คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [ 1 ] : The Rose -Rewrite- (NC-17)
Chapter One : The Rose
เมื่อแสงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า ท้องนภาก็กลายเป็นสีดำสนิทราวกับห้วงอวกาศอันไร้ที่สิ้นสุด ชายหนุ่มรูปร่างผอมบางยืนกระจกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย นัยน์ตาสีนิลคู่งามสะท้อนภาพของกรุงโซลที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายแม้จะเป็นเวลากลางคืน
แสงไฟสลัวๆในห้องที่เปิดทิ้งไว้ฉายให้เห็นเสี้ยวใบหน้าสวย เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนซอยสั้นรับกับโครงหน้า ริมฝีปากสีสดราวกลีบกุหลาบแรกแย้ม นัยน์ตาที่แม้จะดูว่างเปล่าแต่ก็งดงามราวกับไข่มุกล่ำค่า ต่างหูรูปไม้กางเขนสีเงินขับให้เจ้าตัวดูมีเสน่ห์เย้ายวน
หากความงดงามก็เปรียบเสมือนยาพิษ ภายใต้รูปลักษณ์ที่แลดูอ่อนแอกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความร้ายกาจที่ไม่มีใครคาดคิด ความสามารถนั้นทำให้ร่างบางก้าวมาสู่ตำแหน่งบอดี้การ์ดประจำตัวนายใหญ่แห่งเขตใต้อย่างง่ายดาย จนได้มาซึ่งฐานะที่ทุกคนต้องให้ความยำเกรง...กุหลาบของชองยุนโฮ
“เป็นอะไรไป...แจจุง?” เสียงทุ้มกระซิบถามแผ่วเบาข้างใบหูนิ่ม วงแขนแกร่งโอบรัดร่างบางจากข้างหลัง ลมหายใจอุ่นเป่ารดที่ต้นคอ การกระทำที่เปลี่ยนให้ผิวแก้มขาวเป็นสีแดงระเรื่อ
“ขอโทษครับคุณยุนโฮ ผมมัวแต่คิดอะไรเพลินๆ” แจจุงหันกลับมาหาเจ้าของอ้อมกอดด้วยรอยยิ้ม เสียงหวานตอบเลี่ยงๆอย่างไม่ต้องการให้เจ้านายหนุ่มเป็นกังวล โชคดีที่ยุนโฮไม่ได้เป็นคนที่ช่างเอาใจใส่มากพอจะสังเกตเห็นอาการนั้น
ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาใกล้ แนบริมฝีปากลงกับกลีบปากบางอย่างอ้อยอิ่ง ลิ้นอุ่นควานหาความหอมหวานจากอีกฝ่ายด้วยความเคยชิน การรุกเร้าของร่างสูงหนักหน่วงจนร่างบางแทบจะทรุดลงไปกับพื้น หากยุนโฮไม่ช่วยประคองแผ่นหลังบางไว้ หากเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้ยุนโฮจำต้องละริมฝีปากออกมาอย่างเสียดาย
ก๊อก...ก๊อก
“จุนซูรึ?” มีลูกน้องอยู่แค่สองคนที่ยุนโฮอนุญาตให้เข้ามาถึงในห้องนอนของเขาได้ เมื่อคนหนึ่งอยู่ที่นี่ คนที่เคาะประตูจึงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากบอดี้การ์ดประจำตัวอีกคน ร่างเล็กผู้เป็นเจ้าของฉายา ‘ตุ๊กตาไร้หัวใจ’
“ทุกอย่างพร้อมแล้วครับ คุณยุนโฮ” เสียงหวานแหบจากหน้าประตูบอกอย่างสุภาพราวกับรู้ว่าตนกำลังขัดจังหวะสำคัญของผู้เป็นนาย หากยุนโฮก็ไม่ได้ติดใจอะไรนัก ร่างสูงออกจากห้องโดยมีแจจุงเดินตามหลัง จุนซูส่งสายตาให้ร่างบางเป็นเชิงตำหนิแต่ไม่ได้พูดอะไร แล้วเดินตามหลังยุนโฮไปขึ้นรถยนต์ที่จัดเตรียมไว้รอผู้เป็นนายพร้อมๆกับแจจุง
พาหนะสี่ล้อคันหรูสีดำโฉบเฉี่ยวทะยานออกจากรั้วคฤหาสน์หลังใหญ่ตามด้วยรถยนต์อีกหลายคันเป็นขบวนตามกันไปอย่างเว้นระยะห่างไม่ให้เป็นที่สังเกตมากนัก หากการเดินทางครั้งนี้กลับอยู่ในสายตาของใครอีกคนตลอดเวลา
“ทุ่มสี่สิบสาม...ขบวนรถของตระกูลชองออกมาแล้วครับ” ร่างสูงโปร่งที่ซ่อนตัวอยู่รายงานความเคลื่อนไหวที่ตนได้รับมอบหมายหน้าที่มา จนเมื่อรถคันสุดท้ายแล่นออกมา ประตูคฤหาสน์ก็ปิดลงพร้อมกับร่างของผู้สอดแนมที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย
อีกด้านหนึ่ง...
