ตอนที่ 6 : บทที่ 5 - เพื่อนตัวน้อย ( 100% )
บทที่ 5
เพื่อนตัวน้อย
ลานนานั่งทอดมองสภาพแวดล้อมภายนอกอยู่เงียบๆ เพียงลำพัง มุมหลังพระราชวังกลายเป็นมุมโปรดของเธอไปเสียแล้วนับตั้งแต่ต้องมาติดอยู่ที่เมืองปีศาจแห่งนี้ หญิงสาวใช้เวลาเกือบวันมานั่งดูดาวชมนกชมไม้ ไม่สิ… อย่าเรียกว่าชมนกชมไม้ ต้องเรียกว่า ชมค้างคาวเขี้ยวใหญ่เสียมากกว่า!
แม้จะเป็นค้าวคาวตัวโตน่าเกลียดน่ากลัวแต่ทว่ากลับให้ความรู้สึกผ่อนคลายอย่างน่าประหลาด พวกมันไม่ได้พุ่งตัวเข้ามาทำร้ายเธอเหมือนที่แอบคิด พวกมันอยู่กันเป็นฝูงใหญ่ๆ แล้วพากันบินร่อนไปเร่มาราวกับเป็นเจ้าของท้องฟ้าแต่เพียงผู้เดียว หญิงสาวมองภาพเบี้ยงบนแล้วเผยรอยยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ไม่มีใครได้เห็นนอกจากพวกค้างคาวมีปีกเหล่านี้
กุกกักๆ
ขวับ!
ลานนาหันมองข้างกายเมื่อรับรู้ได้ถึงการมาเยือนของสิ่งมีชีวิตตัวน้อย…
“อุ๊ย น่ารักจังเลย” เสียงหวานพูดแล้วรีบเดินไปอุ้มเจ้ากระต่ายน้อยขนปุยมาไว้ในอุ้งมือ “โอ๊ะ มีแผลด้วยนี่น่า” ลานนกตกใจเมื่อเห็นบาดแผลลึกอยู่ข้างต้นขาซ้ายของมัน
แต่เจ้าสิ่งมีชีวิตตัวจิ๋วกลับไม่แสดงความรู้สึกเจ็บปวดให้เห็นแม้แต่น้อย
“ไหนๆ ขอดูหน่อยสิ” มนุษย์ผู้มีจิตใจดีชูเจ้ากระต่ายสีขาวขึ้นตรงหน้าแล้วสำรวจอาการบาดเจ็บของมัน แววตาเป็นมิตรของเธอทำให้สัตว์ในอุ้งมือผ่อนคลายมากขึ้น
“เดี๋ยวฉันพาไปทำแผลนะ” ลานนาบอกด้วยรอยยิ้ม ร่างบางรีบลุกขึ้นจากพื้นดินที่ใช้พักกายและใจมาเป็นเวลานานอย่างรวดเร็ว เวลานี้มีสิ่งที่น่าสนใจมากกว่านั้น หญิงสาวตั้งใจว่าถ้าทำแผลให้เจ้ากระต่ายตัวนี้เสร็จเธอจะขออนุญาตปลายฟ้ารับมันมาเลี้ยงไว้ในวัง
ก็เลี้ยงไว้ในห้องของเธอคนเดียวนั่นแหละ
“เดี๋ยวฉันขอกล่องปฐมพยาบาลหน่อยนะ” ลานนาบอกกับนางในคนหนึ่งที่ลีโอให้อยู่คอยรับใช้เธอ
จะว่าไปที่นี่ก็ไม่ได้เลวร้ายซะทีเดียวในบางครั้ง หญิงสาวมาในฐานะเชลยที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยคดีมรกตจันทราหายไป ความจริงไม่ได้อยากจะรับรู้อะไรนักหรอกแต่ได้ยินใครต่อใครต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามรกตจันทราเป็นสิ่งมีค่าที่ราชินีแห่งเมืองควรมี
และมันตกทอดกันมาเป็นเวลากว่าสามพันปีแล้ว!
บ้าจริงๆ ตกทอดกันมาเป็นเวลายาวนานขนาดนั้นแล้วทำไมถึงพึ่งมาหายในตอนที่เธอเกิดด้วยนะ ความซวยหล่นทับจริงๆ จนไม่พอยังถูกยัดเหยียดข้อกล่าวหาหัวขโมยอีก
“มีใครเป็นอะไรหรือเจ้าคะ?”
