ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Flaw Flower [Fic TVXQ : Soulmate]

    ลำดับตอนที่ #7 : [ 6 ] : Have you ever loved me? (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 17 ธ.ค. 54




    Chapter VI : Have you ever loved me?


    ภายในห้องที่ปิดไฟมืดสนิทมีเพียงแสงไฟสีส้มจากโคมไฟบนโต๊ะทำงานส่องสว่าง แม้จะดึกมากแล้วแต่ยุนโฮก็ยังไม่นอน นิ้วเรียวยาวดันแว่นตากรอบบางที่เลื่อนลงต่ำให้กลับที่เดิม นัยน์ตาคมที่ไร้แววง่วงงุนเหลือบมองนาฬิกา ชายหนุ่มกำลังรอแจจุงมารายงานตัว หลังจุนซูส่งคนมาบอกเขาเรื่องที่ยูชอนปล่อยตัวการ์ดคนสวยกลับมา

    แน่นอน...ข่าวนี้ทำนายใหญ่แห่งเขตใต้อารมณ์ดีเป็นพิเศษ แม้จะแปลกใจในความรวดเร็วของมันอยู่บ้าง ที่เขาส่งรูปพวกนั้นไปเพราะต้องการปั่นหัวยูชอนก็จริง แต่จุดประสงค์แอบแฝงใช่ว่าจะไม่มี คนอื่นอาจจะมองว่ามันเสี่ยงเกินไปที่ใช้ไพ่ตายสำคัญ แต่เขาก็มีเหตุผลที่ทำให้มั่นใจได้ว่ามันคุ้มค่าที่จะลองเสี่ยง

    อย่างแรก...ยุนโฮค่อนข้างแน่ใจว่ายูชอนจะไม่ฆ่าแจจุง อย่างที่สองคือความสำคัญของยูฮวาน ยูชอนทำได้ทุกอย่างเพื่อปกป้องน้องชายคนเดียวของตัวเอง

    ...รูปถ่ายนั่นจะทำให้ยูชอนรู้สึกว่ายูฮวานกำลังตกอยู่ในอันตราย ในขณะเดียวกันแจจุงก็เปรียบเสมือนตัวแทนของตระกูลชอง หรืออีกนัยหนึ่งคือของอันตรายที่ต้องขว้างออกไปให้พ้นๆ และวิธีกำจัดก็มีแค่สองวิธี...ไม่ฆ่าก็ปล่อยตัว

    ยูชอนเลือกอะไร ผลก็เห็นกันอยู่แล้ว ...แต่ต่อให้ผลออกมาเป็นอีกแบบหนึ่ง ยุนโฮก็ไม่เสียดายแม้จะต้องเสียไพ่ตายไปพร้อมกับกุหลาบดอกสวย คนอื่นอาจมองว่าเขาอาจได้ไม่คุ้มเสีย แต่สำหรับยุนโฮแล้ว ถึงจะแลกเพียงความสะใจก็นับว่าคุ้ม

    *ครืน~ ครืน*

    หน้าจอโทรศัพท์สว่างวาบขึ้นเมื่อได้รับข้อความเข้า ยุนโฮหยิบมือถือใหม่ที่เพิ่งได้มาอย่างแปลกใจ มีไม่กี่คนที่กล้าส่งข้อความหาเขาเวลานี้ ทันทีที่ข้อความปรากฏแก่สายตาอารมณ์ที่ดีเมื่อครู่ถูกพัดหายไปในพริบตา

     

    ฉันคืนกุหลาบให้แล้ว แต่อย่าเสียดายที่เป็นของมีตำหนิล่ะ

    ยุนโฮกัดฟันกรอดอย่างสกัดกลั้นอารมณ์ ทั้งที่ครั้งนี้เขาเป็นฝ่ายชนะแท้ๆ แต่เพียงข้อความเดียวของยูชอนกลับทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นฝ่ายแพ้ ยุนโฮรีบลบข้อความยั่วโมโหทิ้งไปให้พ้นสายตา เริ่มจะหงุดหงิดเมื่อคนที่เขารอยังไม่มาสักที ไม่ทันไรเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

    “คุณยุนโฮ... แจจุงมาแล้วครับ” จุนซูเคาะประตูห้องของผู้เป็นนายพลางหันไปมองดุแจจุงที่ยืนลังเลอยู่หน้าห้องมาตั้งนานสองนานไม่ยอมเข้าไปสักที ถ้าไม่ใช่เพราะเขารู้สึกว่ามันนานเกินไปแล้ว แจจุงคงได้ยืนรอจนเช้า

    “เข้ามาสิ”

    พอได้รับคำอนุญาตประตูห้องก็เปิดออก แจจุงยังเอาแต่ยืนหลบอยู่ข้างหลัง จนจุนซูต้องดันให้ร่างบางก้าวเข้าไปในห้องแล้วรีบปิดประตูหนี ขาเรียวยาวก้าวเข้าไปอย่างไม่ค่อยมั่นคงไปหยุดยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงาน ขณะที่ยุนโฮถอดแว่นตาออกวางบนโต๊ะ

    “กลับมาแล้วเหรอ?” แม้จะเป็นเพียงคำถามพื้นๆธรรมดาที่ยุนโฮอาจจะพูดไปตามมารยาท แต่ถ้อยเสียงทุ้มอ่อนโยนเป็นราวกับสายลมอันนุ่มนวลที่ปัดเป่าให้ความกังวลของแจจุงหมดสิ้นไป ร่างบางคลี่ยิ้มหวานตอบผู้เป็นนาย

    “ครับ”

    “มานี่สิ” ชายหนุ่มเรียกให้แจจุงเข้ามาหาใกล้ๆ คำสั่งที่ทำให้ร่างบางลำบากใจ เขามีเหตุผลที่ไม่อยากเข้าใกล้เจ้านายหนุ่มในเวลานี้ แม้ใจจริงอยากจะอยู่ในอ้อมกอดของอีกฝ่ายมากเพียงใดก็ตาม

    “ผมยืนตรงนี้ดีกว่าครับ”

