ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จอมมาร...พี่ชายของฉันไง

    ลำดับตอนที่ #3 : ฝันร้ายของจอมมาร -เมื่อถึงจุดเปลี่ยน

    • อัปเดตล่าสุด 12 พ.ค. 56


    ข้ามองเห็นตัวเองในวัยเด็ก ทั้งๆที่พยายามปิดตาลง เนื่องจากรู้สิ่งที่จะเกิดขึ้น แต่กระนั้นข้าก็ยังเห็นเด็กชายเจ้าของดวงตาสีเขียวทอประกายสดใส หัวเราะเสียงดังกับผู้เป็นบิดา นัยน์ตาใสซื่อจับจ้องมองไปที่ต้นไม้ต้นน้อยที่งอกขึ้นมาอย่างอัศจรรย์ ด้วยอำนาจของสายเลือดดรายแอดส์จากผู้เป็นย่าที่ไหลเวียนอยู่ในกายของบิดา

     

    หญิงสาวในชุดผ้าฝ้ายเนื้อหยาบขาดๆ เดินมาหาผู้เป็นสามีและบุตรด้วยความยากลำบากอย่างคนท้องแก่ใกล้คลอด ดวงตากลมหวานซึ้งสีดำสนิททอดมองบุตรที่วิ่งเข้ามาหาตนด้วยความสุขใจ ก่อนจะสบตากับสามีที่มองตนด้วยความรักและเวทนาอย่างอาลัยด้วยรู้สิ่งที่จะเกิดขึ้นเช่นเดียวกับภรรยา

     

    ในขณะที่ทั้งสามกำลังประคับประคองหญิงสาวกลับบ้านหลังเล็กปลายผืนนา  ฟ้าก็ผ่า เป็นสัญญาณของสายฝนที่กำลังจะเทลงมาสู่ผืนดินเบื้องล่าง ชายหนุ่มรีบมองหาที่พักหลบฝนด้วยความเป็นห่วงบุตรชายตัวน้อยและภรรยาที่ใกล้คลอดอย่างเร่งรีบ

     

    ก่อนที่ชายหนุ่มจะเร่งประคับประคองภรรยาและบุตรชายไปที่ต้นไม้ใหญ่ แล้วใช้สายเลือดปีศาจที่ตนปกปิดจากคนนอกครอบครัว สั่งให้ต้นไม้ใหญ่ใช้ใบไม้ช่วยกันหยาดน้ำฝนที่เทกระหน่ำลงมา ไม่ให้แตะต้องร่างกายภรรยาที่ยามนั้นหน้าซีดเผือดจนน่ากลัว

     

    ชายครึ่งปีศาจตัดสินใจทิ้งภรรยากับบุตรไว้ เมื่อเห็นฝนที่ไม่มีทีท่าจะหยุด ก่อนจะวิ่งฝ่าสายฝนไปนำร่มที่บ้านมารับทั้งสอง เนื่องจากภรรยาใกล้คลอดเต็มทีแล้ว

     

    ในขณะที่หญิงสาวเริ่มเจ็บท้องจนทนไม่ไหวกรีดร้องออกมา เด็กชายที่ตื่นตระหนกก็ได้แต่โอบกอดมารดาด้วยทำอะไรไม่ถูก จนกระทั่งน้ำคร่ำไหลออกมา เด็กชายวัยหกขวบจึงแทบสติแตก มือน้อยๆ โอบกอดมารดาไว้แน่นในขณะที่หัวสมองสับสนวุ่นวาย ใจหนึ่งบอกให้รอบิดา ใจหนึ่งก็เกรงว่าจะไม่ทันการณ์

     

    ก่อนที่เด็กชายจะสังเกตเห็นต้นไม้ที่ตนอาศัยหลบฝนอยู่ จึงยิ้มออกมาด้วยความดีใจ เด็กชายจึงลองใช้เศษเสี้ยวพลังที่อยู่ในกาย อ้อนวอนต่อต้นไม้ชราให้ช่วยมอบรากไม้ที่อยู่ลึกกว่าสิบเมตรให้ตน เนื่องจากเป็นยาสมุนไพรหายากชั้นเยี่ยม

     

    พลังปีศาจอันน้อยนิดของเด็กชายถูกดึงออกมาเพื่อใช้บังคับต้นไม้ต้นใหญ่ให้ยกรากขึ้นมา ในขณะเด็กชายจำใจปล่อยมารดาที่เหงื่อแตกกรีดร้องอย่างเจ็บปวด เพื่อที่จะเอื้อมมือไปรับรากไม้ยกตัวขึ้นสู่ผืนดินอย่างใจจดใจจ่อ  ก็มีบางอย่างกระแทกเข้าสู่อ้อมกอดเล็กๆของเด็กชายจนร่างเล็กลอยออกไปไกล พร้อมกับฟ้าที่ผ่าเปรี้ยงลงมาที่ไม้ใหญ่!

