Nanoha Fanfiction ตอนพิเศษ Falling down Feather - Nanoha Fanfiction ตอนพิเศษ Falling down Feather นิยาย Nanoha Fanfiction ตอนพิเศษ Falling down Feather : Dek-D.com - Writer

    Nanoha Fanfiction ตอนพิเศษ Falling down Feather

    กาลเวลาที่ผ่านพ้นไป มีหลายๆสิ่งที่เปลี่ยนไป แต่ก็มีบางสิ่งที่ไม่มีจะวันเปลี่ยนแปลง "คราวหน้าฉันจะต้องปกป้องเธอให้ได้ คอยดูซิ" ~Vita~

    ผู้เข้าชมรวม

    1,987

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    1.98K

    ความคิดเห็น


    12

    คนติดตาม


    11
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  8 มิ.ย. 53 / 19:59 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    แฟนฟิคนาโนะ ตอนเสริม ระหว่างภาค A's กับ Strikers ครับ อ้อภาคนี้ลองเปลี่ยนตัวเดินเรื่องมาเป็น วิต้าดูนะครับ ไม่รู้ว่าจะถูกใจกันรึเปล่า หุหุ
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      คุยกันหน่อย...

      แฟนฟิคตอนนี้ อาจจะเป็นเรื่องสุดท้ายที่ผมจะเขียนให้กับนาโนฮะซีรี่ย์นะครับ เพราะอยากจะรอให้เรื่องหลักมีข้อมูลใหม่ๆออกมาอีกสักหน่อย และก็อยากจะไปเขียนเรื่องอื่นๆบ้าง เขียนมา 4 บทแล้ว มันรู้สึกว่า มันเยอะไปน่ะครับ

      สำหรับท่านที่เข้ามาอ่าน รบกวนขอความกรุณาแสดงตัวกันสักนิดนะครับ เพราะบางทีเข้ามาแล้วเจอแต่ความว่างเปล่านี่ มันก็พาลทำเอารู้สึก ระเหี่ยใจเหมือนกันT^T ประมาณว่า ต่อให้เป็นเม้นตำหนิ ก็ยังดีกว่าไม่มีเม้นอะไรเลย น่ะครับ- -a

      คำเตือน ข้อมูลในฟิคเรื่องนี้บางส่วนอาจจะไม่ถูกต้อง อย่าเอาไปใช้อ้างอิงนะครับ และก็ขออภัยด้วยที่หาข้อมูลที่ถูกต้องจริงๆมาเขียนไม่ได้

      บ่นมาเยอะแระ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ แถ่น แทน แท้น



      Nanoha Fanfiction ตอนพิเศษ Falling down Feather

       

                      เสียงระเบิดดังขึ้นมาอย่างสนั่นหวั่นไหว พร้อมกับการแหลกกระจายของเครื่องจักรสังหารที่อยู่ตรงหน้า คมมีดสังหารและชิ้นส่วนอื่นๆของมันปลิวว่อนไปทั่วสารทิศ ท่ามกลางความตกตะลึง ฉันขานเรียกชื่อของเธอด้วยเสียงอันแหบแห้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า พลางเดินโซเซเข้าไปหาร่างเล็กๆของเธอที่กำลังจมอยู่ในกองเลือด และเมื่อไปถึงฉันก็กัดฉีกซองผ้าพันแผลที่ล้วงหยิบขึ้นมา แล้วปิดประกบมันลงบนร่องแผลลึกที่หน้าอกของเธอ

       

      “เฮ้...ยัยบ้าเอ้ย...แข็งใจไว้นะ อีกเดี๋ยวหน่วยแพทย์ก็จะมาแล้ว อดทนหน่อย”ฉันพยายามพูดให้กำลังใจเธอ พร้อมกับกวาดสายตามองไปรอบๆ ก็เห็นแต่เพียงความมืดที่เว้งว้าง ตัดกับทุ่งหิมะสีขาวโพลนที่เย็นเฉียบเท่านั้นเอง

      “โธ่โว้ย พวกนั้นมัวทำอะไรอยู่เนี่ย ยัยนี่จะตายอยู่แล้วนะ”ระหว่างที่ฉันสถบออกมาทั้งน้ำตาด้วยความโมโห นาโนฮะก็เอ่ยพูดขึ้นมาอย่างตะกุกตะกักว่า

      “วิต้าจัง ขอโทษนะ เธอปลอดภัยใช่มั้ย...”

       

                      และนี่ก็เป็นอีกคืนหนึ่งที่ภาพในเหตุการณ์นั้นยังคงตามมาหลอกหลอนฉัน มันเหมือนกับฝันร้ายที่ไม่มีวันจบสิ้น ตัวฉันที่สะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกในคืนหนึ่งของฤดูหนาว ได้ปาดเช็ดน้ำตาที่รินไหลออกมา เนื่องจากฝันที่ผ่านไปเมื่อครู่นี้ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เหลือบไปเห็นเกล็ดน้ำแข็งสีขาวโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า ปกคลุมตามขอบหน้าต่างและยอดกิ่งไม้ในสวนเสียจนขาวโพลน ภาพที่เห็นนั้นมันช่างดูไม่ต่างกับเหตุการณ์ในความฝันนั้นไม่มีผิด ทั้งความมืดมิด และหนาวเย็นเสียยิ่งกว่าจุดเยือกแข็ง สิ่งที่แตกต่างกันก็คงมีเพียงแค่ปุยหิมะสีขาวเหล่านั้น ไม่ได้ถูกชโลมไปด้วยโลหิตที่ทะลักออกมาจากบาดแผลของเพื่อนร่วมรบของฉันเท่านั้นเอง

       

                      หลังจากที่ปาดเช็ดน้ำตาที่ซึมไหลออกมาไปแล้วนั้น ความพยายามที่จะข่มตาให้หลับลงไปอีกครั้งหนึ่งนั้นก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า เพราะภาพและ คำพูดของเธอในตอนนั้น มันทำให้ฉันเจ็บแปลบขึ้นมาทุกครั้งที่นึกถึงมัน ทำไมกันล่ะ ทำไมฉันถึงปกป้องเธอไว้ไม่ได้ ทำไมฉันถึงไม่เอะใจให้เร็วกว่านี้ อยากที่จะย้อนกลับไปแก้ไขมันจริงๆเหลือเกิน

       

       แต่มันทำได้ซะที่ไหนกันเล่า ฉันนี่ก็คิดเพ้อฝันเป็นเด็กๆไปได้นะ เฮ้อ...ลุกไปหาอะไรอุ่นๆดื่มดีกว่าแฮะ หวังว่านมร้อนๆสักแก้วอาจจะช่วยให้ฉันผ่อนคลายลงบ้างนะ ว่าแล้วฉันก็เอื้อมมือขึ้นมาจับยกแขนของฮายาเตะ เจ้านายสาวที่กำลังนอนโอบกอดร่างเล็กๆของฉันไว้อยู่ออก และวางมือของเธอลงบนเตียงอย่างเบาๆ ก่อนที่จะค่อยๆแทรกตัวลุกออกไปอย่างช้าๆ

       

                      ระหว่างที่กำลังนั่งจิบนมสดที่เพิ่งผ่านการอุ่นจากไมโครเวฟมาหมาดๆ ตัวฉันก็ได้หลับตานึกทวนหวนกลับไปถึงเหตุการณ์ในวันนั้นอีกครั้ง วันที่ฉันทำผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัยเป็นอย่างยิ่ง ในฐานะอัศวินผู้พิทักษ์คนหนึ่งของคัมภีร์เวทแห่งรัตติกาล

       

                      มันเป็นอีกครั้งหนึ่งในโอกาสที่ไม่บ่อยนักที่ฉันได้ร่วมออกปฏิบัติการกับเธอ ในตอนเย็นของวันนั้นระหว่างที่เรากำลังจะเดินกลับจากการคุ้มกันเครื่องบินขนส่งที่นำเสบียงอาหารและเวชภัณฑ์ไปส่งให้ศูนย์ช่วยเหลือผู้อพยพและลี้ภัยบนดาวดวงหนึ่งอยู่นั้น ก็ได้มีสัญญาณการติดต่อฉุกเฉินจากกองยานบัญชาการเข้ามาว่า

      วัลฮาลา เซโร่ ถึง แอลเจิล วัน ได้ยินแล้วตอบด้วย เปลี่ยน

      ค่ะ นี่ แองเจิลวันเธอขานตอบสั้น ก่อนที่เสียงนั้นจะพูดต่อไปว่า

      คุณนาโนฮะคะ ทางเราได้รับสัญญาณของความช่วยเหลือจากหน่วยที่ส่งไปยึดสถานีวิจัยแห่งหนึ่งในพื้นที่ที่คุณอยู่ คุณพอจะลงไปช่วยสนับสนุนพวกเขาได้มั้ย

      เข้าใจแล้วค่ะ ส่งพิกัดเป้าหมายมาได้เลยเธอตอบรับทันทีอย่างไม่ลังเล

      ขอบคุณมากค่ะ เดี๋ยวจะส่งพิกัดไปให้รอสักครู่นะคะแล้วโอเปอเรเตอร์สาวคนนั้นก็ตัดการสื่อสารไป ตัวฉันที่เห็นท่าทีที่เหนื่อยล้าของเธออยู่ตำตาก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง

       

      นี่ จากภารกิจเดิมก็ทำให้เธอไม่ได้นอนมาเกือบ 2 วันแล้วนะ กลับไปพักผ่อนเถอะ ที่เหลือเดี๋ยวฉันจัดการดีกว่าน่า

      เรื่องนั้นไม่ได้หรอกจ๊ะวิต้าจังเธอยิ้มตอบปฏิเสธกลับมา ก่อนที่จะเชิดหน้าเอ่ยต่อไปอย่างเด็กหัวดื้อว่า

      เพราะคาทริจเธอเหลือไม่มากแล้วนะ แล้วก็อีกอย่างนึงนะ พวกเราเป็นทีมเดียวกันไม่ใช่เหรอ จะเหนื่อยก็ต้องเหนื่อยด้วยกันซิแล้วรอยยิ้มเทพธิดานั้นก็หนักลับมายิ้มใส่ฉันอีกเป็นครั้งที่สอง จนทำให้ฉันเองก็รู้สึกเขินขึ้นมานิดๆ

      งั้น...ก็ตามใจเธอก็ล่ะกัน

      จ้า...

