ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กรรมพยากรณ์( ตอนชนะกรรม )

    ลำดับตอนที่ #4 : กังวล

    • อัปเดตล่าสุด 26 ม.ค. 53


    ลานดาวเดินมาตามนนทกานต์ถึงซุ้มหมอดูไพ่ยิปซี ฝ่ายนั้นยังดูไม่เสร็จ แต่หล่อนก็กระแทก
    เสียงเรียก
    “โจ๊ก!… จ๊ะเสร็จแล้วนะ”
    เรียกแล้วก็ยืนจ่ออยู่ตรงนั้น เป็นความหมายให้อีกฝ่ายลุกตาม นนทกานต์ทำท่าเงอะงะเป็นครู่
    เพราะกำลังตั้งอกตั้งใจฟังคำทำนายที่เข้าด้ายเข้าเข็มอยู่ แต่เหลือบมาเห็นลานดาวหน้ามุ่ยก็จำต้องควักกระเป๋า
    จ่ายค่าดูหมอ ล่ำลากันทั้งค้างคาอย่างนั้น
    “ทำไมดูเร็วนักล่ะ?”
    นนทกานต์ถามด้วยความประหลาดใจระคนหงุดหงิดเล็กๆที่ถูกดึงตัวออกมากลางคัน ลานดาว
    ขมวดคิ้วเดินฉับๆ ไม่สนใจตอบคำถามเพื่อน
    “เป็นไง… แม่นไหม?”
    คราวนี้หญิงสาวแหวขึ้นมาทันที
    “แม่นเมิ่นอะไรของเธอ! พาฉันมาเสียเวลาทำไมก็ไม่รู้”
    ว่าเสร็จก็เร่งความเร็วขึ้นอีก
    “อ้าว! เวรล่ะสิ”
    นนทกานต์พึมพำกับตนเอง ก่อนสาวเท้าเร่งเดินตาม วันนี้คิดว่าทำแต้ม ไฉนกลายเป็นหักแต้ม
    ไปได้
    มาทานข้าวกันแบบไม่พูดไม่จาในร้านโปรดของนนทกานต์เสร็จ ลานดาวก็ขอให้ส่งหล่อน
    กลับบ้านทันที เมื่อมาอยู่ด้วยกันในรถ หญิงสาวก็บ่นโน่นบ่นนี่ แบบหาเรื่องว่าๆๆ เช่นนนทกานต์พาไปกิน
    ข้าวในร้านที่ใช้ไม่ได้ อาหารรสชาติเหมือนเอาไปยัดไว้ในตูดหมูก่อนนำมาเสิร์ฟ หรือเมื่อนนทกานต์เหม่อ
    ไปนิด นำรถออกตัวที่สี่แยกไฟแดงช้า หล่อนก็สั่งให้เขาไปฝังเข็มกระตุ้นประสาทเสียบ้าง อย่ารอจนช้าเกิน
    การณ์ จะถูกหลุมดำดูดสติกลายเป็นเจ้าชายนิทราเสียก่อน
    กระทั่งรถมาจอดหน้าบ้าน นั่นเองบรรยากาศจึงเริ่มคลี่คลาย เมื่อหญิงสาวผ่อนปรนด้วยน้ำเสียง
    อ่อนโยน ฟังเป็นมิตรกว่าเดิม
    “ขอบใจนะ แล้วเจอกัน”
    ลานดาวยิ้มสวยทิ้งทวนราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น สีหน้าของนนทกานต์ค่อยหายเศร้า อย่างน้อย
    นั่นก็เป็นสัญญาณว่าหล่อนไม่ถึงขนาดขุ่นเคืองขั้นอยากตัดญาติขาดมิตรกับเขา
    พอเข้าห้องนอน ลานดาวก็กลับทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ตามลำพัง ถึงตอนนี้หล่อนจำต้องยอมรับ
    กับตนเองว่าผวาอยู่ในส่วนลึก เหตุเพราะหมอดูทักหล่อนถูกหลายข้อ และดูเหมือนรู้กระทั่งความคิดในหัว
    แสดงว่ามีฤทธิ์เดชเกินมนุษย์ธรรมดา นั่นเป็นเรื่องน่าพรั่นมิใช่น้อย เพราะทำให้คำพูดอื่นๆพลอยศักดิ์สิทธิ์
    น่าให้เชื่อว่าหมอดูมีความสามารถล่วงรู้อนาคตได้จริง
    แค่คิดก็อับอายแทบอยากโดดตึกแล้ว มีหรือ คนเคยเป็นดาวให้ชายทั้งโลกแหงนคอมองตั้งบ่า
    อย่างหล่อนจะต้องอกหัก หรือเจ็บปวดจากความรัก แถมมือพระกาฬคร่าหัวใจยังดันเป็นอีตาบ้าใกล้บ้านเสีย
    อีก อัตตาของหล่อนใหญ่เกินกว่าจะรับ
    นอนแช่บนเตียงอยู่พักหนึ่งก็ลุกขึ้นผลัดผ้าเข้าห้องน้ำ หวังว่าน้ำแรงๆจากฝักบัวจะทำให้สบาย
