ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Flaw Flower [Fic TVXQ : Soulmate]

    ลำดับตอนที่ #2 : [ 1 ] : The Rose -Rewrite- (NC-17)

    • อัปเดตล่าสุด 30 พ.ค. 54


     



    Chapter One : The Rose


    เมื่อแสงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า ท้องนภาก็กลายเป็นสีดำสนิทราวกับห้วงอวกาศอันไร้ที่สิ้นสุด ชายหนุ่มรูปร่างผอมบางยืนกระจกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย นัยน์ตาสีนิลคู่งามสะท้อนภาพของกรุงโซลที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายแม้จะเป็นเวลากลางคืน


    แสงไฟสลัวๆในห้องที่เปิดทิ้งไว้ฉายให้เห็นเสี้ยวใบหน้าสวย เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนซอยสั้นรับกับโครงหน้า ริมฝีปากสีสดราวกลีบกุหลาบแรกแย้ม นัยน์ตาที่แม้จะดูว่างเปล่าแต่ก็งดงามราวกับไข่มุกล่ำค่า ต่างหูรูปไม้กางเขนสีเงินขับให้เจ้าตัวดูมีเสน่ห์เย้ายวน

    หากความงดงามก็เปรียบเสมือนยาพิษ ภายใต้รูปลักษณ์ที่แลดูอ่อนแอกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความร้ายกาจที่ไม่มีใครคาดคิด ความสามารถนั้นทำให้ร่างบางก้าวมาสู่ตำแหน่งบอดี้การ์ดประจำตัวนายใหญ่แห่งเขตใต้อย่างง่ายดาย จนได้มาซึ่งฐานะที่ทุกคนต้องให้ความยำเกรง...กุหลาบของชองยุนโฮ

    “เป็นอะไรไป...แจจุง?” เสียงทุ้มกระซิบถามแผ่วเบาข้างใบหูนิ่ม วงแขนแกร่งโอบรัดร่างบางจากข้างหลัง ลมหายใจอุ่นเป่ารดที่ต้นคอ การกระทำที่เปลี่ยนให้ผิวแก้มขาวเป็นสีแดงระเรื่อ

    “ขอโทษครับคุณยุนโฮ ผมมัวแต่คิดอะไรเพลินๆ” แจจุงหันกลับมาหาเจ้าของอ้อมกอดด้วยรอยยิ้ม เสียงหวานตอบเลี่ยงๆอย่างไม่ต้องการให้เจ้านายหนุ่มเป็นกังวล โชคดีที่ยุนโฮไม่ได้เป็นคนที่ช่างเอาใจใส่มากพอจะสังเกตเห็นอาการนั้น

    ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาใกล้ แนบริมฝีปากลงกับกลีบปากบางอย่างอ้อยอิ่ง ลิ้นอุ่นควานหาความหอมหวานจากอีกฝ่ายด้วยความเคยชิน การรุกเร้าของร่างสูงหนักหน่วงจนร่างบางแทบจะทรุดลงไปกับพื้น หากยุนโฮไม่ช่วยประคองแผ่นหลังบางไว้ หากเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้ยุนโฮจำต้องละริมฝีปากออกมาอย่างเสียดาย

    ก๊อก...ก๊อก

    “จุนซูรึ?” มีลูกน้องอยู่แค่สองคนที่ยุนโฮอนุญาตให้เข้ามาถึงในห้องนอนของเขาได้ เมื่อคนหนึ่งอยู่ที่นี่ คนที่เคาะประตูจึงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากบอดี้การ์ดประจำตัวอีกคน ร่างเล็กผู้เป็นเจ้าของฉายา ตุ๊กตาไร้หัวใจ

    “ทุกอย่างพร้อมแล้วครับ คุณยุนโฮ” เสียงหวานแหบจากหน้าประตูบอกอย่างสุภาพราวกับรู้ว่าตนกำลังขัดจังหวะสำคัญของผู้เป็นนาย หากยุนโฮก็ไม่ได้ติดใจอะไรนัก ร่างสูงออกจากห้องโดยมีแจจุงเดินตามหลัง จุนซูส่งสายตาให้ร่างบางเป็นเชิงตำหนิแต่ไม่ได้พูดอะไร แล้วเดินตามหลังยุนโฮไปขึ้นรถยนต์ที่จัดเตรียมไว้รอผู้เป็นนายพร้อมๆกับแจจุง