     

    เด็กชายกรีดร้องร่ำไห้ออกมาเมื่อเห็นสภาพมารดาที่โดนฟ้าผ่าลงมา มีเพียงดวงตาสีดำคุ้นเคยที่เบิกโพลง เป็นเครื่องยืนยันว่าร่างไหม้เกรียมไม่ต่างจากต้นไม้นั่นเป็นมารดาผู้ให้กำเนิด ดวงตาสีเขียวน้ำตาคลอจับจ้องไปที่ร่างของทารกหญิงในอ้อมแขนที่ลอยกระแทกตนจนออกมาจากโคนต้นไม้ ที่ใช้ดวงตาสองสีจ้องมองกลับมาที่ตน

     

    เด็กหญิงเอียงคอน้อยๆอย่างงุนงงที่อยู่ๆคนที่อุ้มก็กระชับอ้อมแขนขึ้น แรงสะอื้นถูกส่งมาพร้อมกับหยาดน้ำที่ไหลออกมา เด็กหญิงเอื้อมมือป้อมๆเช็ดน้ำตาให้คนตรงหน้า อะไรบางอย่างบอกเด็กน้อยถึงสายสัมพันธ์ของตนกับตนตรงหน้า ทำให้เด็กน้อยกอดผู้เป็นพี่ชายอย่างอ่อนโยน สัมผัสที่เหมือนกับของมารดาทำให้เด็กชายร้องไห้หนักกว่าเดิมท่ามกลางสายฝนที่เริ่มทุเลาลง

     

    เด็กชายเริ่มหยุดแรงสะอื้นเมื่อสำนึกได้ว่ายังมีอีกหนึ่งชีวิตที่ตนต้องปกป้องแทนมารดา มือเล็กๆอุ้มเด็กหญิงในอ้อมแขนก่อนจะเดินไปหาที่พึ่งพิงสุดท้ายที่ยังไม่กลับมาด้วยความเป็นห่วงปนเศร้าใจ

     

    แต่เด็กชายก็ต้องหาที่หลบเมื่อเห็นชาวบ้านสี่ห้าคนที่พยุงกันออกมาจากบ้านของตน สภาพแต่ละคนมีเถาวัลย์รัดแขนขาจนเลือดซิบ ชายคนหนึ่งยังมีต้นไม้ต้นเล็กที่งอกออกมาจากบริเวณเข่า บางคนสิ้นสติ สิ้นลมหายใจไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนกลุ่มนี้ต้องต่อสู้กับผู้เป็นบิดา

     

    ทันทีที่คนกลุ่มนั้นจากไปไกลพอควรเด็กชายก็รับวิ่งเข้าไปในบ้านทันที หัวใจระดมเต้นกันอย่างหวาดกลัว....แล้วก็แทบหยุดเต้นเมื่อเห็นผู้เป็นบิดาที่นอนนิ่ง ผิวหนังของ มนุษย์เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเปลือกไม้ บ่งบอกถึงวาระสุดท้ายที่ไม่มีทางหลีกเลี่ยง

     

    “พ่อ... พ่อครับ” เด็กชายเอ่ยเสียงสั่น วางทารกน้อยลงข้างกาย ก่อนจะวางมือบนใบหน้าของบิดาที่เริ่มแข็งกระด้างขึ้น

     

    “เควน เควนติน*ลูกหรือ?” ผู้เป็นบิดาพูดขึ้นแม้จะลืมตาไม่ได้ ริมฝีปากขยับช้าๆอย่างยากลำบาก น้ำเสียงก็สั่นพร่า เบาเสียจนลูกชายคนเดียวต้องร้องไห้อีกรอบ เพราะรู้ถึงเปลวเทียนแห่งชีวิตของพ่อที่ใกล้จะดับลงไปทุกที

     

    “ครับ พ่อต้องไม่เป็นอะไรนะครับ ตื่นขึ้นมาสิครับ ......แม่...แม่เขาก็ทิ้งผมไปแล้ว ผมเหลือแต่พ่อกับน้อง พ่อดูสิครับ ดูน้องสิ”

     

     