“ดื้อจริงๆนะนายเนี่ย” จุนซูตำหนิร่างบางที่นั่งอยู่ข้างกันไม่ต่างกับสายตาที่ส่งมาให้ตั้งแต่ตอนที่ออกจากห้องนอนของยุนโฮ มือเล็กทาบที่บนหน้าผากของเพื่อนร่วมงานสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิที่สูงกว่าปกติ
“ก็...ฉันไม่อยากอยู่ที่คฤหาสน์คนเดียวนี่” น้ำเสียงหวานที่ค่อยๆเบาลงไปทำให้จุนซูได้แต่ถอนหายใจ เรื่องที่ไม่อยากถูกทิ้งไว้คนเดียวเขาก็เข้าใจอยู่หรอกนะ แต่การปิดยุนโฮไว้แล้วฝืนร่างกายมาทำงานมันก็ใช่ว่าจะดีนี่นา...
“เฮ้อ~ เอาเถอะ อย่างน้อยก็ดูแลตัวเองให้ได้ ตกลงมั้ย?” ตุ๊กตาที่ไม่ได้ไร้หัวใจตามฉายาที่คนอื่นเรียกกันได้แต่ถอนหายใจอย่างเอือมระอากับความดื้อดึงของเพื่อนรัก
“ขอบคุณนะ” ริมฝีปากเรียวสวยยิ้มหวานซะจนจุนซูต้องถอนหายใจอีกรอบ ก่อนจะหันมองไปนอกหน้าต่างรถที่ติดฟิล์มดำคิดอะไรอยู่เงียบๆคนเดียว จนกระทั่งการเคลื่อนที่ของรถชะลอลงเมื่อใกล้ถึงที่หมาย ไม่นานเครื่องยนต์ก็ดับสนิทอยู่หน้าร้านอาหารเกาหลีสไตล์โบราณแห่งหนึ่ง
ทันทีที่ยุนโฮก้าวลงมา กลุ่มชายฉกรรจ์ในชุดสูทสีดำสนิทก็วิ่งตรงมาตั้งขบวนเรียงกันเป็นแถวต้อนรับนายใหญ่แห่งเขตใต้ เถ้าแก่เจ้าของร้านโค้งตัวลงทำความเคารพ ก่อนจะเดินนำยุนโฮไปยังห้องรับรองด้านในสุดของร้านที่มีแขกคนสำคัญรออยู่
“พวกนายรออยู่นี่แหละ ฉันเข้าไปไม่นานหรอก” ยุนโฮสั่งสองบอดี้การ์ดก่อนจะเข้าไปในห้องห้องรับรอง แม้จะได้รับอภิสิทธิ์มากกว่าคนอื่นมากมาย แต่นั่นไม่ได้หมายรวมถึงการเจรจาธุรกิจที่เป็นความลับของนายใหญ่แห่งเขตใต้ด้วย
หลังจากยุนโฮเข้าไปได้สักพัก แจจุงก็ปลีกตัวออกมาเข้าห้องน้ำปล่อยให้จุนซูเฝ้าเจ้านายหนุ่มอยู่เพียงลำพัง ร่างบางดึงตัวขึ้นไปนั่งบนเคาน์เตอร์ของอ่างล้างหน้าเอนหลังพิงกระจกติดผนังบานใหญ่อย่างเหนื่อยอ่อน ดูเหมือนไข้ที่เป็นอยู่นี่จะเล่นงานเขาหนักกว่าที่คิด มือเรียวกวักน้ำขึ้นลูบใบหน้าหวังให้อาการมึนหัวลดลงไปบ้าง จนเมื่อรู้สึกดีขึ้นแล้วก็คิดจะกลับไปทำหน้าที่ของตน แต่เพิ่งจะออกมาจากห้องน้ำได้ไม่ทันไร วิทยุสื่อสารที่เสียบหูไว้ก็ดังขึ้น เป็นจุนซูนั่นเองที่ติดต่อเข้ามา
“แจจุง...รู้สึกหรือเปล่า?” เสียงแหบหวานกระซิบถามแผ่วเบาราวกับกลัวว่าจะมีใครมาได้ยิน ถ้อยคำนั้นทำให้นัยน์ตาคู่สวยตวัดมองไปรอบด้านทันที พร้อมกับความรู้สึกบางอย่างที่เกิดขึ้นในใจ ร่างบางถอยกลับเข้ามาในห้องน้ำแล้วตอบกลับเพื่อนร่วมงาน