    พาหนะสี่ล้อคันหรูสีดำโฉบเฉี่ยวทะยานออกจากรั้วคฤหาสน์หลังใหญ่ตามด้วยรถยนต์อีกหลายคันเป็นขบวนตามกันไปอย่างเว้นระยะห่างไม่ให้เป็นที่สังเกตมากนัก หากการเดินทางครั้งนี้กลับอยู่ในสายตาของใครอีกคนตลอดเวลา

    “ทุ่มสี่สิบสาม...ขบวนรถของตระกูลชองออกมาแล้วครับ” ร่างสูงโปร่งที่ซ่อนตัวอยู่รายงานความเคลื่อนไหวที่ตนได้รับมอบหมายหน้าที่มา จนเมื่อรถคันสุดท้ายแล่นออกมา ประตูคฤหาสน์ก็ปิดลงพร้อมกับร่างของผู้สอดแนมที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย

     

    อีกด้านหนึ่ง...

     

    “ดื้อจริงๆนะนายเนี่ย” จุนซูตำหนิร่างบางที่นั่งอยู่ข้างกันไม่ต่างกับสายตาที่ส่งมาให้ตั้งแต่ตอนที่ออกจากห้องนอนของยุนโฮ มือเล็กทาบที่บนหน้าผากของเพื่อนร่วมงานสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิที่สูงกว่าปกติ

    “ก็...ฉันไม่อยากอยู่ที่คฤหาสน์คนเดียวนี่” น้ำเสียงหวานที่ค่อยๆเบาลงไปทำให้จุนซูได้แต่ถอนหายใจ เรื่องที่ไม่อยากถูกทิ้งไว้คนเดียวเขาก็เข้าใจอยู่หรอกนะ แต่การปิดยุนโฮไว้แล้วฝืนร่างกายมาทำงานมันก็ใช่ว่าจะดีนี่นา...

    “เฮ้อ~ เอาเถอะ อย่างน้อยก็ดูแลตัวเองให้ได้ ตกลงมั้ย?” ตุ๊กตาที่ไม่ได้ไร้หัวใจตามฉายาที่คนอื่นเรียกกันได้แต่ถอนหายใจอย่างเอือมระอากับความดื้อดึงของเพื่อนรัก

    “ขอบคุณนะ” ริมฝีปากเรียวสวยยิ้มหวานซะจนจุนซูต้องถอนหายใจอีกรอบ ก่อนจะหันมองไปนอกหน้าต่างรถที่ติดฟิล์มดำคิดอะไรอยู่เงียบๆคนเดียว จนกระทั่งการเคลื่อนที่ของรถชะลอลงเมื่อใกล้ถึงที่หมาย ไม่นานเครื่องยนต์ก็ดับสนิทอยู่หน้าร้านอาหารเกาหลีสไตล์โบราณแห่งหนึ่ง

    ทันทีที่ยุนโฮก้าวลงมา กลุ่มชายฉกรรจ์ในชุดสูทสีดำสนิทก็วิ่งตรงมาตั้งขบวนเรียงกันเป็นแถวต้อนรับนายใหญ่แห่งเขตใต้ เถ้าแก่เจ้าของร้านโค้งตัวลงทำความเคารพ ก่อนจะเดินนำยุนโฮไปยังห้องรับรองด้านในสุดของร้านที่มีแขกคนสำคัญรออยู่

    “พวกนายรออยู่นี่แหละ ฉันเข้าไปไม่นานหรอก” ยุนโฮสั่งสองบอดี้การ์ดก่อนจะเข้าไปในห้องห้องรับรอง แม้จะได้รับอภิสิทธิ์มากกว่าคนอื่นมากมาย แต่นั่นไม่ได้หมายรวมถึงการเจรจาธุรกิจที่เป็นความลับของนายใหญ่แห่งเขตใต้ด้วย

    หลังจากยุนโฮเข้าไปได้สักพัก แจจุงก็ปลีกตัวออกมาเข้าห้องน้ำปล่อยให้จุนซูเฝ้าเจ้านายหนุ่มอยู่เพียงลำพัง ร่างบางดึงตัวขึ้นไปนั่งบนเคาน์เตอร์ของอ่างล้างหน้าเอนหลังพิงกระจกติดผนังบานใหญ่อย่างเหนื่อยอ่อน ดูเหมือนไข้ที่เป็นอยู่นี่จะเล่นงานเขาหนักกว่าที่คิด มือเรียวกวักน้ำขึ้นลูบใบหน้าหวังให้อาการมึนหัวลดลงไปบ้าง จนเมื่อรู้สึกดีขึ้นแล้วก็คิดจะกลับไปทำหน้าที่ของตน แต่เพิ่งจะออกมาจากห้องน้ำได้ไม่ทันไร วิทยุสื่อสารที่เสียบหูไว้ก็ดังขึ้น เป็นจุนซูนั่นเองที่ติดต่อเข้ามา