    “แจจุง...” น้ำเสียงที่แฝงความไม่พอใจของร่างสูงทำให้แจจุงไม่มีทางเลือก กุหลาบงามเข้าไปตามคำสั่งก่อนยุนโฮจะดึงให้ร่างบางนั่งลงบนตัก วงแขนแกร่งโอบเอวประคองให้ร่างบางหันหน้าเข้าหา นัยน์ตาคู่งามที่แลดูสับสนมองเจ้านายหนุ่มด้วยความหวาดหวั่น

    “คุณยุนโฮ” แสงไฟจากโคมบนโต๊ะเปิดเผยสิ่งที่แจจุงพยายามซ่อนไว้ ดวงตาคมค่อยๆไล้มองลงต่ำ แจจุงได้แต่เบือนหน้าหนี มือก็รีบดึงคอเสื้อตัวเองปิดก่อนร่างสูงจะทันได้เห็น

    “อย่ามองเลยครับ” น้ำเสียงหวานสั่นเครือด้วยหลากหลายความรู้สึกที่ถาโถมเข้าใส่ หากผู้เป็นนายกลับไม่ทำตามคำขอร้องนั้น ยุนโฮจับมือเรียวออกให้พ้นทาง คอเสื้อที่เปิดกว้างเผยให้เห็นร่องรอยที่ถูกทิ้งไว้อย่างจงใจ นิ้วเรียวลูบเบาๆเหนือรอยจูบสีกุหลาบ

    “ได้โปรดเถอะครับ~” แจจุงจับมือยุนโฮไว้ไม้ให้ขยับไปมากกว่านั้น ตอนแรกเขานึกว่าตัวเองจะปิดเรื่องนี้กับเจ้านายหนุ่มได้ หากหลักฐานตรงหน้าก็ชัดเจนเกินกว่าจะแก้ตัว เขาไม่อยากให้ยุนโฮเห็น ไม่อยากให้รับรู้อะไรทั้งนั้น หารู้ไม่ว่า...ยุนโฮรู้เรื่องทั้งหมดมาตั้งแต่แรกแล้ว

    “อย่ากลัวไปเลย ใช่ว่าฉันจะเกลียดนายเพราะเรื่องแค่นี้หรอกนะ”

    “แต่ว่า ผม...” แจจุงพูดไม่ออก เขาไม่คิดว่ายุนโฮจะยอมรับได้ง่ายๆ คำพูดที่เกิดความคาดหมายกระตุกหัวใจร่างบางเข้าอย่างจัง

    “ฉันรู้ว่านายรู้สึกแย่ แต่มันผ่านไปแล้ว และตอนนี้นายกลับมาหาฉันแล้วนี่  เรื่องอื่นนอกเหนือจากนั้นก็ช่างมันเถอะ...” มือใหญ่ประคองใบหน้าสวยหวาน ปลายนิ้วเรียวลูบแผ่วเบาเหนือรอยบาดที่แก้มเนียนคล้ายจะปลอบใจ การกระทำที่ทำให้ร่างบางอบอุ่นใจเป็นที่สุด มือเรียวยกขึ้นทาบทับมือใหญ่แนบแก้มนุ่มให้แนบชิดยิ่งกว่าเดิมแทนคำขอบคุณ

    “ช่วงนี้ก็พักไปก่อน ดีขึ้นแล้วค่อยกลับมาทำงาน”

    “ผมทำงานได้นะครับ”

    “อย่าฝืนนักเลยแจจุง ถ้าวันนั้นนายสบายดี เรื่องนี้ก็คงไม่เกิดขึ้นหรอก” ยุนโฮจับข้อมือเรียวเป็นสัญญาณเตือนไม่ให้ร่างบางปฏิเสธอีก แจจุงจะแย้งอะไรได้อีกนอกจากก้มหน้าก้มตารับคำสั่งแต่โดยดี พอคนสวยรับคำยุนโฮก็ปล่อยมือออกจากเอวบางเป็นสัญญาณบอกให้แจจุงไปได้แล้ว

    หัวใจที่เพิ่งจะโลดแล่นกลางอากาศเหมือนถูกผลักลงเหวในฉับพลัน แจจุงรู้แล้วว่าที่ยุนโฮไม่โกรธ ไม่ใช่เพราะความรักอย่างที่เขาคิด แต่เป็นเพราะเจ้านายหนุ่มไม่คิดอะไรต่างหาก ไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญอย่างที่เขาคิดว่ามันเป็น บางทีที่สั่งให้พักคงเพราะไม่อยากให้คนอื่นเห็นสภาพกุหลาบที่ถูกย่ำยีมาซะมากกว่า ไม่ได้เป็นห่วงอะไรนักหรอก น่าขันที่คิดไปเองคนเดียว สำคัญตัวผิดไปแล้ว คิมแจจุง!

    “ราตรีสวัสดิ์ครับ” เสียงหวานบอกลาเจ้านายหนุ่มด้วยรอยยิ้มแม้ภายในจะต่างกันโดยสิ้นเชิง พอออกจากห้องผู้เป็นนาย แจจุงก็ต้องแปลกใจ เมื่อพบว่าคนที่บอกว่าจะไปทำงานต่อกลับมายืนพิงผนังรอเขาอยู่หน้าห้อง

    “ไหนว่ามีงานไง”

    “มี แต่ไม่ไป” จุนซูกอดอกตอบหน้าตาเฉย จนแจจุงแทบกลั้นหัวเราะไม่อยู่ ทีเมื่อกี้ขอให้อยู่เป็นเพื่อนก็ไม่ยอมปิดประตูหนีเขา ทีตอนนี้ไล่ให้ไปก็ยังไม่ยอมไปอีก ให้ตายเถอะ…!

