ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Maze of love (Fic Super Junior : Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #9 : CHAPTER EIGHT : I'm Not Well For You

    • อัปเดตล่าสุด 29 ก.ย. 49


    CHAPTER EIGHT : I'm Not  Well For You 



    "คยูฮยอน!! ซองมิน!!" เสียงอึนฮยอกพูดอย่างตกใจ ทำให้ทุกคนเดินตามมา และภาพที่เห็นก็ทำเอาทุกคนตะลึง...

    "นี่นายไปโดนอะไรมาเนี่ย..." อึนฮยอกถามด้วยความงุนงง  แต่คยูฮยอนยิ้มตอบแหย่ๆ ก็ตัวของคยูฮยอนนะเปียกโชกไปหมดเลยนี่นา...ตกลงไปเที่ยวไหนกันมาเนี่ย...

    แต่สิ่งที่อึนฮยอกตกใจน่ะไม่ใช่แค่สภาพของคยูฮยอนคนเดียวหรอก แต่เป็นผ้าพันแผลที่อยู่บนหัวซองมินต่างหาก


    "ซองมินนายไปทำอะไรมา...ถึงมีแผลอย่างเนี่ย? แล้วเจ็บมากรึเปล่า..." อึนฮยอกโผเข้าหาซองมินอย่างรวดเร็ว...


    "โอ้ย...เบาๆสิ...มันเจ็บนะ..." ซองมินร้องออกมาเมื่ออึนฮยอกกระโจนเข้าใส่...ทำเอาล้มลงไปนอนกับพื้นด้วยกันทั้งคู่


    "555+....."


    "นายก็ไม่ต้องหัวเราะเลย...คยูฮยอน..." ซองมินทำหน้างอนใส่คยูฮยอนที่ยังคงหัวเราะไม่เลิก ทำให้คนอื่นแปลกใจกับท่าทางร่าเริงของคยูฮยอน...


    "ก็มันตลกนี่ฮะ" แล้วเสียงหัวเราะของคยูฮยอนทำให้ซองมินหน้าแดง แต่ไม่ใช่เพราะเสียงหัวเราะของเจ้าตัวเล็กหรอกแต่เป็นเรื่องที่ทำให้เขามีแผลนี่ต่างหากล่ะ


    "แล้วตกลงนายไปโดนอะไรมา...ซองมิน..." อึนฮยอกที่ยังคงอยู่บนตัวซองมินที่ล้มลงไปเงยหน้าถามขึ้นมา


    "นายก็ลุกขึ้นไปก่อนสิ" แล้วซองมินก็พยายามดันตัวอึนฮยอกที่ล้มทับอยู่ขึ้นแต่ดูเหมือนว่าจะสู้แรงของคนข้างบนไม่ได้จึงต้องยอมอยู่ท่านั้นต่อไป...


    "อึนฮยอก... ฉันว่านายลุกขึ้นมาดีกว่านะ" ดงแฮว่าเพราะมองไปทางซองมินแล้วท่าทางคนที่โดนทับน่ะอารมณ์ไม่ดีสักเท่าไหร่หรอก...


    "พอดีตอนที่...." คยูฮยอนกำลังจะเปิดปากเล่า แต่ก็โดนซองมินมองตาเขียวซะก่อน...


    "ไม่เอาหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ...ห้ามเล่าเด็ดขาด....นายน่ะไปเลย ขึ้นไปเปลี่ยนชุดเดี๋ยวนี้เลยนะ..."


    "ครับๆ ไปก็ได้ครับ..." คยูฮยอนทำหน้าทะเล้นตอบ ก่อนจะเดินไปที่ห้อง แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อ...


    "คยูฮยอน"  คังอินตัดสินใจจับข้อมือเจ้าตัวเล็กไว้ตอนที่เดินผ่านเขาไป....แต่เมื่อคยูฮยอนหันมามองหน้าเค้าแล้ว... สิ่งที่จะพูดออกมามันก็จุกอยู่ในคอเสียหมด...

