ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Revenge, The Dark Way [Fic TVXQ & SJ]

    ลำดับตอนที่ #6 : >>> 6

    • อัปเดตล่าสุด 26 พ.ค. 51




    Revenge, The Dark Way : Can I love you?

     


    ทางฝ่ายหน่วยสืบสวนพิเศษ DL ได้มีการเรียกประชุมสมาชิกทุกคนในหน่วยให้มาโดยพร้อมเพรียงกัน ที่ห้องประชุมของหน่วย เด็กหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำผึ้งกำลังพูดถึงคดีทั้งหมดที่เกิดขึ้นโดยฝีมือของเหล่า DL ตั้งแต่คดีแรกจนถึงคดีล่าสุดซึ่งยังไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย พวกเขาไม่สามารถสืบหาหลักฐานหรือเบาะแสเกี่ยวกับบุคคลในเงามืดพวกนี้ได้เลย 

    อย่างคดีล่าสุดที่พึ่งเกิดขึ้น กรณีที่สโตรกเกอร์หนุ่มของดาราสาวโบอาถูกฆ่าตายนั้น ทางพวกเขาเองก็สงสัยว่าบางทีผู้ว่าจ้างอาจจะเป็นตัวนักร้องสาวเอง ถึงได้มีการสอบสวน ทั้งที่เธอก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่คำตอบที่พวกตำรวจอย่างเขาได้รับกลับมีเพียง
    ฉันไม่รูหรอกนะค่ะว่าพวกเขาเป็นใคร? แต่อย่างน้อยที่สุด พวกเขาก็ได้ช่วยฉันเอาไว้...และดูเหมือนว่าเธอเองก็ไม่ได้โกหกซะด้วย

    เฮ้อ~ ข้อมูลที่เรามีอยู่ก็เท่านี้ละครับ...ชางมินถอนหายใจอย่างปลงๆ ดูเหมือนว่าการสืบสวนของพวกเขาจะไม่มีอะไรคืบหน้าเลย ต่างคนต่างเงียบไปเป็นเวลานาน ก่อนความคิดเดิมๆ ที่เคยเลือนหายไปจะกลับมาอยู่ในหัวข้อสนทนาของหน่วยสืบสวนนี้อีกครั้ง

    ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป...คงไม่ดีแน่ เราคงต้องทำอะไรสักอย่าง พวกเธอคิดยังไงถ้าฉันจะเสนอให้ใช้นกต่อ... ชายผู้สูงด้วยวัยวุฒิและตำแหน่งกล่าวขึ้นลอยๆ หลังการสรุปข้อมูลคดีที่ผ่านมาของ DL ในเกาหลีจบลงเรียบร้อย คดีที่ไม่คืบหน้าสร้างความตึงเครียดให้กับพวกเขามากพอสมควร

    ถ้างั้น...ใครจะยอมเป็นเหยื่อล่อละครับ? เราคงหาไม่ได้ง่ายๆแน่…” น้ำเสียงทุ้มของตำรวจหนุ่มคนเก่งจาก ICPO เอ่ยขึ้นอย่างมีเหตุผล โดยส่วนตัวแล้วยุนโฮไม่ชอบกับวิธีการใช้นกต่อนักหรอก เพราะเขาคิดว่ามันเป็นวิธีที่เสี่ยงมากเกินไป ถ้าจะใช้...อย่างน้อยเขาก็อยากให้มันเป็นทางเลือกสุดท้ายยามที่ไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆ

    นั่นสินะ...เอาเถอะ นี่มันพึ่งอาทิตย์แรกเอง ลองดูต่อไปก่อนก็แล้วกัน ชางมินลองสืบหารายชื่อคนที่น่าจะเข้าข่ายเป็นเหยื่อของพวก DL ส่วน ดงแฮ...ฉันอยากให้เธอลองชันสูตรศพดูอีกครั้งว่าบาดแผลของเหยื่อทุกรายมีความเหมือนต่างกันอย่างไรบ้าง เผื่อบางทีเราอาจจะพอกำหนดจำนวนคนร้ายที่แน่นอนได้ คนอื่นๆ ก็เตรียมตัวให้ดี ขอให้พร้อมในทุกสถานการณ์...ผบ.ซูมานสั่ง ก่อนเจ้าตัวจะลุกขึ้นยืนและออกจากห้องไป เป็นการบ่งบอกถึงเวลาการประชุมที่สิ้นสุดลง บรรยากาศในห้องที่เคยตึงเครียดกลับมาเป็นปกติ

    ยุนโฮ...ไปกินข้าวเที่ยงที่ชั้น 2 ด้วยกันไหม? เสียงถามจากหนุ่มร่างท้วมเรียกให้ยุนโฮส่ายหน้าปฏิเสธ

    ไม่ละ ฉันมีนัดแล้ว โทษทีนะ ยุนโฮโบกไม้โบกมือปฏิเสธ ปล่อยให้คังอินไปกับอึนฮยอกแทน อันที่จริงเขาไม่ได้มีนัดอะไรหรอก เพียงแต่...อยากจะออกไปเดินเล่นเผื่อว่าจะได้เจอใครบางคนก็เท่านั้น ชายหนุ่มคิดพลางหมุนเก้าอี้ไปมาอย่างเพลิดเพลินโดยไม่รู้ตัว

    ยุนโฮ...นายทำหน้าอะไรของนายอ่ะอย่างกับคนบ้าแน่ะ?เสียงใสของลีดงแฮทักคนที่นั่งยิ้มระรื่นหมุนเก้าอี้ไปมาอย่างสนิทสนม หลังจากผ่านไปหนึ่งอาทิตย์จากคนไม่รู้จักก็กลายเป็นเพื่อนสนิทกัน คำสุภาพที่เคยมีในตอนแรกจึงหายไป

    เปล่าสักหน่อยนี่~ เฮ้อ!ว่าแล้วฉันไปมั้งดีกว่าพวกนายล่ะ?ยุนโฮถามสองคนที่เหลืออยู่ในห้องอันได้แก่ ชางมินและดงแฮ ส่วนคนอื่นนั้นแยกไปทานข้าวกันหมดแล้ว 

    ไม่ล่ะ! ฉันยังมีงานต้องทำอยู่ นายก็ได้ยินแล้วนี่นา หนุ่มนัยน์ตาสีน้ำผึ้งที่ซ่อนอยู่ภายใต้กรอบแว่นสีดำหันมาหาชายหนุ่มพลางส่ายหน้าเบาๆ ปฏิเสธแล้วหันกลับไปจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เหมือนเดิม ยุนโฮเลยหันมาหาคนที่มีงานอีกคนเพื่อขอคำตอบแทน ซึ่งดงแฮก็นิ่งคิดสักครู่

    แล้วนายจะไปแถวไหนอ่ะ?