    “ฉันไม่เป็นไรสักหน่อย” สาเหตุที่อีกฝ่ายไม่ไปแจจุงเดาได้ไม่ยาก จุนซูเป็นห่วงเขา ความรู้สึกที่เจ้าของนิสัยสมกับฉายาตุ๊กตาไร้หัวใจ ไม่ได้มีให้ใครง่ายๆ

    “เป็นสิ เป็นมากด้วย” พอเห็นร่างบางทำหน้างง จุนซูก็รีบชิงตอบก่อน “หน้านายมันฟ้อง”

    “หน้าฉันเนี่ยนะ” นิ้วเรียวชี้ใบหน้าตัวเองอย่างแปลกใจ ทั้งที่มั่นใจว่าตัวเองเก็บซ่อนทุกความรู้สึกไว้อย่างแนบเนียนแล้ว ขนาดยุนโฮยังไม่รู้สึกเลยด้วยซ้ำ แต่ทั้งหมดนั่นกลับถูกจุนซูมองออกอย่างง่ายดาย

    “ไปเถอะ”

    “เดี๋ยวก่อนสิ! จะไม่ไปทำงานจริงๆเหรอ?” กุหลาบงามนึกว่าจะหาเหตุผลเถียงข้างๆคูๆแล้วกล่อมให้จุนซูไปทำหน้าที่ของตัวเอง ไม่ทันคิดว่าจะถูกเพื่อนรักกอดคอให้เดินกลับไปที่ห้องพักของพวกเขาพร้อมกัน

    “เฮ้อ~ รู้แล้วน่า รอแป๊ปนะ” ร่างเล็กตอบเสียงห้วนคล้ายจะไม่พอใจ ก่อนจะหยิบเอาวิทยุสื่อสารมาออกคำสั่งกับลูกน้อง

    “ฮยอกแจ... ฉันมีธุระ ฝากจัดการที่เหลือด้วย” พูดจบจุนซูก็ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะตอบมาว่าไง เขาปิดวิทยุสื่อสารแล้วยัดลงกระเป๋าอย่างลวกๆ

    “ทีนี้ไปได้หรือยัง...” แจจุงได้แต่ยิ้มรับอย่างยอมแพ้กับความเอาแต่ใจของเพื่อนรัก ในมุมที่หากคนอื่นมาเห็นคงไม่มีใครคิดว่านี่คือจุนซูตัวจริงแน่นอน มีเพียงเหตุผลเดียวที่ทำให้แจจุงแตกต่างจากคนอื่น

     

    ...เพราะแจจุงเป็นเพื่อนของเขา เพื่อนคนแรกและคนเดียวที่คิมจุนซูมี...

    .

    .

    .


    เวลาหนึ่งอาทิตย์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ในความรู้สึกของคนถูกพักงานอย่างแจจุง เวลากลับผ่านไปอย่างเชื่องช้าเมื่อต้องอยู่เฉยๆ แต่ในห้องไม่ได้ออกไปไหน ร่องรอยและบาดแผลจางหายไปจนหมดสิ้น นอกจากนิ้วที่ยังเคลื่อนได้ไม่ถนัดนักเพราะกระดูกยังไม่ประสานกันดี แต่เมื่อแจจุงยืนยันว่ามันจะไม่เป็นอุปสรรคกับการทำงาน  ร่างบางจึงได้รับอนุญาตให้กลับมาทำหน้าที่ดังเดิม

    ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาความเคลื่อนไหวของสองตระกูลไม่เคยหยุดนิ่ง ฝ่ายผู้นำตระกูลปาร์คเอง ถึงจะยอมปล่อยเขากลับมา แต่ก็ไม่ลืมที่จะตอบแทนการแตะต้องน้องชายคนสำคัญด้วยการลอบวางระเบิดจุดแลกเปลี่ยนสินค้าแห่งหนึ่งในพื้นที่ที่เป็นของตระกูลชองเอง คล้ายจะบอกอยู่กลายๆว่า การเหยียบปลายจมูกยุนโฮก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร เรื่องนี้ทำยุนโฮหัวเสียไปหลายวันทีเดียว ...เหตุการณ์เหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วสำหรับพวกเขา ปกติเสียจนลืมไปเลยว่าต้นเหตุของความขัดแย้งเกิดขึ้นเพราะอะไรกันแน่...?

    แสงตะวันลาลับขอบฟ้าเปลี่ยนให้แสงจากหลอดไฟเข้ามาทำหน้าที่แทนในยามกลางคืน ในขณะที่เวลาของผู้คนส่วนใหญ่กำลังสิ้นสุดลงหลังจากการทำงานมาทั้งวัน แต่เวลาของแหล่งบันเทิงเริงรมย์ยามค่ำคืนอย่าง ชอนมุนแด’ (หอดูดาว) เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น

    แสงหลากสีสันจากร้านสองข้างทางส่องสว่าง แต่ละร้านก็มีวิธีเรียกลูกค้าและบริการที่แตกต่างกันออกไป แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ชอนมุนแดแตกต่างจากย่านบันเทิงแห่งอื่นๆ เพราะการแลกเปลี่ยนที่สุดแสนจะอิสระและหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นหญิงสาวสวย เด็กหนุ่มรูปงาม ยาเสพติด ของมึนเมา และสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ ที่ขายได้ ล้วนถือว่าเป็นสินค้าทั้งนั้น เรียกได้ว่าเป็นย่านสกปรกแห่งหนึ่งของเมืองโซลที่แม้แต่พวกตำรวจก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้

    ครึ่งหนึ่งของธุรกิจทั้งหมดในชอนมุนแดเป็นของตระกูลชอง ส่วนที่เหลือเป็นพันธมิตรของตระกูล สำหรับยุนโฮแล้ว นี่ถือเป็นย่านที่สำคัญที่สุด

    ขาคู่ยาวก้าวพาร่างสูงเดินแทรกไปตามช่องว่างระหว่างฝูงคนไปอย่างไม่รีบเร่งและกลมกลืน ใบหน้าหล่อเหลาเรียบเฉยไร้อารมณ์ สายตาทอดมองไปเบื้องหน้า ดูผ่านๆแล้วก็เหมือนกำลังเพลิดเพลินไปกับแสงสียามค่ำคืนของย่านชอนมุนแด หากสัญชาติญาณที่อยู่ในสายเลือด ทำให้เขารู้ว่าท่ามกลางจำนวนผู้คนมากมายที่ล้อมรอบอยู่นั้น มีสายตาที่มองอย่างไม่เป็นมิตรอยู่หลายคู่ กระนั้นเจ้าตัวก็ยังเมินเฉยเพียงแค่มองไปยังเป้าหมายเบื้องหน้าที่กำลังจะถึง ผิดกับเด็กหนุ่มสองคนที่อยู่ข้างกาย

