ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฟิคชั่น The Lord Of The Rings & The Hobbit

    ลำดับตอนที่ #2 : ริเวนเดลล์ เมิร์ควู้ด และลอธลอริเอน 2 ตอนความลำบากของฮัลเดียร์

    • อัปเดตล่าสุด 20 ส.ค. 57


    ความลำบากของฮัลเดียร์

    ฮัลเดียร์แทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่รูมิลเล่ามา ว่ากลอร์ฟินเดล (คือใคร?) สนในตัวเขา แม้ก่อนหน้านี้ฮัลเดียร์จะพบรูมิลเดินอยู่กับพรายผมทองตนหนึ่ง มองเบื้องหลังคล้ายคลึงกับเลดี้ กาลาเดรียลเขาถึงไม่เอะใจอะไร แต่เมื่อเข้าไปในงานเลี้ยงวันเกิดของเขาก็พบว่าพรายที่ว่าตอนนั้นกำลังสลับคู่เต้นอย่างสนุกสนาน ราวกับว่านั่นคือสิ่งที่เขาตามหามานานแสนนาน นั่นหรือพรายที่สนใจในตัวรูมิล เขาจะขว้างทิ้งเมื่อเบื่อเสียก่อนล่ะสิ และฮัลเดียร์ไม่มีทางยอมให้เป็นเช่นนั้นแน่

    “คิดอะไรอยู่รึ ฮัลเดียร์” เสียงหนึ่งถาม เจ้าของงานวันเกิดหันมอง ลอร์ด เคเลบอร์นนั่นเอง

    “ข้ากำลังคิดอยู่ว่าพรายผมทองตนนั้นคือใคร” ฮัลเดียร์ตอบ

    “พรายเจ้า จากนครลึกลับกอนโดลิน” เคเลบอร์นตอบ ใช้สายตาโลมเลียฮัลเดียร์หนุ่มผู้งดงามในชุดสีเทาหมอก กาลาดริมหนุ่มไม่ทันสังเกตเพราะมัวแต่จับจ้องกลอร์ฟินเดลที่ตอนนี้กำลังเต้นรำกับอูรูเวียล พรายสาวที่ฮัลเดียร์แอบชอบมานาน “เจ้าสนใจในตัวเขารึ”

    “ข้ากำลังสงสัยว่าเขาสนใจอะไรในตัวรูมิลมากกว่า”

    เคเลบอร์นนิ่ง ฮัลเดียร์ โอโรฟิน รูมิล นับว่าเป็นจุดขายของลอริเอนเลยก็ได้ รูปร่างหน้าตาสวยงาม ฝีมือระดับหาตัวจับยาก เขาเล็งไว้ตั้งนานพรายหัวทองจะมาพรากสิ่งที่เขาเก็บไว้ชื่นชมไปง่ายๆ  อย่างนั้นหรือ ไม่มีทางเสียหรอก มันต้องแก้แค้น!

    ฮัลเดียร์เห็นกลอร์ฟินเดลโอบเอวรูมิลพาเดินออกไปจากฟลอร์เต้นรำ ฮัลเดียร์พ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด

    “ฮัลเดียร์” เคเลบอร์นกระซิบใกล้หูของพรายหนุ่ม ทำให้เขาสะดุ้งเฮือก “เห็นพรายที่ธรันดูอิลพาออกไปไหม นั่นคือเอเรสเตอร์  ข้าได้ข่าวว่าเขาคบหากับกลอร์ฟินเดล ไปแหย่ให้หึงหน่อยเป็นไร เชื่อข้าสิกลอร์ฟินเดลต้องวิ่งแจ้นกลับมาแทบไม่ทัน เดี๋ยวเขาก็เลิกยุ่งกับน้องของเจ้าเอง”

    และข้าจะได้หมดเสี้ยนหนามโดยไม่ต้องลงมือ เคเลบอร์นคิด

    “ยินดีขอรับ” ฮัลเดียร์ว่า โค้งคำนับอย่างเต็มใจ

    “มาเต้นรำกับข้าหน่อยมา”

