คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : #=ชีวิตที่ผกผันของลียูนา
ท่ามกลางบรรยากาศในตอนเช้าที่ดูสดใส ตึกสูงตะหง่านของโรงเรียนมัธยมอึนวอนที่ฉันใฝ่ฝันอยากจะเดินเข้าไปเรียนตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น บัดนี้มันกำลังตั้งอยู่ตรงหน้าฉัน ฉันก้าวย่างเข้าไปในบริเวณโรงเรียนด้วยหัวใจเต้นระทึก ทั้งความรู้สึกตื่นเต้น ดีใจ กลัว และประหม่าประดังเข้ามาในตัวฉัน จนขาที่กำลังก้าวเดินเริ่มสั่นเทา ใบหน้าที่แทบจะไม่เคยปรากฏรอยยิ้มของฉัน กลับมีรอยยิ้มแห่งความดีใจแต่งแต้มอยู่ ........แต่แล้วความรู้สึกดีใจ และรอยยิ้มก็เริ่มจางลงไปเมื่อ .
“ ลียูนา!! เดินให้มันเร็วๆหน่อยได้มั้ย” เสียงตะหวาดดังมาจากเด็กสาวหน้าตาน่ารักที่เดินอยู่ข้างหน้าฉัน....... ชินมีลา เธอสวยอย่าบอกใคร...เพียงแต่นิสัยเธอนั้นช่างต่างกับใบหน้าของราวฟ้ากับเหว
“มีลา...ทำไมไปว่าพี่เค้าอย่างนั้นล่ะ” เด็กสาวอีกคนที่หน้าตาเหมือนเธออย่างกับแกะ ต่อว่าเธอแทนฉัน ก่อนจะหันมาทำหน้าเจื่อนๆให้ฉันอย่างเสียไม่ได้....ฉันจึงยิ้มกลับให้เธอ พอเป็นมารยาท
“นี่...ชินมีจู เธอไปนับญาติกับนังนั่นทำไมฮะ...เธอนี่มันตาต่ำจริงๆ” มีลาตะคอกใส่พี่สาวฝาแฝดของเธอ....ชินมีจู ก่อนจะหันมาทำตาเขียวใส่ฉันที่ยืนอยู่ข้างหลัง ...ใช่แล้วล่ะ ทั้งสองเป็นฝาแฝดที่ต่างกันราวกับนางฟ้ากับซาตาน ไม่ต้องบอกก็คงจะเดาออกนะว่าฉันชอบใครมากกว่ากันระหว่างชินมีจู กับชินมีลา
“ทำไมถึงเรียกจิกหัวพี่ยูนาอย่างนั้นล่ะ พี่เค้าอายุมากกว่าเรานะ” มีจูว่า
“แล้วไงล่ะ ตอนนี้มันก็เรียนม.ต้นเหมือนกับเราไม่ใช่รึไง”
“มีลาก็รู้นี่ว่า พี่เค้ากลับมาเรียนใหม่ จริงๆแล้วพี่เค้าก็อายุเท่าพี่อินซุนนั่นแหละ ...ใช่มั้ยคะพี่อินซุน?” มีจูบอก ก่อนจะหันไปถามผู้ชายที่เดินอยู่ข้างหน้า ....เขาหันกลับมามองพวกเราที่ละคน และมองมาที่ฉันเป็นคนสุดท้าย ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ แล้วเอามือล้วงกระเป๋าเดินต่อไป