    “คุณยุนโฮครับ ปล่อยไว้แบบนี้จะดีเหรอครับ?” แจจุงเอ่ยถามอย่างข้องใจ เขาและจุนซูสัมผัสได้ถึงสายตาที่เปลี่ยนไปของร้านพันธมิตรบางแห่ง ดูเหมือนว่าการโจมตีของตระกูลปาร์คครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของยุนโฮมากทีเดียว

    “ถ้าเกิดแข็งข้อขึ้นภายหลัง เราจะลำบากนะครับ” จุนซูช่วยพูดเสริม เขาเองก็เห็นด้วยว่าการปล่อยคนพวกนี้ไว้จะเป็นปัญหาในภายหลัง

    “อืม ฉันรู้...แต่เห็นว่าครั้งแรกจะยกโทษให้สักครั้ง แต่ถ้ามีครั้งที่สองเมื่อไหร่ก็จัดการได้เลย”

    “เข้าใจแล้วครับ”

    สิ้นเสียงหวาน ทั้งสามคนก็มาถึงคลับ Black Stars สถานที่เกิดเหตุระเบิดเมื่อสามวันก่อน ทางเข้าด้านหน้าติดป้ายรูปหัวกะโหลกสีดำทาบทับด้วยกากบาทสีแดงติดไว้ว่าห้ามเข้า สีหน้าของนายใหญ่แห่งเขตใต้เรียบเฉยยิ่งกว่าเดิมเมื่อได้เห็น

    สภาพความเสียหายจากแรงระเบิดไม่ใช่น้อยๆ เพราะโครงร้านชั้นสองทำจากไม้ หลังการระเบิดจึงเกิดเพลิงไหม้เผาจนวอดวาย ยามเมื่อลมพัดยังได้กลิ่นเหม็นไหม้ที่ลอยมาตามสายลม ถึงแม้คลับ Black Stars จะไม่ใช่จุดแลกเปลี่ยนสินค้าที่สำคัญที่สุดหรือใหญ่ที่สุดของตระกูล แต่การเหยียบเข้ามาถึงถิ่นของศัตรูก็เรียกได้ว่าจงใจหยามกันซึ่งๆหน้า

    ยุนโฮถอนใจยาว นึกสงสัยนักเชียวว่าทำไมลูกน้องของตนถึงได้สะเพร่าขนาดปล่อยให้ศัตรูเข้ามาถึงถิ่นทั้งยังจับมือวางระเบิดไม่ได้สักคน ดูเหมือนจะต้องมีการสะสางคนทำหน้าที่กันใหม่เสียละมั้ง

    “ไปเถอะ”

    ถึงจะไม่ค่อยพอใจ แต่เมื่อถ้าเทียบกันเป็นเปอร์เซ็นต์จริงๆแล้วก็นับว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นเล็กน้อยมาก เมื่อในชอนมุนแดยังมีร้านของตระกูลชองอีกกว่าร้อยแห่ง ยุนโฮจึงไม่ปล่อยให้อารมณ์ขุ่นเคืองใจมาครอบงำนานนัก เจ้านายหนุ่มปล่อยให้หัวหน้าการ์ดร่างเล็กเดินนำไปยังจุดหมายถัดไปของวัน

    เพียงไม่กี่ก้าวก็มาถึงคลับอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กัน จุนซูนำเข้าไปในร้านผ่านลูกค้าที่ส่งเสียงเฮฮาเมามายไปถึงด้านหลัง ก่อนจะเดินหายลับเข้าไปในทางที่ทอดต่ำลงไปใต้ดินอันเป็นส่วนที่ไม่เปิดบริการให้แก่ลูกค้าภายนอก บุรุษร่างกำยำสองคนที่ยืนคุมประตูทางเข้าอยู่รีบหลบทางให้ด้วยท่าทางนอบน้อมด้วยความเคารพเมื่อเห็นดวงหน้าของสองบอดี้การ์ดและผู้เป็นนายเหนือชีวิต ก่อนจะนำทางให้คนทั้งสามเข้าไปด้านใน หากเสียงเอะอะโวยวายจากด้านบนก็ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดชะงัก

    “เดี๋ยวฉันไปดูเอง” เพราะอยู่ด้านหลังสุด แจจุงจึงรับอาสาไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น เรียวขาบางก้าวฉับไวมาถึงด้านบน ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นชุลมุนจนมองไม่ออกว่าใครเป็นใคร หากท่ามกลางความสับสน นัยน์ตาคู่งามกลับสังเกตเห็นใครบางคนที่แผ่นหลังแลดูคุ้นตาอยู่ที่ด้านนอกร้าน

    แจจุงรีบก้าวขาตามไปไม่สนใจการทะเลาะวิวาทที่ขวางทางอยู่ เสียงประตูที่ร่างบางเปิดเรียกให้เจ้าของแผ่นหลังคุ้นตาที่ไม่ได้ไปไหนไกลให้หันกลับมา นัยน์ตาคมสบกับดวงตาที่เบิกกว้างด้วยความตกใจของแจจุง ชายหนุ่มส่งยิ้มยียวนกวนอารมณ์ให้ราวกับเป็นการทักทายก่อนจะวิ่งหายไปในความมืด ร่างบางเองก็ไม่รอช้าที่จะตามไปทันที โดยไม่ลืมที่จะรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้ทุกคนทราบด้วย

    “ให้ตายเถอะ!” แจจุงไม่คิดเลยว่าจะต้องมาเจอกับยูชอนตั้งแต่วันแรกที่กลับมาทำงาน บางทีชายหนุ่มคงมาเพียงเพื่อสังเกตการณ์ หรือไม่ก็กำลังวางแผนอะไรอยู่ แต่เมื่อกล้าบุกมาถึงถิ่นศัตรูก็ควรจะเตรียมตัวยอมรับความพ่ายแพ้ไว้ซะด้วย

    เส้นทางในชอนมุนแดซับซ้อนและวกวน หากไม่ใช่คนในพื้นที่ก็อาจจะหลงทางได้ง่ายๆ ถึงยูชอนจะศึกษาทางหนีทีไล่มาบ้าง แต่ก็ไม่อาจสู้คนที่อาศัยอยู่ในนี้มาก่อนจนรู้ทุกซอกทุกมุมของที่แห่งนี้ดีอย่างแจจุงได้ ร่างบางไล่ต้อนยูชอนจนมาถึงทางตัน ไม่มีทางให้ไปอีกนอกจากทางที่แจจุงยืนอยู่

    “คุณมาทำอะไรที่นี่!!?”

