ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [sf/os] smiles and tears ; Chanbaek

    ลำดับตอนที่ #2 : How’s life ?

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.64K
      45
      4 เม.ย. 60

    ;เราเข้ามาแก้แท็กค่า;

    How’s  life ?

     

                    แกร๊ง!

     

                    เสียงแหวนสแตนเลสสีเงินหล่นกระทบพื้นที่อยู่ระหว่างคนสองคน ชายหนุ่มตัวสูง ได้แต่ยืนมองแฟนเก่า ที่เพิ่งเลิกกันไม่ถึง 1 นาที ด้วยสีหน้าว่างเปล่า

                    คนตรงหน้าจมูกรั้นขึ้นสีแดง น้ำตาคลอหน่วย คิ้วขมวดเป็นปม ที่ดูก็รู้ว่าโกรธมาก เสียใจมาก และก็ยังรู้สึกรักมากเหมือนกัน ถ้าจะร้องไห้หนักขนาดนี้ตอนบอกเลิก

    แล้วทำไมต้องเลิกกันด้วยล่ะ ทำไมต้องพูดคำนั้นออกมา

     

    “คยองซู..” คนตัวสูงเดินเข้าไปหาแฟนเก่าตัวเล็กตรงหน้า แต่คนตัวเล็กกลับถอยหนี

    “อย่า..อย่าเข้ามา อย่าเรียกชื่อ..”

    “แต่--”

    “แล้วก็อย่าเจอกันอีกเลยพูดจบ คยองซูก็หันหลังกลับไป เดินขึ้นรถตัวเองแล้วขับออกไปทันที ปล่อยให้คนตัวสูงยืนนิ่งอยู่แบบนั้น

     

    เขาทำอะไรผิด ทำไมเขาถึงโดนทิ้งแบบนี้ เขามั่นใจในตัวเองมาตลอด ว่าเขาทำหน้าที่แฟนดีที่สุดแล้ว แต่มาถึงวันนี้ เขาก็ได้รู้ ว่าต่อให้ทำดีแค่ไหน ก็ยังไม่ดีพอสำหรับแฟนเขาอยู่ดี ไม่สิ ต้องพูดว่า แฟนเก่า ถึงจะถูก

     

    ปาร์คชานยอล ชื่อเจ้าของร่างสูงที่ถูกบอกเลิกไม่นาน ก้าวขาเดินไปตามทาง เขาเดินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย ไม่มีคนคอยเดินข้างๆเหมือนทุกทีแล้ว เสียงบ่นงุ้งงิ้งที่เขาชอบฟังก็ไม่มีแล้ว ชานยอลได้แต่แค่นยิ้มกับตัวเอง เขามันไม่ได้เรื่อง รักษาใครไว้ไม่ได้สักคน บางที..เขาอาจจะเหมาะกับการอยู่คนเดียวเสียมากกว่า

    Rrrr

    แรงสั่นของโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกง ไม่ได้เรียกความสนใจของเจ้าของ ชานยอลยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ แรงสั่นนั้นหยุดลงแล้ว แต่ก็แค่แป๊ปเดียว แล้วมันก็สั่นใหม่อีกรอบ ครั้งนี้ ชานยอลจึงหยุดเดินแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู และเขาก็ต้องงุนงงเล็กน้อยกับชื่อที่ปรากฎขึ้นบนจอ

     

    -แบคฮยอน-

     

    ชื่อของคนที่เขาไม่ได้คุยมาเป็นปีแล้ว แต่จู่ๆก็โทรเข้ามา มีอะไรหรือเปล่านะ

     

    "ฮัลโหล" ชานบอลกรอกเสียงลงไปเรียบๆ

    (ชานยอลอ่า) น้ำเสียงของปลายสายที่ใช้เรียกชื่อเขายังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

    "มีอะไรหรือเปล่า จู่ๆก็โทรมา"

    (สบายดีไหม) แค่คำถามทั่วไปที่ปลายสายถาม มันก็ทำให้เขาคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย

    เป็นคำถามธรรมดา แต่แฝงด้วยความเป็นห่วง ยังเหมือนเดิมเลยนะ ยังเอาใจใส่กันเหมือนเดิมเลย

    "อื้อ" เขาเลือกที่จะโกหกไป แม้ตอนนี้อยากจะได้อ้อมกอดอุ่นๆของใครสักคนมาปลอบ

    (อยากกอดหรือเปล่า) แบคฮยอนถามเหมือนอ่านใจชานยอลได้ อยากไหมน่ะหรอ แน่นอนสิ แต่จะทำยังไง ในเมื่อปลายสายอยู่คนละซีกโลกกับเขา

