คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : CHAPTER SEVEN : Can You Hear Me
CHAPTER SEVEN : Can You Hear Me เมื่อคังอินมาถึงที่ห้องแต่งตัวก็พบว่าคยูฮยอนนั้นขอกลับไปก่อนกับซองมินและอึนฮยอกแล้ว...หลังจากนั้นสมาชิกที่เหลือทุกคนก็กลับบ้านไปพร้อมกัน....และพอถึงบ้านคังอินก็รีบเดินเข้าไปในบ้าน...แต่ก็ไม่พบคนที่ตามหาเลย...มีเพียงอึนฮยอกที่นั่งดูทีวีอยู่เท่านั้นเอง...
“แล้วคยูฮยอนล่ะ...” ลีทึกที่เดินเข้ามาทีหลังถามอึนฮยอก...
“คยูฮยอนมานอนกับซองมิน...ซองมินเลยให้ฉันไปนอนที่อื่น...” ดูหน้าก็รู้ว่าอึนฮยอกไม่พอใจเท่าไหร่หรอกที่ต้องระเห็จออกมาหาห้องนอนเองเนี่ย...
“เอ๋!!!” คังอินร้องเสียงหลง...
“ไม่ต้องมาเอ๋เลย...สรุปคือฉันต้องไปนอนกับนายวันนี้” อึนฮยอกพูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์สุดๆ ที่เจ้าตัวเล็กกับหมีทะเลาะกัน แต่เค้าต้องเป็นฝ่ายเดือดร้อนไปด้วยเนี่ย...
“คังอิน...มานี่หน่อย” ฮีชอลที่ตอนนี้เดินไปนั่งลงบนโซฟาเรียบร้อยแล้ว
“อะไรเล่า” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่คังอินก็ยอมเดินมายืนอยู่ต่อหน้าเจ้าหญิงคนสวยโดยดี...
“นายจะบอกได้รึยังว่า...คยูฮยอนเป็นอะไรไป...ถ้านายไม่บอกฉันก็ช่วยอะไรนายไม่ได้หรอกนะ...” ฮีชอลขอร้องแกมบังคับให้คังอินตอบ(ดูเหมือนจะบังคับมากกว่านะ^^)
“คร้าบๆ...บอกก็ได้...”
หลังจากเล่าจบแล้ว....
“โธ่เอ้ย...ทำไมชีวิตฉันวันนี้ มันโชคร้ายอย่างนี้น้า.....” คังอินนั่งลงอย่างหมดแรงก่อนจะโวยวายออกมา...
“ฉันว่าแทนที่นายจะมานั่งบ่นอยู่อย่างนี้สู้คิดหาวิธีกลับไปแก้ความเข้าใจของเจ้าตัวเล็กใหม่ดีกว่ามั้ง “ ฮีชอลเองก็อยากจะช่วยอยู่หรอก เพราะหลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว....มันเป็นแค่ความเข้าใจผิดเท่านั้นเอง แต่ถึงจะให้คนอื่นไปพูดละก็เจ้าตัวเล็กเองก็คงไม่เชื่อหรอก...มีแต่ตัวคังอินนั่นแหละต้องไปจัดการเอง...
“ไอ้วิธีน่ะคิดไว้แล้ว แต่ปัญหาคือเค้าจะยอมฟังฉันมั้ยต่างหาก...แค่วันนี้เค้าก็หนีฉันไปนอนกับซองมินแล้วเห็นมั้ยล่ะ” แต่คังอินก็ยังบ่นไม่เลิก...
“เออน่ะ...ฉันหาโอกาสให้นายได้...แต่เรื่องความเข้าใจนายจัดการเองละกัน” ฮีชอลตอบอย่างรำคาญ...ทำไมไอ้หมีนี่ปัญหาเยอะจริง เดี๋ยวก็ไม่ช่วยซะเลย...
“จริงนะ~~~” คังอินหันมาทำหน้าซื่อ สายตาขอร้อง...ทำให้ฮีชอลต้องล้มเลิกความคิดที่จะไม่ช่วยไปได้เลย...
~เอ๊า!!!ช่วยก็ช่วย...เกลียดตัวเองจริงๆเลย...แพ้สายตาแบบนี้ทุกที...เฮ้อ...เหนื่อยใจ...~
“จริงสิ...เอ่อว่าแต่...ลีทึกพรุ่งนี้มีงานอะไรบ้าง...” เมื่อคิดจะช่วยได้แล้วก็เหลือวางแผนสินะ แต่ว่าพรุ่งนี้มีงานอะไรบ้างเนี่ย...ถ้าไม่ยุ่งมากก็จะดีหรอก...
“ก็มีแค่คิบอม แค่คนเดียวที่ต้องไปถ่ายละครตอนเช้า มี LIVE ที่ KBS ตอนเย็น ส่วน LIVE ตอนบ่ายน่ะยกเลิก สรุปคือ...นอกจากคิบอม พวกเราว่างจนถึงเย็นเลย...”
“เฮ้ย...เดี๋ยวพรุ่งนี้ว่างจริงเหรอ?” อึนฮยอกถามด้วยน้ำเสียงตื่นๆ ก่อนที่ลีทึกช่วยย้ำความแน่ใจให้โดยการพยักหน้า...
