คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : >>> 11
Revenge, The
เศษแก้วแตกกระจายไปทั่วพื้นราวกับเป็นลางบอกเหตุ ไม่มีใครปริปากพูดอะไร มีเพียงคิบอมที่รีบวิ่งไปเอาโน้ตบุ๊คคู่ใจในห้องนอนเพื่อหาที่อยู่ของคนที่ยังไม่กลับ ระหว่างนั้นนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจ้องมองเศษแก้วเหล่านั้นด้วยหัวใจที่เบาโหวงราวกับไร้น้ำหนัก ความรู้สึกข้างในลึกๆ บอกกับเขาว่าจุนซูกำลังตกอยู่ในอันตราย ไม่ต่างอะไรกับสายตาของแจจุงที่มองมา ยูชอนรับรู้ได้ว่านางพญาคนงามกำลังคิดแบบเดียวกับเขา!!!
อัจฉริยะหนุ่มกำลังวิ่งลงบันไดมาแล้วอีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้เขาคงจะทราบว่าทั้งสองคนอยู่ที่ไหน ยูชอนได้แต่ภาวนาหวังว่าอะไรๆ จะไม่เป็นอย่างที่เขาคิด คิบอมวางโน้ตบุ๊คไว้บนโต๊ะขณะรอเครื่องเปิด ทันใดนั้นบานประตูก็เปิดออกปรากฏเป็นร่างของเจ้าชายหนุ่มในสภาพทุลักทุเล มือขวากุมหัวไหล่ซ้ายที่ชุ่มเลือดไว้แน่น ซีวอนใช้หัวไหล่ข้างที่ไม่บาดเจ็บพิงกำแพงก่อนจะไถลลงมานั่งกองกับพื้น จองซูรีบปราดเข้าไปพร้อมกับยูชอนประคองให้คนเจ็บไปนั่งที่โซฟา ใบหน้าหล่อที่เคยมีแต่รอยยิ้มบัดนี้กลับเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อเม็ดเล็กพราวไปทั่ว ก่อนเจ้าของดวงหน้าหวานจะลงมือฉีกแขนเสื้อข้างซ้ายออกเพื่อดูจะดูบาดแผล แต่ชายหนุ่มกลับหยุดมือเรียวนั่นไว้ก่อนจะส่ายหน้า เพราะตัวเขานั้นมีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องบอกทุกคน จองซูพยักหน้ารับแม้สีหน้าจะยังเต็มไปด้วยความเป็นห่วงก็ตาม
“เกิดอะไรขึ้น?” คำถามเรียบง่ายสั้นกระชับมาจากนางพญาคนงาม แม้ใบหน้านั้นจะเรียบนิ่งราวกลับไม่รู้สึกอะไร แต่กับพวกเขาที่อยู่ด้วยกันมาตลอดต่างก็รู้ดีว่าแจจุงกำลังร้อนใจ
“ตำรวจดักรอพวกเราที่คฤหาสน์ มันใช้ระเบิดควันยาชา พี่จุนซูเลยถูกพวกมันจับได้...” เจ้าชายหนุ่มเล่าเรื่องราวแบบย่อๆ ที่รวบให้เหลือเป็นใจความสำคัญไม่กี่ประโยค
“เป็นไปได้ยังไง?”
“มันเป็นความผิดของผมเอง ชางมินแอบเข้ามาล้วงข้อมูลในเครื่องตอนที่ผมไม่อยู่...ขอโทษฮะ” คนที่ไขข้อสงสัยของแจจุงคือ อัจฉริยะหนุ่มแห่งองค์กรที่ก้มหน้าลงนิ่ง สองมือประสานกันเท้าแขนไว้บนโต๊ะหน้าจอโน้ตบุ๊คเพื่อเป็นหลักอิงของหน้าผาก มันเป็นความผิดของเขาเองที่ละเลย เพราะมัวแต่สนใจเรื่องอาการบาดเจ็บของแจจุงจนลืมที่จะตรวจทานความเรียบร้อยของระบบ
จองซูวางมือลงบนไหล่คิบอมเพื่อปลอบโยน แต่เวลาที่จะใช้สำนึกผิดมีไม่มากนัก แจจุง,ยูชอนและซองมินแยกกันไปเตรียมตัวให้พร้อมด้วยอาวุธครบมือ ขณะที่คิบอมพยายามติดต่อกับจุนซูแต่กลับไม่ได้ยินเสียงอะไรตอบกลับมาเลย สุดท้ายก็ได้แต่ค้นหาสถานที่อยู่ของเจ้าหญิงแห่งองค์กรด้วยสัญญาณบอกตำแหน่งจากต่างหูสีเงินซึ่งปรากฏเด่นชัดอยู่ที่ศูนย์รักษาความปลอดภัยและความมั่นคงแห่งชาติ
หลังจากเตรียมตัวเสร็จทั้งสี่คนก็รีบเร่งรุดไปยังที่หมายทันที ทิ้งให้จองซูกับซีวอนอยู่ที่บ้าน ใช้เวลาเพียงไม่นานพวกเขาก็มาถึงตึกใหญ่ที่ตั้งตระหง่านการลอบเข้าไปไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินความสามารถ คิบอมจัดการตัดไฟทั้งตึกทิ้งปล่อยให้เหลือเพียงแค่ไฟสำรองสลัวๆ ในยามฉุกเฉินที่เขาไม่สามารถไปทำอะไรมันได้ ความอลหม่านเกิดขึ้นในทันที ทางฝ่ายตำรวจต่างก็รับรู้ได้ว่าพวก DL บุกเข้ามาแล้วอย่างแน่นอน ผบ.ซูมานสั่งให้ตำรวจทุกนายเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น ห้องที่จุนซูถูกขังอยู่ที่ชั้นเก้าของอาคาร เหล่า DL แยกกันออกเป็นสองกลุ่ม แจจุงและยูชอนเป็นตัวล่อดึงความสนใจของพวกตำรวจ ระหว่างนั้น คิบอมและซองมินก็ไปช่วยจุนซูโดยใช้ช่องระบายอากาศเป็นทางผ่านเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกันโดยไม่จำเป็น
พอสุดทางเด็กหนุ่มก็ถีบฝาช่องระบายอากาศ ก่อนทิ้งตัวลงไปด้านล่างเป็นคนแรกพลางใช้สายตาสาดส่องไปทั่วบริเวณ ก่อนจะเรียกให้ซองมินตามลงมา รอบด้านว่างเปล่าไร้ซึ่งผู้คน แต่ยังมีเสียงความวุ่นวายดังแว่วมากลายๆ คงเป็นเพราะฝ่ายตำรวจนั้นหลงกลไปตามจับคนเป็นเหยื่อล่อจนละเลยที่จะป้องกันผู้ต้องหาคนสำคัญ...ปล่อยให้เขาสองคนลอบเข้ามาอย่างง่ายดาย
...ก็แน่ล่ะในเมื่อผู้ต้องหาคนนั้นไร้ซึ่งลมหายใจไปแล้ว จะมีประโยชน์อะไรที่ต้องเฝ้าไว้อีกเล่า อัจฉริยะหนุ่มอมยิ้มบางๆ อย่างพึงพอใจโดยไม่ทันรู้ถึงความจริงข้อนี้เลย
มือซ้ายของอัจฉริยะหนุ่มถือพ็อกเก็ตพีซีเครื่องจิ๋วที่พกมาแทนโน้ตบุ๊คคู่ใจที่มีขนาดใหญ่เกินไป ร่างทั้งสองเคลื่อนไหวในความมืดผ่านทางเดินที่เต็มไปด้วยประตูมากมาย เด็กหนุ่มเดินตามจุดสีแดงที่กระพริบบนจอมอนิเตอร์จนในที่สุดเขาก็ยืนอยู่หน้าห้องที่จุดสีแดงนั้นปรากฏอยู่ บานประตูนิรภัยที่ทำจากสแตนเลสกันกระสุนถูกล็อคเอาไว้อย่างหนาแน่นด้วยเครื่องสแกนลายนิ้วมือ เพื่อป้องกันผู้บุกรุกหรือคนนอก แต่ของแค่นี้มันไม่ได้เกินความสามารถของอัจฉริยะแห่งองค์กรและเหยี่ยวข่าวคนเก่งที่พ่วงตำแหน่งนักปลดล็อคมือฉกาจเข้าไปด้วยสักเท่าไหร่ดังที่นางฟ้าคนสำคัญได้เคยเอ่ยชมทั้งคู่ไว้ว่า เมื่อใดที่ ‘Knight’ และ ‘Guardian’ ร่วมมือกันจะไม่มีประตูบานใดๆ ที่พวกเขาจะผ่านเข้าไปไม่ได้
บริเวณรอบด้านยังคงเงียบสงบไร้ซึ่งผู้คน แต่การที่อะไรๆ มันก็ดูง่ายไปซะหมดกลับทำให้เกิดความกังวลขึ้นเล็กในใจ บางทีนี่อาจจะเป็นกับดักก็ได้ แต่จะเป็นกับดักหรืออะไรก็ตามนั่นไม่สำคัญเท่ากับที่ว่าหลังประตูบานนี้มีเจ้าหญิงผู้น่ารักของพวกเขารออยู่อย่างแน่นอน สัญญาณบอกตำแหน่งจากต่างหูนั่นไม่มีวันโกหก
คลิ๊ก!
เสียงปลดล็อคดังเป็นสัญญาณการรอคอยที่สิ้นสุดลง ประตูกำลังจะถูกเปิดออกแล้วและก็ยังไม่มีอะไรที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายเกิดขึ้น บางทีพวกเขาอาจจะคิดมากไปเอง ในหัวของเด็กหนุ่มทั้งคู่จึงมีเพียงความคิดที่ว่าแค่ผลักเข้าไปก็จะพบกับเจ้าของวันเกิดที่คงนั่งยิ้มแป้นบ่นกระปอดกระแปดว่าทำไมมารับช้า หรือไม่ก็คงถามว่ามาทำไมฉันกลับเองได้อะไรแบบนั้นอยู่แน่ๆ
หากแต่ความจริงตรงหน้า...มันกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น
ตึก!!
