท้ายก็..."

     

                "น้องเป้อออออออ วันนี้มาช้านะ เรายังไม่ได้ชนแก้วกันเลย"  น้ำเสียงหวาน ๆ ดังขึ้นขัดบทสนทนาของสองหนุ่ม เป้อหันไปมองใบหน้าหวานไม่แพ้น้ำเสียงของเจ้าของงานที่มานั่งเบียดอยู่บนเบาะของเขา

     

                "มัวแต่หาซื้อดอกไม้ให้พี่แอมนั่นแหละ หาตั้งนานกว่าจะเจอที่พอจะสวยสูสีพี่แอมได้"  เป้อว่าพลางยกแก้วในมือชนกลับ ขณะริมฝีปากเคลือบสีแดงของหญิงสาวคลี่ยิ้มกว้าง  "ไม่เห็นต้องมีอะไรเลย แค่เป้อมาก็ดีใจจะแย่แล้ว"

     

                ใบหน้าหวานที่ถูกแต่งแต้มสีสันอย่างดีเคลื่อนเข้ามาใกล้เขา ทั้งกลิ่นแอลกอฮอล์และน้ำหอมราคาแพงตีผสมกันคละคลุ้งจนกลายเป็นกลิ่นหอมยั่วยวนใจ  "ถ้าพี่เมา...คืนนี้เราไปส่งที่บ้านให้หน่อยนะ"

     

                เป้อสบดวงตาท้าทายคู่นั้นกลับไปอย่างไม่กลัวเกรง ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มตอบ  "ไม่อะ น้องสาวพี่แอมดุอย่างกับอะไร"

     

                "คืนนี้บ้านว่าง..."  ถ้อยคำที่ดูราวกับเป็นเพียงคำบอกเล่าดังตัดขึ้น นำให้เป้อยิ้มกว้างขึ้นไปอีก  "งั้นเดี๋ยวจะไปช่วยกล่อมซักแป๊บนึงละกัน"

     

                การเจรจาสัมฤทธิ์ผล...แอมคลี่ยิ้มกว้างก่อนจะวางมัดจำเป็นรอยจูบที่ข้างแก้มขาวของเด็กหนุ่ม  "เรานัดกันแล้วนะ"  น้ำเสียงหวานกระซิบเบา ๆ ก่อนเดินจากไป

     

                เมฆรีบใช้ขาสะกิดเพื่อนร่วมห้องยิก  "เฮ้ยไงล่ะ จะได้กลับบ้านตัวเองมะ ตอนเช้ามีเรียนนะอย่าลืม"  นำให้เป้อหัวเราะกลับ  "เออ รู้น่า กลับตอนเช้าก็ถือว่ากลับเหมือนกันอะ"  เสียงเพลงเบา ๆ จากลำโพงของร้านกลบถ้อยคำหลัง ๆ ของเขาเกือบมิด เด็กชายเจ้าของใบหน้าที่ทุกคนเรียกว่า ตี๋ คลี่ยิ้มพลางฮัมเพลงอารมณ์ดี

     

                ค่ำคืนแห่งสีสันกำลังจะผ่านไป

                เป้อรู้ว่าตัวเองจะไม่ต้องฝันถึงเรื่องราวเหล่านั้นอีก 1 คืน

     

     

     

    ***

     

                "เฮ้ยเป้อ! ลอกเสร็จยัง จะถึงคาบแล้วนะเว้ย!"  เสียงโวยวายของยุ่นร้องเร่งเพื่อนหน้าตี๋ดังลั่นเมื่อนาฬิกาแขวนผนังหน้าห้องบอกเวลาใกล้คาบเรียนเคมีเข้าไปทุกขณะ เป้อเร่งมือก็อปปี้คำตอบจากสมุดเล่มสีชมพูของน็อตลงในสมุดเล่มสีขาวของตัวเองโดยที่ใบหน้าแทบจะทิ่มเข้าไปในตำราอยู่แล้ว

     

                "เออ ๆ กูเร่งอยู่ จะเสร็จแล้วโว้ยยยยย"  น้ำเสียงทุ้มแตก ๆ ตะโกนตอบก่อนจะนึกอะไรได้บางอย่าง  "วินลอกยัง จะเอาต่อรึเปล่า"  เป้อหันไปถามเพื่อนสมัยเด็กเจ้าของใบหน้ามนที่นั่งเล่นเกมในมืออยู่ หากแต่วินส่ายหัวตอบช้า ๆ  "อ๋อ ทำเสร็จแล้ว"

     

                "ทำเสร็จ?"

