คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 น้องชายตัวปลอม
บทที่ 2
“รอตรงนี้ก่อนนะครับคุณหนูเดี๋ยวผมจะไปติดต่อลูกพี่ลูกน้องของคุณหนูซิดนีย์ให้”
ฉันพยักหน้ารับคำ ทซึกิวางกระเป๋าเดินทางแล้วมองไปทางฝูงชน คาดว่าเขาคงกำลังมองหาลูกพี่ลูกน้องที่ว่านี่ สายตาทซึกิไปหยุดอยู่ที่ผู้ชายท่าทางแปลกๆเท่านั้นแหละเขาก็รีบวิ่งตามไปเลย ก็แค่ลูกพี่ลูกน้องซิดนีย์ทำไมเขาต้องทำท่าลุกลี้ลุกลนรีบตามไป ถ้าจะบอกว่ากลัวคลาดกันก็ไม่น่าใช่เบอร์โทรอีกฝ่ายทซึกิก็มีถ้างั้นแล้วเขาจะรีบตามไปทำไมกันหล่ะ
ฉันนั่งมองทซึกิหายไปกับฝูงชน อดคิดเล่นๆไม่ได้ว่าถ้าหมอนี่เกิดหายตัวไปไม่กลับมาแล้วฉันจะใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทยยังไง คงจะเป็นชีวิตที่สนุกสนานพิกลเพราะฉันแทบจะทำอะไรไม่เป็นเลยถ้าไม่ได้ทซึกิคอยตามดูแลบวกแปลภาษาไทยให้มันคงไม่ต่างอะไรกับการที่ตัวฉันติดเกาะ
อ้ากกก นี่ผ่านไปเกือบชั่วโมงฉันก็เริ่มนั่งไม่ติดละ อีตาทซึกิไปไหนของเขานะแค่เดินตามคนไปมันจะใช้เวลาเป็นชาติเลยหรือไง ใช้ไม่ได้เลยคอยดูนะจะบอกให้ไอ้ซิดตัดเงินเดินให้เข็ด คนยิ่งไม่อยากอยู่คนเดียวด้วยไม่ใช่อะไรหรอกเมื่อกี้ฉันรู้สึกว่ามีผู้ชายท่าทางแปลกมองฉันอยู่และเขาก็มองฉันมาตั้งนานแล้วด้วย พวกโรคจิตหรือเปล่านะไม่ได้การหละในเมื่อทซึกิไม่กลับมาฉันคงต้องรีบหาทางเอาตัวรอดแล้วหละ ฉันรีบโกยอ้าวออกจากตรงนั้น ผู้ชายที่มองอยู่ทำท่าทางตกใจแล้วรีบวิ่งตามฉันมา แง้ๆทซึกิมาช่วยเค้าเดี๋ยวนี้นะเค้าจะถูกข้าหมกศพอยู่แล้วเมื่อกี้ที่ว่านายเค้าขอโทดดดด
“เฮ้ นายนายได้ยินฉันหรือเปล่า หยุดก่อน”
ผู้ชายท่าทางแปลกๆคนนั้นวิ่งตามฉันมาแล้ว ทำไงดีเขาคงไม่คิดจะจับตัวฉันไปขายใช่ไหม แล้วถ้าใช่จะทำยังไงดีหล่ะ โอ๊ยอีตาทซึกิหายไปไหนนะกะจะลอยแพทิ้งฉันหรือไง อีตาบ้าที่วิ่งตามมาก็วิ่งเร็วซะมัดยังไม่ทันจะหาทางหนีทีไล่ผู้ชายคนนั้นก็เข้าประชิดตัวฉันแล้ว มือหนาคว้าหมับเข้าที่ข้อมือฉัน
ฉันพยายามแกะมือเขาออกจากข้อแขนตัวเอง แต่พอเงยหน้าขึ้นมาเจอกับชายตาคมกริบของคนตรงหน้าฉันเลยต้องยื่นนิ่งให้เขามองสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า ง่าหน้าตาก็ดีนายคงไม่ใช่พวกโรคจิตชอบจับผู้หยิงไปทำมิดีมิร้ายหรอกนะ