เค้าคือ....ชินอินซุนลูกชายคนรองของบ้านตระกูลชิน ซึ่งตอนนี้เป็นที่ซุกหัวนอนของฉัน มีจูพูดถูกเค้าอายุเท่าฉันเรียนอยู่ม.ปลายปี2 แต่ฉันที่ไม่ได้เรียนมา 2 ปี เมื่อกลับมาเรียนใหม่จึงต้องอยู่ ม.ต้นปี3 ชั้นเดียวกับยัยมีลาและมีจู สงสัยล่ะซิว่า 2 ปีที่ผ่านมาฉันหายไปไหน ...ฉันสามารถสรุปแล้วตอบออกมาได้คำสองพยางค์ว่า... ‘เร่ร่อน’
2 ปีที่ผ่านมาฉันไม่มีบ้าน ไม่มีเงิน กลายเป็นเด็กเร่ร่อน......ระหว่างที่อดีตอันโหดร้ายกำลังจะย้อนกลับเข้ามาในสมองของฉัน เสียงของมีจูก็ดึงฉันออกมาก่อน
“พี่ยูนา...เป็นอะไรไปเหรอ ...ไม่รีบเดินตามพวกเรามาเดี๋ยวก็หลงหรอก” มีจูเดินกลับมาหาฉัน ในขณะที่ชินอินซุน และยัยมีลาเดินหายไปไกลแล้ว
“เปล่า...ไม่มีอะไร” ฉันบอกเธอด้วยโทนเสียงแข็งๆ ความจริงฉันอยากพูดกับเธอด้วยเสียงที่อ่อนหวานกว่านี้ แต่ฉันก็ลืมวิธีที่จะพูดจาให้เพราะๆเหมือนคนอื่นเค้าไปเสียแล้ว ....โชคดีที่มีจูไม่ถือสา แถมยังยิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยน
“พี่ยูนาอย่าไปถือสา มีลาเลยนะ เพราะพี่พึ่งเข้ามาอยู่บ้านเราได้แค่ 2 วันเองมีลาก็เลยยังไม่คุ้นกับพี่น่ะ... แต่อีกไม่นานหรอกค่ะ มีลาต้องพูดเพราะๆกับพี่แน่นอน...เพราะตอนนี้พี่ยูนาก็เป็นครอบตรัวเดียวกับเราแล้วนี่คะ” มีจูพูด
“ ครอบ...ครัว เหรอ?” ฉันทวนคำถามในคำพูดที่แสนจะกินใจของมีจูคำนั้น
“ค่ะ...ก็ครอบครัวน่ะซิคะ...ก็พี่ยูนาเป็นลูกบุญธรรมของคุณพ่อแล้วนี่คะ” มีจูยิ้มน่ารักให้ฉันอีกครั้งก่อนจะจูงมือฉันเดินไป....ไม่คิดว่าคนอย่างฉัน..ลียูนา...ตอนนี้จะมีครอบครัวเป็นของตัวเองอีกครั้งแล้ว....หลังจากเมื่อ 2ปี ก่อน ครอบครัวของฉันมลายหายไปในพริบตา.......
เมื่อ 2 วันก่อน : ตี 1:45
“ยูนาๆ!! ล้างจานเสร็จรึยัง มาช่วยกันเสิร์ฟหน่อเซ่!!” พี่มีซอกผู้จัดร้านอาหาร 121 ในย่านบงกุก ร้องสั่งฉันที่กำลังล้างจานมือเป็นระวิง ฉันยกหลังมือขึ้นปาดเหงื่อที่หน้าผากก่อนจะร้องตอบกลับไป
“เสร็จแล้วๆ” ฉันบอกพลางยกกองจานที่ล้างเสร็จขึ้น แต่ทว่าเนื่องจากฉันนั่งล้างจานมาตลอดทั้งคืน บวกกับน้ำหนักของจานชามร่วม 100 ใบที่ถืออยู่นี้มันหนักเกินไป .....
เพล้ง!!!!!