“เจ้ากระต่ายตัวนี้น่ะ มันบาดเจ็บฉันเลยอยากทำแผลให้กับมัน” ลานนาตอบพลางกับชูร่างเล็กของกระต่ายขนปุยให้นางในตรงหน้าดู
“แผลลึกขนาดนี้หม่อมฉันว่าให้หมอหลวงมาทำดีกว่าเจ้าค่ะ จะได้ตรวจหาโรคอื่นๆ ให้กับมันด้วย” นางในเสนอความคิดเห็น
“จริงด้วยสิ… แล้วหมอหลวงอยู่ที่ไหนเหรอ?”
“ถ้าท่านต้องการหม่อมฉันก็จะเรียกมารับใช้ให้เจ้าค่ะ” นางในตอบอย่างสุภาพ
“ฉันต้องการ” ร่างเล็กรีบพยักหน้ารัวๆ “อย่าช้านะ ฉันกลัวว่ามันจะเป็นอันตรายไปซะก่อน” น้ำเสียงสุดท้ายหันไปพูดกับกระต่ายน้อยในอ้อมกอด
แววตาของมันที่มองเธอนั้นช่างน่าเวทนาเหลือเกิน…
“เจ้าค่ะ”
นางในรับคำสั่งแล้วหายตัวไปต่อหน้าต่อตาร่างบาง
“จะเดินเข้าออกประตูให้มันเหมือนคนปกติไม่ได้หรือไงนะ บ้าบอที่สุดเลย” ลานนาอดหงุดหงิดไม่ได้ แม้จะอาศัยออยู่ที่เมืองแห่งนี้มาเป็นระยะเวลาร่วมสองอาทิตย์แล้ว แต่ใครเล่าจะไปชินกับการใช้เวทมนต์พร่ำเพรื่อของผู้คนที่นี่
เอ๊ะ… ไม่ใช่คนสิ ปีศาจต่างหากล่ะ!
----------------------------------------------------
ไม่นานห้องนอนอันกว้างขวางที่มีมนุษย์เพียงหนึ่งเดียวเป็นเจ้าของก็อัดแน่นไปด้วยบรรดาหมอหลวงและเหล่านางพยาบาลที่รับใช้สำนักพระราชวัง ภาพที่เห็นก็คือกระต่ายตัวเล็กเพียงหนึ่งตัวที่นอนอยู่บนเตียงกว้างแล้วมีปีศาจมากหน้าหลายตามายืนมุ่งดู ตรวจไล่ไปตามร่างกายอ้วนป้อมที่ปกคลุมด้วยขนสีขาวสะอาดตา
ลานนามองภาพตรงหน้าแล้วอดอมยิ้มไม่ได้ เจ้ากระต่ายตัวนี้ดูท่าจะตื่นตูมผู้คนไม่น้อย มันคอยจ้องแต่จะกระโดดหนีอยู่เรื่อย นี่ถ้าไม่มีนางพยาบาลคอยจับเอาไว้มันคงกระโดดออกนอกหน้าต่างเป็นแน่
“เป็นอะไรมากไหม?” ลานนารีบเข้าไปถามเมื่อดูท่าหมอหลวงจะทำการตรวจเสร็จสิ้นแล้ว
“มีอักเสบบ้างเล็กน้อยขอรับเพราะแผลที่ได้รับลึกมากพอสมควร แต่โดยรวมแล้วพักสองสามวันก็หายเพราะอาการของมันปกติดีทุกอย่าง ไม่มีสภาวะแทรกซ้อนใดๆ” น้ำเสียงนิ่งตามวัยเอ่ย
“แล้วฉันเลี้ยงมันได้หรือเปล่า?”