    รูมิลหัวใจเต้นแรงเมื่อถูกกลอร์ฟินเดลโอบเอว กลิ่นหอมกรุ่นลอยฟุ้งออกมาจากตัวพรายเจ้าทำให้เขามึนงงไปชั่วขณะหนึ่ง รูมิลแทบไม่รู้ตัวเลยว่ากลอร์ฟินเดลก้มตัวลงมาให้ปลายจมูกแตะแก้มเขาเบาๆ  แต่พอจับใจความได้ว่าตอนนั้นหน้าเขาร้อนวูบวาบ หัวใจเต้นแทบกระเด็นออกมาจากอก สมองหยุดสั่งการจนทำให้เขาล้มพับ

    “เมารึ ข้ายังไม่เห็นเจ้าดื่มเลย” กลอร์ฟินเดลพูด ประคองรูมิลอย่างเบามือ “แบบนี้ข้าต้องยิ่งรีบไปส่งเลย”

    “อย่าใกล้ข้ามากกว่านี้เลย” รูมิลบอก กลอร์ฟินเดลมีสีหน้าผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด “ท่านจะทำให้ข้าละลายอยู่แล้ว”

    พรายเจ้าหัวเราะ “โถ เด็กน้อย ภูมิต้านทานต่ำสินะ มาเถอะ ข้าจะดูแลเจ้าเอง” เขาคว้ารูมิลมาไว้ในอ้อมแขนแล้วพาเดินไปจนถึงทาลันของเขา และยังไม่ลืมโปรยเสน่ห์ทิ้งไว้ด้วยการซบลงที่เรือนผมของพรายกาลาดริมที่อีกไม่นานคงจะกลายเป็นน้ำเหมือนน้ำแข็งค่อยๆ ละลาย

    กลอร์ฟินเดลได้ยินเสียงเอเรสเตอร์ลอยมาตามลม เขารีบวิ่งไปตามเสียงนั่นและเห็นเอเรสเตอร์กำลังล้มลงโดยมีธรันดูอิลกำลังเอื้อมมือคว้า กลอร์ฟินเดลปัดมือพรายแห่งเมิร์ควู้ดแล้วกอดเอเรสเตอร์ไว้อย่างหวงแหน โดยลืมไปเลยว่าเมื่อครู่ยังสวีทอยู่กับรูมิล เขาจ้องจอมพรายด้วยสายตาดุดันไม่แพ้บัลร็อกแห่งมอร์ก็อธ

    แต่เอเรสเตอร์ดิ้นอย่างแรง “อย่าดิ้นนักสิ! อุตส่าห์มาช่วย” กลอร์ฟินเดลดุแล้วยิ้มสะใจที่เห็นสีหน้าหงุดหงิดของธรันดูอิล

    ที่ทาลัน กลอร์ฟินเดลวางร่างของเอเรสเตอร์ลง กล่าวฝันดีแล้วก้มลงจูบหน้าผากโดยไม่สนใจเลยว่าเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้เขากับพรายตนนี้กำลังประชดกัน

     

    เอเรสเตอร์ลืมตาเห็นแสงแดงส่องลอดใบไม้ลงมา เขามานอนที่ทาลันตั้งแต่เมื่อไร? แต่นี่เป็นทาลันของเขา และข้างๆ คือเสื้อคลุมของกลอร์ฟินเดล...เขาจำเรื่องเมื่อคืนได้น้อยมาก แต่อย่างน้อยก็รู้ว่าปลอดภัยจากพญากวางแห่งวู้ดแลนด์

    “เอเรสเตอร์!” เอลโรเฮียร์ตะโกน กระโดดใส่บรรณารักษ์จนหงายหลัง สองแฝดแม้จะอายุร่วมหลายร้อยปีแล้วก็ยังทำตัวเหมือนเด็กอายุสิบกว่าปี “ตื่นแล้วๆ เขามารอเจ้าตั้งนาน”

    “ใครหรือที่มารอข้า”

    “ฮัลเดียร์”

    เอเรสเตอร์นิ่งเงียบเพราะกำลังประหลาดใจ

    ฮัลเดียร์รออยู่ข้างล่างกับเอลโรเฮียร์ผู้เดินจากไปเมื่อเอเรสเตอร์ลงมาถึงพื้น ฮัลเดียร์ยิ้มมุมปากแล้วคำนับ

    “อรุณสวัสดิ์ ท่านเอเรสเตอร์” ฮัลเดียร์ทักเสียงนุ่ม “ไปเดินเล่นกับข้าหน่อยไหม ข้าจะพาชมลอริเอน ลอร์ดเอลรอนด์บอกว่าท่านชื่นชอบลอริเอนมาก”