    เพราะอะไรน่ะเหรอ...ก็เพราะสายตาที่มองมาทางเขาอยู่นั่น เป็นสายตาที่แฝงไปด้วยความเศร้าอย่างที่เค้าไม่เคยเห็นมาก่อนจากดวงตากลมใสคู่นั้น...และมันก็ทำให้เขาอึ้งจนขยับตัวไม่ได้...

    แววตาที่เปี่ยมไปด้วยความสุขเมื่อกี้นี้มันหายไปไหนหมดนะ....เพราะตัวเขางั้นเหรอ...คยูฮยอนถึงได้มีสายตาแบบนี้...เป็นเพราะเขาอย่างนั้นเหรอ...


    "ปล่อย!!"  เพียงแค่คำคำเดียวเรียบๆแต่เด็ดขาดของคยูฮยอน คังอินก็ทำตามโดยไม่สามารถจะพูดอะไรได้เลย ก่อนจะปล่อยให้คยูฮยอนเดินไป

    แต่คนตัวเล็กนั่นจะรู้มั้ยว่าสายตาแสนเศร้าของเจ้าตัวน่ะมันทำให้เค้ารู้สึกเจ็บปวดขนาดไหน...และก็แค่คำพูดคำเดียวนี้แหละที่ทำให้บรรยากาศเย็นวาบลงทันที ความเงียบอันน่าอึดอัดใจแผ่ปกคลุมไปทั่วห้อง...ไม่มีใครกล้าพูดอะไรขึ้นมาแม้แต่คำเดียว




    คังอินยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งฮีชอลเดินมาตบหลังเบาๆให้กำลังใจ

    "ไม่เอาน่า....ขอเวลาให้เขาสักพักเถอะ...เอ่อใช่ว่าแต่ซองมิน...นายบอกพี่มาซะดีๆดีกว่าว่าไปทำอะไรกันมา...คยูฮยอนถึงได้เปียกโชก...แล้วนายถึงได้มีแผลมาอย่างนี้...ว่าไง..."


    "ผมไม่เล่าไม่ได้เหรอ?" ซองมินพูดพลางทำหน้าแหย่ๆ แต่ก็นั่นแหละใครจะกล้ากับเจ้าหญิงอย่างฮีชอลล่ะ


    "อ่า...ครับเล่าก็ได้ แต่ผมเล่าแล้วพวกพี่ห้ามหัวเราะนะ..." ซองมินบอกก่อนจะมุดซ่อนหน้าแดงๆลงกับแผ่นหลังอึนฮยอก


    "เรื่องก็ประมาณว่า... ผมกับคยูฮยอนน่ะไปเที่ยวกันที่มยองดงกัน ขาไปน่ะไม่มีอะไรหรอก แต่ระหว่างเที่ยวนี่สิฮะปัญหา
    ตอนที่ผมกับคยูฮยอนกำลังเดินเลือกซื้อของอยู่ จู่ๆก็มีกระถางต้นไม้จากที่ไหนก็ไม่รู้หล่นลงมาใส่หัวผมพอดีเลย... แล้วคุณป้าที่ทำกระถางร่วงก็วิ่งลงมาจาก
    อพาทร์เม้นต์แล้วลากผมไปโรงพยาบาลเฉยเลย ทั้งที่ผมก็ป้าเขาปฏิเสธไปแล้วนะว่าผมไม่เป็นไรสักหน่อย...
    แต่ก็โดนลากไปอยู่ดีแถมพอไปแล้วหมอบอกว่าไม่เป็นอะไรมากหรอกแค่หัวโนนิดหน่อย แต่คุณป้าแกก็บังคับขู่เข็ญหมอ จนได้ไอ้ที่อยู่บนหัวตอนนี้มานี่ไงฮะ
    "


    "อืม...พี่เข้าใจ...แล้วที่คยูฮยอนเปียกล่ะพี่ไม่เห็นว่ามันจะเกี่ยวกันตรงไหนเลย" ฮีชอลทำหน้างงๆก็พอเข้าใจอยู่หรอกนะว่าทำไมถึงมาช้า


    "ก็ตอนขากลับนี่ไงล่ะฮะ...พี่ฮีชอลจำบ้านหลังใหญ่ๆที่หน้าถนนได้ใช่มั้ยฮะ..."