“อืม..รู้แล้ว” เสียงหวานตอบด้วยเสียงที่เบาไม่ต่างกัน ไม่นึกเลยว่าจะต้องมาตกอยู่ในกับดักของศัตรูง่ายๆแบบนี้ ถึงแม้นายใหญ่แห่งเขตใต้จะมาเยือน แต่ตัวร้านนั้นยังเปิดให้บริการตามปกติ ทั้งที่เป็นแบบนั้นภายในร้านที่เต็มไปด้วยลูกค้ากลับไม่มีเสียงพูดคุยกันเลยแม้แต่คำเดียว
“มันเงียบเกินไป” สองเสียงหวานประสานด้วยความเข้าใจที่ตรงกัน แต่เสียงของแจจุงคงไม่เบาพอให้ใครอีกคนที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำไม่ได้ยิน ประตูบานสุดท้ายที่อยู่ด้านในสุดเปิดออกพร้อมกับร่างของใครคนหนึ่งที่คุ้นตาดี ชายหนุ่มผู้มีบุคลิกน่าเกรงขาม ศัตรูคู่แค้นของตระกูลชอง ปาร์คยูชอน...นายใหญ่แห่งตระกูลปาร์ค
“คุณ!!” นัยน์ตาคู่สวยเบิกกว้างตกตะลึงพูดไม่ออก ขาคู่เรียวก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะรู้สึกถึงแรงกระแทกบริเวณท้ายทอยของตน ภาพตรงหน้าพร่ามัวก่อนจะดับวูบลงไป
“เกิดอะไรขึ้น!?” จุนซูถามกลับอย่างร้อนใจเมื่อแจจุงเงียบไป ขณะที่ยูชอนก้มตัวลงดึงวิทยุสื่อสารของร่างบางขึ้นมาปิดก่อนจะโยนทิ้ง
“ซีวอน...ลงมือเดี๋ยวนี้เลย” เสียงทุ้มต่ำบอกลูกน้องหนุ่มผู้เป็นมือขวาของตนอย่างใจเย็น ซีวอนพยักหน้ารับคำสั่งและรีบออกไปจัดการทันที
ยูชอนหันกลับมาสนใจร่างบางที่สลบไม่ได้สติ ปากกระบอกปืนในมือยกขึ้นจ่อศีรษะสวย เขาพอจะรู้อยู่แล้วว่าแจจุงไม่สบาย ไม่เช่นนั้นมีหรือกุหลาบของนายใหญ่แห่งเขตใต้จะถูกจัดการง่ายดายปานนี้ นัยน์ตาคมเหลือบมองแจจุงด้วยความรู้สึกที่ยากจะคาดเดา ริมฝีปากหยักกระตุกยิ้ม ก่อนจะลดปืนลงและฉุดดึงหอบหิ้วร่างบางขึ้นพาดบ่า ก่อนขาคู่ยาวจะก้าวออกไปข้างนอก
.
.
.
...ปวดหัว
…แสบคอ
...อึดอัด
ความรู้สึกอันหลากหลายเทประดังเข้ามา ก่อนนัยน์ตาคู่งามจะเปิดขึ้นเพื่อพบเจอกับความมืด ต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะตั้งสติได้ แจจุงรู้สึกเหมือนร่างกายหนักอึ้ง พอลองขยับตัวก็พบว่าแขนและขาถูกมัดไว้ด้วยอะไรบางอย่าง เดาเอาเองว่าคงเป็นเชือก เมื่อลองพยายามเพ่งดูในความมืดก็มองไม่เห็นสิ่งใด แจจุงจึงสรุปได้ว่าเขาถูกปิดตาอยู่
...ที่นี่ที่ไหน?
...แล้วเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?