       

                      หลังจากที่พวกเราบินล่อนลงมาจนถึงเป้าหมายที่ระดับหนึ่งหมื่นฟุต ก็ประสบกับกระแสพายุหิมะขนาดย่อมๆเข้าอย่างจัง ทัศนะวิสัยโดยรอบถือว่าเลวร้ายมาก ฉันที่ใช้ระบบดิไวซ์แบบเก่าจึงไม่อาจมองอะไรเลยสักอย่างนอกจากสะเก็ดฝุ่นหิมะที่ขาวโพลนเหล่านั้น

       

      วิต้าจัง เป็นอะไรมั้ยเสียงของนาโนฮะพูดแทรกผ่านกระแสลมเหล่านั้นเข้ามา

      ไม่เป็นไรฉันตอบกลับ

      รู้สึกว่าฉันเห็นแสงอะไรแว่บๆ ข้างหน้านะ

      อื้อ ต้องเป็นพวกเราที่กำลังปะทะกันอยู่แน่ๆเลยล่ะเธอตอบ แต่ทันใดนั้นเอง

       

      “Warning Incoming Missiles”

       

      เสียงเรซิ่งฮาร์ท คฑาเวทมนต์อัจฉริยะที่เป็นดิไวซ์คู่ใจของนาโนฮะร้องเตือนขึ้น พวกเราทั้งสองบินฉีกออกกันไปคนล่ะข้างเพื่อทำการหลบหลีก คมเขี้ยวมัจจุราจขนาดครึ่งเมตรกว่าได้แบ่งกระจายออกเป็นสองกลุ่ม แล้วหมุนเลี้ยวไล่ตามพวกเรามาอย่างไม่ลดละ เมื่อรู้แน่ๆว่าหลบยังไงก็ไม่พ้น พวกเราจึงทำการบินผาดแผลงเชิงรับตามที่ได้ฝึกกันมา ทั้งฉันกับนาโนฮะได้หมุนตัวเลี้ยวกลับเข้าหากันอย่างกะทันหัน ในเสี้ยววินาทีที่พวกเรากำลังบินสวนกันอยู่นั้นเอง นาโนฮะก็ได้ยิงกระสุนเวทมนต์พุ่งสวนผ่านตัวฉัน เข้าไปสกัดพวกมันที่ตามมาอยู่อย่างแม่นยำ ส่วนตัวฉันที่บินสวนเธอไปนั้นก็หมุนควงพุ่งเข้าไปทำลายส่วนที่ตามหลังเธอมาอยู่เช่นกัน

       

      หลังจากที่คมเขี้ยวเหล่านั้นถูกทำลายจนหมดแล้ว พวกเราสองคนรู้ได้โดยทันทีว่า มีพวกมันอยู่บนฟ้าด้วย ฉันจึงตัดสินใจเอ่ยขึ้นก่อนว่า

       

      ดูท่าว่าถ้าไม่จัดการบนนี้ก่อน เฮริคอปเตอร์ฝ่ายเราคงจะมารับพวกเขาไม่ได้แน่ๆ นาโนฮะเธอช่วยจัดการพวกมันทีนะ ส่วนฉันจะเป็นคนลงไปดูสถานการณ์ข้างล่างเองฉันเอ่ยเสนอตัว

      โอเคจ๊ะ เรซิ่ง ฮาร์ท ช่วยนำทางวิต้าจังทีนะ

       

      “All right Navigation Sphere Drive Ignition”

       

                      ทันใดนั้นลูกบอลทรงกลมสีชมพูอ่อนก็ ก็เรืองสว่างขึ้นมายังตรงหน้าของฉัน ในขณะที่ฉันกำลังจะผละออกจากฟอร์เมชั่น เธอก็ยื่นกำปั้นออกมาหาฉัน พร้อมกับพูดขึ้นว่า

      ระวังตัวนะ

      เออ...เธอก็เหมือนกันฉันพูดตอบห้วนๆ พร้อมกับยื่นมือออกไปทำเช่นเดียวกัน

       

                      ถึงแม้จะอิจฉาแต่ก็ต้องยอมรับเลยล่ะว่า นาโนฮะเป็นจอมเวทย์ยุคใหม่ที่มีฝีมือมากเลยทีเดียว เวทมนต์ของเธอนั้นก็สามารถประยุกต์ใช้ให้แปรเปลี่ยนรูปแบบไปตามสถานการณ์ได้ลงตัวอย่างเหลือเชื่อ แน่นอนครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน เพราะตามปรกติแล้วลูกกลมเวทมนต์มักจะถูกใช้เป็นเวทย์โจมตีนำวิถีเสียมาก แต่นาโนฮะสามารถนำมันมาใช้เป็นเวทย์ค้นหน้าระยะไกล เพื่อใช้ในการสอดแนมและสนับสนุนการโจมตีอื่นๆได้อีกด้วย ซึ่งฉันเองก็อยากรู้จริงๆว่าเธอไปรู้ ไอ้การพลิกแพลงแบบแผลงๆแบบนี้เนี่ย มาจากไหน

       

                      ยิ่งต่ำลงมาเรื่อยๆความเย็นยะเยือกที่ต่ำกว่าจุดเยือกแข็งของกระแสลม และฝุ่นหมอกของละอองสีขาวพวกนี้ทำให้ฉันเข้าหาที่หมายได้ลำบากเข้าไปอีก ตัวฉันที่เคลื่อนไหวได้อย่างลำบากอยู่นั้นก็ได้แต่นึกฟุ้งซ่านไปอย่างเจ็บใจนิดๆว่า

       

      (โธ่เอ้ย ถ้าหากมีชามัลมาเป็นแบ็คอัพให้อยู่ล่ะก็นะ เรื่องพวกนี้มันไม่ควรจะเป็นปัญหาเลยแท้ๆ)

       

                  ห่างอีกไปอีกไม่ถึงสิบกิโลเมตรเบื้องหน้าของฉัน ฉันมองเห็นกลุ่มอาคารรูปทรงต่างๆ เป็นเงาตระคุ่มท่ามกลางหมอกควันของพายุหิมะ และเลยถัดออกมาจากตรงนั้นเพียงไม่เท่าไร ก็มีแสงไฟสลัวๆที่กำลังลุกไหม้ซากอะไรสักอย่างอยู่บนทุ่งเกล็ดน้ำแข็งโทนสีขาวนี้ ฉันเปิดการทำงานของเครื่องส่งสัญญาณระบุฝ่าย ก็พบว่ามีกลุ่มคนของเราประมาณสามสี่คนที่กำลังผลุบเข้าผลุบออกเพื่อหลบเลี่ยงและยิงโต้บางสิ่งบางอย่างที่ล้อมกรอบพวกเขาอยู่ในบริเวณนั้น นั่นต้องเป็นพวกหน่วยที่ส่งเข้ามาแน่ ฉันจึงตัดสินใจบินอ้อมลงไปหาพวกเขาจากทางเบื้องหลัง เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดจนยิงถูกพวกเดียวกันเอง

       

      เมื่อลงไปจนถึงระยะโจมตี สิ่งแรกที่ฉันทำคือเหวี่ยงดิไวซ์ในมือกระแทกใส่กระสุนลูกเหล็ก เพื่อตีมันเข้าใส่เป้าหมายที่ซ่อนตัวอยู่ในเงาหมอก จากนั้นจึงเดินเข้าไปยังซากเฮริคอปเตอร์ลำนั้น พร้อมกับยกมือขึ้นทุบกับตัวถังของมันเพื่อเรียกร้องความสนใจจากพวกเขา

       

      พวกเราเองฉันเอ่ย

       ร้อยตรี วิต้า...ดีใจจริงๆที่เจอคุณ ผมนึกว่าเราจะต้องตายกันหมดแล้วซะอีกเขาพูดขึ้นพลางโผล่ออกมายิงตอบโต้

      ฉันก็ดีใจที่พวกนายยังไม่เป็นไรฉันตอบ พร้อมกับเอ่ยถามเขาไปว่า

      โดนมาหนักแค่ไหน

      ลูกเรือบาดเจ็บสอง ส่วนนักบินสองคนตายคาที่ เราคงเอาเขาออกมาจากซากเฮงซวยนี่ไม่ได้ถ้าไม่ใช้เครื่องตัด...อ้อ แล้วก็มีอีกหน่วยหนึ่งข้างในนั่นไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นไงบ้าง แต่ผมคิดว่าคงถูกล้อมเอาไว้เหมือนกันครับเขาพูดตอบมาอย่างรีบร้อน ก่อนที่จะก้มหัวหลบลำแสงที่ยิงเข้ามาพร้อมกับสบถออกมาอย่างหงุดหงิดว่า

       

      โธ่โว้ย...ไอ้พายุหิมะเฮงซวยนี่ก็ทำเอามองแทบไม่เห็นแล้ว ฟ้าก็ยังใกล้จะมืดอีก แล้วแบบนี้จะจัดการพวกมันยังไงดีเนี่ย

      กำลังรบของศัตรูคืออะไร และมีเท่าไร พอรู้มั้ยฉันตะโกนถามแข่งไปกับเสียงระเบิดของลำแสงเมื่อครู่

      ไม่เลยครับ พวกมันยิงเราตกซะตั้งกะก่อนที่เราจะได้เห็นมันซะด้วยซ้ำ แค่ตั้งรับแล้วรักษาชีวิตมาถึงตอนนี้ได้ พวกผมก็เต็มกลืนแล้ว

       

