คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Introduce :: แนะนำ 4 ผู้ดูแลหอสมุดแห่งอินเนอร์เฮลล์
‘นี่ๆ คุณจะเข้ามาอ่านก็ได้นะ’
‘แต่ข้อมูลในนี้เป็นความลับนะ~’
‘และถ้านำไปเผยแพร่..’
‘พวกเราจะไม่เมตตาคุณอีกต่อไป..’
ตึก ตึก ตึก..
เสียงการกระทบกันของรองเท้ามีส้นและพื้นกระเบื้องดังขึ้นเรื่อยๆ..ภายในปราสาทสไตล์ยุโรปซึ่งดูอึกครึ้มและกลมกลืนไปกลับความมืดมิดยามค่ำคืน ดูภายนอกมันอาจจะเหมือนกับปราสาทร้าง ทั้งบรรยากาศทะมึนที่ชวนให้ถอยออกห่าง..มันเหมือนกับพวกปราสาทผีสิงในนิยายย้อนยุคไม่มีผิด
ประตูไม้บานใหญ่ถูกเปิดออกพร้อมกับหญิงสาวร่างบางเจ้าของเรือนร่างบอบบางอ้อนแอ้น ผมสีขาวโพลนถูกปล่อยยาวสยายลงมา นั่นทำให้มันพลิ้วไหวไปตามแรงลมที่พัดแรงขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ ดวงตาสีแดงราวกับอัญมณีที่ในบางคราก็เหมือนกับจะทอประกายแสงสีอื่นออกมาอย่างน่าอัศจรรย์ ใบหน้าหวานใสดูสมกับวัย..เธอดูเหมือนกับเด็กสาวอายุราวๆ 14-15 ปีเท่านั้น เมื่อละสายตาจากใบหน้าแล้วเลื่อนมองต่ำไปจะพบว่าเธออยู่ในชุดเดรสสีขาวบริสุทธิ์ดูเข้ากับผิวขาวซีดของเธอ ทว่าเธอกลับไม่ได้สวมใส่รองเท้า เท้าเล็กบอบบางที่ว่างเปล่า..นั่นทำให้ผู้มาเยือนนึกสงสัย
ว่าเสียงส้นกระทบกับพื้นกระเบื้องนั้นเป็นของใคร..?
“เราชื่อ..แอนเดรียน่า ฟลูวอเทอร์..ผู้ดูแลประตูทิศเหนือ ยินดีที่ได้รู้จัก” ใบหน้าอันนิ่งสงบของเธอเผยรอยยิ้มบางๆ มันดูงดงามราวกับภาพวาด ก่อนที่เธอจะพูดประโยคต่อมา
“เรียกแอนนี่ก็ได้..”
ผู้มาเยือนกำลังจะขยับปากเพื่อเอื้อนเอ่ยชื่อเล่นของอีกฝ่าย ทว่า..
“โว้ยยยยยย! พอๆ แอนนี่! เธออยากให้ใครมาเรียกชื่อเล่นเธอง่ายๆสิ!” เสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้นพร้อมกับร่างบอบบางของเด็กสาวคนหนึ่ง
เธอมีเรือนผมสีแดงราวกับสีของเปลวเพลิงยาวเหยียดตรงถึงกลางหลัง ดวงตาสีเดียวกันนั้นลุกโชนไปด้วยเปลวไฟที่ทำให้ผู้มาเยือนแอบคิดว่าตนนั้นได้ไปทำอะไรผิดมารึเปล่า? เด็กสาวอยู่ในชุดเอี๊ยมสีดำขาสั้นเลยเข่าเผยให้เห็นต้นขาขาวเนียนราวกับหิมะ รองเท้าบูทเสริมส้นสีดำสนิททำให้พอจะเดาได้ไม่ยากว่าอีกฝ่ายก็คือเจ้าของเสียงกระทบกันของส้นรองเท้าและพื้นกระเบื้องนั่นเอง ใบหน้าอ่อนเยาว์ทั้งจมูกโด่งรั้นและริมฝีปากบางสีพีชที่ส่งเสริมให้เธอดูน่ารักน่าชังยิ่งขึ้นไปอีก
เด็กสาวคนนั้นหันไปบ่นอะไรซักอย่างกับแอนเดรียน่าพร้อมกับชักสีหน้าอย่างไม่พอใจ
“อ..เอ่อ ขอโทษนะ” แต่เสียงของผู้มาเยือนก็ทำให้เธอทั้งคู่หยุดปะทะวาจากันแล้วหันมาสบตากับผู้มาเยือนทันที
เด็กสาวผมแดงกระแอมเล็กน้อย..ก่อนจะเริ่มแนะนำตัวเอง
“อะแฮ่ม! ผมชื่อ ซาเนเลีย เฟลมเพสต้า..ผู้ดูแลประตูทิศใต้”
...ผม?