สมองของแจจุงประมวลผลสับสนวุ่นวายไปหมดเมื่อพยายามไล่ลำดับเหตุการณ์ ความทรงจำสุดท้ายที่เหลืออยู่จนถึงเมื่อครู่คือเขาแวะมาเข้าห้องน้ำ พอกำลังจะกลับไปจุนซูก็ติดต่อเข้ามา จากนั้นก็...
พระเจ้า!
แจจุงนึกไปถึงภาพสุดท้ายที่ได้เห็นปาร์คยูชอนเดินออกมาพร้อมกับแรงกระแทกบางอย่างที่ท้ายทอยก่อนที่ทุกอย่างจะกลายเป็นสีดำ
“บ้าจริง!” เสียงหวานสบถอย่างแผ่วเบาที่เสียท่าศัตรูง่ายๆ จนถูกจับตัวมา แต่เขาไม่มีเวลามาสนใจตัวเองมากนัก ไม่รู้ว่าป่านนี้ยุนโฮจะเป็นยังไงบ้าง เขาถูกลักพาตัวมาที่นี่แสดงว่ารอบนี้ตระกูลชองเสียทีงั้นหรือ!?
แจจุงขยับข้อมือที่ถูกมัดไปตรงสายเข็มขัด นิ้วเรียวความหาเพียงครู่เดียวก็ได้แท่งเหล็กสีเงินอันเล็กๆที่ปลายหนึ่งมีด้านคม ร่างบางใช้มันตัดเส้นเชือกที่ข้อมือข้อเท้าแล้วดึงผ้าปิดตาตัวเองออกถึงได้เห็นว่าตัวเองอยู่ในห้องที่ดูคล้ายกับห้องพักของคนใช้อะไรแบบนั้น แต่คงเพราะไม่ถูกใช้งานมานาน ฝุ่นจึงจับกันเป็นก้อน แม้แต่หน้าต่างก็ขึ้นสนิมจนเปิดไม่ออก
“คงไม่ใช่คฤหาสน์ตระกูลปาร์คหรอกนะ” เสียงหวานพึมพำแผ่วเบา ถ้าใช่จริงๆ การหนีออกไปอาจไม่ง่ายอย่างที่เขาหวังไว้ แจจุงถอนหายใจแล้วย่องไปที่ประตูพยายามแง้มเปิดออกอย่างเงียบเชียบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ข้างหน้าห้องมีชายรูปร่างสูงใหญ่ยืนเฝ้าอยู่เพียงแค่คนเดียว
แจจุงจงใจเปิดประตูให้กว้างขึ้นจนได้ยินเสียงเสียดสีกันของเหล็กบานพับ ชายคนเฝ้าประตูที่ได้ยินเสียงจึงคว้าลูกบินประตูจะเข้าไปดูในห้อง ทันทีที่ผู้ชายคนนั้นยืนหน้าเข้ามา แจจุงก็ผลักประตูปิดสุดแรง แรงกระแทกทำให้ชายคนนั้นสลบลงไปกองกับพื้นทันที ไม่มีแม้แต่เสียงร้อง
“ฟู่~ ” แจจุงปาดหยาดเหงื่อที่หน้าผาก การออกแรงตอนป่วยไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เขาควรจะเชื่อจุนซูตั้งแต่แรก ไม่งั้นก็คงไม่ตกอยู่ในสภาพแบบนี้
ร่างบางลัดเลาะไปตามผนังอย่างช้าๆ จนไปถึงห้องโถงใหญ่ แจจุงกำลังลังเลว่าจะไปทางซ้ายหรือทางขวา ระหว่างที่กำลังครุ่นคิด สายตาก็เลื่อนไปสะดุดเข้ากับภาพวาดเสือขาว...สัญลักษณ์แห่งอำนาจและบารมีของตระกูลปาร์ค
...ที่นี่คือคฤหาสน์ตระกูลปาร์คจริงๆ
แจจุงพยายามคิดในแง่ดี บางทีการถูกจับมาที่นี่อาจไม่เลวร้ายอย่างที่คิดก็ได้ โดยปกติแล้วที่อยู่ของนายใหญ่แห่งตระกูลปาร์คเป็นปริศนามาตลอด แม้ว่าคนของยุนโฮจะพยายามสืบหาเท่าไหร่ก็ไม่มีใครเคยพบแม้แต่เบาะแส เทียบกับคฤหาสน์ตระกูลชองที่ทุกคนในโลกเบื้องหลังรู้จักดีแล้วออกจะเป็นการเสียเปรียบอยู่มาก แต่ตอนนี้เขามาอยู่ที่นี่แล้ว ที่ตั้งของคฤหาสน์ตระกูลปาร์คไม่ได้เป็นปริศนาอีกต่อไป แล้วผู้ชายคนนั้นจะต้องเสียใจที่จับตัวเขามาที่นี่!
