คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : chapter 2
เด็กสาว (หนุ่มหน้าหวาน) และเด็กหนุ่ม (หน้าหล่อ) ปรากฏกายขึ้นตรงหน้าหลังควันสีชมพูค่อยๆ จางหายไป บุคคลหน้าสวยใช้มือขวาขยี้ตาของตนเอง เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาก็ทักโกคุเทระด้วยหน้าตาที่เหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"ดี ทำไมทำหน้าเหมือนเห็นผีอย่างงั้นล่ะ"
ด้วยใบหน้าที่ดูไม่ออกว่าเจ้าตัวกำลังล้อเล่นอยู่รึเปล่าทำให้โกคุเทระหน้าเสีย แต่ก็ยังอุตส่าห์ขยับริมฝีปากถามไปว่า...
"แก..แกเป็นใครน่ะ..."
ด้วยใบหน้าที่ดูไม่ออกว่าเจ้าตัวกำลังล้อเล่นอยู่รึเปล่าทำให้หนุ่มหน้าหวานเริ่มหน้าเสีย แต่ก็ยังอุตส่าห์ขยับริมฝีปากตอบไปว่า..(ทำไมประโยคบรรยายมันซ้ำๆ กันเนี่ยฮะ)
"ก..ก็ ฉันอุริไง" เด็กหนุ่มตอบเสียงหวั่นๆ พลางเอานิ้วชี้หน้าตัวเอง
...
"บ้าน่า...งั้น ไอ้หมอนี่ก็...เป็น..."
"หือ..." เด็กหนุ่มอีกยื่นหน้าเข้ามาร่วมวงด้วย "หมายถึงผมเหรอ ก็ผมจิโร่ไงฮะ คุณโกคุเทระ"
"O[]O" โกคุเทระ
"O[]o" ยามาโมโตะ
คำบรรยายที่ดีที่สุดในตอนนี้คือ 'ตาเท่าไข่ห่านทองคำ' ค่ะ และดูเหมือน (คนที่อ้างว่า) เป็นอุริและจิโร่จะยังไม่รู้สึกตัวเลยซักนิดว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับร่างกายของเขา -_-;;
“งั้น...ทำไมนายถึงมีอะไรๆ เหมือนกับคนเลยล่ะ มายากลเหรอ คอสเพลย์เหรอ” ยามาโมโตะถามขึ้นด้วยความซื่อ อุริทำหน้างุนงงเล็กน้อย ส่วนจิโร่ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่พอเขาทั้งคู่ก้มหน้ามองตัวเองอีกครั้งนี่ล่ะ...
“เฮ้ยยย นี่มันอะไรเนี่ยยย ทำไมผมถึงมีมือมีขาแขนคอเหมือนคนล่ะครับ ผมก็ว่าทำไมวันนี้คุณยามาโมโตะดูตัวเล็กแปลกๆ ที่แท้ผมก็...ก็...บ้าน่า!! นี่มันการแสดงปาหี่เหรอครับ น่าตลกเนอะ” จิโร่
“อ๊ากกกก ไอ้บ้าโกคุเทระ!!! แกทำอะไรกับฉันเนี่ยฮะ!!! นี่แกคิดจะเอาฉันไปแยกชิ้นส่วนขายตามชายแดนรึไง ทำให้ฉันกลับไปเป็นเหมือนเดิมเดี๋ยวนี้นะเฟ้ยยย” อุริ
“ฉันอยากจะบอมบ์พวกแกจริงๆ ดูเหมือนพวกแกทั้งคู่จะสติหลุดไปแล้ว -_- สนใจรับกาแฟเย็นเพิ่มมั้ยคะ”
“อย่ามาดัดเสียงซะสะดิ้ง แกเอากระจกมาหน่อยซิ!!!” อุริเหงื่อแตกพลั่ก เขาชูมือเล็กๆ ของตัวเองที่มีนิ้วห้านิ้วขึ้นมามองอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง บ้า..นี่มันบ้าที่สุด!!
