คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : [ 5 ] : Emancipate (100%)
Chapter V : Emancipate
พาหนะสี่ล้อแล่นด้วยความเร็วไปตามท้องถนนกลางเมืองหลวงยามค่ำคืน ยูชอนเพิ่งกลับจากการตระเวนหาสถานพยาบาลที่เหมาะสมแห่งใหม่ให้ยูฮวาน ร่างสูงเอนหลังพิงเบาะ ขณะที่สายตาเบนออกไปนอกหน้าต่างมองทิวทัศน์สองข้างทางที่บอกให้รู้ว่าใกล้จะถึงโรงแรมแล้วอย่างไม่ใส่นัก เมื่อความสนใจทั้งหมดของชายหนุ่มอยู่ที่การพูดคุยกับน้องชายคนสำคัญเพียงอย่างเดียว
“ผมต้องย้ายจริงๆเหรอครับ?” เสียงถามเจือไปด้วยแววอ้อนวอนขอร้องที่ทำให้ยูชอนลำบากใจ เขารู้ว่ายูฮวานไม่ใช่คนปรับตัวเก่ง การเปลี่ยนแปลงจึงไม่ใช่สิ่งที่น้องชายของเขาชอบใจนัก แต่จะปล่อยให้อยู่ที่เดิมต่อไปยูชอนก็ทำไม่ได้
“พี่ขอโทษนะ”
“เฮ้อ~ ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมย้ายก็ได้ แต่ว่า...พี่ต้องสัญญาก่อนว่าถ้าผมยอมย้าย พี่จะแวะมาหาผมบ่อยๆ”
“ตกลง พี่สัญญา”
“ถ้างั้นก็...ราตรีสวัสดิ์นะครับ”
“ฝันดีนะ ยูฮวาน”
ยูชอนคุยกับน้องชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนในแบบที่สัมผัสได้เลยว่าเจ้าตัวรักและทะนุถนอมน้องชายมากแค่ไหน เพราะยูฮวานคือครอบครัวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของเขา ยูชอนจะไม่มีวันยอมให้ใครหน้าไหนมาแตะต้องน้องชายได้แม้แต่ปลายเล็บ!
พอถึงโรงแรม ยูชอนก็สั่งงานอีกเพียงเล็กน้อยแล้วกลับไปที่ห้อง เวลาที่ดึกดื่นจนเกือบจะเข้าเช้าวันใหม่ทำให้ยูชอนคิดว่าใครอีกคนที่อยู่ในห้องคงจะหลับไปแล้ว แต่ไฟในห้องที่ยังเปิดสว่างก็บอกให้รู้ว่าชายหนุ่มคิดผิด ขณะที่เสียงประตูเปิดทำให้ร่างบางที่นั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงตื่นตกใจ...ยูชอนกลับมา!
“ทำไมยังไม่นอน?” ต้นเหตุความตระหนกทักด้วยคิ้วโก่งที่ขมวดมุ่นเข้าหากัน ท่าทางไม่พอใจของยูชอนทำให้แจจุงพูดอะไรไม่ออก... จะให้บอกหรือว่าเขากำลังคิดฉวยโอกาสหนี ในเวลาที่นายใหญ่แห่งตระกูลปาร์คไม่อยู่และกำลังวุ่นวายกับเรื่องของน้องชาย แจจุงไม่คิดว่ายูชอนจะกลับมาเร็วขนาดนี้
“ไม่ตอบ... คงไม่ใช่คิดหาทางหนีอยู่หรอกนะ” เพียงแค่เห็นสายตาตื่นตระหนกของร่างบาง ยูชอนก็เดาได้ทันทีว่าเจ้าตัวกำลังคิดอะไรอยู่ ความคิดที่ชวนให้หงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม ทั้งยังไปปลุกให้ความโกรธก่อนหน้านี้ปะทุขึ้นมาอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้
“หึๆ นายอยากหนีกลับไปซะขนาดนี้ แต่หมอนั่นไม่ยักคิดจะมารับนะ ตอนแรกฉันนึกว่ามันจะบุ่มบ่ามบุกเข้ามาช่วยนายถึงที่ซะอีก แต่ก็ยังงอมืองอเท้าทำตัวเป็นเต่าในกระดองโผล่หัวมาขู่แล้วก็ไม่ทำอะไร ขี้ขลาดชะมัดเลย!”
“คุณยุนโฮจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของคุณ!!” ถ้อยคำที่พูดไปลอยๆไม่ได้คิดอะไรของอีกฝ่าย กลับแทงใจร่างบางเข้าอย่างจังจนเผลอโต้ตอบกลับไป แล้วพลันใบหน้าสวยก็ซีดเผือด เมื่อรู้ตัวว่า...ทำสิ่งที่ไม่สมควรทำที่สุดในเวลานี้ไปแล้ว
“นายนี่ก็แปลก ชอบยั่วโมโหฉันอยู่เรื่อย ชอบแบบนี้หรือไง?” เจ้าของคำถามตรงเข้ามาที่เตียง สัญญาณอันตรายคล้ายกับจะบอกว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นนำพาให้ความกลัวแล่นมาเกาะกุมที่หัวใจ ร่างบางควบคุมตัวเองไม่ให้สั่นไม่ได้ แจจุงยอมรับว่าเขากลัว ตอนนี้ทั้งร่างกายและจิตใจอ่อนแอเกินกว่าจะต่อสู้กับอารมณ์โหดร้ายดังเช่นคืนที่ผ่านมาได้อีก
“อะ..!” ร่างบางถอยจนหลังติดหัวเตียงไม่มีที่ให้หลบ ยูชอนเข้ามาประชิดตัวอย่างรวดเร็ว มือใหญ่รวบข้อมือเรียวที่ยกขึ้นมาป้องปัดอย่างง่ายดาย ริมฝีปากหยักโน้มลงมาจูบปิดปากก่อนคำว่า ‘อย่า’ หรืออะไรทำนองนั้นจะหลุดออกมาจากกลีบปากนุ่ม
“อือ..” เสียงหวานไม่สามารถเล็ดลอดจากปากไปได้มากกว่านั้น ความนุ่มของริมฝีปากบางตรึงให้ร่างสูงบดย้ำลงไปครั้งแล้วครั้งเล่า แผ่วเบาและหนักหน่วงสลับกันไป เรียวลิ้นรุกล้ำไปกวาดหารสชาติหอมหวาน ก่อนร่างบางจะถูกดันจนแผ่นหลังแนบติดกับเตียงนุ่ม
ยูชอนรวบกดข้อมือเรียวทั้งสองข้างลงกับเตียงเหนือศีรษะด้วยแรงที่ไม่มากมายนัก ริมฝีปากอุ่นละไล้คล้อยลงต่ำมาที่ลำคอ ขณะที่มืออีกข้างแหวกคอเสื้อปลดเสื้อตัวบางออก ผิวขาวละเอียดเต็มไปด้วยร่องรอยที่ถูกทิ้งเอาไว้ หากคงยังไม่มากพอจะทำให้ร่างสูงพอใจ ริมฝีปากอุ่นจึงยังกดจูบขบเม้มย้ำจนปรากฏเป็นรอยแดงช้ำขึ้นจางๆ
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้...แจจุงคงจะต้องขัดขืนการกระทำด้วยกำลังทั้งหมดที่มีเป็นแน่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ เพราะเขารู้แล้วว่าผลลัพธ์ของการท้าทายอีกฝ่ายคืออะไร และเขาก็ไม่พร้อมจะรับมันอีกครั้งในยามนี้
ทว่า...ความคิดนั่น กลับยิ่งเป็นการตอกย้ำให้แจจุงรู้ว่าตัวเองนั้นอ่อนแอเพียงใด เขาเกลียดตัวเองที่ไร้ความสามารถ เกลียดที่ต้องยอมร่างสูงไปซะทุกอย่าง ความอดสูใจที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้กำแพงความอดทนของร่างบางให้สั่นคลอนจนเกือบจะพังลง จนน้ำตาทำท่าจะไหลออกมาเสียให้ได้ ก้อนสะอื้นก็จุกอยู่ที่คอจนหายใจแทบไม่ออก หากทิฐิยังคงรั้งให้กำแพงนั้นคงอยู่ต่อไป... เขาจะร้องไห้ให้คนๆ นี้เห็นไม่ได้เด็ดขาด ไม่อยากจะอ่อนแอไปมากกว่านี้ ไม่มีวัน!