“Yeah!!!” อึนฮยอกร้องออกมาด้วยความดีใจ
~...นานๆจะว่างสักทีไปเที่ยวกับกระต่ายน้อยดีกว่า...~
อึนฮยอกคิดในใจก่อนจะอมยิ้มออกมา แค่นึกภาพว่าพรุ่งนี้จะได้ไปเที่ยวกัน 2 ต่อ 2 แล้วก็อดดีใจไม่ได้ ... และเพราะทุกอย่างที่คิดออกมาทางสีหน้าซะหมด...จนฮีชอลรู้สึกหมั่นไส้จึงอดไม่ได้ที่จะขอเหน็บสักหน่อย...
“จะหนีไปเที่ยวไหนอีกละ...?” ว่าพลางมองหน้าอึนฮยอก แต่คนถูกมองกลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้และตอบออกมาว่า...
“เปล่าสักหน่อย...” อึนฮยอกปฏิเสธเสียงแข็ง...แต่แค่ท่าทางก็บอกอยู่แล้วไม่รู้จะพูดว่าเปล่าทำไม... ฮีชอลส่ายหน้าก่อนจะพูดต่อ
“สรุปว่ามีแค่คิบอมใช่มั้ยที่ไม่อยู่น่ะ...”
“อะไรกันผมคนเดียวเองเหรอ...?” คิบอมทำหน้าบูดๆ...
~อะไรกัน ทำไมต้องเป็นเค้าคนเดียวด้วยล่ะที่ไม่ได้เห็นอะไรสนุกๆน่ะ...~ (คิบอมจ๋า..ช่วยให้คืนดีกันนะจ้ะ..)
“งั้นพรุ่งนี้...นายก็รีบไปแล้วก็รีบกลับซิ...ไม่เห็นยากเลย...” นางฟ้าสุดที่รักช่วยหาทางออกให้หนุ่มน้อยคิบอมซะเรียบร้อย จนเจ้าตัวยิ้มหวานออกมาทันที...ก่อนจะขยับตัวไปนั่งข้างๆแล้วหอมแก้มนางฟ้าไปทีหนึ่ง ทำเอาแก้มขาวๆของนางฟ้าตัวน้อยแดงระเรื่อขึ้นมาทันที
“ทำไมนางฟ้าของผมถึงได้น่ารักอย่างนี้น้า...” พูดมาได้อย่างไม่อายปากและใครต่อใครที่ยืนฟังอยู่ทั้งสิ้น...
คิมคิบอมเอ้ย...รู้ตัวมั้ย?...นายกำลังทำให้คนอื่นๆ ที่ยืนและนั่งฟังอยู่ด้วยทั้งเอียนทั้งอิจฉาและหมั่นไส้ไปพร้อมๆกันเลยด้วย เพราะฉะนั้นก่อนที่จะเกิดอะไรๆขึ้นกลางห้องนั่งเล่น เจ้าหญิงคนสวยจึงต้องขัดขึ้นมาซะก่อน
“นี่! ตกลงกันเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย...?” ว่าพลางจ้องไปทาง 2 คนที่นั่งอยู่ข้างกัน
ไม่รู้ว่าเพราะสายตาของคนสวยที่เริ่มจะน่ากลัวไปสักหน่อย หรือว่าพึ่งจะรู้ตัวว่าไม่ได้อยู่กันแค่ 2 คนกันแน่ แต่ก็ทำให้คิบอมและดงแฮพยักหน้าพร้อมกัน... เมื่อเห็นดังนั้นฮีชอลพูดต่อไปว่า
”โอเค...งั้นเรามาวางแผนกันก่อน
เข้ามาใกล้ๆกันหน่อยสิ...” พอฮีชอลพูดจบคนอื่นก็เริ่มจะเดินเข้ามานั่งล้อมเป็นวงรอบโซฟา มีเพียงเจ้าชายสิงโตหัวฟูเท่านั้นแหละ ที่เดินไปนั่งข้างๆพร้อมกับเอามือของหัวเองโอบไหล่ขาวเนียนของคนสวยไว้...แต่ก็นั่นแหละนะ มีเหรอที่เจ้าหญิงคนสวยจะปล่อยให้เจ้าสิงโตตัวดีมาทำแบบนี้ได้...ฝันไปเถอะ...
เพี๊ยะ.~~~~
“โอ้ย!!!!...ฮีชอลจ๋ามันเจ็บนะ...” ซีวอนร้องออกมาเมื่อฮีชอลตีมือของเขาที่ไปโอบไหล่เจ้าตัวไว้
“แล้วใครบอกให้นายมานั่งข้างๆฉันเล่า...” ฮีชอลแว้ดใส่เจ้าชายสิงโตตัวปัญหาอย่างรวดเร็ว แต่เจ้าชายตัวดีก็ไม่หวั่น... แถมยังเถียงต่ออีกต่างหาก... “ก็นายเป็นคนบอกให้มานั่งใกล้ๆไม่ใช่เหรอ...”
“ไอ้ที่ฉันบอกน่ะใช่...แต่ว่า...ไม่ใช่ใกล้ขนาดนี้...ไอ้สิงโตบ้า...” เจ้าหญิงคนสวยแถมท้ายด้วยการตบหัวซีวอนไปทีหนึ่ง... แต่ไอ้เจ้าชายบ้านี่ก็ยังไม่ยอมเถิบออก...เพียงแต่มือที่ใช้โอบไหล่คนสวยเมื่อกี้นี้ไปอยู่บนหัวของเจ้าตัวเอง...ตอนแรกฮีชอลกะจะบ่นต่อ...แต่ตอนนี้เรื่องคังอินสำคัญกว่าจึงยอมปล่อยๆไป...