    ว่าจะไปหาอะไรทานแถวๆ แม่น้ำฮันน่ะร่างสูงนึกถึงสถานที่ที่ได้พบกับแจจุงเมื่อวานนี้ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสะพานข้ามแม่น้ำฮันมากนัก บางทีถ้าไปเดินแถวๆ นั้นอาจจะเจอกันก็ได้

    แม่น้ำฮันเหรอ? พอดีเลยงั้นไปส่งฉันแถวๆนั้นหน่อยสิ…”

    แล้วงานล่ะ? ยุนโฮถามงงๆ ตัวเองก็มีงานไม่ใช่หรือไง แต่กลับเป็นคำถามที่เรียกใบหน้าเรียวหวานให้มุ้ยลง

    นายคิดว่าการดูแค่ปากแผลแล้วจะรู้ได้เลยรึไงว่าเป็นฝีมือของคนๆ เดียวกันรึเปล่าน่ะ? ชายหนุ่มส่ายหัวปฏิเสธ ทั้งที่ในใจกำลังคิดว่าถ้าเป็นดงแฮคงทำได้

    ก็ใช่นะสิ... ถึงดูอีกกี่ทีฉันก็ไม่รู้หรอกน่า... เอาล่ะไปกันเถอะ ทิ้งให้ชางมินบ้างานไปคนเดียวอ่ะดีแล้ว... ประโยคของร่างเล็กเรียกค้อนวงโตจากหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งที่เงยหน้าจากหน้าจอมาส่งให้เขาโดยเฉพาะ แต่ดงแฮก็ยิ้มรับไม่ยี่หระก่อนจะลากยุนโฮให้เดินออกไปด้วยกัน

    ไปก่อนน้า~”

     
    .
    .
    .

     

    แสงสว่างของดวงอาทิตย์สาดส่องลงมากระทบกับผิวน้ำของแม่น้ำฮันเป็นประกายระยิบระยับ แจจุงเดินทอดน่องมองมันอย่างสบายอกสบายใจ ปลดปล่อยอารมณ์ไปกับเสียงน้ำไหล ธรรมชาติของบ้านเกิดที่จากไปนาน ถึงจะให้ความรู้สึกดีแค่ไหน แต่มันก็ยังเป็นเพียงความสุขเพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น หากเพราะอดีตที่ประเทศนี้ทิ้งไว้ให้มันขมขื่นเกินกว่าจะรับได้ไหว

     

    เวลาตอนนี้เกือบเที่ยงแล้ว วันนี้พี่จองซูกับซีวอนไปโรงพยาบาล จุนซูกะยูชอนไปทำงาน ส่วนซองมินก็ไปหาข้อมูล พอไม่มีอะไรทำเขากับคิบอมก็เลยออกมาข้างนอก คิบอมกับเขาแยกกันตรงร้านค้าเพราะเด็กหนุ่มจะไปซื้ออุปกรณ์คิมพิวเตอร์ของตัวเอง ส่วนตัวเขาขี้เกียจไปในที่ที่คนเยอะๆ เลยไม่ไปด้วยและมาเดินเล่นแถบด้านนอกแทน แต่ไม่รู้ทำไมเดินไปเดินมากลับมาอยู่ตรงริมแม่น้ำนี่ซะได้ พอมาถึงที่นี่แล้วทำให้ร่างบางอดไม่ได้ที่จะนึกถึงใครคนหนึ่งผู้ทำหน้าที่เป็นไกด์ที่แสนดีพาเขาเที่ยวไปทั่ว

     

    ...บางทีเดินๆ ไป อาจจะเจอกันอีกก็ได้...

     

    ร่างบางคิดกับตัวเองในใจ ก่อนจะเผยรอยยิ้มเจื่อนๆ ที่คิดอะไรไม่เข้าท่า อีกอย่างมันเป็นเรื่องที่มันไม่น่าเป็นได้ แจจุงนึกถึงกระดาษที่มีเบอร์ของชายหนุ่มอยู่ในกระเป๋ากางเกง ถ้าคิดอยากเจอเขาจะโทรไปก็ได้ เพียงแต่ว่าเขากำลังกลัว... กลัวตัวเองที่แปลกไปยามใกล้ชิดกัน ความรู้สึกแบบที่เขาไม่รู้จัก และไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน แต่ไม่ว่าความรู้สึกระหว่างเขากับยุนโฮคืออะไร แต่ที่แน่ๆ ร่างบางไม่อยากให้มันเกิดขึ้นตราบเท่าที่เขายังใช้ชีวิตอยู่ในเงามืดแบบนี้

     

    ...หากแต่ใครจะรู้...

    ...การพบกันของเขาทั้งสองคน

    ...คือสิ่งที่ฟ้ากำหนดมา...

     

     

    รถนอกคันหรูจอดลงหน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านการค้าชื่อดัง ร่างเล็กเปิดประตูลงจากรถ มือเรียวผลักปิดเบาๆ ก่อนจะก้มลงมาตรงหน้าต่างรถที่เปิดทิ้งไว้ แล้วกล่าวขอบคุณยุนโฮที่กลายเป็นคนขับรถชั่วคราวด้วยรอยยิ้ม

    ขอบใจที่มาส่งนะ ไปนะ...

    เดี๋ยว! ดงแฮ...แล้วจะให้มารับรึเปล่า?ชายหนุ่มร้องถามเสียงดัง ในขณะที่คนถูกถามส่ายหน้าปฏิเสธ

    ไม่ต้องหรอก ฉันกลับเองได้ ไปเถอะ... มือเรียวโบกมือไล่ ก่อนรถคันงามจะเคลื่อนตัวออกไปไกล ส่วนดงแฮก็สะพายกระเป๋าสีดำใบใหญ่ที่ไม่มีอะไรอยู่ข้างในเลยเข้าไปในซูเปอร์มาเก็ต ท่าทางวันนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายพิสูจน์หลักฐานคงได้ของกลับบ้านเยอะทีเดียวล่ะ 

    .
    .
    .