ดูเหมือนว่าร่างบองเจ้าของเรือนผมสีแดงจะรู้ว่าผู้มาใหม่กำลังสงสัยเรื่องอะไร..
เธอชักสีหน้าอย่างหงุดหงิดก่อนจะตอบกลับมาด้วยประโยคที่ทำให้ผู้มาเยือนนั้นนึกทึ่ง “ผม..เป็นผู้ชาย”
โลกนี้มันชักจะอยู่ยากขึ้นทุกๆวันแล้วล่ะ..
“คุณรู้กฎของที่นี่มั้ย..?” แอนนี่ถามพลางเอียงคอเล็กน้อย ซึ่งแน่นอนว่าผู้มาเยือนนั้นก็ส่ายหัวทันทีโดยที่ไม่ต้องคิดให้มากความ แอบเหลือบไปเห็นซาเนเลียจิ๊ปากอย่างขัดใจ ดูเหมือนว่าจะถูกอีกฝ่ายไม่ชอบหน้าซะแล้ว..
“เราจะบอกกฎของที่นี่..และเราจะพาคุณไปรู้จักกับผู้ดูแลหอสมุดอีก 2 คน” ซาเนเลียพูดด้วยน้ำเสียงห้วนจัดดูเหมือนคนที่กำลังหงุดหงิดถึงขีดสุด แต่ถึงกระนั้นเขาก็อธิบายต่อพร้อมกับจิ๊ปากไปด้วยเหมือนว่าตนนั้นกำลังรู้สึกรำคาญผู้มาเยือนเป็นอย่างมาก
“การที่คุณจะเข้าชมที่นี่ได้คุณต้องอยู่ภายใต้การดูแลของพวกเขา ซึ่งมัน..เรื่องมากเป็นบ้า” ประโยคหลังซาเนเลียพึมพำเหมือนกำลังพูดกับตัวเอง ซึ่งผู้มาเยือนก็ไม่ได้ยินว่าอีกฝ่ายนั้นพูดว่าอะไร เด็กหนุ่มผู้มีรูปลักษณ์ภายนอกคล้ายกับเด็กสาวหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในประสาท พร้อมกับพยักเพยิดหน้าให้ผู้มาเยือนเดินตามไปด้วย
ภายในปราสาทที่แม้ภายนอกจะดูเก่าและดูร้างราวกับปราสาทของพวกแวมไพร์ในหนัง ทว่าภายในกลับงดงามและดูหรูหราขัดกับที่เห็นภายนอกโดยสิ้นเชิง ทั้งเฟอร์นิเจอร์แล้วของตกแต่งที่เห็นแล้วก็รู้เลยว่าราคาคงไม่ใช่เล่นๆ ไหนจะรูปวาดมากมายบนผนังตามทางเดินที่ทำเอาผู้มาเยือนรู้สึกว่าที่นี่มันไม่เหมาะกับตนยังไงชอบกล..
มันเป็นแค่หอสมุดจริงๆน่ะเหรอ..