“เอาล่ะ...พรุ่งนี้นะ...เริ่มจากนายก่อนเลย...012487954845548*&^%$@#“
ข้อมูลต่อไปนี้เป็นความลับไม่อาจเปิดเผยได้...^^ และแล้วทั้ง 11 คนก็ปรึกษาวางแผนกันโดยมีเจ้าหญิงฮีชอลเป็นหัวหน้าในแผนการใหญ่ครั้งนี้...
เช้าวันต่อมา...
วันนี้เวรทำอาหารเช้าเป็นของเจ้าหญิงคนสวย...ดังนั้นเจ้าตัวจึงต้องตื่นเช้ากว่าปกติ...และด้วยความที่เจ้าตัวต้องตื่นนี่แหละที่ทำให้คนที่นอนอยู่ด้วย ต้องตื่นขึ้นมาพร้อมกัน...
“โธ่!!!ฮีชอล...นายจะตื่นไปทำอาหารก็ไปสิ..ทำไมจะต้องปลุกฉันด้วยล่ะ...” เสียงงัวเงียของหัวหน้าวงที่ยังคงนอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มอันแสนอบอุ่นจนไม่อยากจะตื่นขึ้นมาเลย
“น้อยๆหน่อย...นายน่ะ...หัดตื่นให้มันเช้าหน่อยเถอะ....เป็นหัวหน้าวงแท้ๆ ตื่นสายประจำ” ฮีชอลดึงผ้าห่มออกก่อนจะบ่นต่อไปเรื่อยๆ จนลีทึกต้องยอมตื่นขึ้นมาโดยดี...ก่อนจะโดนเจ้าหญิงคนสวยอัดเข้าให้...
“คร้าบๆ....ขอโทษคร้าบ...จะตื่นเดี๋ยวนี้แหละคร้าบ~~~”
“ตื่นได้แล้วก็ไปปลุกคนอื่นด้วยล่ะ...” เมื่อปลุกลีทึกได้แล้วฮีชอลก็เตรียมเดินไปในครัวแต่ก็ไม่ลืมที่จะสั่งให้หัวหน้าวงคนเก่งไปปลุกคนที่เหลือด้วย....
“หา!!!!พูดเป็นเล่น....ก็ปกตินี่เป็นงานของนายไม่.....เอ่อ...ครับๆไปเดี๋ยวนี้แหละครับ” แค่ได้ยินที่คนสวยสั่ง ลีทึกก็ต้องสะดุ้งพร้อมกับตาสว่างขึ้นมาทันที จนต้องโวยออกมา แต่ยังไม่ทันจะจบก็เจอเข้ากับสายตาพิฆาตของคนสวยเข้าซะก่อน จึงต้องยอมรับไปโดยปริยาย...
แล้วเดินออกจากห้องไปปลุกคนอื่นตามคำสั่งของเจ้าหญิงคนสวย (แต่โหดจ้า...)โดยปกติแล้วฮีชอลนั่นแหละจะเป็นคนปลุกทุกคนในบ้าน...แต่ไหงวันนี้ถึงยกให้เค้าทำซะดื้อๆเล่า...ก็รู้ๆกันอยู่ว่าพวกเค้าน่ะตื่นยากกันขนาดไหน...แล้วจะให้เขาไปปลุกเนี่ยนะ...จะได้กินข้าวเช้าก็ตอน 10 โมงซะละมั้งวันเนี้ย.....
ทางด้านฮีชอลเองเมื่อปลุกหัวหน้าวงผู้ขี้เซาตื่นแล้ว ก็เดินไปที่ครัวเพื่อจะเตรียมทำอาหารเช้า แต่แล้วสายตาของคนสวยก็สังเกตเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งแปะติดอยู่บนตู้เย็น... จึงเดินไปหยิบกระดาษแผ่นนั้นมาอ่าน
...เพราะสมาชิกที่มีเป็นจำนวนมาก เวลาใครหายไปหรือจะไปไหนก็ไม่ค่อยจะรู้ตัวกันสักเท่าไหร่ พอรู้แล้วก็หากันไม่ค่อยจะเจอ... หรือเรียกว่ากว่าจะรู้กันครบทุกคนว่าใครไปไหนก็ตอนที่เจ้าคนที่หายไปกลับมาแล้วนั่นแหละ และเรื่องแบบนี้ก็เกิดขึ้นบ่อยตัวอย่างเช่น
เคยมีอยู่คืนวันหนึ่งที่อยู่ๆผู้จัดการโทรศัพท์มาบอกให้คิบอมกับฮีชอลไปถ่ายละครที่ต่างจังหวัดจึงต้องออกเดินทางตั้งแต่ตอนกลางคืน จึงรีบออกไปกัน 2 คนและไม่ได้บอกกับใครไว้เลย เพราะว่ามันดึกแล้วทั้ง 2 คนจึงไม่อยากทำให้เพื่อนๆตื่นกันจึงออกไปอย่างเงียบๆ แต่พอคนอื่นๆที่ตื่นเช้ามาแล้วไม่พบทั้ง 2 คนก็ออกตามหากันซะให้วุ่น กว่าจะรู้ว่าไปถ่ายละครที่ต่างจังหวัดกันทั้ง 2 คนก็เกือบเย็นแล้ว เล่นเอาคนที่เหลือวุ่นวายกันไปหมด...