     

    ทางด้านยุนโฮหลังจากส่งดงแฮแล้วก็ขับรถไปทั่วๆ แถบนั่น นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนสอดส่องไปทั่วบริเวณ เพราะอาชีพที่ทำ...บังคับให้เขาต้องมีการมองเห็นที่ดีเยี่ยมกว่าปกติแม้จะขับรถอยู่ ทว่าเขาก็ยังไม่เห็นวี่แววของคนสวยที่เขาอยากพบอยู่ดี ร่างสูงถอนหายใจเบาๆ กับอาการแปลกประหลาดของตัวเอง เขาไม่เคยเป็นแบบนี้ ไม่เคยสนใจใครมากขนาดนี้...  ถึงเขาจะมีคนมากหน้าหลายตาที่ผ่านเข้ามาในชีวิต แต่ก็ไม่เคยมีใครที่จะตราตรึงอยู่ในหัวใจของเขาได้เท่ากับเจ้าของนัยน์ตาสีรัตติกาลคู่สวยนั่นเลย ทั้งที่พึ่งเจอะเจอกันเพียงได้เพียงแค่ 2 ครั้งก็ตาม

    สุดท้ายยุนโฮก็ถอดใจมองหาที่จอดรถแล้วเดินไปหาร้านอาหารเพื่อมื้อกลางวันของเขาแทน ชายหนุ่มเดินไปตามฟุตบาทจนเจอร้านบะหมี่แห่งหนึ่งท่าทางน่ารับประทานด้วยกลิ่นหอมฉุยที่ลอยเตะจมูกเขามาแต่ไกล ทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจก้าวเข้าไปอย่างไม่ลังเล แต่ยังไม่ทันถึงร้านชายหนุ่มก็ต้องชะงักไปเพราะเสียงร้องโหวกเหวกจากด้านหลัง

    ช่วยด้วยค่ะ!!! ช่วยด้วย!! เขาเอากระเป๋าฉันไป!!” ยุนโฮหันตามเสียงเรียกเห็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นถือกระเป๋าหนังสีแดงราคาแพงไปโดยมีหญิงวัยกลายคนยืนร้องให้คนช่วยจับตัวเด็กหนุ่มไว้แต่กลับไม่มีใครช่วยเธอเลย ไวยิ่งกว่าความคิดชายหนุ่มวิ่งตามวัยรุ่นคนนั้นไปทันที

     

    ขณะเดียวกันนั้นเองแจจุงที่นั่งอยู่บนกิ่งของต้นไม้สูงขนาดใหญ่ห่างจากแถวนั้นไม่ไกลมองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เด็กวัยรุ่นเดินตามหญิงคนนั้นก่อนจะฉวยโอกาสช่วงที่เธอเผลอคว้ากระเป๋าแล้ววิ่งออกมา ทั้งที่ทางข้างหน้าไม่ได้โล่งขนาดให้วิ่งหนีได้สบาย แต่เด็กหนุ่มกลับหนีได้อย่างรวดเร็วเพราะไม่มีใครสนใจจะช่วยเลยสักนิดอย่างดีก็แค่มองตามอย่างสนอกสนใจ หรือไม่ก็แค่ยืนขวางให้เด็กหนุ่มผู้วิ่งราวผลักออกให้พ้นทางแล้ววิ่งต่อไป

     

    ร่างบางถอนหายใจเบาๆ เมื่อไม่ว่าที่ไหนก็เป็นแบบนี้ คนเดือดร้อนต้องการความช่วยเหลือ แต่...กลับไม่มีใครช่วยเลยสักคน  แจจุงกระโดดลงมาจากต้นไม้อย่างเงียบๆ โดยไม่มีใครเห็น ตั้งใจจะไปช่วยเสียเองแต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นร่างใหญ่ของใครบางคนที่คุ้นตาวิ่งตามเด็กหนุ่มวัยรุ่นคนนั้นมาอย่างกระชั้นชิดจนเกือบจับได้อยู่แล้ว

     

    หยุดนะ!!” ชายหนุ่มตะโกนเสียงดังเพื่อสั่งให้เด็กวัยรุ่นคนนั้นหยุด มือของเขาเอื้อมไปจับชายเสื้อของหัวขโมยได้ แต่ยังไม่ทันจะคว้าตัวไว้ก็โดนสะบัดหลุดออกไปก่อน แต่แล้วเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าคนที่กำลังวิ่งหนีเขาอยู่นั้นล้มหน้าคว่ำลงไปกับพื้นซะเอง แจจุงนั่นเองที่มาขัดขาของหัวขโมยหนุ่มไว้ 

    ไง ยุนโฮ เจอกันอีกแล้วนะ!” ริมฝีปากบางสีสวยแย้มยิ้มให้ยุนโฮ รอยยิ้มที่งดงามจนชายหนุ่มลืมไปเลยว่ากำลังทำอะไรอยู่



    แจจุง!!” 

    ขณะที่หัวขโมยหนุ่มทิ้งกระเป๋าที่ขโมยมาแล้วรีบวิ่งหนีไป แต่ยุนโฮกับแจจุงก็ไม่ได้ติดใจจะวิ่งตามไปจับมา ชายหนุ่มหยิบกระเป๋าแดงใบที่ถูกขโมยส่งคืนให้หญิงสาวผู้เป็นเจ้าของ แล้วทั้งคู่ก็หันมามองหน้ากันและหัวเราะขึ้นมาพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย

     

    .
    .
    .

     

    อีกด้านหนึ่ง ดงแฮพึ่งซื้อของเสร็จและออกมาพร้อมกับข้าวของมากมาย กระเป๋าที่เคยว่างเปล่าถูกเติมเต็มด้วยของใช้ในชีวิตประจำวันจนล้น มือทั้งสองข้างอุ้มถุงใส่ผลไม้ใบโตเอาไว้ และเพราะข้าวของที่เยอะเกินไปนี่ล่ะที่ทำให้ดงแฮเดินอย่างทุลักทุเล ร่างเล็กได้แต่หวังว่าเขาจะประคองการเดินของตัวเองไปให้ถึงบ้านก่อนที่จะเดินชนใครเข้า แต่เหมือนโชคไม่เข้าข้างนัก เพราะเขาเดินชนผู้ชายคนหนึ่งเข้าเต็มๆ

     

    พลั่ก!!! ตุ๊บ!! ตุ๊บ!

     

    เสียงร่างทั้งสองปะทะกันจนผลไม้ในถุงของดงแฮกระจายไปทั่ว ด้วยความร้อนรนร่างบางจึงไม่ทันสังเกตว่าคนที่เขาเดินชนนั้นเป็นใคร เสียงเล็กเอ่ยขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่าขณะก้มลงหยิบส้มและแอปเปิ้ลที่กองอยู่กับพื้นเก็บใส่ถุง

    ขอโทษนะครับ... ขอโทษจริงๆนะครับ ผมไม่ระวังเอง ขอโทษนะครับ

    ไม่เป็นไรหรอกครับ... ให้ผมช่วยเก็บนะ...คนที่ถูกร่างเล็กชนว่าอย่างไม่ถือสาแถมยังช่วยดงแฮเก็บซะด้วย แต่ทว่าน้ำเสียงที่ได้ยินนั่นต่างหากเล่าที่ทำให้ดงแฮชะงัก เพราะมันคุ้นหูอย่างบอกไม่ถูก ดวงหน้าเรียวเงยขึ้นมองเจ้าของน้ำเสียงนั้นทันที นัยน์ตาสีสวยเบิกกว้างเพราะความตกใจ

    คิบอม?!!” 