พ็อกเก็ตพีซีเครื่องจิ๋วตกกระแทกพื้น แต่คนทำตกไม่ได้ใส่ใจมันเลย ในเมื่อสิ่งที่พบเห็นอยู่เบื้องหน้าต่างหากที่ลบเลือนรอยยิ้มของอัจฉริยะหนุ่มออกไปโดยสิ้นเชิง นัยน์ตาสีอำพันฉายแววตื่นตระหนกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่ต่างอะไรกับอีกคนที่ยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนราวกับหินก้อนหนึ่ง
”นายเห็น...อย่างที่ฉันเห็น...รึเปล่า?”
“คิบอม...” ซองมินทำได้เพียงแค่เรียกชื่อคนถาม ก่อนเสียงนั้นจะหายไปในลำคอ แทนที่ด้วยหยดน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้มจนต้องยกมือขึ้นมาปิดปากกลั้นเสียงร้อง ร่างเล็กไม่อาจทนมองได้อีกต่อไปดวงหน้าหวานเบือนหนีจากความจริงที่โหดร้ายออกไปจากบริเวณตรงนั้น ขณะที่อัจฉริยะหนุ่มก้าวเท้าเข้าไปในห้องอย่างช้าๆ สายตายังคงจ้องมองภาพตรงหน้าจนแทบไม่กระพริบตา ก่อนจะค่อยๆ ย่อตัวลงคุกเข่าต่อหน้าร่างของผู้ที่ได้ชื่อว่า ‘Princess’ แห่ง DL
“โกหกใช่ไหมฮะ?” คิบอมใช้แขนขวาประคองศีรษะร่างเล็กขึ้นมาวางบนตัก เสื้อสีขาวย้อมด้วยสีแดงของเลือดที่เริ่มกลายเป็นสีน้ำตาล มือซ้ายเลื่อนลงไปแตะบาดแผลขนาดใหญ่ที่หน้าอก ของเหลวสีข้นยังไหลซึมออกมาตามรอยแผล ก่อนจะเอื้อมไปจับมือเรียวที่เปื้อนเลือดของจุนซูมาแตะที่แก้มของตัวเอง สัมผัสที่ได้รับเยียบเย็นราวกับน้ำแข็ง คิบอมรู้....รู้ว่าจุนซูเลือกที่จะหยุดลมหายใจลงด้วยมือของตัวเอง แต่ที่เขาไม่เข้าใจ ทำไมจุนซูถึงตัดสินใจทำมัน...ความสามารถที่จะฆ่าคนด้วยมือเปล่าจองซูเป็นคนสอนพวกเขาเองกับมือ แต่ว่า...นางฟ้าคนสำคัญนั้นไม่เคยสอนให้ใช้มันกับตัวเองแบบนี้!!
พี่จุนซู...พี่เคยพูดไม่ใช่เหรอฮะ?
ว่าชีวิตมีค่า...เกินกว่าจะเกิดมาเพื่อฆ่าตัวตาย
แล้วทำไม...?
คนที่พูดแบบนั้น...ถึงได้ทำอย่างนี้ซะเองล่ะฮะ!!
พี่จุนซู!!
“พี่จุนซู...ทำไมพี่ทำแบบนี้? วันนี้วันเกิดพี่ไม่ใช่เหรอฮะ? อย่าล้อผมเล่นสิ...” ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ จากร่างเล็กดังเช่นก่อนหน้านี้ ผิวกายที่เย็นเฉียบ ใบหน้าที่ไร้รอยยิ้ม หยดน้ำเล็กๆ ร่วงหล่นจากนัยน์ตาไหลผ่านมือเรียวที่เคยอบอุ่น แต่สัมผัสนั้นมันไม่มีอีกแล้ว...กลายเป็นเพียงความเยียบเย็นที่ก่อให้เกิดบาดแผลขึ้นภายในใจ...บาดแผลที่ไม่มีวันจางหาย
“หยุด! อย่าขยับ หันหน้ามาทางนี้แล้วก็ยกมือขึ้น!!” น้ำเสียงที่สั่งอย่างวางอำนาจดังมาจากข้างหลัง คิบอมค่อยๆ วางมือเรียวที่ไร้ความอบอุ่นไว้ที่เดิม ใช้หลังมือเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า ก่อนจะลุกขึ้นและหันกลับไปมองเจ้าผู้มาขัด ซึ่งก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลเลย อดีตเพื่อนรักผู้ถือปืนจ่ออยู่หน้าห้องพร้อมกับนายตำรวจอีกสองสามนายที่ยืนรออยู่ด้านหลัง นี่คงเป็นกับดักอย่างที่เขาคิดไว้จริงๆ คิบอมถอนหายใจแผ่วเบา เมื่อคนตรงหน้า คือ คนที่เขาไม่อยากเจอมากที่สุด...คนที่ทำให้วันเกิดของจุนซูกลายเป็นวันที่โหดร้ายที่สุด...คนที่บางทีเขาอาจจะเผลอพลั้งมือฆ่าด้วยตนเองก็เป็นได้
“เอาผ้าคลุมออก!!” เสียงทุ้มต่ำดังมาจากชายหนุ่มผู้ยืนอยู่ข้างชางมิน คนที่คิบอมจำได้และรู้จักดีแม้จะไม่เคยพูดคุยกันก็ตาม...โจคยูฮยอน ปืนสองกระบอกที่เล็งมาทางตัวเองไม่ได้ทำให้อัจฉริยะหนุ่มเกิดความหวาดกลัวหรือตกใจแต่อย่างใด เจ้าของนัยน์ตาสีอำพันเหยียดยิ้มบางๆ ไม่ยอมทำตามคำสั่งของตำรวจแต่กลับเรียกชื่อใครคนหนึ่งขึ้นมาแทน
“Guardian…” สิ้นเสียงเรียกนายตำรวจสองคนที่ยืนอยู่หลังชางมินและคยูฮยอนก็ล้มลงไปนอนแน่นิ่งทันที ทั้งคู่หันมามองข้างหลังอย่างตกใจจนไม่ทันระวัง จังหวะนั้นเองคิบอมก็พุ่งตรงเข้าไปหน้าชางมินใช้ปลายเท้าเตะปืนออกและแทงศอกเข้าที่ลิ้นปี่อย่างจังจนคนโดนล้มลงไปกับพื้น เปิดช่องให้ซองมินย่อตัวลงกวาดขาปัดให้คยูฮยอนที่มัวแต่ลังเลว่าจะช่วยใครดีล้มลง ร่างเล็กจงใจแง้มผ้าคลุมออกเล็กน้อยเพื่อให้คนล้มลงได้สังเกตเห็นก่อนจะวิ่งหนีไปอีกทาง แล้วก็เป็นดังคาดเพราะทันทีที่ชายหนุ่มเห็นเขาก็ไม่ลังเลที่จะตามซองมินไปทันที
ขณะเดียวกับที่ร่างเพรียวผู้ล้มลงไปรีบลุกขึ้นมา แต่ก็ช้าเกินไปซะแล้วตอนนี้ ‘Knight’ แห่ง DL ยืนอยู่เหนือร่างของเขาพร้อมกับปืนกระบอกที่เคยอยู่ในมือของเขา แต่ตอนนี้มันกลับจ่ออยู่ที่หัวพอดี ด้วยองศาที่ต่ำกว่าชางมินจึงมองเห็นใบหน้าใต้ผ้าคลุมนั้น นัยน์ตาสีน้ำผึ้งเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง
“คิบอม!!”
“ใช่!! ฉันเอง ชิมชางมิน!!!” คิบอมเลื่อนผ้าคลุมหน้าออกให้ชางมินได้เห็นชัดๆ น้ำเสียงตะคอกจากคนได้เปรียบกว่าบ่งบอกถึงความโกรธที่เจ้าตัวไม่อาจจะกักเก็บมันเอาไว้ให้อยู่แต่ข้างในได้อีกแล้ว หากแต่น้ำตาที่เพียรกลั้นไว้กลับไหลออกมาซะได้ คิบอมรู้ตัวดี...แม้เขาจะโกรธจะเกลียดชางมินสักเท่าไหร่ เขาก็ไม่อาจฆ่าชางมินด้วยมือของตัวเองได้หรอก และสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้...คือหาสาเหตุและการแจ้งข่าวการตายของจุนซูให้คนอื่นรู้ต่างหาก
“ฆ่าฉันเลยสิ...นายทำได้อยู่แล้วนี่” ชางมินยังคงปากกล้าแม้จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ตกเป็นรองอย่างเห็นได้ชัด เหมือนเด็กหนุ่มจะรู้ว่าคิบอมไม่มีทางฆ่าเขาได้ แต่ถ้าทำได้...บางทีเขาอาจจะพอใจก็ได้เพราะอย่างน้อยเขาก็ได้ตายด้วยน้ำมือของเพื่อนรัก
“ไม่ใช่ฉันหรอก...ชางมิน คนที่จะฆ่านายไม่ใช่ฉัน แต่ฉันก็ปล่อยให้นายขัดขวางฉันไม่ได้!!” น้ำเสียงราบเรียบเย็นชาไร้ความรู้สึกทั้งที่น้ำตายังคงไหลริน คิบอมลดปืนลงยิงที่ขาของชางมินอย่างไม่ลังเล เขาอาจจะไม่กล้าฆ่าชางมิน แต่ถ้าทำให้บาดเจ็ดจนเคลื่อนไหวไม่ได้มันก็อีกเรื่องหนึ่ง
ปัง!
