The Darkness World
เมื่อโลกต้องเผชิญหน้ากับมังกร โลกที่สวยงามจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ความรัก ความกล้า ความตาย ทุกอย่างล้วนมีค่าสำหรับโลกในตอนนี้
ผู้เข้าชมรวม
65
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
บทที่ 1 การพบเจอ
“ในปีค.ศ.2524ได้มีอุกกาบาตลูกหนึ่งมาชนโลกครับและเพราะเหตุนี้จึงทำให้โลกของเราเปลี่ยนไปมากแต่สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือสิ่งที่ติดมากับอุกกาบาตครับ” “มันคืออะไรล่ะ?” เสียงหนึ่งตะโกนขึ้นมาถามผม “ทางเราก็ยังไม่รู้แน่ชัดเกี่ยวกับสิ่งนั้นครับแต่ที่รู้ๆคือมันมีลักษณะคล้ายมังกรและมันสามารถเพาะพันธ์ได้อย่างรวดเร็วมากครับจนตอนนี้ทางเราก็ยังไม่สามารถจัดการได้ แต่ในนามของหน่วย The Wolf เราจะต้องหาทางจัดการกับมันให้ได้ครับ” “แล้วตกลงคุณรู้วิธีจัดการกับมันรึยังล่ะ?” ท่านนายกถามผมด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “เอ้อ …………….ทางเราก็ยังไม่ทราบเหมือนกันครับ” “คุณก็คงเอาเงินของรัฐบาลไปทิ้งอีกใช้มั้ยล่ะ” เสียงหนึ่งตะโกนขึ้นประท้วง และหลังจากนั้นก็มีอีกหลายเสียงตะโกนประท้วงขึ้นมาจนทำให้ผมต้องลงจากเวทีไป…….. นั้นคือเหตุการณ์เมื่อสองปีที่แล้วครับ ณ ปัจจุบัน ผมเป็นทหารยศจิ้งจอกทองแล้วครับตอนนี้โลกของเราเปลี่ยนไปมากจนแทบจำไม่ได้เลย ทุกๆวันนี้ผู้คนคงทำได้แต่หนีเอาชีวิตรอดไปให้นานที่สุดและตอนนี้ความหวังเดียวของมนุษย์ก็คงขึ้นอยู่กับหน่วย The Wolf ที่เมื่อก่อนไม่เคยมีใครสนันสนุนเราเลยแม้แต่คนเดียวและวันนี้ก็เป็นวันที่ผมต้องไปสอนเด็กใหม่อีกแล้วผมรู้สึกเบื่อหน่ายจังเลย “เฮ้อ…………..ชีวิตแนวหน้ามันช่างลำบากจริงๆ” ผมบ่นไปพร้อมกับเดินไปรับเด็กใหม่ โอเค!!!!!!!ลุย “ทุกคนตั้งใจฟังผมด้วยครับ” หลังจากนั้นทุกๆคนก็หันหน้ามาทางผมกันหมด ผมตั้งสติแล้วเริ่มพูดต่อว่า “ตั้งแต่วันนี้ผมจะมาเป็นครูฝึกของพวกคุณเอง และ ……”ผมยังพูดไม่ทันจบก็มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมาว่า “อย่าล้อกันเล่นสิ นายยังเด็กอยู่เลยจะมาเป็นครูฝึกของฉันได้ยังไง 555555” หลังจากนั้นทุกคนก็ขำกันใหญ่ ผมจึงตอบกลับไปว่า“โอเคถ้าคุณไม่เชื่อว่าผมจะมาเป็นครูฝึกของคุณได้คุณก็ลองมาสู้กับผมไหมล่ะครับ” ผมพูดตอบกลับไปด้วยความโกรธ “ขอโทษฉันไม่อยากรังแกเด็กว่ะ5555” ทุกคนขำผมกันอีกแล้วผมจึงตอบกลับไป “งั้นคุณก็โจมตีมาที่ผมเลยและที่แน่ๆไม่ต้องออมมือ” “ถ้าแกตายไปอย่ามาโทษกันน่ะ” เขาตอบผมมาด้วยน้ำเสียงที่กวนมาก และ เขาก็เริ่มเหวี่ยงหมัดขวาเข้ามาที่ผมอยู่หลายหมัด แต่ การหลบหมัดของเขาก็ไม่ได้ยากอะไรมาก ผมเบี่ยงตัวหลบหมัดเขาไปเรื่อยๆ นานพอสมควร เขาเริ่มกลัวผมบ้าง แต่เขาก็ยังคงสู้ และ ก็พูดว่า “แค่ออมมือแหละหน่ารอบนี้จะเอาจริงแล้วน่ะเตรียมตัวไว้ให้ดีหล่ะ” 555น่าขำจังเขาพูดท้าผมอีกทั้งๆที่เขาก็กลัวผม ผมจึงตอบกลับไปพร้อมกับแสยะยิ้มว่า “ได้ผมจะระวัง ขอบคุณที่เตือน” และเขาก็เริ่มเหวี่ยงขามาที่หน้าของผมๆจึงจับขาของเขาแล้วหัก เขาลงไปดิ้นบนพื้นแต่ก็ยังพยายามลุกขึ้นมาสู้ผมคงต้องรีบจัดการเขาแล้วล่ะเพราะถ้ารอต่อไปผมคงไม่มีเวลาสอนเด็กใหม่คนอื่นๆแน่ หลังจากนั้นผมจึงสวนหมัดไปที่ขมับของเขาคนนั้นจนสลบไป “ทหารๆพาคนๆนี้ไปปฐมพยาบาลหน่อย” ผมเรียกทหารที่เฝ้าดูอยู่ห่างๆ เด็กใหม่คนอื่นต่างทำสีหน้าที่ดูหวาดกลัวผม บางคนก็เหงื่อแตก ผมจึงแกล้งพูดออกไปว่า “ใครที่ไม่ฟังผมต้องเจอแบบนั้น” ทุกคนจึงขานตอบกลับมาด้วยเสียงที่ซึมๆว่า “ครับ/ค่ะ” “โอเคงั้นผมขานชื่อใครคนนั้นตอบน่ะครับ” “ มิกิ” “ครับ” “ซากุ” “ค่ะ” “ทานาบาโอะ” “ครับ” “อาสึนะ” “ค่ะ” ผมถึงกับอึ้งเมื่อได้เห็นหน้าเธอของเธอคนนั้นมันเป็นหน้าที่ผมไม่ได้เห็นมานานเหลือเกิน………… ย้อนกลับไปเมื่อ สองปีที่แล้วหลังจากที่ผมได้คนประท้วงนั้นในขณะที่ผมกำลังจะกลับไปที่ฐานผมก็เห็นมังกรกำลังจะทำร้ายผู้หญิงคนนี้อยู่ผมจึงคว้าดาบของผมขึ้นมาทันทีและฟันไปที่คอของเจ้ามังกรตัวนั้นแต่ผมก็ถูกมันเล่นงานไปจนได้และในตอนที่มันกำลังจะพ่นไฟใส่ผมอยู่ดีๆมังกรตัวนั้นก็ล้มลง และ สิ่งที่ผมเห็นก็คือเธอคนนี้กำลังร้องไห้ และ ในมือของเธอก็ได้กำมีดอยู่และผมก็ได้รู้ว่าเธอคือคนช่วยชีวิตผมไว้ผมได้แต่เงียบแล้วเดินจากไป แหวบแรกที่ผมได้เห็นเธอนั้นผมก็ตกหลุมรักเธอซะแล้ว แต่ผมก็ต้องเก็บมันไว้ในใจเพราะกฏขององค์กรที่สำคัญที่สุดก็คือห้ามมีความรักหลังจากวันนั้นผมได้แต่พยายามลืมเธอจนหนึ่งปีให้หลังผมก็สามารถลืมเธอได้แต่วันนี้อดีตมันก็ย้อนกลับมาเล่นงานผมจนได้ ผมคิดไม่ออกว่าจะแก้ไขยังไงดี ผมจึงรีบเดินหนีไป แต่เด็กใหม่พวกนั้นก็ยังเรียกผม และเธอคนนั้นก็เดินตามผมมาในขณะนั้นหน้าของผมนั้นแดงไปหมดแล้ว ผมจึงวิ่งและรีบตรงดิ่งมาที่ห้องพักของผมและหมกตัวอยู่ในห้องนั้นทั้งวัน