คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ฝันร้ายของจอมมาร -เมื่อถึงจุดเปลี่ยน
ข้ามองเห็นตัวเองในวัยเด็ก ทั้งๆที่พยายามปิดตาลง เนื่องจากรู้สิ่งที่จะเกิดขึ้น แต่กระนั้นข้าก็ยังเห็นเด็กชายเจ้าของดวงตาสีเขียวทอประกายสดใส หัวเราะเสียงดังกับผู้เป็นบิดา นัยน์ตาใสซื่อจับจ้องมองไปที่ต้นไม้ต้นน้อยที่งอกขึ้นมาอย่างอัศจรรย์ ด้วยอำนาจของสายเลือดดรายแอดส์จากผู้เป็นย่าที่ไหลเวียนอยู่ในกายของบิดา
หญิงสาวในชุดผ้าฝ้ายเนื้อหยาบขาดๆ เดินมาหาผู้เป็นสามีและบุตรด้วยความยากลำบากอย่างคนท้องแก่ใกล้คลอด ดวงตากลมหวานซึ้งสีดำสนิททอดมองบุตรที่วิ่งเข้ามาหาตนด้วยความสุขใจ ก่อนจะสบตากับสามีที่มองตนด้วยความรักและเวทนาอย่างอาลัยด้วยรู้สิ่งที่จะเกิดขึ้นเช่นเดียวกับภรรยา
ในขณะที่ทั้งสามกำลังประคับประคองหญิงสาวกลับบ้านหลังเล็กปลายผืนนา ฟ้าก็ผ่า เป็นสัญญาณของสายฝนที่กำลังจะเทลงมาสู่ผืนดินเบื้องล่าง ชายหนุ่มรีบมองหาที่พักหลบฝนด้วยความเป็นห่วงบุตรชายตัวน้อยและภรรยาที่ใกล้คลอดอย่างเร่งรีบ
ก่อนที่ชายหนุ่มจะเร่งประคับประคองภรรยาและบุตรชายไปที่ต้นไม้ใหญ่ แล้วใช้สายเลือดปีศาจที่ตนปกปิดจากคนนอกครอบครัว สั่งให้ต้นไม้ใหญ่ใช้ใบไม้ช่วยกันหยาดน้ำฝนที่เทกระหน่ำลงมา ไม่ให้แตะต้องร่างกายภรรยาที่ยามนั้นหน้าซีดเผือดจนน่ากลัว
ชายครึ่งปีศาจตัดสินใจทิ้งภรรยากับบุตรไว้ เมื่อเห็นฝนที่ไม่มีทีท่าจะหยุด ก่อนจะวิ่งฝ่าสายฝนไปนำร่มที่บ้านมารับทั้งสอง เนื่องจากภรรยาใกล้คลอดเต็มทีแล้ว
ในขณะที่หญิงสาวเริ่มเจ็บท้องจนทนไม่ไหวกรีดร้องออกมา เด็กชายที่ตื่นตระหนกก็ได้แต่โอบกอดมารดาด้วยทำอะไรไม่ถูก จนกระทั่งน้ำคร่ำไหลออกมา เด็กชายวัยหกขวบจึงแทบสติแตก มือน้อยๆ โอบกอดมารดาไว้แน่นในขณะที่หัวสมองสับสนวุ่นวาย ใจหนึ่งบอกให้รอบิดา ใจหนึ่งก็เกรงว่าจะไม่ทันการณ์
ก่อนที่เด็กชายจะสังเกตเห็นต้นไม้ที่ตนอาศัยหลบฝนอยู่ จึงยิ้มออกมาด้วยความดีใจ เด็กชายจึงลองใช้เศษเสี้ยวพลังที่อยู่ในกาย อ้อนวอนต่อต้นไม้ชราให้ช่วยมอบรากไม้ที่อยู่ลึกกว่าสิบเมตรให้ตน เนื่องจากเป็นยาสมุนไพรหายากชั้นเยี่ยม
พลังปีศาจอันน้อยนิดของเด็กชายถูกดึงออกมาเพื่อใช้บังคับต้นไม้ต้นใหญ่ให้ยกรากขึ้นมา ในขณะเด็กชายจำใจปล่อยมารดาที่เหงื่อแตกกรีดร้องอย่างเจ็บปวด เพื่อที่จะเอื้อมมือไปรับรากไม้ยกตัวขึ้นสู่ผืนดินอย่างใจจดใจจ่อ ก็มีบางอย่างกระแทกเข้าสู่อ้อมกอดเล็กๆของเด็กชายจนร่างเล็กลอยออกไปไกล พร้อมกับฟ้าที่ผ่าเปรี้ยงลงมาที่ไม้ใหญ่!