และเพื่อแก้ปัญหาอย่างนั้นลีทึกจึงบอกกับทุกคนไว้ว่า เวลาใครจะไปไหนหรือมีงานอะไรให้เขียนโน้ตติดไว้บนตู้เย็น...จะได้รู้ว่าใครไปไหนกันบ้าง...จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง
และกระดาษโน้ตแผ่นนั้นก็ทำให้คนสวยรู้ว่าแผนการที่เมื่อวานอุตส่าห์วางเอาไว้ซะดิบดีกลับล้มไม่เป็นท่า...ทำไมน่ะเหรอ..?ก็
“เฮ้...ลีทึกฉันมีข่าวร้าย...” เจ้าหญิงคนสวยส่งเสียงเรียกท่านหัวหน้าวง...
“อะไรเหรอ...” ลีทึกที่พึ่งจะเดินออกจากห้องของคิบอมกับดงแฮ หลังจากปลุกคู่รักที่ชอบสร้างโลกส่วนตัวกันอยู่สองคนให้คนอื่นอิจฉากันเล่นๆเรียบร้อยแล้ว......
“ซองมินออกไปข้างนอกกับคยูฮยอนน่ะบอกว่าบ่ายๆจะกลับมา...”
“หา!!! งั้นก็หมายความว่า...??” แค่ได้ยินเสียงที่ฮีชอลพูดออกมาหัวหน้าวงก็ต้องตาสว่างรอบสองขึ้นมาทันที
“ใช่...อย่างที่นายคิดนั่นแหละ...”
“แล้วฉันจะบอกคังอินยังไงดีเนี่ย...” ลีทึกว่าพลางขยี้หัวตัวเองไปมาก่อนจะหันมาพูดกับคนสวยว่า
“แล้วจะทำยังไงต่อ...”
“เดี๋ยวค่อยว่ากันอีกที...ตอนนี้ไปปลุกคนอื่นก่อนก็แล้วกัน...” ฮีชอลแปะโน้ตแผ่นนั้นบนตู้เย็นตามเดิมก่อนจะเปิดประตูตู้เย็นออกมาเตรียมของ ปล่อยให้หัวหน้าวงคนเก่งไปจัดการกับการปลุกพวกลูกลิงที่สุดแสนน่ารัก(???)ต่อไป...
เมื่อกี้ปลุกคิบอมกับดงแฮไปแล้ว ลีทึกจึงเดินไปยังห้องถัดไป...ซึ่งเป็นของห้องของคังอินกับคยูฮยอน แต่ตอนนี้คนในห้องกลายเป็นอึนฮยอกแทนคยูฮยอนเท่านั้นเอง...ลีทึกเดินเข้าไประหว่างใกล้ๆก่อนจะค่อยๆ...อืม...เรียกว่าตะโกนจะดีกว่านะ ^^....
” อึนฮยอกๆ... ตื่นได้แล้ว...เร็วๆเข้าสิ...”
ผลปรากฏว่า...ไม่มีสัญญาณตอบรับจากคนที่ท่านเรียก....นี่ขนาดตะโกนแล้วนะเนี่ย....ทำไงดีล่ะทีนี้...ก่อนจะลองเรียกดูอีกรอบ...
“อึนฮยอก...อึนฮยอก” คราวนี้ลีทึกดึงผ้าห่มออกด้วย แต่ไอ้คนที่นอนอยู่นี่สิ นอกจากจะไม่ยอมตื่นแล้วยังมีการถีบท้องเขาเต็มๆจนเกือบล้มแล้วยังแย่งผ้าห่มกลับไปอีกต่างหาก....และแล้วอึนฮยอกก็ทำให้ท่านหัวหน้าเริ่มโมโหแล้วน้า....ก่อนจะดึงผ้าห่มออกอีกรอบแล้วตะโกนข้างๆหูไก่ขี้เซานี่...
“อึนฮยอก...อึนฮยอกแจ ไอ้ไก่ขี้เซา!!! ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยนะ เพราะเอาแต่นอนอยู่อย่างนี้แหละ ซองมินเขาเลยหนีนายไปแล้วรู้รึเปล่า...”
และดูเหมือนว่าคราวนี้จะได้ผล...แค่ได้ยินชื่อซองมินเท่านั้นแหละ เจ้าไก่ขี้เซาก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที...
