ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ห้องเก็บของ ของคนหล่อ -_,-

    ลำดับตอนที่ #1 : Catching those childern dreams

    • อัปเดตล่าสุด 23 มี.ค. 57


    5.00 AM (เช้ามืด)

    ร่างสูงที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแบบสมส่วนในแจ๊กเก็ตหนังสีดำและกางเกงเข้าชุดทว่ากลับมีบาดแผลเป็นบางจุด
    ทั่วร่างกาย ตรงบ่าของเขามีบางสิ่งถูกพาดไว้อยู่เช่นเดียวกับฝ่ามือที่ถูกพันด้วยผ้าก๊อซลวกๆก็กำบางอย่างไว้เหมือนกัน
    สองขากำลังก้าวเดินไปตามพงหญ้าที่ไม่ได้ถูกตัดแต่งมายาวนาน ท้องฟ้าในขณะนี้ยังเป็นสีเทาที่มีสีครามเจืออยู่
    บ่งบอกว่ามันเป็นเวลาเช้ามืด สองเท้าของฟีนิกซ์หยุกชะงักบริเวณหน้าประตูบานใหญ่ที่สลักด้วยลายโบราณ
    แต่กลับถูกบดบังด้วยความทรุดโทรมก่อนเปิดมันออก..

    ครืดด..

    ทันทีที่ร่างชายแปลกหน้าอย่างเขาปรากฏตัวขึ้น สายตานับหลายสิบคู่ก็จ้องมองด้วยความตกใจ
    ก่อนเสียงแหลมเล็กหลายเสียงจะดังขึ้น บ้างร้องไห้ บ้างตะโกนไปมาอย่ลงหวาดกลัว

    "เฮ้ ใจเย็นน่าเด็กๆ ไม่มีใครจะมาทำร้ายหรอก"

    สิ้นเสียงทุ้มนุ่มที่เอ่ยขึ้น ฟีนิกซ์ขยับตัวไปทางขวานิดๆเพื่อให้เด็กๆได้เห็นสิ่งที่เขาจูงมาด้วย..
    ลูกโป่งหลากหลายสีสันนับร้อยลูกที่ถูกอัดด้วยแก๊สไฮโดรเจนกำลังลอยไปมาอยู่เหนือศีรษะของเขา
    ฟีนิกซ์คลี่ยิ้มกว้างแบบเด็กๆจนตาหยีรับกับลักยิ้มเล็กๆที่แก้มทั้งสองข้าง รอยยิ้มอ่อนโยนแบบที่หาดูได้ยากจากคนทะเล้นอย่างเขา ฟีนิกซ์เชื่อมาตลอดว่ารอยยิ้มนี้สามารถเจิดจรัสได้พอๆกลับเส้นผมสีบลอนด์สว่างธรรมชาติที่เขามี

    "เรามาตกลงกัน.. พี่จะให้ลูกโป่งทั้งหมดนี่กับทุกๆคน แลกกับว่าการที่ 'เรา' จะได้ใช้เวลาร่วมทั้งเช้านี้ "

    เด็กๆหน้าตาเศร้าหมองดูสดใสขึ้นมาทันตาราวกับเจ้าบอลลูนหลากสีนั่น
    ได้มอบพลังชีวิตให้กับพวกเขา อืม.. ใช่นี่นะ พวกเขาเองก็โตมาพร้อมๆกับลูกกลมๆนี่ เท้าเล็กๆหลายสิบคู่
    ค่อยๆก้าวออกมาจากที่ซ่อนพลางมองลูกโป่งสลับใบหน้ายิ้มแย้มของชายหนุ่ม พวกเขารู้สึกโล่งใจขึ้นมา
    เนื่องจากพี่ชายคนนี้ไม่ได้มีท่าทีที่จะเข้ามาทำร้ายพวกเขาจริงๆ

    "เอาล่ะ.. เรายังไม่รู้จักกันเลย พี่ชื่อฟินซ์ แล้วเราชื่ออะไรกันบ้าง หืม? ^^"

    "ฟาโรห์.. เอมิลี่.. จัสติน.. ลอเรน.. เจสซี่.. ไวโอเล็ต.. ไบรอั.."
    เสียงเล็กๆนั้นขานชื่อตัวเองทีละคนอย่างกระตือรือร้นราวกับว่าพวกเขาไม่เคยได้รับการใส่ใจแบบนี้มานาน
    ในขณะที่ชายหนุ่มเลือดร้อนกำลังพยักหน้าให้เด็กๆที่ขานชื่อตัวเองอย่างใจเย็นพลางเอาเชือกลูกโป่งนั้น
    ผูกไว้กับเก้าอี้โบสถ์เพื่อไม่ให้มันลอยหายไป

    "เอาเป็นว่า เราเป็นเพื่อนกันแล้วนะ~"