    "อือ..อยากสิ" เขากล้าพูดมันออกไป เพราะรู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน

    (งั้นหันหลังมากอดกันนะ) สิ้นเสียงแบคฮยอน ชานยอลก็ค่อยๆหันไป

    ภาพตรงหน้าที่เขาเห็น คือคนตัวเล็กที่คุ้นเคย แบคฮยอนดูผอมลงนิดหน่อยหลังจากที่เจอกันสุดท้าย คนตัวเล็กฉีกยิ้มกว้างตามแบบฉบับ แขนอ้าออกแล้วพยักหน้าให้ชานยอล และก็ไม่ต้องคิดอะไรมาก ชานยอลโผเข้ากอดคนตัวเล็กทันที

     

    "ไหนว่าสบายดีไง" แบคฮยอนถาม มือเรียวก็ลูบหลังชานยอลไปด้วย

    "สบายดีสิ.." ชานยอลพยายามข่มเสียงไม่ให้สั่น แต่หารู้ไม่ว่าน้ำตาตอนนี้ไหลอาบแก้มเต็มไปหมด

    "ร้องไห้งอแงแบบนี้น่ะเหรอ สบายดีของนาย" แบคฮยอนยิ้มขำให้กับคนปากแข็ง ถึงหลักฐานจะเต็มตา แต่ก็ยังไม่ยอมรับ

    "เพราะคิดถึงต่างหาก..คิดถึงอ้อมกอดนี้จังเลย" ชานยอลหลับตา ปล่อยให้น้ำตาไหลอยู่แบบนั้น

    เสียงสะอื้นของชานยอลที่เล็ดลอดออกมา ทำให้แบคฮยอนไม่พูดอะไรต่อ มือก็ยังคงทำหน้าที่ได้ดี เขาลูบหลังชานยอลอยู่แบบนั้น มีบ้างที่เอื้อมขึ้นไปลูบหัวปลอบประโลม และนั่น มันก็ทำให้ชานยอลกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมายิ่งกว่าเดิม

    อ้อมกอดอันแสนอบอุ่นนี้ มือที่อ่อนโยนนี้ มันยังชัดเจนในความทรงจำ แม้ว่าวันที่ได้รับล่าสุดมันจะผ่านมานานแล้วก็ตาม ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เจอกันนาน แต่เขาก็รับรู้ได้ ว่าแบคฮยอนเป็นห่วงเขาแค่ไหน แบคฮยอนรู้ ว่าตอนนี้เขาไม่โอเค แล้วเขาก็ขอบคุณพระเจ้า ที่ส่งแบคฮยอนมาถูกเวลาแบบนี้

     

    เขาทั้งสองยืนกอดกันแบบนั้นเกือบห้านาที ก่อนจะผละออกจากกัน แบคฮยอนอาสาไปส่งชานยอลที่บ้าน เพราะสภาพการณ์แบบนี้ เแบคฮยอนคงไม่ยอมให้นั่งแท็กซี่กลับเองเด็ดขาด

    บรรยากาศในรถช่างเงียบสงัด ไม่มีเสียงพูดคุยระหว่างสองคน ไม่มีเสียงเพลง มีแต่เสียงแอร์เท่านั้น แต่แบคฮยอนเข้าใจดี ตอนนี้ชานยอลคงอยากอยู่กับตัวเองเงียบๆ ในขณะที่ก็อยากให้มีคนอยู่ข้างๆเงียบๆเหมือนกัน เพราะเขาจะได้รู้สึกว่า เขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว

     

    ใช้เวลาเกือบชั่วโมง รถมินิคันจิ๋วของคนตัวเล็กก็เคลื่อนตัวมาถึงหน้าบ้านของชานยอล เขาทั้งคู่นั่งเงียบกันอยู่สักพัก ก่อนจะเป็นแบคฮยอนเองที่เป็นคนเปิดบทสนทนา

    "ชานยอลอ่า ถึงบ้านแล้วนะ"

    "อือ..ขอบคุณที่มาส่งนะ" ชานยอลหันไปขอบคุณก่อนจะเดินลงจากรถ

    แบคฮยอนรอให้ชานยอลเข้าบ้านไป ก่อนจะออกรถไปจากตรงนั้น

     