เด็กชายกรีดร้องร่ำไห้ออกมาเมื่อเห็นสภาพมารดาที่โดนฟ้าผ่าลงมา มีเพียงดวงตาสีดำคุ้นเคยที่เบิกโพลง เป็นเครื่องยืนยันว่าร่างไหม้เกรียมไม่ต่างจากต้นไม้นั่นเป็นมารดาผู้ให้กำเนิด ดวงตาสีเขียวน้ำตาคลอจับจ้องไปที่ร่างของทารกหญิงในอ้อมแขนที่ลอยกระแทกตนจนออกมาจากโคนต้นไม้ ที่ใช้ดวงตาสองสีจ้องมองกลับมาที่ตน
เด็กหญิงเอียงคอน้อยๆอย่างงุนงงที่อยู่ๆคนที่อุ้มก็กระชับอ้อมแขนขึ้น แรงสะอื้นถูกส่งมาพร้อมกับหยาดน้ำที่ไหลออกมา เด็กหญิงเอื้อมมือป้อมๆเช็ดน้ำตาให้คนตรงหน้า อะไรบางอย่างบอกเด็กน้อยถึงสายสัมพันธ์ของตนกับตนตรงหน้า ทำให้เด็กน้อยกอดผู้เป็นพี่ชายอย่างอ่อนโยน สัมผัสที่เหมือนกับของมารดาทำให้เด็กชายร้องไห้หนักกว่าเดิมท่ามกลางสายฝนที่เริ่มทุเลาลง
เด็กชายเริ่มหยุดแรงสะอื้นเมื่อสำนึกได้ว่ายังมีอีกหนึ่งชีวิตที่ตนต้องปกป้องแทนมารดา มือเล็กๆอุ้มเด็กหญิงในอ้อมแขนก่อนจะเดินไปหาที่พึ่งพิงสุดท้ายที่ยังไม่กลับมาด้วยความเป็นห่วงปนเศร้าใจ
แต่เด็กชายก็ต้องหาที่หลบเมื่อเห็นชาวบ้านสี่ห้าคนที่พยุงกันออกมาจากบ้านของตน สภาพแต่ละคนมีเถาวัลย์รัดแขนขาจนเลือดซิบ ชายคนหนึ่งยังมีต้นไม้ต้นเล็กที่งอกออกมาจากบริเวณเข่า บางคนสิ้นสติ สิ้นลมหายใจไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนกลุ่มนี้ต้องต่อสู้กับผู้เป็นบิดา
ทันทีที่คนกลุ่มนั้นจากไปไกลพอควรเด็กชายก็รับวิ่งเข้าไปในบ้านทันที หัวใจระดมเต้นกันอย่างหวาดกลัว....แล้วก็แทบหยุดเต้นเมื่อเห็นผู้เป็นบิดาที่นอนนิ่ง ผิวหนังของ มนุษย์เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเปลือกไม้ บ่งบอกถึงวาระสุดท้ายที่ไม่มีทางหลีกเลี่ยง
“พ่อ... พ่อครับ” เด็กชายเอ่ยเสียงสั่น วางทารกน้อยลงข้างกาย ก่อนจะวางมือบนใบหน้าของบิดาที่เริ่มแข็งกระด้างขึ้น
“เควน เควนติน*ลูกหรือ?” ผู้เป็นบิดาพูดขึ้นแม้จะลืมตาไม่ได้ ริมฝีปากขยับช้าๆอย่างยากลำบาก น้ำเสียงก็สั่นพร่า เบาเสียจนลูกชายคนเดียวต้องร้องไห้อีกรอบ เพราะรู้ถึงเปลวเทียนแห่งชีวิตของพ่อที่ใกล้จะดับลงไปทุกที