                      คงจริงอย่างที่เขาว่า ทัศนวิสัยแบบนี้ต่อให้เป็นฉันเองก็คงหืดขึ้นคอเหมือนกันล่ะ ว่าแต่ว่า...การโจมตีของพวกนั้นมันแม่นยำเกินไปหน่อยมั้ง เพราะเล่นยิงฝ่าดงหมอกหิมะเข้ามาถูกเป้าได้อย่างตรงเผงแบบนั้นน่ะ ต่อให้นาโนฮะมาเล็งยิงเองในสภาพแบบนี้ ก็คงไม่แม่นถึงขนาดนี้หรอก พวกมันน่าจะเป็นเครื่องจักรสงครามหรือไม่ก็อะไรสักอย่างแน่ๆ

       

      นาโนฮะสถานการณ์ข้างบนเป็นไงบ้างฉันติดต่อไป

      กลุ่มที่ติดตามพวกเราเมื่อครู่ถูกทำลายแล้ว ตอนนี้ฉันอยู่เหนือจุดเครื่องตกที่แปดพันฟุตจ๊ะ

      เราจำเป็นต้องเรียก ฮ.พยาบาลมารับพวกเขา เธอพอจะยิงเคลียร์จุดลงจอดให้พวกเราได้มั้ยเธอเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบฉันกลับมาว่า

      ไม่ไหวหรอกจ๊ะ การสร้างภาพอินฟาเรดถูกรบกวนอย่างหนัก แถมพายุหิมะหนาขนาดนี้ฉันแยกไม่ออกเลยว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหน ถ้ายิงไปฉันมันจะพลาดไปถูกพวกวิต้าจังได้นะ

       

                  อย่างที่คิดจริงๆด้วย ทั้งความแม่นยำในการโจมตี ทั้งความสามารถในการรบกวนอุปกรณ์ตรวจจับ พวกมันต้องเป็นอะไรซักอย่างที่ไม่ใช่มนุษย์ทั่วๆไปแน่  ว่าแล้วฉันก็ติดต่อไปอีกครั้งว่า

       

      นาโนฮะ ฉันขอปืนใหญ่เวทย์มนต์ยิงสนับสนุนแบบปูพรมลงมาที่พิกัด เอคโค่ 73 ชาร์ลี เนื่องจากไม่สามารถประเมินเกราะป้องกันของเป้าหมายได้ ขอให้ใช้ระดับพลังทำลายที่โอเวอร์เอส ถ้าพร้อมแล้วก็ยิงได้เลย...เอาล่ะทุกคนหาที่กำบังเร็วระหว่างนั้นเองจ่าสิบเอกคนนั้นก็ท้วงฉันขึ้นมาว่า

      เดี๋ยวสิครับ ถ้าทำแบบนั้นพวกเราก็เละไปด้วยน่ะซิ

      ไม่ต้องห่วงน่า ห่างตั้งร้อยกว่าเมตร เพื่อนฉันทำได้ไม่พลาดหรอกฉันตอบเขากลับไปอย่างมั่นใจ หลังจากนั้นนาโนฮะก็ทวนคำสั่งกลับมาอีกครั้งหนึ่งเพื่อยืนยันว่าข้อมูลที่รับไปนั้นถูกต้อง

      เอคโค 73 ชาร์ลี รูปแบบการโจมตี Danger Close รับทราบพิกัดแล้ว ฉันจะยิงล่ะนะ

       

                      แล้วหลังจากนั้นไม่กี่วินาทีลำแสงสีชมพูสว่างวาบก็มุ่งผ่านสายหมอกของพายุหิมะลงกวาดทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่เบื้องหน้าของพวกฉันจนราบเป็นกองในชั่วพริบตา ฉันที่หลบรอจนแรงลมอัดจาการระเบิดสงบลงก็ได้โผล่ออกไปดูเป้าหมายอีกครั้ง หลังจากที่เห็นเศษเหล็กและเศษชิ้นส่วนต่างๆเกลื่อนกระจายอยู่ตามพื้นสีขาวพร้อมกับแสงของเปลวไฟมัวๆที่กำลังลุกไหม้พวกมันอยู่ ฉันก็ได้กล่าวชมเธอกลับไปว่า

       

      ยืนยันเป้าหมายทั้งหมดถูกทำลาย ยิงได้สวยมาก นาโนฮะ                

       

                      เหลืออีกประมาณสามจุด ที่ฉันจะต้องชี้พิกัดให้เธอยิงลงมา ทันทีที่เสร็จสิ้นในส่วนดังกล่าวแล้ว ฉันก็ติดต่อกลับไปยังฐานบัญชาการที่อยู่ใกล้ที่สุดเพื่อขอพาหนะให้มาเคลื่อนย้ายพวกเขากลับในทันที

       

      วัลฮาลา นี่แองเจิล ทูว์ จุดตกปลอดภัยแล้ว ส่งเฮริคอปเตอร์มารับคนเจ็บได้เลยแล้วเสียงโอเปอเรเตอร์สาวคนเดิมก็ขานตอบฉันกลับมาว่า

      รับทราบค่ะ หน่วยแพทย์ฉุกเฉินกำลังจะไปถึงที่นั่นในอีก 10 นาที ระหว่างนั่นเองก็มีเสียงของชายคนหนึ่งที่ฉันคุ้นหูดีติดต่อแทรกเข้ามาว่า

      วิต้า นาโนฮะ นี่ฉันเองนะ โครโน่ สถานการณ์ตรงนั้นเป็นไงบ้าง เปลี่ยน

       

      ลูกเรือบาดเจ็บสอง ส่วนนักบินไม่รอดแล้ว แถมยังมีอีกหน่วยหนึ่งติดอยู่ข้างใน ตอนนี้ฉันกับนาโนฮะกำลังหาทางเข้าไปช่วยอยู่ เปลี่ยน

      ระหว่างนี้นาโนฮะที่กำลังอยู่บนฟ้าก็ได้ลงมาสมทบกับเรา แต่ไม่รู้ว่าฉันนั้นคิดไปเองรึเปล่า จังหวะที่เท้าเธอแตะพื้น ดูเหมือนว่าเธอจะเซถลาไปนิดๆราวกับว่าเธอกำลังหน้ามืดไปชั่วขณะอย่างนั้นล่ะ แต่ความแคลงใจของฉันก็ถูกเบี่ยงไปด้วยคำพูดโต้แย้งของโครโน่

      ดีใจที่พวกเธอพูดอย่างนั้นนะ แต่ฉันว่าเธอสองคนรีบกลับมาพร้อมกับฮ.ที่จะไปรับดีกว่านาโนฮะที่ได้ยินเขาพูดดังนั้นก็โพล่งออกมาอย่างไม่พอใจว่า

      แฮ่ก...แฮ่ก...ทำไมล่ะ โครโน่คุงเธอถามด้วยน้ำเสียงที่ดูเหนื่อยๆ

      พวกเราไม่พบการเคลื่อนไหวอะไรเลยจากข้างใต้นั้นตั้งแต่ตอนถูกโจมตี คงไม่เป็นการดีนักที่จะส่งพวกเธอเขาไปเสี่ยงในตอนนี้ แถมบางทีอาจจะไม่มีใครรอดแล้วก็ได้

      แต่ถ้าพวกเขายังไม่ตาย พวกเขาก็กำลังรอให้เราไปช่วยอยู่นะเธอเถียงกลับอย่างอารมณ์เสีย ฉันที่เริ่มจะเห็นด้วยกับเธอนิดๆก็จึงช่วยพูดกล่อมให้อีกแรง

      นี่ โครโน่ เธอพูดถูกนะ แล้วฉันว่าตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่เราจะมาเถียง....ทันใดนั้นเจ้าหมอนั่นก็พูดตัดบทกลับมาว่า

      ให้ตายซิฉันบอกให้กลับฐานเดี๋ยวนี้ นี่เป็นคำสั่ง วัลฮาลา เซโร่ เลิกการติดต่อ

       

                      ฉันคงพอจะเดาสีหน้าเขาได้ไม่ยากในตอนนี้ ไม่ใช่ว่าฉันไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดหรอกนะ แต่ว่าในฐานะอัศวินเบลก้าคนหนึ่งแล้ว ฉันไม่อาจทนดูเพื่อนร่วมรบต้องตายไปโดยที่ไม่ได้ลงมือช่วยอะไรเลยสักนิดได้หรอก และก็เชื่อว่านาโนฮะเองก็คงรู้สึกแบบเดียวกันนั่นล่ะ

       

                      ในชั่วอึดใจต่อมาเครื่องที่มารับก็มาถึง พวกหน่วยกู้ภัยที่เดินทางมากับเครื่องด้วยก็ลงมาพร้อมกับเครื่องไม้เครื่องมือชุดใหญ่ มีทั้งเครื่องมือแพทย์สนาม เปลแบกหามคนเจ็บ และเครื่องมือช่างสำหรับตัดยกอีกมากมาย หัวหน้าของกลุ่มนั้นซึ่งเป็นนักบินของเครื่องเฮริคอปเตอร์ก้าวเดินเข้ามาหาฉันกับนาโนฮะด้วยท่าทีที่สบายๆ เขายกมือขึ้นทำความเคารพพวกเราอย่างเป็นกันเอง ก่อนที่จะกล่าวแนะนำตัวเองว่า

       

      ผมสิบเอกไวส์ แกรนนิคส์ ครับ รับหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมกู้ภัยในครั้งนี้”

      “ค่ะ”นาโนฮะรับคำ

      “รู้สึกจะมีงานรอผมอยู่เพียบเลยนะครับ ตรงนี้

      เขาคงจะพยายามพูดให้พวกเราเบาใจลงกระมัง ถึงได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงแบบนั้น ฉันกับเธอที่ยังมึนงงโต้ตอบอะไรไม่ถูกก็ถูกเขาพูดกระทุ้งด้วยความกระตือรือร้นอีกรอบนึง