กระสุนเพียงนัดเดียวมันก็เพียงพอแล้วสำหรับการจะสกัดการเคลื่อนไหว เลือดไหลออกมาจากปากแผลอย่างรวดเร็ว ชางมินได้แต่กัดฟันทน ขณะเดียวกับที่ร่างหนึ่งเปิดประตูออกมาดูเพราะเสียงปืนที่ดังขึ้น ดงแฮออกมาจากห้องในสถานการณ์ที่ไม่เหมาะเอาซะเลย อัจฉริยะหนุ่มเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ร่างบางทันที ขณะที่เจ้าตัวยังยืนนิ่งไม่ขยับทั้งที่ชางมินพยายามบอกให้หนีไป คิบอมจับดงแฮให้หันหน้าเข้าฝาผนังรวบสองมือเรียวไขว้หลังไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว ชางมินพยายามลุกขึ้นเพื่อจะช่วยดงแฮแต่คิบอมกลับไม่ยอมให้เขาทำได้
“อย่าขยับนะ ไม่งั้นเพื่อนนายตายแน่” คิบอมย้ำให้แน่ใจว่าเขาสามารถทำได้อย่างไม่ลังเลด้วยปืนซึ่งจ่ออยู่ที่หลังของร่างบาง ชางมินจำต้องยอมอยู่นิ่งๆ ด้วยกลัวว่าคิบอมจะฆ่าดงแฮ โดยที่ชางมินไม่มีทางรู้เลยว่าอัจฉริยะแห่ง DL นั่นไม่มีทางทำได้
“เอาล่ะ! ผมคิดว่าคุณคงจะตอบผมได้นะว่าทำไมเพื่อนผมถึงได้มีสภาพเป็นแบบนั้น?” น้ำเสียงยามเอ่ยปากถามทำราวกับไม่ใช่คนรู้จัก แต่ดงแฮก็รู้ว่าคิบอมไม่ต้องการให้ชางมินรับรู้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองคน อาจจะผิดต่อชางมิน...ผิดต่อสำนึกในหน้าที่ของตนเอง แต่ดงแฮก็เลือกที่จะปิดบังมันไว้ และยอมที่จะบอกสิ่งที่คิบอมต้องการโดยไม่มีการปิดบัง แม้จะรู้ดีว่าอึนฮยอกอาจจะต้องตายเพราะคำพูดของเขาก็ตาม
ดงแฮเล่าทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มตั้งแต่ความแค้นส่วนตัวของอึนฮยอก ไปจนถึงช่วงเวลาแห่งความโหดร้ายที่ Princess แห่ง DL ได้รับจนตัดสินใจทำแบบนั้น กว่าพวกตำรวจจะรู้ตัวร่างนั้นก็สิ้นลมหายใจไปก่อนแล้ว ซึ่งก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เหล่า DL บุกเขามาพอดี สิ่งที่ดงแฮเล่ากำลังทำร้ายคิบอมทุกคำ...ทุกประโยค ราวกับตอกย้ำความผิดของตนเอง
ถ้าผมไม่ละเลย...ชางมินก็คงจะไม่ได้ข้อมูลไป
ถ้าผมไม่ละเลย...พี่ก็คงไม่ต้องเจ็บปวด ไม่ต้องทรมาน
ถ้าผมไม่ละเลย...พี่ก็ไม่ต้องตาย แล้วเราก็จะได้กลับไปฉลองกันอย่างมีความสุข
มันเป็นความผิดของผมเอง
“ขอบใจสำหรับคำตอบ แล้วก็ขอโทษที่ผมคงปล่อยคุณไว้ไม่ได้” ทันทีที่พูดจบอัจฉริยะหนุ่มจับร่างบางให้หันหน้ามาพร้อมกับชกเข้าที่ท้องอย่างแรงจนดงแฮยืนไม่อยู่ทรุดตัวลงไปนั่งอยู่กับพื้น มือเรียวกุมท้องเอาไว้แน่น คิบอมย่อตัวลงนั่งใช้ตัวเองบังดงแฮเอาไว้ไม่ให้ชางมินเห็น
“ขอโทษนะ” เสียงทุ้มกระซิบแผ่วเบาพลางลูบเส้นผมนุ่มเบาๆเป็นการปลอบ ที่เขาทำรุนแรงเป็นเพราะเขาไม่ต้องการให้ดงแฮออกไปร่วมต่อสู้กับตำรวจคนอื่น เนื่องจากคราวนี้เขาคงผละตัวมาช่วยดงแฮอย่างคราวที่งานเลี้ยงนั้นไม่ได้เป็นแน่ ร่างเล็กพยักหน้ารับถึงคิบอมจะไม่พูดอะไรออกมาแต่เขากลับเข้าใจสิ่งที่เด็กหนุ่มกำลังคิดอยู่ เพียงแค่สายตาที่สบประสานกันมันก็มากเกินพอแล้ว กลีบปากสีอ่อนแย้มยิ้มก่อนอัจฉริยะหนุ่มจะใช้ด้ามปืนฟาดศีรษะโดยยั้งมือไว้ไม่ให้แรงจนเกินไป
ร่างของเจ้าหน้าที่ฝ่ายพิสูจน์หลักฐานผู้น่ารักสลบไม่ได้สติ คิบอมลูบรอยแดงบริเวณขมับที่เกิดขึ้นจากฝีมือของเขาเองอย่างทรมานใจ เขาไม่ได้อยากให้ดงแฮต้องเจ็บอย่างนี้...แต่เพื่อความปลอดภัยของตัวร่างเล็กเองเขาจึงต้องจำใจทำ ความจริงพวกเขาก็รู้กันดีอยู่แล้วว่าความรักของพวกตนนั้นเป็นสิ่งอันตราย มันเป็นเหมือนกับแก้วที่ถ้าหล่นลงพื้นแล้วก็พร้อมจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ทันที สิ่งที่พวกเขาทั้งคู่จะต้องเผชิญหลังจากนั้น คือ ความหวังที่ว่างเปล่า...
อัจฉริยะหนุ่มตัดใจลุกยืนก่อนจะหันมาพบกับนัยน์ตาสีน้ำผึ้งที่มองมาทางเขาอย่างโกรธแค้นที่เขาทำร้ายดงแฮ แต่คิบอมก็ยังคงเมินเฉยไม่ได้สนใจสายตาคู่นั้น มือใหญ่จับผ้าให้คลุมหน้าตัวเองจนมิดดังเช่นก่อนหน้านี้ เด็กหนุ่มเดินผ่านชางมินไปหยุดอยู่ตรงหน้าจุนซู แล้วย่อตัวลงเพื่อช้อนตัวร่างเล็กขึ้นมา คิบอมใช้สายตาสำรวจไปบนผิวขาวที่คงเหลือร่องรอยช้ำแดงไปทั่ว...ยิ่งรู้มามันเกิดจากอะไรก็ยิ่งเจ็บแค้นมากกว่าเดิม…
“ระวังตัวให้ดีล่ะ...บอกไว้ก่อนนะว่าถึงคนที่ถูกฆ่าเป็นนาย ฉันก็จะไม่เสียใจเลยสักนิด เพราะสิ่งที่พวกนายทำกับพี่จุนซูมันมากเกินกว่าพวกเราจะรับได้ เตรียบรับการลงทัณฑ์จาก DL ให้ดี โดยเฉพาะเพื่อนของนายที่บีบให้พี่จุนซูต้องฆ่าตัวตาย เขาจะต้องมีชะตากรรมไม่ต่างกัน!!” คิบอมกัดฟันพูดด้วยความเจ็บปวด สภาพของร่างเล็กที่เคยสดใสบัดนี้เหลือเพียงร่องรอยของความเจ็บปวดก่อนตาย สองแขนโอบกอดร่างไร้ลมหายใจของอดีตเจ้าหญิงผู้น่ารักเอาไว้ นัยน์ตาสีอำพันสั่นเทาและพร่ามัว...
“รู้ไว้นะชางมิน...นายรู้จัก ’King’ แห่ง DL น้อยเกินไป แล้วนายจะต้องเสียใจที่ทำให้คนๆ นั้นโกรธ...” เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกได้ถึงแววตำหนิต่ออดีตเพื่อนรัก จริงอยู่...เขาอาจไม่กล้าฆ่าชางมินด้วยมือตัวเอง แต่ถ้าเป็นยูชอนหรือแจจุงก็ไม่แน่ และเขาก็คงห้ามไม่ได้...อันที่จริงคงไม่ห้ามมากกว่า...
“เดี๋ยว!! คิบอม!!” ชางมินพยายามเรียกแต่มันก็ไม่มีประโยชน์เมื่อคิบอมไม่คิดจะหันกลับไปอีก อัจฉริยะหนุ่มรู้ดีการเปิดฉากต่อสู้กันระหว่าง DL กับหน่วยปราบปรามพิเศษครั้งที่สองกำลังจะเริ่มขึ้น และครั้งนี้มันจะไม่มีวันจบลงด้วยความตายของเหยื่อเพียงคนเดียวดังเช่นในครั้งแรก...
ขณะเดียวกันทางด้านซองมินที่ถูกคยูฮยอนไล่ตามก็วิ่งวนไปมาจนมาถึงทางตันที่มีเพียงหน้าต่างบานเดียว ขาเรียวที่วิ่งมาต้องหยุดชะงักเมื่อไม่สามารถไปต่อได้อีกแล้ว ร่างเล็กจำต้องหันกลับมาเผชิญหน้ากับบุคคลที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพื่อนสนิทและบุคคลที่เขารักที่สุด... มือเล็กถือปืนไว้ตรงหน้าเพื่อห้ามไม่ให้ชายหนุ่มเข้ามาใกล้ได้
“อย่าเข้ามานะ!!”