    ไงครับ ดงแฮ...ทำไมวันนี้มาคนเดียวล่ะครับ?อัจฉริยะหนุ่มแห่ง DL วันนี้ไม่ได้พกโน้ตบุ๊กคู่ใจมาด้วย ออกจะแปลกกว่าปกติมากทีเดียว

    ชางมินมีงาน ผมก็เลยมาซื้อของคนเดียว อ่า...ขอบคุณมาก แล้วก็ขอโทษด้วย... ดงแฮเอ่ยขอบคุณที่คิบอมช่วยเก็บของให้เขา รวมทั้งขอโทษที่ตัวเองซุ่มซ่ามเดินชน ก่อนจะเงียบไปโดยไม่พูดอะไรเลย

    ดงแฮว่างรึเปล่าครับ?คำถามที่มาอย่างไม่ทันให้ได้ตั้งตัวเรียกสีหน้าแปลกใจจากร่างเล็กได้เป็นอย่างดี เจ้าตัวพยักหน้ารับตามความเป็นจริงเพราะหลังจากนี้เขาก็ไม่มีอะไรต้องทำแล้ว

    ถ้างั้นไปดินเนอร์กันนะครับ?

    ตะ...แต่ว่าของของผมมัน... ร่างเล็กอึกอัก ใจหนึ่งก็อยากไปเพราะเขามีเรื่องที่อยากรู้จากคิบอมมากมาย ในสายตาของดงแฮแล้ว DL ไม่ได้เลวร้ายอย่างในความคิดของชางมินหรือคนอื่นๆ ในหน่วยปราบปราม DL แต่อีกใจหนึ่งเขาก็กลัวว่ามันอาจจะไม่เป็นผลดีต่อตัวเองนัก เลยยกเอาเรื่องของมาอ้างบังหน้า แต่คิบอมกลับแย่งถุงใส่ผลไม้ของเขาไปถือแล้วเดินนำออกไปโดยไม่พูดอะไรเลย

    ดะ...เดี๋ยวซิ คิบอม... เสียงเล็กร้องตามหลังมา แต่เด็กหนุ่มกลับไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ถือวิสาสะจับมือเล็กไว้แน่นแล้วเดินไปด้วยกัน พวงแก้มเนียนเปลี่ยนเป็นสีชมพูอ่อนๆ โดยดงแฮเองก็ไม่รู้เลยว่า คนที่กุมมือตนเองอยู่นั้นก็กำลังหน้าแดงไม่แพ้กัน

     

     

    ไม่คิดเลยนะว่าคนที่วิ่งตามเจ้าเด็กหัวขโมยอย่างเอาเป็นเอาตายนั่นจะเป็นนายอ่ะ?เสียงหวานร้องถามชายหนุ่มร่างสูง ขณะที่เขาทั้งสองคนอยู่ที่ห้องน้ำสาธารณะ สองมือกวักน้ำจากก๊อกที่ไหลรินลงมาขึ้นปะทะใบหน้าไล่หยาดเหงื่อของความเหนื่อยล้าออก ก่อนแจจุงจะส่งผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กของเขาให้ยุนโฮเช็ดหน้าเช็ดตา

    ก็...พอได้ยินเสียงร้องขามันก็ไปเอง ทำไงได้ อีกอย่างนะฉันก็ไม่คิดว่าคนที่จู่ๆ ก็โผล่มาขัดขาเจ้าเด็กนั้นจะเป็นนายเหมือนกันนั่นแหละน่า…” ชายหนุ่มพูดพลางเช็ดหน้าตัวเองไปด้วยจึงไม่ทันสังเกตเห็น ดวงหน้าสวยที่ยามนี้กำลังระบายยิ้มน้อยๆ บนใบหน้า

     

    ...เพราะแบบนี้ไงล่ะ เขาถึงได้รู้สึกว่ายุนโฮแตกต่างจากคนอื่นๆ...

     

    เอ่อ...ว่าแต่นายทานมือเที่ยงมารึยัง? ยุนโฮเก็บผ้าเช็ดหน้าที่เปียกชื้นไว้กับตัวเอง พยายามคิดหาวิธีให้ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันนานกว่านี้ ทั้งที่ตอนนี้ก็เกือบจะบ่ายสามแล้ว แต่นี่ก็เป็นวิธีเดียวที่เขาคิดออก ถึงความจริงแจจุงพึ่งจะทานข้าวผัดที่จุนซูทำไว้ก่อนออกมาแล้ว หากแต่ความรู้สึกบางอย่างกลับบังคับให้เขาตอบรับคำถามนั้น

    ปะ...เปล่า ยังเลย ทำไม? นายจะเลี้ยงฉันรึไง?

    ก็ถ้านายไม่เกรงใจอ่ะนะ...

    ฮ่าๆ แน่นอนนายคิดว่าฉันจะเกรงใจงั้นเหรอ? คิดผิดแล้วมั้ง? ไปหาอะไรทานกันดีกว่านะ ไปเร็วๆเข้าสิ!! ฉันหิวจะแย่แล้วน้า~” กลายเป็นว่าคนที่หิวจริงๆ ถูกคนที่หิวหลอกๆ ดันแผ่นหลังกว้างให้นำหน้าไป อาจจะดูแปลกที่เจอกันทีไรก็ชวนกินข้าวทุกที แต่เป็นเพราะไม่เคยมีใครเป็นคนพิเศษเลยไม่รู้ว่าควรปฏิบัติอย่างไรกับคนที่ทำให้หัวใจต้องเต้นผิดจังหวะ... 

    ทางด้านตัวแจจุงเอง... เขาก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ที่ตอบตกลงเพียงแค่ไม่อยากปฏิเสธ แต่อีกใจหนึ่งอาจเป็นเพราะอยากพิสูจน์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมาระหว่างเขาทั้งสองคน แจจุงเพียงแค่อยากแน่ใจว่าพวกเขาจะไม่เกินเลยไปกว่าคำว่า...คนรู้จัก’… เพราะหากเกินกว่านั้น....มันอาจหมายถึงความตายของยุนโฮ...



    .
    .
    .