    “แจจุง...รู้สึกหรือเปล่า?” เสียงแหบหวานกระซิบถามแผ่วเบาราวกับกลัวว่าจะมีใครมาได้ยิน ถ้อยคำนั้นทำให้นัยน์ตาคู่สวยตวัดมองไปรอบด้านทันที พร้อมกับความรู้สึกบางอย่างที่เกิดขึ้นในใจ ร่างบางถอยกลับเข้ามาในห้องน้ำแล้วตอบกลับเพื่อนร่วมงาน

    “อืม..รู้แล้ว” เสียงหวานตอบด้วยเสียงที่เบาไม่ต่างกัน ไม่นึกเลยว่าจะต้องมาตกอยู่ในกับดักของศัตรูง่ายๆแบบนี้ ถึงแม้นายใหญ่แห่งเขตใต้จะมาเยือน แต่ตัวร้านนั้นยังเปิดให้บริการตามปกติ ทั้งที่เป็นแบบนั้นภายในร้านที่เต็มไปด้วยลูกค้ากลับไม่มีเสียงพูดคุยกันเลยแม้แต่คำเดียว

    “มันเงียบเกินไป” สองเสียงหวานประสานด้วยความเข้าใจที่ตรงกัน แต่เสียงของแจจุงคงไม่เบาพอให้ใครอีกคนที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำไม่ได้ยิน ประตูบานสุดท้ายที่อยู่ด้านในสุดเปิดออกพร้อมกับร่างของใครคนหนึ่งที่คุ้นตาดี ชายหนุ่มผู้มีบุคลิกน่าเกรงขาม ศัตรูคู่แค้นของตระกูลชอง ปาร์คยูชอน...นายใหญ่แห่งตระกูลปาร์ค

    “คุณ!!” นัยน์ตาคู่สวยเบิกกว้างตกตะลึงพูดไม่ออก ขาคู่เรียวก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะรู้สึกถึงแรงกระแทกบริเวณท้ายทอยของตน ภาพตรงหน้าพร่ามัวก่อนจะดับวูบลงไป

    “เกิดอะไรขึ้น!?” จุนซูถามกลับอย่างร้อนใจเมื่อแจจุงเงียบไป ขณะที่ยูชอนก้มตัวลงดึงวิทยุสื่อสารของร่างบางขึ้นมาปิดก่อนจะโยนทิ้ง

    “ซีวอน...ลงมือเดี๋ยวนี้เลย” เสียงทุ้มต่ำบอกลูกน้องหนุ่มผู้เป็นมือขวาของตนอย่างใจเย็น ซีวอนพยักหน้ารับคำสั่งและรีบออกไปจัดการทันที

    ยูชอนหันกลับมาสนใจร่างบางที่สลบไม่ได้สติ ปากกระบอกปืนในมือยกขึ้นจ่อศีรษะสวย เขาพอจะรู้อยู่แล้วว่าแจจุงไม่สบาย ไม่เช่นนั้นมีหรือกุหลาบของนายใหญ่แห่งเขตใต้จะถูกจัดการง่ายดายปานนี้ นัยน์ตาคมเหลือบมองแจจุงด้วยความรู้สึกที่ยากจะคาดเดา ริมฝีปากหยักกระตุกยิ้ม ก่อนจะลดปืนลงและฉุดดึงหอบหิ้วร่างบางขึ้นพาดบ่า ก่อนขาคู่ยาวจะก้าวออกไปข้างนอก

    .

    .

    .

    ...ปวดหัว

    แสบคอ

    ...อึดอัด

     

    ความรู้สึกอันหลากหลายเทประดังเข้ามา ก่อนนัยน์ตาคู่งามจะเปิดขึ้นเพื่อพบเจอกับความมืด ต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะตั้งสติได้ แจจุงรู้สึกเหมือนร่างกายหนักอึ้ง พอลองขยับตัวก็พบว่าแขนและขาถูกมัดไว้ด้วยอะไรบางอย่าง เดาเอาเองว่าคงเป็นเชือก เมื่อลองพยายามเพ่งดูในความมืดก็มองไม่เห็นสิ่งใด แจจุงจึงสรุปได้ว่าเขาถูกปิดตาอยู่

     

    ...ที่นี่ที่ไหน?