    เอเรสเตอร์มองรอบตัว เงียบสงัด ไร้วี่แววของพรายตนอื่น แต่เขาได้ยินเสียงหัวเราะแว่วมาตามสายลม เอเรสเตอร์พยักหน้าก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรทำ ฮัลเดียร์พาชมทาลัน ทุ่งดอกไม้ที่มีชื่อว่าเอลานอร์ สีของมันทำให้เขานึกถึงสีผมของกลอร์ฟินเดล ฮัลเดียร์พาชมเกือบหมดแล้ว เอเรสเตอร์สนุกไม่น้อยเลยทีเดียว และสุดท้ายฮัลเดียร์ชวนไปที่แม่น้ำเพราะพรายกาลาดริมส่วนใหญ่จะอยู่ที่นั่น

    พวกเขากำลังเล่นวิ่งไล่จับกัน สำหรับพรายแล้วมันเวลาแทบไม่มีค่า ชีวิตอมตะยืนยาวทำให้ช่วงเวลาผู้ใหญ่กับเด็กแทบไม่ต่างกัน เอเรสเตอร์เห็นพรายทั้งหญิงชายวิ่งรวมกันแล้วแตกออกเมื่อผู้ที่เป็นคนไล่จับวิ่งตรงมาถึงคว้าพรายตนหนึ่งไว้ในอ้อมแขน เอเรสเตอร์อมยิ้มเพราะพวกเขาดูร่าเริงไม่น้อยเลยทีเดียว และต้องหุบยิ้มในทันทีเมื่อพรายที่เป็นผู้ไล่จับก็คือกลอร์ฟินเดลนั่นเอง เขากำลังหัวเราะชอบใจกับผลงานของตัวเอง

    ฮัลเดียร์แตะไหล่เอเรสเตอร์ “เขาเล่นมาทั้งเช้าแล้ว อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเลย”

    ถ้าเป็นเรื่องนี้เขาเหนื่อยไม่เป็นหรอก เอเรสเตอร์คิดอย่างดุเดือด

    “ดูเหมือนกาลาดริมก็สนับสนุน เฮ้อ ไปกันใหญ่เลย” ฮัลเดียร์ถอนใจ “แต่ถึงอย่างไรข้าก็เห็นว่าท่านมีเสน่ห์กว่าเขามากนัก”

    เอเรสเตอร์หันมองฮัลเดียร์อย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน “น่าแปลกนัก”

    “เขาน่าหลงใหล แต่ในสายตาข้าท่านน่าหลงใหลยิ่งกว่า” ฮัลเดียร์กระซิบ จับมือเอเรสเตอร์ขึ้นไปจุมพิต เอเรสเตอร์อยากชักมือกลับแต่กลัวเสียมารยาท เสียงหัวเราะหายไปแล้ว เขารับรู้ถึงความรู้สึกรุนแรงเหมือนเปลวเพลิงแห่งมอร์ดอร์กำลังสุมอยู่ในอกของใครบางคน “ขออภัยที่เสียมารยาท แต่ท่านช่างอ่อนหวานนัก”

    เหล่าพรายที่วิ่งเล่นกันเมื่อครู่เริ่มแยกย้ายกัน กลอร์ฟินเดลนั่งสวมรองเท้าแล้วกระทืบเท้าอย่างหงุดหงิดหายไปอีกทาง ฮัลเดียร์ยิ้มแต่ในใจเริ่มหวั่นๆ ว่าจะไม่เป็นไปตามแผน

    พรายกาลาดริมนานหนึ่งมาบอกเอเรสเตอร์ว่าเอลรอนด์เรียกพบ และที่นั่นเขาพบ ลอร์ดเอลรอนด์ ธรันดูอิลแห่งเมิร์กวู้ด และพรายเจ้ากลอร์ฟินเดลผู้มีหน้าบึ้งเหมือนถูกบังคับให้มา เมื่ออยู่ท่ามกลางพรายชั้นสูง เอเรสเตอร์รู้สึกเหมือนตัวเล็กนิดเดียว ปกติกลอร์ฟินเดลจะทำให้เขาอุ่นใจเสมอหากต้องอยู่ท่ามกลางสถานการณ์กดดัน แต่คราวนี้สีหน้าบึ้งตึงและอารมณ์บูดๆ ของพรายเจ้าเหมือนจะแผ่รังสีปกคลุมการรวมตัวในครั้งนี้