    ชานยอลที่เดินเข้าบ้านมา สายตาก็กวาดมองไปยังส่วนต่างๆของตัวบ้าน ไม่ว่าจะมุมไหน ภาพของเขากับคยองซูมันก็ชัดเจนเสมอ เขาคิดถึงคยองซูอีกแล้ว เขาคิดถึงคนที่เพิ่งทิ้งเขาไปอีกแล้ว

    ชานยอลทรุดตัวลงนั่งบนโซฟากลางบ้านที่เงียบสงัด เพราะพ่อกับแม่ไปคุยงานต่างประเทศ ส่วนพี่สาวที่เป็นหมอก็คงเข้าเวรอยู่ที่โรงพยาบาล ความจริงเขาน่าจะชวนแบคฮยอนลงมานั่งในบ้านด้วยกันก่อน อย่างน้อยๆในตอนนี้เขาก็คงมีเพื่อนอยู่ข้างๆ

     

    Rrr

     

    โทรศัพท์ที่สั่นทำให้ชานยอลเบนความสนใจไปหามัน และเมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏบนนั้น ความคิดที่ว่า แบคฮยอนอ่านใจเขาได้หรือเปล่าก็ผุดขึ้นมา

     

    -แบคฮยอน-

     

    "ว่าไงแบคฮยอน"

    (ฉันซื้อจาจังมาฝาก เปิดประตูให้หน่อยได้ไหม) ชานยอลไม่ได้ตอบรับในทันที เขาเดินไปเปิดประตูบ้าน และเขาก็เห็นแบคฮยอนยืนอยู่หลังรั้ว

    ชานยอลกดวางสาย แล้วเดินออกไปเปิดประตูรั้วให้

    "พอดีฉันหิว เลยคิดว่านายอาจจะหิวด้วย เลยซื้อมากินด้วยกัน ไม่ว่ากันนะ" แบคฮยอนชูถุงที่สกรีนชื่อร้านอาหารจีนแถวนี้ให้ชานยอลดู ชานยอลยิ้มแล้วส่ายหัว ก่อนจะตอบอีกคนไป

    "ไม่เป็นไร กำลังหิวพอดีเลย" ถึงแม้ว่าชานยอลจะส่งยิ้มให้แบคฮยอน แต่แบคฮยอนรู้ ว่าชานยอลน่ะ ไม่ได้หิวหรอก เขาแค่ต้องการใครสักคนต่างหาก

    เหมือนกับแบคฮยอน ที่ก็ไม่ได้หิว แค่หาเรื่องมาอยู่เป็นเพื่อนชานยอลต่างหาก ก็ชานยอนน่ะ สภาพจิตใจแบบนี้ ไม่ควรอยู่คนเดียวนี่นา

     

    ทันทีที่ก้าวเข้ามาในบ้าน แบคฮยอนก็ตรงไปที่ครัว จัดเตรียมอาหารไว้ ทุกอย่างแบคฮยอนทำได้ราบรื่น เพราะคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้พอสมควร เมื่อเตรียมเสร็จ ก็เดินไปเรียกคนที่จิตหลุดอยู่ที่โซฟามาทานพร้อมกัน

     

    "มากินเร็วชานยอล กำลังร้อนๆเลย" ชานยอลมองหน้าแบคฮยอนก่อนจะพยักหน้า แล้วเดินตามคนตัวเล็กเข้าไปในครัว

    "ขอบคุณนะ" ชานยอลเอ่ยขอบคุณแบคฮยอนอีกครั้ง แล้วจัดการจาจังมยอนตรงหน้า ถึงแม้ว่าไม่หิวเท่าไหร่ แต่การที่ไม่ต้องนั่งกินข้าวคนเดียวมันก็โอเคอยู่

    "สบายมากหน่า นายน่ะ อย่าเครียดมากนะ อย่าคิดเยอะฟุ้งซ่าน" ถึงแม้ว่าชานยอลไม่ได้เล่าอะไรให้แบคฮยอนฟัง แต่เขาก็รู้ ว่าชานยอลผ่านอะไรมา และเขาก็ไม่อยากให้ชานยอลรู้สึกหดหู่มากนัก

    เขาไม่อยากให้ชานยอลรู้สึกว่าอยู่ตัวคนเดียว

    "อือ จะพยายามนะ"

    "นายยังมีฉัน รู้ใช่ไหม" แบคฮยอนวางตะเกียบลง เอื้อมมือไปลูบมือของชานยอลเบาๆ พร้อมส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนไปด้วย

    "ฉันมันรักษาใครไว้ไม่ได้เลยจริงๆ.." ชานยอลจ้องเขาไปในตาของแบคฮยอน "..รวมทั้งนายด้วย" แบคฮยอนได้ยินดังนั้น เขาจึงส่ายหัว ยกยิ้มเล็กๆส่งไปให้

