คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Introduction
Magical girls lyrical Nanoha side story II True Heroine
Introduction
จากเหตุการณ์ความวุ่นวายเมื่อ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาทำให้เหล่าผู้บริหารของกองกำลังภาคพื้นดิน ต้องเปิดการประชุมลับโดยด่วน เพื่อหาข้อสรุปของเหตุการณ์ดังกล่าวที่จะต้องนำไปแถลงต่อสาธารณชนในอีก 48 ชั่วโมงข้างหน้านี้
ข้อมูลภาพบันทึกของปฏิบัติการเก็บกู้ลูกแก้ว Wonder mind ที่สุสานของเฮคเซนเดีย ไพร์ม ซึ่งถูกเก็บอยู่ในหน่วยความจำของอุปกรณ์เวทมนต์รูปพลอยสีแดงสด อันเป็นดีไวซ์ของนาโนฮะ ถูกนำมาฉายขึ้นในที่ประชุมเพื่อประกอบการร่างแถลงการณ์
ภาพของเหตุการณทั้งหมดถูกบันทึกเอาไว้ได้อย่างชัดเจน ด้วยระบบนาโนดิจิตอล อินเทลลิเจนซ์ โปรเซสเซอร์ ที่เป็นระบบการจัดเก็บข้อมูลผ่านการเข้ารหัสขั้นสูงลงใน ชิพหน่วยความจำที่มีขนาดเล็กถึงในระดับโมเลกุลของสารที่ประกอบจากธาตุธาตุอิสระเช่น เพชร เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อลดสัญญาณรบกวนจากการบันทึกข้อมูล และเพิ่มความปลอดภัยแก่ข้อมูลที่ถูกจัดเก็บอยู่ภายใน เนื่องด้วยจากการที่มันเป็นระบบที่มีความซับซ้อนมาก และต้องการความสามารถในการประมวลผลสูง ทางวิศวกรจึงมักจะติดตั้งระบบนี้ให้กับ”อินเทลิเจน ดีไวซ์” เท่านั้น
ในระหว่างที่ภาพบันทึกถูกฉายขึ้นถึงตอนที่หญิงสาวถูกลอบเล่นงานจากข้างหลัง โดยหน่วยปฏิบัติการที่เข้าไปด้วยกัน ชายหนุ่มผู้ซึ่งนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะประชุมก็ลุกขึ้นพร้อมโพล่งออกมาว่า
“นี่มันอะไรกัน”จากนั้นสายตาผู้ร่วมประชุมทั้งหกคน ต่างพากันจ้องมองไปหาเขาทันที
“จะให้พวกเราไปแถลงกับสาธารณชนว่าอย่างทื่อๆว่า ‘โศกนาฏกรรมครั้งนี้ เกิดจากบุคลากรของเราเป็นอาชญากรเสียเองน่ะหรือไม่มีทางซะล่ะ”เขาพูดต่ออย่างใส่อารมณ์ จากนั้นชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ด้านข้างก็เอ่ยอย่างใจเย็นว่า ‘
“ผมเองก็พอเข้าใจความรู้สึกคุณนะ คุณสเปนเซอร์ แต่อย่างไรตาม นี่ก็เป็นความจริงก็ที่เกิดขึ้นนะ ผมคิดว่าเราควรจะยอมรับในความหละหลวมของการทำงานของพวกเรา แล้วมาช่วยกันพยายามแก้ไขมันจะดีกว่า”
“งั้นคุณจะให้ผมออกไปแถลงว่า ‘พวกเราไร้น้ำยา ซะจนไม่สามารถคัดกรองบุคลากรที่ดีให้เข้ามาทำงานได้ แล้วให้สาธารณชนยกย่องให้เธอคนนี้เป็นวีรสตรีงั้นหรือ คุณเทอร์รี่”