“ผม..เกลียดคุณ...” ร่างบางยืนยันความเกลียดชังทั้งหมดที่มีด้วยเสียงหวานที่แหบพร่าสั่นเครือ นัยน์ตาแดงช้ำด้วยความพยายามอดกลั้นไม่ให้มีน้ำตาแม้แต่หยดเดียว
“แล้วไง” ยูชอนตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ แม้ว่าถ้อยคำนั้นจะทำให้หัวใจชายหนุ่มกระตุกวูบขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจตัวเองเลยก็ตาม สายตาคมไล้มองใบหน้าสวยหวานที่ปิดดวงตาแน่น คล้ายจะพยายามหลีกหนีความจริง ข้อมือบางถูกปล่อยให้เป็นอิสระเมื่อฝ่ามือใหญ่เลื่อนลงไปลูบไล้วนเวียนบริเวณต้นขา
มือเรียวปัดป้องไม่ให้ฝ่ามือใหญ่สัมผัสร่างกายตัวเองไปมากกว่าที่เป็นอยู่ แต่จะขัดขวางยังไงก็ไม่เคยสำเร็จ ร่างบางถูกกักให้อยู่ในอ้อมแขนแกร่งด้วยสภาพเปลือยเปล่า ยิ่งมีแรงต่อต้านชายหนุ่มก็ยิ่งออกแรงกอดรัดให้มากขึ้นไปอีก ริมฝีปากอุ่นกดจูบเคล้นคลึงหนักหน่วงราวกับจงใจเตือนให้ร่างบางรู้ว่าไม่ควรขัดขืนไปมากกว่านี้ ปลายลิ้นแตะละเลียดชิมกลีบปากนุ่มละมุน เม้มกลืนความอ่อนหวานทีละน้อย
ยูชอนยังคงป้อนจูบไม่หยุดไม่เปิดโอกาสให้ริมฝีปากบางเอื้อนเอ่ยถ้อยคำใด ลำพังแค่ขอโอกาสสูดลมหายใจเข้าสักครั้งยังยากเย็น จนแจจุงแทบจะไม่มีสติจะพะวงถึงร่างกายส่วนอื่นที่กำลังถูกรุกรานอย่างหนักหน่วง
...เนิ่นนานกว่าจะยอมถอนริมฝีปากออกมา ก่อนจะเคลื่อนกายลงสอดมือเข้าใต้ข้อพับเข่าแล้วดันให้เรียวขาบางทั้งสองแยกออกจากกัน เกิดเป็นพื้นที่ว่างให้ร่างสูงแทรกตัวเข้าไปกึ่งกลาง การกระทำที่ทำให้ร่างบางสั่นสะท้านด้วยความกลัวจนคนที่โอบรัดอยู่สัมผัสได้
“ไม่...” เสียงหวานค้านสั่นพอๆกับผิวกายชวนให้นึกเห็นใจอยู่บ้าง หากร่างกายกำยำจำต้องปลดปล่อยความต้องการที่รุมเร้าควานหาทางออกด้วยการเสียดแทรกไปภายในช่องว่างนุ่ม ต่อให้อ่อนโยนเพียงใดแต่เมื่อของเก่ายังไม่ทันหายก็ยังสร้างความเจ็บปวดให้อยู่ดี
“อื้อ~” ชายหนุ่มแนบฝังกายลึกจนพอใจ แล้วจึงโน้มตัวลงไปเกลี่ยผมที่ปรกหน้าผากเล็กออก กดริมฝีปากอุ่นแนบหน้าผากชื้นเหงื่อเพื่อปลอบโยน
“อย่าเกร็งสิ” ยูชอนกระซิบปลอบแผ่วเบาแล้วขบกัดเบาๆที่ติ่งหูเล็กเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากความเจ็บปวดเบื้องล่าง ลมหายใจร้อนเป่ารดผิวแก้มเนียนละเอียดให้ร้อนผ่าว กายกำยำเริ่มเขยื้อนโถมไปมาอย่างช้าๆ ไม่เร่งร้อน ความร้อนจากภายในเร่งให้จังหวะกระชั้นถี่ขึ้นเรื่อยๆ ความปรารถนาเร่งเร้าให้ชายหนุ่มโถมร่างเข้าหาย้ำกับผนังเนื้อนุ่มที่บีบรัดเสียจนแทบคลั่ง ทุกสัมผัสหน่วงนำเร่งให้ความต้องการเตลิดไปจนสุดทาง...