    "อย่าโทษตัวเองเลยนะ นายทำดีที่สุดแล้ว"

    "แต่ยังดีไม่พอใช่ไหม เขาถึงไปจากฉัน" คำพูดตัดพ้อของชายยอล ทำให้เขาคิดว่า คนตรงหน้าเขาไม่ควรได้รับอะไรแบบนี้เลย

    ชานยอลเป็นคนดี เป็นคนเอาใจใส่ แต่บางครั้ง แค่นั้นมันก็ไม่พอสำหรับความรู้สึกของคนๆหนึ่ง แบคฮยอนยอมรับว่าเขาผิดที่ทิ้งชานยอลไปเมื่อสามปีก่อน แต่นั่นมันเป็นตอนที่เขายังไม่คิดอะไรมากนัก ไม่ได้ไตร่ตรองให้ดีก่อน เชื่อในสิ่งที่ตาเห็น มากกว่าคำพูดอธิบายของคนรัก

    ภาพของชานยอลที่จูบกับผู้หญิงที่เขาไม่รู้จัก มันติดตาเขาตลอดสองปีที่เลิกกันไป จนวันหนึ่ง เมื่อปีที่แล้ว แบคฮยอนบังเอิญได้พบเพื่อนสนิทของชานยอล ที่ไปเที่ยวที่อเมริกา ตอนนั้นรู้สึกได้ว่า ตัวเองเป็นคนมีเหตุผลขึ้นแล้ว และได้รับรู้ทุกอย่าง ว่าเหตุการณ์วันนั้น ชานยอลไม่มีส่วนผิดอะไรเลย อ่า ถึงแม้ว่าชานยอลจะเคลิ้มไปช่วงหนึ่งก็เถอะ แต่เพื่อนสนิทชานยอลบอกว่า เขารักแบคฮยอนมากๆเลยล่ะ

    และเวลานั้น ความรู้สึกผิดก็ตีตื้นขึ้นมา เขาตัดขาดกับชานยอลถาวรตั้งแต่เลิกกันไป จนมาได้ยินความจริง เขาก็ขอเบอร์ติดต่อชานยอลจากเพื่อนสนิท เขาโทรไปขอโทษชานยอล และก็ได้รู้ว่า ชานยอลมีรักครั้งใหม่แล้ว เขาก็ได้แต่ยินดี และนั่น ก็เป็นการคุยกันครั้งแรกและครั้งสุดท้ายหลังจากเลิกกัน ก่อนที่จะมาเจอกันอีกครั้งในวันนี้

     

    "นายต้องเข้มแข็งนะชานยอล แล้วนายจะผ่านมันไปได้" แบคฮยอนทำได้แค่พูดปลอบและอยู่เป็นเพื่อนแค่นั้นแหละ ในช่วงเวลาแบบนี้

    "ขอบคุณนะ นาย..เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดเลย" แบคฮยอนไม่ได้ตอบอะไร เขายิ้มให้ชานยอล แล้วกุมมือไว้อย่างนั้น

    ในตอนนี้ เขาทั้งคู่อยู่ในสถานะเพื่อน และก็มั่นใจว่า คงกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีก ทั้งสองไม่ได้เกลียดกัน เพียงแต่ความรักที่เคยมีให้กัน บัดนี้มันกลายเป็นความทรงจำที่สวยงามไปแล้ว

     

    แบคฮยอนเป็นคนที่รู้ใจชานยอลมากที่สุด ในขณะเดียวกัน ชานยอลก็รู้ใจแบคฮยอนที่สุดเช่นกัน

     

     

    หลังจากที่ทั้งสองได้พบกันหลังจากที่ห่างกันไปสามปี วันนี้ก็ครบสองเดือนแล้ว ชานยอลก็ดีขึ้นมาก ไม่คิดมากฟุ้งซ่านแล้วด้วย และวันนี้เป็นวันที่สำคัญวันหนึ่งของแบคฮยอน

    "วันนี้นายดูดีนะ" ชานยอลเอ่ยชมคนตรงหน้า แบคฮยอนก็ได้แต่ยิ้มแล้วหันเข้ากระจกเพื่อจัดทรงผม

     