    ...แล้วเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?

     

    สมองของแจจุงประมวลผลสับสนวุ่นวายไปหมดเมื่อพยายามไล่ลำดับเหตุการณ์ ความทรงจำสุดท้ายที่เหลืออยู่จนถึงเมื่อครู่คือเขาแวะมาเข้าห้องน้ำ พอกำลังจะกลับไปจุนซูก็ติดต่อเข้ามา จากนั้นก็...

    พระเจ้า!

    แจจุงนึกไปถึงภาพสุดท้ายที่ได้เห็นปาร์คยูชอนเดินออกมาพร้อมกับแรงกระแทกบางอย่างที่ท้ายทอยก่อนที่ทุกอย่างจะกลายเป็นสีดำ

     

    “บ้าจริง!” เสียงหวานสบถอย่างแผ่วเบาที่เสียท่าศัตรูง่ายๆ จนถูกจับตัวมา แต่เขาไม่มีเวลามาสนใจตัวเองมากนัก ไม่รู้ว่าป่านนี้ยุนโฮจะเป็นยังไงบ้าง เขาถูกลักพาตัวมาที่นี่แสดงว่ารอบนี้ตระกูลชองเสียทีงั้นหรือ!?

    แจจุงขยับข้อมือที่ถูกมัดไปตรงสายเข็มขัด นิ้วเรียวความหาเพียงครู่เดียวก็ได้แท่งเหล็กสีเงินอันเล็กๆที่ปลายหนึ่งมีด้านคม ร่างบางใช้มันตัดเส้นเชือกที่ข้อมือข้อเท้าแล้วดึงผ้าปิดตาตัวเองออกถึงได้เห็นว่าตัวเองอยู่ในห้องที่ดูคล้ายกับห้องพักของคนใช้อะไรแบบนั้น แต่คงเพราะไม่ถูกใช้งานมานาน ฝุ่นจึงจับกันเป็นก้อน แม้แต่หน้าต่างก็ขึ้นสนิมจนเปิดไม่ออก

    “คงไม่ใช่คฤหาสน์ตระกูลปาร์คหรอกนะ” เสียงหวานพึมพำแผ่วเบา ถ้าใช่จริงๆ การหนีออกไปอาจไม่ง่ายอย่างที่เขาหวังไว้ แจจุงถอนหายใจแล้วย่องไปที่ประตูพยายามแง้มเปิดออกอย่างเงียบเชียบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ข้างหน้าห้องมีชายรูปร่างสูงใหญ่ยืนเฝ้าอยู่เพียงแค่คนเดียว

    แจจุงจงใจเปิดประตูให้กว้างขึ้นจนได้ยินเสียงเสียดสีกันของเหล็กบานพับ ชายคนเฝ้าประตูที่ได้ยินเสียงจึงคว้าลูกบินประตูจะเข้าไปดูในห้อง ทันทีที่ผู้ชายคนนั้นยืนหน้าเข้ามา แจจุงก็ผลักประตูปิดสุดแรง แรงกระแทกทำให้ชายคนนั้นสลบลงไปกองกับพื้นทันที ไม่มีแม้แต่เสียงร้อง

    “ฟู่~ ” แจจุงปาดหยาดเหงื่อที่หน้าผาก การออกแรงตอนป่วยไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เขาควรจะเชื่อจุนซูตั้งแต่แรก ไม่งั้นก็คงไม่ตกอยู่ในสภาพแบบนี้

    ร่างบางลัดเลาะไปตามผนังอย่างช้าๆ จนไปถึงห้องโถงใหญ่ แจจุงกำลังลังเลว่าจะไปทางซ้ายหรือทางขวา ระหว่างที่กำลังครุ่นคิด สายตาก็เลื่อนไปสะดุดเข้ากับภาพวาดเสือขาว...สัญลักษณ์แห่งอำนาจและบารมีของตระกูลปาร์ค

     

    ...ที่นี่คือคฤหาสน์ตระกูลปาร์คจริงๆ

     

    แจจุงพยายามคิดในแง่ดี บางทีการถูกจับมาที่นี่อาจไม่เลวร้ายอย่างที่คิดก็ได้ โดยปกติแล้วที่อยู่ของนายใหญ่แห่งตระกูลปาร์คเป็นปริศนามาตลอด แม้ว่าคนของยุนโฮจะพยายามสืบหาเท่าไหร่ก็ไม่มีใครเคยพบแม้แต่เบาะแส เทียบกับคฤหาสน์ตระกูลชองที่ทุกคนในโลกเบื้องหลังรู้จักดีแล้วออกจะเป็นการเสียเปรียบอยู่มาก แต่ตอนนี้เขามาอยู่ที่นี่แล้ว ที่ตั้งของคฤหาสน์ตระกูลปาร์คไม่ได้เป็นปริศนาอีกต่อไป แล้วผู้ชายคนนั้นจะต้องเสียใจที่จับตัวเขามาที่นี่!