“ซองมิน...” น้ำเสียงทุ้มแสนละมุนเรียกชื่อเจ้าของเส้นผมสีทองที่แล่บออกมาจากผ้าคลุมที่ปิดไว้ไม่มิดคล้ายจะวิงวอนขอร้อง พร้อมกับก้าวขาเดินมาอย่างไม่หวาดหวั่นต่อปืนที่ร่างเล็กถืออยู่เลยสักนิด จนซองมินต้องจำใจลั่นไกไปที่พื้นหน้าคยูฮยอนเพื่อสกัดกั้นไม่ให้ชายหนุ่มเดินเข้ามาอีก
“ขอร้องล่ะ อย่าเข้ามา...ฉันไม่อยากทำร้ายนาย” ซองมินลดปืนลงพร้อมกับเลื่อนผ้าคลุมออกช้าๆ นัยน์ตาของคนทั้งคู่สบประสานกันราวกับต้องการหาคำตอบในกระทำของอีกฝ่าย
“ทำไมล่ะซองมิน? ทำไมตอนนั้นนายถึงหายตัวไป? แล้วทำไมต้องกลับมาในคราบของปีศาจแบบนี้ด้วย!!?” เสียงคนที่ตะโกนถามอย่างอัดอั้นคือตำรวจหนุ่มผู้เข้าร่วมกับหน่วยปรามปรามพิเศษนี้ด้วยเหตุผลเพียงอย่างเดียวคือการพบกับซองมิน ถึงแม้ว่านั้นจะหมายถึงการที่เขาจะต้องเป็นศัตรูของร่างเล็กก็ตาม
“ลืมไปแล้วเหรอ…? ไหนบอกว่าพอกลับมาแล้ว...มีเรื่องที่อยากพูดด้วยไม่ใช่เหรอ? ฉันสัญญาว่าจะฟังแล้วนี่นา…ฉันกลับมาเพื่อฟังเรื่องนั้นยังไงล่ะ…” นัยน์สีอ่อนยามนี้ทอประกายเด็ดเดี่ยว หากแต่แฝงไปด้วยความเจ็บปวด ด้วยเรื่องราวที่เขาไม่อาจบอกให้คยูฮยอนได้รับรู้ ถึงเสี้ยวชีวิตอันโหดร้ายที่เขาต้องผ่านมันมาเพียงลำพัง
“ซองมิน... ”
“ฉันรู้ดีว่าไม่ควรทำ แต่ถ้าได้เจอนายอีกครั้งละก็... ถ้าทำตามที่สัญญาเอาไว้ได้ละก็ ไม่ว่าอะไรฉันก็ยอมทั้งนั้น…ถึงต้องทำเรื่องที่เลวร้ายที่สุดในฐานะที่เป็นมนุษย์ ถึงต้องยอมทิ้งศักดิ์ศรีและความดีงามทุกอย่างก็ตาม…” เสียงแหบหวานสะอื้นไห้ ไม่รู้ว่าเพราะสิ่งที่กำลังพูดหรือความสูญเสียที่พึ่งได้รับมากันแน่ “ฉันก็ยังอยากเจอนาย…เพราะว่าฉัน….ฉันรักนายมานานแล้ว“ คำสารภาพของซองมินทำให้คนที่ได้ยินถึงกับอึ้ง เขาไม่เคยคิดเลยว่าเหตุผลของร่างเล็กคือเรื่องนี้ เขาคิดแต่ว่าซองมินทรยศเขา...หักหลังเขา... ไม่เคยรู้เลยว่าตัวเขาเองนั่นแหละที่เป็นสาเหตุให้ซองมินเข้าร่วมกับ DL
“ซองมิน...ฉัน...” ชายหนุ่มพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ร่างเล็กไม่ยอมรอที่จะฟัง ซองมินเดินถอยหลังไปหยุดอยู่ที่หน้าต่างกล่าวถ้อยคำลาเพียงแผ่วเบา
”แต่ก็ช่างเถอะ มันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว ในเมื่อนายเลือกที่จะเข้าข้างความถูกต้องของนายโดยการฆ่าพี่ชายที่แสนดีของฉัน... เราคงไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก...” นัยน์ตาสีอ่อนเหลือบมองคนที่เขารัก ก่อนจะทิ้งร่างของตนผ่านบานกระจกด้านหลังไป เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนตำรวจหนุ่มตั้งตัวไม่ทัน
“ซองมิน!!” คยูฮยอนวิ่งไปด้วยความตกใจ หากแต่เมื่อชายหนุ่มมองผ่านหน้าต่างออกไปกลับพบเพียงเศษกระจกที่แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยตกลงสู่พื้นเบื้องล่าง ไม่พบร่างของซองมินอย่างที่ควรจะเป็น…
.
.
“Knight! นี่ Guardian ...ทางนายเป็นไงบ้าง?” เสียงหวานดังปนเสียงหอบแสดงออกถึงเหนื่อย เมื่อติดต่อไปหาอัจฉริยะหนุ่มทั้งที่กำลังวิ่งอยู่บนทางเดินชั้น 8 ของอาคารแห่งนี้ สาเหตุที่ซองมินไม่ตกไปข้างล่างก็เนื่องจากก่อนจะพุ่งตัวออกมาร่างเล็กใช้สายสลิงพันราวหน้าต่างด้านบนไว้อยู่ก่อนแล้ว พอออกมาก็โรยตัวลงมาให้ได้ระดับพร้อมกับอาศัยแรงเหวี่ยงตามธรรมชาติพุ่งเข้าชนหน้าต่างที่อยู่ตรงกันซึ่งอยู่ที่ชั้น 8 ด้วยเสียงที่ดังขึ้นต่อเนื่องกันทำให้คยูฮยอนไม่ทันได้สนใจ กว่าชายหนุ่มจะพุ่งตัวไปถึงหน้าต่าง ซองมินก็เข้ามาด้านในได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“แล้วนายคิดว่าไง?” คำตอบกวนโอ๊ยที่คงเรียกอารมณ์ขุ่นเคืองได้ในยามปกติ หากแต่ร่างเล็กรู้ว่าที่คิบอมตอบแบบนั้น เพราะต้องการหลีกเลี่ยงที่จะพูดมันออกมาต่างหาก
“ก็ดี...แล้วจะเอาไงต่อ?” ไม่จำเป็นที่ซองมินจะต้องบอกสถานที่อยู่ของตัวเอง เพราะคิบอมสามารถรู้ที่อยู่ของเขาจากพ็อกเก็ตพีซีได้อยู่แล้ว
“เจอกันชั้น 9 หน้าลิฟต์ อ่อ...เกือบลืมไป มีคำสั่งจาก Angel…” ร่างเล็กหยุดวิ่งเพื่อเงี่ยหูรอฟังคำสั่งที่เปรียบดังประกาศิตจากสวรรค์ “Red Moon”
“รับทราบ” ซองมินตอบรับคำสั่งก่อนจะเริ่มออกวิ่งไปอีกครั้ง ร่างเล็กนึกทบทวนคำสั่งของนางฟ้าแห่งองค์กร 'Red Moon' เป็นคำสั่งที่อนุญาตให้ฆ่าใครก็ตามที่มาขัดขวางการทำงานของพวกเขา จองซูไม่เคยใช้คำสั่งนี้...นี่เป็นครั้งแรก บ่งบอกถึงความโกรธที่มากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แล้วพวกตำรวจจะต้องเสียใจที่คืนนี้...พระจันทร์จะต้องกลายเป็นสีเลือด!!!
.
.
.
ขณะเดียวกันทางด้านยูชอนและแจจุงที่กำลังทำหน้าที่เหยื่อล่ออยู่กำลังตกที่นั่งลำบากในเมื่อตอนนี้พวกเขากำลังวุ่นวายอยู่ตำรวจที่กัดไม่ปล่อย เพราะกฎที่ห้ามฆ่าคนนอกเหนือจากเป้าหมายทำให้ทั้งคู่ไม่สามารถลงมือได้อย่างเต็มที่ ในขณะที่คิบอมก็ไม่ส่งข่าวมาสักที นางพญาคนงามขมวดคิ้วเรียวเข้าหากันด้วยความหงุดหงิดกับความช้าเกินควรที่ไม่น่าเป็นไปได้ของอัจฉริยะหนุ่ม แต่ดูเหมือนแจจุงจะไม่ต้องรอนานอีกต่อไป
“King ,Queen นี่ Knight ทางนั้นเป็นไงบ้าง?” เสียงที่ติดต่อมาของคิบอมฟังดูแหบและเบากว่าปกติ แต่แจจุงแทบไม่ได้สนใจเลย เมื่อสิ่งที่เขาต้องการคือสภาพของคนที่ถูกจับไว้ต่างหาก
“ก็พอไหว...แล้ว Princess ล่ะ?” แต่ร่างบางกลับไม่ได้รับคำตอบใดๆ จากอัจฉริยะหนุ่ม นอกจากจุดหมายปลายทางที่เป็นจุดนัดพบ
“หน้าลิฟต์”
“รับทราบ” เสียงหวานกับทุ้มตอบรับพร้อมกัน ก่อนใบหน้าสวยจะพยักหน้าส่งสัญญาณให้ยูชอน ชายหนุ่มพยักหน้ารับให้แจจุงล่วงหน้าไปก่อน ขณะที่เจ้าตัวอยู่สกัดการติดตามของพวกตำรวจโดยการเปาก้อนกลมๆ สามลูกไปเพื่อให้มันระเบิดจนออกเกิดเป็นควันสีขาวกินวงกว้างซึ่งสามารถบดบังทั้งการมองเห็นและสกัดการเคลื่อนไหวไปได้พร้อมๆ กัน ควันที่กระจายไปทั่วทำให้พวกตำรวจไม่สามารถทำอะไรได้ในขณะที่ควันเหล่านี้ไม่ได้มีผลอะไรกับ King แห่ง DL ที่ยังเคลื่อนไหวและมองเห็นได้อย่างสบายๆ ชายหนุ่มยิ้มมุมปากอย่างพึ่งพอใจในผลงานของตัวเองก่อนจะรีบตามไปที่จุดนัดพบ
ใช้เวลาเพียงไม่ถึงสองนาทีแจจุงก็มาถึงหน้าลิฟต์ของชั้น 9 คิบอมกำลังยืนหันหลังให้กับพวกเขาอยู่ โดยมีซองมินยืนอยู่ด้านข้าง นางพญาคนงามที่ล่วงหน้ามาก่อนยูชอนเพียงไม่กี่ก้าวกำลังจะต่อว่าคนมาช้า หากแต่คำพูดนั้นต้องชะงักไป เมื่อคิบอมหันกลับมาพร้อมกับร่างไร้ลมหายใจที่อยู่ในอ้อมแขน อัจฉริยะหนุ่มได้แต่ก้มหน้าลงกับพื้นนิ่งไม่กล้าสบตากับแจจุง
“นี่นายล้อฉันเล่นเหรอจุนซู? แบบนี้ฉันไม่ขำนะ...รู้รึเปล่า?” เสียงหวานที่เอื้อนเอ่ยเบาซะจนแทบไม่ได้ยิน มือเรียวลูบใบหน้าน่ารักที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำด้วยหัวใจที่เจ็บปวดราวกับมีใครกำลังบีบหัวใจเขาอยู่ หยดน้ำใสๆ ไหลอาบพวงแก้มขาวอย่างไม่อาจหักห้ามได้ “ตื่นขึ้นมาสิ... ตื่นขึ้นมาบอกฉัน บอกยูชอน บอกทุกคนว่านายแค่ล้อเล่น... ได้โปรดจุนซู...”