    ใจขึ้น แต่ที่ไหนได้ ที่เครียดอยู่แล้วกลับยิ่งเครียดขึ้นอีก เมื่อหล่อนตรวจเต้านมตามวิธีที่เรียนรู้ แล้วยังพบ
    ก้อนแข็งแปลกปลอมด้านซ้ายไม่หายไปไหนสักที แม้ล่วงเวลามาระยะหนึ่ง
    ทรวงอกเป็นจุดดึงดูดสายตาและความรู้สึกของเพศตรงข้าม อวัยวะชิ้นงามยวนตาชวนสัมผัสที่
    ลูกผู้หญิงทุกคนใช้เป็นเครื่องวัดว่าใครดีใครด้อย ลานดาวเป็นผู้มีสิทธิ์ภาคภูมิเต็มที่ ในเมื่อเป็นเจ้าของโนม
    เนื้อแฝดสล้างสมส่วนน่าพิสมัย ชนิดให้แอบดูทีหนึ่งแล้วเสี่ยงกับการถูกเจาะตาแตก หลายคนก็คงเอา
    ทว่าสิ่งที่ชายบางคนยอมแลกลูกนัยน์ตากับการขอดูเพียงครั้งเดียวนั่นเอง อาจถูกดันให้เต่งตั้ง
    ด้วยเนื้อร้ายชวนขนหัวลุก วันดีคืนดีก็ทำหน้าที่เป็นเพชฌฆาตประหารสาวผู้เป็นเจ้าของเสียเฉยๆ มะเร็งเต้า
    นมเป็นฆาตกรมือวางอันดับสองของผู้หญิงไทย และเป็นฆาตกรมือวางอันดับหนึ่งของผู้หญิงบางประเทศ
    ลานดาวสำเหนียกกลิ่นอายภยันตรายที่คืบคลานมาถึงตัว วัยหล่อนหาใช่เป้าหมายของฆาตกรร้ายรายนี้ แต่ก็
    ทำท่าว่าหล่อนอาจเป็นหนึ่งในบุคคลหายาก รับสิทธิ์เป็นเจ้าของมะเร็งก่อนวัยอันควรไปเสียแล้ว
    ออกจากห้องน้ำด้วยสีหน้าหวาดวิตก เวลาเพียงชั่วโมงเศษหล่อนเปลี่ยนไปเป็นหญิงผู้ขาด
    ความมั่นใจในตนเองสนิท จากเดิมที่องอาจคล้ายหาญกล้าพอจะเหยียบโลกไว้ใต้อุ้งเท้า
    บางทีชีวิตก็เจอเรื่องบ้าบอเรียงซ้อนเข้ามาติดๆกันอย่างน่าฉงน จนกระทั่งอดถามตนเองไม่ได้
    ว่าเป็นความบังเอิญหรือโชคชะตาราศีมีจริง ยามใดถึงคราวรุ่ง ทุกอย่างก็หอมหวนตลบอบอวลไปหมด อยาก
    ได้อะไรก็ได้ดังใจทุกสิ่ง อย่าไปหาเลยความขาดตกบกพร่อง แต่ยามใดถึงคราวเคราะห์ แม้ร่างกายตนเองยัง
    รวน ยังพยศได้ยิ่งกว่าศัตรูร้ายที่คิดทำลายกัน รอบด้านดูขวางหูขวางตาไปหมด ไม่มีสิ่งใดเป็นอย่างใจสักอย่าง
    เปิดคอมพิวเตอร์ ต่อสัญญาณโทรศัพท์เข้าอินเตอร์เน็ต ยามนี้หล่อนเหมือนอ้างว้างชอบกล นึก
    ถึงหน้าคนรู้จักกี่คนๆก็ไม่อยากพบ ไม่อยากพูด ใจคล้ายมุ่งหาใครที่ไร้ตัวตนในโลกความเป็นจริง เพื่อระบาย
    ความอึดอัดคับข้องนานัปการในช่วงหลังๆ
    เรียกโปรแกรมสนทนาสดที่ใช้ประจำ กวาดตาดูรายชื่อชายหญิงที่กำลังออนไลน์พร้อมกัน ตา
    ตื่นเล็กน้อยเมื่อพบชื่อใครคนหนึ่ง
    “หวัดดีค่ะพี่เอิน”
    หล่อนทักไปครึ่งนาทีก็มีหน้าต่างข้อความตอบกลับผุดขึ้น
    “สวัสดีค่ะน้องจ๊ะ”
    แม้ไม่เคยพบหน้า แม้ไม่เคยกระทั่งได้ยินเสียง ก็รู้สึกเหมือนมาวันทาเป็นพี่สาวแสนดีที่สนิทคุ้นเคย
    เมื่อประมาณสองอาทิตย์ก่อนที่ลานดาวคลำพบก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายแล้วเกิดความขลาดกลัว
    อย่างแรง ทว่าไม่กล้าไปพบแพทย์ด้วยหลายต่อหลายเหตุผล โดยเฉพาะขัดเขินต่อการตรวจภายใน จึงใช้วิธี
    ตระเวนอ่านเว็บบอร์ดการแพทย์ในอินเตอร์เน็ต เพื่อค้นหาแพทย์หญิงที่ท่าทางใจดีสักคนไว้ไถ่ถามเป็น
    ส่วนตัว