เสียงดังสนันหวั่นไหวเมื่อจานทั้งหมดตกลงกระแทกกับพื้น พี่มีซอกถึงกลับวิ่งตาลีตาลานมาดูว่าฉันทำอะไรอยู่
และทันทีที่เขาเห็นเศษซากของจานที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ใบหน้าอันตื่นตระหนกของเขาก็แปรเปลี่ยนมาเป็นใบหน้าอันโมโหโกธา
“ลียูนา!!!!!!! เธอทำบ้าอะไรของเธอหา!!!!!” เสียงตะโกนของพี่มีซอกดังกว่าเสียงจานตกแตกเมื่อกี้ซะอีก แต่มันก็ไม่ทำให้ฉันตกใจเลยสักนิด
“ขอโทษ....ฉันไม่ได้ตั้งใจ”ฉันพูดด้วยเสียงแข็งๆ เหมือนปกติ แต่ก็พยายามแสดงสีหน้าเสียใจให้เห็น
“ไม่ได้ตั้งใจเหรอ....นี่มันกี่ครั้งแล้วฮะ!!! ยัยเด็กจรจัด!!!” เหมือนหัวใจฉันกำลังฉีกขาด คำพูดเมื่อครู่เริ่มทำให้อารมณ์ของฉันขุ่นมัว
“ก็บอกแล้วไง...ว่าขอโทษ”
“คำขอโทษมันช่วยอะไรได้ฮะ!!! มันทำให้จานร่วม 100 ใบกลับมาเป็นสภาพเดิมได้มั้ย”
“พี่ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันจะทำงานชดใช้ค่าจานให้เอง”
“พอกันที!! ค่าจานน่ะฉันไม่เอาก็ได้ คิดว่าให้ทานหมามันไป!!!....ฉันไล่เธอออก!!!! ต่อไปห้ามมาเหยียบที่นี่อีก!! ห้ามใช้ที่นี่เป็นที่ซุกหัวนอน!! ยัยเด็กจรจัดอย่างเธอน่ะไปให้พ้นหน้าฉันเลย!!!!”
ความอดทนของฉันสิ้นสุดลงเมื่อพี่มีซอกพูดประโยคนั้นจบ......ฉันถอดผ้ากันเปลื้อนที่สวมอยู่ขว้างใส่หน้าเขา แล้วมองเขาด้วยสายตาเย็นชา
“ขอบคุณที่ยังอุตส่าห์ให้ที่ซุกหัวนอนมาตั้งหลายเดือน....ขอบคุณที่ยังอุตส่าห์ให้เศษเงินกับฉันแลกกับการทำงานเยี่ยงทาส.....และก็....ขอบคุณที่อุตส่าห์ไล่ฉันออก เด็กจรจัดอย่างฉันจะได้ไม่ต้องทนทำงานกับคนสารเลวอย่างแกไง!!!!”
พูดจบฉันก็เก็บกระเป๋าซึ่งเป็นสมบัติเพียงชิ้นเดียวของฉันแล้ววิ่งออกมาจากร้านอาหาร 121 ที่ตอนนี้มีคนแน่นเต็มร้าน พวกลูกค้าโต้รุ่งทั้งหลายหันมามองฉันเป็นตาเดียว ก่อนจะซุบซิบนินทากัน...แต่ว่าฉันชินแล้วล่ะ
ตี 5 น. ..................
ฉันนั่งกอดเข่าอยู่ที่สถานนีรถไฟอย่างไร้ที่ไป.....ก็ฉันบอกแล้วไงว่า ฉันมันคนไม่มีบ้าน....ทั้งเนื้อทั้งตัวก็มีเพียงเงินแค่ 30 วอน....แล้วตอนนี้ฉันก็ดันมาถูกไล่ออกจากงานอีก.....คำด่าของพี่มีซอก และความโชคร้ายที่เกิดขึ้นกับฉัน ทำให้ฉันย้อนคิดถึงเรื่องเมื่อ 2 ปีก่อน.....วันที่พ่อ....แม่....และพี่ชียอง พี่ชายของฉันจากไปอย่างไม่มีวันกลับ...