    เด็กหญิงมองคนแปลกหน้าที่พี่ชายของตนกอดอยู่ ดูก็รู้ว่าคงจะเหลือเวลาอีกไม่นาน แต่ละการพูดของเขาช่างดูยากลำบาก เด็กน้อยไม่เข้าใจนักในสิ่งที่คนทั้งสองคุยกัน แต่ก็อยากให้ทั้งสองคนมีเวลาคุยกันมากกว่านี้ มือน้อยๆจึงเอื้อมไปที่ชายแปลกหน้า ท่ามกลางความแปลกใจของพี่ชาย

     

    ความมืดจากฝ่ามือเด็กน้อยเริ่มขยายตัวก่อนจะคลุมตัวคนทั้งสาม เมื่อความมืดหายไปทั้งสามก็มาอยู่ในสถานที่ที่เด็กชายเกลียดที่สุด คือใต้ต้นไม้ใหญ่ แต่ที่เปลี่ยนไปคือร่างของผู้เป็นบิดาที่กลับมาสู่สภาพของมนุษย์อีกครั้ง ความเจ็บปวดทั้งหลายที่รุมเร้าชายหนุ่มจากการกลายสภาพก็หายไป 

     

    “รีเมอร์ซี*”ชายหนุ่มบอกกับเด็กทารกน้อยที่ตนอุ้มเข้ามาในแขนแกร่งของตนอย่างอ่อนโยนพลาง ใช้แขนอีกข้างโอบกอด ปิดปากเด็กชายที่กำลังจะเอ่ยปากถาม

     

    ไร้ความรู้สึก เฉกเช่นในความฝัน แต่ทั้งสามก็สัมผัสได้ถึงไออุ่นที่แทนคำพูดมากมาย เนิ่นนานไปถึงสิบนาที ชายหนุ่มที่รับรู้ว่าเด็กหญิงเริ่มหมดแรงจึงเอ่ยกับเด็กชาย “พ่อรักลูกนะ พ่อจะดูลูกจากบนนั้น ลูกต้องดูแลน้องให้ดีๆ แทนพ่อกับแม่นะ”

     

    เด็กชายร้องไห้อีกรอบ ก่อนที่จะรับทารกน้อยเข้ามาในอ้อมแขน พลางเอ่ยถามบิดาด้วยเสียงสั่นๆ ”ทำไมพวกเขาต้องทำพ่อ?

     

    “มนุษย์ทั่วไปล้วนหวาดกลัวสิ่งที่ต่างจากตน ลูกจำน้าซิเรเน่*ได้มั๊ย?”ชายหนุ่มเอ่ยกับลูกชาย พลันเหลือบมองทารกน้อยที่เริ่มเหงื่อแตกอย่างทั้งรักทั้งชัง

     

    เด็กชายกลั้นสะอื้นพยักหน้าอย่างสงสัย พลางนึกถึงหญิงสาวแสนใจดี เพื่อนของพ่อที่เป็นไซเรนซึ่งนานๆจะมาเยี่ยมครอบครัวของตนพร้อมกับขนมห่อใหญ่

     

    “ไปหาน้าเขานะลูก” ชายหนุ่มบอกพร้อมกับกอดเด็กทั้งสองคนเป็นครั้งสุดท้ายอย่างอาลัย

     

    “เป็นลูกผู้ชายห้ามร้องไห้รู้มั๊ย? ชายหนุ่มเอ่ยอีกครั้งพร้อมกับร่างกายที่ค่อยๆจางหายไป

     

    ความมืดเริ่มกลับมาอีกครั้งพร้อมกับดวงตาของทารกน้อยที่หมดแรงจนค่อยๆปิดลง

     

    ...

     

    เด็กชายลืมตาขึ้นมามองข้างๆบิดาที่ตอนนี้กลายเป็นต้นไม้ไปเสียแล้วอย่างเศร้าใจ ในอ้อมแขนของตนมีเด็กน้อยที่ตอนนี้หลับไม่รู้เรื่องอย่างน่าเอ็นดูจนเด็กชายเองก็อดที่จะยิ้มไม่ได้

     

    พ่อครับผมจะไม่ร้องไห้อีกแล้ว ผมสัญญา ผมจะดูแลน้องเอง เด็กชายปฎิญาณพร้อมกับอุ้มทารกน้อยไปในห้องของมารดาเพื่อเอาสัมภาระสำหรับการเดินทาง ก่อนที่พวกชาวบ้านที่โง่เขลาจะกลับมา

     