“บอกให้หยุดไม่ได้ยินหรอ”
เขาถามอะไรอ่ะฉันฟังไม่ออก เพราะไอ้บ้าซิดนีย์คนเดียวแท้ๆที่ถีบส่งฉันมาประเทศไทยทั้งๆที่ฉันไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับประเทศไทยสักอย่าง อย่าว่าแต่วัฒนธรรมไทยเลยแค่ภาษาไทยฉันก็พูดหรือฟังไม่ได้เลยสักนิด
“ถามทำไมไม่ตอบ เป็นใบ้หรือไงฮ้า”
อ่า เขาทำท่าโมโหแล้วอ่ะทำไงดีทำไงดี อ้อภาษาไทยเวลาทักทายกันเขาต้องพูดคำว่าสวัสดีใช่ไหม
“เออ.. เออ สวัสดีคะ”
“พูดได้ก็ไม่ยอมพูดบ้าหรือเปล่า”
“ผมฟังนายพูดไม่รู้เรื่อง ผมฟังภาษาไทยไม่ออก” ฉันตอบกลับด้วยภาษาอังกฤษ พยายามทำหน้าตาน่าสงสารที่สุดเพื่อหมอนี่จะเปลี่ยนใจไม่ฆ่าฉัน
“พูดไทยไม่ได้”
ฉันพยักหน้าหงึกหงัก นี่ยังดีนะที่เขาพูดภาษาอังกฤษได้ไม่อย่างงั้นฉันคงต้องนอนรอทซึกิกลับมารับที่สนามบินแน่เลย หลังจากคุยกันไปพักหนึ่งฉันก็ได้รู้ว่าผู้ชายคนนี้ชื่อโซนิกเป็นลูกพี่ลูกน้องกับซิดนีย์แถมยังพูดภาษาญี่ปุ่นได้ฉันก็เลยสื่อสารกับเขาด้วยภาษาญี่ปุ่น
“เมื่อกี้พูดว่าอะไรหรอ”
ฉันถามตอนนี้ฉันนั่งอยู่บนรถสุดหรูของพี่ชาย ตอนนี้ฉันอยู่ในฐานะน้องชายกำมะลอของเขาสินะจะทำยังไงให้เขาจับไม่ได้นะหมอนั่นยิ่งดูฉลาดล้ำเกินมนุษย์อยู่
“ก็แค่พยายามบอกให้นายหยุดวิ่ง ตอนแรกฉันก็ไม่แน่ใจเท่าไรหรอกว่านายคือซิดนีย์เออไม่ยักรู้ว่านายพุดไทยไม่ได้เห็นตอนเด็กๆพูดออกจะคล่อง”
“นั่นมันนานมาแล้วนะ ใครจะไปจำได้กันเล่า”
“จำไม่ได้ถึงขนาดว่าผู้ชายเวลาพูดต้องลงท้ายด้วยคำว่าครับไม่ใช่คะ”
“ง่า ก็ผมไม่รู้จริงๆนี่นา”
“จะว่าไปนายนี่พอโตแล้วนายเปลี่ยนไปเลยนะ แต่ก่อนหน้าออกจะคมเข้มมากกว่านี้ทำไมตอนนี้ออกไปทางหน้าหวานซะงั้น”
“แล้วนายจะมาวิจารณ์หน้าผมทำไมเล่า”
ฉันแหวใส่ โซนิกไม่ได้พูดอะไรแต่เอามือมาเขกหัวฉันแทน เขกหัวเขาทำไมอ่ะมันเจ็บนะไอ้พี่ชายจอมโหดเอ่ยฉันทำอะไรไม่ได้ได้แต่มองค้อนใส่คนใจร้าย ยังไงตอนนี้เขาก็เป็นผู้ปกครองฉันนี่นา
“ไม่ต้องมามองตาค้อนเลย ฉันเป็นพี่ชายนายต่อไปหัดเรียกฉันว่าพี่ซะนะ”
“เรียกโอนี่ซังละกัน”
“โอนี่ซังงั้นหรอ”
“ก็ฉันออกเสียงคำว่าพี่ชายไม่ได้นิ ถึงเรียกได้สำเนียงฉันมันคงทุเรศมาก”