“อะไรนะ!!กระต่ายน้อยหนีไปไหน...ใครเอากระต่ายน้อยของฉันไป~~ซองมินจ๋า~~~”
~เอาเข้าไป...ตื่นมาก็โวยวายเลยน่ะ...แถมยังทำเป็นไม่เห็นเขาอีกต่างหาก~
“อึนฮยอก...” เรียกไก่ขี้เซาที่ยังโวยวายกับตัวเองอยู่
“อ้าวลีทึกนายมาอยู่ที่นี่ได้ไง แล้วซองมินล่ะ” อึนฮยอกถามพร้อมกับทำหน้างงๆเมื่อเห็นลีทึกยืนอยู่ข้างเตียง
~ดูมัน...เขายืนหัวโด่อยู่ตั้งนานพึ่งรู้ตัวว่าเขาอยู่ตรงนี้...แถมยังมีหน้ามาถามหาซองมินแต่เช้าเลย...มันน่าอัดซะจริงๆ แต่ไม่เป็นไรเหรอก เพราะเขาหาวิธีแก้เผ็ดไอ้ไก่ขี้เซาตัวนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว โทษฐานที่กวนประสาทแถมยังถีบเขามาซะเต็มแรง ( แค้นนี้ต้องชำระ )~
“ฉันมาปลุกนาย เพราะฮีชอลกำลังทำอาหารเช้าอยู่...แล้วซองมินก็ออกไปข้างนอกกับคยูฮยอนแล้ว...เสียใจด้วยนะที่อดไปเที่ยวน่ะ...เอ่อใช่แล้วปลุกคังอินด้วยล่ะ ฉันจะไปปลุกคนอื่นต่อ...” ลีทึกพูดไม่หยุดโดยไม่ยอมให้อึนฮยอกได้โต้เถียงอะไรก่อนจะเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้อึนฮยอกยังงงๆกับคำพูดประโยคเมื่อกี้อยู่ ขณะนี้สมองไก่กำลังเรียบเรียงสิ่งที่พึ่งได้ยินมา...
~ฉันมาปลุกนาย เพราะฮีชอลกำลังทำอาหารเช้าอยู่...~
อืม...อันนี้เข้าใจ ว่าทำไมลีทึกถึงมาปลุกและมาอยู่ในห้อง....
~ซองมินก็ออกไปข้างนอกกับคยูฮยอนแล้ว...เสียใจด้วยนะที่อดไปเที่ยวน่ะ...~
อะไรกันเนี่ย...เขาอุตส่าห์นอนคิดอยู่ทั้งคืนว่าจะพาซองมินไปเที่ยวไหนดี...ดันมีคนตัดหน้าพาไปก่อนเอาอย่างนี้เลยเหรอ....เซ็งจริงๆเลย...ทำไมคังอินต้องทะเลาะกับคยูตอนเวลาอย่างนี้ด้วยนะ...
~เอ่อใช่แล้วปลุกคังอินด้วยล่ะ ฉันจะไปปลุกคนอื่นต่อ...~
เอ...เดี๋ยวนะ...เฮ้ย!!...เดี๋ยวสิ...พูดเป็นเล่นจะให้เค้าปลุกหมีคังอินเนี่ยนะ....เอาแล้วไง...ซวยจริงๆอึนฮยอกเอ้ย...ไปทำอะไรให้ท่านหัวหน้าโกรธขึ้นมาล่ะเนี่ย...ฝันร้ายชัดๆเลยให้เค้าปลุกคังอินเนี่ย...ให้เค้าปลุกทุกคนในบ้านก็ได้ ขอร้องล่ะลีทึกอย่าให้เค้าเป็นคนปลุกคังอินเลย ก็รู้กันอยู่ว่าหมอนี่ตื่นยากขนาดไหน...
แต่คำขอร้องของอึนฮยอกดูจะไม่เป็นผล เพราะตัวคนสั่งนะเดินหายไปนานแล้ว อึนฮยอกจึงได้แต่คิดหาวิธีที่จะปลุกคังอินให้ตื่นจนได้....
เดี๋ยวค่อยกลับมาดูผลกัน ตอนนี้ตามท่านหัวหน้าวงไปดีกว่า
เมื่อลีทึกเดินออกจากห้องของคังอินแล้วก็รู้สึกสบายจนตัวลอยเพราะตอนนี้เค้าไม่ต้องปลุกคนตื่นยากอันดับหนึ่งของบ้านอย่างคังอินแล้ว...คนที่เหลือก็คงจะไม่ยากเท่าไหร่หรอกมั้ง...เดินมาจนถึงหน้าห้องของเยซองกับเรียววุค...แต่พอจะเปิดเข้าไปเยซองก็เดินออกมาพอดี...
“อ้าว...ตื่นแล้วเหรอ...” ลีทึกพูดด้วยความแปลกใจ ก็ปกติเยซองน่ะตื่นยากเป็นอันดับสี่รองจากชินดงเชียวล่ะ...
“อือ...เมื่อกี้นี้เอง...ได้ยินเสียงปลุกอึนฮยอกของนายน่ะ...”
“อ่าเหรอ...โทษทีที่ทำให้นายตื่น...” ลีทึกทำหน้าเอ๋อๆ..นี่เสียงเค้ามันดังขนาดปลุกคนที่อยู่ห้องข้างๆให้ตื่นได้เลยเหรอเนี่ย ???(ยังไงก็ต้องมาปลุกอยู่แล้วจะขอโทษไปทำไมกันนะ...ท่าจะบ้าแล้วแฮะเรา)
“ถึงยังไงถ้าฉันไม่ตื่นนายก็ต้องมาปลุกฉันอยู่ดีไม่ใช่เหรอ...ก็ปลุกครั้งเดียวได้ 2 คนเลยไง ”
“แล้วเรียววุคตื่นรึยัง...?” จริงๆถ้าเยซองตื่นเพราะเสียงเขาแล้วเรียววุคก็น่าจะตื่นแล้วนะ เพราะเรียววุคน่ะตื่นง่าย...
“ยังหรอก นายช่วยปลุกให้ด้วยละกัน...”เยซองพูดยิ้มๆ...ก่อนจะหันหลังเดินไปล้างหน้าล้างตา...