“นั่นใครน่ะ?” เสียงทักจากข้างหลังทำเอาร่างบางสะดุ้งสุดตัว ถึงอย่างนั้นก็ยังยืนอยู่ที่เดิม ปิดปากเงียบไม่ตอบ ขณะที่ในหัวก็คิดหาวิธีเอาตัวรอด
“ฉันถามว่าใคร?” คราวนี้ไม่เพียงแค่เสียง แต่มาพร้อมกับมือใหญ่ที่วางลงบนบ่าซึ่งแจจุงที่ไม่มีเวลาคิดอะไรแล้วก็ทำได้เบี่ยงตัวหลบและออกวิ่งทันที
“หัวหน้าซีวอน! มันหนีออกมาแล้วครับ” ลูกน้องคนนั้นรีบรายงานเจ้านายของตน เสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายดังไปทั่วคฤหาสน์ แต่แจจุงไม่มีเวลาสนใจอะไรทั้งนั้น ร่างบางต้องรับมือกับชายร่างสูงหลายสิบคนที่มาขวางทางเขา แม้ฝีมือด้านการต่อสู้ของกุหลาบแห่งเขตใต้จะไม่เคยเป็นสองรองใคร แต่ในสภาพที่ร่างกายไม่พร้อมทั้งยังตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมศัตรูก็ทำให้แจจุงตกที่นั่งลำบากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
...และถ้าทั้งหมดที่เจอในวันนี้ยังไม่เลวร้ายพอ ตอนนี้ก็คงเป็นโชคร้ายที่สุดเพราะคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าแจจุงตอนนี้ คือ ‘ชเวซีวอน’ หัวหน้าบอดี้การ์ดหนุ่มหล่อควบตำแหน่งมือขวาของนายใหญ่ตระกูลปาร์ค ฝีไม้ลายมือของคนตรงหน้าร้ายกาจเพียงใด แจจุงย่อมรู้ดี...จากการปะทะกันหลายครั้งตั้งแต่เขาขึ้นมาเป็นบอดี้การ์ดของยุนโฮ แจจุงยอมรับว่าผู้ชายคนนี้เก่ง ถ้าไม่ต่อสู้อย่างเต็มที...เขาอาจจะแพ้ได้
“หึ! ยังชอบเอาแต่ลอบกัดเหมือนเดิมนะ!” แจจุงหาเรื่องถ่วงเวลา เขารู้สภาพร่างกายตัวเองดี จึงไม่อยากเสี่ยงกับการต่อสู้ที่รู้ว่ายังไงก็ต้องแพ้ ขนาดในเวลาที่ร่างกายสมบูรณ์พร้อมที่สุด เขายังทำได้แค่สูสี แล้วในตอนนี้เหรอ...แทบไม่ต้องคิดด้วยซ้ำ
แต่ซีวอนกลับหัวเราะราวกับว่านั่นคือคำชมเชยชั้นเยี่ยม รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อคมคายราวกับจะเย้ยหยันที่ตระกูลชองตกหลุมพรางเอาง่ายๆ
“น่าเสียดายนะที่คราวนี้ชองยุนโฮหนีไปได้ แต่ว่าคนที่จะไม่รอดน่ะ...นายต่างหาก” รอยยิ้มจางหายไปจากใบหน้าหัวหน้าบอดี้การ์ดทันที เป็นสัญญาณเริ่มการต่อสู้
แจจุงเริ่มเป็นฝ่ายลงมือก่อนด้วยการฟาดเรียวขายาวออกไปตรงๆ ซีวอนรับมือการจู่โจมครั้งแรกอย่างง่ายๆด้วยการชกปัดออกไป แล้วตอกกลับด้วยการพลิกตัวประชิดแผ่นหลังบาง มือหนายกขึ้นเตรียมฟาดลงตรงจุดเดิมที่ท้ายทอย แต่แจจุงก็หมุนตัวหลบได้อย่างทันท่วงที ทั้งยังกระแทกศอกเข้าตรงสีข้างของอีกฝ่ายได้อีก แม้จะการกระแทกอย่างตกเป้าจะชวนให้จุกไปบ้างแต่ซีวอนก็โต้กลับในทันที