      คนเจ็บอยู่ตรงไหนครับ นำพวกผมไปเลย แล้วเราจะได้กลับบ้านไปทานข้าวเย็นกันสักที

      อ่ะ..ค่ะนาโนฮะรับคำอย่างอ้ำๆอึ้งๆ ก่อนที่จะเดินนำพวกเราไป ซึ่งฉันเองก็ช่วยพูดเสริมต่อให้ว่า

      ตามมาเลยทางนี้ๆ...นั่นไงสองคนติดอยู่ในซากฮ. นั่น ถ้าเราเอาเขาออกมาไม่ได้เร็วๆนี้ล่ะก็...พวกเขาตายแน่ หวังคงไม่เกินความสามารถพวกคุณนะ

      สบายมากครับเขาขานรับอย่างมั่นใจก่อนที่จะหันไปพยักหน้าพูดกับลูกน้องที่ตามมาว่า

      ลงมือเลยพวกเรา

       

                      ชั้นพยักหน้ารับ ระหว่างนั้นเองก็ได้หันไปเห็นนาโนฮะกำลังปลดแมกกาซีนคาทริจที่เสียบอยู่กับคฑาของเธอออก พร้อมกับเสียบอันใหม่เข้าไป จากนั้นเธอก็หันไปถามพวกเจ้าหน้าที่คนอื่นๆที่กำลังช่วยหน่วยกู้ภัยพวกนั้นตัดซากเฮริคอปเตอร์ขึ้นว่า

       

      อีกกลุ่มหนึ่งที่ถูกตรึงอยู่ข้างใน อยู่ตรงส่วนไหนสถานีวิจัยคะ

      น่าจะตรงโกดังเก็บของชั้นใต้ดินนะครับ ถ้าผ่านลงไปช่องใส่แท่งเชื้อเพลิงของเตาปฏิกรณ์ตรงนั้นไม่นานก็ถึงเขาตอบพร้อมกับชี้นิ้วไปที่รูทรงกระบอกลึกที่อยู่ไกลออกไป

      มีเชือกและอุปกรณ์สำหรับปีนหน้าผาบ้างมั้ยคะเธอหันมาเอ่ยถามเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่เพิ่งจะเดินผ่าน

      อยู่ตรงนั้นครับ

       

      เขาตอบพลางสะบัดหน้าแทนการชี้ไปที่กองสัมภาระข้างเฮริคอปเตอร์ จากนั้นนาโนฮะก็ก้าวฉับๆเข้าไปพร้อมกับสวมใส่อุปกรณ์สำหรับดิ่งตัวลงจากหน้าผาเข้าไว้กับตัว ฉันรู้ได้ทันทีว่าเธอคิดจะทำอะไรที่มันบ้าระห่ำอีกแน่ๆ ฉันจึงรีบรั้งเธอไว้ทันที

       

      นาโนฮะ...เฮ้...นาโนฮะ คิดจะทำอะไรน่ะฉันพูดรั้งเธอไปพลางวิ่งตามไปพลาง

      วิต้าจัง วานช่วยคุ้มกันพวกเขาตรงนี้สักพักนะ ถ้าฉันไม่ติดต่อกลับมาภายใน 30 นาที ก็ให้พวกเขาเอาเครื่องออกได้เลยเธอพูดอย่างรีบร้อนพร้อมกับหอบเส้นเชือกม้วนใหญ่ขึ้นมาสะพายบนไหล่ แล้วเดินตรงไปที่รูทรงกระบอกนั้น

      เฮ้ พูดงี้หมายความว่าไงน่ะฉันพูดทักใส่อย่างไม่พอใจนัก ก่อนที่จะหยิบอุปกรณ์แบบเดียวกันขึ้นมาสวมบ้าง นาโนฮะที่เหลือบมาเห็นก็หยุดกึกแล้วหันมาขึ้นเสียงใส่

      นี่...วิต้าจัง ไม่ได้ยินที่ชั้นสั่งเหรอไง

      ได้ยินแล้ว แต่ขอโทษทีเหอะ คำสั่งแบบนั้นน่ะ ฉันไม่ทำหรอกฉันเอ่ยเถียงขึ้นอย่างดื้อด้านในระหว่างที่เดินแซงเธอไปอย่างไม่ใส่ใจ

      วิต้าจัง...นาโนฮะเอ่ยด้วยเสียงร้าวร้าน ฉันหยุดแล้วหันหลังกลับมาพร้อมกับยิ้มให้เธอน้อยๆก่อนที่จะพูดว่า

      ตอนนี้เราเป็นคู่หูกันนะ เรื่องอะไรจะยอมปล่อยให้เธอเท่อยู่คนเดียวล่ะ

      แต่ว่า...

      ไว้เถียงกันทีหลังเถอะน่า...ตอนนี้รีบลงไปช่วยพวกเขากันก่อนที่ฟ้าจะมืดดีกว่าแล้วฉันก็หันกลับ แล้วก็เดินล่วงหน้าไป

      ก็ได้จ๊ะ แต่ถือว่าฉันเตือนเธอเรื่องการขัดคำสั่งไปแล้วนะนาโนฮะพูดอย่างยินดี ก่อนที่จะเดินตามมา

       

                      ฉันว่าฉันเข้าใจนะ ในสิ่งที่เธอจะทำต่อจากนี้น่ะ แต่ว่านะเธอเองก็น่าจะเป็นห่วงตัวเองให้เหมือนกับที่เป็นห่วงคนอื่นบ้างก็ดีนะ จะพูดออกไปตอนนี้ก็เท่านั้น นาโนฮะคงไม่ฟังและฉันเองก็เถียงเธอไม่ชนะอีกตามเคยนั่นแหละ

                      อุโมงค์ทรงกระบอกนี้นำพวกเราลงมาลึกจนถึงจุดวางแท่งเชื้อเพลิงแกนหนึ่ง ผลึกพลังงานเรืองแสงสีน้ำเงินเข้มถูกติดตั้งให้จมอยู่ในน้ำหล่อเย็นที่ลึกมากจนขนาดที่มองลงไปไม่เห็นก้นบ่อเลยทีเดียว นาโนฮะชี้นิ้วไปที่กระจกหน้าต่างห้องควบคุมที่อยู่ห่างออกไปทางขวามือของตัวฉันไปประมาน 3-4 เมตร ฉันพยักเธอให้เล็กน้อย ก่อนที่จะปรับเชือกให้ตึงแล้วเปลี่ยนแนวทางการเคลื่อนที่ให้เป็นไปในแนวขวางที่ขนานกับตัวพื้น ก่อนที่จะค่อยๆเดินก้าวเข้าไปยังหน้าต่างกระจกตรงนั้น

       

                      และเมื่อฉันไปถึงอาวุธคู่กายของฉันก็ถูกฉันเหวี่ยงเข้าใส่บานกระจกนั้นเข้าอย่างเต็มแรง เสียงของคมแก้วเหล่านั้นลั่นเปรี๊ยะเสียจนบาดแก้วหู ฉันเบนสายตาหลบเศษเสี้ยวของมันไปแวบหนึ่ง ก่อนที่จะโผกระโดดเข้าไปข้างใน

                      นาโนฮะตามเข้ามาถึงภายในเวลาต่อมา ในระหว่างที่พวกเรากำลังปลดเชือกและอุปกรณ์ยึดเกี่ยวทั้งหลายที่อยู่กับตัวออกอยู่นั้น ก็มีการติดต่อจากโครโน่เข้ามาพอดี

       

      แอลเจิล ทีม นี่ วัลฮา... เฮ้!... พวกเธอลงไปทำอะไรในนั้นน่ะ

      แหะๆๆ...ความแตกจนได้นาโนฮะพยายามหัวเราะกลบเกลื่อน โครโน่ถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายๆ ก่อนที่จะพูดต่อไปอย่างระงับอารมณ์ว่า

      ช่างเถอะ ฉันแค่จะมาเตือนว่า มีกองกำลังเสริมไม่ทราบประเภทจำนวนมากกำลังมุ่งหน้าไปยังบริเวณนั้นอยู่นะ

      อีกนานแค่ไหน กว่าที่พวกนั้นจะมาถึงฉันเอ่ยถามแทรก

      ราวๆ 15 นาที

      จำนวนล่ะ โครโน่คุง พวกนั้นมากันเท่าไรนาโนฮะถามต่อ

      อืม...ไม่แน่ชัด แต่ที่ทางฉันตรวจพบมีประมาณ 20 แต่คงมีมากกว่านี้แน่เขาตอบ

      ดูเหมือนว่าพวกนักวิจัยนอกลู่นอกทางพวกนี้จะซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้ในนี้สินะ ไม่งั้นคงไม่ลงทุนปกป้องกันจนถึงขนาดนี้แน่นาโนฮะพึมพำออกมาอย่างครุ่นคิด ก่อนที่จะตัดสินใจออกมาว่า

      โครโน่คุงทำลายที่นี่ทิ้งกันเถอะ เพราะอย่างน้อยมันก็อาจจะเป็นการช่วยยืดเวลาของหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้นก็ได้

      ก็จริงของเธอ แต่พวกเธอนั่นล่ะ รีบหนีออกมาซะก่อนซิเขาพูดอย่างใส่อารมณ์

      เข้าใจแล้วจ๊ะ ขอเวลาอีกสัก 10 นาทีล่ะกันนะ แอลเจิล ทีม เลิกการติดต่อแล้วจอภาพของโครโน่ก็วูบหายไป

      ไปกันเถอะ วิต้าจังเธอหันมาเอ่ยกับฉันด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม

      เอ้อ...