“ยูนา วันนี้วันคริสมาสต์อยากได้อะไร เดี๋ยวพี่ชายคนนี้จะซื้อให้”
“ช็อกโกแลตๆ พี่ชียอง ช็อกโกแลตแท่งใหญ่ๆเลย”
“โธ่เอ๋ยยัยหมูตอน กินแต่ช็อกโกแลตเดี๋ยวก็อ้วนตายหรอก”
“ไม่เอาอ่ะ...จะกินช็อกโกแลต...ซื้อมานะพี่ชียอง”
“โอเค ก็ได้ๆ เดี๋ยวพี่บอกพ่อกับแม่ให้แวะซื้อให้ หลังจากที่พี่ลงทะเบียนเรียนเสร็จแล้วนะ”
“อือ!! สัญญาว่าจะรีบกลับมานะ”
“อือ...พี่สัญญาว่าจะรีบกลับมา”
นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายที่ฉันได้ยินจากพี่ชียอง ทั้งๆที่เค้าสัญญาอย่างนั้นไว้กับฉันแล้วแท้ๆ แต่เขาก็ยังผิดสัญญากับฉันอีกจนได้....พี่ชียองไม่กลับมา....เขาจากไป....อย่างไม่มีวันกลับ....พอคิดถึงเรื่องนี้....พอคิดถึงใบหน้าที่เปลื้อนไปด้วยยิ้มของพ่อกับแม่ ....และพี่ชียองที่นั่งโบกมือบ๊าย บายให้ฉันอยู่บนรถ.....หัวใจของฉันก็แทบสลาย...ฉันไม่ใช่คนขี้แย แต่พวกเค้าคือคนที่ทำให้ฉันร้องไห้มาตลอด 2 ปีที่ผ่านมา.................
“หนูใช่...ลียูนารึเปล่า” เสียงอันอ่อนโยนของชายวัยกลางคน คนหนึ่งเอ่ยถามฉัน.....ฉันจึงกลับมายังโลกแห่งความจริงอีกครั้ง....ฉันไม่รู้จักเขา....แต่เขากลับรู้จักฉัน นั่นทำให้ฉันแปลกใจ แต่ก็ยังพยักหน้าให้เขา
“อ่า....ดีจริง เจอตัวซะที” เขาพูดออกมาอย่างดีใจ
“มีอะไรกับฉันเหรอ”
“ลุงชื่อชินอึนวอน....ลุงอยากรับหนูมาเป็นลูกบุญธรรมของลุง...หนูจะว่ายังไง” และคำพูดคำนั่นของคุณลุง...ก็ทำให้ชีวิตของฉันเริ่มเปลี่ยนแปลงไป...
ที่ห้องปี3 ห้อง 2 คาบ 3
ห้องเรียนสุดหรูและแสนสะอาดสะอ้านบัดนี้เต็มไปด้วยเศษกระดาษรูปจรวดมากมาย นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ส่วนด้านบนก็มีสงครามจรวดย่อยๆเกิดขึ้นให้ห้องที่เต็มไปด้วยเสียงคุยกันจอแจ ช่างเป็นเรื่องน่าเศร้าที่ฉันต้องมาเรียนอยู่ร่วมห้องกับยัยมีลา ยัยนั่นเลยสั่งห้ามไม่ให้เพื่อนในห้องพูดคุยกับฉัน ตอนนี้ฉันจึงกลายเป็นคนหัวเดียวกระเทียมลีบไปโดยปริยาย เฮ้อ.....ฉันถอนหายใจอีกครั้งอย่างเบื่อหน่าย พลางคิดว่า....ถ้าได้ไปอยู่ห้อง 4 กับมีจูคงดีกว่านี้เยอะเลย
“จริงเหรอมีลาที่พ่อเธอรับยัยคนนั้นมาเป็นลูกบุญธรรมน่ะ” เด็กผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยถามมีลาเสียงดัง ยัยนั่นก็แค่ทำหน้าบึ้งแล้วก็พยักหน้ากับเพื่อนเบาๆ