การต่อสู้แบบมือเปล่ายังคงดำเนินไป โดยมีลูกน้องคนอื่นๆเป็นผู้รับชม ไม่นานเสียงลมหายใจของร่างบางก็เริ่มหอบไม่เป็นจังหวะ แจจุงรู้สึกแน่นหน้าอกเพราะความเหนื่อยล้า ในขณะที่อีกฝ่ายมีหยาดเหงื่อเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“มีฝีมือแค่นี้เองเหรอ?” ซีวอนจงใจยั่ว แจจุงรู้แต่ก็ยังอดโมโหไปตามคำยุนั่นไม่ได้ ร่างบางพุ่งตัวเข้าหาอีกฝ่ายด้วยกำปั้นเป็นกลลวงที่จงใจให้ซีวอนหลบเพื่อจะตวัดวงขาเข้าที่สีข้าง ทว่าซีวอนไม่หลงกล เขาคว้าข้อมือบางไว้ก่อนที่จะถูกชก ทำให้แจจุงเสียการทรงตัว
“อ่ะ!” ซีวอนฉวยโอกาสนี้จับร่างบางกดลงกับพื้น พร้อมกับที่ลูกน้องคนหนึ่งรีบส่งกุญแจมือให้อย่างรู้หน้าที่ หัวหน้าบอดี้การ์ดหนุ่มพันธนาการข้อมือบางไพล่หลัง ก่อนจะติดต่อไปหาผู้เป็นนายใหญ่โดยผ่านทางชิมชางมิน...เลขาคนสำคัญควบด้วยตำแหน่งมือซ้ายของปาร์คยูชอน
“ชางมิน...ทุกอย่างเรียบร้อย เรียนนายท่านให้ด้วย” รายงานไปเพียงครู่เดียวก็ได้คำตอบกลับมา แจจุงไม่รู้ว่าคำตอบคืออะไร แต่ซีวอนก็ดึงร่างบางให้ลุกขึ้น ก่อนจะสั่งงานลูกน้อง ร่างบางถึงได้รู้ว่าเขากำลังจะได้พบกับนายใหญ่แห่งตระกูลปาร์ค...ปาร์คยูชอน
ภายในห้องนอนแสนกว้าง นายใหญ่แห่งตระกูลปาร์คนั่งสบายๆอยู่ที่โต๊ะทำงาน โดยมีร่างสูงโปร่งของชางมินอยู่ข้างๆ ซีวอนก้มหัวให้ผู้เป็นนายอย่างให้ความเคารพโดยไม่ได้ปล่อยให้แจจุงอยู่ห่างตัว ร่างบางที่ปิดปากเงียบตั้งแต่ก้าวเข้ามาเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยอย่างถือดี ใบหน้าสวยเบือนไปด้านข้างไม่สนใจคนที่ถูกพาตัวมาพบ
“พวกนายไปพักเถอะ ที่เหลือฉันจะจัดการเอง” ถ้อยคำนั้นทำเอาแจจุงแปลกใจ ไม่เข้าใจความคิดของผู้เป็นนายใหญ่แห่งตระกูลปาร์คเลย ร่างบางเตรียมใจไว้แล้วว่าจะต้องถูกคาดคั้นเรื่องของยุนโฮและตระกูลชองแน่ๆ แต่ไม่คิดว่าปาร์คยูชอนจะเป็นผู้ลงมือสอบด้วยตัวเอง
“ครับ นายท่าน” พอได้รับคำสั่ง คนของยูชอนก็ขานรับโดยพร้อมเพียงและก้าวออกจากห้องไปทันที แจจุงมองเห็นนัยน์ตาสีอำพันที่ดูฉลาดเฉลียวคู่นั้นเหลือบมองมาทางเขาอย่างเวทนาด้วยความไม่เข้าใจ
ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบสงบเมื่อลูกน้องคนสุดท้ายก้าวออกไปจากห้อง ยูชอนเดินเข้าไปหาร่างบางที่ยังยืนนิ่งอย่างไม่เกรงกลัว นิ้วเรียวยาวไล้ไปตามโครงหน้าของร่างบางที่หันหน้าหนีอย่างรังเกียจ ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปแนบข้างใบหูนิ่ม
“รู้อะไรไหม...สิ่งที่ฉันไม่ชอบที่สุดคือการถูกรบกวนตอนกลางดึก” น้ำเสียงแหบทุ้มเปี่ยมไปด้วยอำนาจทำเอาร่างบางรู้สึกหวั่นเกรงคนตรงหน้าขึ้นมาเล็กๆ แจจุงรู้สึกว่ายุนโฮกับยูชอนมีบรรยากาศที่คล้ายๆกัน บรรยากาศของความน่าเกรงขาม...