    “นั่นใครน่ะ?” เสียงทักจากข้างหลังทำเอาร่างบางสะดุ้งสุดตัว ถึงอย่างนั้นก็ยังยืนอยู่ที่เดิม ปิดปากเงียบไม่ตอบ ขณะที่ในหัวก็คิดหาวิธีเอาตัวรอด

    “ฉันถามว่าใคร?” คราวนี้ไม่เพียงแค่เสียง แต่มาพร้อมกับมือใหญ่ที่วางลงบนบ่าซึ่งแจจุงที่ไม่มีเวลาคิดอะไรแล้วก็ทำได้เบี่ยงตัวหลบและออกวิ่งทันที

    “หัวหน้าซีวอน! มันหนีออกมาแล้วครับ” ลูกน้องคนนั้นรีบรายงานเจ้านายของตน เสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายดังไปทั่วคฤหาสน์ แต่แจจุงไม่มีเวลาสนใจอะไรทั้งนั้น ร่างบางต้องรับมือกับชายร่างสูงหลายสิบคนที่มาขวางทางเขา แม้ฝีมือด้านการต่อสู้ของกุหลาบแห่งเขตใต้จะไม่เคยเป็นสองรองใคร แต่ในสภาพที่ร่างกายไม่พร้อมทั้งยังตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมศัตรูก็ทำให้แจจุงตกที่นั่งลำบากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

    ...และถ้าทั้งหมดที่เจอในวันนี้ยังไม่เลวร้ายพอ ตอนนี้ก็คงเป็นโชคร้ายที่สุดเพราะคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าแจจุงตอนนี้ คือ  ชเวซีวอน หัวหน้าบอดี้การ์ดหนุ่มหล่อควบตำแหน่งมือขวาของนายใหญ่ตระกูลปาร์ค ฝีไม้ลายมือของคนตรงหน้าร้ายกาจเพียงใด แจจุงย่อมรู้ดี...จากการปะทะกันหลายครั้งตั้งแต่เขาขึ้นมาเป็นบอดี้การ์ดของยุนโฮ แจจุงยอมรับว่าผู้ชายคนนี้เก่ง ถ้าไม่ต่อสู้อย่างเต็มที...เขาอาจจะแพ้ได้

    “หึ! ยังชอบเอาแต่ลอบกัดเหมือนเดิมนะ!” แจจุงหาเรื่องถ่วงเวลา เขารู้สภาพร่างกายตัวเองดี จึงไม่อยากเสี่ยงกับการต่อสู้ที่รู้ว่ายังไงก็ต้องแพ้ ขนาดในเวลาที่ร่างกายสมบูรณ์พร้อมที่สุด เขายังทำได้แค่สูสี แล้วในตอนนี้เหรอ...แทบไม่ต้องคิดด้วยซ้ำ

    แต่ซีวอนกลับหัวเราะราวกับว่านั่นคือคำชมเชยชั้นเยี่ยม รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อคมคายราวกับจะเย้ยหยันที่ตระกูลชองตกหลุมพรางเอาง่ายๆ

    “น่าเสียดายนะที่คราวนี้ชองยุนโฮหนีไปได้ แต่ว่าคนที่จะไม่รอดน่ะ...นายต่างหาก” รอยยิ้มจางหายไปจากใบหน้าหัวหน้าบอดี้การ์ดทันที เป็นสัญญาณเริ่มการต่อสู้

    แจจุงเริ่มเป็นฝ่ายลงมือก่อนด้วยการฟาดเรียวขายาวออกไปตรงๆ ซีวอนรับมือการจู่โจมครั้งแรกอย่างง่ายๆด้วยการชกปัดออกไป แล้วตอกกลับด้วยการพลิกตัวประชิดแผ่นหลังบาง มือหนายกขึ้นเตรียมฟาดลงตรงจุดเดิมที่ท้ายทอย แต่แจจุงก็หมุนตัวหลบได้อย่างทันท่วงที ทั้งยังกระแทกศอกเข้าตรงสีข้างของอีกฝ่ายได้อีก แม้จะการกระแทกอย่างตกเป้าจะชวนให้จุกไปบ้างแต่ซีวอนก็โต้กลับในทันที