“งั้นเดี๋ยวฉันจะไปเอากระจกที่ห้องตรงข้ามมาให้ละกัน โกคุเทระก็ช่วยดูแลพวกนี้ไปก่อนนะ ^^” ว่าแล้วยามาโมโตะก็ลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งไปยังห้องฝั่งตรงข้ามทันที ทิ้งโกคุเทระและสัตว์ (สติแตก) ทั้งสองตัวไว้ที่ห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่
“อ๊ากกกก แกทำอะไรฉันฮะไอ้บ้า!!!! ตั้งแต่แรกแล้วที่แกไม่เคยเอ็นดูฉันซักนิด แค่พูดดีๆ ซักครั้งก็ไม่มี เวลาจะเรียกใช้งานก็จิกหัวใช้ยังกะทาส เวลาช่วยให้ความร่วมมือในการฝึกดีๆ ก็เอาของปาไล่แถมยังเอามือฟาดๆๆๆๆ ตบๆๆๆๆ จนเป็นรอยแดงเต็มตัวไปหมด ไอ้...ไอ้บ้ากลับชาติมาเกิด ถ้าฉันกลับเป็นเหมือนเดิมเมื่อไหร่จะขอจิกแกเนื้อหลุดหนังหัวถลอก แล้วเอาเกลือป้ายๆๆๆๆ ให้แสบร้อนแล้วแห่ประจานรอบเมืองนามิโมริสามวันเจ็ดวันเลยคอยดูสิ!” (อุริ..เธอบ้าไปแล้ว)
โกคุเทระนั่งกุมขมับ ไอ้ยามาโมโตะ สรุปว่านี่แกทิ้งฉันไว้ใช่มั้ย ที่แกไปหยิบกระจกเพื่อปล่อยฉันทิ้งไว้ท่ามกลางดงคนบ้าใช่มั้ยเนี่ย
“อ่ะ กระจกมาแล้วจ้า” ยามาโมโตะเปิดประตูเข้ามา ภายในมือเป็นกระจกบาร์บี้แต๋วแตกสีชมพูขนาดเล็กที่หาซื้อได้ตามตลาดโบ๊เบ๊และร้านขายของชำทั่วไป -_-;; จิโร่รีบคว้ากระจกมาทันที
“ขอบคุณฮะ” จิโร่เอ่ยขอบคุณเบาๆ พลางมองเงาของตัวเองในกระจก...
จิโร่แทบไม่เชื่อสายตาตนเองกับภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า นั่นมันคือมนุษย์ชัดๆ เด็กหนุ่มตาสีน้ำเงินกับผมสีน้ำตาลอ่อนในกระจก หากมองดีๆ มันก็คล้ายกับตนที่เขาเป็นสัตว์ในกล่องเหมือนกัน แถมในร่างมนุษย์ยังเป็นมนุษย์ประหลาดที่มีหูกับหางอีก...
“นายยังโอเคนะ..สติยังไม่ได้หลุดใช่ป่ะ?” ยามาโมโตะถามพลางเอานิ้วจิ้มๆ หน้าผากของจิโร่ (ที่แข็งเป็นหินไปแล้ว)
อุริชะโงกศีรษะเข้าไปแทรกกลางระหว่างยามาโมโตะและจิโร่...
“เป็นบ้าอะไรเนี่ย ไหนฉันขอ...” คำพูดของอุริหายไปแค่นั้น เพราะเงาในกระจกมันสะท้อนใบหน้าของอุริพอดี จากลูกแมวตัวเล็กกลายเด็กหนุ่มที่มีผมสี บลอนด์ทองปนแดงนิดๆ มีเพชรสีแดงตรงกลางหน้าผาก แต่ยังคงมีหูกับหางของแมวเหมือนเดิม...
ผีจูออนโผล่มาแลบลิ้นใส่ตรงหน้ายังช็อคไม่ได้ครึ่งของสิ่งนี้..
“บ้า..บ้า..ไม่จริง..บ้า..บ้า..ไม่จริง” อุริพึมพำออกมาจนจะกลายเป็นภาษาต่างดาว
“แกบ้าไปแล้วเหรอ.. -_-;;” โกคุเทระทำสีหน้าเนือยๆ ใส่
อีกมุมหนึ่งของห้อง...
“จริง..ไม่จริง..ฝัน..ไม่ฝัน..จริง..”
