ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เมียปรารถนา (ซีรีส์ชุด เมียยอดรัก ลำดับที่ 1)

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1.1 - คำทำนายจากป้าปริศนา (เป้าสายตา)

    • อัปเดตล่าสุด 13 พ.ย. 67


    เม้นๆ โหวตๆ เป็นกำลังใจให้เพื่อนแพงด้วยนะคะ

     

    บทนำ


              "ลี... ลงมากินข้าวได้แล้วลูก"

               เสียงไพเราะของมารดาตะโกนเรียกบุตรสาวเพียงหนึ่งเดียวที่คาดว่ากำลังแต่งตัวใกล้เสร็จอยู่บนห้อง กลิ่นข้าวต้มกุ้งหอมตลบอบอวลไปทั่วบ้าน แสงแดดยามเช้าสาดกระทบหน้าต่างส่งกลิ่นไอธรรมชาติให้สองแม่ลูกได้สูดอากาศสดชื่นของวันใหม่

               “หอมน่ากินจังเลยค่ะ” วราลี ที่เพิ่งแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยเดินลงบันไดมาตามเสียงเรียก ร่างบางปรี่เข้าไปสวมกอดเอวคนเป็นแม่แน่น จมูกโด่งรั้นหอมแก้มบุคคลสำคัญอย่างรักใคร่

               “ประจบแต่เช้าเลยน้าลูกคนนี้” เพ็ญศรี หันมาจูบหน้าผากมนของลูกรัก สองแม่ลูกแสดงความรักต่อกันแบบนี้มานานหลายสิบปี

               “สอบวันสุดท้ายใช่ไหมลูก”

               “ค่ะ ลูกสาวแม่คนนี้จะเรียนจบแล้วน้า” วราลียิ้มกว้าง

               “จ้า… เก่งที่สุดเลย” เพ็ญศรีโยกศีรษะทุย ก่อนยกชามข้าวต้มวางลงบนโต๊ะ “กินเยอะๆ นะ จะได้ทำข้อสอบได้”

               “ขอบคุณค่ะ”

               เพ็ญศรียิ้มมีความสุขยามมองดูลูกทานข้าวเช้าฝีมือตนอย่างเอร็ดอร่อย 

     

              บรรยกาศช่วงสอบมักจะเห็นนักศึกษาต่างพากันเข้าห้องสมุดเพื่อหามุมอ่านหนังสือทบทวนบทเรียนเตรียมลงสู่สนามสอบจริง ใบหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด ผิดกับสองสาวที่ยิ้มแย้มแจ่มใสหลังจากช่วงเวลาแห่งการสอบวิชาสุดท้ายได้สิ้นสุดลงแล้ว

               “เดี๋ยวคืนหนังสือเสร็จเราไปกินข้าวกันนะ” มินตรา เพื่อนสนิทเพียงหนึ่งเดียวของวราลีเอ่ยชวน

               “อื้ม ไปสิ” วราลีไม่ปฏิเสธ ไหนๆ ก็เรียนจบแล้ว ขอผ่อนคลายความเครียดที่สะสมมาตลอดหลายสัปดาห์หน่อยละกัน

               ทั้งสองสาวเลือกมาเดินห้างประจำที่อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัย ทุกย่างก้าวตกเป็นที่สนใจของเหล่าภมรผู้ เพราะความสวยของวราลีนั้นโดดเด่นจนบรรดาชายหนุ่มต้องเหลียวหลังมอง แต่ถึงกระนั้นก็คงได้แค่มอง เพราะวราลีไม่เคยเปิดใจหรือมอบไมตรีให้ชายใดเลย ขนาดมีรุ่นพี่ตามจีบเกือบสองปียังต้องกินแห้ว เขาคนนั้นพยายามทำทุกอย่างเพื่อพิชิตใจเธอสารพัด กลับต้องหลั่งน้ำตาพร้อมรับฟังประโยคสุดแสนคลาสสิคที่ว่า

               ‘ลียังไม่พร้อมมีใครค่ะ เราเป็นพี่น้องกันดีกว่านะคะ’

               “จะว่าไปพอเรียนจบใจมันก็หวิวๆ เหมือนกันเนอะ ว่าไหม?” มินตราพูดขึ้นระหว่างรออาหารที่สั่งไป

               “นั่นดิ ตอนเรียนก็อยากรีบจบเพื่อจะได้หางานทำเป็นหลักแหล่ง แต่พอเรียนจบจริงๆ จังๆ กลับรู้สึกเสียดาย ชีวิตวัยเรียนมันสนุกปนเศร้าเนอะ” วราลีแอบใจหายไม่แพ้กัน

               “เศร้าเวลาที่สอบได้คะแนนน้อยแล้วเกรดตกอะนะ” มินตราหัวเราะ

               “แหม! ใครมันจะไปเก่งเท่าแกล่ะยะ แม่เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง” วราลีชมแต่ก็ไม่วายทำเสียงหยันระคนหยอกเย้า

               “ทำเป็นพูดดี แกก็เกียรตินิยมเหมือนกัน”

               “แต่เกรดเฉลี่ยน้อยกว่าแกเยอะ” วราลียกยอปอปั้นเพื่อนรัก

               “เอาน่า… ให้ฉันมีข้อดีกับเขาบ้าง ก็ในเมื่อสวยไม่เท่าดาวคณะอย่างแก ฉันก็ต้องเรียนให้เก่งเข้าไว้ จะได้มีจุดขายเว้ย”