    มาวันทาคือคุณหมอใจดีที่หล่อนค้นพบ จากการไล่อ่านตั้งแต่กระทู้เก่าๆมาจนถึงปัจจุบัน บอก
    ชัดว่ามาวันทาคือแม่พระที่อุทิศเวลาส่วนตัวตอบคำถามให้กับคนไข้มากกว่าแพทย์คนใดในเว็บบอร์ดแห่ง
    นั้น และไม่เฉพาะช่วยได้ทางรักษากาย มาวันทายังเป็นใครคนหนึ่งที่สามารถเขียนให้คนอ่านหยุดคิด คล้อย
    ตาม หรือกระทั่งร่าเริงแจ่มใสตามอักษรสั่ง น้อยครั้งที่ลานดาวจะเกิดความนับถือใครสักคนมากๆเพียงเพราะ
    ตามอ่านความรู้ความเห็นเช่นนี้
    หลังจากลงทุนกวาดตาหาเป็นหลายสิบกระทู้ ลานดาวก็พบอีเมลแอดเดรสซึ่งมาวันทาให้ไว้กับ
    ผู้ขอรายหนึ่งเมื่อสองเดือนก่อน ซึ่งก็สมใจที่ไม่ต้องติดต่อกันผ่านกระทู้ในเว็บบอร์ด หล่อนเขียนเมลถึงมา
    วันทาโดยตรง แนะนำตัวสองบรรทัดว่าได้อีเมลแอดเดรสมาอย่างไร แล้วเล่าการพบก้อนเนื้อในเต้านมอีกสามบรรทัด
    รอเพียงวันเดียวก็ได้รับคำตอบยาวเหยียด ว่าวัยของหล่อนมีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมอย่างที่
    กังวลน้อยมาก ที่คลำพบก้อนเนื้อแปลกปลอมนั้น อาจมีความสัมพันธ์กับประจำเดือน คือผู้หญิงจะมี
    ฮอร์โมนสูงขึ้นในช่วงที่มีประจำเดือน ทำให้บางรายต่อมน้ำนมโต อาจมีอาการคัดตึงคล้ายก้อนเนื้อ ถ้าพ้น
    ช่วงประจำเดือนไปสักหนึ่งหรือสองอาทิตย์ก็อาจหายไป
    อย่างไรก็ตาม มาวันทาแนะนำว่าถ้าอยากสบายใจ ก็ควรพบแพทย์เพื่อตรวจทันที เพราะแม้ตาม
    สถิติวัยของลานดาวจะมีโอกาสเป็นมะเร็งต่ำ แต่ก็เคยพบตัวอย่างคนไข้มาจริงๆ ซึ่งถ้าสงสัยเช่นนั้น ชักช้าวัน
    เดียวก็ไม่ได้ เนื่องจากการกระจายของมะเร็งจะผ่านไปตามกระแสเลือดซึ่งรวดเร็วมาก บอกไม่ได้ว่าจะไปที่
    ไหน ถ้าเอาต้นเหตุออกให้เร็วที่สุดก็จะไม่กระจายต่อ
    ลานดาวอ่านเมลตอบของมาวันทาแล้วสบายใจขึ้น เพราะช่วงนั้นเผอิญประจำเดือนมาพอดี
    หล่อนคิดแบบฟันธงเข้าข้างตัวเองว่าต้องไม่ใช่มะเร็งเด็ดๆ อีกสองอาทิตย์คลำอีกครั้งคงพบว่าหายไปแล้ว
    ช่วงที่ผ่านมาหล่อนจึงชวนมาวันทาคุยเรื่องอื่นนอกเหนือจากการขอคำปรึกษาแพทย์ ต่างฝ่าย
    ต่างถูกอัธยาศัย และสนิทใจเหมือนพี่เหมือนน้อง จึงขยับความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้นด้วยการเอาอีกฝ่ายเข้า
    รายชื่อเพื่อนคุยในโปรแกรมสนทนาสด และนี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองพบปะแบบออนไลน์
    “วันนี้จ๊ะกำลังดวงขึ้นแน่ๆ ถึงได้เจอแม่พระ”
    ลานดาวเริ่มเปิดฉากแบบกึ่งอ้อนกึ่งยกยอตามวิธีที่ถนัด
    “วันนี้พี่เอินก็โชคดี ถึงมีโอกาสเจอคนน่ารัก”
    “รู้ได้ยังไงคะว่าน่ารัก?”
    “ฟังพูดก็รู้”
    “พี่เอินเก่งจัง อันนี้จ๊ะยอมรับนะคะว่าจ๊ะเป็นคนน่ารัก”
    และก่อนที่อีกฝ่ายจะหมั่นไส้ ลานดาวก็ส่งข้อความตามไปอย่างรวดเร็ว
    “มีเรื่องเศร้าที่จะบอกพี่เอินด้วยล่ะ จ๊ะน่ารัก จ๊ะสวยรวยเก่ง แต่อาจเท่งทึงเอาง่ายๆในเร็ว
    วันนี้…”
    “ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะคะ?”