ลมหายใจของร่างที่อยู่เบื้องล่างหอบสั่นแทบจะหยุดหายใจตอนที่ชายหนุ่มถอนตัวออกไป กลีบปากบางที่เผยอขึ้นจากการหอบดึงดูดใจให้ชายหนุ่มโน้มตัวลงไปสัมผัสอย่างช่วยไม่ได้ จูบแผ่วเบาเม้มคลอเคลียกลีบปากหวานอย่างละมุนละไมคล้ายจะปลอบโยน ก่อนน้ำหนักร่างสูงที่กดทับจะถอยห่างออกไป นัยน์ตาคู่งามลอบมองนายใหญ่แห่งตระกูลปาร์คอย่างไม่วางใจ ไม่คิดว่าร่างสูงจะยอมหยุดอยู่เพียงเท่านี้
ยูชอนเดินไปหยุดอยู่ที่เคาน์เตอร์ที่มีส่วนบนเป็นตู้บรรจุแอลกอฮอล์ติดผนังห้อง มือใหญ่หยิบเอาเหล้ายี่ห้อโปรดออกจากตู้แล้วรินของเหลวสีอำพันลงในแก้ว ชายหนุ่มยกแก้วขึ้นดื่มหมดในรวดเดียว นัยน์ตาคมตวัดมองไปทางร่างบางที่อยู่บนเตียงคล้ายจะรู้ว่าถูกมอง จนแจจุงกลายเป็นฝ่ายต้องหลบสายตา
ยูชอนนิ่งคิดคล้ายจะตัดสินใจเรื่องบางอย่างอยู่พักใหญ่ ก่อนจะวางแก้วบรรจุเหล้าที่ว่างเปล่าไว้บนเคาน์เตอร์แล้วกดโทรศัพท์หาลูกน้องคนสนิท บทสนทนาแสนสั้นด้วยคำสั่งเพียงสองสามประโยคจบลงอย่างรวดเร็วจนแจจุงจับใจความไม่ทัน ไม่นึกว่าประโยคถัดมาจะเป็นคำสั่งของตัวเอง
“ไปอาบน้ำซะสิ”
คำสั่งที่ไม่มีปี่มีขลุ่ยชวนให้นึกประหลาดใจ แต่ร่างบางก็ล้าเกินกว่าจะคิดหาเหตุผลของมัน ปลายเท้าเรียวสั่นเทายามเมื่อสัมผัสกับพื้นห้อง ก่อนจะยันกายขึ้นโดยอาศัยโต๊ะข้างเตียงช่วยพยุง หากสองขาที่ไร้เรี่ยวแรงไม่สามารถรับน้ำหนักตัวได้ส่งผลให้ร่างบางล้มลง
แจจุงกัดริมฝีปากพลางค่อยๆพยุงตัวเองขึ้นมา...พยายามจะยืนอีกครั้ง แต่พอก้าวไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ล้มลงมาอีก ทั้งที่สภาพย่ำแย่แต่ก็ไม่คิดจะร้องขอความช่วยจากร่างสูงที่เฝ้ามองอยู่เลยสักนิด สุดท้ายก็เป็นยูชอนที่ทนไม่ไหว เสียงทุ้มสบถพึมพำกับตัวเองเบาๆพลางเดินตรงเข้าไปคว้าร่างบางอุ้มเข้าไปในห้องน้ำโดยไม่เปิดโอกาสให้ขัดขืน
“อย่ามายุ่งกับผม!” มือเรียวผลักไสร่างสูงออกทันทีที่ยูชอนวางตัวเองลงกับพื้นที่นั่งขอบอ่างอาบน้ำรูปวงกลม ท่าทางต่อต้านเช่นนั้นยังความไม่พอใจมาให้นายใหญ่แห่งตระกูลปาร์ค
