ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My home :: รวมรส บทความ !!~

    ลำดับตอนที่ #5 : ความรักคือ??

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.ย. 51




    เช้าตรู่แล้ว แสงตะวันสีทองอาบไล้ท้องทุ่งนาสว่างไสว ทักทายสายลมอบอุ่นที่โชยผ่านรวงข้าว ราวกับจะกล่าวอรุณสวัสดิ์แก่มวลสรรพสิ่งบนผืนภพ นกน้อยสะบัดขนอย่างกะปรี้กะเปร่าเตรียมตัวออกหากินตามประสา บ้างก็ส่งเสียงร้องเพลงอย่างสำราญใจอยู่ตามกิ่งไม้ที่แพรวพราวไปด้วยหยาดน้ำค้าง โลกยามเช้าดำเนินต่อไปอย่างไม่แยแสต่อการเดินทางครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษย์ผู้หนึ่ง…

    ได้เวลาแล้วนี่นา…

    ชายหนุ่มรำพึงในใจ พลางขยับชุดสูทสีดำราคาแพงให้เข้าที่ แล้วสาวเท้าไปตามชานชาลาปูกระเบื้องสีขาวสะอาด สถานีรถไฟแห่งนี้เริ่มพลุกพล่านไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา บางคนก็ขึ้นไปบนรถไฟแล้ว และพวกที่เหลือกำลังทยอยขึ้นรถไฟกันอยู่ มีทั้งเด็กเล็กวิ่งเล่น หญิงสาวยืนถือกระเป๋าอย่างสงบเสงี่ยม และสามีภรรยาคู่หนึ่งโบกมือพร้อมส่งรอยยิ้มมาให้เขา แต่เขาก็มองผ่านไปอย่างไม่ไยดี

    หัวใจของชายหนุ่มเบิกบานระคนตื่นเต้นเมื่อก้าวเท้าเหยียบบันไดรถไฟ ใช่แล้ว นี่คือขบวนรถไฟของเขา เขาจะเป็นคนขับที่ดีที่สุด มีผู้คนมากมายร่วมทางและสนุกสนานในขบวนรถคันนี้

    มือของชายหนุ่มสั่นนิดๆเมื่อเอื้อมไปกดหวูด ได้ยินเสียงหลายคนโห่ร้องแสดงความยินดี หญิงสาวที่เขาเห็นเมื่อครู่เดินเข้ามานั่งเคียงข้างเขาที่หัวรถจักร เธอยิ้มอย่างอบอุ่น ชายหนุ่มบอกกับตัวเองว่านั่นเป็นรอยยิ้มที่สวยที่สุดที่เขาเคยเห็นมา

    “รถไฟจะออกแล้วนะครับ”

    รถไฟขบวนยาวแล่นไปตามรางท่ามกลางทุ่งดอกไม้สีสด หลายต่อหลายครั้งที่เขาชะเง้อหาสถานีถัดไป ไม่นานภาพนั้นก็ปรากฏสู่สายตา ดอกไม้ในทุ่งเริ่มลดลงเรื่อยๆ มองเห็นพื้นดินสีน้ำตาลเป็นหย่อมๆ ตะวันโคจรขึ้นสูง ลำแสงเจิดจ้าบ่งบอกเวลาสาย

    “สถานีต่อไปความเอื้อเฟื้อครับ โปรดตรวจสอบสัมภาระของท่านก่อนออกจากขบวน”

    รถไฟเริ่มชะลอความเร็วเข้าเทียบท่า ทันทีที่ประตูรถไฟเปิดออก คนกว่าครึ่งก้าวเดินออกจากขบวนอย่างไม่แยแส เพื่อนเก่าบางคนเดินเข้ามาตบไหล่เขาเบาๆเพื่อกล่าวอำลา

    รถไฟแล่นออกจากสถานีอีกครั้ง ไม่เป็นไร… เขาบอกกับตัวเอง ยังมีคนอีกหลายคนที่โดยสารรถไฟขบวนนี้อยู่ เขาหันไปมองด้านข้าง รอยยิ้มของหญิงสาวแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มปลอบใจ เติมเต็มพลังใจของเขาให้กลับมาสมบูรณ์ดังเดิม

    ยามนี้ทิวทัศน์สองข้างทางเริ่มหม่นมัวลง ดอกไม้ที่เคยมีหายไปหมดแล้ว เหลือเพียงทุ่งหญ้าสีเขียวแกมน้ำตาลปลิวไสวลู่ลม แสงแดดยามเที่ยงเริ่มร้อนแรง คนในขบวนรถไฟหลายคนมีทีท่ากระสับกระส่าย

    รถไฟเทียบท่าเมื่อถึงสถานีมิตรภาพ เพื่อนฝูงหลายคนร่ำลาและจากไปที่สถานีนี้ ส่วนคนที่เขาไม่คุ้นหน้าลงไปหมดแล้วตั้งแต่สถานีแรก

    หนทางลาดชันและขรุขระขึ้นทุกที พายุฝนเริ่มโหมกระหน่ำ ฟ้าแลบแปลบปลาบส่งเสียงคำรามอย่างน่ากลัว

    นานมากกว่าจะถึงสถานีความจริงใจ คราวนี้คนทั้งขบวนลงไปเกือบหมด เหลือเพียงคนไม่ถึงสิบคน หนึ่งในนั้น คือเพื่อนที่สนิทที่สุดและหญิงสาวข้างกาย คนบางคนโบกมือให้กำลังใจเขาจากที่ไกลๆ