    การต่อสู้แบบมือเปล่ายังคงดำเนินไป โดยมีลูกน้องคนอื่นๆเป็นผู้รับชม ไม่นานเสียงลมหายใจของร่างบางก็เริ่มหอบไม่เป็นจังหวะ แจจุงรู้สึกแน่นหน้าอกเพราะความเหนื่อยล้า ในขณะที่อีกฝ่ายมีหยาดเหงื่อเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

    “มีฝีมือแค่นี้เองเหรอ?” ซีวอนจงใจยั่ว แจจุงรู้แต่ก็ยังอดโมโหไปตามคำยุนั่นไม่ได้ ร่างบางพุ่งตัวเข้าหาอีกฝ่ายด้วยกำปั้นเป็นกลลวงที่จงใจให้ซีวอนหลบเพื่อจะตวัดวงขาเข้าที่สีข้าง ทว่าซีวอนไม่หลงกล เขาคว้าข้อมือบางไว้ก่อนที่จะถูกชก ทำให้แจจุงเสียการทรงตัว

    “อ่ะ!” ซีวอนฉวยโอกาสนี้จับร่างบางกดลงกับพื้น พร้อมกับที่ลูกน้องคนหนึ่งรีบส่งกุญแจมือให้อย่างรู้หน้าที่ หัวหน้าบอดี้การ์ดหนุ่มพันธนาการข้อมือบางไพล่หลัง ก่อนจะติดต่อไปหาผู้เป็นนายใหญ่โดยผ่านทางชิมชางมิน...เลขาคนสำคัญควบด้วยตำแหน่งมือซ้ายของปาร์คยูชอน

    “ชางมิน...ทุกอย่างเรียบร้อย เรียนนายท่านให้ด้วย” รายงานไปเพียงครู่เดียวก็ได้คำตอบกลับมา แจจุงไม่รู้ว่าคำตอบคืออะไร แต่ซีวอนก็ดึงร่างบางให้ลุกขึ้น ก่อนจะสั่งงานลูกน้อง ร่างบางถึงได้รู้ว่าเขากำลังจะได้พบกับนายใหญ่แห่งตระกูลปาร์ค...ปาร์คยูชอน

     

    ภายในห้องนอนแสนกว้าง นายใหญ่แห่งตระกูลปาร์คนั่งสบายๆอยู่ที่โต๊ะทำงาน โดยมีร่างสูงโปร่งของชางมินอยู่ข้างๆ ซีวอนก้มหัวให้ผู้เป็นนายอย่างให้ความเคารพโดยไม่ได้ปล่อยให้แจจุงอยู่ห่างตัว ร่างบางที่ปิดปากเงียบตั้งแต่ก้าวเข้ามาเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยอย่างถือดี ใบหน้าสวยเบือนไปด้านข้างไม่สนใจคนที่ถูกพาตัวมาพบ

    “พวกนายไปพักเถอะ ที่เหลือฉันจะจัดการเอง” ถ้อยคำนั้นทำเอาแจจุงแปลกใจ ไม่เข้าใจความคิดของผู้เป็นนายใหญ่แห่งตระกูลปาร์คเลย ร่างบางเตรียมใจไว้แล้วว่าจะต้องถูกคาดคั้นเรื่องของยุนโฮและตระกูลชองแน่ๆ แต่ไม่คิดว่าปาร์คยูชอนจะเป็นผู้ลงมือสอบด้วยตัวเอง

    “ครับ นายท่าน” พอได้รับคำสั่ง คนของยูชอนก็ขานรับโดยพร้อมเพียงและก้าวออกจากห้องไปทันที แจจุงมองเห็นนัยน์ตาสีอำพันที่ดูฉลาดเฉลียวคู่นั้นเหลือบมองมาทางเขาอย่างเวทนาด้วยความไม่เข้าใจ

    ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบสงบเมื่อลูกน้องคนสุดท้ายก้าวออกไปจากห้อง ยูชอนเดินเข้าไปหาร่างบางที่ยังยืนนิ่งอย่างไม่เกรงกลัว นิ้วเรียวยาวไล้ไปตามโครงหน้าของร่างบางที่หันหน้าหนีอย่างรังเกียจ ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปแนบข้างใบหูนิ่ม

    “รู้อะไรไหม...สิ่งที่ฉันไม่ชอบที่สุดคือการถูกรบกวนตอนกลางดึก” น้ำเสียงแหบทุ้มเปี่ยมไปด้วยอำนาจทำเอาร่างบางรู้สึกหวั่นเกรงคนตรงหน้าขึ้นมาเล็กๆ แจจุงรู้สึกว่ายุนโฮกับยูชอนมีบรรยากาศที่คล้ายๆกัน บรรยากาศของความน่าเกรงขาม...