“เห้ออ ช่างเหอะเอาไว้จะสอนพูดภาษาไทย ตอนนั้นถ้าพูดได้แล้วไม่ยอมเรียกพี่หล่ะน่าดู”
“ขู่อยู่นั่นแหละ โอนี่ซังเป็นยากูซ่าหรือไงกัน”
ป๊อกก
“โอ๊ย เจ็บนะ”
ฉันลูบหัวตังเองปอยๆโดนเขกหัวมาเป็นรอบที่สองของวันแล้วนะ คอยดูเถอะมีโอกาสเมื่อไหร่ฉันจะเอาคืนโอนี่ซังตัวแสบให้สาสมเลย
“ถ้าฉันเป็นยากูซ่านายคิดว่าตัวเองจะได้มานั่งต่อล้อต่อเถียงฉันอยู่บนรถแบบนี้หรือไง นายนี่พูดมากเป็นบ้าเลยรู้งี้ฉันไม่รับปากว่าจะดูแลนายหรอก”
“โอนี่ซังพูดมากกว่าฉันอีกนะ”ฉันบ่นอุบอิบ
“อยากโดนอีกสักทีไหม”
โอนี่ซังกำมือขึ้นเตรียมจะเขกหัวฉัน ฉันเลยแกล้งหลับตาปี้ทำท่าจะนอนเพื่อให้เขาหันไปสนใจการขับรถต่อ แต่ว่าตาของฉันก็แอบหลี่มองใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังขับรถอยู่ หน้าตาก็ดีทำไมใจร้ายจังนะ
“หลับไปเลย เดี๋ยวถึงแล้วจะปลุก”
โอนี่ซังขับรถไปเรื่อยๆ ฉันเองจากที่ตอนแรกแกล้งหลับก็กลายเป็นว่าหลับไปเสียจริงรู้ตัวอีกทีก็ถูกอุ้มมาจนจะถึงห้องอยู่แล้ว ฉันอดโมโหตัวเองที่หลับอุตุไม่รู้เรื่องไม่ได้นี่ถ้าไม่ใช่เขาป่านนี้ฉันไม่โดนพาตัวไปขายมาเลย์แล้วหรือไง
“ทำหน้างออะไรอีกหละ เห็นว่าเพิ่งลงจากเครื่องหรอกนะ ไม่งั้นไม่อุ้มนายหรอตัวเล็กแบบนี้ไม่น่าเชื่อเลยว่าตัวนักเป็นบ้าเลย”
“โอนี่ซังใจร้าย ปล่อยเลยนะ”
“ปล่อยอยู่แล้ว”
โอนี่ซังย่อตัวให้ฉันลงยืนบนพื้น เขาควานหาคีย์การ์ดจากในกระเป๋ามาเปิดประตูห้อง แล้วหยิบการ์ดอีกใบหนึ่งส่งให้ฉันเพื่อเวลาที่เราเข้าห้องไม่พร้อมกัน
“นี่ห้องของฉัน แล้วต่อไปนี้ก็จะเป็นห้องของนายด้วยทำตัวตามสบายไม่ต้องเกรงใจ”
“เออ โอนี่ซังครับแล้วห้องนอนผมละ”
“ก็นอนห้องเดียวกับฉันนี่แหละ ทำไมปัญหาหรือไง”
“มีสิ”
“ไหนพูดมาสิว่ามีปัญหาอะไร”
“ผมนอนดิ้นนะ ผมกลัวจะเบียดโอนี่ซัง”
“อ้อถ้าเรื่องนั่นหน่ะฉันก็นอนดิ้น ไม่เห็นเป็นไรเลยเราก็พลัดกันถีบอีกฝ่ายตกเตียงก็แค่นั้นแหละ แต่บอกไว้ก่อนเลยนะว่าถ้านายดิ้นมาฉันก็ไม่นอนเฉยๆให้นายเตะหรอก”
“โอนี่ซังผมว่า”
“ไม่ต้องเถียงเลยไปเก็บเสื้อผ้าใส่ตู้ไป เออแล้วนายทำอาหารเป็นหรือเปล่า”
“เป็น”
เป็นซะที่ไหนหล่ะคะ แต่ถ้าฉันตอบว่าไม่ต้องโดนโอนี่ซังดุอีกแน่เลย ยังไงก็ตอบส่งๆว่าทำได้ไปก่อนแล้วกันโอนี่ซังคงไม่บ้าจี้อยากลองกินฝีมือฉันหรอก