       

                  พวกเราทั้งสองใกล้โกดังแห่งนั้นเข้ามาขึ้นเรื่อยๆ เสียงการยิงต่อสู่ที่เริ่มจะดังชัดขึ้นเป็นสัญญาณที่บ่งบอกเป็นอย่างดีว่าพวกเขายังรอดอยู่ นับว่าไม่เสียเที่ยวที่เสี่ยงลงมา ระหว่างที่เราเดินมาจนถึงจุตรัสทางแยกของทางเดิน ที่จะนำเราไปยังห้องโซนต่างๆอยู่นั้นนาโฮะที่เปิดเนวิเกเตอร์เพื่อใช้นำทางอยู่ก็หยุดกึก พร้อมกับชูกำปั้นขึ้นพร้อมกับยกนิ้วชี้วาดวนออกมาเป็นวง เพื่อเป็นสัญญาณบอกให้ฉันที่อยู่อีกฟากหนึ่งเดินเข้าไปหา

       

      ตอนนี้เราอยู่เหนือหัวพวกเขาพอดีเลย วิต้าจังเตรียมตัวนะ

                      ฉันพยักหน้ารับคำเล็กน้อยก่อนที่จะหันไปออกคำสั่งดิไวซ์ให้ทำงานในรูปแบบที่สอง ซึ่งก็คือ Raketen Form ที่เน้นจุดเด่นไปทางด้านพลังการเจาะทำลายและการเคลื่อนไหวความเร็วสูงนั่นเอง ส่วนนาโนฮะก็เริ่มเตรียมการที่จะเจาะทะลวงพื้นผิว หลังจากการคำนวณวิถียิงเพื่อไม่ให้ฝ่ายเดียวกันที่อยู่ด้านล่างถูกลูกหลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ลูกเลื่อนของดิไวซ์เธอก็ลั่นคัดปลอกคาทริจออกมาสองนัด พร้อมกับแสงวงอาคมที่สลักอักษรรูนของมิดชิลด้าได้ปรากฏรอบตัวของเธอ ถัดจากนั้นที่ปลายยอดของคฑาลูกแก้วสีแดงสดในมือของเธอนั้นก็ค่อยเต็มไปด้วยลำแสงเวทมนต์สีชมพูสว่างจ้า

       

      “Divine Buster”

       

                      เมื่อสิ้นเสียงของเธอลำแสงเวทย์ที่ปลายคฑาสีทองนั้นก็พุ่งออกไปทันที มันเจาะทะลวงพื้นคอนกรีตเหล่านั้นเข้าไปอย่างไม่ยากเย็น ตัวฉันที่กระโดดลงไปในวินาทีต่อมาได้จุดระเบิดเครื่องยนต์เจ็ตที่ดิไวซ์แล้วพุ่งทะยานเข้าทำลายจักรกลสงครามเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว

                      จะว่าไปแล้วมันก็เป็นหุ่นยนต์ที่รูปทรงค่อนข้างแปลก ตัวถังเกราะหุ้มเป็นรูปทรงมนจนเกือบจะกลายป็นวงรี ที่ด้านหน้ามีเลนส์โฟกัสลำแสงขนาดใหญ่ที่ใช้เป็นอาวุธหลักหนึ่งเลนส์ พร้อมกับเลนส์ที่น่าจะเป็นอุปกรณ์ตรวจจับอีก 4 ตัวที่เรียงกันรอบเลนส์ยิงลำแสงนั้น จนทั้งหมดดูเหมือนเป็นหน้าเป็นตาของมัน แม้อาจจะดูตลกๆไปนิดแต่ความสามารถของพวกมันก็ถือว่าใช่ย่อยเลยทีเดียว ทั้งความเร็ว ความแม่นยำ ถือว่าเฉียบขาดมาก ไหนจะสนามพลังประหลาดๆที่พวกมันสร้างขึ้นมาเพื่อลดทอนอำนาจของพลังเวทย์นั่นอีก และแถมบางตัวก็ยังมีเครื่องยิงจรวดนำวิถีติดตั้งเอาไว้ซะด้วย ดังนั้นจึงถือได้ว่าพวกมันเป็นศัตรูที่ประมาทไม่ได้เลยจริงๆ

       

                      นาโนฮะที่บินตามหลังฉันลงมาไม่นาน ก็ได้เริ่มทำการโจมตีทันที กระสุนเวทย์นำวิถีชุดแรกของเธอถูกยิงออกไปยังเป้าหมายอีกฟากหนึ่งทันที และแน่นอนว่าเธอไม่ได้ยิงใส่เจ้าพวกนั้นตรงๆหรอก รถบรรทุกสองคันพร้อมตู้คอนเทรนเนอร์ที่จอดอยู่ในโกดังนั้นถูกลำแสงของเธอเป่าให้ลอยระลิ่วไปไล่ทับพวกมันซะยังกะรถบดถนนเลยล่ะ

                      หลังจากที่การบุกเข้าช่วยเหลือเป็นไปอย่างราบรื่น ก็ได้เวลาที่จะพาพวกเขาทั้ง 6 คนที่ยังรอดอยู่กลับขึ้นไปซักที แต่ทว่า

       

      ตูม!!

       

                      เสียงระเบิดตูมใหญ่ลั่นขึ้นมาดังสนั่น พาลทำเอาพวกเราแทบจะทุกคนล้มลุกคลุกคลานกันยกใหญ่เพราะแรงสนั่นสะเทือนของมัน พร้อมกับเศษคอนกรีตเพดานร่วงกราวลงมาราวกับห่าฝน

       

      นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นอีกเนี่ยฉันที่กางบาเรียขึ้นมาบังเศษคอนกรีตเหล่นั้นให้กับพวกคนอื่นๆ ตะโกนสบถออกมาอย่างเหลืออด นาโนฮะที่เพิ่งประคองตัวลุกขึ้นมาได้ก็รีบเข้าไปช่วยพยุงเจ้าหน้าที่นายหนึ่งที่บาดเจ็บอยู่ให้ลุกขึ้น พร้อมกับติดต่อกลับไปที่กองยานว่า

       

      โครโน่คุง หยุดยิงก่อน ได้ยินมั้ย หยุดยิงก่อน พวกเรายังติดอยู่ข้างในนี้นะซึ่งอีกฝ่ายก็ตอบกลับมาทันทีว่า

      ตอนนี้ฉันไม่มีอารมณ์จะมาพูดกับเธอแล้วนะ พวกมันมาถึงเขตสถานีวิจัยแล้ว ฉันเลยต้องพยายามซื้อเวลาไว้ก่อน

      แต่นั่นมันจะทำให้พวกเราถูกฝังกันอยู่ที่นี่นะฉันตะคอกกลับพลางยื่นมืออีกข้างหนึ่งไปช่วยดึงร่างของเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่ล้มคลุกฝุ่นอยู่ข้างๆให้ลุกขึ้นมา

      ช่วยไม่ได้ล่ะ ยังก็รีบออกมาให้ได้ซะก่อนที่จะถูกฝังล่ะกันแล้วหมอนั่นก็ตัดการติดต่อไป อย่างไร้เยื่อใย

      โธ่เว้ย ให้มันได้ยังงี้ซิฉันเอ่ยขึ้นด้วยความประชดประชัน

      แอลเจิลทีมถึงหน่วยกู้ภัย คุณไวส์ ทางนั้นเรียบร้อยแล้วหรือยังคะนาโนฮะพูดขึ้น

      ครับผม ตอนนี้เรารอพวกคุณอยู่บนฟ้าแล้ว เอ้อ..คุณนาโนฮะ ดูเหมือนว่าพวกมันเข้าไปในสถานีได้แล้วนะครับ เป็นโหลเลยเขาตอบกลับ

      โอเคจ๊ะ ฉันรู้แล้ว เตรียมการเคลื่อนย้ายแบบฉุกเฉินเอาไว้นะ แล้วไปพบกับพวกเราที่ลิฟต์ขนของทางด้านตะวันออก

      ครับผม เข้าใจแล้วครับเมื่อการติดต่อจบลง นาโนฮะก็พูดขึ้นกับทุกคนว่า

      ไปกันเถอะค่ะ ทุกคน เราต้องรีบแล้ว...วิต้าจังนำทางไปเลย

       

                  ลิฟต์ขนส่งนั้นอยู่ห่างออกไปอีกประมาณ 500 เมตร ผ่านอุโมงค์ทางวิ่งของรถรางที่มืดสลัว มีเพียงแสงไฟจากหลอดไฟดวงเล็กที่ติดๆดับอยู่ตามทางเท่านั้นที่เป็นแสงสว่างให้กับพวกเราได้ในขณะนี้ เสียงระเบิดของปืนใหญ่ดังขึ้นตามหลังเรามาเป็นระยะๆ ประกอบกับแรงสั่นสะเทือนที่โหมกระหน่ำขึ้นทุกครั้งที่เกิดการระเบิด ทำให้พวกเราต้องเซถลาร่วงล้มลงไปกองรวมกันกับเศษก้อนของคอนกรีต และโครงเหล็กที่กรูหล่นลงมาอย่างไม่หยุดหย่อน

       

      ไม่เป็นไรนะฉันเอ่ยขึ้นพลางยื่นมือให้กับเจ้าหน้าที่หนุ่มคนหนึ่งที่ทรุดล้มลงจากแรงสั่นสะเทือน

      อ่ะ...ครับเขาตอบพร้อมกับจับมือฉันแล้วดึงร่างของตัวเองให้ยืนขึ้นมา ก่อนที่จะวิ่งตามคนอื่นๆไป

      “ไปเร็ว ไปเร็ว ไปเร็ว”ฉันหันมาตะโกนเร่งฝีเท้ากับทุกคน ซึ่งก็ได้บังเอิญเหลียวมาเห็นนาโนฮะที่กำลังล้มทรุดตัวลงมือเท้ากับพื้น เธอหายใจหอบแฮ่กๆ ราวกับคนจมน้ำที่เพิ่งจะขึ้นมาได้ ฉันรู้ได้โดยไม่ต้องคิดเลยว่า เธอคงไปต่อไม่ไหวแล้วแน่ๆ จึงรี่เอาไปหาเธอแทบจะในทันที

       

      นาโนฮะ ไม่เป็นไรนะฉันทักขึ้นพร้อมกับยกมือขึ้นมาลูบหลังเธอเบาๆเพื่อช่วยบรรเทาให้เธอหายใจช้าลงบ้าง

      จ๊ะ...ฉันแค่รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อยน่ะเธอหันมาตอบพลางหายใจหอบ

      มาเถอะ ให้ฉันช่วย เราจะถึงแล้ว อดทนเอาไว้นะฉันพูดให้กำลังใจ

      อื้อ...