“ไม่รู้พ่อคิดอะไรอยู่ไปรับเด็กจรจัดที่ไหนไม่รู้มาเป็นลูกบุญธรรม....ดีนะที่เป็นแค่ในนามยังไม่ได้ทำให้ถูกต้องตามกฏหมาย” ยัยนั่นบ่น ฉันยังคงหูผึ่งแล้วฟังเงียบๆ ต่อไป
“เด็กจรจัดเหรอ?....ถึงว่า เลยต้องกลับมาเรียน ม.ต้นใหม่ ทั้งๆที่ตัวเองก็อายุตั้ง 18 แล้วแท้ๆ”
“ต้องมานั่งเรียนเป็นเด็กโข่งอย่างนี้ น่าอายตายเลย เป็นฉันไม่กลับมาเรียนหรอกนะ” เด็กอีกคนว่า
“นี่ถ้าเป็นโรงเรียนอื่นเค้าก็ไม่รับเข้าเรียนหรอกนะ นี่ยังดีที่เป็นโรงเรียนของพ่อฉัน” มีลาว่า
“แต่ว่านะมีลา ดูภายนอกแล้วไม่เหมือนพวกเด็กจรจัดเลยนะ ดูแต่งตัวดีออก”
“โธ่...เซจินเธอไม่เห็นวันแรกที่ยัยนี่มาบ้านฉัน สภาพนะ...ยิ่งกว่าหมาอีก ที่ดูดีได้ขนาดนี้เพราะเสื้อผ้าแพงๆที่เป็นเงินของพ่อฉันต่างหาก”
“เหรอ!!!!” ยัยพวกนั้นพูดออกมาพร้อมกัน ยัยชินมีลา...ฉันชักจะหมดความอดทนกับยัยนี่เสียแล้ว ถ้าเธอไม่ใช่ลูกของคุณลุงล่ะก็ฉันเชื่อเลยว่า....เธอต้องตายด้วยน้ำมือฉันตั้งแต่ครั้งแรกที่อ้าปากด่าฉันแล้ว....ฉันกำหมัดแน่นอย่างแค้นใจ พลางขบฟันเพื่อเก็บอารมณ์
“มีลา...แล้วเรื่องพี่อินซุนล่ะ เธอสัญญาว่าจะช่วยฉันไม่ใช่เหรอ” เด็กที่ชื่อเซจินเอ่ย
“นี่ปาร์คเซจินเลิกฝันลมๆแล้งๆได้แล้วล่ะ พี่ชายฉันเค้าไม่แลเธอหรอก”
“แต่เธอบอกจะช่วยฉัน” เด็กเซจินเริ่มหน้าสลด
“ก็ได้...ฉันจะลองดู แต่ไม่รับรองผลนะ” ยัยนั่นเอ่ยอย่างเสียไม่ได้ ก่อนที่จะเริ่มพูดเรื่องไร้สาระกันต่อ.....เฮ้อ....ทำไมมันถึงน่าเบื่ออย่างนี้นะ....แล้วชีวิตในโรงเรียนวันแรกของฉันก็จบลงพร้อมๆกับความน่าเบื่อ
ตอนเย็นก่อนกลับบ้านฉัน มีจู ยัยมีลา ต้องไปยืนรอรถที่บ้านมารับ มีจูยืนยิ้มอยู่ข้างๆฉัน ส่วนยัยมีลาก็กำลังจ้ออยู่กับเพื่อนของเธอที่ชื่อเซจินที่เมื่อเช้าขอให้ยัยมีลาติดต่อชินอินซุนให้และตอนนี้ยัยนี่ก็กำลังทำหน้าเครียดสุดๆ พอนึกถึงเรื่องนี้ทำให้ฉันพึ่งสังเกตว่าชินอินซุนยังไม่มา
แต่ไม่นานฉันก็เห็นเขากำลังเดินมาพร้อมกับเพื่อนอีก 2 คน พอพวกเค้ามาถึงที่ที่ฉันยืนอยู่กับพวกมีจู หนึ่งในเพื่อนของเขาที่ย้อมผมสีแดงเป็นมะเขือเทศ ก็พูดขึ้น....