จิโร่ผู้ซึ่งสติหลุดไปแล้วนั่งเด็ดกลีบดอกกุหลาบเสี่ยงทายความรักเหมือนเด็กสาวแรกรุ่นอยู่ที่มุมมืดของห้อง =_=
-- - - -
สองนาทีต่อมา ณ ที่เก่าเวลาเดิม -_-
โกคุเทระสะกิดยามาโมโตะแล้วไปกระซิบที่ข้างๆ หู
“ดูท่าพวกมันจะสติหลุดไป ในฐานะเจ้าของ...เราทั้งคู่ควรจะเข้าไปปลอบใจแล้วบอกว่า ‘ฉันเข้าใจนายนะ’ โอเค้?”
“แต่ฉันไม่เข้าใจพวกนั้นอ่ะ การโกหกมันเป็นสิ่งไม่ดี...”
“แต่เรากำลังโกหกเพื่อให้มันไม่กัดลิ้นตายซะก่อน นี่คือสิ่งดี เพราะฉันก็ไม่เข้าใจพวกมันเหมือนกัน”
“แต่อย่างงี้ก็น่าจะสนุกดีนะ ถึงจะไม่เข้าใจว่ามายากลชุดนี้มันทำขึ้นมายังไง แต่ดูท่าคนเล่นเองมันจะตกใจเองแฮะ เหมือนคณะตลกสามช่าเลยเนอะ”
“มันไม่ใช่เรื่องตลกนะเฟ้ย!”
ปึง!!
ประตูถูกถีบออกด้วยความแรงจนประตูเปิดออก เงาสีดำๆ ของเด็กสองคนที่ด้านนอกเหมือนจะเป็นคนถีบประตูเข้ามา หนึ่งในนั้นพูดออกมาด้วยเสียงที่ดัดให้ทุ้มต่ำเหมือนอุลตร้าแมน
“หึ...พวกมนุษย์โลกนี่ช่างโง่เขลายิ่งนัก ความสุข ความทุกข์ เสียใจ ร้องไห้ ก็คือธรรมดาของชีวิต ปาฏิหาริย์จึงเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลาไงล่ะ” เสียงจากเด็กหนุ่มฝั่งซ้าย (ที่ดัดให้เสียงต่ำแบบน่ากลัว)
“ฉะนั้น ถ้าจะมีสิ่งมีชีวิตแปลกๆ อาทิเช่นสัตว์ประหลาดปรากฏขึ้นมาบนโลก เราก็จะเรียกว่าปาฏิหาริย์ และถ้ามันมาทำลายโลกก็จะขอเรียกว่าปาฏิหาริย์ ดังนั้นถ้าจะมีผู้ที่มาปราบสิ่งชั่วร้ายเช่นนั้นก็จะเป็นปาฏิหาริย์เช่นกัน” เสียงจากเด็ก (น่าจะ) สาวฝั่งขวา ที่พยายามดัดเสียงให้แหลมสูงแบบแม่มด
(พูดพร้อมกัน) “พวกเราคือ..!!!!”
“เกคิแรพเตอร์เรนเจอร์ที่ฉายช่องหกหลังข่าวค่ำใช่ม้า~” ยามาโมโตะเอ่ยแทรกอย่างมั่นใจสุดขีด (ฟิคนี่มันเริ่มออกอ่าวไปเรื่อยๆ)
“ใช่!!” เสียงจากเด็กชายฝั่งซ้ายที่ดูจากภาคภูมิใจกับการเปิดตัวนี้มาก
“บ้าเหรอกิงงะ นี่มันแม่มดสาวหัวใจคิก..คิกที่ฉายช่องแปดต่างหาก” อีกฝ่ายเถียง
“ก็เราตกลงกันแล้วนี่ฮานะว่าจะให้มันเป็นเกคิแรพเตอร์เรนเจอร์” อีกฝ่ายเริ่มสวนกลับบ้าง หากสังเกตดีๆ เริ่มจะมีควันออกมาจากหูของเด็กสาวทางซ้ายบ้างแล้ว
“ฉันต่างหากที่ต้องพูดน่ะกิงงะ”
“ฉันว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะ ดูซิงานเปิดตัวเราพังหมดเลย..”
“...!!”