    “รีเมอร์ซี นี่คือชื่อของน้องนะ” เด็กชายบอกเด็กหญิงตัวน้อยในอ้อมแขน

     

    ขอบคุณ ที่เขาตั้งชื่อนี้ไม่ใช่เพียงเพราะว่าเป็นคำที่พ่อพูดกับน้องเป็นคำแรก แต่ขอบคุณที่เกิดมา เป็นที่พึ่งพิงในใจให้เขายามเกิดจุดพลิกผันในชีวิต ขอบคุณที่เป็นตัวแทนของมารดาและบิดาที่เสียไป ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่เด็กตัวน้อยมอบให้เขา

     

     

    หลังจากจุดเปลี่ยนของเด็กชายชนบทสี่ปี

     

    “คิกๆ” เด็กหญิงตัวน้อยกลั้นหัวเราะอย่างร่าเริงบนต้นไม้ที่อยู่ตรงเชิงผาริมทะเลดวงตาสีแดงข้างสีดำข้างทอดมองไปยังพี่ชายวัยสิบปีที่กำลังคุยกับต้นไม้ที่ตนอาศัยหลบซ่อนอยู่ ทันที่ที่ผู้เป็นพี่ชายเงยหน้าขึ้นมาเด็กหญิงก็กระโดดลงทะเลไป

     

    “รีม อย่าให้พี่ต้องใช้สาหร่ายจับน้องนะ” เด็กชายพูดกับเด็กหญิงที่คาบหลอดไม้ซ่อนตัวอยู่ใต้ทะเลอย่างแนบเนียน

     

    “โธ่!พี่ก็ขัดขวางความสุขข้าเสียจริง” เด็กหญิงพูดกับพี่ชายทีลงมากับเถาวัลย์หลังจาขึ้นจากน้ำแล้วอย่างเซ็งๆ

     

    “ถ้าความสุขของเจ้าหมายถึงความสนุกที่ได้แกล้งข้า ข้ายินดีอย่างยิ่งที่จะขัดขวาง” เด็กชายพูดพลางเช็ดให้น้องสาววัยสามปีเสียงเรียบ ทำให้คนผิดสะดุ้งออก ก่อนจะหัวเราะแห้งๆอย่างเสียไม่ได้

     

    “ก็ได้ๆ ข้าผิดเองแหละ แค่แกล้งพี่นิ...”

     

    “ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ” เด็กชายพูดต่อจากน้องสาวตัวดี พลางสะบัดมือใช้พลังความมืดเก็บผ้าผืนนั้นไป

     

    “ก็..”

     

    “เอ้า!พวกเจ้าอยู่นี่เอง” เสียงหวานเอ่ยขึ้นขัดเสียงของเด็กหญิงตัวน้อย ทำให้ทั้งสองเงยหน้าขึ้นไปดูบนท้องฟ้าที่มีหญิงสาวปีกขาวบินอยู่ เด็กหญิงยิ้มอย่างดีใจเพราะว่าเจอทางแกล้งพี่ชายอีกครั้ง

     

    “ท่านน้า พี่ชายแกล้งข้า” เด็กหญิงเบะปากทำท่าเหมือนจะร้องไห้ทำให้พี่ชายอดจะส่ายหน้าไม่ได้ ส่วนไซเรนสาวก็หัวเราะหลังจากใช้กรงเล็บลงสู่พื้น เพราะรู้ดีว่าใครแกล้งใครกันแน่

     

    “งั้นหรือ? ว่าไงเควนแกล้งอะไรน้อง” รีเมอร์ซีแอบยิ้มก่อนเพราะคิดว่าท่านน้าเข้าข้างตน ก่อนจะไปกอดเอวท่านน้าซิเรเน่ของนางอย่างเอาใจ พร้อมกับหันมายักคิ้วให้พี่ชายอย่างเหนือกว่า

     

    เควนตินอมยิ้มเล็กๆกับน้องสาวก่อนที่จะเดินตามคนทั้งสองที่เดินนำกลับถ้ำไป

     

     

     

     

    หมายเหตุ ท่านใดเชี่ยวชาญภาษาฝรั่งเศส และอิตาลีช่วยบอกด้วยว่าผู้เขียนเขียนคำอ่านถูกหรือไม่ เนื่องจากมาจากกูเกิ้ล

    *Quentin ชื่อจากวิกิพีเดีย

     **Remercier จากกูเกิ้ลแปลภาษา แปลว่าthankค่ะ

    ***sireneจากการเอาคำว่าsirensไปให้อากู๋แปล

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×