                      จากนั้นฉันก็ประคองร่างที่หนักอึ้งของเธอเอาไว้ที่แขนข้างหนึ่งแล้วดันร่างของพวกเราทั้งสองให้ยืนขึ้น ก่อนที่จะก้าวเดินไปแบบกึ่งวิ่งกึ่งเดินหลังตามพวกคนอื่นๆมา กว่าจะถึงลิฟต์ขนส่งที่เป็นที่นัดหมายฟ้าก็มืดสนิทแล้ว เฮริคอปเตอร์กู้ภัยลำนั้นส่องแสงไฟลงมาให้ พร้อมกับบินมาลอยตัวอยู่เหนือพวกเราที่อยู่ภายในช่องลิฟต์รูปทรงกระบอกที่กว้างประมาณ 10 เมตร พวกเขาหย่อนเชือกลงมาให้เพื่อที่จะใช้ดึงพวกเราขึ้นไป แต่ทว่า

       

      อะไรนะ พาขึ้นไปได้แค่รอบเดียว แถมเชือกก็รับน้ำหนักได้แค่ 6 คนงั้นเหรอ แล้วอีก 2 คนที่เหลือล่ะ จะบอกว่าให้พวกเขาตายที่นี่เรอะไงฉันก่นด่าใส่หัวหน้าเจ้าหน้าที่กู้ภัยคนนั้น ทันทีที่ได้ยินคำพูดของเขา

      ขอโทษจริงๆครับ ผมทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้แล้ว เรารับพวกคุณขึ้นมาได้แค่รอบเดียวเท่านั้น ก่อนที่พวกมันจะมา ไม่งั้นพวกเราตายกันทั้งลำแน่

      พวกคุณทั้งหมดขึ้นไปเลยค่ะ เดี๋ยวฉันกับ วิต้าจัง จะตามกลับไปทีหลังเองนาโนฮะพูดขึ้นทั้งๆที่อยู่ในสภาพหมดเรี่ยวแรง

      เฮ้...อย่าพูดบ้าๆน่า เธอนั่นล่ะที่ต้องขึ้นไปคนแรกเลย...รู้มั้ยฉันตะคอกเธอกลับ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่สนใจเลยสักกะนิด

      ไปเถอะค่ะ ฉันยังพอบินกลับเองไหว

       

                      ยังไม่ทันที่ฉันจะได้เถียงกลับ เสียงระเบิดตูมใหญ่ก็สนั่นขึ้นมาใกล้ๆ พวกเราทุกคนล้มกันระเนระนาดไปตามแรงระเบิด ที่นี่กำลังจะถล่มลงมา ไม่มีทางเลือกแล้ว ฉันที่ยังพอเหลือเรี่ยวแรงอยู่จึงตัดสินใจที่จะยอมทำตามสั่งของนาโนฮะอย่างเลี่ยงไม่ได้

       

      ทุกคนสับตะขอเกี่ยวเร็วเข้าฉันตะโกนบอกพวกเขา ก่อนที่จะเดินเข้าไปพยุงร่างของเธอให้ยืนขึ้นอย่างทุลักทุเล

      มาเถอะ นาโนฮะ เราต้องไปกันแล้ว

       

                      ทันทีที่ทั้งหกคนนั้นเกี่ยวตะขอเข้ากับเชือกเสร็จ เฮริคอปเตอร์ก็ค่อยๆทะยานสูงขึ้นพร้อมกับดึงร่างของพวกเขาขึ้นไปทีละคน ทีละคน จนทั้งหมดพ้นออกจากนรกแห่งนั้นได้เป็นผลสำเร็จ ฉันที่ประคองร่างของเพื่อนสาวที่เกือบจะสลบเพราะหมดเรี่ยวหมดแรงอยู่ ก็ได้บินตามขึ้นมา ทันทีที่พ้นจากช่องลิฟต์นั้นภาพที่ฉันเห็นต่อมาจากเบื้องล่างก็คือลำแสงจากปืนใหญ่หลักของเรือเดินมิติพุ่งเข้ามายังใจกลางสถานีวิจัยแห่งนั้น พร้อมกับการระเบิดครั้งใหญ่ที่ตามมาติดๆ แรงระเบิดบดทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอาคารคลุมเตาปฏิกรณ์ ห้องวิจัยชั้นใต้ดิน หรือแม้แต่ช่องลิฟต์ที่พวกเราพึ่งขึ้นมา และยังรวมไปถึงพวกเครื่องจักรสงครามเหล่านั้นอีกด้วย

       

                      นับเป็นอีกหนึ่งภารกิจของฉันกับเธอที่จบลงอย่างสวยงามอีกครั้ง แต่ทว่าในขณะที่ฉันกำลังนึกครึ้มใจอยู่นั่นเอง เสียงดิไวซ์ของเธอก็ร้องเตือนขึ้น

       

      “Master. There are 12 hostiles at 6 o’Clock”

       

                      นาโนฮะดิ้นพลิกตัวของเธอออกไปจากอ้อมแขนของฉันทันที พร้อมกับวกหวนกลับไป ฉันที่ร้องทักออกไปอย่างไม่พอใจ ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากวกกลับตามเธอไป เธอวาดดิไวซ์ในมืออย่างหมดเรี่ยวแรงเพื่อที่จะรันใช้ฟังก์ชั่นบางอย่าง ที่แม้แต่ฉันเองก็ยังคาดไม่ถึง

       

      Blaster Mode Drive Ignition

      “เฮ้ย อย่าทำบ้าๆนะ”

       

      ดูเหมือนเสียงเตือนของฉันจะส่งไปไม่ถึง เมื่อ Blaster Bits ทั้งสี่ถูกเรียกออกมาให้ทำการซัพพอร์ทการยิง นาโนฮะเริ่มทำการรวมพลังเวทย์เฮือกสุดท้ายเพื่อที่จะยิงปืนใหญ่ ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่พวกเครื่องจักรสงครามพวกนั้นกระหน่ำยิงมิสไซล์ใส่พวกเราพอดี ลูกกลมพลังงานที่รวบรวมเอาไว้อยู่ตรงหน้าถูกผลักยิงออกไปเป็นลำแสงหลายเส้น ตรงเข้ากวาดทำลายพวกมันจนสิ้นซาก เกิดเสียงระเบิดกลางอากาศดังตามมาอย่างสนั่นหวั่นไหว แรงอัดอากาศของมันเป่าร่างบางๆของเธอที่กำลังหมดเรี่ยวลงอยู่จนปลิวละลิ่วไปยังกะแผ่นกระดาษ แถมฉันที่ดิ่งลงไปเพื่อหมายจะรับร่างของเธอเอาไว้ ก็ถูกพวกมันลำหนึ่งหนึ่งที่คงจะหลุดแนวยิงมาได้บินชนอัดเข้าใส่ไปอย่างเต็มๆ จนกระเด็นลอยไปคนล่ะทิศคนล่ะทางซะอีก

       

                      พวกเราทั้งสองร่วงลงมาสู่พื้นทุ่งหิมะที่แสนเย็นยะเยือกอีกครั้ง โชคร้ายไปนิดที่ฉันปลิวมาตกถึงในป่าสนที่อยู่แถวๆนั้น ผิดกับนาโนฮะที่ได้ลงไปในสวนหลังบ้านของบ้านพักตากอากาศหลังหนึ่งอย่างพอดิบพอดีเลยทีเดียว ฉันที่พลิกหมุนตัวให้ลงพื้นอย่างนุ่มนวลเรียบร้อยแล้วรีบมุ่งไปหาเธอที่อยู่ห่างออกไปทันที

       

      นาโนฮะ วิต้า ไม่เป็นไรใช่มั้ยเสียงหมอนั่นติดต่อเข้ามา

      เอ้อ...ฉันไม่เป็นไรหรอก แต่นาโนฮะท่าจะแย่แล้วล่ะ ช่วยส่งคนมาช่วยหน่อย เปลี่ยนฉันตอบไปพร้อมกับวิ่งฝ่าดงต้นสนไปด้วยความรีบร้อน

      ฉันบอกให้หน่วยของซิกนัมตามไปสมทบแล้ว อดทนไว้นะ

      อื้อ...แล้วเฮริคอปเตอร์ล่ะ เป็นไงบ้างฉันถามกลับ

      “ปลอดภัยดี ตอนนี้กำลังจะถึงเขตการป้องกันของกองยานแล้ว”เขาตอบ

       โอเค เข้าใจแล้ว

       

                      ทันทีที่วิ่งมาถึงบ้านหลังนั้น ฉันก็กระโดดข้ามรั้วไม้เตี๊ยๆเข้าไปอย่างร้อนรน แล้วรี่ไปหาร่างเล็กๆที่ไร้เรี่ยวแรงของเธอโดยไว ฉันทรุดตัวนั่งลงพร้อมกับพลิกร่างอันไร้เรี่ยวแรงนั้นที่กำลังนอนฟุบอยู่กับกองหิมะที่แสนเย็นเยือก ให้หงายขึ้นมาหนุนบนตัก พลางตะโกนร้องเรียกชื่อของเธอเพื่อเรียกสติของเธอให้กลับมา

       

      เฮ้...นาโนฮะ ได้ยินฉันรึเปล่า แข็งใจเอาไว้นะ เฮ้...ดูเหมือนว่ามันจะได้ผล เธอค่อยๆเปิดเปลือกตาออกมาอย่างยากลำบาก ก่อนที่จะร้องเรียกชื่อของฉันกลับด้วยน้ำเสียงอันเหม่อลอย

      วิต้าจัง...