    ทางอีกด้านหนึ่ง คิบอมพาดงแฮมาที่ร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นขนาดกลางในย่านการค้า ถึงจะบอกว่าดินเนอร์... แต่บรรยากาศสถานที่ และเวลากลับไม่ให้ซะเลย ในเมื่อตอนนี้นาฬิกาข้อมือบนแขนเล็กพึ่งจะบอกเวลาบ่ายสาม แสงอ่อนของแดดยังพอมีอยู่บ้าง หากไม่รวมถึงเมฆดำกลุ่มใหญ่ที่ค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้ามา อีกไม่นานฝนคงตก ร่างเล็กคิดกับตัวเองในใจ

     

    ร้านอาหารเวลานี้มีคนใช้บริการไม่มากนัก อาจเป็นเพราะเลยเวลาของมื้อกลางวันมามากแล้ว คิบอมเลือกที่นั่งเป็นโต๊ะไม้ด้านในของร้าน เขาวางถุงผลไม้ของดงแฮลง ก่อนจะเชิญให้เจ้าของนั่งตรงข้ามกัน บรรยากาศแสนสงบเหมาะเป็นที่ใช้คุยกันซะมากกว่าการดินเนอร์แสนหวาน หลังจากสั่งอาหารเสร็จ ต่างคนก็ต่างเงียบ...

    “…‘ทำไมถึงพาผมมาที่นี่?’… จะถามแบบนั้นใช่ไหมครับ? อัจฉริยะหนุ่มว่าหลังจากปล่อยให้ความเงียบแผ่ปกคลุมได้ไม่นาน ร่างเล็กพยักหน้ารับ นัยน์ตาสีสวยมองตาเด็กหนุ่มเพื่อขอคำตอบ

    ถ้าบอกว่า...ผมแค่อยากได้เพื่อนทานข้าวคุณคงไม่เชื่อใช่ไหม? เด็กหนุ่มแกล้งถามขณะที่สายตาดุๆ จากดงแฮทำให้เด็กหนุ่มต้องหยุดหัวเราะไปโดยปริยาย อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ไม่น่ารักเลยนะ ผมล้อเล่น ที่จริง...ผมอยากคุยกับคุณท่าทางของคิบอมดูสบายๆ เสียจนดงแฮเดาไม่ออกว่าตกลงชายหนุ่มต้องการทำอะไรกันแน่

    คุยกับผม? ทำไม?น้ำเสียงเล็กไม่ได้แสดงความตื่นตกใจอะไร เพียงแค่สงสัยก็เท่านั้นเอง

    ไม่ต้องกลัวหรอก ผมไม่ได้อยากจะล้วงข้อมูลอะไรจากคุณหรอก ของพวกนั้น ‘Guardian’ ของพวกเราก็ทำได้...

    ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม? คุณรู้ข้อมูลภายในของพวกเราขนาดไหนแล้ว?

    ก็แค่บางส่วน... อัจฉริยะหนุ่มตอบพลางนึกถึงเหยี่ยวข่าวที่วันนั้นให้ไปหาข้อมูลเรื่องหน่วยปราบปราม DL แต่ร่างเล็กกลับออกมาเพียงแค่เอกสารคำสั่งแต่งตั้งกับรายชื่อของสมาชิกบางคนเท่านั้นเอง ทั้งที่ปกติถ้าเป็นซองมินละก็...ไม่มีข้อมูลอะไรที่ร่างเล็กไม่สามารถขโมยได้ แต่สาเหตุมาจากอะไร อัจฉริยะหนุ่มก็รู้จะเป็นใครถ้าไม่ใช่...โจคยูฮยอน

    งั้นคุณจะคุยกับผมเรื่องอะไร?

    คุณกับชางมินเป็นแฟนกันรึเปล่า? ดงแฮหน้าเหวอไปทันทีด้วยไม่คิดว่าคิบอมจะถามเรื่องอะไรแบบนี้ ขณะที่เด็กหนุ่มเจ้าของคำถามกลับหัวเราะน้อยๆ

    เปล่าครับ ผมกับชางมินเป็นแค่เพื่อนกัน ทำไมคุณถึงอยากรู้?

    เพราะผมชอบคุณ...เชื่อไหมครับ? นัยน์ตาสีอำพันมองตาร่างเล็กเพื่อยืนยันสิ่งที่ตนพูดไป

    แต่ว่า... ดงแฮไม่ได้ตอบรับเพราะสายตาที่เด็กหนุ่มส่งมาไม่มีแววโกหกเลยสักนิด

    ผมบอกคุณในฐานะผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังมีความรัก มันอาจจะเร็วเกินไปที่จะเรียกความรู้สึกนี้ว่ารัก แต่ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ นับตั้งแต่วันที่ได้พบคุณครั้งแรก และผมก็อยากให้คุณตอบผมด้วยฐานะเดียวกัน...ว่าไงครับ?

    คิบอม... บอกตามตรงว่าผมก็ไม่รู้ แต่ผมดีใจที่ได้พบคุณ รู้สึกดีที่ได้อยู่กับคุณ ตอนนี้ผมรู้แค่นั้น...ดวงหน้าหวานหลุบลงต่ำไม่ใช่เพราะความเขินอาย แต่เป็นเพราะสิ่งที่เขากำลังรู้สึกมันไม่สมควรเกิดขึ้น...ความรู้สึกที่เรียกว่า...รัก

    ขอบคุณครับ ผมแค่อยากรู้ว่าคุณรู้สึกแบบเดียวกับผมไหมก็เท่านั้น...คิบอมยิ้มหวานให้ดงแฮ สีหน้าเด็กหนุ่มดูผ่อนคลายยามได้อยู่กับร่างเล็ก ทั้งคู่ต่างคุยกันโดยไม่มีสิ่งที่เรียกว่าหน้าที่เข้ามาข้องเกี่ยว

    เรื่องที่ผมอยากคุยก็มีแค่นี้ ทีนี้ตาคุณแล้ว...คุณมีอะไรอยากถามผมอยู่ไม่ใช่เหรอครับ?

    คุณรู้...?” ร่างเล็กมีแววตกใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่า คนตรงหน้าจะมองเขาได้ทะลุปรุโปร่งเหลือเกิน ถึงคิบอมจะไม่ได้ยืนยันคำถามเมื่อกี้แต่ ดงแฮก็เชื่อว่าเด็กหนุ่มรู้จริงๆ ร่างเล็กคิดในใจว่าเขาคงจะยึกยักอะไรกับอัจฉริยะแห่ง DL ไม่ได้จึงได้ออกปากถามสิ่งที่เขาต้องการรู้

    ไม่รู้ว่าคุณจะโกรธไหม? แต่ผมอยากรู้เรื่องระหว่างคุณกับชางมิน... ผมไม่อยากฟังจากความรู้สึกของชางมินเพียงฝ่ายเดียว แต่ถ้ามันทำให้คุณลำบากใจ ผมขอโทษ...