“ถ้านายอยากจะต่ออีกสักรอบสองรอบที่นี่ก็ได้ ดูเหมือนยังไหวนี่!” สิ้นเสียงทุ้ม ชายหนุ่มก็ตอกย้ำด้วยการกระทำให้ร่างบางรู้ว่ามันไม่ใช่แค่การขู่ ฝ่ามือใหญ่เลื่อนลงไปลูบไล้ที่ซอกขาด้านใน สัมผัสที่ทำเอาร่างบางสะดุ้งเฮือก มือเรียวตะครุบมือใหญ่ไม่ให้ขยับได้มากกว่านั้น
“ยะ..อย่า”
“ถ้างั้นจะยอมให้อาบดีๆไหม?” แจจุงพูดอะไรไม่ออกได้แต่พยักหน้ายอมรับสภาพเสียเปรียบกว่าแต่โดยดี
ชายหนุ่มเปิดฝักบัวให้สายน้ำอุ่นรินรดลงมาแล้วจับร่างแจจุงให้ลุกขึ้นยืนโดยให้สองแขนบางคล้องคอเขาไว้เป็นหลักยึด ยูชอนใช้แขนข้างหนึ่งโอบประคองเอวบางเข้าแนบตัวเพื่อไม่ให้ทรุดล้มลงไปนอนกองอยู่กับพื้น นัยน์ตาคู่งามช้อนขึ้นมองใบหน้าหล่อคมคายด้วยแววขลาดกลัว เพราะไม่รู้ว่าชายหนุ่มจะทำอะไร
“แค่จะเอาออกให้” ยูชอนหมายถึงสิ่งที่เขาได้ทิ้งเอาไว้ในช่องว่างอ่อนนุ่มเมื่อครู่ อธิบายการกระทำของตัวเองด้วยการสอดนิ้วเข้าไปยังช่องทางด้านหลังตามคำพูดของตน
“ไม่..” กลีบปากบางปฏิเสธเสียงสั่นเครือ แบบนี้ก็แทบไม่ต่างอะไรกับคำขู่เมื่อครู่นี้เลย ร่างบางเกร็งสะท้านระหว่างที่อีกฝ่ายกำลังควานนิ้วไปมาเพื่อกวาดเอาสิ่งที่ตนเองเป็นคนฝากไว้ออก
“เจ็บ..พอ.แล้ว” แขนเรียวเกาะเกี่ยวยึดเหนี่ยวร่างของคนตรงหน้าไว้แน่นเพื่อพยุงร่างกาย เล็บเผลอจิกกับแผ่นหลังสูงเพื่อระบายความเจ็บปวด
“เดี๋ยว อยู่นิ่งๆสิ” นิ้วเรียวยาวยังคงวนเวียนอยู่ภายใน เหมือนเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติยามเมื่อช่องทางคับแคบถูกรุกรานมันจึงขยับตอดรับอย่างห้ามไม่ได้ ยิ่งเมื่อมีสิ่งที่คงค้างคอยเป็นตัวหล่อลื่น นิ้วของยูชอนก็ยิ่งขยับได้ลึกขึ้น
แจจุงได้แต่ซบหน้าลงกับไหล่กว้างซ่อนความอับอาย ฟันคมกัดริมฝีปากตัวเองจนเลือดซึม นิ้วเรียวยาวถอยห่างออกมาเมื่อรู้สึกว่าไม่หลงเหลือสิ่งใดอยู่ภายในแล้ว
นัยน์ตาคมมองสภาพอ่อนแรงของร่างบางที่ถึงขนาดยอมกอดคอเขาไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองล้มลงไป ทั้งยังซบศีรษะมนลงกับบ่าเพื่อซ่อนใบหน้าของตัวเอง โดยไม่รู้เลยว่าทุกอย่างที่พยายามปิดบังไม่ให้เห็นนั้น กลับสะท้อนในกระจกที่อยู่ด้านหลังจนหมดแล้ว ความอดทน...ที่ทำให้ยูชอนใจอ่อน มือข้างที่ว่างจากการประคองเอวบาง ยกขึ้นลูบแผ่นหลังที่สั่นเทาปลอบ