ตุบ!!
เสียงของสิ่งหนึ่งที่มีน้ำหนักจำนวนไม่น้อยตกลงกระแทกพื้นเกิดเสียงดัง ทั้งสามคนหันไปตามเสียงนั้นพร้อมกัน คนที่ปรากฏอยู่ตรงนั้นคือ King แห่ง DL ที่พึ่งตามมา นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจับจ้องสิ่งที่อยู่ตรงหน้าราวกับไม่อยากจะเชื่อว่ามันเป็นความจริง ริมฝีปากสั่นน้อยๆ แต่ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา
จุนซู...ทำไมตัวนายถึงชุ่มไปด้วยเลือดแบบนี้ล่ะ?
เร็วเข้าสิ ลุกขึ้นมา เรามีนัดกันวันนี้ไม่ใช่เหรอ?
ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่แบบนี้...ใช่ไหมจุนซู?
นายไม่เคยผิดสัญญากับฉันนี่!!
ยูชอนก้าวสองขาที่แทบไม่มีแรงไปข้างหน้า ทีละก้าว...ทีละก้าว อยากจะวอนขอให้ระยะทางที่แสนใกล้ให้ยืดยาวออกไป แต่สิ่งที่เขาหวังไว้มันไม่มีทางเป็นจริงเมื่อร่างไร้ลมหายใจของคนรักเด่นชัดอยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มรับร่างนั้นมากอดไว้แนบอกก่อนจะค่อยๆ ย่อตัวลงนั่ง มือขวาที่ว่างอยู่ลูบเส้นผมนุ่มไล่ลงมาที่ผิวสัมผัสอันเย็นเฉียบไร้ความอบอุ่น
ที่รัก...
ลืมตาสิ...ได้โปรด
หยดน้ำเล็กๆ หยดลงบนผิวแก้มที่แดงช้ำ ยูชอนก้มศีรษะลงต่ำซุกหน้าลงกับหน้าอกของร่างเล็กที่อยู่ในอ้อมแขน ใช้หูบรรจงแนบลงตรงอกด้านซ้าย บาดแผลที่ยังคงเห็นเป็นรอยชัดเจนในสายตาของเขา
ไม่ได้ยินอะไรเลย...
ไร้ซึ่งเสียงเต้นของหัวใจ ไร้ซึ่งเสียงสัญญาณชีพแห่งความหวัง ไร้ซึ่งพลังที่จะยืนหยัดต่อบนโลกอันแสนโหดร้าย ยังจะเหลืออีกหรือความหวังที่จะได้กลับมาพบ... ได้พูดคุย... ได้ยินแว่วเสียงหวาน... ได้เห็นหยาดน้ำตา... ได้เห็นแววตาที่ทอประกายแฝงความนัยอันหวานซึ้ง รสสัมผัสยังคงตราตรึงมิเลือนหาย กลิ่นกายอันหอมกรุ่นยังติดอยู่ที่ปลายจมูก ไม่มีอีกแล้วสินะ...วันคืนแห่งความสุขเหล่านั้น
“เล่ามา คิบอม...มันเกิดอะไรขึ้น!?” น้ำเสียงหวานแฝงแววเย็นชาถามอัจฉริยะหนุ่มที่ยังนิ่งไม่ยอมพูดอะไรออกมา คิบอมรู้ว่าไม่เพียงแค่แจจุงที่ต้องการได้ฟังสาเหตุที่จุนซูฆ่าตัวตาย แต่ยังรวมถึงยูชอนและซองมินที่เขายังไม่ได้บอกอีกด้วย เด็กหนุ่มถอนหายใจแผ่วให้กับตัวเองระบายความหนักอกให้ออกมาเป็นเพียงธาตุอากาศแม้มันจะไม่สามารถลบเลือนอะไรออกไปได้เลยก็ตาม ก่อนจะเล่าทุกอย่างที่เขาได้ยินมาจากดงแฮให้ทุกคนฟัง ยูชอนรับฟังด้วยอาการสงบนิ่ง แต่กับแจจุงนั้นแปลกออกไป เพียงแค่ฟังร่างบางก็รู้ได้ในทันทีว่าอึนฮยอกเข้าใจผิด คิดว่าเขาเป็นจุนซู...นี่เป็นเพราะเขาใช่ไหม?
เสียงฝีเท้าดังก้องใกล้เข้ามา ควันที่ใช้เพื่อสลัดการติดตามไว้คงเบาบางลงจนไม่อาจสกัดการเคลื่อนไหวของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ได้อีกต่อไป ตำรวจหลายสิบนายกำลังเล็งปืนมาที่พวกเขา หลายคนในนั้นต่างก็คุ้นหน้าคุ้นตากันดี ตำรวจที่เป็นแกนนำสำคัญจากหน่วยปราบปรามพิเศษต่างอยู่กันเกือบครบทั้ง ยุนโฮ คังอิน อึนฮยอก และหัวหน้าใหญ่ ผบ.ซูมาน
จวบจนบัดนี้แล้วยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ จากเหล่านักฆ่าผู้สูญเสีย คิบอมกับซองมินมองดูบริเวณรอบข้างที่ไร้หนทางหนีด้วยสายตาว่างเปล่า ขณะยูชอนยังคงนั่งนิ่งอยู่กับร่างไร้ลมหายใจในอ้อมแขน แจจุงยืนอยู่เหนือยูชอน ใบหน้าสวยหวานใต้ผ้าคลุมก้มนิ่งขณะที่มือเรียวกำอาวุธในมือแน่น
“ยอมแพ้ซะเถอะ พวกแกถูกล้อมไว้หมดแล้ว!!” เสียงแหบพร่าสั่งอย่างวางอำนาจมาจาก ผบ.ซูมาน ผู้มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าของหน่วยปราบปรามพิเศษ ที่กำลังได้ใจเนื่องจากเขาคิดว่าพวก DL จะไม่ฆ่าคนที่ไม่ใช่เป้าหมาย
“คำสั่งล่ะ?” นางพญาคนงามเอ่ยเสียงเบาให้พวกเขาได้ยินกันแค่สี่คน
“Red Moon” อัจฉริยะหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียบราบเรียบแผ่วเบาราวเสียงกระซิบ แจจุงพยักหน้ารับและหันกลับไปเผชิญหน้ากับพวกตำรวจ
“ส่งตัวคนที่ฆ่าจุนซูออกมาซะ!! ถ้าพวกแกยังไม่อยากตาย!!” นางพญาคนงามประกาศก้อง แม้คำสั่งที่จะได้รับจะอนุญาตให้สามารถฆ่าคนได้ตามสบาย แต่ถ้าอย่างน้อย...ถ้าพวกตำรวจจะยอมส่งตัวคนที่ทำร้ายจุนซูออกมาแต่โดยดี เขาจะยอมละเว้นให้สักครั้งหนึ่งก็ได้
“คิดว่าคำขู่นั่นจะใช้ได้เรอะ! ยอมให้จับซะโดยดีเถอะ พวกแกไม่มีทางหนีไปได้หรอก!!” คำตอบจากคนที่ตกเป็นฆาตกรยังเย่อหยิ่งได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ร่างบางกลับยิ้มรับบางๆ นัยน์ตาสีนิลทอประกายเย็นชาและเรียบนิ่งท่ามกลางความมืดมิดแห่งรัตติกาล
“ภาวนาซะสิ...ภาวนาให้คืนนี้พวกแกรอดตาย” น้ำเสียงหวานที่แฝงไปด้วยอำนาจสังหารแผ่กระจายกว้างทั้งๆ ที่คำพูดนั้นไม่ได้ดังไปกว่าเสียงกระซิบเท่าไหร่เลย แต่ผู้คนโดยรอบกลับรู้สึกเหมือนกับว่ามันกำลังดังก้องไปมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด มือเรียวกระชับมีดที่อยู่ในมือซ้ายให้มั่นคง รวมทั้งปืนสั้นที่อยู่ในมือขวาซึ่งบรรจุกระสุนไว้เต็มกระบอก
“แต่บอกให้รู้เอาไว้เลยนะ ว่าคืนนี้ต่อให้เทพเจ้าองค์ไหน...ก็ช่วยพวกแกไม่ได้!!!” สิ้นเสียงหวานนางพญาคนงามก็พุ่งตรงเข้าไปข้างหน้าอย่างไม่ลังเล นายตำรวจที่ตั้งแถวอยู่ตกใจจนลั่นไกออกไปทั้งที่ไม่มีคำสั่งจากผบ.ซูมาน หากแต่แจจุงก็หลบมันได้หมด ขบวนของพวกตำรวจที่ตั้งไว้แตกออกไม่เป็นแถวเป็นแนว อึนฮยอกฉวยโอกาสนี้รีบหนีเข้าไปด้านในเพราะอะไรๆ เริ่มไม่เป็นไปอย่างที่เขาคิด
คิบอมสไลด์ตัวเข้าไปคว้าปืนที่ยูชอนทำหล่นไว้ในตอนแรก และใช้มันเป็นอาวุธ ขณะที่ซองมินใช้กระบองที่เป็นอาวุธประจำตัว ทิ้งให้ยูชอนอยู่กับจุนซูเพียงลำพัง ชายหนุ่มอุ้มร่างของคนรักขึ้นออกไปหลบตรงมุมบันไดแห่งหนึ่งห่างออกการต่อสู้ออกมาเล็กน้อย ก่อนจะกลับไปต่อสู้ร่วมกับคนอื่น น้ำเสียงทุ้มประกาศกร้าวด้วยความโกรธ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มฉายแววอาฆาต จิตสังหารอันรุนแรงแผ่ออกจนคนที่รู้สึกได้ถึงกับขนลุกซู่
“พวกแกต้องชดใช้ สิ่งที่พวกแกทำ...ด้วยความตาย!!!” ไม่มีการพูดพร่ำทำเพลงอะไรทั้งนั้น ร่างสูงพุ่งเข้าไปล็อคแขนของนายตำรวจคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ตัว หักแขนข้างที่ถือปืนไว้อย่างรวดเร็วพร้อมกับมือที่แทงทะลุหน้าอก ความสยดสยองแบบที่ใครเห็นก็ต้องกระอักกระอ่วน จนบางคนเกิดความคิดอยากจะหนีขึ้นมา แต่มันก็สายเกินไป...พวกเขาพลาดไปตั้งแต่ที่คิดจะเปิดกล่องแพนโดร่าที่ชื่อว่า DL แล้ว
เสียงสายลมหวีดหวิวพัดเข้ามาตามช่องทางต่างๆ อย่างต่อเนื่องเป็นเรื่องปกติ หากแต่คราวนี้กลับมีสิ่งใหม่เพิ่มเข้ามา... กลิ่นคาวเลือด
เบื้องหน้าคือนายตำรวจคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ ป้ายเจ้าหน้าที่บนหน้าอกระบุเอาไว้ชัดเจน...ชองยุนโฮ มือเรียวทิ้งกระบอกปืนไร้ประโยชน์ที่ปราศจากลูกกระสุนลงกับพื้นเหลือเพียงมีดสั้นที่อยู่ในมือซ้ายซึ่งอาบเลือดจนชุ่ม นัยน์ตาสีรัตติกาลใต้ผ้าคลุมมองชายหนุ่มด้วยแววตาสงบนิ่ง
“พวกนายทำเกินไป...แจจุง!!”