“คนนี้เองเหรอวะ เด็กที่บ้านแกที่เค้าพูดกัน”
“อือ”
“ไม่เลวนี่หว่าชินอินซุน ไหนเค้าบอกว่าเป็นเด็กจรจัดไง ไม่เห็นเหมือนเลย เนอะมินซุก” ผู้ชายอีกคนที่ไว้ผมยาวประบ่าบอก
“ใช่...ดูน่ารักดีออก” ไอ้หัวมะเขือเทศที่น่าจะชื่อมินซุกบอก แล้วทำหน้าตาเจ้าชู้ใส่ฉัน ฉันจึงมองหมอนั่นหน้าบึ้ง
“พี่มินซุกเนี่ยตาต่ำเหมือนมีจูเลยนะ มองขยะเป็นเพชรได้ยังไงเนี่ย” ยัยมีลาแทรกขึ้นแล้วมองมาที่ฉันด้วยสายตาเหยียดหยาม
“แหม่ ...มีลาไม่เจอกันตั้งนาน ยังปากร้ายเหมือนเดิมเลยนะ ทำไมว่าแต่พี่ล่ะ ไอ้เปียงวูมันก็ตาไม่ดีเหมือนกันนะ”
“เฮอะ...ตอนนี้ฉันยังไม่ว่างคุยกับพวกพี่หรอกนะ ช่วยหลีกไปหน่อยได้มั้ย” ยัยมีลาบอกอย่างไม่มีมารยาทเลยซักนิด แต่นายมินซุกก็ ยักไหล่ก่อนจะถอยให้อย่างเคยชินกับคำพูดของมีลาแล้ว มีลาจึงจูงมือเซจินเดินเข้าไปหาชินอินซุน
“นี่..พี่อินซุนฉันมีคนอยากแนะนำให้พี่รู้จักแน่ะ” นายชินอินซุนที่ไม่ได้สนใจใคร จึงหันกลับมามองน้องสาว ก่อนเอ่ยถาม
“ใคร?”
“นี่เพื่อนฉัน...ปาร์คเซจิน ลูกสาวคนเดียวของท่านประธานปาร์ค หุ้นส่วนคนสำคัญของพ่อไง”
“อือ...หวัดดี”
“สะ....หวัดดีค่ะ” เซจินก้มหน้าแล้วก็พูดติดๆขัด
“เซจินเธอมีเรื่องจะพูดกับพี่อินซุนไม่ใช่เหรอ รีบๆพูดไปซิ” มีลากระทุ้งเอวเซจิน
“คะ...คือว่า...พี่อินซุนคะ...”
“ใครให้เธอเรียกชื่อฉันเฉยๆ” อยู่ๆนายอินซุนก็โผล่งขึ้นมาแล้วก็มองเซจินอย่างเย็นชา
“เอ๊ะ...?”
“ถ้าเธอกำลังจะบอกว่าชอบฉันล่ะก็....ตัดใจซะเถอะ เพราะฉันไม่ได้ชอบเธอ....แล้วทีหลังก็อย่าเรียกชื่อฉันอีก ฉันไม่ชอบให้คนแปลกหน้าเรียกชื่อฉัน...เข้าใจมั้ย”
เย็นชา....เย็นชามากๆ ตอนแรกที่ฉันเจอเค้า ฉันคิดว่าเค้าเป็นคนที่นิสัยดีคนหนึ่ง แต่ความจริงไม่ใช่หรอก หมอนี่ทั้งเย็นชา....และหยิ่งยโส ..... หลังจากที่ชินอินซุนพูดจบเซจินก็วิ่งร้องไห้ออกไป แต่ชินอินซุนไม่มีท่าทีว่าจะสนใจเลยสักนิด
“เธอเลิกแนะนำเพื่อนเธอให้ฉันซักทีได้มั้ย คิดว่าฉันไม่มีปัญญาหาแฟนเองรึไง” ชินอินซุนหันไปบอกกับมีลา