    สีหน้าของเด็กๆดูสดใสขึ้นหลังจากได้ยินประโยคนั้น บางคนก็วิ่งเข้าถึงตัวชายหนุ่มเพื่อขอลูกโป่ง
    แต่เขากลับยกนิ้วชี้ขึ้นแนบริมฝีปากเพื่อทวงสัญญาก่อนหน้านี้ ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งกลับพื้นโดยมีเด็กๆนั่งล้อมเขาไว้
    บางคนก็มองหน้าเพื่อนใหม่(?)ของพวกเขาอย่างตื่นเต้น เขาวางสิ่งของที่แบกมาไว้ข้างๆ ก่อนเอ่ยถามเด็กๆที่นั่งล้อมเขาอยู่

    "พวกเรารู้มั้ยว่าความฝันคืออะไร?"

    "สิ่งที่เราเห็นเวลานอนหลับ แต่ไม่มีจริงใช่มั้ยฮะ!"

    เขาหัวเราะออกมาเบาๆให้กับคำตอบซื่อๆแบบตรงไปตรงมาของเด็กชายคนหนึ่ง ก่อนเอ่ยคำถามอีกข้อ

    "แล้วรู้ได้ยังไงล่ะว่ามันไม่มีจริงล่ะครับ?"
    เสียงทุ้มเอ่ยถามแบบสบายๆพร้อมกับพันผ้าก๊อซบริเวณที่หลุดรุ่ยออกมา

    "ก็เวลาเราตื่นขึ้นมาตอนเช้า ความฝันเหล่านั้นก็หายไปไงคะ" เสียงหวานเล็กตอบเขาด้วยมั่นใจ
    ฟีนิกซ์เดาะลิ้นพร้อมกับดีดนิ้วหนึ่งทีคล้ายกับเขากะไว้แล้วเชียวว่าเด็กๆต้องตอบแบบนี้
    ก่อนจะพูดเบาๆแบบตั้งใจให้เขาและเด็กๆเท่านั้นที่ได้ยิน ราวกลับเป็นความลับ

    "ถ้าพี่บอกว่าความฝันนั้นไม่ได้หายไปไหน แต่ทว่ามันถูกล็อคขังไว้ในนี้มาตลอดล่ะ"
    ปลายนิ้วเรียวยาวชี้ไปยังขมับใต้เรือนผมสีอ่อนของตัวเองแล้วเคาะเบาๆ

    สายตาเล็กๆนับสิบคู่กระพริบตาแป๋วอย่างงุนงงในคำพูดของพี่ชายตรงหน้า
    ทันไม่ทันที่เด็กๆจะได้ท้วงอะไร เขาก็เอ่ยประโยคต่อมาอย่างไม่แปลกใจอะไร

    "เพียงแต่เราต้องสร้างกุญแจขึ้นมาเพื่อไขสิ่งนั้นออกมาเท่านั้นเอง"
    ชายหนุ่มพูดออกมาราวว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆ เขาดีดนิ้วเปราะอีกครั้งหนึ่ง

    "กุญแจที่ว่าก็คือ ความตั้งใจและความพยายามนั่นเอง.. พี่เชื่อว่าทุกคนมีสิ่งนั้นอยู่แล้ว ^^"
    ริมฝีปากบางค่อยๆคลี่ยิ้มอ่อนโยนอีกอย่าง ไม่นานในห้องทึบๆนี่กลับไม่ได้มีเพียงรอยยิ้มที่เจิดจ้าของเขา
    แต่กลับมีรอยยิ้มของเด็กๆตามมาอีกนับสิบ เขาไม่เพียงแต่จุดประกายความหวังอันริบหรี่ของมนุษย์ตัวเล็กๆเหล่านี้
    ให้ชัดเจนขึ้น แต่ยังทำให้พวกเขารู้สึกว่าตัวเองมี 'กุญแจ' ที่ว่านั่นจริงๆ

    "ไหนมาดูกันซิว่า ความฝันของพวกเราน่ะคืออะไร? "
    ................
    ............
    ......