    “มีอะไรหรือท่านเอลรอนด์” เอเรสเตอร์ถาม

    “ข้าเป็นคนเรียกเองล่ะ” ธรันดูอิลบอก ใช้สายตาหวานโลมเอเรสเตอร์ที่ขนลุกชัน “ข้าจะชวนพวกเจ้าไปเที่ยวเมิร์ควู้ด”

    เอลรอนด์เลิกคิ้ว เอเรสเตอร์คิดว่าไม่เลวเลยทีเดียว ได้มาลอริเอนแล้วยังได้ไปเมิร์ควู้ดอีก เอลรอนด์นั้นดูจะตอบตกลงและไม่ตกลงก็ได้ แต่พรายผมทอง...ถ้าเขาสามารถเดินออกจากการรวมกลุ่มนี้ได้โดยไม่ถือว่าเป็นการเสียมารยาท เขาคงเดินออกไปแล้ว

    “ข้าว่าก็ดีทีเดียว” เอลรอนด์ว่า “นานๆ ทีจะได้ไป พวกเจ้าว่ายังไง กลอร์ฟินเดล เอเรสเตอร์”

    “ขอปฏิเสธ” กลอร์ฟินเดลตอบทันที ดูเหมือนนั่นเป็นคำตอบที่ธรันดูอิลต้องการ

    “เจ้าล่ะ เอเร” ธรันดูอิลถาม

    “คงตอบตกลงมั้ง” กลอร์ฟินเดลโพล่งขึ้น

    เส้นเลือดที่ขมับเอเรสเตอร์กระตุก “ก่อนตอบก็ต้องตรึกตรองให้ดีเสียก่อน มิใช่ตอบออกไปโดยไม่คำนึกถึงน้ำใจของอีกฝ่าย” เขาโต้กลับ

    “งั้นเจ้าก็ตอบตกลงเสียสิ จะได้รักษาน้ำใจได้อย่างที่เจ้าพูด!” กลอร์ฟินเดลตะคอก และเดินออกไปอย่างเสียอารมณ์

    กลอร์ฟินเดลเดินสะบัดสะบิ้งตลอดทางจนไปถึงริมแม่น้ำ ปรารถนาจะกระโดดน้ำให้ตายดีกว่าให้หัวใจถูกทำร้ายอยู่อย่างนี้ ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว...ที่เอเรสเตอร์กับธรันดูอิลเริ่มสนิทสนมกันจนถึงขั้นเต้นรำด้วยกัน! เอเรสเตอร์ไม่ใช่คนที่จะเต้นรำกับใครได้ง่ายๆ  (แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่เต้นเลย) โดยเฉพาะกับคนแปลกหน้า และเมื่อเช้าระหว่างที่เขากำลังเล่นกับพรายที่ขอให้เขาเล่นวิ่งไล่จับด้วย ก็เห็นฮัลเดียร์จุมพิตมือเอเรสเตอร์ที่ไม่มีทีท่าว่าจะชักกลับ และคราวนี้! คราวนี้ธรันดูอิลถึงกลับเอ่ยปากขอด้วยตนเอง มีหรือที่คนอย่างเอเรสเตอร์จะปฏิเสธ

    ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บ กลอร์ฟินเดลหยิบก้อนหินขึ้นมาแล้วปาลงแม่น้ำเพื่อระบายอารมณ์

     

    เอลลาดานกับเอลโรเฮียร์เดินผ่านมา เห็นกลอร์ฟินเดลนั่งอยู่ริมแม่น้ำเพียงลำพัง เอลลาดานสบตาพี่ชายที่ยิ้มอย่างรู้ใจ

    “เอ่อ เอลลาดาน ข้าว่ากลอร์ฟินเดลคงถีบเราตกน้ำแน่ถ้าเข้าไปกวนเขาในเวลานี้” เอลโรเฮียร์บอกน้องชายฝาแฝดที่กำลังเตรียมตัวแหย่พี่เลี้ยงผมทอง เพราะเอลโรเฮียร์เห็นกลอร์ฟินเดลเริ่มทุ่มหินลงแม่น้ำอย่างบ้าครั่ง พวกเขาคงโดนทุ่มลงแม่น้ำแทนก้อนหินหากเข้าไปแหย่ในเวลานี้

    “อ้าว เขาหงุดหงิดเรื่องอะไรล่ะ” เอลลาดานถาม เริ่มสะพรึงเมื่อกลอร์ฟินเดลยกหินก้อนใหญ่ขึ้น

    “มีเรื่องเดียวล่ะที่ทำให้เขาหงุดหงิดได้ขนาดนี้” ทั้งสองมองหน้ากัน “เอเรสเตอร์!