    “นั่นสิ มาทำอะไรดีนะ~

    “แล้วมือขวาของคุณไปไหนซะแล้วล่ะครับ?” แจจุงมั่นใจว่าถ้าต้องสู้กันตัวต่อตัวในสภาพนี้เขาจะไม่แพ้ยูชอนง่ายๆ แน่ แต่จะต้องแน่ใจว่าจะไม่มีมือที่สามเข้ามาสอด

    “สนใจด้วยเหรอ?” ถึงจะวิ่งจนเหนื่อยหอบทั้งอยู่ในสภาพเสียเปรียบ แต่ยูชอนไม่ได้เป็นกังวลกับมันเลย ร่างสูงยังคงยิ้มและส่งสายตาแบบที่ทำให้แจจุงกลายเป็นฝ่ายที่ต้องก้าวถอยหลังเสียเอง มือเรียวกำแน่นอย่างอดกลั้น หากเสียงฝีเท้าและเสียงตะโกนที่อยู่ไม่ไกลก็ทำให้กุหลาบงามผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก

    “คุณหนีไปไหนไม่รอดหรอกครับ คนของตระกูลชองกำลังมาที่นี่”

    “รอดสิ”

    “อ่ะ!” สิ้นเสียงทุ้ม แจจุงที่ไม่ทันได้ระวังตัวก็ถูกฉุดเข้าไปในซอกตึกแคบๆ ร่างสูงจับข้อมือบางข้างหนึ่งล็อคไว้ข้างหลัง แล้วกดแผ่นหลังบางชิดผนังพร้อมกับข้อมืออีกข้าง แล้วแนบร่างของตนทาบตามไปบังจนมิด ใบหน้าคมโน้มลงครอบครองริมฝีปากบางก่อนแจจุงจะได้เปล่งเสียงร้องใดๆ

    “เฮ้ย! ไอ้ขี้ขลาดนั่น มันอยู่ที่ไหนว่ะ?” เสียงชายฉกรรจ์นับสิบคนพร้อมด้วยอาวุธครบมือต่างมองหาไปรอบๆ ก็ไม่เห็นวี่แววของศัตรูคู่แค้นหรือกุหลาบงามของผู้เป็นนายแม้แต่เงา จนมีลูกน้องคนหนึ่งไปสะดุดเข้ากับร่างที่ซ่อนอยู่ในเงามืดของซอกตึก

    “นั่นใคร?” ชายคนที่สังเกตเห็นส่งเสียงตะโกนถามพลางทำท่าจะเดินเข้าไปเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบ เมื่อถูกสงสัยยูชอนจึงลงมือหนักหน่วงขึ้น มือใหญ่ถกชายเสื้อตัวบางขึ้นแล้วสอดมือเข้าไปลูบไล้ผิวเนียนละเอียดใต้เนื้อผ้าจนร่างที่ถูกกระทำสั่นสะท้าน กลีบปากบางถูกกดย้ำเคล้นคลึงหนักหน่วงเมื่อแจจุงพยายามขัดขืน

    “อย่ามัวสนใจคนอื่นน่า รีบไปได้แล้ว!” ถ้าเป็นที่อื่น ชายฉกรรจ์เหล่านี้คงเข้าไปขัดเพื่อดูหน้าของทั้งสองคนแล้ว เสียแต่ว่าภาพแบบนี้สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในทุกตรอกซอกซอยของชอนมุนแดจนเป็นเสียยิ่งกว่าเรื่องปกติ แม้แต่คนอื่นก็ไม่ทันสังเกตว่าร่างบางที่พยายามขัดขืนอย่างเต็มที่คือกุหลาบงามของนายใหญ่

    ยูชอนรอจนแน่ใจว่าคนของตระกูลชองไปไกลแล้วถึงได้ปล่อยให้แจจุงเป็นอิสระ ร่างบางทรุดลงกับพื้น ขาสั่นจนไม่มีแรงจะประคองตัวยืน หากแก้วตาสีรัตติกาลที่ฉายภาพของร่างสูงนั้นกลับเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

    “ผมจะฆ่าคุณ!

    “ก่อนหน้านั้น ลุกขึ้นมาให้ได้ซะก่อนเถอะ” ยูชอนยักไหล่ให้อย่างไม่ยี่หระ ถึงจะพูดจาถากถางไปแบบนั้นแต่ก็ยังมีน้ำใจ อุตส่าห์ยื่นมือให้แจจุงจะช่วยประคองให้ลุกขึ้นด้วยซ้ำ แต่มีหรือที่ร่างบางจะยอมรับความช่วยเหลือนั้น

    “นายท่านครับ!” ซีวอนปรากฏตัวพร้อมกับลูกน้องอีกสองสามคน ฟังจากเสียงลมหายใจที่ไม่เป็นปกติคาดว่าเจ้าตัวคงเร่งฝีเท้าตามมาช่วยผู้เป็นนายเต็มที่

    “ฉันไม่เป็นไร” ยูชอนถอยมาให้ซีวอนได้เห็นว่าเจ้าตัวรอดจากการตามล่าของตระกูลชองได้เพราะใคร

    “ชางมินรออยู่ รีบกลับเถอะครับ” ยูชอนเห็นด้วยกับบอดี้การ์ดหนุ่ม นัยน์ตาคมทอดมองร่างบางเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะจากไปอย่างรวดเร็ว

    นัยน์ตาคู่งามจับจ้องร่างของผู้นำตระกูลปาร์คที่ค่อยๆหายไปไกลลับตา พลางเอามือถูริมฝีปากซ้ำไปซ้ำมาอย่างนึกรังเกียจ ฝ่ามืออีกข้างกำแน่นอย่างอดกลั้นชกไปที่ผนังตึกซ้ำๆอย่างเจ็บใจ

    .