“งั้นก็ปล่อยผมไปสิครับ แล้วผมจะมาไม่กวนใจคุณอีกเลย” แจจุงถอยหลังหนียูชอนก้าวหนึ่ง เพื่อเว้นระยะห่าง แต่อีกฝ่ายก็เคลื่อนตัวเข้ามาหาอยู่เรื่อยๆ
“เสียใจที่ต้องบอกว่าไม่ได้”
“หึ...ต่อให้ต้องตาย ผมก็จะไม่พูดอะไรทั้งนั้น” แจจุงยังมีสติพอที่จะข่มใจให้เยือกเย็นไม่ร้อนรนไปกับการกระทำอันอุกอาจของอีกฝ่าย ไม่ว่าอะไรที่ยูชอนต้องการ ชายหนุ่มจะไม่มีวันได้มันไป คิมแจจุงไม่มีวันทรยศต่อนายใหญ่แห่งเขตใต้
“ฉันไม่สนใจหรอกว่านายจะพูดหรือไม่พูดอะไร”
“รบกวนช่วยหยุดอยู่ตรงนั้นด้วยครับ” ร่างบางยังคงก้าวหนีนายใหญ่แห่งตระกูลปาร์ค ในใจเริ่มหวั่นกลัวกับจุดประสงค์ของคนตรงหน้าที่ไม่มีทีท่าต้องการข้อมูลใดๆของตระกูลชองเลยสักนิด
“นี่ห้องฉัน...”
“คุณต้องการอะไรจากผมกันแน่!?” แจจุงโพล่งถามออกไปเมื่อถอยไปจนชนเข้ากับขอบเตียงนอน ไม่มีที่ให้เขาถอยอีกแล้ว
“สิ่งที่ฉันต้องการงั้นเหรอ? หึ...ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของชองยุนโฮไงล่ะ!!” ไม่ต้องอธิบายแจจุงก็เข้าใจแล้ว หากปาร์คยูชอนต้องการทุกอย่างของนายใหญ่แห่งเขตใต้ นั่นก็คงหมายรวมถึงกุหลาบของชองยุนโฮอย่างเขาด้วย
“คนที่ดีแต่ลอบกัดอย่างคุณ ไม่มีวันชนะคุณยุนโฮได้หรอก”
ผัวะ!
ฝ่ามือของยูชอนตบฉาดเข้าที่แก้มของแจจุง รอยแดงร้อนวาบปรากฏขึ้นให้เห็นทันตาเห็น แรงขนาดที่ตัวคนถูกตบรู้สึกแสบไปหมดทั้งใบหน้า
“มีเรื่องนึงที่นายควรระวังไว้ คือการพูดชื่อผู้ชายคนนั้นต่อหน้าฉัน!!” ยูชอนผลักร่างบางกดลงกับเตียง แต่แจจุงก็ไม่ยอมง่ายๆ ร่างบางพยายามดิ้นกระชากตัวเองให้หลุดจากการเกาะกุมของชายหนุ่ม หากไม่เพราะพิษไข้ที่ทำให้แจจุงอ่อนแรงก็คงเป็นเพราะผู้ชายอย่างปาร์คยูชอนรับมือได้ยากเกินไป
“ปล่อยนะ!” เสียงหวานตะโกนอย่างขลาดๆ รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีทางที่ยูชอนจะปล่อยเขาหรอก แต่ความรู้สึกข้างในก็ไม่คิดจะยอมแพ้ น่าแปลกที่ยูชอนกลับพลิกร่างบางให้นอนคว่ำและสาละวนอยู่กับข้อมือเรียวที่ถูกจองจำ เพียงครู่ข้อมือก็ถูกปล่อยเป็นอิสระ แจจุงรีบพลิกตัวกลับจะหนี แต่ยูชอนก็คว้าเอวบางไว้ ก่อนจะกดริมฝีปากลงไปอย่างแม่นยำ ใบหน้าสวยเบี่ยงหลบไปมา กว่าจะหลุดพ้นจากริมฝีปากของยูชอนได้ด้วยคมเขี้ยวที่กัดจนเลือดซึม