    “เมื่อกี้จ๊ะคลำพบก้อนเนื้ออีกแล้ว… นี่สองอาทิตย์ยังอยู่ แสดงว่าเป็นมะเร็งแน่เลย”
    “อ๋อ… เรื่องนั้นเอง อย่าเพิ่งสรุปซี วัยนี้ให้โชคร้ายมากก็น่าจะเป็นแค่ซีสต์หรือเนื้องอกธรรมดา
    หากเป็นซีสต์ก้อนที่คลำพบจะนุ่มเหมือนเป็นถุงน้ำ แต่ถ้าก้อนแข็งหน่อยก็ไม่ถึงกับตันเป็นหิน จับเคลื่อนไป
    มาได้ นั่นคือเนื้องอกธรรมดา ส่วนมะเร็ง โดยมากจะแข็งตัน ผิวภายนอกเปลี่ยน เช่นหนาขึ้นหรือเป็นแผล
    แล้วก็มักจะเป็นก้อนติดกับผนังหน้าอกขยับไม่ได้”
    ลานดาวนิ่งไปอึดใจ ก่อนตัดสินใจพิมพ์ขอ
    “พี่เอินสะดวกหรือเปล่า จะให้จ๊ะโทร.คุยกับพี่ตอนนี้ได้ไหมคะ?”
    “ได้ค่ะ”
    มาวันทาตอบเกือบทันทีพร้อมให้เบอร์ ลานดาวยกหูเครื่องโทรศัพท์บนโต๊ะกดเลขตามทันที
    ขณะเดียวกันก็ใช้มือข้างที่ว่างปลดกระดุมเสื้อ แกะขอยกทรงออก แล้วค่อยๆบีบหาก้อนเนื้อที่อกด้านซ้าย
    เพื่อลองดูว่ามันเคลื่อนได้หรือเปล่า
    รอสัญญาณอยู่สองครั้ง อีกฝ่ายก็รับสาย
    “สวัสดีค่ะ”
    “สวัสดีค่ะพี่เอิน นี่น้องจ๊ะนะคะ ได้คุยกับพี่เอินตรงๆเสียที ดีใจจัง”
    “เช่นกันค่ะ อื้อม์… ได้คุยถึงเพิ่งรู้ว่าจ๊ะเสียงเพราะขนาดนี้”
    “จ๊ะไม่ได้รบกวนพี่แน่นะคะ”
    “ตอนนี้อยู่บ้าน กำลังเขียนอะไรในเว็บบอร์ดเรื่อยเปื่อยเท่านั้นค่ะจ๊ะ ถือว่าว่าง”
    “เอ้อ… จ๊ะลองคลำดู มันไม่เคลื่อนที่เลยน่ะค่ะ”
    น้ำเสียงหล่อนบอกความกลัดกลุ้มชัด
    “ก็ยังสรุปไม่ได้อยู่ดีค่ะว่าใช่มะเร็งไหม บางทีเนื้อเยื่ออาจหนาตัวขึ้นเกี่ยวพันกันเป็นพังผืด
    เรียกว่าโรคไฟโบรซิสติก ตรวจแมมโมแกรมเพื่อความแน่ใจได้”
    “หวาย!… ที่ต้องเอาเครื่องอะไรมาบีบนั่นหรือคะ หน้าอกจ๊ะกลายเป็นกล้วยทับกันพอดี”
    มาวันทาส่งหัวเราะนุ่มมาตามสาย มีอิทธิพลให้คนฟังคลายกังวลได้อย่างประหลาด ราวกับเป็น
    ยารักษาเฉพาะหน้าได้แล้ว
    “จ๊ะอย่าเพิ่งวิตกเลยค่ะ จะเข้าข่ายต้องเครียดเพราะตีตนไปก่อนไข้ พี่เอินเจอมาเยอะ ไม่ได้เป็น
    อะไรซักหน่อย แต่ก็นึกว่าเป็น ธรรมชาติแกล้งหลอกผู้หญิงเราให้กลัวไปสารพัดรูปแบบ พอให้หมอตรวจถึง
    ค่อยยิ้มออก วัยของจ๊ะนั้นหายากจริงๆที่เป็นมะเร็งเต้านมกันนะ”
    ลานดาวนิ่งไปอึดใจ ก่อนเคลื่อนมือจับก้อนเนื้อตัวปัญหาอีกครั้ง
    “ถือว่าพี่เอินรับประกันแล้วด้วย”
    ทำเสียงขึ้นจมูกเหมือนเด็กขี้ตู่ มาวันทาหัวเราะอีก
    “งั้นมาให้พี่เอินตรวจก็แล้วกันค่ะ ถึงตอนนั้นค่อยประทับตรารับประกันจริงๆให้”
    ลานดาวมาโรงพยาบาลเพียงคนเดียว ความหวาดกลัวเกาะกุมจิตใจจนกระสับกระส่ายออกมา
    จากภายใน คล้ายนักโทษคดีอุกฉกรรจ์กำลังรอเข้าห้องพิพากษาก็ไม่ปาน
    “คุณลานดาวค่ะ”
    เสียงพยาบาลเรียก ในที่สุดก็ถึงเวลาฟังคำตัดสินจนได้
    พยาบาลนำคนไข้สาวมาจนถึงหน้าห้องซึ่งติดป้ายชื่อ แพทย์หญิงมาวันทา ชนาฤทธิ์ แล้วยิ้มให้