     

                แต่ยังไม่ทันที่เป้อจะได้ถามรายละเอียดดี เสียงทุ้มที่เขาและคนในห้องเรียนนี้ไม่รู้จักก็ดังขึ้นที่หน้าประตูก่อน  "น้องวินอยู่ป่าวครับ"

     

                เป้อเงยหน้าจากสมุดเรียนวิชาเคมีแทบจะทันที พร้อมกับมาวินที่คลี่ยิ้มหวานรับคำเรียกนั้น  "พี่เชน!"

     

                น็อตที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากเหตุการณ์นักรีบหันไปมองเป้ออย่างรวดเร็ว แต่ดวงตาเรียวรีคู่นั้นผลุบกลับไปสนใจสมุดเคมีตรงหน้าต่อดังเดิมแล้ว

     

                "ไหวป่าววะเนี่ยพวกมึง..."

     

     

     

    TBC.

     

    Postscript : เย้ย... แรง เมื่อกี้พิมพ์ ps ยาวปรื้ดดด แต่เด็กดีเฮี้ยน ข้อความหายหมดเลย (ขอบใจนะ -_-) ฮือ ๆ พิมพ์ใหม่ก็ด้ายยย T___T
    ก่อนอื่นต้องกล่าวสวัสดีค่า
    ^^ ขอโทษด้วยเน่อที่ดองนานไปนิดส์ (แบบว่างม Timeline อยู่ 555) แต่เรื่องนี้เขียนยากจริง ๆ เพราะน้องเป้อเค้าอาร์ตตัวพ่อ -_- จะเขียนอะไรทีก็ต้องมานั่งเข้าญาณ (เขียนไงฟะ...) วิเคราะห์กันอยู่นาน 5555 ก็คงต้องเตือนไว้ก่อนเลยว่าหากใครชอบความรักในอุดมคติอย่าง Love Sick (ประเภทคนดี คนมีสติ คนมีเหตุผล 555) ก็อาจจะขัดใจกับน้อง ๆ ในเรื่องนี้อยู่บ้าง เพราะเห็ดจงใจที่จะเขียนให้น้องเป้อเป็นปุถุชนคนธรรมดา (เหรอวะ...) ที่มีความสับสน โลเล อ่อนแอ ไม่กล้าเผชิญกับความจริง...ฯลฯ เคยเป็นกันบ้างไหม ที่บางครั้งเราก็เลือกทำในสิ่งที่ทุกคนรุมประณาม แต่เราก็ยังทำ เพราะ....อะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน (ฮา..) แต่นี่แหละคือมนุษย์... ยากแท้ หยั่งถึง (จนตอนนี้ก็ยังหยั่งไม่ถึงน้องเป้อเลย -*- อารายของเมิงเนี้ยยย) สรุปว่า... จะไหวไหมเห็ด 55555 ยังไงก็ค่อย ๆ รู้จักน้องไปพร้อม ๆ กัน (กับเห็ด) แล้วกันนะคะ ^^v

    ใครมีข้อคิดเห็น
    /เสนอแนะ คอมเมนท์ หรืออยากอภิปรายอะไรก็เชิญตามสะดวก 5555 ยินดีอ่านทุกข้อความค่า ^^

    อ้อ ก่อนไป
    ! เจอนี่มาใน facebook แหละ ^^ ต้องขอบอกก่อนเลยนะว่า เห็ดไม่ได้ทำ (ขอขีดเส้นใต้ 555) แต่มีคนทำให้ค่า ขอบคุณมั่ก ๆ ^^ ใครชอบ Love Sick ก็แวะไปกด Like กันได้นะ ^^

    Love Sick ชุมนุมหนุ่มกางเกงน้ำเงิน Fanpage on Facebook! (คลิก ๆๆ)
    (ตั้งใจเขียนผิดใช่ปะ
    555555)

    ส่วนใครที่เล่นทวิตเตอร์ก็ยังคง
    follow เห็ดได้ที่อยู่เดิมนะจ๊ะ ^^ @drytimes โลด~~~


    Cya next!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×