    "ใช่บ้านที่เลี้ยงไอ้หมาแก่ 2ตัวนั่นรึเปล่า..."


    "โธ่...พี่ฮีชอลก็ ซูชิ กับ โชยุ ไม่ใช่หมาแก่นะฮะ แต่มันแค่หน้าย่นเท่านั้นเอง ออกจะน่ารัก ทำไมพี่ไม่ชอบก็ไม่รู้" ดงแฮช่วยแก้คำพูดของฮีชอลก่อนจะบ่นงุบงิบกับตัวเอง


    "เมื่อกี้ว่าอะไรนะ" ฮีชอลหันควับมาทางดงแฮทันที


    "อ่ะ เปล่าๆฮะ ผมไม่ได้พูดอะไรเลยฮะ" ดงแฮรีบเอามือปิดปากตัวเองอย่างรวดเร็ว


    "เล่าต่อสิ" ฮีชอลเลิกสนใจก่อนจะพยักหน้าให้ซองมินเริ่มเล่าต่อไป


    "ก็บ้านหลังนั้นแหละครับ เค้าจ้างสาวใช้คนใหม่มา แล้วเธอก็ยังทำอะไรไม่ค่อยเป็นพอมารดน้ำต้นก็เลยโดนไอ้ 2 ตัวนั่นแกล้งแล้วสายยางก็เลยหลุดมือ แล้วผลก็เป็นอย่างที่เห็นนั่นแหละฮะ...ส่วนถ้าจะถามว่าทำไมผมไม่เปียกก็เพราะผมเดินตามหลังคยูฮยอนก็เลยไม่เปียกไงครับ จบข่าวครับผม..."


    "นั่นไง...ฉันว่าแล้ว ไอ้ 2 ตัวนั้นไม่เคยทำอะไรดีสักทีหรอก..."


    "ผมก็ยังไม่เคยเห็นพี่ว่าหมาดีกว่าแมวสักครั้งเลย..."


    "ดงแฮ!!!!"


    "ขอโทษคร้าบบบบ..."


    อึนฮยอกก็ส่งคำถามแบบไม่ให้มีเสียงมาให้ตอบ ที่แปลได้ประมาณว่า...

    ~นายกะจะให้บ้านแตกรึไง~

    ดงแฮก็เลยส่งกลับไปว่า...

    ~ก็บอกแล้วไงว่าขอโทษ มันพลั้งไปแล้วนี่ ให้ทำไงเล่า...~



              ....เป็นที่รู้กันดีว่าพี่ฮีชอลหรือเจ้าหญิงคนสวยประจำวงของพวกผมน่ะ ไม่ชอบหมาเอามากๆทั้งที่พวกเราทั้งวงชอบกัน เพราะเมื่อก่อนพี่ฮีชอลเลี้ยงแมวแล้วแมวของพี่เค้าก็โดนหมาไล่กัดจนหนีหายไปเลย....
    ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพี่เค้าเลยตั้งแง่ร้ายๆกับหมาอื่นทุกๆตัว ผมก็ไม่รู้ว่าพี่เค้าจะเกลียดอะไรนักหนา ยิ่งเป็นเจ้าซูชิกับโชยุเมื่อกี้ยิ่งไม่เข้าตาใหญ่ เพราะพี่ฮีชอลเคยโดนเจ้าสองตัวเนี่ยกระโจนใส่พร้อมกับเลียหน้าด้วยความรักมาแล้ว
    ส่วนที่พี่เค้าว่าเป็นหมาแก่ก็เพราะเจ้าสองตัวเนี่ยเป็นเซนเบอร์นาร์ด แต่โดยส่วนตัวนะ ผมชอบเจ้าสองตัวเนี่ยมากๆเลย แถมคุณตาคุณยายเจ้าของบ้านยังใจดีให้ผมไปนั่งเล่นในบ้านได้อีกต่างหาก... เพราะฉะนั้นวันไหนเลิกงานเร็ว ผมก็จะแว่บไปนั่งเล่นกับเจ้าสองตัวนี้แหละ....