    เดินหลีกไป ซึ่งนั่นเป็นไปตามคำขอส่วนตัวของลานดาวที่กระซิบบอกว่าอยากพบกันตามลำพังมากกว่ามี
    ใครอื่นอยู่ในห้องแม้พยาบาลผู้ช่วย
    หญิงสาวในชุดเสื้อกาวน์ซึ่งปรากฏต่อสายตาลานดาวยามนี้ เป็นใครอีกคนที่แตกต่างจากบุคคล
    ในจินตนาการอย่างสิ้นเชิง มาวันทาในโลกอินเตอร์เน็ตน่าจะเป็นคุณหมอใจดี อ้วนท้วน อายุขึ้นหลักสี่ ทว่า
    มาวันทาในโลกความจริงกลับเป็นสาวน้อยสวยหวาน แบบบาง ยิ้มเย็น วัยไล่เลี่ยกับหล่อนชนิดที่ทำให้
    เงอะงะยามยกมือไหว้ เนื่องจากสองวินาทีก่อนเปิดประตูเพิ่งเตรียมใจก้มสุดศีรษะให้ผู้อาวุโสที่สูงวัยกว่าสัก
    สิบปีเป็นอย่างต่ำ
    มาวันทารับไหว้ ลุกจากโต๊ะทำงานมาต้อนรับน้องสาวจากโลกอินเตอร์เน็ตซึ่งทำท่าอ้ำอึ้งงงงันอยู่
    “ทำไมมองพี่อย่างนั้น?”
    ลานดาวยิ้มจืดๆ
    “ทั้งกลัว ทั้งแปลกใจมั้งคะ”
    “แปลกใจเรื่องอะไร?”
    คุณหมอถาม ทั้งที่พอทราบเค้า เนื่องจากเผชิญสายตาไม่เชื่อมือมามากจนชิน
    “หนูนึกว่าพี่เอินจะ… เอ้อ…”
    “เหมือนยายแก่”
    มาวันทาต่อคำให้ และสยายยิ้มกว้างขึ้น
    “ปละ… เปล่า… แต่เห็นตัวจริงพี่เอินแล้วจ๊ะว่าน่าจะไปเป็นนางเอกละครมากกว่า”
    “ใครกันแน่” แล้วหล่อนก็แตะต้นแขนคนไข้ “มานั่งคุยให้หายกลัวก่อนก็ได้”
    “อย่าเลยค่ะ ไม่อยากให้เสียเวลาคนไข้อื่นๆ”
    “จ้ะ งั้นไปเปลี่ยนเสื้อซะ”
    ลานดาวเข้าหลังฉากกั้น และกลับออกมาในเสื้อคลุมซึ่งโรงพยาบาลเตรียมไว้ ขึ้นนอนบนเตียง
    ตรวจด้วยใจที่เต้นน้อยลง ค่อยๆเริ่มรู้สึกอบอุ่นเป็นกันเองกับมาวันทาในอีกแบบหนึ่ง บางสิ่งบางอย่างในสี
    หน้า แววตา รอยยิ้ม และอากัปกิริยาของมาวันทาทำให้สงบใจ บังเกิดความเชื่อมั่นว่าตนจะปลอดภัยในมือ
    หมอคนนี้
    “ถ้าเป็นมะเร็งจริงแล้วต้องผ่าตัด จ๊ะ… จะมีอะไรเสียหายน่าเกลียดไหมคะ?”
    มาวันทาคลุมผ้าให้ถึงราวนมก่อนตอบ
    “จากตาเปล่า พี่คิดว่าไม่เป็นนะ ลักษณะผิวภายนอกก็ดูปกติดี ไม่มีแผล ไม่มีรอยดึงรั้ง อย่าเพิ่ง
    คิดไกลไปถึงเรื่องผ่าตัดเลย”
    ลานดาวสบายใจขึ้นอีก แม้ทราบว่านั่นอาจเป็นเพียงจิตวิทยาให้กำลังใจคนไข้ก็ตาม มาวันทา
    ตบแก้มอีกฝ่ายเบาๆเพื่อให้เกิดสัมผัสธรรมดาในฐานะคนคุ้นเคยนำหน้า แล้วจึงเลื่อนมือลงมายังของสงวน
    ในฐานะแพทย์
    เนื้อนุ่มแน่นของสาวพรหมจรรย์ถูกบีบตรวจตราโดยมือที่ชำนาญการ ผัสสะละมุนของมา
    วันทาแฝงความเอื้ออาทร ก่อให้เกิดสุข เกิดความวางใจ และอยากอยู่ในมือหมอนานๆ แทนความขวยอายที่
    พกติดตัวมาจากบ้าน
    คนไข้สาวเหลือบตามองผู้กำลังทำหน้าที่ตรวจนิ่ง กระทั่งฝ่ายนั้นรู้สึกและสบตาตอบ กระแสตา
    ที่มีกำลังแรงด้วยสมาธิในงานแพทย์ ทำให้ลานดาวต้องกะพริบหลบวิถีตาไปทางอื่น
    “จ๊ะเรียนคณะอะไรนะ?”