เด็กสาวฝั่งขวาสะดุ้ง เนื่องจากนึกขึ้นได้ว่าตนเองทำเสียแผนจึงรีบโบกมือแล้วพูดเร็วจนลิ้นจะพันกัน
“อะแฮ่ม เอ่อ..ฉันว่าเราเข้าเรื่องกันดีกว่า” เด็กสาวแกล้งกระแอมไอกลบเกลื่อน ก่อนทั้งคู่จะเดินมาข้างหน้า เมื่อโกคุเทระและยามาโมโตะเมื่อจ้องไปหน้านั้น เขาทั้งคู่ก็ถึงกับอึ้งกิมกี่ทันทีเมื่อรู้ว่า...นั่นคือใคร
"แกมาที่นี่ทำไม ไอ้เด็กผีทะเลทั้งสอง (ตัว)" โกคุเทระเริ่มเปิดฉากไม่เป็นมิตรรุนแรงใส่ เด็กสาวผมสั้นประบ่าทำท่าสะบัดบ็อบใส่ก่อนจะเหยียดยิ้มออกมาด้วยท่าทางยียวนกวน xx (เซ็นเซอร์) ที่สุด
"พอดีนึกได้ว่าเรายังไม่ได้เเนะนำตัวอย่างเป็นทางการเลย ก็เลยมาเพื่อเปิดตัวซะหน่อยน่ะ" เสียงจากเด็กสาว
"แค่นี้เนี่ยนะ งั้นก็ทิ้งนามบัตรไว้แล้วไปได้แล้ว มันเหม็นขี้หน้า” โกคุเทระสวน เด็กสาวกำมือแน่น อารมณ์เริ่มเดือดปุดๆ ขึ้นมาบ้างแล้ว เสียงกัดฟันดังกรอดๆ..เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากของเธอ
“เฮอะ!! ได้ ฉันไปแน่ แต่หลังจากแนะนำตัวและชื่นชมผลงานตัวเองเสร็จน่ะนะ” เด็กสาวพูด “ฉันชื่อฮานะโนะยูคิ เรนะ ส่วนนี่เด็กผู้ชายคนนี้ เขาชื่อกิงงะ โฮชิ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ^^”
ประโยคแนะนำตัวที่มาจากซีรีส์เกาหลีตอนเช้าในช่องหกที่นางเอกใช้แนะนำตัวกับพระเอก ประโยคแนะนำตัวที่เรนะแสนจะภาคภูมิใจนักหนา ไม่เสียแรงจริงๆที่แอบลงมาดูละครบนโลกมนุษย์บ่อยๆ แม้จะถูกหัวหน้าทำโทษโดยการหวดจนขาลายหรือเทศนาจนสูญพันธุ์ก็ตาม และสุดท้ายพระเอกก็จะตอบนางเอกไปด้วยเสียงที่แสนจะนุ่มนวลและซาบซึ้งว่า...
“ใครเค้าอยากรู้จักหล่อนกัน” โกคุเทระ
“อยากมาทำให้ความใฝ่ฝันของหญิงสาวแตกสลายเซ่!! ไอ้หน้าเคะเอ๊ยยย!!!” เรนะสวนกลับด้วยอารมณ์เดือดชนิดปรอทแตก กล้าดียังไงมาทำพี่ชินวูฉันแปดเปื้อนฮะ!!
“ว..ว่ายังไงนะ ไอ้หน้าเคะเหรอ..O[]o แกอย่าอยู่เลยไอ้เด็กเปรตตตตตต!!” โกคุเทระประกาศพร้อมถลาเข้าไปเตรียมขว้างไดนาไมต์ใส่ เด็กสาวเห็นอย่างนั้นก็ผงะไปเล็กน้อยเมื่อไดนาไมต์จำนวนเต็มสองมืออยู่ตรงหน้า ใครที่หลบพ้นก็ไม่ใช่คนล่ะว้า...
...ลืมไป ก็เราเป็นกามเทพนี่...
"เอาน่าๆ โกคุเทระ" ยามาโมโตะเดินเข้าไปล็อกแขนโกคุเทระเอาไว้พลางยิ้มเจื่อนๆ "ใจเย็นๆ ก่อน.. เด็กเค้าพูดไปเพราะความซื่อน่า..."
"งั้นก็แปลว่ามันเป็นเรื่องจริงน่ะสิ TOT ไอ้บ้า!!!!"