               วราลีนอกจากจะเป็นสาวป๊อปปูล่าร์ประจำมหาวิทยาลัยแล้ว เธอยังเป็นดาวคณะแห่งคณะบัญชีอีกด้วย แม้ความสวยอาจไม่โดดเด่นพอที่จะเป็นดาวมหาวิทยาลัยเมื่อเทียบกับคณะอื่นที่ส่งเข้าประกวด แต่วราลีก็ได้ใจเหล่านักศึกษารวมถึงคณาอาจารย์ไปไม่น้อย เพราะความน่ารักสดใสเป็นกันเองของเธอ

               “เว่อร์วัง ฉันไม่ได้สวยเท่าไหร่หรอก แค่หน้าตาดีนิดหน่อย” วราลียักไหล่พลางยิ้มอวด มินตราอยากจะเขกหัวเพื่อนซี้นัก ทำเป็นพูดดี

               “เอ่อ… ขอโทษนะครับ” ชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งเดินมายังโต๊ะ วราลีและมินตรามองหน้ากันอย่างงงๆ

               “ผมขอเบอร์ฯ คุณได้ไหมครับ?” เสียงสั่นๆ บอกกับวราลี มินตราถึงกับยิ้มขัน จ้องหน้าเพื่อนอย่างท้าทาย อยากรู้ว่าจะปฏิเสธอย่างไร

               วราลีเห็นสีหน้าจริงจังของเขาก็นึกสงสาร แต่เธอไม่คิดจะให้เบอร์โทรศัพท์คนแปลกหน้าหรอกนะ

               “ต้องขอโทษด้วยนะคะ พอดีว่า… มากับแฟนน่ะค่ะ”

               วราลีกุมมือมินตราขึ้นจูบโชว์ ทำเอาพ่อหนุ่มหน้าตี๋เข่าแทบทรุด รีบละล่ำละลักลาจากแทบไม่ทัน

               “ขะ ขอโทษด้วยครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษครับ”

               มินตรารีบชักมือออกแล้วเช็ดสัมผัสที่วราลีกระทำลงไปเมื่อครู่

               “แกจะบ้าหรือไงยะ! ฉันไม่นิยมเล่นดนตรีไทยนะ” สายตาขุ่นเคืองตวัดมอง

               “ฮ่าๆ ก็ฉันคิดหาทางออกไม่ทันนี่หว่า นึกสดเล่นสดเลยเป็นไง สมจริงปะ?” วราลีหัวเราะ จริงๆ แค่ปฏิเสธก็เพียงพอแล้ว แต่เธออยากแกล้งมินตราเล่นเฉยๆ โทษฐานทำหน้ากวนประสาทใส่ดีนัก

               “แล้วดูสิเนี่ย อีตานั่นมากับเพื่อนเป็นกลุ่มด้วย เกิดเขาเอาไปเมาท์ หนุ่มๆ ได้คิดว่าฉันเป็นเลสหมด จะทำยังไง ยิ่งหาแฟนยากอยู่ด้วย” มินตราบ่นไม่เลิก

               “เอาน่า… คิดมากไปได้ ฉันก็แค่ขำๆ มะ” วราลีหยิกแก้มป่องดึงเล่นไปมา มินตราเริ่มใจอ่อนขึ้นมานิดๆ

               สองสาวหยุดการสนทนาแล้วเริ่มรับประทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องอยู่ตลอดเวลา และก็เป็นมินตราที่รู้สึกถึงความแปลกประหลาดนั้น

               “ลีๆ” มินตราเรียกเพื่อนเสียงค่อย วราลีขมวดคิ้ว ทำไมต้องทำหน้าเหมือนกลัวใครจะได้ยินด้วย

               “แกเห็นผู้หญิงคนนั้นไหม?”

               “คนไหนอะ” วราลีไม่รู้ หล่อนเอาแต่ก้มหน้าก้มตาทานสปาเก็ตตี้ท่าเดียว ไม่รู้หรอกว่าใครเป็นใคร

               “ซ้ายมือ คนที่ใส่เสื้อสีดำนั่งดื่มกาแฟตรงมุมสุดนั่นน่ะ”

               มินตราบอกตำแหน่ง โชคดีที่วันนี้ร้านมีแขกไม่เยอะ ทำให้วราลีเห็นเป้าหมายได้ชัดเจน

               “เห็น ทำไมอะ?” วราลีถามต่อ “หรือว่าเป็นคนของแม่แก เห้ย! ตามคุมแจแบบนี้เลยเหรอ” วราลีคิดว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนของมารดาเพื่อนรัก มินตราเป็นบุตรสาวของเศรษฐีอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง และเป็นลูกที่แม่หวงมาก! เวลาไปเที่ยวจะต้องมีบอดี้การ์ดคอยตามคุมเสมอ

               “จะบ้าเหรอ แม่ฉันให้คนคุมเฉพาะเวลาเที่ยวผับหรือเที่ยวไกลๆ เท่านั้นย่ะ ไอ้มาเดินห้างแค่นี้เขาไม่ตามให้เสียเวลาหรอก”

                 ดูเอาเถอะ คิดเข้าไปได้นะยะ 

     

     

    ฝากแฟนเพจด้วยนะคะทุกคน

     

    Friend_Ship & เพื่อนแพง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×