และคำตอบของเยซองก็ทำให้ลีทึกต้องแปลกใจ...ถ้าเสียงเค้าดังจริงเรียววุคก็ต้องได้ยินด้วยสิแล้วไหงถึงไม่ตื่นละเนี่ย...อีกอย่างทำไมเยซองตื่นถึงไม่ปลุกเรียววุคเองละเนี่ย... เค้าละงงจริงๆเลย...ลีทึกเลยเดินเข้าไปปลุกเรียววุค
“เรียววุค...ตื่นเถอะ...” เพียงแค่ลีทึกเรียกพร้อมสะกิดเพียง 2 - 3 ที เรียววุคก็ตื่นขึ้นมา...
“พี่ลีทึกเหรอฮะ...แล้วพี่เยซองล่ะฮะไปไหน...”
“อ้อ...หมอนั่นไปล้างหน้าแล้วน่ะ...เลยให้พี่ปลุกนายแทน...เออ...ว่าแต่เรียววุคก่อนหน้าที่พี่จะมาปลุกเนี่ยได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกบ้างมั้ย...?”
“ไม่เห็นได้ยินเสียงอะไรเลยนี่ฮะ มีอะไรเหรอฮะ” เรียววุคตอบคำถามพลางทำสีหน้างุนงง...ถ้ามีเสียงใครตะโกนเค้าก็ต้องได้ยินสิ...เค้าไม่ใช่คนตื่นยากซะหน่อย
“อ้อ...เปล่าๆไม่มีอะไรหรอก...” อยู่ๆลีทึกก็เงียบไปก่อนจะเรียกชื่อเรียววุคออกมา...
“เรียววุค...”
“ฮะ???”
“ถ้ามีอะไรไม่สบายใจล่ะก็บอกพี่ได้นะ พี่ยินดีจะเป็นที่ปรึกษาให้นายเสมอ”
“ครับ...ขอบคุณมากครับ”
“แล้วรีบๆไปล่ะ เดี๋ยวคนอื่นๆก็คงจะตามไปเองแหละ “
“ครับ...”
เรียววุคตอบก่อนจะจัดเตียงให้เรียบร้อย แต่เมื่อจัดเสร็จแล้ว...เจ้าตัวกลับไม่ได้รีบไปตามที่ตอบรับกับลีทึกไว้ แต่กลับนั่งลงบนเตียงก่อนจะคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย...
~พี่เยซอง...ทำไมพี่ถึงไม่ปลุกผมเหมือนเดิมล่ะฮะ...พี่เกลียดผมแล้วเหรอฮะ?... สิ่งที่ผมพูดกับพี่วันนั้น...มันคงทำให้พี่เจ็บปวดมากสินะครับ...แต่ขอร้องอย่าเกลียดผมเลยนะฮะ...ผมเองก็มีเหตุผลที่ไม่อาจจะทำตามความต้องการของพี่และของตัวผมเองได้...แต่เมื่อไหร่ที่ผมหาคำตอบให้กับปัญหาของตัวผมเองได้ ผมรับรองว่าพี่จะเป็นคนเดียวที่อยู่ในใจของผม... ~
ส่วนลีทึกก็ต้องรีบไปปลุกคนที่อยู่อีกห้องหนึ่งซึ่งเป็นห้องสุดท้ายแล้ว...แต่ตอนที่เดินไปก็อดคิดไม่ได้กับสิ่งที่พึ่งจะผ่านไปเมื่อกี้นี้...
~ถ้าเรียววุคไม่ได้ยินละก็ แสดงว่าเยซองไม่ได้ตื่นเพราะเสียงของเค้าหรอก...แต่ว่า...ทำไมต้องโกหกด้วยนะ....เยซอง
เฮ้อ....ช่างเถอะ...จริงๆเขาก็พอจะสังเกตท่าทีของทั้ง 2 คนออก...แต่ไม่รู้ทำไม...หลังจากกลับจากตอนที่ไปเที่ยวทะเลครั้งนั้นแล้ว ทั้งเยซอง ทั้งเรียววุคก็เปลี่ยนไป...คนอื่นอาจจะไม่สังเกตเห็น เพราะที่ว่าเปลี่ยนนะเป็นท่าทีระหว่างกันสองคนไม่ใช่กับคนอื่น แต่ตัวเค้าก็รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงนี้...แต่เมื่อทั้งสองคนไม่ต้องการจะบอกและไม่ต้องการให้ใครรู้ เค้าก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นต่อไป...~
แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ลีทึกไม่รู้...คนตื่นยากนั่นไม่ได้ตื่นเพราะเสียงของเค้าตามที่เจ้าตัวพูดนั่นนะ....ใช่... แต่เป็นเพราะเยซองไม่ได้นอนหลับอยู่ต่างหากจึงได้ยินเสียงนั่น...
ณ ห้องนอนของ 3 หนุ่มคนละมุม...
ใช่แล้วมันคือห้องนอนของฮันกยอง ซีวอน และชินดงนั่นเอง....
เมื่อเปิดประตูเข้าไป...ก็พบทั้งสามคนนอนหลับกันอยู่ลีทึกเลือกที่จะปลุกฮันกยองเป็นคนแรก...เพราะอะไรน่ะเหรอ...ในบรรดาทั้ง 3 คนแล้วฮันกยองน่ะตื่นง่ายที่สุดแล้ว...