"นี่ๆ ฮานะ ดูนี่สิ" เด็กผู้ชายที่ชื่อโฮชิชี้ไปทางอุริและจิโร่ในร่างคน "อย่างน้อยผลงานเราก็สำเร็จนะ เด็กเมพก็งี้แหละ ขนาดปรุงมั่วนะเนี่ย”
“ก็นะ แต่ฉันว่าถ้าใส่หัวตุ๊กแกเพิ่มไปอีกจะเจ๋งกว่านี้แน่!” เด็กสาวที่ชื่อเรนะออกความคิดเห็นด้วยใบหน้าภาคภูมิใจ ซึ่งขัดกับผู้ฟังทั้งสองคนที่ฟังอยู่มาก
“เดี๋ยวเซ่!! ถ้างั้นก็หมายความว่า ...ไอ้น้ำสีชมพูก็..?" โกคุเทระค่อยๆ เอ่ยถามอย่างช้าๆ แล้วค่อยๆ แกะแขนตัวเองให้หลุดจากการเกาะกุมของยามาโมโตะ ก็กะอยู่แล้วว่ามันไม่ได้มาดีแน่ แต่ถึงในใจจะพอรู้คำตอบกลายๆ แต่มัน...ทำใจไม่ได้
"ใช่แล้วจ้า/ใช่แล้วจ้า"
"แกอย่ามีชีวิตอยู่ต่อไปเลย!!" โกคุเทระตวาดลั่น ถ้าในมือเขามีมีดปังตอซักเล่มเขาคงฟาดหัวพวกมันทั้งสองคนเละไปแล้ว แต่ตอนนี้เราอยู่ในสถานภาพที่ด้อยกว่ามัน ถ้าผลีผลามอาจจะเกิดเรื่องขึ้นได้ เขาจึงได้แต่ตะโกนออกไปอย่างนั้นและใช้วิชาสงครามประสาทจ้องหน้าพวกเขา เพราะเรายังไม่รู้ว่าทางฝ่ายนั้นซ่อนไพ่อะไรเอาไว้อีก ถ้าเกิดมันซ่อนระเบิดเวลาหรือกับดักตุกติกอะไรเอาไว้เราตายกันหมดแน่ ตามตำราพิชัยสงครามบทที่เก้าหน้าที่ร้อยหกสิบเก้าย่อหน้าที่สอง ในยามที่อยู่ท่ามกลางวงล้อมของศัตรู ผู้ที่เยือกเย็นที่สุดจะเป็นผู้ชนะ ขงเบ้งได้กล่าวเอาไว้ =w=
..หารู้ไม่ว่า ฝ่ายนั้นที่ไม่มีไพ่อะไรซ่อนเอาไว้ก็ได้ยิดหลักตามตำราพิชัยสงครามบทที่แปดหน้าที่หนึ่งร้อยยี่สิบเจ็ดเช่นเดียวกัน ในยามที่เจ้าไม่มีไพ่ใดๆ บนมือ จงทำเหมือนเจ้ามีไพ่ที่ดีที่สุดอยู่บนมือ -_-^
( - -)*~*(- - )
"เลิกจ้องพวกเราด้วยสายตาแบบนั้นได้มั้ย จั๊กจี้ >< ตอนนายเงียบน่ากลัวที่สุดเลยรู้มั้ย โกคุดักกี้" โฮชิพูดขึ้นมาเพื่อทำลายความเงียบ แต่ทว่าคำพูดนั้นออกจะกวนประสาทคนจ้องไปเล็กน้อย จึงส่งผลให้ตบะความเยือกเย็นแตกทันที
"ไอ้เด็กผีทะเล!!!! แกมองด้วยไอ้สายตาซื่อบื้อๆ ของแกน่ะเห็นมั้ย ว่าสิ่งมีชีวิตสองสิ่งในร่างคนน่ะมันกำลังจะกัดลิ้นตายแล้ว~! ดูนั่น อุริ! มันกำลังจะอันเชิญมนุษย์ต่างดาวด้วยภาษาอะบูดาบีที่พูดวนไปวนมาว่า 'บ้า..ไม่จริง..บ้า..ไม่จริง' ส่วนนั่น จิโร่! รายนั้นกำลังเด็ดกลีบกุหลาบเพื่อเสี่ยงทายชะตาชีวิตตัวเอง แกจะใจร้ายใจดำขนาดปล่อยให้มันทั้งคู่ตายในสภาพจิตไม่ปกติน่ะเหรอ ฮ้าาา!!"
..ในความคิดของบรรดากามเทพ..