    มาวันทาชวนคุยขณะย้ายมือจากถันด้านซ้ายมาตรวจที่ด้านขวา เพราะสัมผัสได้จากมือว่าคนไข้
    ใจเต้นแรงขึ้น ถ้าคุยกันคงลืมความตื่นเต้นลง
    “ศิลปกรรมค่ะ”
    “ดนตรีหรืออะไร?”
    “ค่ะ ดนตรี… ดุริยางคศิลป์”
    “เหมาะกับบุคลิกเลยนะ ถ้าเป็นนักร้องหรือนักแสดงต้องรุ่งแน่”
    “แต่จ๊ะอยากปราดเปรื่องและช่วยคนได้อย่างพี่เอินมากกว่า”
    ลานดาวกล่าวออกมาจากแรงบันดาลใจในขณะนั้นมากกว่าเคยคิดอยู่ก่อนหน้า
    “พี่ไม่ได้ปราดเปรื่องนักหรอก ต้องขยันน่าดูเหมือนกัน”
    “อย่าถ่อมตัวเลยค่ะ ใบเกียรตินิยมแขวนอยู่บนผนังข้างโต๊ะทำงานนั่นไง…”
    หญิงสาวบุ้ยปากไปทางกรอบที่มาวันทาแขวนไว้เป็นยันต์กันหวาด คงเพราะเจอคนไข้มองเป็น
    เด็กไร้น้ำยามาจนเบื่อ
    “เก่งไม่พอ แถมเมตตากว้างขวางเหมือนทะเล ทำงานประจำที่โรงพยาบาลแล้วยังคอย
    ช่วยเหลือคนบนเน็ตอีก”
    “เป็นวิธีแก้เหงาน่ะ” แพทย์สาวตอบเสียงเรียบเรื่อยขณะปิดเสื้อให้คนไข้ แสดงว่าสิ้นสุดการ
    ตรวจ “แฟนพี่เป็นนักบิน บางทีก็ไม่อยู่บ้านหลายวัน เลยต้องหาอะไรทำ”
    “แต่งงานเร็วจังเลย”
    “เพิ่งครึ่งปีเท่านั้น”
    “ยังไม่มีน้องหรือคะ?”
    ถามพลางส่งตามองหน้าท้องพี่หมอคนสวย ก่อนดึงตัวลุกขึ้นนั่ง
    “คงเร็วๆนี้มั้ง”
    “เป็นหมอ น่าจะวางแผนได้อย่างใจ พอเด็กหน้าใหม่เข้ามาในบ้าน พี่เอินจะได้มีธุระวุ่นวายหาย
    เหงา”
    คำว่า เด็กหน้าใหม่ ของลานดาวทำให้มาวันทาเกิดวูบหนึ่งของจินตนาการรอคอย
    “ถึงเวลาเหมาะสมเขาคงเลือกมาของเขาเองมั้ง พี่ไม่อยากกะเกณฑ์ให้ผิดธรรมชาติ”
    “แฟนพี่เอินคงหล่อเอาเรื่อง ถึงทำให้พี่เอินยอมแต่งไว อย่างนี้ลูกออกมาคงน่าฟัดหายห่วง”
    มาวันทาหัวเราะ วกเข้าเรื่องสำคัญ
    “สำหรับก้อนเนื้อ… อย่าเพิ่งกังวลเลยนะ เท่าที่พี่รู้สึกจากประสบการณ์ มันไม่ใช่ลักษณะมะเร็ง
    ที่เกาะกล้ามเนื้อผนังอก แต่เป็นถุงน้ำที่หนาหน่อย แทงเข็มเข้าไปดูดน้ำในถุงเอามาตรวจ ถ้าผลปกติดีก็
    เป็นอันว่าจบสนิท”
    ลานดาวยิ้มกว้างตาเป็นประกายด้วยความดีใจ มองมาวันทาราวกับจดจำไว้ว่าเป็นผู้วิเศษที่
    รักษาหล่อนให้หายจากโรคร้าย
    “เหรอคะ… ถ้าเป็นมะเร็งแน่ อาการจะต่างจากนี้ยังไง?”
    “อย่างที่เคยบอกไง ถ้าลักษณะภายนอกก็เช่นสีผิวผิดปกติชัด เช่นเป็นจ้ำๆ มีรอยดึงรั้งหรือเป็น
    แผล ถ้าลักษณะภายในก็ต่อมน้ำเหลืองใต้รักแร้โต ซึ่งแสดงถึงการกระจายของมะเร็งแน่นอน หากเป็นเนื้อ
    งอกธรรมดาจะไม่กระจายเด็ดขาด อันนี้พี่ก็เช็กแล้วจ้ะ ปกติทุกอย่าง”
    คนไข้ยิ้มโล่งอก ดึงมืออีกฝ่ายมากอด
    “ฮี่ๆ ดีใจจังเยย”
    “เพื่อความแน่ใจพี่จะให้จ๊ะทำอัลตราซาวด์อีกที”
    “พี่เอินคะ…” ลานดาวทำตาใส “ช่วงนี้แฟนพี่อยู่บ้านหรือต้องบิน?”