“เสร็จแล้ว ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร” ฝ่ามืออุ่นไล้ผิวบอบบางไม่สมชายอย่างอ่อนละมุน สัมผัสอ่อนโยนจนแทบไม่อยากจะเชื่อว่าเจ้าของสัมผัสจะเป็นคนเดียวกับนายใหญ่แห่งตระกูลปาร์คผู้โหดร้ายคนนั้น
ผ่านไปพักใหญ่ทีเดียวกว่าแจจุงจะใจเย็นลงได้ ยูชอนวางร่างบางให้นั่งตรงขอบอ่าง มือใหญ่ปลดฝักบัวลงมา ปรับน้ำให้อุ่นกำลังดี สายน้ำอุ่นขับให้รอยช้ำบนเรือนร่างชัดเจนขึ้นเพราะผิวที่ซีดลง ฟองน้ำนุ่มไล้วนไปตามผิวกายเนียนละเอียดให้เจ้าของผลงานได้เห็นชัดๆว่าตนได้ทิ้งร่องรอยไว้มากเพียงใด
คิ้วโก่งขมวดเข้าหากัน ก่อนจะลากปลายนิ้วเรียวไล้ผ่านรอยช้ำสีเข้มบนไหล่บาง ใบหน้าสวยนิ่วลงเมื่อรู้สึกถึงแรงกดเบาๆ ท่าทางแบบนั้นทำให้ชายหนุ่มรู้สึกผิด ปลายนิ้วเรียวลูบผ่านรอยเดิมแผ่วเบาแทนคำขอโทษ
ทุกอย่างดำเนินไปอย่างรวดเร็วเมื่อคนเจ็บยอมให้ความร่วมมือด้วยการนั่งนิ่งๆไม่ต่อต้าน ปล่อยให้ร่างสูงทำตามใจชอบ ฟองสบู่กลิ่นหอมบนผิวกายบางถูกสายน้ำชำระล้างจนหมด พอเห็นว่าเรียบร้อยดีชายหนุ่มก็ออกไปจากห้องน้ำ
“เดี๋ยวฉันมา..”
ถึงตอนนี้ร่างบางรู้สึกพอจะมีแรงเดินได้บ้างแล้ว ขาเรียวยกข้ามขอบอ่างออกมาแตะกับพื้นกระเบื้องที่เย็นเฉียบจนสะดุ้ง ไม่ทันไร...ยูชอนในชุดคลุมอาบน้ำที่สวมอย่างลวกๆก็กลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ เขาใช้มันพาดไหล่บางคลุมทั้งตัวก่อนจะอุ้มคนที่ฝืนจะเดินเองจนตัวลอยออกไปข้างนอกห้องน้ำ
อากาศที่เปลี่ยนกะทันหันทำให้แจจุงโอบกอดตัวเองแน่น เบียดกายเข้าหาไออุ่นของร่างสูงที่เกลียดนักหนาโดยไม่รู้ตัว ยูชอนวางร่างบางลงบนเตียงอย่างเบามือ ข้างกันมีเสื้อผ้าชุดใหม่วางอยู่ ร่างบางเดาเอาเองว่าคงเตรียมไว้ให้ตน
“ผมแต่งตัวเองได้”
แต่ยูชอนก็ไม่ปล่อยให้ร่างบางทำอย่างที่ใจคิด มือใหญ่เอื้อมหยิบเสื้อผ้าชุดนั้นมาไว้กับตัวเองตัดหน้าร่างบาง นัยน์ตาคมตำหนิด้วยการถลึงตาดุๆใส่ แค่นั้น...แจจุงก็ยอมอยู่นิ่งๆ ปล่อยให้ร่างสูงทำตามใจชอบ ตลอดเวลานั้น แจจุงได้แต่นึกสงสัยในทุกการกระทำของอีกฝ่ายเหลือเกิน...