    "เฮ้อ~~~" เสียงถอนหายใจของเจ้าหญิงคนสวยดังขึ้นทำ เอาคนอื่นรู้สึกโล่งใจไปตามๆกันที่วันนี้คนสวยไม่วีนบ้านแตก...


    "แล้วสรุปว่าเมื่อคืนเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ฮะ...ผมถามคยูฮยอนแล้ว...แต่เค้าก็ไม่ยอมบอกอะไรผมเลย..." ซองมินเอ่ยถามพลางมองไปยังคังอินที่ยังคงนั่งเงียบไม่พูดไม่จา...


    "โอเคๆ...พี่เล่าให้นายฟังเอง..." ลีทึกรับอาสาเล่าเอง เพราะดูท่าคังอินตอนนี้แล้วคงไม่มีอารมณ์จะพูดหรอก...แล้วท่านหัวหน้าวงก็สาธยายไปตามระเบียบ

    "งั้นสรุปว่าคยูฮยอนนะเข้าใจผิดไปเองใช่มั้ยฮะ..." เสียงใสแจ๋วของซองมินดังขึ้นหลังจากฟังจบ


    "ก็ประมาณนั้นแหละ..." ลีทึกถอนหายใจออกมาทีหนึ่ง...

    ~เขาไม่น่าสะดุดเลย...ไม่อย่างนั้นคังอินก็คงไม่ต้องทะเลาะกับคยูฮยอนหรอก จะว่าไปนี่มันเป็นความผิดเขาเต็มๆเลยนี่นา...~



    "แล้วจะทำไงต่อล่ะ..." ลีทึกหันมาถามเจ้าแม่จอมวางแผนอย่างฮีชอลแต่ก็ได้รับเพียงความเงียบเพราะตัวฮีชอลเองก็ไม่รู้ว่าจะช่วยยังไง...



    "ทำไมไม่ลองให้คนอื่นไปคุยดูก่อนละครับ...ในเมื่อตอนนี้ถ้าเป็นพี่คังอิน คยูฮยอนคงไม่ยอมคุยด้วยหรอก..."



    "แล้วคยูฮยอนจะยอมฟังเหรอ...รั้นไม่ใช่เล่นเลยนะ " ดงแฮช่วยออกความเห็น...ก็เมื่อวานพี่ฮีชอลเพิ่งจะบอกเองว่ามีแต่คังอินนั่นแหละที่ต้องไปพูดเอง...



    "ก็ถ้าเป็นพี่ลีทึกคงจะยอมอยู่ละมั้งครับ" ซองมินตอบคนที่เค้าคิดไว้ขึ้นมาทันที


    "ฮะ? ฉันเนี่ยนะ..." ลีทึกร้องอย่างตกใจ ....ไหงกลายเป็นเขาล่ะ


    "ทำไมไม่ลองดูละฮะ..." เรียววุคว่าตามความคิดของซองมิน...


    "มันอาจจะดีกว่าที่คิดก็ได้นะ..." เยซองที่นั่งเงียบมาตลอดพูดขึ้นมาพลางมองหน้าลีทึกไปด้วย...