“ฮันกยอง...ฮันกยอง” แล้วก็ตามที่คิดไว้ฮันกยองตื่นขึ้นมาอย่างง่ายดายดาย
“อืม...เช้าแล้วเหรอ...” ถึงจะตื่นง่ายแต่ก็ยังคงงัวเงียอยู่ดี...
“อือ...ไปล้างหน้าล้างตาเถอะ... เดี๋ยวอีก2คนนี่ฉันปลุกเอง...” ลีทึกว่าพลางมายืนระหว่างเตียงของซีวอนกับชินดงอย่างชั่งใจ...ปลุกใครก่อนดีล่ะเนี่ย และดูเหมือนจะเลือกได้แล้ว...
“ซีวอน...ซีวอน...ตื่นได้แล้วนะ...ซีวอน...”ลีทึกใช้มือเขย่าแขนซีวอนด้วยแรงที่ไม่มากนัก แต่แทนที่จะตื่น แขนของซีวอนกลับฉุดเค้าให้ลงไปอยู่ในอ้อมกอดนั้น....
“เฮ้...อะไรของนายเนี่ย...ซีวอน...” ลีทึกเรียกคนที่ยังหลับไม่รู้ตัวและกำลังกอดเขาอยู่ให้ตื่น...แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นผล...เพราะซีวอนก็ยังไม่ปล่อยเขาแถมยังกอดแน่นกว่าเดิมอีกต่างหาก...
“อืม...” ซีวอนส่งเสียงออกมาแต่ก็นั่นแหละเป็นแค่เสียงละเมอเท่านั้นเอง...
“ซีวอน...” ลีทึกเรียกอีกครั้งอย่างละเหี่ยใจ...แต่ผลก็ยังเหมือนเดิม ซีวอนยังคงไม่ตื่น...และแขนของเจ้าตัวยังคงกอดเค้าอยู่นี่นายกลายเป็นคนตื่นยากอันดับห้าของวงตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย...
แต่ลีทึกก็ไม่ได้ไม่ชอบสักหน่อยที่ซีวอนทำแบบนี้...ถ้าเป็นตอนตื่นละก็ซีวอนไม่มีวันทำแบบนี้กับเขาแน่นอน...อ้อมกอดของซีวอน...อบอุ่นอย่างที่เค้าเคยคิดไว้จริงๆ...ไม่อยากออกไปจากอ้อมกอดนี้เลย...เมื่อคิดอย่างนั้นก็คิดจะปล่อยให้เป็นยังนี้ไปสักพักละกัน...แต่แล้วเสียงละเมอของซีวอนก็ทำให้ลีทึกต้องหยุดความคิดนั่นลงทันที...
“ฮีชอล...ฮีชอลตัวนายอุ่นจังนะ” เพียงแค่ได้ยินก็เจ็บแปลบขึ้นมากลางหัวใจ นี่คงคิดว่าเขาเป็นฮีชอลอยู่สินะ...ขอโทษนะซีวอนที่ฉันไม่ใช่เจ้าหญิงของนาย ฉันเป็นแค่สาวใช้ธรรมดาๆที่ใฝ่ฝันถึงเจ้าชายเท่านั้นเอง...
ลีทึกตัดสินใจปลุกซีวอนอีกครั้ง เขาไม่อยากจมอยู่ในความฝันจอมปลอมนี้อีกแล้ว...ต้องตื่นมารับกับความเป็นจริงที่ว่าคนที่ซีวอนรักคือใคร...แม้แต่ในฝันของนายคนที่อยู่ในใจก็มีเพียงฮีชอลเพียงคนเดียวเท่านั้นสินะ..ซีวอน...
“ซีวอน...ซีวอนตื่นเดี๋ยวนี้นะ...” ลีทึกเรียกไปพลางเขย่าตัวซีวอนแรงขึ้น... และคราวนี้คงจะแรงพอที่จะทำให้ร่างสูงบนเตียงรู้สึกตัวได้...
“อ้าว...ลีทึก...ทำไมนายอยู่ที่นี่ล่ะ...” ซีวอนที่พึ่งตื่นยังงัวเงียอยู่จึงไม่ทันได้สังเกตหรอกว่าลีทึกกำลังอยู่ในอ้อมกอดของเขา ลีทึกจึงใช้ช่วงเวลานี้...ขยับตัวออกและลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว...เหมือนเหตุการณ์เมื่อกี้นี้ไม่เคยเกิดขึ้น...
“ก็มาปลุกพวกนายนั่นแหละ ซีวอนรู้ตัวมั้ย นายกำลังจะขึ้นอันดับคนตื่นยากอันดับห้าของวงแล้วนะ...”
“อะไรกัน...เมื่อคืนแค่นอนดึกนิดหน่อยเอง...ไม่เอานะ...ไม่อยู่ในอันดับบ้าๆนั่นเด็ดขาด...” ซีวอนโวยวายขึ้นมา เขาจะไม่ยอมไปอยู่ในอันดับพวกนั้นแน่ๆ
“งั้นตื่นแล้ว...ก็รีบไปกินข้าวสิ...วันนี้เวรเจ้าหญิงคนสวยของนายไง...แล้วอย่าลืมปลุกชินดงด้วยล่ะ...” ลีทึกพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงก่อนจะเดินออกไป...ซีวอนที่ยังนั่งบิดขี้เกี้ยวอยู่บนเตียง...พลางนึกถึงความฝันเมื่อกี้นิด ก่อนจะพึมพำกับตัวเองเบาๆ...