“ที่นี่มีกฎอยู่ 3 ข้อ..” แอนนี่ยกนิ้วขึ้นมา 3 นิ้วเป็นท่าทางประกอบ..เธอหันหน้ามาทางเขาพร้อมกับเดินถอยหลังตามซาเนเลียโดยที่ไม่ได้หันไปดูอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย เสมือนว่าเธออยู่ที่นี่มานานชนิดที่ว่าต่อให้เดินหลับตาถอยหลังก็ยังเดินไปไหนมาไหนได้โดยไม่หลงทาง
“ข้อหนึ่ง..ข้อมูลในหอสมุดนี้เป็นความลับระดับ SS ห้ามนำไปลอกเลียนแบบในทุกกรณี”
“ข้อสอง..อย่างไรก็ตามที่นี่เป็นหอสมุด อย่าโหวกเหวกโวยวายพูดจาหยาบคาย ไม่อะไรหรอก..เราก็แค่ไม่ชอบ” พูดประโยคนี้จบก็ชี้นิ้วไปที่ซาเนเลีย
“อย่างที่หมอนั่นโหวกเหวกไปเมื่อกี้..อย่าทำตามเด็ดขาด”
คำพูดของเธอทำเอาซาเนเลียเลือดขึ้นหน้าคิดอยากจะตวาดใส่ผู้มาเยือนว่าเป็นสาเหตุ(?)ที่ทำให้เขากับแอนนี่ทะเลาะกัน แต่หลังจากที่เห็นดวงตาสีแดงอัญมณีที่มองมาอย่างเชือดเฉือนก็ทำเอาต้องหุบปากโดยฉับพลันแล้วหันกลับไปนำทางต่ออย่างเสียมิได้
แอนนี่หันมาให้ความสนใจกับผู้มาเยือนอีกครั้งก่อนจะพูดถึงกฎข้อสุดท้าย..
“ข้อสุดท้าย..ให้ย้อนกลับไปอ่านข้อหนึ่งถึงสองใหม่ ถ้าคิดว่าทำไม่ได้ก็เชิญออกไป..เพราะที่นี่ผู้ดูแลอย่างพวกเราเป็นใหญ่ ต่อให้เป็นราชาราชินีจากอาณาจักรไหนก็ทำตามใจตัวเองที่นี่ไม่ได้ หวังว่าคุณคงเข้าใจนะ?”
มันเป็นประโยคที่ยาวมาก..นับตั้งแต่ที่คุยกับแอนนี่มา
“อ..อืม เข้าใจ”
หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรอีก..ทั้งคู่พาผู้มาเยือนเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูบานหนึ่ง มันเป็นประตูไม้แกะสลักด้วยลวดลายวิจิตรบรรจงดูสวยงามราวกับในภาพวาด เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็จะค้นพบกับตู้ไม้มากมายซึ่งรวบรวมหนังสือหลากหลายแบบเอาไว้ แต่ละตู้จะมีป้ายกำกับว่าเป็นหมวดอะไรๆ เห็นแล้วนึกถึงห้องสมุดในโรงเรียนสมัยมัธยมซะจริงๆ..
แต่ที่แตกต่างกัน..มันคงจะเป็นกลิ่นอายความเก่าแก่ที่แผ่ออกมาในห้องนี้ ส่งเสริมให้รู้ว่าอยู่มานานแค่ไหน หนังสือบางเล่มมีเนื้อกระดาษเป็นสีเหลืองออกน้ำตาลเนื่องจากเป็นหนังสือที่ถูกเก็บไว้นานแล้ว ดูภายนอกที่นี่ก็ไม่ต่างอะไรกับหอสมุดทั่วไป เพียงแต่..
แค่มีหนังสืออยู่เยอะมาก..ราวกับว่าหนังสือจากทั่วทุกมุมโลกถูกจัดเก็บไว้ที่นี่
“อ้าว..มีแขก?” ใครคนหนึ่งโผล่หัวออกมาจากกองหนังสือที่สูงเท่าภูเขา ผู้มาเยือนอยากจะขยี้ตาแรงๆเสียจริงๆ..ทำไมเมื่อกี้ตอนเดินเข้ามาตนถึงมองไม่เห็นกองหนังสือที่สูงเท่าภูเขากองนี้กันนะ..
“ผม นาร์ซิสซัส เอเวอร์กรีน..ผู้ดูแลประตูทิศตะวันออก ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งเดินออกมาจากด้านหลังของกองหนังสือ เขามีผมสีเขียวซีดซอยสั้นระดับต้นคอ ดวงตาสีเดียวกันมองมายังแขกผู้มาเยือนด้วยท่าทีเป็นมิตร ใบหน้าหล่อเหลาที่ประดับด้วยรอยยิ้มสุภาพส่งเสริมให้เขาดูราวกับเจ้าชายในนิทานที่สามารถเห็นได้บ่อยๆ ผิวขาวแต่ไม่ถึงกับซีดดูเข้ากับเสื้อเชิ้ตสีดำสนิทและกางเกงขาวยาวสีเดียวกัน..