“โอเค....ถ้าพี่หาพี่สะใภ้ที่ดีทั้งรูปร่าง หน้าตา ทั้งฐานะทางบ้านให้ฉันได้ล่ะก็...ตามใจพี่เลยแล้วกัน....แต่อย่าไปคว้ายัยพวกผู้หญิงชั้นต่ำที่ตอมพี่หึ่งๆมาเป็นแฟนแล้วกัน ถ้าเป็นอย่างนั้นรับรองได้เลยว่าทั้งแม่ ทั้งพี่มียองและก็ฉันไม่ยอมแน่นอน” มีลาบอก ชินอินซุนมองหน้าน้องสาวตัวเองอย่างเบื่อๆ ก่อนจะหันหลังเดินไป โดยมีเพื่อนอีก 2 คนเดินตามไป
“พี่อินซุนจะไปไหนคะ” มีจูตะโกนถาม แต่ชินอินซุนก็ไม่แม้แต่จะหันมามองสักนิด...คนอะไรนิสัยเสียจริงๆ รึว่าทั้งบ้านเนี้ยจะมีแค่มีจูกับคุณลุงเท่านั้นที่ฉันจะพอคุยด้วยได้
พอชินอินซุนไปได้สักพักรถของบ้านก็มารับพวกเรา ยัยมีลาเลยรีบสะบัดก้นเดินขึ้นรถไปในทันที และทันทีที่ฉันขึ้นไปบนรถ ที่พึ่งนั่งได้เพียง 3 ครั้ง การเดินทางก็เริ่มขึ้นทันที ตลอดเส้นทาง เรา 3 คน ไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลย ในขณะที่รถก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่ลดละ จนกระทั่งไปถึงหน้ามหาวิทยาลัยโซล รถก็หยุดลงอีกครั้ง และปรากฏร่างของหญิงสาวอีกคนเปิดประตูรถเข้ามาและนั่งข้างหน้า ข้างๆคนขับ....ก่อนที่รถจะเดินทางต่อไปมุ่งสู่บ้านใหม่ของฉัน
“นี่ลุง....ทำไมช้านักล่ะวันนี้ ฉันรอตั้งนานแล้วนะ” เธอต่อว่าคนขับรถอย่างหัวเสีย หน้าตาบึ้งตึง
“ขอโทษครับ คุณหนู” คุณลุงคนขับรถกล่าวอย่างสุภาพ สงสัยล่ะซิว่าเธอคนนี้เป็นใครกัน....เธอก็คือ ชินมียอง ลูกสาวคนโตของบ้านตระกูลชิน กำลังเรียนอยู่มหาลัยปี 2 เท่าที่ฟังประโยคสนทนาเมื่อครู่ก็คงจะพอเดาออกว่าเธอมีนิสัยยังไง
“โอ้ย!!! ทำไมถึงได้ร้อนอย่างนี้นะ” ชินมียองบ่นพลางสะบัดผมสีน้ำตาลหยิกเป็นลอน ที่ยาวถึงกลางหลังออกให้พ้นจากต้นคอ เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมากๆเลยทีเดียว แถมยังมีสไตล์การแต่งตัวที่เซ็กซี่เหลือร้าย รู้สึกว่าบ้านนี้จะหน้าตาดีกันทั้งบ้านเลย แต่ก็นั่นแหละหน้าตาดีแต่นิสัยสุดแย่ มันก็เท่านั้นแหละ
“อ้าว...แล้วอินซุนไปไหนล่ะ” เธอหันมามองสำรวจที่นั่งด้านหลังรถ ก่อนจะเอ่ยถามประโยคนั้นออกมา และยังไม่วายแอบทิ้งสายตาดูถูกดูแคลนมาที่ฉันด้วย ช่างเหมือนยัยมีลาซะจริง -_-*
“ไม่รู้ค่ะ พี่อินซุนไม่ได้บอก” มีจูตอบ ชินมียองทำหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะหันหน้ากลับไป
“ว้า!! แย่จัง ...ฉันอุตส่าห์ตั้งใจมาบอกเจ้าบ้านั่นเต็มที่เลยนะเนี่ย” เธอบ่นอีก