    .

    .

    เรื่องที่เกิดขึ้นคืนวันนั้น ไม่มีใครรู้เรื่องเลยสักคน แม้แต่จุนซู...แจจุงก็ไม่ยอมเล่าให้ฟัง ทุกคนจะรู้เพียงแค่ว่ากุหลาบงามไล่ตามยูชอนไป แต่ดันไปเจอเข้าซีวอนและพรรคพวกที่เข้ามาขวางก่อนจะถึงตัวผู้นำตระกูลปาร์ค จนสุดท้ายยูชอนก็หนีไปได้อย่างที่เคย

    “แจจุง~ แจจุง!

    “อะไรเล่า เรียกซะเสียงดังเชียว” แจจุงยกมือขึ้นปิดหูกับเสียงเล็กที่ตะโกนเรียกเขา อยู่ใกล้แค่นี้ไม่เห็นต้องตะโกนใส่หูเขาเลย ถึงเขาจะมัวแต่คิดอะไรเพลินๆไปหน่อยก็เถอะ

    “เรียกหลายรอบแล้ว นายนั่นแหละมัวแต่เหม่อ!” พอเห็นอารมณ์เหวี่ยงกระฟัดกระเฟียดเกินระดับปกติของจุนซู แจจุงก็ส่ายหน้าแทบไม่ต้องเดาเลยว่าร่างเล็กไปเจอกับใครมา

    “ฮีชอลพูดอะไรอีกหรือไง”

    “ทำไมรู้ล่ะ??” จุนซูถามอย่างแปลกใจ เขายังไม่ได้บอกสักหน่อยว่าเจอฮีชอลก่อนจะมาที่นี่

    “เจอกันทีไร นายก็เป็นแบบนี้ทุกที คราวนี้เรื่องอะไรอีกล่ะ...” ร่างบางยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจนัก ในเมื่อมันไม่ใช่ครั้งแรก ไม่รู้ว่าฮีชอลจะจงเกลียดจงชังอะไรพวกเขานักหนา

    “ก็แดกดันเรื่องเดิมๆนั่นแหละ แต่...” ถ้อยคำที่จะเอ่ยชะงักไปเมื่อนึกถึงคำพูดน่าสงสัยที่ตอนนั้นไม่ทันติดใจเพราะอารมณ์โกรธ แต่พอมานึกคิดอีกครั้งกลับรู้สึกได้ถึงความไม่น่าไว้วางใจ 

    .
    .

    “ไง
    ~ คุณหัวหน้าการ์ด ชินกับหน้าที่ใหม่หรือยังล่ะ เอ...หรือว่ากำลังเสียดายอีกตำแหน่งที่ยังไปไม่ถึงกันน้า~


    “ฉันไม่ว่างฟังเรื่องไร้สาระของนายหรอก” จุนซูไม่สนใจคำถากถางนั่น แล้วรีบเดินผ่านร่างเลขาคนสวยไป แต่ฮีชอลก็เอาตัวเข้ามาขวางหน้าไม่ให้ร่างเล็กไป คิ้วเรียวขมวดยุ่งอย่างไม่ค่อยพอใจ แค่ต้องเจอหน้ากันแทบทุกวันตลอดเวลาที่อยู่กับยุนโฮก็แย่พออยู่แล้ว ไม่นึกว่ายังต้องมาเจอกันในเวลาส่วนตัวอีก

    “เรื่องไร้สาระที่นายไม่อยากฟังใช่ไหมล่ะ จะว่าไป...ฉันละเสียดายแทนนายใหญ่จริงๆ อุตส่าห์ยอมเสียไพ่ตายไปเพื่อเอาตัวคืนมา แต่สุดท้ายก็ต้องถูกเขี่ยทิ้งอยู่ดี...”

    “หึ! ว่างมากรึไง ฮีชอล? ถึงนายจะเสียดสีฉันยังไง คุณยุนโฮก็ไม่เห็นค่านายเพิ่มขึ้นมาหรอก เลิกพยายามอะไรที่มันสูญเปล่าสักที” คำพูดแทงใจคนฟังขนาดไหน ดูได้จากใบหน้าสวยที่เริ่มบิดเบี้ยวเพราะความโกรธ

    “ใช่สิ! พ่อคนโปรด นี่ฉันใจดีหรอกนะ ถึงได้อุตส่าห์บอกให้เตรียมใจไว้ก่อน ไม่สนก็แล้วไป” ฮีชอลหลีกทางให้จุนซูก่อนจะรีบกลับห้องตัวเองไป
    .
    .


    “ฉันอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ แต่แจจุง...ระวังตัวไว้หน่อยก็ดีนะ ฉันว่าคราวนี้ฮีชอลพูดแปลกๆ”

    “อืม ฉันจะระวัง”

     

    ในตอนนั้น...ทั้งสองคนไม่ได้รู้เลยว่า ความหมายของคำเตือนนั่นจะมาถึงอย่างรวดเร็วและรุนแรงกว่าที่คาดคิดไว้มากมายนัก

    .

    .

    .

    กลางดึกคืนวันนั้น แจจุงถูกยุนโฮเรียกพบด่วนที่ห้องทำงาน ตอนที่ร่างบางไปถึงไม่ได้มีเพียงเจ้านายหนุ่มเท่านั้นที่รออยู่ จุนซูและฮีชอลก็อยู่ด้วย แจจุงสัมผัสถึงบรรยากาศที่ผิดปกติได้ทันที บรรยากาศภายในห้องเงียบสงบจนน่าขนลุก ไม่มีใครพูดอะไรกันสักคำ ตั้งแต่แจจุงเข้ามายุนโฮยังไม่เงยหน้าจากเอกสารที่อ่านอยู่เลยสักครั้ง พอมองไปหาจุนซู ร่างเล็กก็เอาแต่เบือนหน้าหนีไม่ยอมสบตาเขา ขณะที่ฮีชอลมีแต่รอยยิ้มฉาบอยู่บนใบหน้า...รอยยิ้มของผู้ชนะ

    “คุณยุนโฮเรียกผมเหรอครับ?” เสียงหวานกลั้นใจเอ่ยถามเจ้านายหนุ่มเป็นประโยคตั้งแต่ก้าวเข้ามาในห้อง ถ้อยคำนั้นเรียกให้ชายหนุ่มละสายตาจากเอกสารตรงหน้าได้เป็นครั้งแรก ยุนโฮวางสิ่งที่อ่านอยู่ลงก่อนจะเดินเข้าไปหาแจจุงที่ยืนอยู่กลางห้อง

    เพียะ!!