    "ฉันเห็นด้วยนะ ถ้าเป็นนายเค้าอาจจะยอมฟังก็ได้มั้ง"  ฮีชอล เจ้าแม่จอมวางแผนเห็นด้วยซะแล้วพลางนึกในใจว่าทำไมเมื่อคืนเขาถึงไม่นึกถึงข้อนี้ขึ้นมานะ... คนอื่นอาจไม่ฟังแต่ถ้าเป็นคนที่ทำให้เกิดเรื่องอีกคนละก็อาจจะเป็นไปได้นี่นา...


    "หรืออาจจะไม่ฟังอะไรเลยก็ได้ด้วย..." ฮันกยองช่วยเสริมต่อท้าย  


    "และถ้าเป็นอย่างหลังละก็..." อึนฮยอกช่วยคิดต่อจากฮันกยอง ตามด้วยซีวอนที่หันมองหน้าลีทึกก่อนจะพูดต่อ


    "บอกได้คำเดียว...."


    "ซวย!!!" สมาชิกทั้ง 10 คนช่วยกันประสานเสียง ลีทึกเลยทำหน้านิ่วใส่

    อะไรกันเนี่ย...สรุปว่า เค้าต้องเป็นคนพูดใช่มั้ย...


    "ซองมิน...นายเสนอทำไมไม่ลองพูดเองล่ะ..." ลีทึกพยายามจะโยนให้คนต้นคิดที่กำลังนั่งสบายใจเฉิบข้างๆอึนฮยอกนั่น


    "ไม่เอาหรอกฮะ...ก็ถ้าเกิดเขาไม่ยอมฟังขึ้นมา...เขาก็ไม่คุยกับผมนะสิ..."

    น่าน...หาข้อแก้ต่างไว้เรียบร้อย...


    "เอาจริงเหรอ..." ลีทึกหันมองหน้าทุกคนอย่างมีความหวังว่าที่พูดๆกันอยู่เมื่อกี้ แค่พูดเล่นกัน...


    "จริง!!" แทบจะทันทีที่ได้ยินคำถามทุกคนก็ตอบออกมาโดยไม่ต้องคิด...


    "เออ...ก็ได้ๆ ฉันพูดเองก็ได้...แต่ผลเป็นไงฉันไม่รับรองนะ..."
    ในที่สุดก็ต้องยอมจนได้...ไม่น่าใจอ่อนเลยจริงๆ...ลีทึกเอ้ย...



     


     

    ณ ห้องซองมิน & อึนฮยอก...


    - - ก๊อกๆๆๆ
    - -


    "คยูฮยอน...พี่ขอคุยอะไรด้วยหน่อยได้มั้ย..."


    "เชิญฮะ ประตูไม่ได้ล๊อก..."


    "พี่ว่า นายคงรู้ใช่มั้ยว่าพี่จะพูดเรื่องอะไร..."


    "ก็พอรู้ฮะ"


    "อืม...ถ้างั้นพี่จะไม่อ้อมค้อมเลยนะ...เมื่อวานที่นายเห็นมันเป็นแค่อุบัติเหตุ พี่ไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น ยังไงมันก็เป็นความผิดของพี่เองเพราะฉะนั้นนายจะยกโทษให้เจ้าหมีนั่นได้มั้ย..."


    "..." ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมาจากเจ้าตัวเล็กเลยแม้แต่คำเดียว


    "คยูฮยอน...." ลีทึกไม่รู้จะทำยังไงเมื่อคยูฮยอนยังคงเงียบก้มหน้าไม่มองเค้า และไม่ยอมตอบคำถามเค้าเลยแม้แต่น้อย...


    "เอาเถอะ ถ้าตอนนี้นายไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร" ลีทึกพูดก่อนจะตัดสินใจลุกออกไป แต่แล้วก็ถูกคยูฮยอนเรียกไว้ซะก่อน...


    "พี่ลีทึก..."


    "..." ลีทึกไม่ได้ตอบเพียงแต่หันหน้ามาตามเสียงเรียก...