“ครับ พ่อต้องไม่เป็นอะไรนะครับ ตื่นขึ้นมาสิครับ ......แม่...แม่เขาก็ทิ้งผมไปแล้ว ผมเหลือแต่พ่อกับน้อง พ่อดูสิครับ ดูน้องสิ”
เด็กหญิงมองคนแปลกหน้าที่พี่ชายของตนกอดอยู่ ดูก็รู้ว่าคงจะเหลือเวลาอีกไม่นาน แต่ละการพูดของเขาช่างดูยากลำบาก เด็กน้อยไม่เข้าใจนักในสิ่งที่คนทั้งสองคุยกัน แต่ก็อยากให้ทั้งสองคนมีเวลาคุยกันมากกว่านี้ มือน้อยๆจึงเอื้อมไปที่ชายแปลกหน้า ท่ามกลางความแปลกใจของพี่ชาย
ความมืดจากฝ่ามือเด็กน้อยเริ่มขยายตัวก่อนจะคลุมตัวคนทั้งสาม เมื่อความมืดหายไปทั้งสามก็มาอยู่ในสถานที่ที่เด็กชายเกลียดที่สุด คือใต้ต้นไม้ใหญ่ แต่ที่เปลี่ยนไปคือร่างของผู้เป็นบิดาที่กลับมาสู่สภาพของมนุษย์อีกครั้ง ความเจ็บปวดทั้งหลายที่รุมเร้าชายหนุ่มจากการกลายสภาพก็หายไป
“รีเมอร์ซี*”ชายหนุ่มบอกกับเด็กทารกน้อยที่ตนอุ้มเข้ามาในแขนแกร่งของตนอย่างอ่อนโยนพลาง ใช้แขนอีกข้างโอบกอด ปิดปากเด็กชายที่กำลังจะเอ่ยปากถาม
ไร้ความรู้สึก เฉกเช่นในความฝัน แต่ทั้งสามก็สัมผัสได้ถึงไออุ่นที่แทนคำพูดมากมาย เนิ่นนานไปถึงสิบนาที ชายหนุ่มที่รับรู้ว่าเด็กหญิงเริ่มหมดแรงจึงเอ่ยกับเด็กชาย “พ่อรักลูกนะ พ่อจะดูลูกจากบนนั้น ลูกต้องดูแลน้องให้ดีๆ แทนพ่อกับแม่นะ”
เด็กชายร้องไห้อีกรอบ ก่อนที่จะรับทารกน้อยเข้ามาในอ้อมแขน พลางเอ่ยถามบิดาด้วยเสียงสั่นๆ ”ทำไมพวกเขาต้องทำพ่อ?”
“มนุษย์ทั่วไปล้วนหวาดกลัวสิ่งที่ต่างจากตน ลูกจำน้าซิเรเน่*ได้มั๊ย?”ชายหนุ่มเอ่ยกับลูกชาย พลันเหลือบมองทารกน้อยที่เริ่มเหงื่อแตกอย่างทั้งรักทั้งชัง
เด็กชายกลั้นสะอื้นพยักหน้าอย่างสงสัย พลางนึกถึงหญิงสาวแสนใจดี เพื่อนของพ่อที่เป็นไซเรนซึ่งนานๆจะมาเยี่ยมครอบครัวของตนพร้อมกับขนมห่อใหญ่
“ไปหาน้าเขานะลูก” ชายหนุ่มบอกพร้อมกับกอดเด็กทั้งสองคนเป็นครั้งสุดท้ายอย่างอาลัย
“เป็นลูกผู้ชายห้ามร้องไห้รู้มั๊ย?” ชายหนุ่มเอ่ยอีกครั้งพร้อมกับร่างกายที่ค่อยๆจางหายไป
ความมืดเริ่มกลับมาอีกครั้งพร้อมกับดวงตาของทารกน้อยที่หมดแรงจนค่อยๆปิดลง
...