    ฝ่ามือใหญ่ฟาดเข้าที่ผิวแก้มเนียนเต็มแรงจนร่างบางแทบเซล้มไปตามแรงที่ฟาดลงมา รอยแดงช้ำปรากฏขึ้นแทบจะในทันที แจจุงมองยุนโฮอย่างไม่เข้าใจ เขาทำอะไรผิด นี่มันหมายความว่ายังไงกันแน่!?

    “ยังนึกไม่ออกเหรอว่าฉันเรียกมาเรื่องอะไร?”

    ร่างสูงตบซ้ำอีกแทบจะในทันทีด้วยแรงที่ไม่ต่างอะไรกับครั้งแรก จนเลือดที่มุมปากไหลซึมเป็นทาง แต่แจจุงไม่ได้สนใจเลย เขารู้แต่ว่ายุนโฮกำลังโกรธมาก...มากเสียจนเขาทำอะไรไม่ถูก เขาไม่เคยเห็นร่างสูงเป็นแบบนี้ สองขาทรุดลงคุกเข่ากับพื้นราวจะขอความเห็นใจ

    “คุณยุนโฮ?”

    “สนุกมากไหมที่หลอกฉันได้” น้ำเสียงที่ยุนโฮใช้เปลี่ยนไป มันเยียบเย็นและเฉยชาอย่างที่ร่างบางไม่เคยได้ยินมาก่อน แจจุงไม่เข้าใจอะไรเลยจริงๆ เขาทำอะไรผิดไปอย่างนั้นเหรอ

    “หมายความว่ายังไงครับ?”

     

    เพียะ!!

     

    “คุณยุนโฮ! พอเถอะครับ” จุนซูแทบจะถลาตัวเข้าไปขวาง หากก็ต้องหยุดยืนอยู่ที่เดิมเพราะนัยน์ตาคมที่ตวัดมองอย่างดุๆ

    “ลุกขึ้นมา!” แจจุงทำตามคำสั่งผู้เป็นนายอย่างไม่รีรอ ร่างบางได้แต่ยืนนิ่งเงียบหวังว่ายุนโฮจะพูดอะไรบ้าง อาจจะเป็นโชคดีที่ร่างสูงคงรำคาญจึงเริ่มเปิดประเด็นขึ้นมาเสียเอง

    “นายเป็นสายให้ยูชอนตั้งแต่เมื่อไหร่?”

    “คุณยุนโฮพูดเรื่องอะไรครับ ผมไม่เข้าใจ” ข้อกล่าวหาร้ายแรงเกินกว่าที่แจจุงจะรับไหว ร่างบางได้แต่ส่ายหน้าปฏิเสธกับข้อหาที่ถูกยัดเยียดให้

    “อย่ามาปฏิเสธ ฉันคิดไว้อยู่แล้วเชียวว่าเราต้องมีหนอนบ่อนไส้ ไม่อย่างนั้นคนของตระกูลปาร์คจะแฝงตัวเข้ามาในชอนมุนแดง่ายๆถึงสองครั้งติดอย่างนี้ได้ยังไง หึ จะว่าไปวันนั้น นายเองก็รับอาสาไปดู เป็นคนแจ้งว่าเห็นยูชอน แถมยังช่วยให้หมอนั่นหนีไปได้อีก แล้วยังมีหน้ากลับมาเล่าเรื่องโกหกหน้าด้านๆ เล่นละครเก่งนักนะ แจจุง!!” เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างประดังเข้ามาในทีเดียว แจจุงรู้ตัวว่าคงตกหลุมพรางใครสักคนเข้าแล้ว ใครสักคนที่เป็นคนทรยศตัวจริง แต่กลับโยนความผิดให้เขาเป็นแพะรับบาปแทน!

    “ต้องมีการเข้าใจผิดอะไรกันแน่ๆ ผมไม่ได้ทำจริงๆนะครับ คุณยุนโฮ”

    “นายมีอะไรให้ฉันเชื่อล่ะ?” สายตาที่ยุนโฮมองร่างบางเปลี่ยนไปราวกับคนละคน ร่างสูงไม่เชื่อใจแจจุงเลยแม้แต่นิดเดียว เขาปักใจเชื่อว่าแจจุงเป็นคนทรยศแล้วจริงๆตามหลักฐานที่ได้รับมา

    นิ้วเรียวยาวดีดนิ้วเรียกส่งสัญญาณให้คนที่รอคำสั่งอยู่นอกห้องเข้ามา แจจุงหันไปตามมองประตูที่เปิดพรวดเข้ามาเป็นชายกว่าสิบคนพร้อมด้วยอาวุธปืนในมือ ทุกกระบอกล้วนมีเป้าหมายอยู่ที่ร่างบางทั้งนั้น นัยน์ตาคู่งามมองชายกลุ่มนั้นสลับกับยุนโฮอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง

    “ยอมไปกับเราแต่โดยดีเถอะครับ” อีฮยอกแจ...รองหัวหน้าการ์ดคนปัจจุบันคือคนเดียวที่ไม่ถือปืนเล็งไปที่แจจุงอย่างลูกน้องคนอื่น น้ำเสียงทุ้มยังกล่าวอย่างสุภาพให้ความเคารพเหมือนเช่นเคย เขาได้รับคำสั่งให้นำตัวกุหลาบงามไปสอบสวน ทั้งที่โดยปกติแล้วนี่เป็นหน้าที่ของหัวหน้าการ์ดหรือจุนซูแท้ๆ แต่นายใหญ่แห่งเขตใต้ไม่ยอมให้ร่างเล็กเข้ามามีส่วนร่วมใดๆเลย