'ดูยังไงไอ้คนที่จะดิ้นตายในสภาพจิตไม่ปกติมันก็คือนายไม่ใช่เรอะ โกคุดักกี้ (- - ^)'
"เอาน่าๆ โกคุเทระ อย่างน้อยมนุษย์ต่างดาวที่อุริเรียกก็ยังไม่ลงมาที่โลกไม่ใช่เหรอ"
จาก..บุคคลที่ซื่อที่สุดในเรื่อง -*-
"โกคุดักกี้ เลิกเพ้อแล้ว แล้วเรื่องจิริกกี้ก็ปล่อยให้เขาเข้าฌาณเพื่อทำนายอนาคตตัวเองไปเถอะ น่าสนุกดี รักครั้งนี้จะลงเอยอย่างไร หึๆ โปรดติดตามวันนี้ 22.00 น.ที่ช่องสิบ"
"เลิกเอาเรื่องจริงๆ จังๆ มาล้อเล่นได้แล้ว จะอ้วก! กวนไปไหนเนี่ย"
"ดาวอังคารล่ะมั้งครับ แต่ดีไม่ดีเดี๋ยวเชื้อเพลิงหมดก่อน ไว้จะแวะไปพักแถวๆ ดวงจันทร์นะครับ" โฮชิ
"ฉันมันบ้าเองที่ถามแก -*-"
"The Show Must Go On. สู้ๆ ครับ ผมจะเป็นกำลังใจให้แล้วโบกธงเชียร์ 'สู้ๆ น้า~โกคุดักกี้' แต่ก่อนอื่นเรามาคิดว่าจิโร่กับอุริต้องใช้ชีวิตอยู่ในร่างคนต่อไปยังไงไม่ดีกว่าเหรอครับ" โฮชิเสนอความคิด
"ก่อนอื่นก็ลองทดสอบความรู้ก่อนดีมั้ย..?" ยามาโมโตะเอ่ยขึ้นบ้าง "ก็เวลาจะเข้าโรงเรียนมันก็ต้องมีทดสอบความรู้ก่อนไม่ใช่เหรอไง เราก็ควรจะทดสอบก่อนนะฉันว่า"
"อืม..ก็ดีนะ แต่มันอยู่ในกล่องเรามาตลอดจะรู้เรื่องอะไรเหรอ" โกคุเทระถามขึ้นมา
"ไม่รู้สิ.." ยามาโมโตะเอ่ยขึ้น จิโร่และอุริจึงพร้อมใจกันหันหน้ามามองยามาโมโตะจากมุมห้อง จิโร่เอ่ยถามอย่างหวาดๆ แต่ท่ามกลางน้ำเสียงที่หวาดหวั่นนั้นก็แฝงไปด้วยความหวังเช่นเดียวกัน
"หมายความว่า..ถ้าเราทดสอบความรู้ผ่าน เราก็จะกลับร่างเดิมได้ใช่มั้ย..?"
"เอ่อ..ฉันยังไม่ได้พูดถึงเรื่องกลับร่างเดิมซักคำเลยนะจิโร่ ^^ ถ้าท่างนายจะเด็ดกลีบดอกไม้เสี่ยงทายจนเพี้ยนไปแล้วล่ะ" ยามาโมโตะ
"ไม่นะ.. ToT" จิโร่คร่ำครวญราวกับโลกจะแตกสลายภายในวันพรุ่งนี้ แสงสว่างที่ส่องลงมาใส่ร่างของเขาท่ามกลางความมืดมิดหายไปในบัดดลและกลับกลายเป็นคำพูดที่ตอกย้ำเข้าไปในหัวใจของเขา หนทางกลับร่างเดิมช่างมืดมิด..มืดมิด..และมืดมิด
"โฮ้ มายก็อด" อุริครางออกมาเหมือนเสี้ยนตำเท้า เป็นน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความผิดหวังและเจ็บปวดมากทีเดียว
"เออใจเย็นๆ น่า บางทีการที่แกอ่านหนังสือออกหรือไปโรงเรียนมันอาจจะทำให้แกค้นพบอะไรดีๆ ก็ได้ ...มั้ง"
โกคุเดระต้องกลั้นใจโกหกสัตว์ในกล่องของตัวเองครั้งแรก รู้ทั้งรู้ว่าไอ้หนังสือเรียนที่มีแค่สูตรสมการคณิตศาสตร์มันไม่ช่วยอะไรซักนิด แต่ชีวิตก็ต้องก้าวไปข้างหน้า! นี่คือหน้าที่ของเจ้าของที่ดีที่จะกระตุ้นสัตว์เลี้ยงให้ใช้ชีวิตอยู่ต่อไป..