“แล้วที่พวกนายทำมันถูกต้องแล้วเหรอ!? บีบบังคับให้คนๆ หนึ่งต้องฆ่าตัวตาย แบบนี้น่ะเหรอที่นายบอกว่ามันถูกต้อง!!” น้ำเสียงหวานตะคอกกลับด้วยความเจ็บปวดที่ชายหนุ่มสัมผัสได้ ยุนโฮจำต้องก้มหน้านิ่งเมื่อสิ่งที่ถูกถามกลับมาคือความผิดที่เขาไม่อาจปฏิเสธได้
“ส่งตัวอึนฮยอกมาเถอะ...ยุนโฮ” นางพญาคนงามพยายามจะเจรจาต่อรองทั้งที่รู้ยุนโฮไม่มีทางยอมทำตามที่เขาขอแน่ๆ แต่ก็อยากจะลองดูเพราะเขาเองก็ไม่อยากสู้กับยุนโฮ พอๆ กับที่ยุนโฮไม่อยากสู้กับเขานั่นแหละ
“ส่งไปให้นายฆ่าอย่างนั้นเหรอ? ฉันทำแบบนั้นไม่ได้หรอก!” ชายหนุ่มปฎิเสธข้อเสนอของแจจุงทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าช่วงเวลาที่แสนทรมานจิตใจดำเนินมาถึงแล้ว คำที่ร่างบางเคยพูดไว้ตอนเจอกันครั้งสุดท้ายกำลังจะเป็นจริง..!!
“ยุนโฮ...อย่าคิดว่าฉันว่าฉันไม่กล้าฆ่านายนะ...” เสียงหวานเปรยถ้อยคำขู่แสนเย็นชาไร้เยื่อใย แต่ชายหนุ่มก็รู้...ว่าถ้าทำได้แจจุงก็ไม่อยากจะทำแบบนี้เหมือนกัน ร่างสูงยิ้มตอบรับคำพูดของนางพญาคนงาม ด้วยคำว่า ‘หน้าที่’ เขาไม่อาจทำอย่างอื่นได้นอกจาก...
“ก็ลองดูสิ...” คำพูดท้าทายจากตำรวจหนุ่มเรียกให้นางพญาคนงามเริ่มการโจมตีทันที ร่างบอบบางวิ่งตรงเข้าไปคล้ายจะพุ่งเข้าใส่แบบตรง แต่พอถึงหน้ายุนโฮ ร่างบางกลับกระโดดกลับตัวไปอยู่ด้านหลังชายหนุ่มแทน มือซ้ายที่ถือมีดเงื้อขึ้นสูงตวัดฟันลงมาอย่างแรง แต่ยุนโฮขยับตัวกลิ้งหลบคมมีดนั้นได้ทันก่อนที่มันจะถึงตัวเขาเพียงเสี้ยววินาที ร่างบอบบางทำเสียงจิจ๊ะในลำคออย่างไม่พอใจ แต่ก็เคลื่อนไหวตามชายหนุ่มไปทันที
ยุนโฮม้วนตัวขึ้นมายืนอย่างรวดเร็วแต่แล้วก็ต้องเอี้ยวตัวหลบแจจุงที่ฟาดมีดลงมาอีกครั้ง ดูเหมือนการต่อสู้กับคนจำนวนมากจะทำให้แรงของ Queen แห่ง DL ลดน้อยถอยลงไป ความเร็วของร่างบางจึงช้ากว่าปกติจนชายหนุ่มสามารถปัดมีดนั้นออกจากมือเรียวนั้นได้ ตัวมีดกระเด็นออกห่างไปไม่ไกลนัก แต่แจจุงก็ไม่ได้สนใจจะเก็บมัน ถึงจะไร้ซึ่งอาวุธแต่ใช่ว่าจะเสียเปรียบในเมื่อมือของเขาก็คืออาวุธอย่างหนึ่ง
นางพญาคนงามพุ่งตรงเข้าหาชายหนุ่มอีกครั้ง ก่อนจะใช้วิธีเดียวกับตอนแรกคือกระโดดไปด้านหลัง แต่คราวนี้ยุนโฮรู้ทัน ชายหนุ่มรอจังหวะที่พอดีจับตัวร่างบางทุ่มลงกับพื้น แต่แจจุงก็ไว้พอที่จะใช้มือข้างหนึ่งเป็นฐานพลิกกลับตัวลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง ทว่าร่างสูงก็ตามจะชกเข้าที่ท้องหากแต่มือเรียวกลับปัดมือนั้นออกได้ก่อน
ยุนโฮจึงดึงมือกลับไปเล็กน้อยก่อนจะกระแทกกลับเข้าไปใหม่โดนหัวไหล่ด้านซ้ายเข้าอย่างจังจนแจจุงถึงกับต้องถอยร่นไปด้านหลัง... ความเจ็บปวดแล่นแปลบขึ้นมาจากบริเวณที่โดนชกจนนางพญาคนงามต้องกุมหัวไหล่ข้างนั้นไว้ ร่างสูงได้ทีพุ่งเข้าจะโจมตีต่อเนื่องแต่แจจุงก็ไวพอที่จะย่อตัวลงกวาดท่อนขาเรียวตวัดเตะขาชายหนุ่มจนร่างสูงทรงตัวไม่อยู่ แจจุงไม่ปล่อยให้โอกาสนี้พลาดไป มือเรียวคว้าด้ามมีดที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาก่อนกระโดคร่อมตัวชายหนุ่มไว้ แต่สองมือของชายหนุ่มก็จับข้อมือเรียวนั้นได้ก่อนที่มันจะถูกฟาดลงมา
“ทำไมนายต้องขัดขวางฉัน?!” ทั้งสองยังคงยื้อยุดกันอยู่อย่างนั้นจนในที่สุดยุนโฮก็เป็นฝ่ายยอมแพ้ ด้วยไม่อาจต้านแรงกดที่หนักหน่วงของร่างบางได้ ชายหนุ่มผ่อนแรงลงปล่อยให้ข้อมือเรียวทั้งสองเป็นอิสระ ขณะที่ร่างบางก็หยุดชะงักไปด้วยไม่เข้าใจในการกระทำของชายหนุ่ม
“แทงเลยสิ!! แทงลงมาตรงหัวใจนี่เลย!! แต่นายจะเจ็บหน่อยนะ เพราะในนั้นน่ะ...มีนายอยู่” เสียงทุ้มเอ่ยถ้อยคำสุดท้ายเพียงแผ่วเบา ก่อนจะหลับตาลงเตรียมใจรับกับความเจ็บปวดที่กำลังจะเกิดขึ้น อยู่ๆ ยุนโฮก็รู้สึกได้ถึงหยดน้ำหยดหนึ่งที่ร่วงหล่นลงบนผิวแก้ม พอลืมตาขึ้นมาก็พบกับดวงหน้าสวยใต้ผ้าคลุม นัยน์ตาสีรัตติกาลชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตา
“คิดว่าฉันอยากทำแบบนี้นักหรือไง? ทำไมยุนโฮ!? ทำไมต้องเป็นนาย!!?” มือเรียวกระชากคอเสื้อชายหนุ่มทั้งน้ำตา มือใหญ่เช็ดหยดน้ำเหล่านั้นออกอย่างอ่อนโยน สัมผัสอบอุ่นกลับเรียกความอ่อนแอที่พยายามเก็บซ่อนไว้ข้างในให้เปิดเผยออกมาภายนอก
“ขอโทษนะ...” ชายหนุ่มไม่รู้จะพูดอะไรได้นอกจากคำว่าขอโทษ... ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะขอโทษอะไร... แต่ก็พูดไปแล้ว มือใหญ่เลื่อนลงมาเช็ดน้ำตาออกจากแก้มขาว หากแต่เวลาไม่ได้มีให้พวกเขามากนัก คังอินกำลังตรงมาทางนี้เพราะคิดว่ายุนโฮกำลังเสียที ตำรวจหนุ่มยิงกระสุนปืนมาเพื่อขัดขวาง
ปัง!