    ถ้าคุณอยากรู้ ผมจะเล่าให้ฟัง...สีหน้าของอัจฉริยะหนุ่มหมองลงจนสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวด ผมกับชางมิน...เราเป็นเพื่อนสนิทกันมานาน ช่วงเวลาตอนนั้นสนุกมาก เราเป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งคู่แข่ง เป็นทั้งพี่น้อง พ่อผมเป็นอาจารย์ในมหาลัย แม่เป็นแม่บ้าน แต่แล้ววันหนึ่งมีตำรวจมาที่บ้าน พ่อผมถูกจับในข้อหาขับรถชนคนตาย และคนที่แจ้งจับก็คือ...ชางมิน เรื่องราวหนักอกในอดีตยามได้กลั่นกรองออกมาเป็นคำพูดช่างยากลำบากในการเล่า จนคิบอมต้องถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า... พาเอาดงแฮรู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก

    ผมรู้...ชางมินไม่ผิด เขาไม่รู้ว่าผู้ชายคนที่แจ้งจับคือพ่อของผม แต่ว่าผมทำใจรับไม่ได้ที่เพื่อนสนิทของผมเป็นคนพาพ่อผมเข้าคุก แล้วคุณรู้อะไรไหม? พ่อตรอมใจตายในคุกเพราะชีวิตที่พังทลาย แม่ทนสายตาของเพื่อนบ้านไม่ได้จึงตั้งใจจะย้ายบ้านหนี แต่ตอนนั้นพวกเราไม่มีเงินเพราะต้องจ่ายให้กับญาติผู้ตายทั้งหมด ผมกับแม่จึงต้องทนอยู่ให้คนอื่นเขาเสียดสี ไอ้ลูกฆาตกรบ้างล่ะ ลูกไอ้ขี้คุกบ้างล่ะ และแล้ววันหนึ่งความอดทนของแม่ก็หมดลง แม่ผูกคอตายในห้องนอน ตอนที่ผมกลับบ้านไปแม่ก็สิ้นใจนานแล้ว...

    คิบอม...

    ตอนนั้น...ผมไม่รู้ว่าควรทำยังไง? ผมสูญเสียพ่อแม่ไปในคราวเดียวกัน และพวกญาติก็ไม่มีใครอยากรับผมไปเลี้ยงด้วยสาเหตุที่ว่าผมเป็นลูกฆาตกร... ดูเหมือนนิยายใช่ไหมครับ? แต่มันก็เป็นเรื่องจริง... ท้ายประโยคคิบอมเงยหน้ามองคนตัวเล็กที่นัยน์ตาสีสวยชุ่มด้วยหยาดน้ำตา

    ร้องไห้ทำไมครับ? มือเรียวยกขึ้นเช็ดน้ำอุ่นที่ไหลอาบพวกแก้มขาว คิบอมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้กล้าเล่าเรื่องของตัวเองให้ร่างเล็กฟัง เขาไม่เคยเล่าเรื่องพวกนี้ให้ใครฟังนอกจากเหล่าสมาชิกของ DL

    เพราะคุณไม่ร้อง ฮึก ผมก็เลยร้องแทน...เสียงหวานสะอึกสะอื้น แม้เขาจะเคยฟังมาจากชางมินแล้วรอบหนึ่ง แต่พอมาได้ยินกับปากของเจ้าตัวจริงๆ มันกลับกัดกร่อนความรู้สึกยิ่งกว่า แม้จะไม่ใช่เรื่องของตัวเองก็ตาม

    อย่าร้องเลยครับ เรื่องของผมมันไม่มีค่าพอจะทำให้คุณร้องไห้หรอก...เสียงทุ้มปลอบโยนร่างเล็กอย่างนุ่มนวล ดงแฮแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าคนที่อ่อนโยนขนาดนี้จะสามารถฆ่าใครได้ เด็กหนุ่มเริ่มเล่าเรื่องของตนต่อ

    ...กับชางมิน เรายิ่งเข้าหน้ากันไม่ติด ผมไม่รู้ว่าตัวเองควรจะรู้สึกอย่างไรกับชางมินดี ผมยังเห็นเขาเป็นเพื่อน แต่สิ่งที่เขาทำ ผมยอมรับมันไม่ได้ ผมรู้สึกเหมือนตกอยู่ในนรก ทั้งสับสน และทรมาน... คิบอมหยุดพักเพื่อผ่อนลมหายใจ ก่อนจะเอ่ยถึงใครคนหนึ่งคนที่เขาวางไว้ในตำแหน่งสำคัญที่สุดของชีวิต ในช่วงเวลานั้นมีเพียงคนเดียวที่ยื่นมือเข้ามาช่วยผม คนๆ นั้นคือ ‘Queen’ แห่ง DL เขาพาผมออกจากนรกแห่งความสับสน เขาเป็นคนโอบอุ้มผมไว้อย่างอบอุ่นในเวลาที่ผมไม่เหลือใครเลยสักคน…” เด็กหนุ่มหลับตาลงยามนึกถึงอดีตของเขา ตอนที่ได้พบกับแจจุง ซึ่งในขณะนั้นยังเป็นแค่ ‘Princess’ อยู่เลย

     

    .

    .

    .

     

    เด็กน้อยคิบอมในวัยสิบปีนั่งอยู่บนราวสะพานข้ามแม่น้ำฮัน นัยน์ตาสีอำพันดูว่างเปล่า แม้จะเศร้าแต่กลับไม่มีน้ำตาสักหยด ความเงียบเหงาโดดเดี่ยวโรยตัวปกคลุมไปทั่วบริเวณ มีเพียงความมืดมิดที่อยู่เคียงข้างเด็กน้อยผู้สูญสิ้นทุกสิ่งในชีวิต 

    พ่อ...แม่... ทำไมถึงทิ้งผมไว้คนเดียวล่ะครับ? สายตาของเด็กน้อยมองลงไปยังสายน้ำยามค่ำคืนอันเชี่ยวกรากราวกับจะพัดพาทุกสิ่งที่ตกลงไปให้หายไปกับมัน

    ถ้าผมโดดลงไป ผมจะได้เจอพ่อกับแม่ไหมครับ? แววตาของเด็กน้อยไม่มีแววหวาดกลัว คำถามที่เอื้อนเอ่ยออกไปแม้ไม่มีใครตอบแต่เด็กน้อยก็เตรียมใจไว้อยู่แล้ว ขาคู่เล็กลุกขึ้นยืนบนขอบสะพาน สายลมแรงปะทะใบหน้าจนรู้สึกเจ็บ ทว่าเด็กน้อยกลับยิ้ม ขาขวายกขึ้ยเตรียมก้าวออกไป หากไม่มีเสียงของใครคนหนึ่งเรียกเอาไว้...