“บอกเรื่องอะไรเหรอพี่มียอง” ยัยมีลากระดี๊กระด๊า รีบถามทันที
“ก็ยัยคิมเยรัน ดาวมหาลัยฉันเกิดชอบเจ้าบ้านั่นน่ะซิ”
“โห....คิมเยรัน ที่สวยๆน่ารักๆน่ะนะ ชอบพี่อินซุน....พี่อินซุนเนี่ยเนื้อหอมจังเลยแหะ” สองพี่น้องยังคงสนทนากันต่อไป ซึ่งฉันก็ไม่ค่อยสนใจนัก เพราะวิวข้างนอกหน้าต่างรถน่ามองกว่ายัยพวกนี้เยอะ
“นี่ๆ มีลารู้สึกเหม็นอะไรตุๆบ้างรึเปล่า” ชินมียองพูด แล้วปรายสายตามาที่ฉัน ยัยมีลาก็ยิ้มเยาะให้ฉันอีกคน
“นั่นซิ วันนี้รู้สึกหายใจไม่ค่อยออกยังไงไม่รู้ สงสัยจะมีคนมาแย่งอากาศหายใจ”
“เฮ้!! ลียูนา ไม่คิดจะพูดอะไรบ้างเหรอ.... อย่างเช่น ขอโทษค่ะฉันจะพยายามล้างกลิ่นเน่าๆของตัวเองให้หมด แล้วก็จะไม่มานั่งแย่งอากาศพวกคุณๆหายใจอีกแล้วค่ะ” ชินมียองเรียกฉัน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงล้อเลียน...ยัยนี่
“ฮะๆๆ พี่มียองอย่างยัยนี่ล้างยังไงก็ไม่หายเน่าหรอกค่ะ เพราะว่าข้างในมันเน่าเฟะหมดแล้ว” ยัยมีลาเอ่ย..มันน่านัก
“มีลา พูดแรงไปแล้วนะ!!” มีจูที่เงียบอยู่นานพูดขึ้นแต่ก็ถูกยัยมียองตะคอกใส่
“นี่มีจู!! เธอเห็นคนอื่นดีกว่าพี่น้องตัวเองรึไงฮะ!!!!” มีจูเลยต้องทำหน้าสลดแล้วนิ่งเงียบไป
“นี่ลุงจอดรถทีซิ!!” ยัยมียองสั่งเสียงดัง รถเลยเบรคทันทีทันใด ยัยนั่นลงจากรถแล้วเปิดประตูรถด้านหลังข้างหลังคนขับที่ฉันนั่งอยู่ ก่อนจะใช้มือที่เต็มไปด้วยเล็บสีทองยาวแหลมจิกไปที่แขนของฉันก่อนจะดึงฉันลงออกมาจากรถอย่างแรง .....ฉันชักเริ่มหมดความอดทนแล้วนะ
“จะทำอะไร?” ฉันถามอย่างโกรธๆ
“ฉันทนนั่งดมกลิ่นเน่าๆของแกไม่ไหวแล้ว เดินกลับบ้านเองแล้วกันนะ” ยัยมียองสั่งแล้วยิ้มเยาะ
“พี่มียอง...อย่าแกล้งพี่ยูนาเลยนะคะ” มีจูพยายามจะลงมาจากรถด้วยแต่ก็ถูกมีลาจับเอาไว้ ยัยมียองหัวเราะอย่างสะใจก่อนจะเดินขึ้นรถไป และไม่ถึง 3 วินาทีรถก็ออกตัวห่างไกลออกไปเรื่อยๆ จนมองเห็นเป็นจุดเล็กๆ.....
สิ่งที่คนเหล่านั้นทำกับฉันมันน่าโมโหก็จริง แต่สำหรับฉันแล้วแค่นี้ยังน้อยไปเมื่อเทียบกับสิ่งที่ฉันเคยเจอมา ฉันจึงตัดสินใจก้าวเดินไปตามทางที่รถพึ่งเคลื่อนไป แต่ฉันก็ต้องหยุดเท้าลงอีกครั้ง เมื่อค้นพบว่า.....ฉันจำทางกลับบ้านไม่ได้ =_=**
ความคิดเห็น