..ทั้งนี้ก็ต้องขอโทษมันด้วย มุสาวาทา..
"งั้นถามมาสิ" อุริโพล่งขึ้นมาด้วยความมั่นใจ อีกะแค่ทดสอบความรู้มันจะเท่าไหร่กันเชียว
"1+1..." ยามาโมโตะ
"เอ่อ..ส..สาม!! สามแน่ๆ!!" อุริตอบ ถึงน้ำเสียงของประโยคแรกอาจฟังดูไม่มั่นใจนัก แต่เจ้าตัวก็พยายามเน้นน้ำเสียงให้หนักแน่นขึ้นเพื่อยืนยันคำตอบในประโยคหลัง..
"O[]O"
..โอ้ ความภาคภูมิใจของโรงเรียนอนุบาลหมีน้อย นักเรียนของโรงเรียนท่านยังมีสมรรถภาพทางด้านมันสมองมากกว่าเด็กหนุ่มอายุประมาณ 14 ที่อยู่ ณ ที่นี้ซะอีก
"ไอ้...ไอ้ยามาโมโตะ!! ถามอะไรเด็กน้อยขนาดนั้น" โกคุเทระเมื่อตั้งสติจากคำตอบเมื่อครู่ก็แว้ดใส่ทันที "บ..บางทีคำถามมันอาจจะง่ายเกินไปก็ได้ แกลองถามอะไรยากๆ แบบ...คูณเลขหลักล้านอะไรประมาณนี้ซิ"
"แล้ว 1,000,000X0 ล่ะ?"
...แป่ว ถามอะไรติงต๊องชะมัดยาด
"เอ.. แป๊บนะ สองหนึ่งสาม....."
"ไอ้เจ้าบ้าจิโร่ สองหนึ่งสี่ต่างหาก!!"
"ง..งั้นเหรอ สองหนึ่งสี่..."
จบกัน พอกันที พอกันที!!!
..ก่อนที่เขาจะช็อคใจเรื่องระดับไอคิวสัตว์ในกล่องไปมากกว่านี้ พวกแกหยุดท่องสูตรคูณของมนุษย์ต่างดาวได้แล้ว~
เสี้ยวหนึ่งจากมุมของกามเทพผู้หน้าตาดีทั้งสอง (โฮ่ๆๆๆ //เรนะ)
ณ บัดนาว บุคคลที่ยืนฟังสิ่งมีชีวิตในร่างคนก็นับว่าโง่เต็มทีแล้ว เอ่อ...คือเราต้องการจะสื่อว่าบัดนี้กามเทพทั้งสองได้หายหัวไปจากที่เกิดเหตุเรียบร้อยแล้ว ทิ้งไว้เพียงกระดาษโน้ตสีฟ้าแผ่นเล็กที่พื้น ภายในนั้นมีลายมือน่ารักๆ ของเด็กชายที่ชื่อโฮชิอยู่ และลายเส้นหมูถูกเชือดแสนเน่าของเรนะด้วยเช่นกัน
ภายในกระดาษโน้ตเขียนไว้ว่า..
'ถึง โกคุดักกี้และยามาโมจจี้ที่แสนรักแสนคิดถึง..
ชีวิตมันต้องดำเนินต่อไป สู้ๆ ครับ ผมจะโบกธงเชียร์อยู่ห่างๆ อย่างสะใจ เอ้ย! ห่วงใย รักษาสุขภาพด้วย..
ปล. เรื่องนี้ฮานะ (เรนะ) ผิดครับ เธอไม่ยอมเตือนผมให้ใส่หัวตุ๊กแกลงไป ผมไม่ผิดนะครับ
ปล. 2 คุณยามาโมจจี้ครับ ถ้าคุณไม่ชอบชื่อนี้กรุณาเขียนชื่อที่คุณต้องการแปะไว้ที่ตู้เย็นบ้านคุณนะครับ'
ความคิดเห็น