    เด็กน้อย...คิดจะทำอะไรน่ะ?คิบอมหันมาหาต้นเสียงซึ่งเป็นเด็กผู้ชายอายุประมาณ 14 -15 ปี ใบหน้าที่สวยหวานจนนึกว่าเป็นผู้หญิงซะอีก แต่เด็กน้อยก็เมินคนถามหันมาจับจ้องที่ผิวน้ำเชี่ยว

    ไม่ใช่เรื่องของคุณ…”

    ใช่...ฉันรู้ แต่นายกำลังจะตาย ซึ่งฉันปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้ ตราบใดที่ดวงตาของนายยังมีแต่ความสับสนแบบนั้น... สิ่งที่ริมฝีปากบางเอื้อนเอ่ยกลับสร้างความประหลาดใจให้เด็กน้อยจนอดไม่ได้ที่จะหันมามองคนพูดชัดๆ อีกครั้ง

    ทำไมคุณถึงรู้?

    มาเถอะเด็กน้อย... มากับฉัน มือเรียวยื่นไปตรงหน้าเด็กน้อย ครั้งแรกคิบอมออกจะลังเลที่จะยื่นมือให้ แต่เมื่อมองเห็นนัยน์ตาสีนิลที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด นั่นคือสาเหตุที่เด็กน้อยยอมส่งมือให้ ทั้งที่สายตาเจ็บปวดขนาดนั้นแท้ๆ แต่คนๆ นี้ยังไม่เลือกความตายให้แก่ชีวิตของตน แล้วเหตุผลอะไรกันที่คนซึ่งยังมีแต่ความสับสนอย่างเขาจะเลือกทางนี้ให้กับตัวเอง

     

    .

    .

    .

     

    หลังจากนั้น... ผมก็ไปหาชางมินเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อบอกลาแล้วก็ไปอยู่กับ DL องค์กรนั่นไม่ได้เลวร้ายอย่างที่พวกคุณคิดกันหรอก...  

    คิบอม...

    ผมรู้ว่ามันคงยากสำหรับคุณที่จะเข้าใจ... คิบอมถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา ทำไมเขาถึงได้เล่าเรื่องนี้ให้ร่างเล็กฟังกันนะ ถึงเขาจะไว้ใจดงแฮ...แต่ยังไงร่างเล็กนี่ก็เป็นถึงเจ้าหน้าที่คนหนึ่งของหน่วยปราบปราม DL ศัตรูของพวกเขา

    ... ผมว่าผมพอจะเข้าใจความรู้สึกนั้นนะ ผมจะไม่บอกเรื่องนี้ให้ใครฟังถึงคุณจะไม่สั่งก็ตาม... ดงแฮยิ้มบางๆ ให้คิบอม โดยที่เจ้าตัวยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ

    ขอบคุณ... อัจฉริยะแห่ง DL พูดได้เพียงเท่านั้นก็ต้องชะงักไปเมื่อเขาหันไปนอกหน้าต่างแล้วพบว่าฝนกำลังตกลงมาอย่างหนัก นัยน์ตาสีอำพันตื่นตระหนกจนร่างเล็กที่นั่งอยู่ตรงข้ามรู้สึกได้

    มีอะไรรึเปล่า?

    ขอโทษนะครับ ดงแฮ ผมมีธุระสำคัญ ขอโทษด้วยที่ไปส่งไม่ได้ คราวหน้าเราค่อยพบกันใหม่นะครับ... คิบอมส่งยิ้มที่เจือแววกังวลให้ร่างเล็ก ก่อนจะหุนหันออกไปทั้งที่ฝนกำลังตกหนัก นึกเจ็บใจที่วันนี้ไม่ได้พกเจ้าโน้ตบุ๊กคู่ใจมาด้วยจริงๆ ถ้าเอามาล่ะก็เขาคงเช็คที่อยู่ของแจจุงได้

    ...พี่แจจุง พี่อยู่ที่ไหน!!? อย่าพึ่งเป็นอะไรนะครับ...


     

     

    ว้า...ฝนตกซะได้ ยุนโฮทำหน้าเซ็งเมื่อพบว่าฝนกำลังตกลงมาอย่างหนัก เขากับแจจุงพึ่งจะทานมือเที่ยง (ตอนบ่าย 3) เสร็จ แต่พอเดินออกมาจากร้านได้สักพักฝนก็ตกซะแล้ว ชายหนุ่มรีบพาแจจุงไปหลบร่มที่หน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง โดยที่ไม่ได้สังเกตอาการคนข้างๆ ที่แปลกไปเลย

    แจจุงฝนตกแบบนี้ลำบากแย่ให้ฉันไปส่งไหม? ชายหนุ่มเอ่ยถามเนื่องจากหน้าร้านที่ยืนอยู่ห่างจากที่จอดรถของเขาไปไม่มาก ถ้าวิ่งตากฝนไปแป๊ปเดียวก็ถึง แต่อาการเงียบผิดปกติของคนข้างๆ ต่างหากที่ทำให้ยุนโฮแปลกใจ

    แจจุง...เป็นอะไร!!?” สีหน้าของแจจุงดูทรมานจนยุนโฮตกใจ มือเรียวสองข้างยกปิดหูแน่นราวกับไม่ต้องการได้ยินอะไรทั้งนั้น

    ฉะ...ฉันเกลียดมัน...เสียงฝน มันพรากทุกอย่างไปจากฉัน ฉันเกลียดมัน!! ฮึก...เพราะยุนโฮไม่รู้ว่าทำยังไงแจจุงถึงจะหาย รู้แต่ว่าสาเหตุมันมาจากฝนแน่ๆ ชายหนุ่มเลยพาแจจุงเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ ซึ่งมีกระจกและผนังหนาพอที่จะกันเสียงฝนได้ สองแขนแกร่งโอบกอดร่างบางเอาไว้ ปกติแจจุงก็ดูตัวเล็กอยู่แล้วพออยู่ในอ้อมแขนชายหนุ่มเลยเหมือนคู่รักกัน คนที่เห็นก็เลยไม่เข้าไปตรงแถวนั้นพากันหลบออกมา ทั้งคู่เลยได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง 

    แจจุง... ไม่เป็นไรนะ เสียงฝนเงียบไปแล้วล่ะ แจจุง...?มือใหญ่ลูบศีรษะมนอย่างอ่อนโยน น้ำใสยังไหลอาบแก้มขาว ชายหนุ่มจรดริมฝีปากลงบนผิวแก้มเนียนเพื่อซับน้ำตาไล้ขึ้นไปที่ดวงตาชุ่มน้ำแล้วลงมาที่กลีบปากสวย สัมผัสที่อบอุ่นและอ่อนโยนทำให้ร่างบางเผลอใจตอบรับมัน จูบกินเวลาเนิ่นนานกว่าชายหนุ่มจะปล่อยให้กลีบปากสวยได้เป็นอิสระ  แจจุงพึ่งรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นและเขาทำอะไรลงไป มือเรียวถูกยกขึ้นปิดบังดวงหน้าที่แดงก่ำเพราะความอาย ขณะที่ยุนโฮเองก็ไม่ต่างกัน

    แจจุง... ขอโทษนะ แต่ว่า...ฉัน... ฉันอยากบอกนายให้รู้ไว้ ฉันชอบนาย ชอบตั้งแต่ครั้งแรกที่เราพบกันแล้ว...