สเปนเซอร์โต้กลับอย่างประชดประชัน ทันใดนั้นหญิงสาววัย 20 ปี ต้นๆ ซึ่งเป็นเลขาของสเปนเซอร์ ที่นั่งอยู่ด้านตรงข้ามของเทอร์รี่ก็พูดเป็นเชิงเห็นพ้องด้วยว่า
“คุณเทอร์รี่คะ คุณต้องทราบไว้ด้วยนะคะว่าตอนนี้ พวกเรามีคนตาย 53 ชีวิต ที่ต้องรับผิดชอบ แล้วจะไหนจะค่าปิดปากพวกสื่อ ไหนจะค่าปลอบขวัญผู้เสียหาย ซึ่งทางเราก็ต้องชดใช้ความเสียหายจนกระเป๋าแทบแฟ่บอยู่แล้ว ขืนเราไปแถลงการณ์โง่ๆแบบนั้นล่ะก็ ประชาชนคงหมดศรัทธาในกรมการปกครองของพวกเราอีกด้วยเป็นแน่นะคะ”
“เลาขาคุณพูดถูกแล้ว คุณสเปนเซอร์” ชายอีกคนที่นั่งอยู่ด้านข้างเทอร์รี่กล่าว ก่อนที่จะเสนอความเห็นออกมาว่า
“ในฐานะที่เป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคง ผมคิดว่าเราน่าจะปฏิเสธไปเลย ว่าทางเราไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการเกิดความเสียหายในครั้งนี้ ความเสียหายทั้งหมดเกิดขึ้นจากการกระทำโดย พลการของ เสนาธิการ ทาคามาจิ เพียงคนเดียว”ในขณะที่สเปนเซอร์กำลังครุ่นคิดอยู่ เทอร์รี่ก็แย้งขึ้นมาว่า
“คุณจะบอกว่าให้พวกเราโยนบาปที่พวกเราต้องแบกรับไปให้ผู้หญิงคนนี้น่ะหรือ”เขาขึ้นเสียงดังอย่างไม่พอใจ
“ผมเองก็ไม่อยากจะทำแบบนี้หรอก แต่ว่าความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีให้แก่พวกเรานั้น สำคัญกว่าชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งนะ”ชายผู้นั้นกล่าวโต้ตอบ
“แต่ว่าแบบนี้มัน…” ยังไม่ทันที่เทอร์รี่จะได้แย้งอะไร สเปนเซอร์ก็รีบชิงพูดตัดบทไปซะก่อน
“เอาเป็นว่าผม จะทำตามความเห็นของคุณ กอร์ดอน ล่ะกัน”ทันทีที่เทอร์รี่ได้ยินดังนั้น เขาจึงโต้แย้งขึ้นอย่างหัวชนฝาทันที
“คุณรู้ตัวบ้างรึเปล่า ว่าคุณพูดอะไรออกมาน่ะ คุณ สเปนเซอร์”
“ผมรู้ มันอาจจะดูโหดร้ายกับเธอคนนี้”
เขาตอบพร้อมกับชี้นิ้วไปที่จอภาพโฮโลแกรม ที่กำลังฉายภาพของหญิงสาวผมสีน้ำตาลยาวสลวยมัดรวบเป็นสองข้าง ในชุดเกราะเวทมนต์สีขาวบริสุทธิ์ ซึ่งกำลังต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายกับโครงกระดูดอันแสนน่ารังเกลียด ก่อนที่จะเอ่ยต่อไปว่า
“แต่ว่าคุณลองนึกดูสิ ถ้าหากเรายอมรับว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของเราฝ่ายเดียวล่ะก็ นอกจากค่าเสียหายอันมหาศาล ที่พวกเราต้องชดใช้แล้ว ประชาชนอีกหลายคนจะสูญเสียความเชื่อมั่นในตัวของพวกเรา พวกเขาเหล่านี้จะเลิกสนับสนุนพวกเรา ทีนี้กฎหมายก็จะกลายเป็นสิ่งที่ไร้ค่า แล้วผู้คนก็จะหันไปพึ่งพาพวกจอมเวทย์รับจ้าง ซึ่งใช้ศาลเตี้ยในการตัดสินพวกอาชญากร แล้วหลังจากนั้นบรรทัดฐานของสังคมก็จะเป็นยังไงล่ะ ผู้บริสุทธิ์ที่ถูกปรักปรำจนต้องสังเวยชีวิตให้กับสังคมแบบนี้จะมีซักเท่าไรกัน คุณลองคิดดูซิครับ คุณเทอร์รี่”