    “โธ่ กลอร์ฟินเดลโกรธเราแน่ที่ปล่อยให้เอเรสเตอร์ไปกับฮัลเดียร์เพียงลำพัง” เอลลาดานคราง “ข้าไม่อยากถูกฆาตกรรมให้ตายอย่างน่าสยดสยอง”

    “ใจเย็นน่า ก็มาทำให้พวกคืนดีกันสิ” เอลโรเฮียร์ปลอบน้องชาย

    “ทำยังไงล่ะ” เอลลาดานถาม

    “แล้วข้าจะบอกนะ ตอนนี้เรารีบไปดีกวา”

    ทั้งสองรีบเดินออกห่างเมื่อได้ยินเสียงน้ำกระจายดังตูมใหญ่ แน่นอนว่าอีกไม่นานพรายเจ้าคงต้องการสิ่งที่ใหญ่กว่าก้อนหินก้อนนั้นอย่างแน่นอน

     

    ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปนานแล้ว หมู่ดาวพร่างพราวบนท้องนภา จันทร์ยังคงเป็นข้ามแรมดูโดดเดี่ยวและเย็นยะเยือก  เอเรสเตอร์กำลังเก็บของเพื่อเตรียมตัวกลับริเวนเดลล์เมื่อเอลโรเฮียร์วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา

    “เอเรสเตอร์! เลโกลัสตกน้ำ ข้าว่ายน้ำไม่เป็น ตอนนี้เอลลาดานกำลังไปหาคนมาช่วย แต่ข้ากลัวว่าเลโกลัสจะจมน้ำตายซะก่อน”

    เอเรสเตอร์ทิ้งของที่อยู่ในมือลงแล้ววิ่งอย่างรวดเร็วไปที่แม่น้ำ เห็นเลโกลัสดำผุดดำว่ายอยู่กลางแม่น้ำ บรรณารักษ์ถอดเสื้อคลุม ปลดกระดุมเสื้อ ถอดรองเท้า ต้องขอบคุณกลอร์ฟินเดลที่สอนเขาว่ายน้ำเมื่อสองปีก่อนหน้านี่ เอเรสเตอร์กระโดดลงแม่น้ำเย็นเฉียบแล้วว่ายน้ำไปลากคอเลโกลัสกลับมา แต่เด็กน้อยสะบัดออกแล้วสำลัก เอเรสเตอร์รู้สึกแปลกๆ  เลโกลัสโตไวเกินไปหรือเปล่า?

    “กลอร์ฟินเดล!” เอเรสเตอร์อุทาน เมื่อเห็นหน้าของอีกฝ่าย

    “ก็ใช่น่ะสิ!” เขาขมวดคิ้ว “มาลากคอข้าทำไมเนี่ย ข้ากลืนน้ำเข้าไปหลายอึกเลยรู้ไหม แล้วทำไมเจ้าต้องทำแบบนี้ด้วย”

    “ก็...เอลโรเฮียร์บอกว่าเลโกลัสกำลังจมน้ำ” เอเรสเตอร์ตอบเบาๆ  “ข้าเลยกระโดดลงมา” กลอร์ฟินเดลหัวเราะ แล้วสำลักน้ำที่กลืนไปหลายอึก “ว่าแต่ท่านเถอะ ทำไมมาลอยคออยู่กลางแม่น้ำอย่างนี้ล่ะ”

    “สงบสติอารมณ์ ปาก้อนหินไม่สะใจเลยปาตัวเองลงแม่น้ำ” กลอร์ฟินเดลตอบอย่างอารมณ์ดี “ขึ้นฝั่งเถอะ เดี๋ยวไม่สบายเอา” ทั้งสองว่ายน้ำขึ้นฝั่ง กลอร์ฟินเดลปีนขึ้นไปหยิบเสื้อผ้าที่เขาซ่อนไว้บนต้นไม้แล้วเริ่มใส่ เอเรสเตอร์มองหาเสื้อผ้าตัวเอง “เจ้ามาช่วยเลโกลัสทั้งอย่างนี้น่ะรึ”