    เวลาผ่านไปราวๆเกือบชั่วโมงหลังจากที่เขานั่งฟังเด็กๆเล่าถึงความฝันของตัวเองอย่างตั้งใจ
    บ้างก็เล่าว่าอยากเป็นซูเปอร์แมน หรือยอดมนุษย์ นัยน์ตาสีเฮเซสจับจ้องไปยังผู้เล่าเรื่องตัวน้อยอย่างสนอกสนใจ
    ริมฝีปากของเขาไม่อาจหุบยิ้มได้เลย จนกระทั่งถึงเด็กหญิงคนสุดท้ายที่มีแววตาเศร้าลึกคู่นั้น.. ไวโอเล็ต แกรนท์

    "หนูมีแต่ฝันร้ายเพียงเรื่องเดียว.. พี่คงไม่อยากฟังมันหรอก.." แต่ทว่าชายหนุ่มตรงหน้าไม่ได้ปฏิเสธเธอแต่อย่างใด
    จากนั้นริมฝีปากเล็กก็เล่าเรื่องฝันร้ายนั้น ต้นเหตุของความโศกเศร้าที่ฉายอยู่ในแววตาของเธอ

    "คืนนั้นเป็นเป็นวันแต่งงานของแอนนา พี่สาวของหนู หนูฝันมาตลอดว่าจะได้เห็นงานแต่งงานสักครั้งในชีวิต
    แต่นั่นเป็นคืนเดียวกับที่คนพวกนั้นเข้ามาพร้อมกับพายุที่พัดพาให้ทุกอย่างพังพินาศ.."

    นัยน์ตาสีเฮเซลหม่นสีลงเมื่อได้ฟังเรื่องของเด็กหญิง เขาจ้องไปยังดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่มีน้ำตาคลอ

    "แล้วแอนนาก็จากไปพร้อมกับคนรักของเธอ.. พิธียังไม่เสร็จสมบูรณ์ดีด้วยซ้ำ ฮึก.. ต่อให้มีกุญแจนั่น
    ก็ไม่อาจย้อนเวลากลับไปได้อีกแล้ว"

    สองมือเล็กยกขึ้นขยี้ตาที่มีน้ำใสๆรินอาบลงมายังแก้มขาวจนเปรอะเปื้อน
    ใบหน้าเล็กนั้นไปหมด สองเท้าของฟีนิกซ์หยุดลงตรงหน้าสาวน้อยก่อนนั่งยองๆตรงหน้าก่อนเอื้อมมือไปยังใบหน้าเล็กนั้นแล้วใช้นิ้วหัวแม่มือปาดน้ำตาที่ไหลออกอย่างอ่อนโยน

    "ใครว่าเราต้องย้อนเวลากลับไปกันล่ะ.." เสียงทุ้มเอ่ยก่อนมองไปรอบๆห้องในโบสถ์นี้ นัยน์ตากลมโตนั่นชะงักแล้วมองเขาตาแป๋ว

    "เรื่องนั้นน่ะ เราทำมันที่นี้ ตอนนี้ เดี๋ยวเลยยังได้ ^^"

    เขาผละจากเด็กหญิงแล้ววิ่งไปหยิบของที่เขาแบกมาตั้งแต่แรกขึ้นสะพาย
    มื้อซ้ายค่อยๆวางทับที่คอกีตาร์ นิ้วเรียวยาวเอื้อมพลนงจับคอร์ดเพลงที่เขารู้จักดี
    ก่อนเปล่งเสียงนุ่มทุ้มออกมาตามทำนองของเสียงกีตาร์

    " it's a beautiful night, we're looking for something dumb to do
    (มันเป็นค่ำคืนที่สวยงาม เรากำลังหาอะไรบ้าๆทำอยู่พอดี)
    hey baby ! I think I wanna marry you
    (เฮ้ที่รัก ! ผมคิดว่าผมอยากแต่งงานกับคุณล่ะ~) "

    ร่างสูงค่อยๆ เดินกลับมาหาเด็กสาวตัวเล็กที่ยืนจ้องเขาตาแป๋ว
    ใบหน้าคมคายขยับปากร้องเพลงด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม พลางมองเด็กๆที่กำลังเพลิดเพลินกับเสียงเพลงที่เขามอบให้

    "Well I know this little chapel on the boulevard gg
    we can go, No one will know. 
    (ผมรู้จักโบสถ์เล็กๆแถวนั้น เราไปที่นั้นกันเถอะ ไม่มีใครรูหรอก)"

    ร่างสูงวิ่งไปทางนู้นทางนี้ที บ้างก็กระโดดขึ้นพนักเก้าอี้ม้านั่ง 
    บ้างก็หันหลังชนกับเด็กน้อย โดยที่มือยังเกากีตาร์และร้องเพลงได้แบบสบายๆ

    "Don't say No No No No~
    Just say Yeah Yeah Yeah Yeah~
    (อย่าปฏิเสธเลยนะ แค่บอกว่าใช่ ใช่ ใช่ก็พอ)"

    ตเด็กๆต่างปรบมือและเต้นดุ๊กดิ๊กไปมาอย่างชอบใจ หรือเป็นเพราะไม่ได้เจออะไรแบบนี้มานาน เช่นเดียวกับฟีนิกซ์ เขาเองก็รู้สึกดีไม่น้อยที่มีส่วนข้องเกี่ยวกับรอยยิ้มบนใบหน้าของเด็กๆ

    "Just say I do.....
    tell me right now baby
    tell me right now baby........