    “คุณคิดว่าผมทรยศจริงๆอย่างนั้นเหรอครับ?” แจจุงถามคำถามนั้นด้วยความเจ็บปวดมากเพียงใดยุนโฮคงไม่รู้ ร่างบางไม่เข้าใจ... ไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมยุนโฮถึงได้ทำร้ายเขาอย่างเลือดเย็นขนาดนี้ ถ้าเพียงแค่สงสัยเคลือบแคลง...แจจุงยังพอรับได้ แต่นี่ยุนโฮกลับเชื่ออย่างสนิทใจว่าเขาเป็นคนทรยศ ทั้งยังเรียกคนมารอลากตัวเขาไปลงโทษอีก

    “ถามตัวเองเถอะ แจจุง” ยุนโฮโบกมือส่งสัญญาณให้ฮยอกแจลากตัวร่างบางออกไป บอดี้การ์ดหนุ่มมองหัวหน้าของตนที่ได้แต่ยืนนิ่งเงียบไม่ปริปากด้วยสายตาแสดงความขอโทษ ก่อนจะให้ลูกน้องสองคนไปคุมตัวแจจุงเตรียมพาไปที่คุกใต้ดิน หากร่างบางก็ขัดขืนไม่ยอมให้ถูกจับง่ายๆ

    “...ให้ผมถามอะไรอย่างหนึ่งได้ไหมครับ” ประโยคนั้นจากกุหลาบงามทำให้ชายสองคนที่พยายามจับกุมตัวร่างบางชะงักไป พอเห็นยุนโฮไม่ว่าอะไรเหมือนจะอนุญาต แจจุงจึงถามสิ่งเดียวที่ค้างคาใจมาตลอด

    “คุณเคยรักผมบ้างไหมครับ สักครั้งนั่น...คุณเคยไหมครับ?”

    หากสิ่งเดียวที่แจจุงได้รับคือความเงียบงัน ยุนโฮไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว แต่นั่นล่ะคือคำตอบ...คำตอบที่ทำมือไม้อ่อนแรง ไร้เรี่ยวแรงต่อต้านขัดขืนใดๆ อีก


    To Be Con...



    Sakura's Talk :: มีใครเดาถูกมั้ยคะว่าเรื่องมันจะออกมาในรูปแบบนี้ ฮ่าๆๆๆ ใครทรยศไม่รู้ แต่แจจุงของเราซวยเต็มๆ เฮิร์ทมาก แต่....ยังไม่มากพอ 55555 เอาเป็นว่า...ตอนหน้าพระเอกของเราจะกลับมาแล้วค่า มาทำหน้าที่พระเอกที่ดี ส่วนจะกลับมายังไง ก็ไม่รู้สิ คึๆๆๆ ><

    จะว่าไปเห็นตอนที่แล้วดูงงๆ + เคลือบแคลงคุณปาร์คกันทั้งนั้นเลย ฮ่าๆๆๆ ไม่รู้ว่าตอนที่เพิ่งอ่านกันนี้ พลอยอธิบายเข้าใจหรือเปล่านะคะ แต่ถ้ายังงงๆกันอยู่จะเล่าให้ฟังอีกรอบ ง่ายๆ คือชอนแค่ใจอ่อนอ่าคะ แบบเอาตัวไว้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว เพราะที่เอาตัวแจไว้เพราะอยากสะใจใช่มั้ยคะ แต่พอถูกยุนใช้เรื่องน้องชาย(ให้เจ็บใจกว่า) จะทำอะไรแจมันก็ไม่สะใจแล้วอ่าคะ แล้วก็รู้ตัวเองว่าพอโกรธอะไรยุนแล้วเอามาลงที่แจหมดมันก็ไม่ถูก สงสารด้วยอีกส่วนหนึ่งก็เลยตัดสินใจปล่อยไป ก็อย่างที่ถามชางมินนั่นแหละคะ เพราะชอนเริ่มรู้ตัวแล้วว่าตัวเองทำเกินไป ~ ยกโทษให้เขาหน่อยเถอะ เขาเป็นพระเอก 555 
    ส่วนยุน...เข้าใจว่าตัวเองมองปาร์คออกคะ ไม่ได้รู้หรอกว่า ปาร์คแอบหลงกุหลาบของตัวเองไปเรียบร้อยแล้วถึงได้ปล่อยมา 555

    จะว่าไปแอบลัดคิวให้เรื่องนี้อีกแล้ว แหะๆ *รู้สึกผิด* จริงๆ Revenge ก็ใกล้เสร็จแล้วล่ะคะ แต่พลอยยังทำใจกับตอนจบไม่ได้(?) ก็เลยยังไม่ลง...อย่างที่บอกว่ามันเป็น "โศกนาฏกรรม"

    ตอบ ricbird : แหม! เข้ามาคลาดกันไปหน่อย พลอยมาลงหลังเม้นต์ได้ไม่นานเอง เลยไม่เจอกันเลย 555 คิดถึงเหมือนกันค่า ดีนะคะ ที่น้ำท่วมไม่มาก แล้วตอนนี้เป็นปกติหรือยังคะ ส่วนบ้านพลอยไม่ท่วมเลยคะ โชคดีไป แต่งานหนักนิดนึง พอดีกลับมาอยู่บ้าน แล้วบ้านพลอยทำร้านอาหารอ่าคะ ช่วงน้ำท่วมคนเลยเยอะมาก วุ่นวายสุดๆ (ก็เลยไม่มีเวลาแต่งฟิคด้วยเหตุฉะนี้) 5555 
    อ่อ...ตอนที่แล้วเอ็นซีมีแค่นั้นแหละนะคะ ^^ ที่คนอื่นขอเป็นตอนที่ผ่านมาแล้วค่า แต่คอมเม้นต์มันขึ้นรวมกัน 555 ส่วนเรื่อง revenge รอปลายปีนะคะ พลอยจะลงช่วงนั้น


    -b g--s b- + + ไม้กาง เขน B G

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×