“เรื่องนี้ท่านต้องไปถามฝ่าบาทหรือราชินีเอาเองขอรับ หม่อมฉันไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะตอบได้” คนตรงหน้าโค้งศีรษะเป็นเชิงขอโทษสตรีงดงาม
“นั่นสินะ” ลานนาเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะพูดกับบรรดาคณะทีมแพทย์หลวงของราชสำนัก “ขอบคุณพวกท่านมากที่มาช่วยดูเจ้ากระต่ายตัวนี้ให้ฉัน พวกท่านไปผักผ่อนเถอะ” หญิงสาวยิ้มบางเบาเป็นการตอบแทน
ปีศาจทุกตัวโค้งศีรษะเพื่อแสดงความเคารพต่อร่างบาง แม้จะเป็นเพียงเชลยที่เขาจับมาไว้เป็นตัวประกันแต่ผู้คนที่นี่ก็ต้องให้เกียรติและเคารพเธอในฐานะคนสำคัญของราชินี เพราะปลายฟ้าคอยอยู่ข้างหลังและปกป้องเธอจากความไม่ปลอดภัยทั้งปวง ลานนาขอบคุณราชินีเสมอที่ทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจ เมื่อครั้งที่ได้พูดคุยกันเธอก็ได้รู้จักตัวตนของปลายฟ้ามากยิ่งขึ้น หญิงสาวเคยเป็นมนุษย์เต็มตัวมาก่อนแต่ทว่าพอได้เป็นราชินีแห่งฝ่าบาทจึงมีเลือดของปีศาจอยู่ครึ่งหนึ่ง และเครื่องประดับประจำกายของราชินีก็คือมรกตจันทราที่ทุกคนกำลังตามหาอยู่นั่นเอง
ลานนารู้มาว่ามันมีค่าและมีพลังอำนาจมาก หากผู้เป็นราชินีไม่มีไว้ในครอบครองจะส่งผลให้พระราชาและบ้านเมืองเกิดอาเพศได้
“ฉันมาเข้าเฝ้าราชินี”
เสียงหวานบอกกับทหารหน้าดุที่ยืนเฝ้าหน้าตำหนักของประมุขทั้งสอง ถ้าเลือกได้ลานนาไม่อยากจะมาที่นี่สักเท่าไหร่เพราะเกรงกลัวสายตาและท่าทางของบรรดาทหารกล้าเหล่านี้ มันทั้งน่ากลัวและดุดันจนเลือดในกายเย็นวาบไปทั้งตัว
“นัดไว้หรือเปล่า!” น้ำเสียงแข็งกร้าวเอ่ยถาม แววตานั้นแทบจะเผาไหม้เธอได้
“ปะ เปล่า”
ลานนาแม้จะไม่ค่อยกลัวใครแต่ก็แอบเสียวสันหลังไม่น้อย น้ำเสียงที่หญิงสาวเปล่งออกมานั้นจึงสั่นไหวไม่ต่างอะไรกับหัวใจที่เต้นโครมคราม ในมืออุ้มกระต่ายน้อยไว้แนบอกราวกับกลัวว่ามันจะรู้สึกตกใจไปด้วย
“เอาอะไรมาด้วย!” ทหารนายหนึ่งถามพลางกับพยายามจ้องมายังฝ่ามือของเธอ
“เอ่อ คือ…”
“ฉันถามว่าเอาอะไรมา!” คราวนี้น้ำเสียงนั้นแข็งกระด้างยิ่งกว่าเดิม
ลานนาเหงื่อตก… ริมฝีปากเล็กซีดเซียวเหมือนคนไม่ได้เลือดมานานนับปี
“เสียงดังอะไรกันเอะอะโวยวายไปถึงข้างใน พวกนายไม่รู้เหรอว่าฝ่าบาททรงกำลังทรงงานอยู่”
ร่างสูงสง่าที่บนศีรษะมีมงกุฎแสดงความเป็นใหญ่เอ่ยขึ้น แววตาคู่งามมองบรรดาทหารหน้าวังอย่างตำหนิ ไม่มีใครกล้าต่อต้านหรือสบตากับหญิงสาว บุคคลที่เคยแหกปากตะโกนใส่เธอนั้นก้มหน้ามองพื้น
“ขอประทานอภัยพะยะค่ะ”
ปลายฟ้าเคลื่อนตัวมายังร่างเล็กที่หวาดกลัวจนสั่นเทิ้ม ใบหน้าที่ดุดันเมื่อครู่ค่อยๆ เผยรอยยิ้มออกมาให้คนมองได้ใจชื้น
“มาถึงนี่มีอะไรหรือเปล่าลานนา” น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยถาม
“เธอเห็น…” ร่างบางเงียบชะงักเมื่อปลายฟ้ายกนิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากเป็นเชิงบอกให้หยุดพูด