~วันนี้ฝันดีจัง...ฝันว่าได้กอดคนสวยแต่เช้า...แถมพอตื่นมายังจะได้กินอาหารฝีมือคนสวยอีกต่างหาก...โชคดีของเขาจริงๆเลย~
ซีวอนยิ้มอย่างมีความสุข ถึงจะต้องปลุกชินดงที่อาจจะตื่นยากไปซะหน่อยแต่ก็ไม่หวั่นหรอก ก็อุตส่าห์ฝันดีแต่เช้าเลยนี่นา...ผิดกับอีกคนที่ตอนนี้ในใจหดหู่ซะเหลือเกิน...ไม่ได้ร่าเริงเหมือนตอนก่อนจะออกมาเลยสักนิด...แค่คิดถึงเรื่องเมื่อกี้น้ำตาก็พาลจะไหลแต่ไม่ใช่ตอนนี้...และที่นี่...
คิดก่อนจะเดินไปที่โต๊ะอาหารและพบว่าฮีชอลที่ทำอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วกำลังนั่งทานอยู่พร้อมกับ คิบอม ดงแฮ เยซอง เรียววุคและฮันกยอง...
“อ้าว...แล้วอึนฮยอกกับคังอินยังไม่มาเหรอ...” ลีทึกพูดก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆเยซอง แต่ยังไม่ทันที่จะมีใครตอบ...คนที่พูดถึงก็มาพอดี...
“มาแล้ว...” อึนฮยอกพูดก่อนจะเดินมานั่งข้างๆดงแฮและตรงกันข้ามกับลีทึก
“แล้วคังอินล่ะ...” ลีทึกถามถึงคนที่ใช้ให้ปลุกเพราะเห็นว่าอึนฮยอกนั้นเดินมาคนเดียว
“คังอินไปล้างหน้าอยู่ เดี๋ยวก็มา...” อึนฮยอกตอบด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์อย่างแรง...เขาจะไม่มีวันยอมรับหน้าที่ปลุกเจ้าหมีนี่อีกเด็ดขาด...
“แล้วคอนายเป็นอะไรน่ะ อึนฮยอก” ลีทึกจำต้องถามอีกครั้งเมื่อเห็นอึนฮยอกจับคอตัวเองตั้งแต่ตอนเดินเข้ามานั่งแล้ว...
“จะมีอะไรซะอีกล่ะ...นอกจากผลงานไอ้หมียักษ์นั่นน่ะ...เล่นซะคอเคล็ดเลย”
“พวกนายปลุกกันอีท่าไหนเนี่ย...” ฮีชอลอดถามไม่ได้ เวลาเขาไปปลุกไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี่นา...
“ถามหมีนั่นเองก็แล้วกัน...แล้ววันหลังอย่าให้ฉันไปปลุกหมีนั่นเลย...เข็ดแล้วล่ะ” อึนฮยอกบอกก่อนจะเริ่มจัดการอาหารตรงหน้า...
หลังจากนั้นสักพัก...ซีวอนก็เดินตามมารวมทั้งคังอินกับชินดงด้วย...แต่ดูเหมือนวันนี้ซีวอนจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ จนฮีชอลสังเกตได้...
“อารมณ์ดีอะไรของนายน่ะ...” ฮีชอลมองหน้าซีวอนที่ยิ้มระรื่นออกหน้าออกตา
“เปล่าสักหน่อย แค่ฝันดี...ดีมากๆด้วย” ซีวอนหันมาตอบพร้อมรอยยิ้ม โดยไม่ได้สังเกตเลยว่าคนที่นั่งอยู่ด้านตรงข้ามกำลังมีสีหน้าอย่างไร...
“อะไรของนายเนี่ย...เฮ้อ...ช่างเถอะ”
เมื่อทานอาหารกันเสร็จแล้ว...คิบอมก็ออกไปถ่ายละคร ฮีชอลเรียกทุกคนมาปรึกษากันอีกครั้ง ก่อนที่ผลสรุปจะออกมาว่ารอทั้ง 2 คนกลับมาก่อนดีกว่า
“นี่ก็บ่ายแล้วน้า...ทำไมยังไม่กลับมากันอีกล่ะ...” ตอนนี้หมีเริ่มทำตัวงอแงอีกแล้ว...
“เอาน่าเดี๋ยวก็มากันเองนั่นแหละ...” ฮีชอลว่าคังอินแต่ในใจก็คิดอยู่เหมือนกันว่ามันออกจะนานเกินไปแล้ว...
เมื่อผ่านไปสักพักเสียงสวรรค์ที่คังอินอยากจะได้ยินนักหนาก็ดังขึ้น...ใช่แล้ว เสียงเปิดประตูของซองมินและคยูฮยอนนั่นเอง...คังอินจึงรีบเดินไปที่ประตูอย่างรวดเร็วแต่ก็ยังช้ากว่าอึนฮยอกนัก...
“คยูฮยอน!! ซองมิน!!” เสียงอึนฮยอกพูดอย่างตกใจ ทำให้ทุกคนเดินตามมา และภาพที่เห็นคือ....
To Be Con
..
กว่าจะพิมพ์เสร็จ ใช้เวลานานมากๆๆๆ
ยาวจริงๆเลย....
ขอบคุณที่เม้นต์กันนะ..
Bye จ้าาา...
- - + + R z.
ความคิดเห็น