แต่แจจุงก็ยังเอี่ยวตัวหลบทันแม้จะถูกลูกกระสุนเฉี่ยวที่ต้นแขนขวาจนเลือดซึมจากเสียงตะโกนเตือนของคิบอม นางพญาคนงามตั้งใจจะกลับไปรวมกลุ่มกับคนอื่นถ้าบังเอิญไม่สังเกตเห็นแผ่นหลังของใครที่เขาต้องการพบตัวมากที่สุดในเวลา...คนที่ทำให้จุนซูต้องฆ่าตัวตาย
แจจุงเลิกสนใจทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว สิ่งที่เขาต้องการมีเพียงชายตรงหน้าที่กำลังวิ่งหนีเขาไปทั้งนั้น เรี่ยวแรงที่เคยลดน้อยถอยลงกลับมาตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ ร่างบางวิ่งจนไล่ตามทัน มือซ้ายขว้างมีดสั้นปักเข้าไปที่ต้นขาขวาจนชายหนุ่มเสียหลักล้มลงกับพื้น Queen แห่ง DL ดึงร่างที่กองอยู่บนพื้นขึ้นและลากให้ตามเขามา อึนฮยอกตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวมือเรียวที่แตะแผ่นหลังของเขาอยู่ มือปีศาจที่ไม่รู้ว่าจะกระชากหัวใจเขาออกมาเมื่อไหร่
หลังจากแจจุงจับอึนฮยอกได้ไม่กี่วินาที ผบ.ซูมานถูกอัจฉริยะหนุ่มใช้ปืนจ่อหัวไว้เรียบร้อย เมื่อหัวหน้าถูกจับได้ การต่อสู้ก็ค่อยๆ สงบลงสภาพของเพื่อนร่วมงานที่ไร้ลมหายใจ บนพื้นที่เจิ่งนองไปด้วยของเหลวสีแดง พาเอาคนที่ยังมีชีวิตอยู่ถึงกับยินดีทั้งๆ ที่ไม่ควร แน่ละเมื่อคนธรรมดาๆ อย่างพวกเขาคิดจะไปต่อสู้กับปีศาจแห่งความตาย ไม่ต้องบอกก็รู้อยู่แล้วว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ ร่างบางลากอึนฮยอกผ่ากลางหมู่ตำรวจที่เหลือจำนวนไม่มาก ไปหาเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่ยืนเด่นอยู่ท่ามกลางกองเลือด ด้านหลังมีกระจกบานใหญ่ที่เปื้อนของเหลวสีแดงฉาน เมื่อมองผ่านออกไปก็จะเห็นพระจันทร์นอกหน้าต่างที่กลายเป็นสีเลือด...
“ยูชอน...คนนี้ ฉันยกให้นาย นายเท่านั้นที่ทำหน้าที่นี้ได้...” เสียงหวานสั่นเครือปกปิดความโกรธแค้นและเสียใจไว้ไม่มิด ชายหนุ่มรู้ดีว่าความจริงแล้วแจจุงอยากจะฆ่าผู้ชายตรงหน้าด้วยมือตนเองมากแค่ไหน แต่เพราะนางพญาคนงามเองก็รู้ว่าคนที่รู้สึกแบบนั้นยิ่งกว่าตัวเองก็คือเขา มือเรียวผลักหลังอึนฮยอกไปข้างหน้าส่งให้กับยูชอน
King แห่ง DL ใช้มือซ้ายเพียงข้างเดียวบีบคอของคนที่ทำร้ายจุนซู แรงบีบที่แรงจนเกือบทำให้ขาดใจตายเอาได้ง่ายๆ อึนฮยอกไม่มีแม้แต่เสียงที่จะร้องออกมา ขณะที่คังอินกับยุนโฮพยายามจะออกมาช่วย แต่ซองมินและคิบอมก็ไม่ยอมให้ทั้งคู่ได้ทำตามที่ต้องการ
“ถ้าพวกแกไม่อยู่เฉยๆ ไอ้แก่นี่ตายแน่” ซองมินไม่เพียงพูดขู่แต่เขายิงไปที่สีข้างของ ผบ.ซูมานทันที ผู้มีอำนาจแห่งกรมตำรวจทรุดตัวลงนั่งเมื่อไม่อาจยืนหยัดได้อีกต่อไป การกระทำที่ทำให้ไม่มีใครกล้าขยับอีกต่อไป
”รู้ไหม? ฉันเคยบอกจุนซูไว้ว่ายังไง?“ ยูชอนถามเสียงเรียบโดยไม่ต้องการคำตอบ มือใหญ่ลดแรงบีบที่คอลงพอให้อึนฮยอกได้พักหายใจหายคอ แต่ก็เพียงไม่นาน เมื่อชายหนุ่มผลักร่างของอึนฮยอกให้แผ่นหลังติดฝาผนังโดยที่มือยังค้างอยู่ที่คอไม่ไปไหน
“ใครก็ตามที่ทำให้ให้นายเจ็บปวด มันผู้นั้นจะต้องเจ็บปวดและทรมานกว่านายเป็นร้อยเท่า!!!” นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจ้องมองคนที่ตกอยู่ในกำมือเขาราวกับลูกนกตัวเล็กที่กำลังจะถูกเขาขยี้ทีละนิดให้ตายคามือช้าๆ อย่างทรมาน เหมือนแจจุงจะรู้ว่ายูชอนต้องการอะไร มือเรียวขว้างมีดสั้นอีกเล่มที่เขามีไปให้ King แห่ง DL
ยูชอนยกมือขวาที่ว่างอยูขึ้นรับทั้งที่ไม่ได้หันไปมอง มือซ้ายปล่อยให้คนในกำมือเป็นอิสระ อึนฮยอกไม่ยอมพลาดโอกาสที่จะหนี เขาคงจะสามารถหนีจากเงื้อมมือมัจจุราชที่ชื่อว่า King แห่ง DL ได้ แต่จู่ๆ เขาก็เกิดความรู้สึกเจ็บแปลบไปทั่วร่างราวกับโดนไฟช๊อตก่อนจะล้มลงไปกองกับพื้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ คราวนี้แม้จะพยายามลุกขึ้นสักเท่าใดก็ไม่เป็นผล
อึนฮยอกพึ่งจะสังเกตว่าที่ข้อมือและข้อเท้าของเขามีรอยแผลขีดเป็นเส้นสีแดงเล็กๆ คล้ายกับเส้นด้าย ก่อนจะมีเลือดจำนวนมากไหลออกมาไม่หยุด แท้ที่จริงแล้วบาดแผลเหล่านั้นเกิดจากคมมีดที่ยูชอนใช้ตัดเอ็นที่แขนและขาทั้งสองข้างอย่างแม่นยำในเวลาเพียงเสี้ยววินาที ชายหนุ่มก้าวไปกระชากร่างที่ไร้ซึ่งทางหนีนั้นขึ้นมาแล้วจับไว้ติดกับผนังเช่นในตอนแรก
“ปากนี่ใช่ไหม? ที่แกจูบจุนซู...” มีดเล่มเดิมจ่อเข้าไปที่หน้าของคนในกำมืออย่างเชื่องช้า ค่อยๆ เลื่อนจากนัยน์ตาที่ฉายแววหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด ผ่านจมูกลงมาที่ปากก่อนจะลงมือกรีดริมฝีปากบนตามด้วยริมฝีปากล่าง เสียงร้องอย่างทรมานด้วยความเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด ความรู้สึกสยดสยองแทรกซึมไปทุกอณูของความรู้สึก เลือดในกายเย็นวูบวาบ ภาพที่ทำให้คนจิตอ่อนบางคนถึงกับอาเจียนออกมาอย่างอดไม่ได้
“ฮ๊ะ...ฮึ...อ๊ากกกกกกกกก... ” เสียงร้องโหยหวนดังลั่นไปทั่วทั้งชั้น แต่มันยังไม่จบแค่นี้...ในเมื่อการลงทัณฑ์จาก DL ปีศาจแห่งโลกมืดพึ่งจะเริ่มต้น... ยูชอนขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่พอใจ
“เสียงแกนี่มันน่ารำคาญจริงๆ” ไม่เพียงพูดเปล่า ใบมีดคมกริบเฉือนผ่านต้นคอวูบเดียวไว้ราวกับลมพัด แต่คราวนี้ไม่มีเสียงใดๆ ดังมารบกวนโสตประสาทการได้ยินของชายหนุ่มได้อีกแล้ว มีเลือดไหลซึมออกมาเพียงเล็กน้อย ยูชอนจงใจตัดแค่เส้นเสียงไม่ได้ลึกถึงกับทำให้ตายได้ เพราะมันคงดูง่ายเกินไปสำหรับคนที่ทำให้จุนซูต้องเจ็บ...ต้องทรมาน
“ต่อไป...อะไรดีนะ อ๋อ! ใช่มือนี้ใช่ไหมที่ทำให้ผิวขาวๆ ต้องมีรอยช้ำ?” ยูชอนเสียบมีดเข้าไปที่ฝ่ามือแน่นให้ติดกับผนังก่อนจะดึงออกและกรีดยาวเป็นทางตามท้องแขนทั้งซ้ายและขวา ไร้ซึ่งเสียงร้องจากผู้ที่โดนทำร้าย ความเจ็บปวดแล่นริ้วไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย ทรมานจนอยากจะตายให้รู้แล้วรู้รอดไป หากแต่ชายหนุ่มก็ไม่ปล่อยให้เป็นเช่นนั้น
ยูชอนกำลังสะใจที่ได้แก้แค้น แม้จะรู้ดีอยู่เต็มอก ไม่ว่าเขาจะทำยังไงก็ไม่มีวันได้ลมหายใจของร่างเล็กคืนมา ใบหน้าหล่อคมคายใต้ผ้าคลุมกำลังหลั่งน้ำตาอย่างทุกข์ทรมาน การระบายอารมณ์กับผู้ที่พรากลมหายใจของคนรักไปจึงเป็นหนทางเดียวที่จะปลดปล่อยความเจ็บปวดในหัวใจออกไปได้บ้าง
อึนฮยอกมองยูชอนราวกับจะวอนร้องขอชีวิต นัยน์ตาของคนตกเป็นที่ระบายอารมณ์มีหยดน้ำตาที่เริ่มซึมออกมาด้วยความหวาดกลัวสุดขีด แต่ยูชอนกลับจับใบหน้าของอึนฮยอกให้มองนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของตน
“คิดเหรอว่าน้ำตาจะทำให้ฉันใจอ่อน? ตอนแกทำร้ายจุนซู เขาก็ไม่ต่างอะไรจากแกตอนนี้หรอก!!!” ชายหนุ่มใช้มีดกรีดไปที่ดวงตาทั้งสองข้างอย่างไร้ความปราณี ความโหดเหี้ยมที่ทำเอาขนลุกซู่ ต่างกับพวก DL ที่ยืนมองภาพเหล่านี้อย่างหน้าตาเฉย
“อยากตายขึ้นมาบ้างไหม?” คำถามที่อึนฮยอกส่ายหน้าปฏิเสธอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ยูชอนก็ทำแค่ปล่อยมีดอาบเลือดเล่มนั้นทิ้งลง เกิดเสียงโลหะดังเมื่อมันตกกระทบพื้นกระเบื้อง ความเงียบโรยตัวลงมาครอบคลุมบรรยากาศโดยรอบ
“แต่ฉันจะให้แกรับรู้ความเจ็บปวด แบบที่จุนซูต้องเจอ!!!” และนี่ประโยคสุดท้ายที่อึนฮยอกได้ยินจาก King แห่ง DL ก่อนทุกอย่างจะจบลง เขาไม่รับรู้อะไรอีกต่อไปแล้วนอกจากความเจ็บปวดทรมานก่อนจะสิ้นลมหายใจ... ยูชอนใช้นิ้วมือที่ถูกฝึกฝนมาเป็นอย่างดีจ้วงแทงเข้าไปบนหน้าอกด้านซ้ายควักเอาก้อนเนื้อที่กำลังเต้นออกมาปะทะกับอากาศภายนอกแล้วปล่อยมันทิ้ง ก้อนเนื้อที่พึ่งถูกดึงออกมาจากร่างกายที่เคยอยู่อาศัยยังคงเต้นเป็นจังหวะอยู่บนพื้น...