“เราไปคุยกันที่ห้องบรรทมของฉันเถอะ” พูดจบเจ้าตัวก็พาร่างของเธอและลานนาให้วับไปจากตรงนี้ทันที ทิ้งให้เหล่าทหารกล้ามองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจว่าเหตุใดราชินีต้องให้ความสำคัญกับมนุษย์ผู้นี้มากถึงเพียงนี้ด้วย
แถมสรรพนามที่สตรีนางนั้นใช้เรียกพระองค์อีก…
“เธอลืมใช่ไหมว่าถ้าเราอยู่ต่อหน้าคนอื่นเธอต้องพูดคำราชาศัพท์กับฉัน”
คนพูดเอ่ยถามเมื่อยามที่สองเท้าของทั้งคู่แตะพื้นพรมห้องบรรทมอันกว้างใหญ่ ลานนาลอบมองสิ่งต่างๆ ตรงหน้า ทุกอย่างมันช่างอลังการและสวยงามเหลือเกิน นี่ถ้าไม่ได้ย่างกรายเข้ามาที่ห้องๆ นี้เธอคงละเมอคิดว่าห้องของตัวเองนั้นยิ่งใหญ่ หากมันเทียบไมได้เลยกับห้องบรรทมของราชินีแห่งเมือง Black Rose
“ขอโทษนะ ฉันลืมตัวน่ะ” ลานนายอมรับความผิด
“ไม่เป็นไรฉันเข้าใจ” ปลายฟ้ายิ้ม ผายมือเชื้อเชิญให้เธอนั่งลงบนโซฟาสีม่วงกำมะหยี่ “นั่งก่อนสิ”
“ขอบคุณค่ะ”
“มีอะไรก็ว่ามา?” ปลายฟ้าเสกน้ำชาและของว่างลงบนโต๊ะตรงหน้าอย่างละสองชุด สำหรับเธอและแขกผู้มาเยือน “ดื่มไปคุยไปน่าสนุกดีนะ” คนพูดหัวเราะเบาๆ
“ชานี่รสชาติดีนะ” ลานนายกแก้วน้ำชาขึ้นจิบ รสชาติของมันหวานหอมเหมือนกลีบกุหลาบยามเช้า
“ชากุหลาบของฉันเอง ฉันปลูกไว้ที่สวนหลังวัง ไว้วันหลังจะพาไปดูนะ” ราชินีผู้ยิ่งใหญ่ยิ้มให้กับหญิงสาวตรงหน้า มือเรียวทรงเสน่ห์วางแก้วชาลงกับโต๊ะแล้วนั่งสบตากับลานนาด้วยความจริงจัง
“มาพูดเรื่องธุระของเราดีกว่า เธอมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันหรือ ถ้าให้เดาคงเกี่ยวกับ” ปลายฟ้าชี้นิ้วไปยังกระต่ายตัวเล็กขนปุย
“อ้อ จริงสิ” ลานนาอุ้มกระต่ายตัวเล็กให้ออกมาสบตากับหญิงสาว ดูท่ามันจะตื่นตระหนกไม่น้อย มือบางสัมผัสได้ถึงอาการสั่นเทาของมัน “ไม่ต้องกลัวนะ” เสียงหวานกระซิบบอก
“ฉันไปเจอมันที่หลังพระราชวังใหญ่ เห็นมันบาดเจ็บอยู่เลยพามันไปทำแผลกับหมอหลวง” ลานนาอธิบายความเป็นมา คนฟังพยักหน้าไม่ขัดอะไร
“ฉันก็เลยอยากจะขอ…”
“เลี้ยงมัน” ปลายฟ้าช่วยต่อให้ คนฟังพยักหน้าทันที
“ฉันเลี้ยงมันได้ไหมปลายฟ้า?” ลานนาถามอย่างเป็นกังวล เพราะเธอเองก็ไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะทำอะไรตามอำเภอใจได้ ลำพังมาอาศัยดินแดนแปลกถิ่นก็ลุ้นอยู่ทุกวันว่าจะเจอกับเรื่องราวประหลาดๆ อะไรบ้าง
ลานนาเองก็เป็นห่วงเจ้ากระต่ายน้อยตัวนี้ มันกำลังบาดเจ็บ… ถ้าปล่อยเลยตามเลยก็คงจะใจร้ายเกินคน
“ไม่ได้!!!”
น้ำเสียงเข้มของใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้น…!
ฝากกดไลค์แฟนเพจด้วยนะคะ ^^ จะได้ติดตามผลงานกันง่ายขึ้น
Friend_Ship & เพื่อนแพง
ฝากนิยาย E-BOOK ของเพื่อนแพงด้วยนะคะ ^^
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

13 ความคิดเห็น
-
#11 poppy09 (จากตอนที่ 6)วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2561 / 08:39ริชาดแน่เลยมาเสียงเขียวแบบนี้#110
-
#9 minkunmar (จากตอนที่ 6)วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2561 / 23:35ลานนานี่ใจดีจัง ริชาดขึ้นเสียงอีกแล้วนะ เดี๋ยวเถอะ#90