    “งั้นก็ปล่อยผมไปสิครับ แล้วผมจะมาไม่กวนใจคุณอีกเลย” แจจุงถอยหลังหนียูชอนก้าวหนึ่ง เพื่อเว้นระยะห่าง แต่อีกฝ่ายก็เคลื่อนตัวเข้ามาหาอยู่เรื่อยๆ

    “เสียใจที่ต้องบอกว่าไม่ได้”

    “หึ...ต่อให้ต้องตาย ผมก็จะไม่พูดอะไรทั้งนั้น” แจจุงยังมีสติพอที่จะข่มใจให้เยือกเย็นไม่ร้อนรนไปกับการกระทำอันอุกอาจของอีกฝ่าย ไม่ว่าอะไรที่ยูชอนต้องการ ชายหนุ่มจะไม่มีวันได้มันไป คิมแจจุงไม่มีวันทรยศต่อนายใหญ่แห่งเขตใต้

    “ฉันไม่สนใจหรอกว่านายจะพูดหรือไม่พูดอะไร”

    “รบกวนช่วยหยุดอยู่ตรงนั้นด้วยครับ” ร่างบางยังคงก้าวหนีนายใหญ่แห่งตระกูลปาร์ค ในใจเริ่มหวั่นกลัวกับจุดประสงค์ของคนตรงหน้าที่ไม่มีทีท่าต้องการข้อมูลใดๆของตระกูลชองเลยสักนิด

    “นี่ห้องฉัน...”

    “คุณต้องการอะไรจากผมกันแน่!?” แจจุงโพล่งถามออกไปเมื่อถอยไปจนชนเข้ากับขอบเตียงนอน ไม่มีที่ให้เขาถอยอีกแล้ว

    “สิ่งที่ฉันต้องการงั้นเหรอ? หึ...ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของชองยุนโฮไงล่ะ!!” ไม่ต้องอธิบายแจจุงก็เข้าใจแล้ว หากปาร์คยูชอนต้องการทุกอย่างของนายใหญ่แห่งเขตใต้ นั่นก็คงหมายรวมถึงกุหลาบของชองยุนโฮอย่างเขาด้วย

    “คนที่ดีแต่ลอบกัดอย่างคุณ ไม่มีวันชนะคุณยุนโฮได้หรอก”

    ผัวะ!

    ฝ่ามือของยูชอนตบฉาดเข้าที่แก้มของแจจุง รอยแดงร้อนวาบปรากฏขึ้นให้เห็นทันตาเห็น แรงขนาดที่ตัวคนถูกตบรู้สึกแสบไปหมดทั้งใบหน้า

    “มีเรื่องนึงที่นายควรระวังไว้ คือการพูดชื่อผู้ชายคนนั้นต่อหน้าฉัน!!” ยูชอนผลักร่างบางกดลงกับเตียง แต่แจจุงก็ไม่ยอมง่ายๆ ร่างบางพยายามดิ้นกระชากตัวเองให้หลุดจากการเกาะกุมของชายหนุ่ม หากไม่เพราะพิษไข้ที่ทำให้แจจุงอ่อนแรงก็คงเป็นเพราะผู้ชายอย่างปาร์คยูชอนรับมือได้ยากเกินไป

    “ปล่อยนะ!” เสียงหวานตะโกนอย่างขลาดๆ รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีทางที่ยูชอนจะปล่อยเขาหรอก แต่ความรู้สึกข้างในก็ไม่คิดจะยอมแพ้ น่าแปลกที่ยูชอนกลับพลิกร่างบางให้นอนคว่ำและสาละวนอยู่กับข้อมือเรียวที่ถูกจองจำ เพียงครู่ข้อมือก็ถูกปล่อยเป็นอิสระ แจจุงรีบพลิกตัวกลับจะหนี แต่ยูชอนก็คว้าเอวบางไว้ ก่อนจะกดริมฝีปากลงไปอย่างแม่นยำ ใบหน้าสวยเบี่ยงหลบไปมา กว่าจะหลุดพ้นจากริมฝีปากของยูชอนได้ด้วยคมเขี้ยวที่กัดจนเลือดซึม