คิบอมและซองมินพยักหน้าให้กัน ก่อนคิบอมจะปล่อยร่างของหัวหน้าใหญ่แห่งหน่วยปราบปรามพิเศษให้เป็นอิสระ โดยการถีบส่งกลับไปตรงกลุ่มที่ยุนโฮกับคังอินอยู่ ซองมินขว้างลูกระเบิดควันแบบเดียวกับที่ยูชอนเคยใช้เพื่ออำพรางสายตา กว่าพวกตำรวจจะรอดพ้นจากกลุ่มควันนั้นได้ เหล่า DL ก็หายตัวกันไปหมดแล้ว
.
.
.
หยาดฝนกำลังโปรยปรายมาจากท้องฟ้าทั้งที่เป็นฤดูหนาว ราวกับท้องฟ้าก็โศกเศร้าไปกับการจากไปของเจ้าหญิงผู้น่ารัก ร่างเล็กในชุดสีขาวแสนบริสุทธิ์นอนหลับอย่างสงบอยู่ในโลงไม้สีดำบุผ้ากำมะหยี่ สองมือประสานกันวางทับช่อดอกกุหลาบสีขาวและสีแดงที่ถูกจัดอย่างประณีต สร้อยสีเงินที่มีจี้เป็นอัญมณีสีม่วงประดับอยู่บนเรียวคอสวย การจัดพิธีทางศาสนาดูจะเอิกเกริกเกินไปสำหรับองค์กรนักฆ่า พวกเขาทำได้แค่การฝังพอเป็นพิธี
“ลาจุนซูหน่อยเถอะนะ...ยูชอน” จองซูแตะไหล่เรียกยูชอนแผ่วเบา เสียงหวานแหบพร่าเกิดจากการร้องไห้ติดต่อกันอย่างหนักมาตลอดช่วงเวลาสองสามวันที่ผ่านมา ชายหนุ่มพยักหน้ารับ ก่อนจะเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ๆ ชายหนุ่มบรรจงสวมแหวนเงินที่ตั้งใจจะให้เป็นของขวัญวันเกิดกับร่างเล็กที่นิ้วนางข้างซ้ายซึ่งบนนิ้วของร่างสูงก็ปรากฏเป็นแหวนสีเงินแบบเดียวกันทุกประการ ริมฝีปากนุ่มบรรจงประทับริมฝีปากลงบนหลังมือเล็ก ยูชอนเอื้อมมืออันสั่นเทาไล้ใบหน้าน่ารักที่เย็นเฉียบอย่างนุ่มนวล แม้จะไร้หยาดน้ำตาหากแต่ความเจ็บปวดที่ฝังลึกกลับไม่ต่างกัน แม้จวบจบกระทั่งบัดนี้เขายังไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันเป็นความจริง...
การลาจาก...เป็นเรื่องที่น่าเศร้าเสมอ
การลาจาก…ทิ้งบาดแผลขนาดใหญ่ไว้ให้เสมอ
การลาจากที่น่าเศร้าที่สุดในโลก คือ การลาจากที่ไม่สามารถแม้แต่จะเห็น หรือสัมผัสคนๆ นั้นได้อีกแล้ว...
นัยน์ตาสีน้ำตาลแดง…
น้ำเสียงหวานระรื่นหู...
รสสัมผัสอ่อนหวาน...
รอยยิ้มแสนสดใส…
กลิ่นกายอุ่นละมุน...
ไม่มีวันที่เขาจะได้สัมผัสมันอีกแล้ว...
“ฉันจะตามนายไปเอง จุนซูรอฉันนะ...” จู่ๆ ยูชอนก็คว้ามีดสั้นมากรีดที่ข้อมือตัวเองท่ามกลางความตกใจของทุกคน
“ยูชอน!!” แจจุงที่ไวกว่าใครยื่นมือมารับคมมีดไว้ก่อนที่มันจะกรีดไปบนข้อมือของชายหนุ่มจนเลือดค่อยๆ ไหลซึมออกมา
“ปล่อย!! แจจุง ฉัน...ไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกแล้ว ปล่อยฉันนะ!!” มือใหญ่พยายามยื้อแย่งมีดจากร่างบางยิ่งชายหนุ่มออกแรงเท่าไหร่ คมมีดก็ยิ่งบาดลึกในมือเรียว แจจุงรู้สึกเจ็บจนเกือบจะปล่อยคมมีดไป แต่ก็แข็งใจใช้แรงที่มีทั้งหมดยื้อเอาไว้
“ไม่!! ถ้านายคิดจะตายก็ฆ่าฉันก่อนแล้วกัน ฉันจะไม่ยอมให้นายตายเด็ดขาด ฉันเสียจุนซูไปแล้ว ยังต้องให้ฉันเสียนายไปอีกหรือไง?!!” เสียงหวานตะโกนลั่นถามด้วยความเจ็บปวด พอดีกับที่มือเรียวเล็กแย่งมีดออกจากยูชอนได้สำเร็จ แจจุงจับด้ามมีดแล้วกรีดลงบนข้อมือของตัวเองอย่างไม่ลังเลทั้งที่น้ำตานองใบหน้า นัยน์ตาคู่สวยแดงช้ำด้วยความเจ็บปวด
“ฉันขอโทษ” ยูชอนดึงมีดออกจากมือร่างบาง แล้วใช้ผ้าสีขาวที่อยู่แถวนั้นพันเอาไว้อย่างหลวมๆ
“อย่าทำแบบนี้อีกนะ ฉันขอร้อง...” เสียงหวานร้องขออ้อนวอนคนที่ทำอะไรไม่คิด แต่ยูชอนทำได้เพียงพยักหน้ารับและกอดปลอบไม่ให้ร่างบางร้องไห้หนักไปมากกว่านี้
“ขอโทษนะ ฉันจะไม่ทำอีกแล้ว...ขอโทษนะ”
ที่รัก...
นายสัญญาแล้วนะ
ว่าวันหนึ่ง...เราจะได้พบกันอีก...
เพราะว่านาย...คือคนที่ฉันรัก
ต่อให้ไกลซักแค่ไหน...
...ฉันจะรอวันนั้น
…วันที่เราสองคนจะได้พบกันอีกครั้ง…
มาคราวนี้ก็ยาวได้อีก(มั้ง?) 55+
ก่อนอื่นขอสารภาพหน่อยนะค่ะว่าตอนนี้พลอยอาจจะแต่งไม่ได้ดีเท่าที่ควร
อาจจะมีภาษาประหลาดๆไปบ้าง อ่านแล้วไม่ค่อยเข้าท่ายังไงก็บอกด้วยนะค่ะ เหอๆ
ปล. ขอโทษที่อัพช้านะค่ะ นี่ก็เร่งเต็มที่แล้ว
พยายามจะแอบจิตกับปาร์คแต่ว่าไม่ไหวจริงๆ ได้แค่นั่นแหละค่ะ ไม่รู้มากไปสำหรับทุกคนไหม?
ปล2.รู้สึกถึงโศกนาฏกรรมอย่างที่เคยบอกรึยังค่ะ?
ปล3.โค้งสุดท้ายสำหรับ Forgotten Angel นะค่ะ ใครสนใจเชิญด่วน!!
ปล4.รักคนอ่านมากมายเจ้าค่ะ
ปล5.จบ (เพื่อ???)
ความคิดเห็น