    ยุนโฮ...

    ฉันรู้ว่านายอาจไม่เชื่อ ฉันเองก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน ถึงเราจะเป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่ว่า ฉันชอบนายจริงๆ...ใบหน้าของชายหนุ่มแดงไปถึงไหนต่อไหนแล้ว แดงซะยิ่งกว่าแจจุงอีกด้วยซ้ำ

    ฉัน...ฉันไม่รู้ว่าฉันรักนายรึเปล่า แต่ว่าฉันรู้สึกดีเวลาที่ได้อยู่กับนาย ขอเวลาฉันก่อนนะแล้วฉันจะบอกนาย เมื่อฉันแน่ใจแล้ว... เสียงหวานตอบรับด้วยรอยยิ้มเพื่อให้ชายหนุ่มสบายใจ

     

    Rrrrrrrr…Rrrrrrr

     

    เสียงโทรศัพท์ของแจจุงดังขึ้นมาขัดจังหวะ แจจุงมองยุนโฮก่อนจะหยิบเจ้าเครื่องมือสื่อสารขึ้นมารับ เป็นอัจฉริยะประจำองค์กรนั่นเองที่โทรเข้า คิบอมรู้...รู้ว่าแจจุงกลัวเสียงฝน เมื่อกี้ถึงได้หุนหันพลันแล่นออกมา เพราะตอนนี้ฝนหยุดตกแล้ว เด็กหนุ่มถึงโทรหาแจจุงได้

     

    “Queen, I’m Knight! พี่...พี่อยู่ที่ไหนฮะ!!? เสียงเด็กหนุ่มฟังดูก็รู้ว่ากำลังวิ่งอยู่ ท่าทางคงวิ่งตามหาเขาไปทั่วเลยสินะ เจ้าเด็กน้อย

    คิบอม หยุดวิ่ง... พักหายใจก่อน พี่ไม่ได้เป็นอะไร ตอนนี้พี่อยู่ที่ร้านสะดวกซื้อหน้าสถานี

    ถ้างั้นพี่รออยู่ที่นั่นนะฮะ ผมจะไปรับ เด็กหนุ่มตัดสายไปแล้ว

     

    ใครเหรอ?ยุนโฮเอ่ยถามเขาไม่รู้หรอกว่าใครโทรมาแต่ฟังดูน่าจะเป็นเสียงผู้ชาย

    น้องชายฉันจะมารับน่ะ ยุนโฮขอโทรศัพท์นายหน่อยสิ...

    หือ? เอาไปทำไมอ่ะ? ถึงจะถามแบบนั้น แต่ชายหนุ่มก็ยื่นโทรศัพท์มือถือเครื่องสีดำสวยให้ มือเรียวรับมาแล้วกดอยู่สองสามครั้งก็ส่งคืนให้ชายหนุ่ม พอดีกับที่ประตูร้านปิดออกไม่ต้องหันไปแจจุงก็รู้ว่าคิบอมมารับเขาแล้ว

    เบอร์ฉัน... ไปก่อนนะแจจุงยิ้มหวาน...แบบที่ทำให้ยุนโฮใจละลาย มือที่รับโทรศัพท์คืนสั่นจนเกือบตกลงกับพื้นดีว่าชายหนุ่มใช้มืออีกข้างรับไว้ได้ แต่พอเงยหน้าขึ้นมาอีกที เจ้าของรอยยิ้มละลายหัวใจก็หายตัวไปซะแล้ว

    แจจุง...? หายตัวไปไวจริงแฮะ ยุนโฮคิดในใจ แต่เมื่อมองเบอร์ของคนสวยที่อยู่ในเครื่องเขาแล้วชายหนุ่มก็ยิ้มออก

     
    .
    .
    .

     

    ไม่เห็นนายต้องวิ่งตากฝนเลย โทรหาพี่ก่อนก็ได้ ดูซิเปียกขนาดนี้เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก... แจจุงบ่นกระปอดกระแปดหลังจากทั้งคู่กลับมาถึงบ้าน คิบอมนั่งอยู่ที่โซฟาในเสื้อผ้าชุดใหม่ โดยมี Queen แห่ง DL กำลังยืนเช็ดผมเปียกๆ ให้ จากตอนที่พบแจจุงครั้งแรกมาจนถึงตอนนี้ ร่างบางไม่เคยเปลี่ยนไป เขายังคงเป็นเด็กน้อยในสายตาของแจจุงอยู่เสมอ แต่เด็กหนุ่มก็พอใจที่จะอยู่ในฐานะแบบนั้น...

    โธ่! พี่ก็ เพราะผมเป็นห่วงพี่นั่นแหละ

    พี่รู้แล้วน่า...ขอบใจนะ ร่างบางว่าพร้อมกับมือเรียวที่ดีดหน้าผากเด็กหนุ่มเบาๆ ก่อนต่างคนจะต่างแยกย้ายกันกลับห้องของตัวเองไป แจจุงว่างของติดตัวทั้งหมดลงบนเตียง ก่อนจะถอนเสื้อผ้าเพื่อไปอาบน้ำ ถ้าไม่มีเสียงเตือนข้อความเข้าดังขัดซะก่อน มือเรียวหยิบมันขึ้นมาเปิดอ่าน ข้อความที่ทำให้ทั้งยิ้มและกังวลใจไปพร้อมๆ กัน

    ราตรีสวัสดิ์นะครับ ที่รัก ^^...

     

    ...รัก’…

    ...นายกับฉัน

    เรารักกันได้เหรอ?

    ฉันรักนายได้จริงๆ เหรอ?

    อย่าทำให้ฉันหวั่นไหวไปมากกว่านี้ได้ไหม

    ฉันกำลังใจอ่อนเพราะนาย นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันมีความลับกับทุกคน

    ได้โปรดอย่าทำให้ฉันอ่อนแอไปมากกว่านี้


    ฉันไม่อยาก...รัก...นาย

    ไม่ใช่เพราะฉันไม่...รัก...นาย

    แต่ฉัน...รัก...นายไม่ได้

     เข้าใจไหม?

    To Be Con...

    ยิ่งแต่งมันก็ยิ่งยาวแฮะ

    เอาเหอะ ทำใจๆ

    ภาษาตอนนี้อาจดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ (ในสายตาเรา)

    แบบว่าไม่ได้เขียนเรื่องนี้นานชักลืมๆ

    อ่านแล้วเป็นไงก็โหวต+เม้นต์ให้ด้วยน้า~

    เม้นต์เยอะก็มาต่อเร็วนะเอา!!!
    See you next Chapter...

    -b g--s b- + + ไม้กาง เขน B G

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×