“เป็นก็ดีแล้ว ช่วยทำอะไรให้กินหน่อยสิฉันขอตัวไปอาบน้ำก่อน”
“เดี๋ยวสิครับโอนี่ซังผมขออาบก่อนได้ไหม”
“อาบน้ำก่อนแล้วไปทำกับข้าวเดี๋ยวก็ตัวเหม็นกลิ่นกับข้าวหรอก ไปทำกับข้าวให้ฉันกินก่อนแล้วค่อยไปอาบน้ำ”
“โอนี่ซังครับ”
“ไม่ต้องมาต่อรอง ไปทำกับข้าวเดี๋ยวนี้”
“ครับ”
ฉันเดินคอตกมาที่ห้องครัว หัวสมองพยายามขุดความรู้เรื่องการทำอาหารที่เคยเรียนสมัยมัธยม ใช่แล้วทำเทมปุระไง ก็แค่เอากุ้งตัวโตๆชุบแป้งแล้วโยนลงกระทะก็น่าจะใช้ได้แล้ว(มั้ง) ความนี้แหละโอนี่วังจะต้องชมว่าฉันทำอาหารอร่อย คิดได้ดังนั้นฉันก็ไปหาอุปกรณ์ในตู้เย็นในตัวเย็นมีของสดเต็มเลยแสดงว่าโอนี่ซังคงจะทำอาหารเก่งใช่ย่อย แล้วเขามาฝากท้องกับเด็กอย่างฉันทำไมนะ
ฉันเอากุ้งไปล้างทำไมกุ้งมันมีหัวด้วยหล่ะ ตอนที่อยู่ญี่ปุ่นตอนแม่ครัวเอามาให้ก็มีแต่หางนี่นาหรือว่ากุ้งไทยกับกุ้งญี่ปุ่นจะไม่เหมือนกัน งั้นก็เอาลงกระทะไปทั้งตัวเลยแล้วกัน ฉันจัดการนำกุ้งไปชุบแป้งเตรียมจะทอดอ่าอันไหนแป้งข้าวเจ้าอันไหนแป้งสาลีนะ ฉันอ่านภาษาไทยไม่ออกภาษาอังกฤษก็ดันไม่มีกำกับไว้ด้วย ผสมๆไปเถอะเนอะยังไงก็แป้งเหมือนกัน
ตอนนี้ก็ถึงเวลาตั้งกระทะให้น้ำมันเดือด แล้วมันต้องเดือดขนาดไหนอ่ะใช่แล้วมันต้องรอให้มีฟองปุดๆขึ้นมาถึงจะเรียกว่าเดือดเหมือนเซ็นเชจะเคยสอนไว้ ฉันจัดการโยนกุ้งใส่กระทะ
“กรี้ดดดดด”
ฉันกระโดดถอยหลังแล้วเอาแขนบังหน้าตัวเองไว้ น้ำมันร้อนๆยังคงกระเด็นไม่หยุดนี่ฉันทำอะไรผิดไปอ่ะ
“เกิดอะไรขึ้น”
โอนี่ซังรีบวิ่งออกจากห้องน้ำมาดูฉัน สงสัยเขาคงรีบมากเพราะแม้แต่เสื้อผ้าเขาก็ยังไม่ใช่ให้เรียบร้อยเลย อร้ากกกจะบ้าตายเขาหุ่นดีซะมัด นี่ฉันไม่ได้หื่นเลยนะแต่เห็นผู้ชายเดินเปลือยท่อนบนมาก็ต้องมองนิดนึง
นิดนึงจริงๆนะ
“นี่เป็นอะไรมากหรือเปล่ายืนนิ่งอยู่นั่นแหละ”
“เออ ผมตกใจหน่ะครับ”
“ทำอะไรไม่รู้จักระวังมันน่าไหมหะ ทำไม่เป็นทำไมไม่บอก”
“ก็มันคุ้นๆเหมือนเคยเรียน ก็เลยคิดว่าจะทำได้อ่ะ”
“นี่ที่บ้านคงจะเลี้ยงแบบคุณหนูสินะ”
“เปล่าสักหน่อย”
“งั้นทำอะไรเป็นบ้าง”
“อืมมมมม”
“เวรกรรม นี่ฉันต้องเป็นพี่เลี้ยงดูแลเด็กอนุบาลหรือไงฟร่ะ”
ความคิดเห็น