    ท้องฟ้ามืดสนิทเมื่อราตรีกาลมาเยือน พายุฝนยังคงโหมกระหน่ำและทวีความรุนแรงขึ้นทุกที ต้นไม้ข้างทางหักโค่นเพราะถูกฟ้าผ่า เสียงลมดังหวีดหวิวแสบแก้วหู สายลมหนาวที่พัดลอดช่องหน้าต่างหนาวเยือกจับขั้วหัวใจ ชายหนุ่มมองสองข้างทางอย่างกังวล ขบวนรถไฟของเขามาถูกทางแน่หรือ…

    สีหน้าของผู้โดยสารแต่ละคนไม่ผิดไปจากเขา แววตาตื่นตระหนกส่อให้เห็นความกลัวในจิตใจอย่างชัดแจ้ง หลายคนเริ่มมองเขาอย่างลังเล

    รถไฟจอดลงที่สถานีความอดทนด้วยความโล่งใจของผู้โดยสารหลายคน เพื่อนสนิทของเขาจากไปหมดแล้ว แต่หญิงสาวที่นั่งข้างๆยังคงกุมมือเขา ส่งผ่านความรักและคำปลอบประโลมใจราวกับเธอจะอยู่ข้างกายเขาตลอดไป ชายหนุ่มรวบรวมกำลังใจอันน้อยนิดเพื่อขับรถไฟไปให้ถึงปลายทาง

    สายฟ้าผ่าเปรี้ยงลงที่ท้ายขบวนขณะรถไฟกำลังแล่นฝ่าพายุฝน เขามะงุมมะงาหราไปท่ามกลางความมืด ไม่รู้ว่าจะต้องขับไปทิศทางใด สายหมอกหนาทึบส่งกลิ่นไอประหลาดโชยแตะจมูกชวนให้สะอิดสะเอียน เสียงดินถล่มใกล้ๆทำให้เขาหวาดผวาเป็นครั้งแรก เศษหินเล็กๆหลายก้อนกระเด็นกระทบกระจกหน้าต่างแตก หญิงสาวทะเลาะกับเขาเรื่องทิศทางที่จะไป เสียงของทั้งคู่ดังแข่งกับเสียงพายุเบื้องนอก

    ในที่สุดเสียงทะเลาะก็หยุดลงที่สถานีความสุข หญิงสาวเดินเชิดหน้าจากไปทิ้งชายหนุ่มไว้เบื้องหลัง เขาทรุดตัวลงนั่งอย่างท้อแท้ รถไฟทั้งขบวนเวิ้งว้างว่างเปล่า

    เสียงรองเท้ากระทบพื้นดังขึ้นไม่ไกล ชายหนุ่มก้มหน้านิ่ง ยังมีคนหลงเหลืออยู่อีกหรือ แต่ช่างเถอะ อีกไม่นานพวกเขาคงจะลงไปเหมือนกัน…

    “ทำไมไม่ออกรถล่ะ ยังไม่ถึงปลายทางเลยไม่ใช่หรือ” เสียงอันเปี่ยมไปด้วยเมตตาของหญิงชราก้องกังวานอยู่ในโสตประสาทของชายหนุ่ม

    “ไม่มีใครอยากอยู่บนรถขบวนนี้หรอกครับ ถ้ายายจะลงก็ลงไปเถอะ”

    “อยากสิ” เสียงของชายชราดังขึ้นใกล้ๆ ทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมอง ภาพของหญิงชายชราคู่หนึ่งแล่นเข้าสู่คลองจักษุ ความอบอุ่นเริ่มแผ่ซ่านเข้ามาทีละน้อย

    “พ่อ… แม่…”

    หวูดรถไฟดังก้องสถานีอีกครั้ง แม้จะไม่มีเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีดั่งครั้งก่อน แม้ไม่มีผู้คนมากมายร่วมทางกับเขา แต่ชายหนุ่มรู้ว่า ถึงแม้หนทางจะยังยาวไกล หรืออุปสรรคมากมายจะขวางกั้น รถไฟชีวิตขบวนนี้จะแล่นต่อไป เผชิญเส้นทางข้างหน้าโดยไม่หวั่นเกรง

    รถไฟเปรียบเสมือนหนทางชีวิตของคนคนหนึ่ง ซึ่งจะต้องดำเนินต่อไปโดยไม่มีที่สิ้นสุด ความรักจะเป็นสิ่งเชื่อมประสานคนแต่ละคนให้เข้ามาร่วมทาง คอยเป็นกำลังใจ ฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกัน สถานีต่างๆ คือ องค์ประกอบของความรักแต่ละระดับ และบุคคลที่มีความรักบริสุทธิ์อันมีองค์ประกอบครบถ้วนมีเพียงสองคนเท่านั้น คือ บิดา มารดา เมื่อเราพบผู้คนมากมายในขบวนรถไฟชีวิต ท่านทั้งสองจะเฝ้ามองอยู่ห่างๆ แต่เมื่อทุกๆคนจากไปในวันเวลาที่เลวร้ายที่สุด ท่านทั้งสองจะก้าวเข้ามาหาเราและร่วมทางไปสู่จุดหมายพร้อมกับเรา


    credit : forward mail
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×