    “บินจ้ะ มะรืนถึงกลับ”
    “แปลว่าพี่เอินว่าง งั้นเย็นนี้ขอจ๊ะเลี้ยงข้าวได้ไหมคะ?”
    แพทย์หญิงมาวันทาจ้องดวงหน้างามชวนพิศของอีกฝ่าย เกิดความเอ็นดูราวกับเป็นน้องสาว
    คลานตามกันมา ครู่หนึ่งก็ส่ายหน้ายิ้มๆ
    “อย่าเลย…”
    คนชวนหน้าม่อยผิดหวัง ทว่าอึดใจเดียวประโยคต่อท้ายของมาวันทาก็ทำเอาลานดาวหัวใจพอง
    โต
    “ต้องให้พี่เป็นฝ่ายเลี้ยงสิจ๊ะ”
    “เย้! ต๊กลง!…”
    “บ้านจ๊ะอยู่แถวไหนล่ะ จะได้นัดเจอกันครึ่งทาง”
    “ไกลหน่อยค่ะ ช่วงบางกะปิเกือบถึงสุวินทวงศ์แน่ะ ไม่เป็นไร จ๊ะมาแถวบ้านพี่เอินได้”
    “อ้าว! บังเอิญจริง พี่ก็อยู่แถวนั้นเหมือนกัน”
    “ต๊าย! เหรอคะ? ดวงสมพงศ์จังนิ” สุ้มเสียงปีติเต็มเปี่ยม “ต่อไปต้องเจอกันบ่อยๆแล้วล่ะ”
    เป็นยามเย็นที่มีความรู้สึกใหม่ๆให้รอคอย ลานดาวยิ้มชื่นมื่น มีความสุขเสียยิ่งกว่ารอ
    โทรศัพท์หนุ่มที่ต้องใจเสียอีก หลังๆเริ่มเอียนเต็มทีกับความรักวาบหวามแบบหนุ่มสาว
    รอบตัวเต็มไปด้วยความน่าเบื่อหน่าย ทั้งบุคคลและสถานการณ์ เพื่อนที่เคยสนิทก็เริ่มกินแหนงแคลงใจและ
    ตีตัวออกห่าง หนุ่มสองนายที่จัดอันดับให้เป็นแฟนก็บังเอิญเริ่มออดอ้อนขอเป็นตัวจริงหนึ่งเดียวพร้อมๆกัน
    พูดซ้ำซากตามรอยกันจนลานดาวบันดาลโทสะ ตวาดตะเพิด กระแทกหูโทรศัพท์โครมครามไปคนละหน
    หล่อนห่างเหินมานานจากความรักบริสุทธิ์สดชื่นแบบพี่น้อง ชดเชยกันได้ดีทีเดียวกับความรัก
    กลั้วมลทินชนิดอื่นที่โบยบินห่างหาย
    ออกมายืนรับลมช่วงใกล้สนธยาบนหน้ามุข บ้านหล่อนล้อมรอบด้วยหญ้าเขียวขจีและแมกไม้
    ทำให้ลมหายใจปลอดโปร่ง บางทีลานดาวยืนคิดอยู่คนเดียวว่าชีวิตหล่อนเต็มไปด้วยแสงสว่างเหมือนนางฟ้า
    ในวิมานเทพ อยากได้อะไรก็ได้ดังใจ นึกพิศวาสหนุ่มคนไหนก็ได้คนนั้นมาเดินตามก้นต้อยๆเสมอ พอเรื่อง
    ร้ายผ่านมา ก็ดูจะผ่านไปอย่างไร้ร่องรอยน่าอินังขังขอบ
    และชีวิตที่ปรากฏเป็นความเพียบพร้อมเสมอต้นเสมอปลายมาตลอดนั้นเอง ก็ส่งอารมณ์ให้นึก
    ขบขันคำทำนายของหมอดูอุปการะเป็นอย่างยิ่ง อย่างหล่อนน่ะหรือ ที่ต้องผิดหวังจากความรักถึงสองครั้ง
    แถมกว่าจะเจอเนื้อคู่ตัวจริงยังต้องรออีกร่วมยี่สิบปี ใครบ้าจี้เชื่อก็ตลกตายล่ะ
    จะด้วยความบังเอิญหรือฟ้านึกสนุกอย่างไรก็ตามที ขณะนึกถึงคำทำนายของหมอดูอุปการะอยู่
    นั่นเอง สายตาลานดาวพลันปะทะเข้ากับชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังขี่จักรยานเสือหมอบผ่านหน้าบ้าน หล่อน
    ตาโตและร้องเรียกดังๆ
    “พี่อ๊อบ!”
    หนุ่มผมยาวระคอ ผิวขาว ร่างสันทัด ส่วนสูงไล่เลี่ยกัน แก่กว่าหล่อนประมาณสามปี คนรู้จักที่
    ประกอบด้วยคุณสมบัติเฉพาะเจาะจงเหล่านี้ครบมีเขาเพียงคนเดียว แล้วก็ดันขี่จักรยานผ่านมาให้ยลพอดีเสีย
    ด้วย!