    วันนี้เป็นวันแต่งงานของแบคฮยอน ซึ่งเมื่อชานยอลได้รู้ข่าวก็แอบตกใจอยู่ไม่น้อย ที่แบคฮยอนกลับมาเกาหลีครั้งนี้ ก็เพราะต้องมาแต่งงาน กับลูกสาวคู่ค้าทางธุรกิจของคุณปู่ ถ้าถามว่าบ่าวสาวรักกันไหม บอกได้เลยว่า ไม่ เขาเพิ่งจะเจอกันไม่ถึงสามเดือนด้วยซ้ำ แต่สถานการณ์ของบริษัทบยอนตอนนี้ มันมีทางนี้ทางเดียวที่จะทำให้กลับมายืนหยัดในวงการธุรกิจได้ใหม่

    แบคฮยอนไม่โกรธทางผู้ใหญ่หรอก เขาช่วยอะไรได้เขาก็ช่วย อีกอย่าง เขาก็ไม่ได้มีพันธะอะไร ไม่ได้รักอยู่กับใคร หรือชอบใครอยู่ ยังไงเสีย การแต่งงานครั้งนี้ก็ทำเพื่อธุรกิจ และเป็นว่าฝ่ายหญิงก็ไม่ได้เต็มใจเท่าไหร่ จึงมีการตกลงกันแล้ว ว่าสถานการณ์ดีขึ้นเมื่อไหร่ จะหย่าทันที

     

     

    หลังจากงานแต่งงานจบลง วันถัดมา ชานยอลกับแบคฮยอนได้ออกมาเจอกันตามประสาเพื่อนเหมือนเคย เมื่อทั้งสองได้มีเวลาร่วมกันมาก รู้สึกว่าความรู้สึกที่เคยขีดเส้นไว้ว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ มันมีแววว่าอาจจะเกิดขึ้นในไม่ช้า ทั้งคู่ต่างก็ยอมรับ ว่ามีความสุขเวลาอยู่ด้วยกัน แต่ยังคงคิดว่า เพราะมีไลฟ์สไตล์เดียวกันต่างหาก ถึงเข้ากันได้ดีแบบนี้

    และนั่นแหละ ก่อนที่ทั้งคู่จะตกลงเป็นแฟนกัน ไลฟ์สไตล์ที่เหมือนกัน เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่สนับสนุนความรู้สึกของทั้งคู่

    "ถ้านายอึดอัดที่จะอยู่กับเธอที่คอนโด นายมาอยู่บ้านกับฉันก็ได้นะ" ชานยอลเอ่ยถึงคู่แต่งงานของแบคฮยอน

    ซึ่งเมื่อแต่งงานแล้ว ก็ต้องอยู่ด้วยกันเป็นธรรมดา แบคฮยอนกับคู่แต่งงาน อยู่ด้วยกันที่คอนโดห้องหนึ่ง แน่นอนว่าทั้งสองคนต้องนอนห้องเดียวกัน มันอาจจะอึดอัดไม่น้อยเลย ถ้าเป็นมันแบบนั้น

    "งั้นก็ต้องรบกวนด้วยนะ นายอาจจะต้องซื้อตู้เสื้อผ้าใหม่ เพราะเสื้อผ้าฉันเยอะมาก" คำพูดของแบคฮยอนทำเอาชานยอลยิ้มขำ

    "ตู้เสื้อผ้าฉันใหญ่นะ เผื่อนายลืม" ชานยอลยิ้ม "แต่ซื้อใหม่ก็ได้ ถ้านายบอกกับฉันว่า จะมาอยู่กับฉันตลอดไป" พูดจบ แบคฮยอนก็หันมามองหน้าชานยอล เขาไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่สายหน้าน้อยๆ

    เอาเป็นว่าทั้งคู่ต่างรู้ว่าหมายถึงอะไร ถึงในตอนนี้ทั้งสองคนอาจจะยังไม่แน่ในความรู้สึก ว่าความรักมันถึงจุดอิ่มตัวจริงๆ แล้วที่เป็นอยู่คือเพื่อนสนิทกัน หรือ ความรักทั้งคู่จะยังร่อยอดไปได้อีก

    ให้มันเป็นเรื่องของในอนาคตเถอะเนอะ

     

     

     

     

     

    ฮัลโหลลลล มาอีกตอนแล้ว สั้นเนอะ พอดีว่าเกิดอารมณ์ชั่ววูบจากการฟังเพลง555555555555

    อยู่เป็นกำลังใจให้เราไปเรื่อยๆเลยเนอะ อิอิ

    ฝากเม้น ฝากติดแท็กด้วยเน้อ #smatCB

    ขอบคุณคั้บบ

     

    B E R L I N ❀
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×