อีกวันหนึ่งผมก็โดนสั่งพักงานหนึ่งเดือนทันที ผมจึงเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้อง แต่อยู่ดีๆก็มีเสียงเคาะประตูห้องผมจึงเปิดประตูนั้นเพื่อดู ปรากฏว่าเป็นเธอคนนั้นนี้เอง “สวัสดีค่ะ” เธอคนนั้นพูด ในตอนนั้นผมอยากจะปิดประตูนั้นมากแต่ใจมันก็ไม่ให้ “เชิญเข้ามาเถอะครับ” ผมบอกเธอไป “ขออนุญาตน่ะค้า” แล้วเธอก็เดินเข้ามาในห้องผมของผมจริงและเธอก็นั่งลงบนโซฟาของผม กลิ่นตัวของเธอนั้นช่างหอมจริงๆ และอยู่ดีๆเธอคนนั้นยื่นตระกร้าให้ผมพร้อมกับพูดว่า “ของฝากค่ะอาจารย์>///<” ในขณะนั้นผมพูดอะไรไม่ออกจริงๆ-///-ผมจึงรับ มาและตอบว่า “ขอบคุณ” กลับไป แต่เธอก็ยังสวนมาอีกว่า “ไม่เป็นไรค่ะ อาจารย์^^” ผมรู้สึกแปลกๆที่เธอเรียกผมว่าอาจารย์ผมจึงบอกกับเธอว่า “คิริกายะ คาซึโตะ ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” และผมก็หวังว่าเธอคงจะเรียกผมว่า คาสึโตะเฉยๆและเธอก็พูดอีกว่า “ยูกิ อาสึนะ ค่ะยินดีที่ได้รู้จักค่ะ อาจารย์” “เอ่อ เรียกคาสึตะ เฉยๆก็ได้ครับ” “ ค่ะ อาจารย์ คาซึโตะ” โอเคเธอก็ยังไม่เข้าใจความหมายของผมอยู่ดี ผมเริ่มสงสัยแล้วว่าเธอมาทำไมจึงถามเธอไปว่า “อาสึนะ มีธุระอะไรเหรอครับ” “ก็ ไม่ได้มีอะไรหรอกค่ะ แต่…” “แต่อะไรเหรอครับ” “คืออยากให้อาจารย์สอนใช้ดาบหน่อยค่ะ” ตอนนั้นผมค่อนข้างรู้สึกผิดหวังกับคำพูดของเธอ ที่แท้เธอก็แค่อยากให้ผมสอนพิเศษให้เท่านั้นเองผมจึงพูดไปด้วยความโมโหหน่อยๆว่า “แล้วผู้หญิงอย่างคุณจะเรียนไปเพื่ออะไร=*=” ใบหน้าของเธอตอนนั้นดูเศร้าๆT^T ผมไม่น่าถามเธอด้วยเสียงอย่างนี้เลย ผมไม่น่าเอาความโกรธมารวมกับงานเลย แต่เธอก็เล่าเรื่องของเธอให้ฟัง“คือเมื่อประมาณสองปีก่อน เคยมีผู้ชายคนหนึ่งช่วยชีวิตจากมังกรน่ะค่ะแต่ยังไม่ทันขอบคุณเลยชายคนนั้นก็เดินจากไป เลยอยากขอบคุณชายคนนั้นน่ะค่ะ” ในตอนนั้นผมรู้แล้วว่าคนที่เธอกล่าวถึงคือใคร(กูเอง) แต่ผมก็แกล้งถามเธอไปว่าแล้ว “มันเกี่ยวอะไรกับการฟันดาบล่ะ” “คือ……………………………อยากปกป้องเขาคนนั้นไว้เหมือนที่เขาปกป้องฉันค่ะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูเขินอายมาก ผมล่ะขำเธอจริง “โอเคได้แต่มีข้อแม้อย่างหนึ่งเลิกเรียกผมว่าอาจารย์.” “ขอบคุณมากค่ะคาสึโตะ” และเธอก็วิ่งเข้ามากอดผม หลังจากวันนั้นผมก็ใช้เวลาที่ผมโดนสั่งพักงานสอนเธอฟันดาบตลอด