“ฤทธิ์เยอะจริงนะ” ร่างสูงใช้หลังมือปาดเลือดที่มุมปากออก ก่อนมือใหญ่จับคางเรียวล็อคแน่นแล้วมอบจูบที่หนักแน่นรุนแรงกว่าเดิม ราวกับจะบดขยี้กลีบปากบาง เรียวลิ้นหนาลุกล้ำเข้าควานหาความหอมหวานที่เจือปนกับรสเฝื่อนของเลือดอย่างร้อนแรงจนแจจุงหายใจไม่ออก ยิ่งร่างบางดิ้น ยูชอนก็ไม่ปล่อยให้ริมฝีปากนั้นเป็นอิสระสักที จนไม่นานเรี่ยวแรงที่มีค่อยๆ หมดลงจนต้องยอมอยู่เฉยในที่สุด พอเห็นแจจุงนิ่งไปชายหนุ่มก็ปล่อยให้ร่างบางมีโอกาสหายใจ
ทันทีที่ริมฝีปากเป็นอิสระ ร่างบางก็เบี่ยงหน้าหลบเจ้าของจูบรสเลือดเพื่อไขว้คว้าหาอากาศเข้าปอด อกบางเคลื่อนหอบหายใจหนัก นัยน์ตาคู่งามมองใบหน้าหล่อที่อยู่ห่างออกไปเพียงไม่ถึงนิ้วด้วยสายตาแค้นเคือง ก่อนจะถูกดึงให้เข้าไปรับจูบที่หนักหน่วงนั่นอีกครั้ง กว่าร่างบางจะรู้สึกตัวอีกทีมือทั้งสองข้างก็ถูกพันธนาการเข้ากับราวเหล็กหัวเตียงด้วยกุญแจมืออันเดิมเสียแล้ว
>>> NC Part <<< [วิธีการขอ ดูตรงช่วงทอร์คเลยคะ]
“ทำใจเถอะนะ” คำพูดของยูชอนทำให้หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ ก่อนจะต้องกรีดร้องเสียงเบาหวิวเมื่อถูกรุกล้ำเข้ามาอีกครั้งอย่างไม่ให้ทันได้ตั้งตัว
“ฮือ!”
“นายผิดเองที่เป็นคนของชองยุนโฮ”
Sakura_JJ's Talk : ยินดีต้อนรับสู่ฉบับรีไรท์ใหม่นะคะ^^ พลอยแก้ไขแล้ว จะไม่ดองแล้วค่ะ แต่ขออัพสลับกับ Revenge จนกว่าเรื่องนั้นจะจบแล้วจะมาลงต่อยาวเลยนะคะ
เรื่อง NC : ขอส่งเมล์เอานะคะ
>>> โพสคอมเม้นต์ + ขอ NC แล้ว ทิ้ง e-mail ไว้เลยคะ <<<
<<< ถ้าไม่เขียนว่า "ขอ NC" เราจะไม่ส่งให้นะคะ เพราะกลัวบางคนไม่ได้อยากอ่าน>>>
อ่อ....คำเตือน ขอเตือนไว้ก่อนนะคะว่าเรื่องนี้ติดเรทเพราะปาร์คหื่น -*- มัน...เอิ่ม...เอาเป็นว่าติดเรทกว่าทุกเรื่องที่พลอยเคยแต่งมาอ่ะคะ ปกติอ่านฟิคคู่นี้ไม่ค่อยเจอฉากแบบนี้เยอะสักเท่าไหร่ แต่...เรื่องนี้มันจำเป็นค่ะ ใครไม่ชอบก็อ่านข้ามไปได้นะคะ ไม่ว่ากัน 555 (นังพลอยหาเรื่องเสี่ยงถูกแบนจริงๆค่ะ ...พี่น้อง) อีกอย่างดูเหมือนแค่ 10 ตอนคงไม่จบแล้วล่ะค่ะ 555
ปล. สามเสียงโซลเมทมาก... มากเกินไปจนอิพลอยจะตายเอาอ่ะซิคะ 555 สวีทกันไปไหน นึกว่าถ่ายกันอยู่สองคน ><
ปล2.ยืนยันไว้ล่วงหน้า ตัวเอกเรื่องนี้ไม่มีใครตายนะคะ แต่...จะออกแนว เจ็บ ซ้ำ ช้ำ รัดทน อารมณ์เดียวกับ forgotten angel ประมาณนั้น 5555
-b g--s b- + + ไม้กาง เขน B G
ความคิดเห็น