“เอ่อ…คือ แต่ถึงยังงั้นก็เถอะ ผมว่าเราควรจะหาทางออกที่ดีกว่านี้นะ”ชายวัยกลางคนพยายามจะแย้ง
“ผมจะให้เวลาคุณคิดหาทางออกที่ว่า จนกว่าจะถึงเวลาแถลงการณ์ล่ะกัน ถ้าถึงตอนนั้นแล้วคุณยังไม่หาทางไม่ได้ล่ะก็ พวกเราจะดำเนินการตามที่คุณ กอร์ดอน เสนอ ตกลงมั้ยครับ”สเปนเซอร์เสนอข้อแลกเปลี่ยนที่หน้าหนักใจให้กลับอีกฝ่าย ก่อนที่จะหันไปสั่งงานต่อว่า
“เอาเป็นว่า ในตอนนี้ผมอยากให้คุณ กอร์ดอน รับหน้าที่ร่างแถลงการณ์ ทุกท่านมีความเห็นว่าอย่างไรครับ”หลังจากผ่านไปครึ่งนาที แล้วยังไม่มีองค์ประชุมผู้ใดเอ่ยคัดค้าน สเปนเซอร์ก็กล่าวกับกอร์ดอนว่า
“ถ้างั้นก็ฝากด้วยนะครับ คุณกอร์ดอน”อีกฝ่ายพยักตอบรับอย่างเชื่องช้า จากนั้นสเปนเซอร์ก็เอ่ยปิดการประชุมลง
ในขณะที่ทั้งหมดกำลังพากันเดินออกไป เขาก็หันไปพูดกับหญิงสาวผู้ซึ่งเป็นเลขาของเขาว่า
“คุณ เซริล อีกประเดี๋ยว คุณช่วยติดต่อที่ปรึกษาทางกฎหมายของผมให้ทีนะ ให้ต่อสายตรงเข้ามาที่ห้องผมเลย”
“เข้าใจแล้วค่ะ”หญิงสาวรับคำ ก่อนที่จะเดินไปเก็บพลอยสีแดงที่แผ่นฐานรับส่งข้อมูลลงกล่องสำหรับเก็บดีไวซ์
“นั่นคุณจะทำอะไรน่ะ”เขาทักขึ้น
“ข้อมูลนี้เป็นหลักฐานไม่ใช่หรือคะ ฉันเลยคิดจะเก็บมันไปส่งให้ฝ่ายวิศวกร เพื่อที่เขาจะได้สำเนาข้อมูลพวกนี้ เพื่อเก็บเป็นหลักฐานให้ศาลพิจารณาไงคะ”เธอตอบ
“คุณจะบ้าหรือ ภาพพวกนี้ยิ่งจะทำให้เรื่องมันยุ่งยากขึ้นซะเปล่าๆ ติดต่อช่างเทคนิคที่เราไว้ใจได้แล้วลบๆมันทิ้งไปซะเถอะ เพราะไม่มีใครควรจะได้ดูมันหรอก”สเปนเซอร์พูด
“เอางั้นก็ได้ค่ะ ฉันจะดำเนินการให้ทันที”เซริลรับคำ
วันต่อมาคณะผู้บริหารได้เปิดการประชุมขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เพื่อหาลือเกี่ยวกับการยื่นฟ้องของคดีความ ในเรื่องที่เกิดขึ้น สเปนเซอร์ที่มาถึงห้องประชุมเป็นคนสุดท้ายเอ่ยขึ้นว่า
“ขอโทษที่ต้องให้ทุกท่านรอนานนะครับ”เขาหยุดพูดแล้ววาดมือไปทางประตูที่เดินเข้ามาแล้วพูดต่อว่า
“ทุกท่านครับ ผมขอแนะนำให้รู้จัก ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของผม พันเอก ออริส เธอจะมาเป็นผู้ให้คำปรึกษาเราในการยื่นฟ้องคดีความในครั้งนี้ครับ”หลังจากที่ชายหนุ่มพูดจบ หญิงวัยเกือบ 40 ปี สวมชุดสูทสีกรมท่าของกรมการปกครอง พร้อมกับแว่นตาดูท่าทางขึงขัง ก็เดินตามเลขาของสเปนเซอร์เข้ามาในห้องประชุม