    “ข้าถอดไว้ตรงนี้” เอเรสเตอร์ชี้ “มันหายไปไหนแล้วไม่รู้”

    พรายเจ้ากวาดสายตามองรอบตัว เห็นสองแฝดกับเลโกลัสที่จ้องมองทั้งสองอยู่ไกลๆ  เขายิ้ม “หาไม่เจอแล้วล่ะ ใส่เสื้อนอกของข้าแล้วเอาเสื้อคลุมห่มเสีย”

    กลอร์ฟินเดลนั่งพิงต้นไม้โอบเอเรสเตอร์ที่ตัวสั่นด้วยความหนาวไว้ข้างกาย ทั้งสองตกลงจะอยู่ตรงนี้เพื่อรอชมดาวเออาเรนดิลที่จะสว่างไสวบนฟากฟ้า แต่เวลานี้มีเมฆบดบังจึงยังมองไม่เห็น

    “นี่” กลอร์ฟินเดลเอ่ย “ตกลงเจ้าไปเมิร์ควู้ดหรือเปล่า”

    เอเรสเตอร์ส่ายหน้า “ข้าไม่กล้าไปหรอก ก็ในเมื่อ เมื่อวานข้าเกือบเสียท่าให้ธรันดูอิล”

    “โล่งอกไปที”

    “ว่าแต่ท่านเถอะ เมื่อเช้าเห็นวิ่งอยู่กับพวกพรายกาลาดริม ท่าทางน่าสนุกเชียวนะ”

    “สนุกสิ!” เขาบอกเสียงแจ๋มใส เอเรสเตอร์เตรียมตัวระเบิด “พรายเด็กๆ ต่างก็สดใสร่าเริงทั้งนั้น พวกเขายังอ่อนเยาว์ยิ่งนัก ข้าดีใจที่สิ่งสวยงามบริสุทธิ์ขนาดนั้นมาขอให้ข้าเล่นด้วย”

    เด็กท่านเล่นกับเด็กอย่างนั้นหรือ” เอเรสเตอร์อ้าปากค้าง

    “ใช่ เด็กยิ่งกว่าลิงสองตัวนั่นอีก”

    เอเรสเตอร์หน้าร้อนฉ่า นี่เขาเข้าใจผิดไปเอง แถมกลอร์ฟินเดลไม่ติดใจเรื่องฮัลเดียร์เสียด้วย เขาคิดมากเกินไปแล้วใช่ไหม “แล้ว...รูมิลล่ะ”

    กลอร์ฟินเดลหัวเราะอย่างร่าเริง เอเรสเตอร์รู้สึกอบอุ่นไปทั้งหัวใจ “ข้าแค่อยากแหย่เขาเพราะเขาหน้าคล้ายข้าเฉยๆ  เขาก็น่ารักน่าเอ็นดูไม่หยอกเลยทีเดียว แต่สถานการณ์มันบีบบังคับให้ข้าต้องแกล้งทำเป็นสนใจเขาในเชิงชู้สาว ก็เพราะบรรณารักษ์เริ่มทำให้ข้าหึง

    เอเรสเตอร์หัวเราะ อบอุ่น..อบอุ่นเหลือเกิน ทั้งเสื้อที่เขาใส่อยู่ เสื้อคลุม และอ้อมแขนแข็งแรงที่โอบกอดเขาไว้ราวกับต้องการปกป้องไปตลอดชีวิต ดวงดาวเออาเรนดิลทอแสงอยู่บนฟากฟ้า พรายทั้งสองตนเงยหน้ามองแสงดาวกระจ่าง แล้วจุมพิตกันใต้แสงดาวราวกับเป็นสัญญาว่าจะรักกันตลอดไป...

     

    ฮัลเดียร์กลับมารายงานเคเลบอร์นว่าเป็นไปตามแผน จอมพรายหัวเราะอย่างอารมณ์ดี และคิดว่าจะเริ่มแผนการโจมตีใครสักคน แต่มันคงไม่ง่ายขนาดนั้นเพราะฮัลเดียร์ (ผู้อยู่กับเคเลบอร์นมานาน) มองตาก็รู้ทันทีว่านายของเขากำลังคิดอะไร แม้รูมิลจะปลอดภัยจากกลอร์ฟินเดล แต่เขาและน้องชายทั้งสองคงต้องระวังตัวมากขึ้นจากจอมพรายแห่งลอธลอริเอน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×