    "ทำไมพี่ถึงเลิกกับคังอินล่ะฮะ พี่สองคนเคยรักกันมาก่อนใช่มั้ยล่ะฮะ" คยูฮยอนถามทั้งๆที่ยังก้มหน้าอยู่


    "คยูฮยอน...นี่นาย...รู้ได้ยังไง..." ลีทึกหันมองหน้าคยูฮยอนถามด้วยความตกใจ เพราะมันเป็นคำถามที่เขาไม่คิดว่าจะได้ยินจากคยูฮยอนแน่ๆ


    ~นี่เค้าอุตส่าห์กำชับทุกคนไว้แล้วนะว่าอย่าหลุดปากเรื่องนี้ขึ้นมาเด็ดขาด... ใครกันนะปากมากให้ได้เรื่องขนาดนี้ อยากรู้จริงๆเลย~


    "ผมได้ยินจากพี่อึนฮยอกและก็พวกสต๊าฟคนอื่นๆด้วย" ~อ้อ...ไอ้ไก่ปากมากนี่เอง...เดี๋ยวมีเคลียร์~


    "คยูฮยอนฟังพี่ให้ดีนะ...พี่ยอมรับว่าพี่กับคังอินเคยคบกันเป็นความจริงแต่ว่าตอนนี้มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น
    แล้ว... ระหว่างพี่กับคังอินมันเป็นแค่เรื่องที่จบไปแล้ว
    "


    "แล้วทำไมถึงไม่มีใครบอกผมเรื่องนี้เลยละฮะ ทำไมผมถึงเป็นคนเดียวที่ไม่รู้อะไรเลย..."


    "พี่เองแหละ เพราะพี่ไม่อยากให้นายคิดว่าเป็นเพราะตัวเองพี่กับคังอินถึงได้เลิกกัน เพราะฉะนั้นพี่ก็เลยบอกกับทุกคนไว้ว่าอย่าบอกเรื่องนี้กับนายเด็ดขาด แต่ดูเหมือนว่าพี่จะคิดผิดไปนะ...บางทีการให้นายรู้ตั้งแต่แรกอาจจะดีกว่ามารู้ทีหลังอย่างนี้ก็ได้...พี่ขอโทษ..."


    "ถ้าอย่างงั้นทำไมพี่ถึงได้เลิกกันล่ะฮะ
    คำถามที่แสนจะบาดใจเมื่อต้องตอบสำหรับลีทึก คำถามที่ง่ายในการคำตอบ แต่ยากในการเข้าใจ 


    "พี่ผิดเอง... พี่ไม่ดีพอสำหรับเขา" ลีทึกพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครืออย่างที่คยูฮยอนไม่เคยได้ยินจากปากคนตรงหน้ามาก่อน...แต่แล้วเจ้าตัวก็ปรับน้ำเสียงเป็นปกติก่อนจะพูดต่อไป


    "คยูฮยอน พี่ไม่รู้ว่านายกำลังคิดอะไรอยู่หรอกนะ แต่ถ้านายไม่พูดเจ้าหมอนั่นก็ไม่มีวันเข้าใจหรอก...พี่คงช่วยได้แค่นี่ละนะ  แล้วก็อีก 10 นาที ไปเจอกันที่ห้องนั่งเล่นด้วยนะได้เวลาแล้วล่ะ..." ลีทึกว่าทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกไปจากห้องปล่อยให้คนอีกคนนั่งบนเตียงนึกทบทวนเรื่องต่างๆ


    ~ถ้าขนาดพี่ยังดีไม่พอ แล้วผมจะดีพออย่างนั้นเหรอครับ~


    ปล่อยตัวเองให้ขบคิดต่อไปเพียงลำพังกับเรื่องวุ่นวายที่มารบกวนหัวใจตัวเองก่อนจะลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วตามไปสมทบกับทุกๆคน




    รักคนอ่านจ้า
    บายน้าาา..^^
    - - + + R z.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×