    ชาญวิทย์ซึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาปั่นจักรยานออกกำลังกายหยุดกึก เหลียวเห็นเทพธิดาบนหน้า
    มุขแล้วก็โบกมือให้ พร้อมทักด้วยความดีใจทั้งหอบเหนื่อย
    “เฮลโล่”
    ลานดาวยิ้มหวาน ความจริงหล่อนเกลียดเขาอยู่ลึกๆ โทษฐานที่เคยอยู่ในฐานะน่านับถือแบบ
    พี่ชาย แล้วทะลึ่งคิดเปลี่ยนบท ทำท่าก้อร่อก้อติก อาสาทำโน่นทำนี่ให้ ลงเอยคือสารภาพรักด้วยอาการของ
    คนแพ้หมดรูป แม้เหตุการณ์จะผ่านมาร่วมห้าปี ลานดาวก็ยังไม่ลืมความรังเกียจสุดใจในวันนั้น เพราะเป็น
    ประสบการณ์แรกที่เปลี่ยนความรู้สึกจากนับถือใครสักคนมากๆมาเป็นชิงชัง ขยะแขยง
    เคยหาเหตุผลอยู่เหมือนกันว่าชาญวิทย์ทำอะไรผิด เขาเลวร้ายอย่างไรก็เปล่า มีแต่ทำดีกับหล่อน
    ประเคนทุกสิ่งให้ราวกับข้ารับใช้ เรื่องสารภาพรักก็เป็นสิทธิ์ที่ทุกคนพึงทำ
    คำตอบเดียวคือใจหล่อนเอง ที่รู้สึกเหมือนถูกหลอกให้หลงนับถือ หล่อนเป็นลูกคนเดียว คบ
    ใครใกล้บ้านที่สนิทสนมกันแต่เล็กก็อยากนับพี่นับน้อง ไว้วางใจเรียกพี่ด้วยความรู้สึกของน้องสาวได้ แต่เขา
    กลับทำลายความรู้สึกใสเย็นนั้น ทำให้ทุกอย่างเสียหายหมด หล่อนโทษเขา และเต็มไปด้วยคำด่าในหัว โทษ
    ที่ไม่รู้จักเจียมกะลาหัว ไม่รู้จักตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงา ทำให้หล่อนเกลียดตัวเองสุดขีดที่เคยเป็นฝ่าย
    กระโดดเกาะแขนเขาด้วยความดีใจเมื่อเห็นหน้า
    มาวันนี้หล่อนมองเขาด้วยสายตาอีกแบบหนึ่ง คิดตั้งคำถามว่านี่น่ะหรือ บุคคลในคำทำนายของ
    หมอดูอุปการะ? หากหลงรักตาบ้านี่ในสามวันเจ็ดวัน หล่อนสัญญากับตัวเองว่าจะฆ่าตัวตาย หลบหนีความ
    อับอายประชาชีให้พ้นๆ
    “ขยันออกกำลังจังนะคะ มิน่าล่ะ หมู่นี้มัดกล้ามชักใหญ่น่าดูชม”
    ลานดาวหยอดเสร็จก็สำเหนียกได้ทันทีว่าชาญวิทย์สูดลมหายใจยาวด้วยความฮึกเหิมที่สาวชม
    และคำชมของหล่อนก็มีอิทธิพลสูง มักส่งผลให้หนุ่มๆเกิดลูกฮึด แบบนักรบที่อยากเก่งกล้ากลางสมร ยอม
    ตายเพื่อรักษาคำชมของสาวน้อยผู้เป็นนางในฝันไว้
    “น่าปั่นให้ครบสิบรอบนะคะพี่อ๊อบ จ๊ะจะช่วยนับ”
    คำพูดหลุดผ่านกลีบปากหล่อนเพียงง่าย แต่ทว่าทรงอานุภาพยิ่งใหญ่ ก่อให้เกิดพลังผลักดันแก่
    ชาญวิทย์อย่างมหาศาล
    “ได้เลย! คอยนับนะ!”
    หนึ่งรอบหมู่บ้านด้วยจักรยานเสือหมอบปั่นจี๋กินเวลาเกือบห้านาที ลานดาวยืนนับอยู่ด้วยความ
    ขบขัน เห็นอาการตั้งหน้าตั้งตากระหืดกระหอบ ผมยาวฟูกระจายราวกับเม่นตกใจของชาญวิทย์ถึงรอบที่สอง
    ก็ส่ายหน้า เดินเข้าบ้านด้วยความสังเวชใจ คืนนี้ชาญวิทย์คงหลับลืมโลก พรุ่งนี้ตื่นมาคงเหมือนเพิ่งออกจาก
    ห้องไอซียู หน้ามืดตาลายจนหมดเวลาทำมาหากินไปอีกวันหนึ่ง
    คิดหาวิธีฆ่าตัวตายถ้าเผื่อหลงรักชาญวิทย์ไว้ ต้องแบบทุเรศๆถึงจะสาสม เช่นเอาหัวโขก
    กะละมังข้าวแมว หรือไม่ก็ขโมยน้ำในคลองนกอีแอ่นกรอกปากให้ชักตาตั้งน้ำลายฟูม หมดสวยสนิทนั่น
    แหละ จึงค่อยคุ้มโง่ขนาดหลงรักชาญวิทย์เข้าไปลง!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×