    “ฤทธิ์เยอะจริงนะ” ร่างสูงใช้หลังมือปาดเลือดที่มุมปากออก ก่อนมือใหญ่จับคางเรียวล็อคแน่นแล้วมอบจูบที่หนักแน่นรุนแรงกว่าเดิม ราวกับจะบดขยี้กลีบปากบาง เรียวลิ้นหนาลุกล้ำเข้าควานหาความหอมหวานที่เจือปนกับรสเฝื่อนของเลือดอย่างร้อนแรงจนแจจุงหายใจไม่ออก ยิ่งร่างบางดิ้น ยูชอนก็ไม่ปล่อยให้ริมฝีปากนั้นเป็นอิสระสักที จนไม่นานเรี่ยวแรงที่มีค่อยๆ หมดลงจนต้องยอมอยู่เฉยในที่สุด พอเห็นแจจุงนิ่งไปชายหนุ่มก็ปล่อยให้ร่างบางมีโอกาสหายใจ

    ทันทีที่ริมฝีปากเป็นอิสระ ร่างบางก็เบี่ยงหน้าหลบเจ้าของจูบรสเลือดเพื่อไขว้คว้าหาอากาศเข้าปอด อกบางเคลื่อนหอบหายใจหนัก นัยน์ตาคู่งามมองใบหน้าหล่อที่อยู่ห่างออกไปเพียงไม่ถึงนิ้วด้วยสายตาแค้นเคือง ก่อนจะถูกดึงให้เข้าไปรับจูบที่หนักหน่วงนั่นอีกครั้ง กว่าร่างบางจะรู้สึกตัวอีกทีมือทั้งสองข้างก็ถูกพันธนาการเข้ากับราวเหล็กหัวเตียงด้วยกุญแจมืออันเดิมเสียแล้ว

    >>> NC Part <<< [วิธีการขอ ดูตรงช่วงทอร์คเลยคะ]


    “ทำใจเถอะนะ” คำพูดของยูชอนทำให้หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ ก่อนจะต้องกรีดร้องเสียงเบาหวิวเมื่อถูกรุกล้ำเข้ามาอีกครั้งอย่างไม่ให้ทันได้ตั้งตัว

    “ฮือ!

    “นายผิดเองที่เป็นคนของชองยุนโฮ”



    Sakura_JJ's Talk : ยินดีต้อนรับสู่ฉบับรีไรท์ใหม่นะคะ^^ พลอยแก้ไขแล้ว จะไม่ดองแล้วค่ะ แต่ขออัพสลับกับ Revenge จนกว่าเรื่องนั้นจะจบแล้วจะมาลงต่อยาวเลยนะคะ

    เรื่อง NC : ขอส่งเมล์เอานะคะ
    >>>
    โพสคอมเม้นต์ + ขอ NC แล้ว ทิ้ง  e-mail ไว้เลยคะ <<<
    <<< ถ้าไม่เขียนว่า "ขอ NC" เราจะไม่ส่งให้นะคะ เพราะกลัวบางคนไม่ได้อยากอ่าน>>>

    อ่อ....คำเตือน ขอเตือนไว้ก่อนนะคะว่าเรื่องนี้ติดเรทเพราะปาร์คหื่น -*- มัน...เอิ่ม...เอาเป็นว่าติดเรทกว่าทุกเรื่องที่พลอยเคยแต่งมาอ่ะคะ ปกติอ่านฟิคคู่นี้ไม่ค่อยเจอฉากแบบนี้เยอะสักเท่าไหร่ แต่...เรื่องนี้มันจำเป็นค่ะ ใครไม่ชอบก็อ่านข้ามไปได้นะคะ ไม่ว่ากัน 555 (นังพลอยหาเรื่องเสี่ยงถูกแบนจริงๆค่ะ ...พี่น้อง) อีกอย่างดูเหมือนแค่ 10 ตอนคงไม่จบแล้วล่ะค่ะ 555


    ปล. สามเสียงโซลเมทมาก... มากเกินไปจนอิพลอยจะตายเอาอ่ะซิคะ 555 สวีทกันไปไหน นึกว่าถ่ายกันอยู่สองคน ><
    ปล2.ยืนยันไว้ล่วงหน้า ตัวเอกเรื่องนี้ไม่มีใครตายนะคะ แต่...จะออกแนว เจ็บ ซ้ำ ช้ำ รัดทน อารมณ์เดียวกับ forgotten angel ประมาณนั้น 5555
     -b g--s b- + + ไม้กาง เขน B G

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×