เขาดูดีมาก..ทั้งๆที่อยู่ในชุดธรรมดาทั่วไป
“เห็นแบบนั้น..แต่หมอนั่นโหดที่สุดในบรรดาพวกเรา” ซาเนเลียซึ่งดูเหมือนจะดูเรียบร้อยขึ้น(กว่าก่อนหน้านี้)หันมาพูดกระซิบกระซาบพลางเหลือบมองชายผมสีซีดอย่างนึกหวาดๆเหมือนไม่อยากเข้าไปยุ่งด้วยเท่าไรนัก
น่ากลัวเหรอ..เขาดูออกจะใจดี?
“คุณไม่ควรทำผิดกฎของที่นี่..ตราบใดที่เขายังเป็นผู้ดูแล” ถ้าแอนนี่พูดขนาดนี้..บางทีที่ซาเนเลียบอกว่าผู้ชายคนนี้โหดที่สุดอาจจะจริง
“พวกคุณพูดอะไรกันครับ..?” นาร์ซิสซัสถามด้วยสีหน้ายิ้มๆ แต่ออร่าดำทมิฬที่แผ่ออกมารอบตัวก็ทำให้ผู้มาเยือนรับรู้ได้โดยสัญชาติญาณว่าคนๆนี้เป็นคนอันตราย และต่อให้โลกเหลือผู้ชายคนนี้เป็นคนสุดท้ายบนโลก ก็คงไม่คิดที่จะต่อกรหรือมีปัญหาด้วย
“ป..เปล่า” ซาเนเลียส่ายหน้ารัวๆก่อนจะเขยิบเข้าไปหลบหลังแอนนี่
แอนนี่มองไปรอบๆก่อนจะเลิกคิ้วอย่างสงสัย..
“แล้วเวนดี้..?”
“ฉันอยู่นี่!!!~” เสียงดังแปดหลอดดังขึ้นพร้อมกับร่างโปร่งของหญิงสาวคนหนึ่งวิ่งมาทางพวกเขาด้วยความเร็วเหนือแสง เธอมีสีหน้ายิ้มแย้มดูแตกต่างจากแอนนี่ที่มีหน้าตายอย่างเห็นได้ชัด
“ฉันเวนดี้ แอร์เคเดียส..ผู้ดูแลประตูทิศตะวันตก! ยินดีที่ได้รู้จัก!” เธอพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงก่อนจะฉีกยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร
เธอเป็นหญิงสาวร่างโปร่งเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ขาวยาวหยักศกซึ่งถูกมัดรวบไว้หลวมๆดูไม่ค่อยเรียบร้อยนัก ดวงตาสีเดียวกันซึ่งทอประกายร่าเริงแจ่มใสแต่ในขณะเดียวกันก็แฝงไปด้วยประกายบางอย่างที่น่ากลัว ใบหน้าเรียวคมดูเข้ากับจมูกโด่งและริมฝีปากบางสีธรรมชาติ ผิวขาวเนียนและร่างกายที่ดูผอมบางแม้จะสูงอยู่มิใช่น้อย เธออยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงสีดำขายาว..เธอดูเท่มาก น่าจะมีเสน่ห์กับเพศเดียวกันไม่น้อยเลยทีเดียว..
“เอาล่ะ! ฉันกับนาร์ซิสซัสจะเป็นคนดูแลคุณต่อจากแอนนี่และซาเนเลียเอง!”
หญิงสาวฉีกยิ้มกว้าง..เธอพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงอย่างเป็นมิตร
“แต่ว่า...”
....
“ฉันหวังว่าคุณจะจำกฎของที่นี่ได้..เพราะถ้าคุณละเมิดกฎข้อใดไป” เวนดี้เงียบไป..ดวงตาของเธอทอประกายวิบวับดูน่าขนลุก ก่อนที่นาร์ซิสซ่าจะยิ้มแล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกที่ทำเอารู้สึกหนาวไปถึงกระดูกสันหลัง
“พวกเราจะตามล่าคุณแม้ว่าคุณจะหนีไปถึงสุดขอบโลก”
ความคิดเห็น