    (แค่เพียงตอบตกลง...
    บอกผมตอนนี้เลยที่รัก..) "

    ทันทีเสียงกีตาร์หยุดลง เขาเอื้อมไปหยิบเชือกลูกโป่งแยกออกมาหนึ่งก่อนที่ร่างสูงจะตรงดิ่งมาที่เด็กหญิงอีกครั้ง
    ฟีนิกซ์จับกีตาร์มาสะพายข้างลำตัวแล้วทรุดลงคุกเข่าข้างหนึ่ง นัยน์ตาสีเฮเซลเป็นประกายจะจับจ้อง
    ไปยังใบหน้าของสาวน้อยที่อยู่ในระดับเดียวกันอย่างมีความหมายและปนกึ่งอ้อนวอนนิดๆ ก่อนเอ่ยเสียงนุ่ม

    "แต่งงานกับพี่นะครับ"

    ไวโอเลตส่งยิ้มตาหยีกลับมาอย่างไร้เดียงสาก่อนพยักหน้าที่ขึ้นสีของตัวเอง
    "Yes, I do~"

    สิ้นคำตอบรับ มือหนาค่อยๆจับเชือกลูกโป่งเส้นบางพันรอบนิ้วนางข้างซ้ายขอร่างเล็กเป็นปมรูปโบว์แทนแหวน
    ก่อนมือทั้งสองจะยื่นไปประครองไหล่บางเล็กของคนตรงหน้า ก่อนที่ริมฝีปากบางจะทาบลงที่ผิวเนียนใสบริเวณหน้าผากของเจ้าสาวตัวเล็กอย่างอ่อนโยน แสงสีส้มแห่งรุ่งอรุณยามพระอาทิตย์ขึ้นสาดส่องเข้ามาตามช่องหน้าต่างเล็กๆ
    ที่อยู่รอบโบสถ์ ทำให้ภาพนี้ยิ่งดูอบอุ่นมากกว่าที่เป็น เขาค่อยๆถอนริมฝีปากออก ก่อนคลี่ยิ้มตาหยีให้กับไวโอเล็ต

    "มิสซิสแวนเดอร์เวียต้องเป็นเด็กดีนะครับ :)"

    ชายหนุ่มพูดติดตลกพลางคักยิ้วอย่างอารมณ์ดี จากนั้นเสียงปรบมือจากฝ่ามือเล็กก็ดังขึ้นเกรียวกราวก้องไปทั่วโบสถ์
    เป็นการสิ้นสุดพิธีที่แอนนาได้เคยทำคั่งค้างไว้ เขามองลึกเขาไปนัยน์ตาของเด็กหญิงที่เคยเก็บกักความเศร้า
    นั้นไว้ แต่บัดนี้มันได้หายไปตลอดกาล รวมถึงเด็กๆคนอื่นๆด้วย ร่างสูงเดินไปที่ลูกโป่งแล้วตะโกนอย่างตื่นเต้น

    "เอ้า! ใครอยากได้ลูกโป่งนี่ก็ต่อคิวเลย!"

    เด็กๆต่างวิ่งเข้าไปรุมชายหนุ่มที่ถือลูกโป่งพลางรับลูกโป่งนั้นมาราวกลับได้ของขวัญชิ้นโต
    เมื่อทุกคนมีเจ้าบอลลูนอยู่ในมือแล้ว ผู้แจกลูกโป่งก็เดินไปยืนบังประตูโบสถ์บานใหญ่ไว้
    เขาพูดกับเด็กน้อยด้วยเสียงที่มีความหวังว่า

    "อย่าลืมที่บอกนะ หากุญแจนั้นให้เจอ 
    ทำให้ความฝันไม่ได้มีอยู่เพียงแค่ยามหลับใหล

    ..แต่ทำให้มันอยู่กับเราในยามที่เราลืมตา :)"

    สิ้นประโยคสุดท้าย หนุ่มนักรบก็ผลักประตูบานหนานั้นให้เปิดออก พลันแสงสว่างในยามรุ่งเช้า
    ก็สาดส่องเข้ามาในห้องโบสถ์อันมืดมิด แสงแรก.. ที่พวกเขาได้เจอหลังผ่านช่วงเวลาอันมัวหม่นมายาวนาน

    ฝีเท้าเล็กนั่นๆกำลังวิ่งออกไปสู่ทุ่งกว้างที่อาบไปด้วยแสงอาทิตย์ ไม่นาน.. ลูกโป่งหลากสีสันก็กลับคืน
    อยู่ฝืนฟ้ากว้างสีคราม พร้อมๆกับรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความอบอุ่น ที่ทยอยหวนย้อนมาในทุกๆวินาที

    FOLLOW YOUR DREAM.




     

    Minor!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×