      อดทนอีกนิดนะ ฉันจะพาเธอกลับเดี๋ยวนี้ล่ะทันทีที่สิ้นคำพูดของฉัน โครโน่ก็ติดต่อเข้ามาอีกครั้ง

      วิต้า พวกมันตัวหนึ่งที่บินเฉี่ยวเธอไปเมื่อกี้กำลังวกกลับมาหาพวกเธอทั้งสองอยู่นะ รีบหนีออกมาเลยเร็วเข้า

       

                      พูดน่ะมันง่าย ฟ้ามืดตึ๊ดตื๋อแบบนี้ ถ้าฉันบินขึ้นไปโท่งๆในสภาพแบบนี้ล่ะก็มีหวังถูกยิงร่วงเป็นแมลงวันแน่ๆ แต่จะให้ปักหลักสู้มันซึ่งๆหน้าก็คงไม่ไหว คาทริจฉันก็หมดแล้วซะด้วย แล้วจะทำยังไงดีล่ะ ระหว่างที่ฉันกำลังกวาดสายตาไปรอบๆอย่างครุ่นคิด ก็ไปสะดุดตาเข้ากับโรงจอดรถของบ้านหลังนี้เข้า ทำให้ได้ความคิดดีๆขึ้นมา

      “นาโนฮะ พักอยู่ตรงนี้สักครู่นะ ห้ามผลอยหลับไปเด็ดขาดล่ะเข้าใจมั้ย”ฉันหันมากล่าวกับเธอที่อยู่ในอ้อมแขน

      “จ๊ะ”

                      เมื่อเธอกล่าวรับคำกลับมา ฉันก็ว่างศีรษะเธอในเอนลงอย่างช้าๆ ก่อนที่จะก้าวฉับๆตรงไปยังโรงจอดรถทันที ค้อนเหล็กอาวุธคู่กายของฉันถูกฟาดลงเข้าใส่ผนังโรงรถข้างหนึ่งเข้าอย่างเต็มแรง เสียงกระแทกโครมดังขึ้นมาแวบหนึ่งพร้อมกับเศษไม้กระดานที่ใช้ประกอบฝาหนังกระจายเข้าไปตามแรงฟาดของฉัน

                      ฉันก้าวย่ำลงไปบนเศษซากพวกนั้นอย่างไม่สนใจ พลางกวาดสายตามองสาดส่องเข้าไปข้างใน รถกระบะงั้นหรือ เด็กอย่างฉันขับรถเป็นซะที่ไหนเล่า ไม่ไหวแฮะ ไม่มีพาหนะอย่างอื่นเลยรึไงเนี่ย ในขณะที่ฉันกำลังเดินหันซ้ายหันขวาอย่างร้อนใจ ก็ได้ไปสะดุดตาเข้ากับผ้าใบสีน้ำเงินเข้มที่มีลายตัวอักษรของน้ำอัดลมชื่อดังเขียนติดเอาไว้ ซึ่งถูกใช้คลุมอะไรซักอย่างอยู่ที่มุมๆหนึ่งของโรงรถ เมื่อฉันเดินเข้าไปดึงมันลงมา ทุกอย่างก็ลงตัวพอดี

                      เจ็ตสกีหิมะคันสีแดงสด จอดสงบนิ่งอยู่ที่มุมนั้นอย่างเฝ้ารอ ฉันรีบวิ่งออกไปพยุงร่างของเพื่อนสาวที่กำลังจะหลับไหลอยู่ท่ามกองหิมะให้เข้ามายังเพิงแห่งนี้  ฉันวางตัวเธอลงนั่งบนเบาะของเจ็ตสกีนั้น ก่อนที่จะก้มลงไปใช้มือทุบฝาครอบแผงวงจรด้านล่างให้แตกออก

      วิต้าจัง เธอขับมันเป็นเหรอเธอถามขึ้น

      มือชั้นนี้แล้ว อย่าห่วงน่าฉันตอบกลับอย่างพยายามใส่อารมณ์ขัน พลางขยับนิ้วมือไล่สายไฟของระบบเพื่อหาเส้นที่เชื่อมต่อกับแบทเตอรี่หลักและไดสตารท์ และทันทีที่หาเจอก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เจ้าหุ่นกระป๋องบินได้ตัวนั้นตามมาถึงพอดี มันโฉบลงกระหน่ำยิงใส่เราทั้งสองอย่างไม่คิดที่จะไว้ชีวิต โชคดีที่มันไม่ได้ยิงอาวุธหนักลงมา กระสุนปืนเรลกันขนาดเล็กป่นทำลายหลังคาโรงรถแห่งนั้นจนปลิวไปทั้งแถบ นาโนฮะที่ก้มหลบการโจมตีนั้นก็เอ่ยขึ้นอย่างร้อนรนว่า

      วิต้าจัง เร็วเข้าซิ

      “รู้แล้วน่า”ฉันรีบดึงทั้งสองสายนั้นออกมาเชื่อมมันเข้าด้วยกัน แล้วทันใดนั้นเสียงเครื่องยนต์ก็คำรามขึ้นพร้อมกับไฟหน้ารถที่สว่างจ้าออกมา ฉันรีบกระโดดขึ้นไปคร่อมตรงที่นั่งคนขับทันที

      เอาล่ะ ฉันจะซิ่งล่ะนะ จับให้ดีล่ะว่าแล้วฉันก็บิดคั่นเร่งออกตัวไปอย่างเร็ว

       

                         ท่ามกลางแนวป่าที่มืดมิด พวกเราแล่นฉวัดเฉวียนไปตามพื้นหิมะที่สูงบ้างต่ำบ้างด้วยความเร็วที่น่าหวาดเสียวสุดๆ เพราะเบื้องหลังท้องฟ้าที่มืดมิดนั้น มีเจ้าหุ่นตัวนั้น ที่ยังคงไม่ละความพยายามที่จะจัดการพวกเราเลยแม้แต่น้อย มันจี้หลังเรามาติดๆ

       

      วิต้าจัง หักซ้าย หักซ้าย หักซ้ายนาโนฮะตะโกนแทรกขึ้น ท่ามกล่างเสียงลมที่พัดสวนมาจนตึงหู ฉันหักวกหลบอย่างกะทันหัน สกีคู่ของตัวเครื่องวาดวงเลี้ยวเสียจนเกือบเป็นรูปวงกลม พร้อมกับการที่กระสุนปืนพลังไฟฟ้าที่ถูกกระหน่ำยิงลงมา พื้นหิมะด้านข้างของเราปุยกระจายออกมาด้วยแรงปะทะของมัน ซึ่งหวิดถูกพวกเราทั้งสองไปเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น

       

      วิต้า นาโนฮะ ซิมนัมติดต่อเข้ามา บอกว่าจะไปถึงพวกเธอในอีก 4 นาที อดทนไว้ก่อนนะโครโน่ติดต่อแทรกเข้ามา

      จะบ้ารึไง ตั้ง 4 นาที กว่าจะถึงตอนนั้นพวกเราก็ป่นกันหมดแล้วฉันประชดกลับด้วยความไม่พอใจ ทันใดนั้นนาโนฮะก็แทรกตะโกนขึ้นมาว่า

      วิต้าจัง เบรค เบรค เบรค

      อะไรนะ

      ตูม!

                  เสียงระเบิดของจรวดมิสไซล์ดังขึ้นที่ด้านหลังของพวกเรา ท้ายของเจ็ตสกีคันนั้นถูกเป่าจนลอยหมุนปลิวไปราวกับใบจักร พวกเราทั้งสองหมุนกระเด็นไปคนล่ะทิศคนล่ะทาง ฉันได้สติอีกครั้งก็ตอนที่เหลือบไปเห็นเจ็ตสกีเครื่องนั้นตกลงกระแทกพื้นจนระเบิดกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ ฉันดันตัวเองให้ลุกขึ้นอย่างทุกลักทุเลก่อนที่ตะเกียกตะกายเข้าไปหาเพื่อนร่วมรบที่นั่งมาด้วยกัน

       

      นาโนฮะ เฮ้ นาโนฮะ ยังไม่ตายนะเธอนิ่วหน้าลืมตาขึ้นมามองฉันด้วยเจ็บปวดก่อนที่จะกลับมาสั้นๆว่า

      จ๊ะ...

                      และทันใดนั้นเองจู่ๆด้วยตาของเธอก็เบิกโพลงขึ้น ฝ่ามือเล็กๆของเธอที่เต็มไปด้วยบาดแผลถลอกปอกเปิดก็พรวดเข้ามากระชากเข้าที่คอเสื้อของฉัน แล้วเหวี่ยงตัวของฉันให้หลบออกไปอย่างรุนแรง ตัวฉันที่ล้มหน้า คะมัมไปบนพื้นหิมะอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวก็ได้ยินเพียงแค่เสียง

       

       ฉึก!...

       

                  โลหะสีเงินปลายแหลมคม พุ่งเสียบทะลุร่างบางๆของเธอไปราวกับแผ่นกระดาษที่เปื่อยยุ่ย ลิ่มโลหิตสีแดงสดไหลทะลักออกมาจากบาดแผลที่มันเสียบเข้าไป ชโลมชุดเกราะสีขาวที่เธอสวมอยู่จนมันกลายเป็นสีเดียวกัน และในวินาทีต่อมาคมมีดนั้นถูกดึงออกจากอกของเธอพร้อมกับพุ่งเสียบลงมายังร่างที่แน่นิ่งของเธอซ้ำอีกครั้งหนึ่งอย่างเลือดเย็น ฉันคำรามออกมาด้วยความเคียดแค้นพร้อมกับวาดแขนยกค้อนเหล็กไหลอาวุธคู่ใจของตัวเองขว้างเข้าใส่เจ้าเครื่องจักรรูปร่างคล้ายแมลงสี่ขาตัวนั้นอย่างไร้ความปราณี

       

      ตูม!!!!

       

      วิต้า...

                      น้ำเสียงอันแสนจะงัวเงียบแต่แฝงไปด้วยความอบอุ่นของหญิงสาวคนหนึ่งเรียกทักขึ้น ปลุกฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากห้วงภวังค์ที่แสนโหดร้าย ฉันที่หันไปหาเธอผู้เป็นเจ้าของน้ำเสียงนั้นอย่างรนรานพร้อมกับขานชื่อของเธอคนนั้นออกมาอย่างแผ่วเบา

      ฮายาเตะ...