“ด้วยเกียรตินิยมอันดับ 3 ของเธอ จากโรงเรียนกฎหมายของกรมการปกครอง จะช่วยให้สร้างความเชื่อมั่นในการชนะคดีความครั้งให้ให้กับเรา คุณออริส เชิญนั่งครับ”สเปนเซอร์กล่าวเชิญชวน ออริสตอบรับแต่โดยดีแต่ก่อนที่เธอกำลังจะนั่งลงเธอก็เอ่ยขึ้นมาว่า
“ขอบคุณท่านประธาน สเปนเซอร์ มากค่ะ ที่มอบหมายหน้าที่อันสำคัญนี้ให้กับฉัน แต่ก่อนจะเข้าเรื่อง ดิฉนขอบอกกับทุกท่านให้ทราบเอาไว้ด้วยว่า สาเหตุที่ดิฉันยอมรับหน้าที่นี้ก็เพราะ ดิฉันต้องการผดุงไว้ซึ่งอำนาจของความยุติธรรมเพียงเท่านั้นค่ะ โดยดิฉันจะดำเนินการฟ้องร้องข้อกล่าวหาแก่ นาวาอากาศโท ทาคามาจิ ตามความผิดจริงของเธอท่านั้น ซึ่งได้แก่”
หนึ่ง ลักลอบเข้าพื้นที่อันตรายโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต
สอง ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาท จนเป็นเหตุให้ประชาชนเสียชีวิตและทรัพย์สิน
สาม สังหารเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่
สี่ เจตตนาโจมตีและทำลายยานลาดตระเวณของกรมการปกครอง
และห้า เจตตนาใช้เวทย์มนต์ทำการฆาตกรรมหมู่พลเมืองผู้บริสุทธิ์
“ซึ่งแค่นั้นก็เกินพอแล้วที่จะทำให้เธอรับโทษประหารชีวิต”กอร์ดอนเอ่ยแทรกขึ้น เมื่อ ออริสได้ยินดังนั้นจึงโต้แย้งตอบว่า
“ไม่ค่ะ คุณรู้มั้ยคะ ว่าคนที่เรากำลังจะฟ้องข้อกล่าวหาคนนี้ เป็นถึงบุคลากรชั้นยอดของกองทัพเชียวนะคะ ช่วยเหลือการสืบสวนคดีมาตั้งแต่อายุได้ 9 ปี เข้ารับหน้าที่อย่างเป็นทางการในปีต่อมา สร้างผลงานอันยอดเยี่ยมโดยการสืบสวนและปิดคดีชื่อดังหลายคดี เคยบาดเจ็บสาหัสจากการปฏิบัติหน้าที่เพราะเข้าไปช่วยเพื่อนร่วมทีม หญิงสาวผู้อุทิศชีวิตให้กับความถูกต้องและความยุติธรรมมาตลอด 20 ปี ถ้าหากเราฟ้องให้เธอต้องรับโทษประหารล่ะก็ ทางนั้นคงเพิกเฉยกับคำฟ้องร้องของเรา และประชาชนคงต้องมองว่าพวกเราไร้เมตตาอย่างแน่นอนค่ะ”
“อืม…งั้นก็เอาตามความเห็นชอบของคุณล่ะกัน คุณออริส”สเปนเซอร์เอ่ยขึ้น
“เราจะฟ้องร้องให้เธอรับโทษจำคุก เป็นเวลา 20 ปี ตามประมวลกฎหมายของกรมการปกครอง ทุกท่านมีความเห็นว่าอย่างไรคะ”ออริสถามขึ้น ระหว่างนั้นสเปนเซอร์ก็เอ่ยขึ้นว่า
“คุณมั่นใจขนาดไหน ว่าเราจะชนะคดีแน่ๆ”ซึ่งออริสก็ตอบกลับไปอย่างมั่นใจว่า
“ถ้าหากทางนั้นไม่ใช้ปาฏิหาริย์ล่ะก็ พวกเราชนะได้อย่างแน่นอนค่ะ”
โปรดติดตามตอนต่อไป
ความคิดเห็น