เด็กชายลืมตาขึ้นมามองข้างๆบิดาที่ตอนนี้กลายเป็นต้นไม้ไปเสียแล้วอย่างเศร้าใจ ในอ้อมแขนของตนมีเด็กน้อยที่ตอนนี้หลับไม่รู้เรื่องอย่างน่าเอ็นดูจนเด็กชายเองก็อดที่จะยิ้มไม่ได้
‘พ่อครับผมจะไม่ร้องไห้อีกแล้ว ผมสัญญา ผมจะดูแลน้องเอง’ เด็กชายปฎิญาณพร้อมกับอุ้มทารกน้อยไปในห้องของมารดาเพื่อเอาสัมภาระสำหรับการเดินทาง ก่อนที่พวกชาวบ้านที่โง่เขลาจะกลับมา
“รีเมอร์ซี นี่คือชื่อของน้องนะ” เด็กชายบอกเด็กหญิงตัวน้อยในอ้อมแขน
ขอบคุณ ที่เขาตั้งชื่อนี้ไม่ใช่เพียงเพราะว่าเป็นคำที่พ่อพูดกับน้องเป็นคำแรก แต่ขอบคุณที่เกิดมา เป็นที่พึ่งพิงในใจให้เขายามเกิดจุดพลิกผันในชีวิต ขอบคุณที่เป็นตัวแทนของมารดาและบิดาที่เสียไป ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่เด็กตัวน้อยมอบให้เขา
หลังจากจุดเปลี่ยนของเด็กชายชนบทสี่ปี
“คิกๆ” เด็กหญิงตัวน้อยกลั้นหัวเราะอย่างร่าเริงบนต้นไม้ที่อยู่ตรงเชิงผาริมทะเลดวงตาสีแดงข้างสีดำข้างทอดมองไปยังพี่ชายวัยสิบปีที่กำลังคุยกับต้นไม้ที่ตนอาศัยหลบซ่อนอยู่ ทันที่ที่ผู้เป็นพี่ชายเงยหน้าขึ้นมาเด็กหญิงก็กระโดดลงทะเลไป
“รีม อย่าให้พี่ต้องใช้สาหร่ายจับน้องนะ” เด็กชายพูดกับเด็กหญิงที่คาบหลอดไม้ซ่อนตัวอยู่ใต้ทะเลอย่างแนบเนียน
“โธ่!พี่ก็ขัดขวางความสุขข้าเสียจริง” เด็กหญิงพูดกับพี่ชายทีลงมากับเถาวัลย์หลังจาขึ้นจากน้ำแล้วอย่างเซ็งๆ
“ถ้าความสุขของเจ้าหมายถึงความสนุกที่ได้แกล้งข้า ข้ายินดีอย่างยิ่งที่จะขัดขวาง” เด็กชายพูดพลางเช็ดให้น้องสาววัยสามปีเสียงเรียบ ทำให้คนผิดสะดุ้งออก ก่อนจะหัวเราะแห้งๆอย่างเสียไม่ได้
“ก็ได้ๆ ข้าผิดเองแหละ แค่แกล้งพี่นิ...”
“ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ” เด็กชายพูดต่อจากน้องสาวตัวดี พลางสะบัดมือใช้พลังความมืดเก็บผ้าผืนนั้นไป
“ก็..”
“เอ้า!พวกเจ้าอยู่นี่เอง” เสียงหวานเอ่ยขึ้นขัดเสียงของเด็กหญิงตัวน้อย ทำให้ทั้งสองเงยหน้าขึ้นไปดูบนท้องฟ้าที่มีหญิงสาวปีกขาวบินอยู่ เด็กหญิงยิ้มอย่างดีใจเพราะว่าเจอทางแกล้งพี่ชายอีกครั้ง
“ท่านน้า พี่ชายแกล้งข้า” เด็กหญิงเบะปากทำท่าเหมือนจะร้องไห้ทำให้พี่ชายอดจะส่ายหน้าไม่ได้ ส่วนไซเรนสาวก็หัวเราะหลังจากใช้กรงเล็บลงสู่พื้น เพราะรู้ดีว่าใครแกล้งใครกันแน่
“งั้นหรือ? ว่าไงเควนแกล้งอะไรน้อง” รีเมอร์ซีแอบยิ้มก่อนเพราะคิดว่าท่านน้าเข้าข้างตน ก่อนจะไปกอดเอวท่านน้าซิเรเน่ของนางอย่างเอาใจ พร้อมกับหันมายักคิ้วให้พี่ชายอย่างเหนือกว่า
เควนตินอมยิ้มเล็กๆกับน้องสาวก่อนที่จะเดินตามคนทั้งสองที่เดินนำกลับถ้ำไป
หมายเหตุ ท่านใดเชี่ยวชาญภาษาฝรั่งเศส และอิตาลีช่วยบอกด้วยว่าผู้เขียนเขียนคำอ่านถูกหรือไม่ เนื่องจากมาจากกูเกิ้ล
*Quentin ชื่อจากวิกิพีเดีย
**Remercier จากกูเกิ้ลแปลภาษา แปลว่าthankค่ะ
***sireneจากการเอาคำว่าsirensไปให้อากู๋แปล
ความคิดเห็น