      เป็นอะไรไปอ่ะ...นอนไม่หลับเหรอเธอเอ่ยถามขึ้น ก่อนที่จะเดินไปเปิดสวิตซ์ไฟที่อยู่ใกล้ๆ

       

                      หลอดไฟสว่างขึ้น แสงสว่างของมันได้เผยให้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างในห้องนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยถูกซ่อนไว้ในความมืดมิด ซึ่งรวมไปถึง...

      อ้าว...เป็นอะไรไป ร้องไห้ทำไมเหรอเธอเอ่ยถามขึ้นด้วยความแปลกใจ พลางเดินมาหาฉันอย่างเชื่องช้า

      เปล่า...ไม่มีอะไรฉันตอบปฏิเสธไปทั้งๆที่ยกมือขึ้นมาเช็ดคราบน้ำตา สัญลักษณ์ของวามอ่อนแอที่ติดอยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะเดินหลบหน้าของเธอออกไป

       

                      เธอเดินเข้ามาหยุดขวางกึกอยู่ตรงเบื้องหน้าของฉัน ก่อนที่จะค่อยๆย่อตัวลงมาคว้าจับมือทั้งสองข้างของฉันที่กำลังละเลงขยี้น้ำตาที่รินไหลออกมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดหย่อน ขึ้นมากุมตรงหน้าแล้วก็ถามขึ้นอย่างแผ่วเบาว่า

       

      นี่...ทำไมต้องหลบหน้าฉันล่ะ หืม ฉันเป็นเจ้านายของเธอนะ อัศวินที่ดีต้องไม่หนีหน้าเจ้านายซิ

      “ขอโทษ”ฉันตอบไปอย่างสะอึกสะอื้น

      “โอ๋...ไม่เอาน่า ไม่เอาน่า เช็ดน้ำตาซะนะ”เธอพูดพลางยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาปาดน้ำตาที่แก้มของฉัน แล้วถามต่อไปอย่างรู้ทันว่า

      “เพราะเรื่องนั้นอีกแล้วใช่มั้ย เธอยังฝังใจอยู่กับเรื่องนั้นอยู่ใช่มั้ย”

      เปล่า ฮึก ฮึก ไม่ใช่ ฮึก ฮือ...

       

      ฉันที่ไม่กล้าพูดความจริง จึงทำได้แต่โกหกปฏิเสธไปพลางสะอื้นไปพลางฮายาเตะถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างหน่ายๆ ก่อนที่โน้มตัวลงมากอดปลอบฉันด้วยความอ่อนโยน

       

      ร้องไห้โฮออกมาซะขนาดนี้ ใครที่ไหนเค้าจะไปเชื่อเธอกันล่ะ หืม...เธอเอ่ยถามขึ้นพลางยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาลูบศีรษะของฉันอย่างแผ่วเบา

      แต่ว่า...ฮึก...แต่ว่ามัน...ฉันพยายามจะพูดโต้ตอบเธอกลับ แต่ก็ถูกแย้งสวนขึ้นมาแทน

      วิต้า...ฉันเข้าใจดีนะว่า เธอรู้สึกยังไง เพราะฉันเองก็เจ็บใจไม่แพ้เธอเหมือนกันนะ เพราะงั้นเธอไม่จำเป็นจะต้องแบกรับมันเอาไว้คนเดียวหรอก ทั้งฉัน ทั้งเฟทจังและก็คนอื่น รวมไปถึงตัวนาโนฮะจังเองก็ตาม ไม่มีใครเค้าโทษว่าเป็นความผิดของวิต้าหรอก...นะ

      แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...ยังไม่ทันที่ฉันจะได้เถียงอะไรออกไป เจ้านายสาวคนนี้ก็ผละตัวออกมาจากอ้อมกอดนั้น พร้อมกับเอ่ยตัดหน้าฉันขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่แน่วแน่ว่า

      เอายังงี้ ฉันตัดสินใจล่ะฝ่ามือทั้งสองขึ้นตบลงบนบ่าของฉันเบาๆ พร้อมคำพูดของเธอที่กล่าวต่อไปว่า

      ในหน่วยใหม่ที่ฉันจะตั้งขึ้นมานี้ ฉันให้วิต้ากับนาโนฮะได้อยู่ทีมเดียวกัน เพื่อที่วิต้าจะได้มีโอกาสแก้ตัวอีกครั้งหนึ่ง ตกลงมั้ยจ๊ะ

      อือ...ขะ...ฉันที่จะพูดขอบคุณยังไม่ทันจบ ฮายาเตะก็แทรกขึ้นมาขัดกลางคันอีกครั้งหนึ่ง

      แต่ฉันมีข้อแม้ข้อหนึ่งนะเธอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดูเข้มขึ้น ก่อนที่จะโน้มตัวเขามาโอบกอดร่างเล็กๆของฉันไว้อย่างแนบแน่น แล้วพูดออกมาว่า

      ต้องปกป้องชีวิตของตัวเองด้วยนะ เพราะไม่ว่าเธอหรืออัศวินคนอื่นๆต่างก็เป็นคนสำคัญของฉันทั้งนั้น แม้กระทั่งนาโฮะจังเองก็ใช่...ฉันไม่อยากเห็นใครต้องหายไปอีกแล้ว ฉันอยากให้พวกเธอทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เพื่อใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในบ้านของเราตลอดไป...เพราะงั้น...ช่วยสัญญากับฉันจะได้มั้ย สัญญากับเจ้านายคนปัจจุบันที่รักและเป็นห่วงเธออยู่ตลอดคนนี้ว่า...ว่าจะดูแลตัวเองด้วยน่ะ ทำได้มั้ยจ๊ะ

      อือ...ได้เลย ฉันสัญญาฉันกล่าวออกไปทั้งน้ำตา

       

                      กาลเวลาที่ผ่านพ้นไป มีหลายๆสิ่งที่เปลี่ยนไป แต่ก็มีบางสิ่งที่ไม่มีจะวันเปลี่ยนแปลง ตัวฉันที่เคยมีชีวิตอย่างเป็นอมตะ ไม่เคยรู้จักซึ่งสิ่งที่เรียกว่าความสุข ไม่มีแม้กระทั่งจิตใจที่เป็นของตัวเอง เป็นได้แค่เพียงอาวุธชิ้นหนึ่งที่มาคู่กับหนังสือแห่งความมืดเท่านั้นเอง แต่ว่า...บัดนี้สิ่งเหล่านั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว นับแต่ที่ได้เด็กผู้หญิงคนนี้มาเป็นเจ้านายของฉัน เธอสอนให้ฉันรู้จักซึ่งความหมายของคำว่า “การมีชีวิตอยู่” ได้รู้จักซึ่งความสุข ความเศร้าเสียใจ และอื่นๆอีกมากมาย แต่สิ่งที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงมาจนถึงวันนี้ก็ยังคงมีอยู่เช่นกัน และฉันคิดก็ว่ามันจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงตลอดไปด้วยเช่นกัน ซึ่งก็คือความปรารถนาของฉันที่จะปกป้องราชินีแห่งรัตติกาล ผู้แสนอ่อนโยนคนนี้ รวมไปถึงพวกพ้องของฉันทุกคน ฉันจะไม่มีวันปล่อยให้พวกเขาต้องตายไปอย่างเด็ดขาด

       

      ไม่มีวัน...

       

      Nanoha Fiction ตอนเสริม Falling down Feather จบ

       

       มีคำถามเล็กน้อย เพื่อเป็นไอเดียในการเขียนเรื่องต่อๆไป(อาจจะอีกพักใหญ่นะครับ เพราะอย่างที่บอก ขอตัวไปเขียนเรื่องอื่นก่อน)

      ถ้าหากผมจะเขียนแฟนฟิคจากซีรี่ย์นี้ โดยที่มีตัวละครชายเป็นตัวเดินเรื่อง(ไม่ใช่ ยูโน่ กับ โครโน่ แน่นอน ผมรับประกัน) ซึ่งก็หมายความว่าเขาคนนี้จะต้องเดินเรื่องไปกับสาวๆคนใดคนหนึ่งในเรื่อง ท่านๆทั้งหลายจะรับกันได้มั้ยครับ ถ้ารับได้ อยากอ่านเรื่องราวของใคร ระหว่าง

      เขาคนนั้นกับ นาโนฮะ คงจะออกมาแนว หัวหน้าทีมกับลูกน้อง เรื่องราวก็จะเป็นสงครามเวทย์มนต์เต็มรูปแบบ ยิงกันตูมตามสนั่นหวั่นไหว
      หรือ

      เขาคนนั้นกับ เฟท คงจะได้มาแนว เจ้าหน้าที่สืบสวนสาว กับผู้ช่วยมือใหม่ เรื่องราวก็จะเน้นการสืบสวนคดีอาชญากรรม ไขปริศนา อะไรต่าง ฉากบู้ พอประมาณไม่หวือหวามาก

      หรือ
      เขาคนนั้นกับท่านผู้การ ฮายาเตะ คงจะออกมาแนว ผู้การสาวกับนักการเมืองหนุ่มจอมเจ้าเล่ห์ มีการหักหลัง ชิงไหวชิงพริบ กันระหว่างสองคนนี้ มีฉากต่อสู้ให้เห็นบ้าง ประปราย เน้นการโต้คารมณ์เป็นหลัก

      หมายเหตุ ไม่ได้หมายความว่าตอนจบเขาจะต้องลงเอยกับคนนั้นนะ อาจจะแอบชอบกันต่อไป หรือไม่ก็....ไม่พูดดีกว่า เดี๋ยวหาว่าลำเอียง ฮาาาาาา

      สุดท้ายนี้ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ อย่าลืมเม้นกันด้วยน๊า
                   

       

                         

       



      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×