มือใหญ่ละออกหลังจากติดกระดุมเม็ดสุดท้ายที่ชายเสื้อเสร็จ นัยน์ตาคมตรวจดูผลงานตัวเองจนเห็นว่าเรียบร้อยดีแล้วก็ลุกออกไป นัยน์ตาคู่งามมองตามแผ่นหลังกว้างไปจนถึงประตูห้อง ยูชอนเปิดประตูค้างไว้แล้วหันกลับมาที่เตียง
“ไปสิ” แจจุงมองหน้ายูชอนอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เปิดประตูห้องแล้วบอกให้เขาไป!? …หมายความว่านายใหญ่แห่งตระกูลปาร์คจะยอมปล่อยให้เขาหนีงั้นเหรอ!?
แม้จะยังไม่มั่นใจแต่ร่างบางก็ค่อยๆหอบหิ้วตัวเองลุกจากเตียงเดินไปหยุดอยู่ข้างหน้าร่างสูงด้วยความลังเล ถึงจะอยู่ในแสงสลัว แต่ยูชอนก็มองเห็นแววความลังเลสับสนในดวงตาคู่งามนั่น จนต้องเอ่ยกระตุ้นให้รู้ว่า...เขาหมายความตามที่พูดจริงๆ
“ฉันให้เวลาแค่ 5 นาทีเท่านั้นนะ รีบไปซะ ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ...”
สิ้นประโยคนั้น แจจุงก็ไม่รอช้าอีกต่อไป ยูชอนยืนพิงขอบประตูเฝ้ามองแผ่นหลังบางที่เคลื่อนที่ห่างไกลออกไปเรื่อยๆด้วยความเร่งรีบจนแทบจะไม่สนใจสภาพร่างกายตัวเองเลย ความจริงแล้วต่อให้แจจุงออกจากโรงแรมไม่ทันในเวลาที่เขากำหนด มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก... ยูชอนแค่ขู่เพื่อให้ร่างบางรีบไปเท่านั้นเอง
“นายท่านครับ”
เด็กหนุ่มก้าวออกมาจากข้างหลัง เมื่อแจจุงไปไกลจนลับสายตา ยูชอนไม่ได้หันกลับไปมองคู่สนทนา นัยน์ตาคมยังคงมองทางเดินที่ร่างบางเพิ่งผ่านไป
“ชางมิน...นี่ฉันรุนแรงกับเขามากไปหรือเปล่า?”
“นายท่านอยากให้ผมตอบแบบไหนล่ะครับ” คนเป็นลูกน้องได้แต่ก้มหน้ามองพื้น ทั้งที่ยูชอนก็มีคำตอบของตัวเองอยู่แล้วจะมาถามเขาอีกทำไม
“ทุกแบบ”
“ถ้าในฐานะคนของชองยุนโฮก็คงจะสาสมดี แต่ถ้าในฐานะของคนธรรมดาคนหนึ่งละก็...มากเกินไปครับ”
“งั้นเหรอ...”
...ถ้าคืนแรกทำเพื่อความสะใจล่ะก็ คืนที่สองเขาก็คงทำเพราะความโกรธ แต่ที่ยูชอนไม่มั่นใจก็คือ คืนนี้เขาทำเพราะอะไร แค่เพียงอยากเอาชนะเหมือนดังเช่นสองวันที่ผ่านมา หรือว่าเพราะความรู้สึกอื่นใดกันแน่...
To be con...
Sakura's Talk :: แอบมาเร็วกว่าที่คิดเพราะยังแต่งเรื่องนู้นไม่ออก หลายคนเห็นคงคิดว่าตาฝาดกันเลยทีเดียว ตอนที่แล้วกว่าจะอัพ 3 เดือน ตอนล่าสุด 7 วัน แล้วตอนหน้านี่...กี่วันดี คึๆๆๆ ><
ว่ากันตอนนี้แอบสั้นไปหน่อย ดูไม่ค่อยมีอะไรด้วยนอกจาก... (เติมคำในช่องว่างกันเองนะคะ^^) ตอนหน้าจะเกิดอะไรขึ้นกันน้า~ หุหุ รอคอยกันต่อไปค่าาาา
ปล.ขอให้ทุกคนอยู่รอดปลอดภัยจากน้ำท่วมนะคะ
ความคิดเห็น