หลังจากนั้นด้วยความที่ผมมีอายุใกล้เคียงกับเธอเราจึงมีความรักกันและสนิทกันเรื่อยๆ ต่อมาเธอก็ฟันดาบเก่งมากจนหลังจากที่ผมได้กลับเข้างานปกติผก็ชวนเธอไปล่ามังกรกันสองคน และ มังกรที่เราจะล่าก็คือ มังกรแห่งเงา นารูก้า มันมีลักษณะคือตัวทั้งตัวสีดำมีความเร็วสูงแต่จุดอ่อนของมันคือมันแพ้แสงสว่าง ดวงตาสามารถมองในความมืดได้อย่างชัดเจนแต่มันไม่สามารถมองเห็นในแสงสว่างได้เลย และนี้ก็เป็นครั้งแรกที่ได้ล่ามังกรกับอาสึนะเพราะฉะนั้น ต้องทำให้ดีที่สุด อ่ะ อาสึนะเดินมาพอดี “หวัดดีอาสึนะ” “หวัดดีค่ะ คาสึโตะคุง” “งั้นไปกันเลย” ผมเดินไปพร้อมคุยกับอาสึนะไปเรื่อย มันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตผม ไม่ว่าเธอจะพูดเรื่องไร้สาระขนาดไหนผมก็มีความสุขที่ได้ฟังเธอพูด และเราก็มาถึงหน้าถ้ำของนารูก้า จากนั้นเราสองคนก็เดินเข้าไปในถ้ำ ในถ้ำนั้นช่างมือจริงมันมืดมากจนเราสองคนนั้นมองไม่เห็นอะไรเลย และอยู่ดีๆก็มีตัวอะไรลงมาข้างหลัง โครม!!!! “มันอยู่ข้างหลัง” อาสึนะตะโกนออกมา พวกเราคงโชคร้ายแล้วแหละ เพราะผมไม่เคยเห็นนารูก้าที่ใหญ่ขนาดนี้ตัวของมันยาวซัก 5-7เมตร “หนีไป!!!=[]=” ผมตะโกนบอกอาสึนะเพราะผมคิดว่าถ้าให้อาสึนะช่วยด้วยอาสึนะต้องตายแน่ แต่อาสึนะก็ยังวิ่งเข้ามาข้างๆผมแล้วบอกว่า “ไม่เป็นไรหรอกฉันจะสู้อยู่เคียงข้างเธอเอง” ตูม!!!!!! ลูกไฟที่วิ่งออกจากปากนารูก้าพุ่งมาหาผม ผมรีบชักดาบขึ้นมาป้องกันการโจมตี และผมก็ต้องอึ้งเมื่ออาสึนะพุ่งเข้าไปฟันหลังของนารูก้าอยู่หลายครั้ง แต่เธอก็โดนหางของมันฟาดไปที่ท้องของเธอถึงอาสึนะจะใช้ชุดเกราะแต่ด้วยความแรงขนาดนั้นก็สามารถทำให้เธอตายได้ในทันที ผมเห็นอาสึนะล้มสลบไปบนพื้นความคิดของผมในตอนนั้นมันช่างเป็นเรื่องที่บอกไม่ถูกจริงๆแต่ที่รู้ๆคือ โกรธมีแต่ความโกรธเท่านั้น!!!!!! ผมรีบไปฟันมันด้วยดาบของผม และพยายามต้านดาบของมันให้ได้นานที่สุด และ ทำการโจมตีชุดใหญ่ ผมฟันไปที่ตัว ท้อง มือ และ ขา เพื่อให้มันไม่สามารถหนีไปไหนได้ และ การโจมตีครั้งสุดท้ายของผมคือตัดหัวของมันผมฟันไปที่หัวของมันอย่างเต็มแรงหัวของมันค่อยๆเลื่อนแล้วก็หลุดออกมาจากส่วนคอ เลือดของมันพุ่งขึ้นมาจากคอเหมือนน้ำพุ หลังจากนั้นผมก็รีบวิ่งไปดูอาสึนะที่สลบอยู่ผมร้องไห้ต่อหน้าร่างของเธอที่ไม่รู้ว่าตายหรือยัง ผมรีบโอบกอดอาสึนะเอาไว้ พร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินลงมาเริ่ย “เกิดอะไรขึ้นเหรอคาสึโตะ” อาสึนะกระซิบที่ข้างๆหูของผมเบาๆ “อาสึนะ เธอยังไม่ตาย ขอบคุณพระเจ้าๆ” ผมตะโกนออกมาด้วยความดีใจที่เห็นอาสึนะฟื้น หลังจากนั้นเราก็เริ่มนั่งกินอาหารเย็นกันและอยู่ดีอาสึนะก็พูดว่า “คาสึโตะ ทะแม่งๆไงไม่รู้ คิริกายะ คาสึโตะ อืม นี้คาสึโตะเรียกคาสึโตะว่าคิริโตะได้ไหม” “อืม คิริโตะ ก็ไม่เลวเชิญ” “เย้!!!! ดีใจจัง คิริโตะ คิริโตะ” แล้วเธอก็มากอดผม แต่ผมก็ยังรู้สึกแปลกๆกับนารูก้าที่ตัวใหญ่ขนาดนั้นอยู่ หลังจากที่อาสึนะหลับไป ผมจึงเดินไปเก็บเนื้อของนารูก้าเพื่อนำไปตรวจที่ศูนย์ หลังจากคืนนั้นเราสองคนก็กลับมาที่ศูนย์ และ รู้ภายหลังว่านารูก้าตัวนั้นเป็นจ่าฝูง เรื่องนี้กลายเป็นข่าวใหญ่ในองค์กรจนถึงหูท่านผู้บัญชาการจนเราสองคนถูกเชิญมาคุย “คาสึโตะคุง อาสึนะคุง คงรู้กฎหลักขององค์กรเราดีสินะ งั้นบทลงโทษของพวกเธอก็คือลดขั้นลงหนึ่งขั้น เพระฉะนั้น คาซึโตะคุง ยศ จิ้งจอกเงิน อาสึนะคุง ยศ สุนัข เงิน และ อาสึนะต้องโดนย้ายไปหน่วยทหารอากาศ พวกเธอสองคนจะได้ไม่ต้องรักกันอีก” ท่านผู้บัญชาการพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชามาก จนพวกเราสองคนไม่กล้าเถียงอะไรทั้งนั้นพวกเราได้แต่เพียงก้มหน้าและยอมรับความผิดทั้งหมดที่ได้กระทำลงไป หลังจากวันนั้นผมก็ช่วยอาสึนะเก็บกระเป๋า “คิริโตะคุงชั้นไม่อยากจากเธอไปเลย” อาสึนะพูดพร้อมน้ำตาที่ไหลรินลงมาเรื่อย “อาสึนะผมมั่นใจว่าซักวันหนึ่งเราต้องได้เจอกันอีกและได้อยู่ด้วยแน่” ผมไม่สามารถพูดอะไรนอกเหนือจากปลอบใจเธอได้ “จริงน่ะ คิริโตะ สัญญาน่ะคิริโตะ สัญญาน่ะ” “ได้ผมสัญญา” และนั้นคือคำพูดสุดท้ายที่เธอได้พูดกับผม และ เธอก็เดินจากผมไปด้วยน้ำตา หลังจากที่เธอไป ผมก็ระบายอารมณ์ทั้งหมดที่เก็บเอาไว้ผมได้แต่นั่งเก็บตัวอยู่ในห้องพักและร้องไห้ ผมอาจจะไม่สามารถเจอเธออีก นั้นอาจเป็นครั้งสุดท้ายที่เจอเธอ ผมไม่น่าชวนเธอไปล่ามังกรเลย อาสึนะจะอยู่ที่นู่นได้ไหม อาสึนะจะตายไหม จะมีใครมารังแกเธอไหม ผมได้แต่คิดเรื่องพวกนี้ซ้ำไปซ้ำมาเรื่อยๆ จนไม่เป็นอันทำงาน และ ผมคิดว่าตอนนี้อาสึนะก็คงทำเหมือนผมเป็นแน่ และ ผมก็ได้เข้าใจว่าคำว่า รักไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างแน่ชัดแล้ว
ผลงานอื่นๆ ของ Pol Tachakerdkamol ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Pol Tachakerdkamol
ความคิดเห็น